ตอนที่3 ***************
คืนนั้นผมหลับไปอย่างเป็นสุข ไม่ได้นอนหลับดีอย่างนี้มานานแล้ว พอตื่นขึ้นมาก็เห็นมันยังหลับสนิทเลยปล่อยให้มันนอนพักไปก่อน แล้วผมก็หยิบกระดาษมาเขียนโน๊ตบอกมันว่าจะกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่วัดก่อนแล้วจะรีบกลับมาดูมันอีกทีตอนสายๆ
ผมรีบกลับมาห้องผมที่วัดอย่างเร่งรีบ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เก็บเสื้อผ้า2-3ชุดและของใช้อื่นเท่าที่จำเป็นแล้วรีบขึ้นไปหาหลวงตาท่านทันที
" หลวงตาครับ เดี๋ยววันนี้ผมขออนุญาตไปเฝ้าไข้เพื่อนผมหน่อยนะครับ บ้านมันอยู่แถวตลาดน่ะครับ แล้วมันก็ไม่มีใครอยู่บ้านด้วยเลย พ่อแม่มันก็ไปธุระไม่ได้อยู่ที่บ้านพอดีครับ "
" เอ้อ ก็ดีแล้วล่ะ เอ็งก็ไปช่วยๆดูเพื่อนมันก็แล้วกัน อยู่ที่นี่มันก็มีไอ้เด็กๆคนอื่นอยู่เยอะแล้ว ไม่ต้องห่วงทางนี้ ไปเหอะ " หลวงตาท่านก็ใจดี อนุญาตผมอย่างง่ายดายเหมือนเคยเพราะท่านรู้ดีว่าผมไม่เคยเหลวไหล ก็ดีครับที่ท่านไม่ได้ถามว่าไอ้เนป่วยเป็นอะไร ไม่อยากโกหกท่านเลยน่ะ
" ครับผม ก็เดี๋ยวผมคงค้างกับมันคืนนี้ครับ แล้วอาจจะต้องค้างคืนพรุ่งนี้อีกคืนแต่ยังไม่แน่หรอกครับ ถ้ามันดีขึ้นแล้วผมจะกลับมาก่อนนะครับ" ผมบอกท่านเผื่อไป เพราะก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าอาการมันจะทรุดไปอีกมั๊ย อาจต้องอยู่ดูมันอีกคืน
ผมรีบออกมาจากวัดบึ่งไปบ้านมันทันทีโดยไม่ลืมว่าต้องแวะซื้อข้าวไปเผื่อมันและตัวเองด้วย พอมาถึงก็พบว่ามันไปนั่งเอกเขนกอยู่ที่โต๊ะริมระเบียงนั่นเอง
" เออ... มาแล้วเหรอวะ มึงไปเร็วจังว่ะ " มันทักผมทันทีที่หันมาเห็นผม
" อ้าว เฮ้ย หมอยิ่งบอกให้มึงนอนเฉยๆอยู่นะ แล้วมึงออกมานั่งอยู่นี่อ่ะ "
" เออ...อ ก็กูนอนเบื่อแล้วอยู่แต่ในห้องเบื่อตายห่า ขอมานั่งรับลมหน่อยวะ " มันหันมาอธิบาย
" เอ้อ ก็จริงของมึง งั้นบ้านมึงมีเตียงผ้าใบรึอะไรที่ใช้นอนตรงนี้ได้มั๊ยอ่ะ เดี๋ยวกูไปเอามาให้มึงนอนดีกว่า " ผมว่าพลางเดินเข้าไปดูในบ้านก็พอดีเห็นมีเตียงผ้าใบอยู่เลยเอามากางให้มันนอนริมระเบียงนั้น
" มาๆ รีบมากินข้าวก่อนมึง จะได้กินยา " ผมบอกให้มันกินข้าวที่ซื้อมาพร้อมกับนั่งลงกินกับมัน
" เอ้อ..ใช่ กูว่าจะถามตั้งแต่เมื่อวาน ตกลงมึงไปติดเงินไอ้พวกนั้นมันได้ไงวะ อย่าบอกกูนะว่าเสียบอลอ่ะ " ผมเริ่มเปิดฉากถามมันทันทีที่นึกได้ เพราะเมื่อวานก็ไม่มีจังหวะที่จะถามมัน
" เออๆ กูแม่งซวยเองแหละโลภมากไปหน่อย เห็นว่ามันมาชัวร์ๆอยู่เลยทุ่มไป สูญหมด แม่งง... " มันบ่นอย่างเซ็งๆ
" เฮ้อ... กูว่าแล้ว มึงมัวคิดงี้อ่ะ ถ้าเล่นแล้วมันรวยคนอื่นแม่งก็คงรวยกันไปหมดแล้วอ่ะ มึงเล่นได้วันนี้ วันหน้ามึงก็ต้องเสียอีกอยู่ดี มันจะมีประโยชน์อะไรวะ เสี่ยงก็เสี่ยง " ผมเตือนสติมันเหมือนอย่างที่หลวงตาท่านเคยสอนผมไว้ การพนันมันไม่เคยทำชีวิตใครให้ดีได้ เพราะมันคือ วังวนนรกที่ลวงให้คนหลงแค่นั้น
" เออว่ะ กูมันก็โง่เองแหละ รู้ว่าไม่ดีก็ยังจะเสือกทำนะ มัวแต่คิดง่ายๆว่ามันคงไม่เป็นไร เฮ้อ.... " มันพูดพลางถอนหายใจอย่างรู้สึกสำนึก ผมเลยจับไหล่มันแล้วบอกมันว่า
" งั้น... ต่อไปมึงก็อย่าไปเกี่ยวข้องกะมันอีกเลยนะ ไอ้เส้นทางชั่วเนี่ย กูขอมึงได้มั๊ยล่ะ ในฐานะเพื่อนมึง เพื่อนที่รักมึงแม้จะเพิ่งได้คบกันจริงๆแค่วันนึงก็เหอะ แต่ก็ไม่รู้ดิวะ กูขอให้มึงเชื่อกูนะว่ากูอ่ะหวังดีกับมึงจริงๆ แค่คิดว่าคราวนี้มึงยังโดนขนาดนี้ ถ้ามีคราวหน้าล่ะ กูไม่อยากจะคิดเลยว่ะ " ผมบอกมันด้วยความเป็นห่วง
ลึกๆแล้วผมก็รู้ครับ ว่าเราเพิ่งมาคบกันจะมาพูดอย่างนี้ในฐานะเพื่อนสนิทกันมันก็ยังไงๆอยู่ แต่เพราะผมก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ แค่ไม่อยากให้มันเดินทางผิดอีก ไม่อยากให้มันต้องโดนใครเล่นงานอีก และที่สำคัญผมไม่อยากเสียเพื่อนที่เพิ่งได้เจออย่างมันไปเลย
" เออว่ะ กูก็เข็ดแล้วล่ะ แค่นี้กูก็ได้สำนึกแล้ว กูให้สัญญากับมึงได้เลยนะว่า ต่อไปกูจะไม่ขอกลับไปอยู่กับไอ้สิ่งเลวๆอย่างนั้นอีกแล้ว ขอให้มึงเชื่อกูนะ " มันพูดแล้วยื่นมือมาข้างหน้าอันหมายถึงให้ผมจับมือกับมันเป็นสัญญาลูกผู้ชาย
" เออ กูดีใจนะ นี่จะเป็นสัญญาลูกผู้ชายนะเว้ย กูแค่ขอให้มึงรักษาสัญญาของมึงให้ได้ตลอดไปนะ เพราะว่าถ้ามึงทำไม่ได้เพื่อนอย่างกูก็จะต้องเสียใจมากนะเว้ย เพราะมันอาจจะหมายถึงมึงต้องตายเพราะไอ้พวกโต๊ะบอลมันก็ได้ มึงเข้าใจกูมั๊ย " ผมบอกมันแล้วจับไหล่ของมัน
" อืม กูก็ดีใจว่ะอิน ที่ยังไงๆมึงก็ยังหวังดีกะกู ถึงเราจะเพิ่งมาคบกันได้วันสองวันนี่เองนะเว้ย แต่ตอนนี้กูรู้สึกว่ายังกะว่าเหมือนกูกะมึงคบกันมานานมากๆแล้วเลยว่ะ " มันบอกผม ซึ่งก็ทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวระหว่างผมกับมันที่ผ่านๆมา
" ก็จริงว่ะ เมื่อก่อนเจอกันก็แทบจะฆ่ากันอยู่แล้ว ไม่มีได้พูดดีๆกันอ่ะ แต่ตอนนี้มึงกะกูกลับกลายเป็นว่าได้มานั่งคุยกันอยู่อย่างนี้ มันก็แปลกดีนะชีวิตคนเรา "
" เฮ้ย... หรือว่า..... " มันจ้องหน้าผมแล้วทิ้งช่วงคำพูดให้ผมงงเล่น
" อะไรวะ " ผมมองหน้ารอคำตอบจากมัน
" หรือมึงกะกูจะเป็นเนื้อคู่กันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ววะ ฮ่าๆๆๆ" มันบอกแล้วระเบิดหัวเราะออกมา
" โห.... ไอ่สาดด... มึงคิดได้ไงเนี่ย เอาส่วนไหนของมึงคิดวะ" ผมด่ามันทันที ตามด้วยความรู้สึกขนลุก
" เอ้า ก็ไม่งั้นกูกะมึงจะรู้สึกผูกพันกันขนาดนี้ได้ไงอ่ะ จริงป่าว " มันยังคงหัวเราะผม
" เออ แล้วไอ้ที่กัดๆกัน จะฆ่ากันเมื่อก่อนอ่ะ ถ้าเป็นเนื้อคู่แล้วทำไมเป็นงั้นอ่ะ " ผมบอกมันพลางยิ้ม เพราะจะดูซิว่ามันจะตอบแก้ผมว่าไง
" อืม....ม อ๋อ.... กูว่ามันอาจจะเหมือนในหนังไง " มันทำท่าเป็นปิ๊งความคิด
" พระเอกกับนางเอกต้องไม่ลงรอยกัน มีเรื่องมีราวกันมาก่อน แต่สุดท้ายก็มารักกันตอนหลังไง " มันสรุปได้อย่างน่าถีบเลยครับ อุตส่าห์คิดได้จริงๆมึง ไอ่เน แก้ตัวไปจนได้
" เฮ้อ... เออๆ กูยอมแพ้มึงละ ยังได้อีกอ่ะมึง แล้วไงอ่ะ ใครเป็นพระเอก ใครจะเป็นนางเอกอ่ะ มึงรึกู.. " ผมอ่อนใจไปกะมัน เลยแกล้งบอกมันไป มันก็ทำท่าคิด
" อืม....... งั้นก็ผลัดกันละกัน มึงทีนึง กูทีนึง แฟร์ดี ฮ่าๆๆๆ " มันหัวเราะชอบใจใหญ่ ผมเลยด่ามัน
" สาดด.. เชี่ยไรของมึง ไอ้มึงที กูทีเนี่ย แม่งง ไอ้ "ที" ของมึงเนี่ย มันคืออะไรวะห๊ะ " ผมพูดไปก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอกครับ ขำมากกว่า แต่มันก็ยังคงกวนทีนต่อ
" ก็.... มึงก็คิดเอาเองละกันนะ ฮ่าๆๆๆ " อ่ะนะ ทะลึ่งจริงๆมึง ไอ่เน
" พอๆ หยุดความคิดเปรตๆของมึงได้ละ กูจะอ้วกแล้ว ขอกูไปอ้วกก่อนแล้วกันนะ " ผมสุดจะขำกะมุขมันจนไม่ไหวแล้วเลยเลี่ยงลุกขึ้นจากโต๊ะหยิบถ้วยชามไปล้างในครัว ระหว่างที่เดินออกมาผมก็มองสภาพในบ้านที่จัดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างสบายใจ
" เออ กูก็ไม่นึกนะว่าเห็นมึงอย่างนี้แล้ว จริงๆมึงเป็นคนสะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบเรียบร้อยจังว่ะ บ้านมึงเลยน่าอยู่อย่างงี้ " ผมชมมัน แต่มันก็ทำหน้าเหมือนไม่พอใจกับคำชม
" ทำมายห๊ะ อย่างกูเนี่ย มันเป็นยังไงวะ เห็นกูซกมกมากเหรอไง " มันแกล้งทำท่างอนเหมือนว่าเราไปว่ามัน ดูถูกมันยังงี้ได้ไง
" ป่าว.....ว กูก็แค่เห็นบ้านมึงสะอาดเรียบร้อยมาก ไม่คิดว่ามึงจะดูแลบ้านได้ดี เรียบร้อยอย่างนี้ครับ คุณเน " ผมประชดมัน
" เออ จริงๆมึงก็คิดถูกแล้วอ่ะ ไม่ใช่ฝีมือกูหรอก หึๆๆ กูมีป้าที่บ้านเค้าอยู่แถวนี้มาช่วยทำให้อาทิตย์ละครั้ง แม่กูจ้างไว้ เค้ารู้ว่ากูอยู่ไม่ค่อยติดบ้าน เลยไม่ค่อยไว้ใจถ้าจ้างคนใช้มาประจำบ้าน " มันเฉลย
" ฮี่โธ่เอ๊ย...ย กูก็นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็มีคนทำให้ ไอ่เวรร.... "
" อ๊ะ แน่นอน ลูกคุณหนูผู้สูงศักดิ์อย่างกูมีเหรอ ที่จะต้องมานั่งทำงานบ้านเอง ต้องมีบริวารมารับใช้สิวะ ฮ่าๆๆ " มันบอกพลางทำเป็นเชิดหน้า ชูคอ สูงศักดิ์จังมึง น่าถีบจริงๆ
" โอ้โห ดูสูงศักดิ์จังเลยครับ คุณหนูเน สาดดด... กูว่ามึงชูคอเหมือนกิ้งก่ามากกว่าอีก ฮ่าๆๆๆ " ผมด่ามันแล้วหัวเราะ
" สัดนี่ มาด่ากู กิ้งก่าเชี่ยไรจะหล่อยังงี้ " มันยังหน้าด้าน
" อื้อหือ สาดดด... ไม่ค่อยหลงตัวนะ หล่อมากเลยอ่ะมึง " ผมว่ามันอย่างหมั่นไส้ ก็จริงอยู่ครับ จะว่าไปแล้วมันก็ถือว่าเป็นคนหล่ออยู่ หน้าตาดูตี๋ๆคิ้วดูเข้มเพราะมันมีเชื้อจีน แต่ผิวมันกลับจะเข้มๆ ไม่ขาวอย่างคนจีน
ยิ่งรูปร่างมันแล้วนี่ จะล่ำๆ ถึกๆหน่อย เนี่ยเหรอวะลูกคุณหนู ฮ่าๆ นั่นคงจะเพราะว่ามันชอบเตะบอลเป็นชีวิต และยังบ้าพลังไปกับกีฬาแทบทุกอย่าง และที่จริงผมว่าอายุมันคงต้องมากกว่าผมอย่างน้อยๆสักปีสองปีได้ เพราะมันซ้ำชั้นม.6มาปีนึง ซึ่งสาเหตุก็คงเพราะมันเกเรนี่แหละครับ
เรายังคงนั่งคุยกันต่อไปเรื่อยๆอย่างสนุกอยู่ที่ริมระเบียงนั้น มันนอนอยู่บนเตียงผ้าใบอย่างสบาย วันนั้นอากาศดีแม้แดดข้างนอกบ้านจะร้อนมาก แต่บริเวณตัวบ้านก็ยังร่มรื่นอย่างมากเพราะมีต้นไม้ใหญ่ที่ดูแล้วคงอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปีหลายต้นแผ่ร่มเงาจนครึ้มไปหมดจนรู้สึกว่าอากาศเย็นสบายอย่างมาก จนกระทั่งเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
" เอ้อ จะเที่ยงแล้ว เดี๋ยวกูไปซื้อข้าวดีกว่า มึงหิวยังอ่ะ " ผมถามมันเพราะเห็นนาฬิกาว่าใกล้เที่ยงแล้ว
" เออๆ ก็หิวๆนิดนึง อิน เดี๋ยวมึงเอาตังค์กูบนโต๊ะนั้นไปด้วยนะ เอาไปซื้ออะไรๆมาก่อน มึงไม่ต้องออกให้กูแล้ว เดี๋ยวมึงไม่มีตังค์พอดี " มันบอกให้ผมไปหยิบตังค์บนโต๊ะรับแขกที่มันวางไว้
" อ๋อ.. เออ ไม่เป็นไรหรอก กูยังพอมี " ผมบอกมันเพราะก็กลัวว่ามันจะยังไม่มีเงินติดตัวอยู่ ไม่แน่ใจว่าพวกนั้นมันมาทวงเงินมันไปหมดมั๊ย
" เออ... มึงหยิบไปเหอะ กูก็เกรงใจมึง เดี๋ยววันจันทร์นี้กูจะไปกดตังค์มาเพราะแม่กูเพิ่งโอนมาให้ กูโทรไปบอกเค้ามาว่าขอกูก่อน จะได้เอามาคืนให้มึงก่อนนะ เงินมันเยอะอยู่กูกลัวมึงเดือดร้อนว่ะ นะ... ไม่ต้องห่วงกูแล้วล่ะ เดี๋ยววันจันทร์นี้มึงเอาคืนไปก่อนได้เลย รีบเอากลับไปเข้าบัญชีมึงเหอะ " มันบอกผม
" เออๆ ก็ได้ๆ งั้นเดี๋ยวกูมานะ " ผมว่าแล้วก็เดินไปหยิบแบงค์พันที่วางบนโต๊ะออกไปจากบ้านมันมุ่งหน้าไปยังตลาดอีกครั้ง ตั้งใจว่าจะซื้อกับข้าวไปทีเดียวให้กินได้ 2 มื้อเลย จะได้ไม่ต้องออกมาอีกทีตอนเย็น พอได้แล้วก็รีบกลับไปกินกับมันสองคนโดยไม่ลืมให้มันกินยาด้วย
" อืม หมอเค้าบอกว่าให้มึงนอนเฉยๆ 2-3 วันก็คงหายแล้ว แต่เท่าที่กูเห็นนี่ก็เหมือนมึงไม่เป็นไรแล้วเลยเนอะ ทำไมมึงอาการดีขึ้นเร็วจังวะ " ผมถามมันอย่างสงสัยในขณะที่มองดูสภาพร่างกายมันที่ตอนนี้แค่มีร่องรอยเป็นเขียวๆจ้ำๆอยู่ตามตัว และแผลแตกที่หัวของมันแค่นั้น
" เออ.... จริงๆแล้วกูก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ไม่เจ็บเท่าไร่ตั้งแต่หลังไปหาหมอแล้ว ไม่งั้นจะมาล้อเล่นอยู่กะมึงอย่างเมื่อคืนนี้ได้ไง แต่พอมึงถีบกูๆก็เจ็บๆไปนิดนึงแต่ไม่ได้เป็นไรอ่ะ " มันยิ้มบอกผม
" อ๊าว มึงนี่ แล้วทำไมไม่เสือกบอกวะ ให้กูเป็นห่วงนอนเฝ้าอยู่ได้ทั้งคืน มิน่าแม่งยังจะมุขเยอะ กวนทีนได้อีก เพราะไม่เป็นไรแล้วนี่เอง มึงนี่.. " ผมโวยมันทันที เพราะรู้สึกว่ามึงจะมาหลอกกูให้ห่วงทำไมเนี่ย สนุกนักเหรอมึง
" เออๆ กูขอโทษทีเว้ย ตอนแรกจะบอกมึงแล้วล่ะ แต่กูกลัวมึงเห็นกูไม่เป็นไรแล้วมึงจะกลับไปวัดเลยไง กูก็ต้องนอนคนเดียวเปล่าเปลี่ยวอ่ะ " มันทำเสียงอ่อยๆซะเหมือนน่าสงสาร ผมเลยขำมันแทนจากที่ตอนแรกนึกไม่พอใจมัน
" อ้าว ก็จะให้กูนอนเป็นเพื่อนเฉยๆมึงก็บอกดิวะ แค่นี้ทำไมกูจะทำไม่ได้ มึงนี่ก็... บ้าว่ะ "
" อ่ะ เหรอวะ เออๆ ก็แบบว่า กูกลัวไงว่ามึงจะกลับไป อืม รู้ยังงี้ก่อนกูก็จะได้ไม่ต้องทำมารยาอยู่ตั้งนานอ่ะ ฮะๆๆ " มันสารภาพแล้วหัวเราะ
" สาดด นี่ ทำมารยากะกูดีนักนะมึง เดี๋ยวคืนนี้กูจะปล่อยให้นอนคนเดียวแม่งซะเลยนี่ " ผมแกล้งขู่มัน เพราะนึกขำ แม่งทำไมมันขี้อ้อนจังวะ
" อ่ะ เฮ้ยๆๆ มึงจะทำงั้นไม่ได้นะเว้ยย... ไอ่อิน มึงจะทิ้งกูไปได้ลงคอเชียวเหรอวะ เพื่อน.... " มันรีบมาจับมือผมพลางแกล้งทำตาปริบๆอย่างน่าสงสาร ผมล่ะขำจนอยากจะเขกกบาลมันสักทีแต่นึกได้ว่าหัวมันแตกอยู่เลยไม่ได้ทำ
" เออๆๆ ไอ่สาดด.. น่าสงสารมากมึง... ขี้อ้อนดีนักนะ อ่ะๆ กูใจอ่อนละ ไม่ทิ้งมึงไปหรอก เลิกอ้อนกูได้ละ " ผมพูดไปก็ขำไปกับท่าทางที่มันทำ
" เออ กูขอบใจนะเว้ย กูก็รู้อยู่แล้วอ่ะว่ายังไงๆมึงก็ไม่มีทางทิ้งกูหรอก " มันพูดแล้วก็ยิ้มแฉ่งเต็มที่อย่างพอใจ ผมก็ยิ้มให้มัน
" เออ มึงรู้อย่างงั้นก็ดีแล้ว ยังไงกูก็คงทิ้งมึงไม่ลงหรอกนะ " ผมบอกมันอย่างสบายใจและดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มอันสุขใจของมัน และยิ่งรู้สึกดีที่มันเป็นสุขได้อย่างนี้เพราะผมเอง
ตั้งแต่ผมได้เห็นมันมาก็ไม่เคยได้เห็นรอยยิ้มของมันอย่างวันนี้เลย จากที่เคยทะเลาะกัน ที่เคยคิดโกรธแค้นมัน แต่พอวันนี้แล้วกลายเป็นว่าสิ่งเหล่านั้นมันได้หายไปจนหมดสิ้นจริงๆ เหมือนกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นเลย
คงเป็นเพราะว่ามีบางสิ่งได้เข้ามาแทนที่ความบาดหมางอันนั้นแล้ว ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ " มิตรภาพ " นั่นเองครับ
******************************