***** ตอนที่ 51 *****
กลับมาที่คาวาซากิ
พวกเรากลับมาถึงบ้านคุณป้า ตอนราวๆ 2ทุ่ม 15 สายกว่าที่บอกไว้ประมาณ 15นาที
พอเข้ามาในบ้าน ผมก็ต้องแปลกใจ เพราะมีหญิงสาวคนนึงนั่งคุยอยู่กับคุณป้าอยู่แล้ว
เบสพอเห็นสาวสวยคนนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปทักทาย เลยทำให้ผมได้รู้ว่า เธอคนนั้นคือ มิกิ ลูกสาวคนโตของคุณป้า
เบสคุยเป็นภาษาญี่ปุ่นกับมิกิ ลูกพี่ลูกน้องตัวเองอย่างสนิทสนม ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอก ซักพัก เบสก็ชี้มือมาทางผม และเรียกผมเข้าไปหา
“โต้ง นี่พี่มิกิ ลูกสาวคนโตของคุณป้านะ” จากนั้นเบสก็หันไปบอกพี่มิกิว่า ผมคือโต้ง
“สวัสดีค๊ะ ชื่อมิกิค่ะ เคยได้ยินคุณแม่กับเบสพูดถึงบ่อยๆ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
มิกิจังพูดภาษาไทยได้ แม้จะฟังดูแข็งๆ ไปหน่อยก็ตาม
“สวัสดีครับพี่มิกิ” ผมไหว้ทักทายลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของเบส
“เหนื่อยไหมเบส โต้ง นี่คุณลุงก็เพิ่งกลับมา กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ข้างบน หิวกันแล้วใช่ไหม วันนี้ป้าทำของกินเพียบเลย กินกันให้หมดด้วยนะ” คุณป้ายิ้มดีใจกว่าปกติ คงเพราะวันนี้คุณป้าไม่เหงาแล้ว
ซักพักพอคุณลุงลงมา เราก็เริ่มต้นปาร์ตี้กัน
มิกิจังพยายามชวนผมคุยด้วยภาษาไทยที่ไม่แข็งแรงของเธอ โดยมีเบสคอยช่วยแปล
ทำให้ผมได้รู้ว่า คุณป้าโทรไปตามลูกสาวคนนี้กลับมากินข้าวด้วย เพื่อเป็นการเลี้ยงส่งพวกเรา จริงๆ ก็คงอยากโทรตามลูกสาวอีกคนมาด้วย แต่ได้ยินว่าอามิไปอยู่ต่างจังหวัดที่ไกลมาก
สำหรับมิกิจัง เธอแต่งงานออกไปอยู่ ไม่ไกลจากเมืองคาวาซากิมากนัก ปกติทั้งเธอและสามีก็ทำงานด้วยกันทั้งคู่
วันนี้สามีเธอเลิกงานดึกเลยไม่ได้มาร่วมกินข้าวด้วย แต่เด๋ียวจะแวะมารับมิกิกลับบ้าน
เบสกับลูกทั้งสองคนของคุณป้า คือมิกิและอามิ โตมาด้วยกัน จนเหมือนพี่น้องคลานตามกันมาเลย
สมัยเบสยังเด็กคุณป้าเป็นคนเลี้ยงดูเบส เพราะช่วงนั้นเบสเพิ่งเสียแม่ไป และพ่อเบสเองก็งานยุ่ง คุณป้าเลยต้องพาทั้งมิกิและอามิมาอยู่เมืองไทยด้วย เพื่อเลี้ยงดูเบส
จนทุกอย่างเริ่มเข้าที่ และเบสก็โตพอสมควรระดับนึง คุณป้าจึงกลับมาอยู่ญี่ปุ่น มิกิจัง กับอามิจังก็กลับมาพร้อมกันด้วยในตอนนั้น
มิกิจังเป็นคนสวย แต่ดูเงียบๆ เบสเล่าให้ฟังว่า ถ้าเป็นอีกคน พี่คนรองอามิจัง จะช่างพูดกว่า และร่าเริง
งานปาร์ตี้ครั้งนี้ กินกันยาวจนถึง 4ทุ่ม พวกเราก็กินกันไม่ลงแล้ว เพราะคุณป้าทำอาหารเตรียมไว้เยอะมาก และทุกอย่างก็อร่อยจริงๆ
ในตอนนี้เองที่สามีของมิกิจังก็ขับรถมารับมิกิจังพอดี
เบสกอดร่ำลาพี่สาวคนนี้ของเค้า
“ไว้พบกันนะค่ะโต้ง” มิกิจังกล่าวลาผมด้วย
“ครับพี่มิกิ ถ้ามีโอกาส ขอเชิญที่ไทยนะครับ” ผมส่งท้ายด้วยคำเชิญชวนไปไทย
“โต้งเป็นเด็กดีจังนะ ” แล้วพี่มิกิก็มองดูผมแปลกๆ เหมือนคนกำลังพิจารณาอะไรอยู่ ผมยืนงงๆ กับคำพูดนั้นของมิกิจัง
สุดท้ายมิกิจังเดินไปกอดผู้เป็นแม่เพื่อลา ผมเห็นสองทั้งสองคนคุยกระซิบกระซาบอะไรกันก็ไม่รู้ ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอก พอจะถามเบส เบสก็ดันหันไปคุยกับสามีของมิกิจังอยู่
ซักพัก มิกิจังก็ลาพวกเราขึ้นรถกลับบ้านไป
งานเลี้ยง ก็จบลงในลักษณะนี้
คุณป้าไม่ยอมให้พวกผมเก็บจานชามไปล้าง เธอบอกให้พวกเราเอาเวลาไปเก็บกระเป๋าเดินทางดีกว่า
พวกเราขัดใจคุณป้าไม่ได้ เลยลาขึ้นไปจัดกระเป๋ากันข้างบนห้อง
ด้วยความอิ่มที่แน่นไปหมด ทำให้ผมนั่งจัดกระเป๋าไม่ไหว ต้องไปนั่งบนขอบเตียง
“วันนี้ก็กินเยอะอีกแล้ว กลับไปอ้วนแน่ๆ เลย โอ้ย อิ่มจนทรมาน...” ผมบ่น
“เราก็ด้วย มาหาคุณป้าทีไร กลับไปอ้วนขึ้น 2-3 โลทุกที “
“จริงนะ!! นายไม่เห็นอ้วนเลยนะ”
“ก็พอกลับไปไทยได้ซัก 2-3เดือน น้ำหนักมันก็กลับลงมาเท่าเดิมไงละ”
“คืนนี้จะนอนลงหรือเปล่าเนี่ย กินซะขนาดนี้” ผมบ่นอย่างอึดอัด
“ใครเค้าให้นายกินไปเยอะขนาดนั้นละ หึหึหึ กินเยอะเองตะกละ” เบสว่าผมขำๆ
“ก็แหม่ อาหารฝีมือคุณป้าอร่อยมากนิ แล้วเพื่อไม่ให้คุณป้าเสียใจ เราเลยต้องกินให้หมดไง ถ้าเหลือคุณป้าเสียใจแย่”
“โต้งก็เป็นคนแบบนี้ละนะ คิดถึงใจคนอื่น ก่อนความลำบากตัวเองเสมอๆ” เบสยิ้มหวานมาให้ผม
“ไม่หรอก เราก็มีเห็นแก่ตัวเหมือนกันละ ............เอาละๆ ไปจัดกระเป๋ากันเหอะ”
ว่าแล้วผมก็จูงมือเบสไปจัดกระเป๋ากัน
ตอนแรกที่มา กระเป๋าผมว่างมากเลย เพราะเอาเสื้อผ้ามาจำกัด กางเกงยีนส์ผมก็เอามาแค่ตัวเดียว กับกางเกงใส่นอนขาสั้นอีกตัวเท่านั้นเอง เสื้อก็เสื้อยืดธรรมดา
แต่ไม่รู้ทำไม พอขากลับ ทุกอย่างกลายเป็นคูณ 2 ข้าวของๆ ผมมันเพิ่มขึ้นมาก การจัดกระเป๋าเป็นไปอย่างทุลักทุเล
ตอนแรกว่าจะฝากของบางอย่างใส่กระเป๋าเบส แต่ดูท่า เบสก็ซื้อของไปเยอะไม่น้อยไปกว่าผม เลยต้องล้มเลิกความคิดพึ่งคนอื่น แล้วพยายามยัดของลงไปในกระเป๋าตัวเองให้หมด
หลังจัดกระเป๋าเสร็จ พวกผมก็ลงมาหาคุณป้ากันอีกรอบเพื่อมีอะไรหลงเหลือจะได้ช่วยได้
คุณป้ายังคงเก็บจานชามอยู่ ยังไม่เสร็จพอดี
“ว่าไงทั้งสองคน เรียบร้อยดีไหม” คุณป้าถามเมื่อเห็นเราสองคนเดินลงมา
“เรียบร้อยแล้วครับ คุณป้ามีอะไรให้พวกผมช่วยไหมครับ” ผมเอ่ยถามด้วยความเกรงใจ
“โอ้ย ไม่ต้องหรอก ไปๆ ไปนั่งดื่มชาตรงนั้นก่อนนะ เดียวป้าไปคุยด้วย เบสชงเองได้ใช่ไหม ฝากชงชาให้โต้งเค้าด้วยซิลูก”
“ครับ” เบสรับคำแล้วก็เดินไปหยิบกาน้ำชามาชง
ผมกับเบสนั่งจิบชาเขียวได้ซักพัก คุณป้าก็เดินมานั่งคุยด้วย
“เดี๋ยวรอคุณลุงอาบน้ำเสร็จก่อนแล้วก็ไปอาบน้ำกันนะ ........วันนี้ไปไหนกันมาละ สนุกไหมโต้ง” คุณป้าถามมาทางผม
“สนุกครับ เดินกันจนเมื่อยไปหมดเลย เบสเค้าพาผมเดินมาตั้งแต่ไชน่าทาวน์ไปจนตึกแลนด์มาร์คเลย”
“โห เบสลูก ทำไมพาโต้งเค้าเดินขนาดนั้นละ ไกลไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย”
“ฮ่าๆ แหม่คุณป้า โต้งเค้ายังหนุ่ม ปล่อยให้เค้าเดินบ้างเถอะ กินกับข้าวอร่อยๆ ฝีมือคุณป้าทุกวันจนจะอ้วนแล้ว ให้เผาผลาญพลังงานกันบ้างดีกว่าครับ ฮ่าๆๆ” เบสตอบอย่างขำๆ
ในตอนนั้นเองที่คุณป้าสังเกตไปที่มือพวกเรา ผมเห็นคุณป้ามองสลับไปที่มือพวกผมสองคน
ตายละ!!! ผมลืมถอดแหวนที่เบสให้มา ตอนนี้เราสองคนกำลังใส่แหวนคู่อยู่นิหน่า
ผมค่อยๆ เลื่อนมือลงไปใต้โต๊ะอย่างระมัดระวัง
-----------------------------------------------------------------------
คุณป้าจะว่ายังไงรึเปล่าน่า.... ขอแกล้งคนแถวนี้หน่อย หงุดหงิดสะสมมาจากที่ทำงาน อยากแกล้งลูกค้าแต่ทำไม่ได้ เลย
ขอมาพาล แกล้งให้ในบอร์ดอารมณ์ค้างแทนแล้วกัน
