ผมปล่อยมือจากเบส จากนั้นก็หันไปหยิบกระเป๋าสะพายที่วางอยู่ข้างๆ ออกมา
“นี่ไงของขวัญที่เราจะให้นาย” ผมหยิบถุงเสื้อที่เพิ่งซื้อมาให้
“เอ๊ะ มีจริงด้วยหรอ เรานึกว่านายพูดเล่นซะอีก” เบสยิ้มร่าด้วยความดีใจเมื่อรับของขวัญของผมไป
“เป็นของขวัญปีใหม่ บวกคริสมาสด้วยเลย”
“โหย โต้งอะ งกจัง ต้องให้สองชิ้นดิ”
“.............ใครงกกันแน่ ฮ่าๆๆ” พวกผมอดไม่ได้จะแซวกันเล่น หลังจากไม่ได้คุยกันมาเลย 2เดือน
เบสค่อยๆ ฉีกกระดาษสาที่ห่อออกอย่างนุ่มนวล
“ฉีกเลยก็ได้นะ“ ผมอดพูดไม่ได้ เพราะเห็นเบสปราณีตซะเหลือเกิน
“ไม่เอาหรอก ของที่โต้งให้ เราจะเก็บไว้ให้หมดเลย ทั้งห่อกระดาษนี้ด้วย”
ได้ยินอย่างนั้นผมก็อดยิ้มไม่ได้
“โต้ง สวยจังเลย” เบสกางเสื้อออกมาดู
“ท่าจะแพงนะเนี่ย ขอบใจนะโต้ง เรายังไม่มีอะไรให้นายเลย นายก็ซื้อให้เราซะละ “
“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง เราเองก็ทำงานพิเศษด้วย ไม่ได้เอาเงินใครมาใช้ มันมาจากแรงกายเราเอง
เราอยากให้นาย นายก็รับไว้เหอะ เรื่องของขวัญให้เรา ไม่จำเป็นเลย .....................
..................สำหรับเราแล้ว นายคือของขวัญที่ดีที่สุดแล้วละ” ผมพูดเองยังเขินเองเลย เลี่ยนอะไรเช่นนี้
เบสที่เป็นคนฟัง ยิ่งหน้าแดงเขินอายใหญ่เลย
“ขอบใจนะ.....................เออ แต่ว่า ทำไมนายพกมันติดตัวมาด้วยละ นายตั้งใจมาหาเราหรอวันนี้”
“เปล่าหรอก เพิ่งซื้อเอง พอดีต่อมันโทรศัพท์ตามเรามาที่นี่ละ เราเลยถือติดมือมาด้วย”
“.............ขอบใจนะ” จู่ๆ เบสก็ทำสีหน้าเศร้าเหมือนจะร้องให้
“เบส เป็นอะไรนะ” ผมรีบถามด้วยความเป็นห่วง
“เรา.......ดีใจที่ได้เจอโต้งนะ มันดีใจจน อยากจะร้องให้”
ผมเข้าไปยืนใกล้ๆ เบสที่นั่งอยู่บนเตียง
จากนั้นก็ดึงให้หน้าเบสมาซุกที่หน้าท้องผม
“ไม่เอาน่า อย่าร้องนะ ยิ้มซิ ไม่ดีใจหรอที่เจอเรา”
“ดีใจซิโต้ง ดีใจจนร้องให้เลยละ ฮึก ...ฮึก”
“ไม่เอาน่า โอ๋ๆ”
สุดท้าย เบสก็ทนไม่ไหว ร้องให้อีกรอบ จนกระทั่งคุณพยาบาลเดินเข้ามาในห้องเพื่อวัดไข้ พวกเราถึงแยกออกจากกันอย่างอายๆ
คุณพยาบาลทำสีหน้างงๆ ปนตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เดินยิ้มแย้มเข้ามาวัดไข้เบส
ก่อนคุณพยาบาลจะออกจากห้องไป ผมเห็นนะว่าแอบหัวเราะด้วย
“ดูดิ อายพยาบาลไหมละเนี่ย โตป่านนี้ยังร้องให้เป็นเด็ก” ผมแซวเบสเล่น
“ไม่อะ ไม่อาย “
“หิวไหมเบส นายดูท่าจะกินน้อยมากเลยละ”
“เมื่อก่อนไม่หิว แต่ตอนนี้หิวนิดๆ ละ”
“งั้นเราสั่งอะไรมาให้นายกินหน่อยดีกว่านะ”
“อึม ได้ๆ เราหิวแล้วละ เอาเยอะๆเลยนะ” เบสได้ที อ้อนผมใหญ่เลย
เนื่องจากโรงอาหารของโรงพยาบาลปิดแล้ว ผมเลยต้องลงไปข้างล่าง ไปหาซื้อพวกร้านข้างทางที่ขายยามค่ำคืนขึ้นมากินกับเบส
เบสอ้อนผมใหญ่เลย เค้าขอให้ผมป้อนเค้า ซึ่งผมก็ใจอ่อนกับท่าทางน่ารักขี้อ้อนของเบสประจำเลย
ผมค่อยๆ ป้อนบะหมี่เกี้ยวให้เบสจนหมดชาม
พอทานเสร็จผมก็กำชับให้เบสนอนพักผ่อน
ส่วนผมก็อาบน้ำโดยที่ไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยน ต้องใส่ชุดนักศึกษาของเก่าไปก่อน
ตอนที่ผมออกมา เบสก็หลับไปแล้วด้วยความเพลีย
“เห้อ.........” ผมถอนหายใจ เอามือไล่เก็บเส้นผมที่ปรกหน้าเบสออก
“โต้งเป็นอะไร ทำไมถอนหายใจ” จู่ๆเบสก็ลืมตาตื่นขึ้นมา
“อ้าว นอนไปซิเบส ขอโทษที่ทำให้ตื่น”
“ไม่หรอก เรายังไม่อยากนอนด้วยละ ......ถ้าเรานอน เรากลัวว่าโต้งจะหายไปนะซิ”
“เราสัญญา คืนนี้เราจะอยู่ข้างๆ นาย เราไม่หายไปไหนหรอก นอนซะนะ นายเพลียมามากแล้ว”
เบสยิ้มให้ผม พยักหน้าเบาๆ ทีนึง จากนั้นเค้าก็หลับตาลง
“โต้งเล่าอะไรให้ฟังหน่อยซิ นิทานก่อนนอนนะ”
“หึม จะให้เล่าอะไรดีละ”
“เมื่อก่อน โต้งยังเล่าเรื่องสมัยเด็กๆ ให้เราฟังเลยไงละ เอาแบบนั้นก็ได้”
“.........งั้น เราจะเล่าเรื่อง สมัยมาเรียนต่อ ที่กรุงเทพฯ ใหม่ๆ แล้วกัน”
ผมเล่าเรื่องสนุกสนาน สมัยมากรุงเทพฯใหม่ๆ ให้เบสฟัง ผมอยากให้เค้ายิ้มได้ แม้ในฝัน ผมจึงเลือกแต่เรื่องที่สนุกมาเล่า
เบสยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ฟังผมเล่านิทานส่วนตัว
จนในที่สุด เบสก็คล้อยหลับไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ผมมองเบสที่นอนหลับตรงหน้าอย่างสบายใจ
“ราตรีสวัสดิ์นะครับเบส ........พรุ่งนี้เจอกันใหม่” ผมพูดกับร่างที่นอนหลับไม่รู้เรื่องของเบสเพียงคนเดียวในความมืด
............................................................
หวานต่ออีกนิด...ในคืนอีฟ....
เฮ่อ...คืนที่เต็มไปด้วยความเซ็ง