A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: A moment in Siam กาลครั้งหนึ่ง ณ สยาม [แจ้งข่าวจ้า] P.111  (อ่าน 1119012 ครั้ง)

Ramika

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
บทที่ ๑๔ สายน้ำที่ไหลย้อนกลับ

เสียงมือถือดังขึ้นผมก้มลงควานหาที่เบาะคนขับ รู้สึกมันไม่ชินไม้ชินมือเอาเสียเลย มีสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจก็คือ ทันทีที่ผมย้อนอดีตกลับไป สิ่งที่ติดตัวผมไปมีเพียงแค่เสื้อผ้าเท่านั้น นอกจากนั้นมันไม่สามารถติดตัวผมไปได้เลย และเมื่อตอนผมกลับมา ผมก็พบว่าสิ่งของเหล่านั้นกลับติดตัวผมอยู่ตลอดเวลา
“ครับป้า เหรอครับ อือ จะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ” แล้วผมก็กดสาย ทิ้งมือถือไว้ที่เดิมของมัน






“แม่อยู่ไหน”
“อยู่ในห้องรับแขกค่ะ คุณปอ” ผมทิ้งหนังสือที่ถ่ายเอกสารมาจากหอสมุดไว้ที่โซฟา ก่อนจะเดินตรงดิ่งไปหาแม่ซึ่งกำลังนั่งเปิดสมุดเล่มเดิม
“แม่ ตกลงพอจะมีเวลาเล่าเรื่องยายทวดให้ผมฟังรึยังหล่ะ” ผมทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามเธอ แม่เงยหน้ามองผ่านแว่นที่หนาเตอะ
ก่อนจะทิ้งสมุดบัญชีลง
“ทำไมจู่ๆถึงอยากรู้เรื่องของยายทวดแกขึ้นมา ปกติเห็นไม่แกอยากจะเข้าใกล้ยายทวดของแก”
“เอาน่าแม่  ก็ผมอยากรู้นี่นา เล่าให้ฟังเถอะ”
“ชั้นเล่าให้แกฟังก็ได้ แต่แกต้องสัญญานะว่าแกจะไปร้านอาหารกับชั้นพรุ่งนี้”
ผมเงียบไป
“ปอ ชั้นมีแกเป็นลูกคนเดียวนะ ร้านอาหารไทยเป็นสิ่งเดียวที่ยายทวดแกฝากชั้นไว้ให้แกดูแลต่อถ้าแกไม่ดูแล ชั้นคงต้อง...........” แม่เงียบไปแววตาผิดหวัง
“ก็ได้แม่ ผมจะไป เล่ามาได้รึยังหล่ะ”




บรรยากาศในบ้านตอนนี้มีเพียงเสียงแอร์ที่ทำงานไปตามปกติ บวกกับเสียงรถภายนอกที่วิ่งผ่านเป็นระยะๆ ไม่มีเสียงนกร้อง ไม่มีเสียงผู้คนคุยกับเสียงเจ๊าะแจ๊ะ ทั้งๆที่บ้านหลังนี้ใหญ่โตกว่าบ้านหมอปีย์เป็นไหน แต่ทำไม ที่นี่ถึงได้ดูไม่เหมือนบ้านเอาเสียเลย

“ยายทวดของแกรักร้านนี่มาก” แม่เริ่มเล่า “ท่านเล่าว่าท่านได้แรงบันดาลใจจากใครคนหนึ่งสมัยที่ท่านยังเด็กๆ”
“แล้วแม่พอจะรู้มั๊ยว่า พ่อแม่ ยายทวดเป็นใคร” ผมถาม
“ยายทวดแกเล่าว่า พ่อกับแม่แกเสียไปตอนโรคห่าระบาด ชั้นก็....จำไม่ค่อยได้มากนักหรอก” เธอหยิบน้ำส้มขึ้นมาหยิบ
“ยายทวดแกรักการทำอาหารไทยมาก ชั้นจำได้ว่าตอนชั้นเด็กๆ แกจับชั้นไปนั่งเจียรใบตองอยู่เป็นวัน อ้อ.........”  จู่ๆแม่ก็แสดงแววตาตื่นเต้นออกมา
“แกเคยบอกชั้นว่า ถ้าชั้นมีลูกชายให้ตั้งชื่อว่า.............อัชย์..............”
ผมอ้าปากค้าง
“กำชับนักกำชับหนาว่าให้แกชื่อนี้ให้ได้  ยายของแกเองเคยทะเลาะกับยายทวดแกเสียยกใหญ่เรื่องจะตั้งชื่อแก” แม่ยิ้ม
“อัชย์เหรอแม่ แล้วอัชย์แปลว่าอะไรหล่ะ”
“แปลว่า   ผู้อยู่เหนือกาลเวลา   ชั้นก็ไม่รู้หรอกนะว่ายายทวดแกไปเอาชื่อนี้มาจากไหน แล้วทำไมตอนที่แกเป็นเด็กถึงไม่ยอมไปถามแกเองหล่ะ”
“โธ่ แม่ ใครจะไปรู้หล่ะว่าวันหนึ่งผมจะเจอ.....................เอ่อ”
“เจออะไร”
“ไม่มีอะไรหรอก ก็ตอนนั้นยายทวดน่ากลัวนี่นา ผิวเหี่ยวๆ ปากแดงๆ เพราะกินหมากด้วย แต่ตอนนี้ ผมชักคิดถึงท่านขึ้นมาเสียแล้วสิ” ผมก้มหน้านิ่ง
“แปลกจริง ลูกคนนี้ ร้อยวันพันปีไม่เคยจะพูดถึงยายทวด”
“แล้วหนูวาด เอ้ย เอ่อ ยายทวดเคยเล่าอะไรให้แม่ฟังเกี่ยวกับ คนที่เป็นแรงบันดาลใจให้แกตอนเด็กๆอีกมั่งมั๊ยอ่ะ” ผมถามมืออยู่ไม่สุข
“ไม่รู้  ชั้นจำไม่ค่อยได้แล้ว มันนานแล้ว ว่าแต่ ตกลงพรุ่งนี้จะไปร้านอาหารกับชั้นมั๊ย”
แม่ถามผมพยักหน้าเป็นการตอบรับ







...........













วันรุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวลงมารอแม่ที่หน้าบ้าน  แต่พบว่าเธอยังไม่ตื่น ผมจึงถือโอกาสเดินชมสวนรอบบ้าน ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยเดินรอบบ้านแบบนี้เลย ผมเดินผ่านครัว แม่ครัวในนั้นมองผมอ้าปากค้าง เหมือนไม่เชื่อตาตัวเองว่าคนที่เดินดุ่มๆมองต้นกล้วยอยู่นั้นจะเป็นผม

“เห็นเด็กบอกว่าแกตื่นมาเดินรอบบ้านแต่เช้าตรู่” พ่อถาม “เป็นอะไรรึป่าว”
“อ่าวพ่อ คนตื่นเช้านี่ต้องเป็นอะไรด้วยเหรอ”
“ปล๊าว” พ่อทำเสียงสูง “ก็ร้อยวันพันปีถ้าตะวันไม่เลยหัวชั้นไม่เห็นแกจะลงมาจากห้องนอน”
“หมู่นี้ทำตัวผิดปกติค่ะคุณ เมื่อวานก็มาถามถึงยายทวด วันก่อนแม่บ้านก็บอกว่าออกไปหอสมุดแห่งชาติ” แม่เสริม
“ลูกจะรักดีนี่มันผิดมากเลยเหรอพ่อ แม่” ผมถาม
“ปล๊าว” ทั้งคู่พูดขึ้นมาพร้อมกัน





ผมขับรถ CIVIC สีขาวที่เพิ่งล้างเอี่ยมอ่องออกไปร้านโดยมีแม่นั่งอยู่ข้างๆ
“ชั้นชักจะไม่ไหวกับร้านยายทวดแกแล้วนะ นับวันยิ่งทำให้ทุนหายกำไรหด พาลฉุดกำไรจากร้านอิตาเลี่ยนแถวสุขุมวิทตกลงไปด้วย” แม่บ่น
“แล้วแม่จะทำไง”
“ก็ถ้ามันยังเป็นยังงี้อีก เห็นทีชั้นคงต้องปิดไปเปิดเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแทน พอดีมีคนสนใจจะมาร่วมหุ้น” แม่พูด ผมรู้สึกใจหายขึ้นมาทัน
ร้านอาหารแห่งนี้เป็นที่วิ่งเล่นของผมตั้งแต่ยังเป็นเด็ก จำได้ผมเคยยกทอดมันกุ้งหัวปลีฝีมือยายทวดไปเสริฟแขกด้วยตัวเองอยู่บ่อยๆสมัยนั้นร้านนี้คนแน่นขนัด มีแต่พวกนักเรียนนอก ฝรั่ง หรือคนมีอันจะกินทั้งนั้นที่มาที่นี่ จนกระทั่งหนูวาดป่วยลง ยายก็ทำไม่ไหวจึงให้แม่มาทำแทน  ผมไม่โทษแม่หรอก แม่อาจไม่เหมาะที่จะเรียกศรัทธาของร้านนี้คืนมาก็ได้
“เอาของไปเก็บในครัวให้ชั้นหน่อย” ผมรับถุงใส่ของจากมือแม่ก่อนจะเดินเข้าครัว นี่เป็นครั้งแรกในรอบเกือบสิปปีที่ผมกลับมาเหยียบร้านนี้อีกครั้ง
ร้านเปลี่ยนไปมาก แม่ตกแต่งมันเสียใหม่เป็นสไตล์ฝรั่ง มาบาร์เหล้า โต๊ะก็เป็นแบบผู้ดีอังกฤษเขากินกัน ของตกแต่งล้วนแล้วแต่หรูหรา ห้องปิดทึบแล้วเปิดแอร์แทน ต้นไม้ข้างนอกก็แห้งเหี่ยว
เดินเข้ามาในครัวก็เป็นแบบปิด อับและร้อนจนขนาดผมเดินเข้าไปแว๊บเดียวก็เกือบจะหายใจไม่ออก

ผมเดินสำรวจร้านอยู่พักใหญ่ ใกล้เที่ยงแล้ว แต่ไม่มีลูกค้าเข้ามาเลย ทั้งๆที่ร้านอยู่ติดกับสำนักงานธนาคารใหญ่ๆเกือบสิบแห่ง แต่แปลกที่ไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลย

“แม่ ขอกลับก่อนนะ” ผมขอตัวกลับบ้านมาก่อน เพราะรู้สึกวิงเวียนในท้องยังไงบอกไม่ถูก กลิ่นควันรถ ฝุ่น เสียงแตรรถทำให้ผมยิ่งอยากจะบ้า
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจเป็นครั้งที่สิบขณะที่รถติดอยู่ตรงแยกไฟแดง
“ป่านนี้ที่นู่นจะเป็นยังไงมั่งนะ” ผมคิดเมื่อนึกขึ้นได้ว่าผมหายไปเกือบจะสามวันแล้ว  หมอบ้านั่นจะคิดถึงกันบ้างมั๊ยหว่า
“บ้า  มันจะไปคิดถึงกูทำไม เอ้อ” ผมเกาหัวตัวเองเมื่อเผลอปล่อยใจคิดอะไรไร้สาระออกไป


ประตูบ้านเปิดออกอัตโนมัติ ผมขับรถไปจอดในที่ของมันก่อนจะเดินผ่านเรือนครัวที่เงียบเชียบ ผมเดินเลยมันไปแล้ว แต่หางตามันแวบไปมองแล้วรู้สึกเหมือนเห็นภาพผู้คนเหล่านั้นกำลังจ้าละวั่นกันทำสำรับกับข้าว แต่เมื่อผมมองอีกที เขาเหล่านั้นกลับหายไป

ผมเลยหันหลังกลับเดินไปยังเรือนเก่าหลังนั้น ใจนึงอยากจะลืมเรื่องราวในอดีตเหล่านั้นให้หมดสิ้น แต่อีกใจกลับโหยหาอย่างไรบอกไม่ถูก
ประตูเรือนถูกเปิดออก ภายในห้องยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เรือนหลังนี้เมื่อตอนผมยังเป็นเด็ก หนูวาดเคยใช้มันในการเตรียมพวกปลาช่อนแดดเดียวย่าง ปลาดุกย่าง ตำน้ำพริก เรียกได้ว่าเวลาจะเตรียมของไปที่ร้าน หนูวาดจะมาทำที่เรือนนี้
ผมเดินไปรอบๆเรือน โดยที่มือลูบผนังไปเรื่อยๆเหมือนอาวรณ์ แล้วมือนั้นก็มาหยุดอยู่ที่รูปชายแปลกหน้าที่ใบหน้าเลือนลางนั้นอีกครั้ง
“ต้องให้เวลากับตัวเชื่อมสัมพันธ์กัน เธอก็จะสามารถย้อนกลับไปได้อีก” เสียงของหญิงที่ผมเจอที่ห้องสมุดดังขึ้นมาในมโนจิต เหมือนเป็นการท้าทายในสิ่งที่เธอพูด ว่ามันจะสามารถเป็นจริงอย่างนั้นได้หรือไม่
“ลองดู” ผมว่าเมื่อในที่สุดก็หาเหตุผลให้ตัวเองได้แล้วว่าทำไมผมถึงอยากจะกลับไปอีกครั้ง
“วันนั้น.................” ผมหลับตาตั้งสติ
“กูเมา...............”
“แล้วโดนจับมาที่นี่ ห้องนี้................แล้วไงต่อๆ”
“อ้อ ตื่นมาก็นอนหลับอยู่ตรงนี้” ผมลงไปนอนกับพื้น
“แล้วก็ๆ...................หนังสือเล่มนี้หล่น” ผมหยิบหนังสือเล่มเดิมที่ถูกวางอยู่ที่เดิมออกมา แล้วทิ้งกับพื้น
“แล้วก็เปิดหนังสือ ออกมา.................”เสร็จแล้วผมจึงหลับตาอยู่ครู่ใหญ่ ในใจนึกภาพแรกที่ผมเห็นที่บ้านคุณชื่น
“บ้านคุณชื่นๆ” ผมท่องไปมา ก่อนจะตัดสินใจค่อยๆลืมตาขึ้น ในใจเต้นรัวหวังที่จะได้เห็นเรือนใหญ่ตั้งตระหง่านแทนโรงจอดรถ
“เอาวะ” แล้วผมก็ลุกขึ้นยืนค่อยๆลืมตา หันหน้าออกนอกฟน้าต่าง แล้วลืมตา
“.................................”
“.................................”
“................................”
“.................................”
“...............................”
“................................”
“คุณปอมาทำอะไรที่นี่คะ” เสียงแม่บ้านคนเดิมถาม ผมมองหล่อน ก่อนจะมองไปรอบๆ
“อ้อ เอ่อ ป่าว ชั้น ชั้นมาดูทีวีน่ะ”  ผมตอบก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆ “ไร้สาระว่ะ”
“???????????????”




   ผมนั่งๆนอนๆอยู่ในบ้านไม่มีอะไรทำ ไม่มีอะไรทำสำหรับที่นี่ กับการไม่มีอะไรทำสำหรับที่นู่น ทำไมมันต่างกันแบบนี้ ที่นี่หากเราพูดว่าไม่มีอะไรทำ เราจะรู้สึกไม่มีคุณค่า แต่ถ้าเป็นไม่มีอะไรทำนู่น เรากลับรู้สึกว่ามันคือการพักผ่อน
ผมเบื่อกับการเดินไปเดินมาในบ้าน เปิดปิดทีวี ไปมาแล้ว จึงตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องนอนหนูวาดที่อยู่ชั้นสองของบ้าน
ห้องถูกคล้องกุญแจไว้แต่ไม่ได้ล๊อค ครั้งสุดท้ายที่ผมมาห้องนี่ก็เมื่อตอนที่ผมเป็นฝีที่ก้น แล้วพามาให้หนูวาดจี้ให้ ตอนนั้นผมร้องไห้กลัวหนูวาดมาก
        ภายในห้องของหนูวาดถูกผ้าขาวคลุมไว้เกือบหมด ทุกอย่างในนี้ขาวโพรนไปหมด เฟอนิเจอร์ เก้าอี้ โต๊ะ แจกัน หรือแม้แต่ชุดตะกร้าหมากของหนูวาดยังถูกผ้าขาวคลุมไปด้วยเลย
ผมเดินตรงไปยังตู้เก็บของเก่าของหนูวาด ภายในนั้นบรรจุชุดตุ๊กตาแก้วสีสรรสดใส อีกทั้งพวกเครื่องลายครามต่างๆ ผมมองข้ามมันไป ก่อนที่จะนั่งลงกับพื้น เปิดลิ้นชักหาบางอย่างในนั้น
“ไหนบอกไม่มีรูปไง” ผมว่า เมื่อเปิดเจออัลบั้มรูปเก่าๆ  ผมเปิดมันออกอย่างเบามือรูปแรกที่เจอก็คือรูปหนูวาดสมัยยังเป็นเด็ก เธอแต่งตัวด้วยชุดผ้าลุกไม้สีชมพูคุ้นตา เธอคนในรูปนั้นเป็นคนเดียวกับที่ผมเห็นแน่ๆ ใบหน้าแบบนี้ แววตา และรอยยิ้มแบบนี้
“หนูวาด” ผมยิ้มและเปิดรูปต่อไปเรื่อยๆ รูปแล้วรูปเล่า
ภาพต่างๆบอกเล่าความเป็นมาของหนูวาดได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เธอถ่ายกับคุณชั้น ตอนที่เธอเป็นนักเรียนโรงเรียนในวัง ตอนที่เธอโตขึ้นพอที่จะขี่จักรยาน ภาพบอกเล่าเหตุการณ์ได้มากมาย
ตอนหนูวาดเป็นแต่งงานเธอสวมชุดเจ้าสาวสีขาว ตอนเธอไปเที่ยวเธอแต่งตัวด้วยกางเกงขาบาน เสื้อสีฉูดฉาด คาดผมด้วยผ้ามันเงาเป็นสาวยิปปี้ ผมเธอหยิกฟู
ตอนเธอมีลูกสาว
ตอนเธอมีหลานสาว
และตอนเธอมีผม
ผมหยุดนิ่งอยู่ที่ภาพที่เธออุ้มผม เธออุ้มผมไว้ในมือ และจ้องมองผมด้วยสายตาที่ประหลาดใจจนอธิบายไม่ถูก เหมือนกับความชื่นใจ ดีใจ รอคอย ปนสมหวัง มันระคนไปหมด
อัลบั้มภาพเหล่านั้นเดินทางบอกเล่าเรื่องราวมาจนถึงภาพสุดท้าย ภาพที่ทำให้ผมต้อคิ้วขมวดกันอีกครั้ง
“ภาพนี้นี่มันภาพที่เรือนครัวนี่นา” ผมว่า เพราะภาพนั้นเป็นภาพเดียวกัน ภาพชายแปลกหน้าที่ใส่ชุดราชปะแตสีขาวโบราณยืนตัวแข็งทื่อ แต่เมื่อมองใบหน้าของเขา กลับเลือนลางหายไปกาลเวลา
“ใครวะ” ผมดึงรูปออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอน แต่สายตายังคงจับจ้องไปที่รูปที่เหมือนจะคุ้นเคย


.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ออกไป ออกไปจากบ้านชั้นเดี่ยวนี้” ผมสะดุ้งตื่นเมื่อเสียงกรีดร้องของแม่ดังขึ้น
“แกมันอีน้องทรพี หลงมันจะหักหลังชั้น แกมันเลว” ตามด้วยเสียงด่าเป็นชุด
“ก็พี่นะโง่เอง ร้านอาหารก็ทำไม่รอด ชั้นผิดตรงไหนที่จะเอามันมาทำเอง อีกอย่างบ้านหลังนี้ก็เป็นสิทธิของชั้น อย่าลืมนะว่าโฉนดมันอยู่ที่ชั้น” เสียงอาของผมเถียง ผมลุกขึ้นเดินออกมา
“ออกไป๊ ออกไปนะ” แม่ยังตะโกนไม่หยุด
“ชั้นไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ จนกว่าพี่จะยกร้านนั้นให้ชั้น  นี่ชั้นใจดีแค่ไหนแล้วที่ยกบ้านให้อยู่ไปก่อน ถ้าชั้นไล่พี่ออกไปจากบ้านหลังนี้พี่ก็ทำอะไรชั้นไม่ได้”
“แก ...แก”
“ปัง!!!”  ผมฟาดมือกับประตูห้องหนูวาดเสียงดังลั่น ทุกคนเงยหน้าขึ้นมามองแน่นิ่ง
ผมเดินลงมาอย่างเยือกเย็น แต่ในใจนั้นสั่น และเร่าร้อนเต็มไปด้วยความโกรธ ตาของผมถลนออกมา
“ออกไปซะ” ผมพูดเสียงจริงจัง
“ออกไป ก่อนที่กูจะฆ่าน้องแม่ตัวเอง”
อาของผมอ้าปากค้าง หล่อนไม่เคยเจอผมในสภาพนี้มาก่อน ปกติผมจะโวยวายลั่นบ้าน แต่วันนี้หล่อนคงแปลกใจที่ผมไม่เป็นเช่นนั้น
หล่อนอ้าปากกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ด้วยท่าทีที่จริงจังของผมนั้น กลับทำให้ต้องหุบปากและเดินออกจากบ้านหลังนั้นโดยดี
“อีน้องเลว อีน้องชั่ว “ แม่เริ่มอาละว่ดอีกครั้งหลังจากที่อาเดินออกไป พร้อมกันนั้นเองพ่อผมก็กลับมาจากทำงาน
“มันมาทำไมคุณ” พ่อหมายถึงอาผม
“ยังจะมาถาม มันก็มาทวงบ้านกับร้านนะสิ เพราะคุณคนเดียว คุณมันโง่ คุณมันไม่ได้เรื่อง” แม่พาลพุ่งเข้าไปตบตีพ่ออย่างกับคนเสียสติ
“โอ้ย นี่คุณเป็นบ้าอะไร หยุดนะ บอกให้หยุด” พ่อตวาดลั่น “ก็ไม่เพราะคุณหรอกเหรอที่ยอมไปเอาเงินก้อนนั่นมา คุณนั่นแหละโง่ โง่จนโดนน้องตัวเองหลอก”
“อร้ายยยยยยยย นี่คุณกล้าด่าชั้นเหรอ”
“ก็เอออสิวะ................”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ผมเดินออกมาเงียบๆ ในใจปวดร้าวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทำไมพี่น้องต้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องสมบัติ ทำไมสามีภรรยาต้องสาปแช่งกันด้วยเรื่องเงิน ลูกๆต้องฆ่ากันตายเพราะเรื่องบ้าๆนี่
ผมเบื่อกับสิ่งที่เห็นเต็มทน
แต่บ้านหลังนี้ไม่มีที่ไหนให้ผมไป
ไม่มีที่ไหน นอกจาก.......................
.
.
.
.
.
.
ประตูเรือนหลังนั้นถูกเปิดออกอีกครั้ง บัดนี้ มันกลายเป็นที่ลี้ภัยสำหรับผม ผมเบื่อกับครอบครัวที่แสร้งว่านี้เต็มทนแล้ว หากหนูวาดรู้ว่าลูกหลานเป็นแบบนี้ เธอจะช้ำใจแค่ไหน
“กูไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” ผมพูดก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งพิงผนังที่เดิม  ขวามือของผมเป็นนาฬิกาลูกตุ้มโบราณ
“พาผมไปจากที่นี่เถอะ”
“ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว
“ได้โปรดเถอะ”
แสงแดดยามเย็นส่องลอดผ่านช่อไม้ของเรือนเข้ามา กระทบกับฝุ่นในเรือนเห็นเป็นลำแสง ผมยังคงนั่งรำพันถึงความคับแค้นใจ ตัวผมสั่นเทา ผมอยากกรีดร้องออกมาดังๆ แต่ทำไม่ได้ มือทั้งคู่ปัดป่ายไปมาจนไปโดนลูกตุ้มที่เคยหยุดนิ่ง มันแกว่งไกวอีกครั้ง
“พาผมไปจากที่นี่”
“ได้โปรดเถอะ ผมไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”
“พาผมไปเสียทีเถอะ”
“พาผมปะ................”
เสียงพื้นเรือนดังเอี๊ยดอ๊าด ก่อนจะค่อยขยับไปมาช้าๆ มันแกว่งไปมาตามลูกตุ้ม ผมรู้สึกถึงความผิดปกตินี้ได้ แต่ด้วยความคับแค้นใจ ผมยังคงพร่ามพูดคำเดิมๆออกมาไม่ยอมหยุด
“ครืน” เสียงตัวเรือนลั่นอย่างแรง ตามมาด้วยพื้นที่โยกแรงขึ้นแรงขึ้น จนทำให้ผมตกใจ หยุดพูด ของในเรือนเริ่มแกว่งไปมาก่อนจะหล่นลงมา รูปภาพ จานชาม ข้าวของ หล่นลงเกลื่อนกลาดเหมือนตอนแรกที่มันเคยเป็น  ผมมองไปรอบๆด้วยอาการหวาดผวา
“ปัง!!!” หนังสือเล่มเดิมหล่นลงมา
เผยให้เห็นเศษกระดาษสีซีดๆแผ่นเดิม
“ตูม!!!” และแล้วเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวก็ดังขึ้น ผมรู้สึกเหมือนตัวเองตกลงมาจากตึกสิบชั้น มันเสียวในท้องจนต้องหลับตา ความรู้สึกต่อมาคือร่างของผมกระแทกเข้าอย่างแรงกับอะไรบางอย่าง
อะไรบางอย่างที่เย็น เปียก และทำให้ผมหายใจไม่ออก
“นี่มัน.................น้ำนี่หว่า!!!”


ออฟไลน์ Zurruz

  • สาววายพันธุ์ยัน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
จิ้มมมมมม

^
^
^

อ่ะๆ กลับมาเเล้วๆ > [ ] <!

ดีใจๆ เย้ๆ ทั้งมาต่อเเล้ว ทั้งที่อัชย์กลับไปในอดีต

ถ้าทุกข์ใจนัก ก็พักเสียนะ^^ กลับมาพักที่อกหมอปีย์นี่มา

ออฟไลน์ อิสระ

  • ถ้า add ให้กอด,ถ้า give five ให้จุ๊บ,ถ้า ment ให้เบอร์ คิคิ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-8
    • https://www.facebook.com/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-1433707443445407/?modal=admin_todo_tour
เย้ :mc4: :mc4: :mc4:
มาต่อแล้ว
กลับไปหาหมอปีย์เร็วๆเหอะ
คิดถึงหมอปีย์

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด  :sad4:
อยากอ่านต่อค่าาาาาาาาา :serius2: :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ DarKLasT

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 595
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
หวังว่าเรื่องนี้จะไม่เศร้านะครับ

 o13 o22

ออฟไลน์ n2

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +113/-4
ลุ่นค่ะว่าจะย้อนกลับไปในอดีตหรือเปล่า

supery

  • บุคคลทั่วไป
น้องของแม่เรียกว่าน้านะจ๊ะ ไม่ใช่อา อาเป็นน้องของพ่อ

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
ตัดฉับที่ฉากนี้ แอบใจร้ายนะนี่   :sad4:
คุณหมอคะ พ่ออัชย์กำลังกลับไปหานะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ vanny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 286
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
 :laugh:

กลับมาแล้ว กลับมาแล้ว

อยากอ่านต่อ กำลังเข้มข้น

ออฟไลน์ Ryze

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
 o13

เมามันอย่างต่อเนื่อง
แต่เรื่องนี้พูดถึงอาหารทีไร หิวทุกทีเลย T^T

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
 :กอด1:ขอบคุณค่ะ
สนุกมากๆ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
หุหุ
กลับไปหาไอ้แดงแล้ว อิอิิ

ออฟไลน์ iota

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-2
เฝ้าติดตามเป็นละครหลังข่าว
ช่วงศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เลย
ว่าแต่สมัยนู้นนน เค้ามีวิธีผายปอดแบบไหน
เวลาคนจมน้ำ...หมอปีย์ช่วยไขข้อข้องใจหน่อยขอรับ :z2:

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3

๑๓๙ + ๑ = ๑๔๐
ขอบคุณนะคะ คุณ เซ็งเป็ด


ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
หลีกหนีความละโมบ โลภมาก ของผู้คน
กลับสู่กาลเวลาแห่งอดีต กลับไปหา หมอปีย์ :z2:
+1 เป็นกำลังใจให้เสมอ ๆ นะครับ เซ็งเป็ด  :z1:

fOnfOn :D

  • บุคคลทั่วไป
จะกลับไปหาคถณหมอแล้ววววววววววววววว 

narrybo

  • บุคคลทั่วไป
ได้กลับแล้วสักทีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

kihaezzzzzz

  • บุคคลทั่วไป
กลับมาเเล้วชัวร์ 55.

รีบมาต่อะนะคะ เรื่องนี้สนุกมากก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






yayee2

  • บุคคลทั่วไป
อัชย์ย้อนอดีตกลับมาคราวนี้
จะเป็นอย่างไร ความสัมพันธ์กับหมอปีย์ จะเป็นฉันใด อยากรู้จัง

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
ตามพี่แก้วมาติดๆ

เย้... กลับมาแล้ว

กลับมารอบนี้คุณปอก็มาเทรนสูตรและตำราอาหารไทยทั้งหมดเลยนะครับ  เอาให้เก่งๆเลย

จะได้กลับไปกอบกู้ร้านเรา  เอาเมนูอาหารไทยโบราณเก่าๆที่หากินไม่ได้แ้ล้วในปัจจุบันอ่ะ

รับรองขายดีแน่ๆครับ อย่าง แกงรัญจวน แกงนอกหม้อ ผัดสามเหม็น อะไรประมาณนี้อ่ะ

น่าจะขายดีนา o13

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
เย้ ปอกลับไปได้แล้ว คนทางนู้นเค้าจะว่ายังไงน้อถ้าปอกลับไป

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
กลับไปอดีตแล้วใช่ไหมขอรับ  :man1:

lazewcielo

  • บุคคลทั่วไป
จะกลับไปอดีตอีกแล้วใช่มั้ยยยยยยยยย

ออฟไลน์ CanonDNattari

  • ☆.•:*´เชื่อในสิ่งที่เห็นและต้องการให้เป็น ¨`*:•☆
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 701
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
กลับไปป่วนอีกแล้ววววววววว เงียบหูไม่ทันไร จะกลับไปป่้วนอีกแล้ว :z2:

@Kanda@

  • บุคคลทั่วไป
ไปแล้วววววว~!!!! o13
รอตอนต่อไปค่ะ 555+ หมอปรีย์--- :-[

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7

ออฟไลน์ เซ็งเป็ด

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 596
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +602/-2
อัพเพิ่ม บทที่๑๔ สายน้ำที่ไหลย้อนกลับ

ทันทีที่ร่างของผมสัมผัสได้ถึงน้ำ ผมรู้สึกเย็นวาบที่ใบหน้า ลามมาถึงหลัง น่าแปลกที่ผมรู้สึกเหมือนวูบตกลงมาจากที่สูง แทนที่จะรู้สึกกระแทกกับพื้นน้ำ แต่เปล่าเลย ผมรู้สึกเหมือนน้ำถาโถมมาทับร่างผมจากเบื้องบน
พูดง่ายๆอีกทีก็เหมือนผมดีดตัวขึ้นมาจากบาดาลจนร่างลอยเคว้งเกือบถึงผิวน้ำ

“ช่วยด้วย!!!!!!!” ผมกรีดร้องในใจในขณะที่ดิ้นรนทุรนทุรายตะเกียตะกายขึ้นมาจากน้ำ แต่ตอนนั้นมันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมตั้งตัวไม่ทัน มือทั้งสองข้างคว้าปัดป่ายไปมาหวังจะได้เจอมือของใครสักคนมาคว้ามือผมแล้วดึงขึ้น
แต่ไม่มีเลย ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะจมน้ำตาย ในหัวไม่มีเวลาให้คิดอะไรมากนักถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้เพียงอย่างเดียวว่า ทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองรอด
 “ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที” ผมคิดในใจ กำลังแรงเริ่มถดถอย
แต่แล้วเหมือนชะตายังไม่ขาด ผมก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังตูม ซ่า!!!! แล้วมือของผมก็คว้าเข้ากับเชือกบางอย่าง ผมจับมันแน่น ก่อนจะกระตุก เมื่อผมกระตุก เชือกนั้นก็กระตุกเช่นกัน ผมจึงกระตุกแรงขึ้นๆ เชือกนั้นก็ดึงร่างผมขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ก่อนจะถึงผิวน้ำเบื้องบน ผมได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า
“เฮ้ย ๆปลาชะโดเว้ย ปลาชะโด ถ้าจะตัวโตโขทีเดียว อ้าวเฮ้ย ไอ้มั่ง ไอ้เหล่ มาช่วยกูดึงเร็วเข้า”  สิ้นเสียงนั้น ร่างของผมก็ถูกกระชากขึ้นเหนือน้ำอย่างรวดเร็ว
“เฮือก อ่า “ ผมอ้าปากหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปอย่างกระเสือกกระสนทันทีที่หัวโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำ รู้สึกเลยว่าการตายแล้วเกิดใหม่เป็นอย่างไร มือคว้าแคมเรือไว้มั่น ได้ยินเสียงคนบนเรือทั้งสามคนร้องตะโกน
“เวร แล้วสิมึง ศพคนตายๆ” แล้วทั้งสามก็กระโดดหนีลงน้ำด้วยความตกใจ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ร่างของผมถูกชาวบ้านช่วยกันลากขึ้นมาทิ้งไว้บนศาลา คำแรกที่ผมบอกพวกเขาก็คือ
“หมอปีย์”
แค่สองคำเท่านั้น ผมก็ได้มานอนแผ่หราตัวเปียกโชก หายใจหอบแฮ๊กๆราวกับคนเป็นหอบแดดอยู่บนศาลาหน้าเรือนหมอนั่น
“ไอ้ห่าเอ้ย ทำไมทีคนอื่นเดินทะลุกระจกสวยๆ พริ้ว ทีกูนี่กว่าจะผ่านทะลุมิติมาได้ ดูที่ที่มาสิ ล่อเอาเกือบตาย” ผมบ่นในใจ
ก็มันจริงมั๊ยหล่ะ แทนที่จะโผล่ดีๆแบบแม่มณี นี่อะไรมาโผล่กลางแม่น้ำ นี่ถ้าว่ายน้ำไม่เป็นมีหวังสามวันอืด ใครจะรับผิดชอบ


“เจ้าบ้า เจ้าบ้ากลับมาแล้ว เจ้าบ้า” เสียงทาศในเรือนหมอปีย์ต่างวิ่งเข้ามารุมล้อมที่ร่างผม
“ชั้นหายไปกี่วัน” ผมถาม
“สามวันพอดี พวกข้าคิดว่าเอ็งจมน้ำตายเสียแล้ว หลวงพินิจท่านเกณฑ์ไพร่พลทั้งเรือน ลงงมหาเอ็ง แต่ไม่มีวี่แวว” เสียงนางทาศคนหนึ่งบอก
“แต่จู่ๆเอ็งกลับโผล่ขึ้นมาที่เดิมที่เอ็งจมน้ำหายไป เอ็งต้องหาใช่คนปกติเยี่ยงพวกข้าไม่ บอกข้าทีเถิดว่าเอ็งเป็น เทวดา พรายน้ำ พญานาค หรือพวกผีเปรต”
“จะบ้าเร๊อะ เป็นอะไรบ้าบอ ชั้นเป็นคนเหมือนพวกนายนี่แหละ  บ้ารึป่าวหาว่ากูเป็นผีเปรต” ผมลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆตัวอีกครั้ง ไม่ผิดแน่ ผมกลับมาที่นี่อีกครั้งไม่ผิดแน่ บ้านหมอปีย์ ต้นพิกุล ต้นจำปา เรือนครัว เรือนคุณชั้น ทั้งหมดนี่มัน..............
ผมเผลอยิ้มมุมปากออกมาอย่างลืมตัว




“ทางนี้ขอรับ ทางนี้ เจ้าบ้ามันกลับมาแล้วขอรับ จู่ๆ พวกไอ้มั่งไอเหล่ บางกระนู้นก็หิ้วมันมาส่งที่ท่าน้ำ มันบอกว่าเหวี่ยงแหไปเจอเจ้าบ้าตรงที่ที่มันจมน้ำ น่าอัศจจรย์ใจยิ่งนักขอรับ ท่าทางเจ้าบ้านี่จะมิใช่มนุษย์ธรรมดาเสียแล้วขอรับ” เสียงบ่าวผู้ชายรายงาน
“ไอ้พวกนี้นี่เห็นกูเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ไปได้” ผมบ่นก่อนจะหันไปมอง และเห็นภาพหมอปีย์กำลังเดินตรงเข้ามาหาผมด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่ดวงตานั้นอิดโรย
เขาเดินมายืนที่หน้าศาลาริมน้ำ มือไขว่ห้าง มองผมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามมากมาย
“เกิดอะไรขึ้น”
“หายไปไหนมา”
“เป็นอย่างไรบ้าง”
“กลับมาได้อย่างไร”
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้”

คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่ผมเดาเอาว่า เขาคิดจะถาม ผมตั้งท่ารอเตรียมตอบคำถามที่ควรจะยิงออกมาจากปากหมอปีย์เป็นชุด
เขาอ้าปาก
“กลับขึ้นห้องของเจ้าไปเสีย”
 จบ!!!
 แค่นี้
 ต้องการพูดแค่นี้เองเหรอ
 นี่กูหายไปสามวันเต็มๆในแม่น้ำสายนี้ มึงพูดได้แค่นี้เองเหรอ




เขาไม่พูดอะไรหลังจากนั้น หน้าผมเขายังทำเหมือนไม่อยากจะมอง ผมนั่งรอให้เขาพูดอะไรมากกว่านี้ แต่ไม่มีวี่แวว คนอะไรช่างใจดำได้ขนาดนี้ นี่ถ้าผมตายไปเขาก็คงไม่รู้ว่าผมตาย
ผมพยายามจะมองลึกเข้าไปภายในดวงตาคู่โรยคู่นั้น แต่เขาหลบตาก่อนจะเดินหันหลัง
“นี่” ผมเรียก พลางลุกขึ้นเดินตามหมอนั่นไปติดๆ บ่าวไพร่แตกกระเจิง
“ไม่คิดจะถามชั้นเลยเหรอว่าหายไปไหนมา ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน หรือไปสัมมะนาดูงาน ไปเข้าค่ายลูกเสือหรืออะทำนองนี้ ไม่สนใจเลยเหรอ”
“.........................” เงียบ
“แล้วนี่ชั้นกลับมาได้นี่ไม่คิดจะดีใจ เอาพวงมาลัยมาต้อนรับกันหน่อยเหรอ”
“..............................”
“โธ่ใจดำว่ะ”
“.................................”
ผมเงียบไปครู่หนึ่ง เดินตามหลังหมอนั่นไปเงียบๆ

“นี่ชั้นจมน้ำหายไปทั้งคน ใจคอนายจะไม่ตกอกตกใจอะไรเลยเหรอ”
“...........................”
“แต่ก็นะ ชั้นมันเป็นใคร เป็นแค่คนอาศัยจรจัดที่แวะเวียนมาขอซุกหัวนอน” ผมเดินตามเขาที่ก้มหน้าก้มตางุดๆเดินขึ้นบ้าน
ภายในบ้านนั้นเงียบผิดปกติ  ผมเดินตามหมอนั่นมาจนถึงหน้าห้อง
“เฮ้ย” ผมตวาด “ช่วยพูดอะไรหน่อยได้มั๊ย ไอ้ห่า อย่างเงียบเป็นเป่าสากแบบนี้” อารมณ์ขึ้น
“มึงเงียบแบบนี้ กูจะได้รู้ว่ามึงยังยินดีที่จะให้กูกลับมาพักบ้านหลังนี้อยู่อีกมั๊ย”
หมอนั่นหยุดกึก
“ว่าไง จะให้กูพักบ้านหลังนี้อีกมั๊ย”
“...........................................”
“ถ้าไม่ให้ กูจะได้ไปซะตอน...................”
จู่ๆหมอนั่นก็หันหลังขวับ มาประจันหน้ากับผมระยะประชิด แววตาของเขาแดงก่ำ มีน้ำเอ่อในตา
เขาจ้องมองผม ตัวสั่น มือทั้งสองข้างกำ เขากัดฟันแน่นจนเห็นรอยปูดชัดเจนที่แก้มทั้งสองข้าง
แววตาคู่นั้นทำให้ผมหายใจไม่ออก
ผมจ้องมองเขากลับ กำลังจะอ้าปากพูด
“ว่าไง ตกลงจะ..............”ยังไม่ทันจะพูดจบ หมอนั่นก็คว้าตัวผมเข้าหาร่างเขาอย่างแรง ก่อนจะกอดผมแน่น
ตัวผมแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ หมอนั่นตัวสั่นแรงขึ้น มือทั้งสองข้างบีบหลังผมไว้แน่น ลมหายใจร้อนผ่าวที่ไหลผ่านจมุกของเขา กระทบกับซอกคอของผม เสียงหัวใจของเขาเต้นตึกๆรุนแรงราวกับจะระเบิดออกมา

“อย่าทำเยี่ยงนี้อีก อย่าทำอีก เข้าใจหรือไม่”

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด