เสียงคำแก้วก็ดังขึ้นหน้าห้องที่ผมเปิดประตูเอาไว้เพราะไม่คิดว่าจะมีใครเดินมา เนื่องจากห้องหมอปีย์อยู่มุมสุด และที่สำคัญไม่คิดว่าหญิงสมัยก่อนจะกล้าขึ้นมาหาผู้ชายถึงห้องนอน
คำแก้วยืนตัวแข็งทื่อราวกับต้องคำสาปทันทีที่หล่อนเห็นผมกับหมอปีย์ สีหน้าของคำแก้วบรรยายไม่ถูกว่าเธอรู้สึกอย่างไร ผมกับหมอปีย์เองก็เช่นกัน ในสถานการณ์เช่นนั้น ผมเป็นคนแรกที่ได้สติ กระโดดลุกจากเตียงออกให้ห่างจากหมอปีย์ให้ไกลที่สุด
“คำแก้ว” ผมเรียกชื่อเธอ พร้อมๆกับเรียกสติของหมอปีย์ด้วย
เมื่อเธอได้สติ คำแก้วหันไปหันมาระหว่างผมกับหมอปีย์ เหมือนกำลังพยายามเรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้า
เมื่อเธอหยุดหัน สำรับที่เธอถือมาด้วยก็ร่วงกราวลงกับพื้น เสียงเพล้งดังขึ้น แล้วคำแก้วก็วิ่งพรวดลงจากเรือนไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของผม
“คำแก้ว” ผมตกใจกับภาพที่เห็น หันไปมองหน้าหมอปีย์ เขาเองก็ตกใจไม่น้อยกว่าผม แต่ยังคงนั่งนิ่งเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เขาเองก็เห็นดีเห็นงามด้วย
และเป็นผมเองที่ต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามคำแก้ว คำแก้ววิ่งลงกระไดผ่านหน้าหนูวาดที่เดินตามมา หนูวาดเองงงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“มีอันใดกันรือเจ้าคะ” หนูวาดถาม ผมไม่ตอบได้แต่วิ่งตามคำแก้วไป แต่ไม่ทันเสียแล้ว เธอวิ่งหายกลับเรือนคุณชั้นไปแล้ว
“สน สน” ผมเรียกสน ที่เดินออกมาจากแปลงสมุนไพร “คำแก้วขึ้นมาบนเรือนได้ยังไง”
“อ้อ เธอบอกว่าจะเอาสำรับมาให้หมอปีย์น่ะ ข้าเห็นว่ายังมิค่ำมืด อีกอย่างคุณวาดก็มาด้วยจึงปล่อยให้เธอขึ้นไป”
ผมพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงด้วยความขัดใจ แต่ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น ผมจะให้สนรู้ได้อย่างไรเล่าว่า คำแก้วเดินขึ้นไปเห็นอะไร
“นายต้องทำอะไรสักอย่างนะ หมอ” ผมพูดหลังจากเดินกลับไปส่งหนูวาดที่เรือน และหวังว่าจะพบคำแก้วที่นั่น แต่เธอเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง
“คำแก้วต้องรู้แล้วแน่ๆว่าเราเป็นอะไรกัน” ผมเดินไปปิดประตูลงกลอน
“ช่างคำแก้วประไร บางทีเราว่านี่อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะบอกให้คำแก้วรู้ว่า เรามิอาจเป็นคู่ตุนาหงันที่ดีของเธอได้” หมอปีย์พูดน้ำเสียงราบเรียบ
“นายพูดอย่างนั้นไม่ได้นะหมอ” ผิดกับผมที่น้ำเสียงกระแทกกระทั้นมากขึ้น
“คำแก้วเป็นคู่หมั้นนายนะ อีกไม่นานหมอจะต้องแต่งงานกับเธอ”
“มันเป็นไปไม่ได้หรอก พ่ออัชย์ เจ้าก็รู้ดี” เขาพยายามเก็บอาการหวาดกลัวอย่างสุดกำลัง
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้หมอ ทีเรื่องของเรามันยังเป็นไปได้แล้วเลย ทั้งๆที่มันไม่ควรจะเป็น” ผมกล้ำกลืนความเจ็บปวดก้อนสุดท้ายลงคอ ก่อนจะสูดลมหายใจเต็มที่
“หมอต้องไปหาคำแก้วแล้วปรับความเข้าใจกันซะ อย่าถามเหตุผล เพราะมันมีเหตุผลเดียวที่หมอต้องทำคือ คำแก้วเป็นคู่หมั้น และหมอต้องแต่งงานกับเธอ”
“แล้วเจ้าหล่ะ เจ้าจักเป็นอย่างไร” เขาเงยหน้าขึ้นมาถาม นัยน์ตาปวดร้าวจนผมรับรู้ได้
“ไม่ต้องห่วงชั้นหรอกหมอ อีกไม่นานชั้นก็จะต้องไป ไปโดยที่ไม่มีวันกลับมาหาหมออีก” ผมไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ผมพูดจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ ผมจะยังกลับภพภูมิตัวเองได้อีกหรือไม่ แต่ถึงอย่างไร ผมก็จะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว หากไม่ได้กลับไป ผมก็จะไปอยู่ที่อื่น ที่ที่ไกลจากเขา
“ทำไมเจ้าพูดเยี่ยงนั้น”
“เรื่องระหว่างเรามันเป็นแค่ความฝันนะหมอ เหมือนที่นายเคยบอกชั้น ว่านายฝันเห็นชั้นทุกค่ำคืน ชั้นก็แค่คนในฝันของนาย ไม่มีตัวตนจริงๆหรอก ตัวจริง ความจริง และอนาคตของนายคือคำแก้ว”
ความหวาดกลัวแล่นเข้ามาในใจผมอย่างฉับพลัน ผมมันเกิดขึ้นหลังจากที่คำแก้วเห็นเราสองคน ทันทีที่ผมเห็นหน้าคำแก้ว ความรู้สึกผิดได้ถาโถมเข้าใส่ราวกับน้ำป่า มันทำให้ตัวผมชาและรู้สึกรังเกียจตัวเอง ผมกลัว ยอมรับว่าผมกลัวเกินไปที่จะยอมรับความจริงได้
“ที่ผ่านมาเจ้าไม่คิดเยี่ยงเราเลยรึ”
.
.
.
.