********** ตอนพิเศษ 2 **********
เรือที่พวกเรานั่งค่อยๆ ลดความเร็วลง จุดที่เรือจะวิ่งเข้าคลองไป ต้องอ้อมไปด้านข้างเกาะอีกเล็กน้อย
เรือเร็วของพวกเราจะแวะที่รีสอร์ทอีกแห่งนึงก่อน ชื่อ Captain Hook
ผู้โดยสารที่เป็นคนของรีสอร์ท Captain Hook จะลงไปพร้อมกับสัมภาระที่ติดเรือมา
หลังจากส่งคนและของที่ Captain Hookแล้ว เรือก็ค่อยๆ แล่นไปอย่างช้าๆ เข้าไปในคลอง
Captain Hook เป็นโรงแรมเจ้าของเดียวกับ PeterPan น้ำในคลองเขียวเข้ม สวยงามมาก ถ้าไม่มีเรือวิ่ง น้ำในคลองคงจะยิ่งสงบ นิ่งราวกระจกเลยทีเดียว
ตลอดแนวสองข้างทางของคลองเป็นป่าโกงกาง แทบไม่เห็นบ้านชาวบ้านบนเกาะเลย
พวกเรามาถึงท่าเทียบเรือเล็กๆ แห่งนึง จากตรงจุดนี้ เจ้าหน้าที่ประจำเรือประกาศว่า จะมีการเปลี่ยนไปนั่งรถ เพื่อเข้าไปในรีสอร์ท
การขึ้นลงเรือเป็นไปอย่างทุกลักทุเล ดีที่มีเจ้าหน้าที่จากทางรีสอร์ทที่มาพร้อมรถ เข้ามาช่วยจับมือคนบนเรือเพื่อพยุงให้ขึ้นมาบนท่า
พวกพี่เบิร์ดกับต่อขึ้นไปก่อน ต่อมาก็เป็นคู่ชายหญิงคู่นึง จากนั้นก็เป็นผมกับโต้ง
โต้งดันให้ผมขึ้นไปก่อน
เจ้าหน้าที่รีสอร์ทคนนึง ยื่นมือมาให้ผม ผมจับมือชายหนุ่มคนนั้นเพื่อจะดึงตัวขึ้นไป
แต่ก็มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ผมดึงมือตั้งนานละ ทำไมเจ้าหน้าที่ยังไม่ดึงผมขึ้นไป
นานจนผมอดไม่ได้ต้องเงยหน้ามองขึ้นไป
ก็ทำให้มองเห็นเจ้าหน้าที่ชายหนุ่มคนนั้นจ้องหน้าผมอยู่
“ขอโทษครับ เอ่อ...จะดึงขึ้นไปได้หรือยังครับ” ผมอดไม่ได้จะเอ่ยปาก
“อ๊ะ !! อ๋อ ...ครับๆ โทษที่ๆ เอ้า....ขึ้นมาเลยครับ” เจ้าหน้าที่หนุ่มรีบเปลี่ยนท่าทีดึงผมขึ้นมาบนท่า
จนผมขึ้นไปได้แล้ว เจ้าหน้าที่คนนั้นยังจับมือผมไม่ปล่อยเลย จนผมต้องมองหน้าเค้าอีกรอบ
เราสองคนสบตากัน ชายหนุ่มเจ้าหน้าที่รีบยิ้มให้ผม ก่อนจะปล่อยมือผมออก
แล้วก็หันไปดึงโต้งขึ้นมาบ้าง
ผมอดไม่ได้ที่จะต้องสังเกตชายหนุ่มคนนี้เป็นพิเศษ เพราะท่าทีที่ผิดปกติเมื่อซักครู่
เจ้าหน้าที่คนนี้ ดูๆ ไป น่าจะอายุไม่เกิน 25 ปี ผิวคล้ำเล็กน้อยตามประสาคนอยู่กับทะเล กล้ามเนื้อแน่นไปหมดทั้งตัว ดูท่าจะเป็นนักกีฬา ส่วนเรื่องหน้าตา ก็ดูดีในแบบผู้ชายแมนๆ คนนึง
โต้งเดินเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ผมอยู่ด้วยกันกับโต้งมา 2 ปี ถ้ารวมช่วงเวลาที่ไทยอีก เราก็อยู่ด้วยกันมามากกว่า3 ปีแล้ว
มีหรือผมจะไม่รู้ว่าโต้งเป็นอะไร
โต้งคงกำลังหึงผมกับเจ้าหน้าที่คนเมื่อซักครู่
ผมรีบยิ้มประจบโต้งก่อน เพื่อทำให้เค้าอารมณ์ดีขึ้น
“ไงโต้ง เมาเรือหรอ หน้าตาบูดบึ้งเลยเชียวนะ” ผมแซวโต้ง
“ป่าว” โต้งตอบห้วนๆ สั้นๆ แล้วก็เดินเลยผมไปทางรถ ที่พวกพี่เบิร์ดกับต่อนั่งรออยู่
ผมเดินตามหลังโต้งไป ขำนิดๆ นะเวลาโต้งงอน เพราะปกติโต้งจะไม่ใช่คนแบบนี้
ถ้าจะงอน โต้งจะงอนอยู่เรื่องเดียวคือ การที่มีคนมายุ่งเกาะแกะกับผม
ถึงจะขำ แต่ผมก็ต้องง้อใช่ไหม ตามหน้าที่แล้ว ถึงผมจะไม่คิดว่า ตัวเองทำอะไรผิดนะ
แต่ชีวิตคู่ก็ยังงี้ละครับ กระทบกระทั่งกันด้วยเรื่องงี่เง่า
ถ้ามัวแต่มาคิดว่าฉันไม่ผิด เธอซิผิด ชีวิตคู่ก็คงล้มเหลว ไปกันต่อไม่ได้
พอมาถึงที่รถ ผมก็เห็นต่อนั่งทำหน้าหงิกอยู่ข้างๆ พี่เบิร์ด
ส่วนพี่เบิร์ดนั่งทำหน้าเฉยเมยไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
ห่างจากรถออกไป คู่ชายหญิงที่ขึ้นมาก่อนผมกับโต้ง กำลังถ่ายรูปเล่นกันอยู่ไม่ไกลนัก
“เป็นไรวะไอ้ต่อ” โต้งถามเพื่อน ถึงโต้งกำลังจะงอนผมอยู่ แต่ก็คงสนใจสังเกตเพื่อนตัวเองด้วย
“เปล่า” ต่อตอบสั้นๆ แต่คำตอบนั้น มันเหมือนที่โต้งตอบผมเมื่อซักครู่เลย ผมอดไม่ได้จะขำออกมา
“ขำอะไรหรือเบส” พี่เบิร์ดหันมาถามผม
“อ๋อ...ไม่มีอะไรครับพี่เบิร์ด” ผมรีบตอบปฏิเสธ ขืนผมบอกว่าผมขำโต้งกับต่อ เดี๋ยวจะโดนสองคนนั้นโกรธซะอีก
ผมกับโต้งขึ้นรถไปนั่งข้างๆ โดยที่ต่อกับโต้งนั่งติดกันฝั่งนึง ผมกับพี่เบิร์ดนั่งติดกันอีกฝั่ง
“โต้งเป็นอะไรหรือเปล่า ทำหน้าดูไม่ดีเลย เมาเรือหรือ?” พี่เบิร์ดถามโต้ง แต่คำถามของพี่เบิร์ดยิ่งทำให้ผมขำ ผมหลุดฮาออกมาเสียงดังเลย เพราะพี่เบิร์ดถามเหมือนผมตะกี้เลย
“ขำอะไร” โต้งหันมามองผมตาเขียว จนผมต้องรีบเอามือปิดปาก
“พี่เบิร์ด ผมไม่ชอบหน้าไอ้พนักงานคนเมื่อกี้เลย คนที่มาช่วยดึงคนขึ้นท่าเรือนะ” โต้งเปรยกับพี่เบิร์ดแล้วก็เพื่อนรัก
“เออ กูก็เหมือนกัน แม่งมาจ้องเบิร์ดยังกับเป็นหมาจ้องกระดูกเลย” ต่อกล่าวเสริม
นั่นทำให้ทั้งผมและโต้ง หันไปมองที่ต่อราวกับนัดกันไว้
ทำไมต่อจะต้องไม่พอใจที่พี่เบิร์ดโดนจ้อง ต่อกำลังทำตัวเป็นเจ้าของพี่เบิร์ดงั้นหรือ?
ดูท่าเหมือนต่อจะรู้ตัวว่าเผลอหลุดปากอะไรออกไป ต่อแกล้งทำเป็นกระแอม
“อ๋อ ไม่......คือ มันมองหน้ากวนตีนเราด้วยนะ” ต่อรีบกล่าวเสริม
“เออวะ มันก็จ้องเบสน่าดูเลย ตามันดูเจ้าชู้ กูไม่ชอบเลยวะ แถมยังมาแต๊ะอั๋งจับมือเบสไม่ยอมปล่อย เห็นแล้วอยากต่อยคนวะ” โต้งพูดขึ้นบ้าง
“เอาน่าโต้ง เค้าต้องจับมือเรานะละ ถึงจะฉุดขึ้นมาได้ ยังไงก็ต้องจับมือ อย่าคิดมากเลย เรามาเที่ยวนะ ยิ้มๆ ไว้เหอะ” ผมพูดปลอบใจโต้ง
ก่อนที่โต้งจะได้เถียงอะไรผม นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ก็เดินมาถึงรถแล้ว และกำลังจะปีนขึ้นรถสองแถวคันนี้ ทำให้พวกเราต้องหยุดคุยไปโดยปริยาย
ระหว่างรอคนขึ้นรถผมหันไปชวนพี่เบิร์ดคุย โต้งเลยต้องชวนต่อคุย
จนกระทั่งคนขึ้นรถกันครบแล้ว รถถึงได้ออกวิ่งไปตามถนนบนเกาะ
สองข้างทางไปยังรีสอร์ทเป็นป่าธรรมชาติ สลับกันกับบ้านเรือนของชาวบ้านบนเกาะ บางช่วงก็เป็นทางเข้ารีสอร์ทอื่นๆ บนเกาะ
ไม่นานเกินรอ ซักราวๆ 15นาที พวกเราก็เดินทางมาถึงจุดหมาย คือรีสอร์ท PeterPan นั่นเอง
หน้ารีสอร์ทตอนนี้ดูเหมือนโต้งจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว รวมไปถึงต่อด้วย
พวกเราเดินจับคู่ตามเจ้าหน้าที่ ที่เดินพาเข้าไปนั่งพักในบริเวณล๊อบบี้
“เชิญรับประทานอาหารก่อนได้เลยครับ เดี๋ยวพนักงานจะเอากระเป๋าทุกท่านไปใส่ไว้ในห้องให้เองครับ” เจ้าหน้าที่หนุ่มคนที่โต้งไม่ชอบหน้าเป็นคนพูดกับแขกที่พักทุกๆ คน
ไม่ห่างจากล๊อบบี้ที่ทำเป็นศาลาไม้ ก็เป็นโซนรับประทานอาหาร ตรงนั้นได้มีอาหารวางเตรียมไว้หมดแล้ว เป็นแบบบุฟเฟ่ต์
พวกผมเดินตามฝูงคนไปเลือกโต๊ะนั่งแล้วก็ตักอาหารมานั่งรับประทานกัน
ตอนนี้ทั้งต่อและโต้งก็ดูเหมือนจะอารมณ์ดีกันแล้ว
พวกเรา4คน นั่งคุยเล่นหัวกันอย่างสนุกสนาน
“เออ นี่ แล้วพวกนายจองห้องแบบไหนไว้นะ” ต่อหันไปถามโต้ง
“เราจองช้าไปหน่อย เพิ่งตัดสินใจเมื่ออาทิตย์ก่อนเอง ตอนที่จองห้องตรงหน้าหาดเต็มหมดแล้วนะ เลยเลือกเอาข้างๆ คลองแทน พอดีเห็นพี่เจ้าหน้าที่เค้าบอกว่า มีกรุ๊ปนึงแคนเซิลไปพอดี”
บ้านพักที่โต้งตั้งใจจะจอง อยู่หน้าชายหาดเลย แต่เต็มซะก่อนใช่แล้วครับ รีสอร์ทของพวกเราก็อยู่ข้างๆ คลองอีกแห่ง อยู่ตรงหัวมุมที่คลองมาสิ้นสุดเชื่อมกับทะเล
ดังนั้นวิวด้านนึงของรีสอร์ทคือทะเลสีน้ำเงินสวย อีกด้านก็คือคลองเขียวเข้มนิ่งราวกระจก
จะเป็นมุมไหน ก็สวยประทับใจทั้งนั้น
“เออ เหมือนกันเลยเราก็ได้ห้องริมคลอง ช่วงนี้ปิดเทอมมั้ง คนเที่ยวเยอะเลย หาห้องไม่ได้ ของเราเลือกห้องCrab เอาไว้นะ”
“อ้าว งั้นก็บังเอิญเลย เรากับโต้งก็จองห้องแบบนั้นไว้ สงสัยจะได้ห้องติดกันเลยหรือเปล่าเนี่ย” ผมอุทานออกไป
“ดีจังเลย เหมือนมาเที่ยวพร้อมกันเลยนะ” พี่เบิร์ดพูดยิ้มๆ
แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงนึงดังแทรกเข้ามาในวงอาหาร