[[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ถ้าอ่านจบแล้วติดตามภาคพิเศษต่อเลยนะครับ ตามลิ้งค์ที่หน้า10ครับ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [[กู+มึง=มิตรภาพตลอดไป]] ถ้าอ่านจบแล้วติดตามภาคพิเศษต่อเลยนะครับ ตามลิ้งค์ที่หน้า10ครับ  (อ่าน 93641 ครั้ง)

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
ตอนที่3
              

                                                                        ***************

             คืนนั้นผมหลับไปอย่างเป็นสุข   ไม่ได้นอนหลับดีอย่างนี้มานานแล้ว    พอตื่นขึ้นมาก็เห็นมันยังหลับสนิทเลยปล่อยให้มันนอนพักไปก่อน    แล้วผมก็หยิบกระดาษมาเขียนโน๊ตบอกมันว่าจะกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่วัดก่อนแล้วจะรีบกลับมาดูมันอีกทีตอนสายๆ    

            ผมรีบกลับมาห้องผมที่วัดอย่างเร่งรีบ   อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  เก็บเสื้อผ้า2-3ชุดและของใช้อื่นเท่าที่จำเป็นแล้วรีบขึ้นไปหาหลวงตาท่านทันที  

         " หลวงตาครับ  เดี๋ยววันนี้ผมขออนุญาตไปเฝ้าไข้เพื่อนผมหน่อยนะครับ    บ้านมันอยู่แถวตลาดน่ะครับ    แล้วมันก็ไม่มีใครอยู่บ้านด้วยเลย  พ่อแม่มันก็ไปธุระไม่ได้อยู่ที่บ้านพอดีครับ "

         " เอ้อ    ก็ดีแล้วล่ะ  เอ็งก็ไปช่วยๆดูเพื่อนมันก็แล้วกัน    อยู่ที่นี่มันก็มีไอ้เด็กๆคนอื่นอยู่เยอะแล้ว    ไม่ต้องห่วงทางนี้  ไปเหอะ "   หลวงตาท่านก็ใจดี     อนุญาตผมอย่างง่ายดายเหมือนเคยเพราะท่านรู้ดีว่าผมไม่เคยเหลวไหล      ก็ดีครับที่ท่านไม่ได้ถามว่าไอ้เนป่วยเป็นอะไร   ไม่อยากโกหกท่านเลยน่ะ

         " ครับผม   ก็เดี๋ยวผมคงค้างกับมันคืนนี้ครับ    แล้วอาจจะต้องค้างคืนพรุ่งนี้อีกคืนแต่ยังไม่แน่หรอกครับ     ถ้ามันดีขึ้นแล้วผมจะกลับมาก่อนนะครับ"      ผมบอกท่านเผื่อไป    เพราะก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าอาการมันจะทรุดไปอีกมั๊ย  อาจต้องอยู่ดูมันอีกคืน

         ผมรีบออกมาจากวัดบึ่งไปบ้านมันทันทีโดยไม่ลืมว่าต้องแวะซื้อข้าวไปเผื่อมันและตัวเองด้วย   พอมาถึงก็พบว่ามันไปนั่งเอกเขนกอยู่ที่โต๊ะริมระเบียงนั่นเอง

         " เออ...  มาแล้วเหรอวะ  มึงไปเร็วจังว่ะ "   มันทักผมทันทีที่หันมาเห็นผม

         " อ้าว  เฮ้ย   หมอยิ่งบอกให้มึงนอนเฉยๆอยู่นะ  แล้วมึงออกมานั่งอยู่นี่อ่ะ "

         " เออ...อ   ก็กูนอนเบื่อแล้วอยู่แต่ในห้องเบื่อตายห่า   ขอมานั่งรับลมหน่อยวะ "  มันหันมาอธิบาย

         " เอ้อ  ก็จริงของมึง   งั้นบ้านมึงมีเตียงผ้าใบรึอะไรที่ใช้นอนตรงนี้ได้มั๊ยอ่ะ  เดี๋ยวกูไปเอามาให้มึงนอนดีกว่า "  ผมว่าพลางเดินเข้าไปดูในบ้านก็พอดีเห็นมีเตียงผ้าใบอยู่เลยเอามากางให้มันนอนริมระเบียงนั้น

         " มาๆ  รีบมากินข้าวก่อนมึง   จะได้กินยา "  ผมบอกให้มันกินข้าวที่ซื้อมาพร้อมกับนั่งลงกินกับมัน

         " เอ้อ..ใช่  กูว่าจะถามตั้งแต่เมื่อวาน    ตกลงมึงไปติดเงินไอ้พวกนั้นมันได้ไงวะ   อย่าบอกกูนะว่าเสียบอลอ่ะ "     ผมเริ่มเปิดฉากถามมันทันทีที่นึกได้   เพราะเมื่อวานก็ไม่มีจังหวะที่จะถามมัน

         " เออๆ   กูแม่งซวยเองแหละโลภมากไปหน่อย   เห็นว่ามันมาชัวร์ๆอยู่เลยทุ่มไป   สูญหมด  แม่งง... "      มันบ่นอย่างเซ็งๆ

         " เฮ้อ...   กูว่าแล้ว   มึงมัวคิดงี้อ่ะ  ถ้าเล่นแล้วมันรวยคนอื่นแม่งก็คงรวยกันไปหมดแล้วอ่ะ   มึงเล่นได้วันนี้  วันหน้ามึงก็ต้องเสียอีกอยู่ดี     มันจะมีประโยชน์อะไรวะ   เสี่ยงก็เสี่ยง "     ผมเตือนสติมันเหมือนอย่างที่หลวงตาท่านเคยสอนผมไว้   การพนันมันไม่เคยทำชีวิตใครให้ดีได้   เพราะมันคือ  วังวนนรกที่ลวงให้คนหลงแค่นั้น

         " เออว่ะ  กูมันก็โง่เองแหละ  รู้ว่าไม่ดีก็ยังจะเสือกทำนะ   มัวแต่คิดง่ายๆว่ามันคงไม่เป็นไร  เฮ้อ.... "   มันพูดพลางถอนหายใจอย่างรู้สึกสำนึก  ผมเลยจับไหล่มันแล้วบอกมันว่า

         " งั้น...  ต่อไปมึงก็อย่าไปเกี่ยวข้องกะมันอีกเลยนะ   ไอ้เส้นทางชั่วเนี่ย   กูขอมึงได้มั๊ยล่ะ  ในฐานะเพื่อนมึง  เพื่อนที่รักมึงแม้จะเพิ่งได้คบกันจริงๆแค่วันนึงก็เหอะ   แต่ก็ไม่รู้ดิวะ     กูขอให้มึงเชื่อกูนะว่ากูอ่ะหวังดีกับมึงจริงๆ    แค่คิดว่าคราวนี้มึงยังโดนขนาดนี้   ถ้ามีคราวหน้าล่ะ  กูไม่อยากจะคิดเลยว่ะ "    ผมบอกมันด้วยความเป็นห่วง      

         ลึกๆแล้วผมก็รู้ครับ   ว่าเราเพิ่งมาคบกันจะมาพูดอย่างนี้ในฐานะเพื่อนสนิทกันมันก็ยังไงๆอยู่   แต่เพราะผมก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ    แค่ไม่อยากให้มันเดินทางผิดอีก    ไม่อยากให้มันต้องโดนใครเล่นงานอีก    และที่สำคัญผมไม่อยากเสียเพื่อนที่เพิ่งได้เจออย่างมันไปเลย    

         " เออว่ะ   กูก็เข็ดแล้วล่ะ   แค่นี้กูก็ได้สำนึกแล้ว   กูให้สัญญากับมึงได้เลยนะว่า  ต่อไปกูจะไม่ขอกลับไปอยู่กับไอ้สิ่งเลวๆอย่างนั้นอีกแล้ว  ขอให้มึงเชื่อกูนะ "    มันพูดแล้วยื่นมือมาข้างหน้าอันหมายถึงให้ผมจับมือกับมันเป็นสัญญาลูกผู้ชาย

         " เออ  กูดีใจนะ  นี่จะเป็นสัญญาลูกผู้ชายนะเว้ย   กูแค่ขอให้มึงรักษาสัญญาของมึงให้ได้ตลอดไปนะ  เพราะว่าถ้ามึงทำไม่ได้เพื่อนอย่างกูก็จะต้องเสียใจมากนะเว้ย   เพราะมันอาจจะหมายถึงมึงต้องตายเพราะไอ้พวกโต๊ะบอลมันก็ได้   มึงเข้าใจกูมั๊ย "   ผมบอกมันแล้วจับไหล่ของมัน    
      
         " อืม  กูก็ดีใจว่ะอิน  ที่ยังไงๆมึงก็ยังหวังดีกะกู   ถึงเราจะเพิ่งมาคบกันได้วันสองวันนี่เองนะเว้ย    แต่ตอนนี้กูรู้สึกว่ายังกะว่าเหมือนกูกะมึงคบกันมานานมากๆแล้วเลยว่ะ "    มันบอกผม   ซึ่งก็ทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวระหว่างผมกับมันที่ผ่านๆมา

         " ก็จริงว่ะ  เมื่อก่อนเจอกันก็แทบจะฆ่ากันอยู่แล้ว   ไม่มีได้พูดดีๆกันอ่ะ   แต่ตอนนี้มึงกะกูกลับกลายเป็นว่าได้มานั่งคุยกันอยู่อย่างนี้     มันก็แปลกดีนะชีวิตคนเรา "    

         " เฮ้ย... หรือว่า..... "  มันจ้องหน้าผมแล้วทิ้งช่วงคำพูดให้ผมงงเล่น

         " อะไรวะ "  ผมมองหน้ารอคำตอบจากมัน

         " หรือมึงกะกูจะเป็นเนื้อคู่กันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ววะ   ฮ่าๆๆๆ"   มันบอกแล้วระเบิดหัวเราะออกมา  

         " โห....  ไอ่สาดด... มึงคิดได้ไงเนี่ย  เอาส่วนไหนของมึงคิดวะ"   ผมด่ามันทันที  ตามด้วยความรู้สึกขนลุก

         " เอ้า   ก็ไม่งั้นกูกะมึงจะรู้สึกผูกพันกันขนาดนี้ได้ไงอ่ะ  จริงป่าว "  มันยังคงหัวเราะผม

         " เออ  แล้วไอ้ที่กัดๆกัน  จะฆ่ากันเมื่อก่อนอ่ะ  ถ้าเป็นเนื้อคู่แล้วทำไมเป็นงั้นอ่ะ "   ผมบอกมันพลางยิ้ม   เพราะจะดูซิว่ามันจะตอบแก้ผมว่าไง   

         " อืม....ม  อ๋อ.... กูว่ามันอาจจะเหมือนในหนังไง " มันทำท่าเป็นปิ๊งความคิด  
      
         " พระเอกกับนางเอกต้องไม่ลงรอยกัน    มีเรื่องมีราวกันมาก่อน   แต่สุดท้ายก็มารักกันตอนหลังไง "    มันสรุปได้อย่างน่าถีบเลยครับ    อุตส่าห์คิดได้จริงๆมึง  ไอ่เน  แก้ตัวไปจนได้

         " เฮ้อ...  เออๆ   กูยอมแพ้มึงละ   ยังได้อีกอ่ะมึง   แล้วไงอ่ะ   ใครเป็นพระเอก  ใครจะเป็นนางเอกอ่ะ    มึงรึกู.. "  ผมอ่อนใจไปกะมัน เลยแกล้งบอกมันไป  มันก็ทำท่าคิด

         " อืม.......   งั้นก็ผลัดกันละกัน   มึงทีนึง กูทีนึง  แฟร์ดี  ฮ่าๆๆๆ "   มันหัวเราะชอบใจใหญ่  ผมเลยด่ามัน

         " สาดด..  เชี่ยไรของมึง   ไอ้มึงที  กูทีเนี่ย    แม่งง    ไอ้ "ที" ของมึงเนี่ย  มันคืออะไรวะห๊ะ "      ผมพูดไปก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอกครับ  ขำมากกว่า  แต่มันก็ยังคงกวนทีนต่อ    

      
         " ก็....   มึงก็คิดเอาเองละกันนะ   ฮ่าๆๆๆ "    อ่ะนะ  ทะลึ่งจริงๆมึง  ไอ่เน

         " พอๆ  หยุดความคิดเปรตๆของมึงได้ละ   กูจะอ้วกแล้ว    ขอกูไปอ้วกก่อนแล้วกันนะ "    ผมสุดจะขำกะมุขมันจนไม่ไหวแล้วเลยเลี่ยงลุกขึ้นจากโต๊ะหยิบถ้วยชามไปล้างในครัว     ระหว่างที่เดินออกมาผมก็มองสภาพในบ้านที่จัดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างสบายใจ

         " เออ    กูก็ไม่นึกนะว่าเห็นมึงอย่างนี้แล้ว   จริงๆมึงเป็นคนสะอาดสะอ้าน  เป็นระเบียบเรียบร้อยจังว่ะ   บ้านมึงเลยน่าอยู่อย่างงี้ "     ผมชมมัน  แต่มันก็ทำหน้าเหมือนไม่พอใจกับคำชม

         " ทำมายห๊ะ   อย่างกูเนี่ย  มันเป็นยังไงวะ   เห็นกูซกมกมากเหรอไง "   มันแกล้งทำท่างอนเหมือนว่าเราไปว่ามัน   ดูถูกมันยังงี้ได้ไง

         " ป่าว.....ว    กูก็แค่เห็นบ้านมึงสะอาดเรียบร้อยมาก   ไม่คิดว่ามึงจะดูแลบ้านได้ดี   เรียบร้อยอย่างนี้ครับ คุณเน "   ผมประชดมัน

         " เออ    จริงๆมึงก็คิดถูกแล้วอ่ะ   ไม่ใช่ฝีมือกูหรอก    หึๆๆ   กูมีป้าที่บ้านเค้าอยู่แถวนี้มาช่วยทำให้อาทิตย์ละครั้ง   แม่กูจ้างไว้     เค้ารู้ว่ากูอยู่ไม่ค่อยติดบ้าน    เลยไม่ค่อยไว้ใจถ้าจ้างคนใช้มาประจำบ้าน "  มันเฉลย  

         " ฮี่โธ่เอ๊ย...ย  กูก็นึกว่าจะแน่    ที่แท้ก็มีคนทำให้   ไอ่เวรร....  "    

         " อ๊ะ   แน่นอน  ลูกคุณหนูผู้สูงศักดิ์อย่างกูมีเหรอ   ที่จะต้องมานั่งทำงานบ้านเอง   ต้องมีบริวารมารับใช้สิวะ  ฮ่าๆๆ "   มันบอกพลางทำเป็นเชิดหน้า ชูคอ สูงศักดิ์จังมึง  น่าถีบจริงๆ

         " โอ้โห  ดูสูงศักดิ์จังเลยครับ  คุณหนูเน   สาดดด...  กูว่ามึงชูคอเหมือนกิ้งก่ามากกว่าอีก  ฮ่าๆๆๆ "  ผมด่ามันแล้วหัวเราะ

         " สัดนี่   มาด่ากู   กิ้งก่าเชี่ยไรจะหล่อยังงี้ "   มันยังหน้าด้าน

         " อื้อหือ   สาดดด...   ไม่ค่อยหลงตัวนะ   หล่อมากเลยอ่ะมึง "   ผมว่ามันอย่างหมั่นไส้    ก็จริงอยู่ครับ  จะว่าไปแล้วมันก็ถือว่าเป็นคนหล่ออยู่    หน้าตาดูตี๋ๆคิ้วดูเข้มเพราะมันมีเชื้อจีน     แต่ผิวมันกลับจะเข้มๆ   ไม่ขาวอย่างคนจีน    

         ยิ่งรูปร่างมันแล้วนี่   จะล่ำๆ ถึกๆหน่อย  เนี่ยเหรอวะลูกคุณหนู  ฮ่าๆ  นั่นคงจะเพราะว่ามันชอบเตะบอลเป็นชีวิต    และยังบ้าพลังไปกับกีฬาแทบทุกอย่าง   และที่จริงผมว่าอายุมันคงต้องมากกว่าผมอย่างน้อยๆสักปีสองปีได้    เพราะมันซ้ำชั้นม.6มาปีนึง  ซึ่งสาเหตุก็คงเพราะมันเกเรนี่แหละครับ    

         เรายังคงนั่งคุยกันต่อไปเรื่อยๆอย่างสนุกอยู่ที่ริมระเบียงนั้น    มันนอนอยู่บนเตียงผ้าใบอย่างสบาย    วันนั้นอากาศดีแม้แดดข้างนอกบ้านจะร้อนมาก    แต่บริเวณตัวบ้านก็ยังร่มรื่นอย่างมากเพราะมีต้นไม้ใหญ่ที่ดูแล้วคงอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปีหลายต้นแผ่ร่มเงาจนครึ้มไปหมดจนรู้สึกว่าอากาศเย็นสบายอย่างมาก    จนกระทั่งเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

         " เอ้อ  จะเที่ยงแล้ว  เดี๋ยวกูไปซื้อข้าวดีกว่า  มึงหิวยังอ่ะ "    ผมถามมันเพราะเห็นนาฬิกาว่าใกล้เที่ยงแล้ว

         " เออๆ  ก็หิวๆนิดนึง  อิน เดี๋ยวมึงเอาตังค์กูบนโต๊ะนั้นไปด้วยนะ   เอาไปซื้ออะไรๆมาก่อน   มึงไม่ต้องออกให้กูแล้ว  เดี๋ยวมึงไม่มีตังค์พอดี "   มันบอกให้ผมไปหยิบตังค์บนโต๊ะรับแขกที่มันวางไว้
  
         " อ๋อ..    เออ   ไม่เป็นไรหรอก    กูยังพอมี "  ผมบอกมันเพราะก็กลัวว่ามันจะยังไม่มีเงินติดตัวอยู่   ไม่แน่ใจว่าพวกนั้นมันมาทวงเงินมันไปหมดมั๊ย

         " เออ...   มึงหยิบไปเหอะ  กูก็เกรงใจมึง    เดี๋ยววันจันทร์นี้กูจะไปกดตังค์มาเพราะแม่กูเพิ่งโอนมาให้     กูโทรไปบอกเค้ามาว่าขอกูก่อน จะได้เอามาคืนให้มึงก่อนนะ   เงินมันเยอะอยู่กูกลัวมึงเดือดร้อนว่ะ    นะ...  ไม่ต้องห่วงกูแล้วล่ะ เดี๋ยววันจันทร์นี้มึงเอาคืนไปก่อนได้เลย    รีบเอากลับไปเข้าบัญชีมึงเหอะ "   มันบอกผม

         " เออๆ  ก็ได้ๆ  งั้นเดี๋ยวกูมานะ "  ผมว่าแล้วก็เดินไปหยิบแบงค์พันที่วางบนโต๊ะออกไปจากบ้านมันมุ่งหน้าไปยังตลาดอีกครั้ง   ตั้งใจว่าจะซื้อกับข้าวไปทีเดียวให้กินได้ 2 มื้อเลย   จะได้ไม่ต้องออกมาอีกทีตอนเย็น   พอได้แล้วก็รีบกลับไปกินกับมันสองคนโดยไม่ลืมให้มันกินยาด้วย

         " อืม   หมอเค้าบอกว่าให้มึงนอนเฉยๆ 2-3 วันก็คงหายแล้ว   แต่เท่าที่กูเห็นนี่ก็เหมือนมึงไม่เป็นไรแล้วเลยเนอะ  ทำไมมึงอาการดีขึ้นเร็วจังวะ "    ผมถามมันอย่างสงสัยในขณะที่มองดูสภาพร่างกายมันที่ตอนนี้แค่มีร่องรอยเป็นเขียวๆจ้ำๆอยู่ตามตัว  และแผลแตกที่หัวของมันแค่นั้น

         " เออ....  จริงๆแล้วกูก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ    ไม่เจ็บเท่าไร่ตั้งแต่หลังไปหาหมอแล้ว    ไม่งั้นจะมาล้อเล่นอยู่กะมึงอย่างเมื่อคืนนี้ได้ไง    แต่พอมึงถีบกูๆก็เจ็บๆไปนิดนึงแต่ไม่ได้เป็นไรอ่ะ "   มันยิ้มบอกผม

         " อ๊าว   มึงนี่   แล้วทำไมไม่เสือกบอกวะ   ให้กูเป็นห่วงนอนเฝ้าอยู่ได้ทั้งคืน    มิน่าแม่งยังจะมุขเยอะ  กวนทีนได้อีก   เพราะไม่เป็นไรแล้วนี่เอง   มึงนี่..  "   ผมโวยมันทันที เพราะรู้สึกว่ามึงจะมาหลอกกูให้ห่วงทำไมเนี่ย   สนุกนักเหรอมึง

         " เออๆ   กูขอโทษทีเว้ย   ตอนแรกจะบอกมึงแล้วล่ะ   แต่กูกลัวมึงเห็นกูไม่เป็นไรแล้วมึงจะกลับไปวัดเลยไง  กูก็ต้องนอนคนเดียวเปล่าเปลี่ยวอ่ะ "  มันทำเสียงอ่อยๆซะเหมือนน่าสงสาร   ผมเลยขำมันแทนจากที่ตอนแรกนึกไม่พอใจมัน  

         " อ้าว  ก็จะให้กูนอนเป็นเพื่อนเฉยๆมึงก็บอกดิวะ   แค่นี้ทำไมกูจะทำไม่ได้  มึงนี่ก็... บ้าว่ะ "    

         " อ่ะ  เหรอวะ   เออๆ   ก็แบบว่า กูกลัวไงว่ามึงจะกลับไป   อืม  รู้ยังงี้ก่อนกูก็จะได้ไม่ต้องทำมารยาอยู่ตั้งนานอ่ะ  ฮะๆๆ "  มันสารภาพแล้วหัวเราะ
      
         " สาดด นี่   ทำมารยากะกูดีนักนะมึง   เดี๋ยวคืนนี้กูจะปล่อยให้นอนคนเดียวแม่งซะเลยนี่ "  ผมแกล้งขู่มัน   เพราะนึกขำ   แม่งทำไมมันขี้อ้อนจังวะ

         " อ่ะ  เฮ้ยๆๆ  มึงจะทำงั้นไม่ได้นะเว้ยย...   ไอ่อิน  มึงจะทิ้งกูไปได้ลงคอเชียวเหรอวะ   เพื่อน.... "    มันรีบมาจับมือผมพลางแกล้งทำตาปริบๆอย่างน่าสงสาร     ผมล่ะขำจนอยากจะเขกกบาลมันสักทีแต่นึกได้ว่าหัวมันแตกอยู่เลยไม่ได้ทำ

         " เออๆๆ    ไอ่สาดด..  น่าสงสารมากมึง...  ขี้อ้อนดีนักนะ  อ่ะๆ กูใจอ่อนละ  ไม่ทิ้งมึงไปหรอก    เลิกอ้อนกูได้ละ "    ผมพูดไปก็ขำไปกับท่าทางที่มันทำ  

         " เออ   กูขอบใจนะเว้ย   กูก็รู้อยู่แล้วอ่ะว่ายังไงๆมึงก็ไม่มีทางทิ้งกูหรอก "    มันพูดแล้วก็ยิ้มแฉ่งเต็มที่อย่างพอใจ   ผมก็ยิ้มให้มัน

         " เออ   มึงรู้อย่างงั้นก็ดีแล้ว   ยังไงกูก็คงทิ้งมึงไม่ลงหรอกนะ "    ผมบอกมันอย่างสบายใจและดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มอันสุขใจของมัน     และยิ่งรู้สึกดีที่มันเป็นสุขได้อย่างนี้เพราะผมเอง    

         ตั้งแต่ผมได้เห็นมันมาก็ไม่เคยได้เห็นรอยยิ้มของมันอย่างวันนี้เลย จากที่เคยทะเลาะกัน   ที่เคยคิดโกรธแค้นมัน  แต่พอวันนี้แล้วกลายเป็นว่าสิ่งเหล่านั้นมันได้หายไปจนหมดสิ้นจริงๆ   เหมือนกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นเลย    

         คงเป็นเพราะว่ามีบางสิ่งได้เข้ามาแทนที่ความบาดหมางอันนั้นแล้ว ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ " มิตรภาพ " นั่นเองครับ

                                              ******************************          
                  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2011 13:11:20 โดย Goodfellas »

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
เพื่อนกัน ฉันรักเธอ



 :กอด1:   :กอด1:

spok1234

  • บุคคลทั่วไป
เพื่อน กัน ๆ

มา ต่อ แล้ว

อิ อิ

ขอ ด้วย 'ที' นึง สิ ค้าบ

^^

Abracadabra

  • บุคคลทั่วไป
จากเสือใหญ่กลายเป้นแมวน้อย เมี๊ยวๆ ไปซะแล้วเจ้าเน

เจ้าอินนี่ก็นางเอกมากๆเลย 55555+

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
ขอบคุณมากๆสำหรับทุกความเห็นนะคร้าบ  :pig4: :pig4: :pig4:

Shin_i_chi

  • บุคคลทั่วไป

iChoCoHoLiC

  • บุคคลทั่วไป
 :z2:ยังมีต่อใช่ไหมครับ ไงก็มาลงต่อน่ะครับ กำลังน่าสนใจ อิอิ.... :z2:

mama

  • บุคคลทั่วไป
มิตรภาพ พึ่งจะเริ่มต้น...

RomeO_C_Leng

  • บุคคลทั่วไป


จากโกรธ เกลียด กลายมาเป็น มิตรภาพที่แสนนนดี

มารออ่านนะครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
มาแล้วครับผม  เชิญติดตามได้ครับ

ตอนที่ 4

                              ******************
         
         เย็นวันนั้นผมก็ยังคงนั่งอยู่เป็นเพื่อนมันหลังจากที่ได้คุยเล่นกันมาทั้งวัน   ได้มานั่งเล่นที่บ้านมันอย่างนี้ผมก็รู้สึกดีมากๆเพราะบ้านมันบรรยากาศเย็นสบาย  ร่มรื่นน่าอยู่ดีซะเหลือเกินจนผมเองรู้สึกว่าอยากจะมาอยู่ที่บ้านนี้กับมันไปเลยจริงๆครับ

         " อืม   บ้านมึงนี่อยู่สบายจริงๆนะ  กูชอบจริงๆ  ร่มรื่น เย็นสบาย บ้านในฝันกูเลยนะนี่  ต่อไปกูก็คงต้องมานี่บ่อยๆแล้วว่ะ"  ผมบอกกับมัน  

         " แน่นอน  ต่อไปถึงมึงไม่มากูก็จะไปตามตัวมึงที่วัดให้มาอยู่ดีอ่ะ      เพราะกูก็อยากให้มึงมาบ่อยๆอยู่แล้ว      หรือถ้าจะให้ดีมึงก็เก็บข้าวของจากวัดมาอยู่กะกูที่นี่ไปเลยก็ยังได้     บ้านกูเองซะอย่าง    มึงจะได้ไม่ต้องรบกวนที่อยู่หลวงตาท่านแล้วด้วยไง    จริงป่ะล่ะ"   มันสรุปเอง เออเองเสร็จเลยครับ  

         " อ่ะนะ  มึงนี่พูดง่าย   กูจะไปทำงั้นได้ไงเล่า   มาอยู่นี่จะอยู่ในฐานะอะไร    ญาติมึงก็ไม่ใช่     พ่อแม่มึงเค้าจะคิดยังไง   อยู่ๆมึงก็เอาใครก็ไม่รู้มาอยู่บ้านด้วย"  

         " เออ...อ   กูก็ว่าแล้วมึงต้องพูดยังงี้   มึงไม่ต้องมาห่วงหรอกน่ะเรื่องนั้น    พ่อแม่กูเค้าก็ไม่ค่อยได้กลับมาอยู่แล้ว     แต่ถ้าเค้ามานะกูก็จะบอกเค้าว่า    มึงเป็นลูกสะใภ้เค้า   แค่นี้ก็โอเคแล้ว  ฮ่าๆๆ"     มันหัวเราะชอบใจใหญ่   ผมเลยหันไปมองมันตาเขียวทันที

         " สัดด.. นี่   มึง   มุขนี้อีกแล้ว  พ่อแม่มึงเค้าคงดีใจกันใหญ่นะ   มีลูกสะใภ้คือกูเนี่ย    ช่างคิดจังนะมึงไอ้มุขเชี่ยๆเนี่ย"   ผมด่ามัน  แม่ง    คิดมุขได้จัญไรดีนัก

         " เอาน่าๆ    กูล้อเล่น...น  ถ้าพ่อแม่กูเค้ารู้ว่ามึงมาอยู่ด้วยเค้าจะดีใจ    เพราะถ้ามีมึงอยู่กูก็จะได้เป็นเด็กดีไม่ออกนอกลู่นอกทางเหมือนที่เคยเป็นไง"  

         " กูเนี่ยนะ   จะทำให้มึงไม่ออกนอกลู่นอกทาง    อะไรทำให้มึงคิดงั้นวะ"   ผมรู้สึกสงสัยที่มันคิดอยู่

         " อ้าว   ก็มึงอ่ะหวังดีกะกู   มึงก็จะต้องคอยเตือนถ้ากูกลับไปทำตัวเชี่ยๆอีก  ใช่มั๊ยล่ะ"    

         " เออ... มันก็ใช่อ่ะ   กูก็อยากให้มึงเป็นคนดีๆกะเค้าอ่ะ  มันก็เป็นธรรมดา  เพื่อนกันมันก็ต้องคิดงั้นอ่ะ"    ผมบอกมัน

         " ก็นั่นแหละ   แล้วมึงจะต้องมาทำให้เรื่องมันยากไปทำไมวะ   กูว่าชีวิตมึงเนี่ยนะ เงื่อนไขเยอะจริงๆ  นั่นก็ไม่ได้  นี่ก็ไม่ได้  กูว่ามึงก็ปล่อยๆวางๆไปมั่งดีกว่านะ  จะแบกไว้ทำไมนักวะ"  มันว่าผม    

         ดูๆแล้วเหมือนมันไม่ค่อยพอใจที่ผมมีเงื่อนไขกะมันมากมาย   พอผมลองคิดตามก็จริงของมันครับ     ผมเองอาจจะทำชีวิตให้ยากเกินไปอย่างที่มันว่าจริงๆก็ได้    มัวมานั่งคิดเล็กคิดน้อยอยู่จนตีกรอบให้ชีวิตมากเกินไปหน่อยมั๊ง

         " เออ....อ    กูก็รู้แล้วล่ะ    แต่เรื่องนี้อ่ะ   มึงต้องเข้าใจ    จริงๆกูก็อยากมาอยู่กะมึงที่นี่แหละเว้ย   อยู่โน่นกูก็เบื่อ    ไม่มีใครเหมือนกัน     แต่กูก็ไม่อยากทิ้งหลวงตาท่านเพราะไอ้เด็กคนอื่นๆที่มันอยู่น่ะ    มันก็ไม่ได้เรื่องสักคนว่ะ   ถ้ากูมาอยู่กะมึงก็คงไม่มีใครรับใช้ท่าน    กูก็คงรู้สึกเหมือนกูละทิ้งหน้าที่น่ะ    ถ้าเป็นอย่างนั้นกูคงไม่สบายใจจริงๆนะ  มึงเข้าใจกูมั๊ย"    ผมว่าแล้วมองตามัน  มันเลยยิ้มออกมาแล้วเอามือมาจับที่ไหล่ผม

         " เออๆ    กูเข้าใจมึงแล้วอ่ะ     มึงนี่นะแม่งสุดยอดว่ะ    กูล่ะนับถือมึงจริงๆที่มึงกตัญญูต่อหลวงตาท่าน   มึงเป็นคนดีจริงๆว่ะไอ่อิน     กูดีใจที่มองมึงไม่ผิด     มันจะมีคนสักกี่คนวะอายุเท่านี้ก็คิดได้อย่างมึงเนี่ย   กูล่ะอายเลยไม่เคยคิดอะไรที่มันสร้างสรรค์กะเค้า    แถมมีแต่สร้างปัญหาน่ะ"     มันบอกผม   สีหน้ามันดูภูมิใจในผมซะจริงๆ    

         " เฮ้อ...  มึงก็.. ชมกูซะลอย   ขอบใจนะเว้ยที่เข้าใจกูน่ะ    เอ้อ  คุยเพลินจะค่ำแล้วว่ะ   งั้นเดี๋ยววันนี้กูว่ามึงจะอาบน้ำเลยก็ได้มั๊ง      คงไม่เป็นไรแล้วอ่ะ      มึงจะได้สะอาดสบายตัวหน่อย    อาบเสร็จจะได้มากินข้าว"    ผมยิ้มบอกกับมัน    คิดว่ามันไม่มีไข้คงอาบน้ำได้ไม่เป็นไร     แค่ไม่ให้น้ำโดนแผลมันก็คงพอ

         " เออ..  ดีๆ    เมื่อเช้ากูอาบเองมันก็ไม่ถนัดว่ะ   เอี้ยวตัวถูสบู่ทีนึงโคตรปวดตัวเลย"  

         " อ่ะเหรอ   เออๆ   งั้นเดี๋ยวกูช่วยมึงถูหลังก็ได้นะ"   ผมเสนอตัวจะช่วยมันแล้วก็เตรียมผ้าขนหนูไว้เพราะว่าคงจะอาบไปพร้อมๆมันเลย     ผมเข้าไปเปิดน้ำลงอ่างอาบน้ำให้มัน    ไอ้เนมันก็เดินมาแล้วถอดกางเกงออกจนล่อนจ้อนแล้วเดินโทงๆลงอ่างไป

         " เอ๊า...  สัดนี่    ทำไมมันด้านนักวะ  ไม่แคร์สื่อเลยนะมึง"   ผมด่าๆมันไปเพราะนึกขำมากกว่า  ว่ามันนี่ด้านได้ใจจริงๆ

         " อ้าว   แล้วมึงจะให้กูอายใครอ่ะ   อายมึงเหรอ   มึงมีไม่เหมือนกูเหรอไง  กูถึงต้องอายมึง  ฮ่าๆๆ"    มันย้อนผมแล้วหัวเราะกวนๆ  

         " เออ...อ   สาดด..  ไอ่คนเปิดเผย     ไอ่คนไม่แคร์สื่อ"   ผมแกล้งด่ามันแล้วยิ้ม    มึงนี่กวนทีนจริงๆ     จากนั้นผมก็เดินไปนุ่งผ้าขาวม้าที่เอามาจากวัด     ถอดกางเกงชั้นในออกไว้แล้วเดินไปหามันที่อ่าง     มันก็ลุกขึ้นมานั่งที่ขอบอ่างหันหลังให้ผมแล้วทำเป็นกวักมือเรียก

         " เอ้า    หนูจ๋า    มามะ   มาถูหลังให้ป๋าหน่อยสิจ๊ะ   มาเร๊ว  คนสวย"   มันลอยหน้ากวนทีนผมอยู่   ผมเลยด่ามันไปอีก

         " สาด นี่    กูไม่ใช่หมอนวด อาบอบนวดนะ  แหม ทำซะเหมือนเคยไปเชียวนะมึง"   มันก็หันมาหัวเราะผม

         " อ้าว  เหรอ...  เออๆ  กูเผลอไป   ฮ่าๆๆ"     ผมล่ะหมั่นไส้มันจริงๆ     แต่ก็ขำมันสุดๆกะท่าทางสุดกวนของมัน   แล้วก็เอาสบู่มาเริ่มถูตามไหล่และหลังของมัน      ตัวมันก็ก้มลงถูที่ขา    

         " ถูเบาๆมึงคงไม่เจ็บนะ"      ผมถามมัน     มันก็ส่ายหัวว่าไม่เจ็บ    ผมเลยถูหลังมันต่อ   มาคิดๆดูผมก็รู้สึกแปลกหน่อยๆว่าทำไมเราไม่ค่อยรู้สึกรังเกียจมันเลย      

         ทั้งๆที่นี่มันผู้ชายด้วยกันนะ    มาลูบคลำเนื้อตัวมันอย่างนี้    มันน่าจะขนลุกซะมากกว่ามั๊ย    แต่ก็ไม่ค่อยรู้สึกอย่างนั้น     ก็แปลกดีเหมือนกัน    หรือเราจะชินกับมันซะแล้วเลยไม่รู้สึกอ่ะ      

         แต่แล้วพอผมลอดมือผ่านใต้แขนมันไปถูตรงท้องมันเท่านั้นแหละ

         " โอ้ว....วว   ซื้ด    เดี๋ยวถู... ให้ป๋าด้วยนะจ๊ะ    ป๋ากำลังเสียวได้ที่เลยอ่าาาา....า"     มันทำหน้าเสียวซ่านแล้วหันมาบอกผมอย่างกวนทีนมากกก     (ใน ... คืออะไรก็คงพอรู้กันนะ  ขอไม่อธิบายครับ   เพราะมันจะให้ผมถูของมันจริงๆ   ขอย้ำ.. มันลามกจกเปรตมากขนาดนั้นจริงๆครับ  คอนเฟิร์ม )

         " ไอ้สัดด นี่    มึง  จะทะลึ่งใหญ่แล้วนะ  สันดานจริงๆ   กูอุตส่าห์ช่วยถูให้ยังจะกวนทีน"  

         " เอ๊า...า   ทำไมพูดกะป๋ายังงี้ละจ๊ะ  ไม่น่ารักเลย   บริการป๋าไม่ดีเดี๋ยวป๋าไม่ทิปนะจ๊ะ"  มันยังคงกวนทีนผมได้อีก   จนผมสุดจะขำกับมัน  

         " สัดนี่..  มึงหื่นนักใช่มั๊ย    เดี๋ยวกูจะแก้บ้าให้"   ผมว่าแล้วก็หันไปหยิบที่ฉีดล้างก้นข้างชักโครกมาฉีดใส่มัน      แต่ก็ระวังไม่ให้โดนที่หัวมันไปด้วย  

         " นี่ๆๆ  เป็นไงหายหื่นมั่งมั๊ยล่ะมึง    ฮ่าๆๆๆ"  ผมหัวเราะอย่างสะใจ    ที่ฉีดน้ำมันก็ค่อนข้างแรง   มันก็เลยโวยวายแล้วเอามือปัดป้องน้ำที่ผมฉีด

         " เฮ้ยๆ..  สาด....   ไอ่เชี่ยอิน..   มึงเล่นสกปรกอ่ะ    ไอ่สาดดด....ดด   อย่าาา....า"      มันร้องลั่น     ผมยังคงหัวเราะมันแต่แล้ว....

         " พรึ่บ"   เสียงผ้าขาวม้าที่ผมนุ่งถูกมันกระชากออกไป  ผมตกใจตาเหลือกเลย  ใช่ครับ  ผมล่อนจ้อนและเย็นวาบทันทีอ่ะ

         " เฮ๊ยยยย......ยยย    ไอ่สาดดด...   เชี่ยเน.......   มึงเล่นอะไรของมึงวะ"   ผมร้องเสียงหลง    รีบเอามือปิดจุดสำคัญทันที

         " ก๊ากๆๆ นี่อ่ะ    จะหยุดมั๊ยอ่ะมึง"    มันได้ทีครับ  เลยหัวเราะผมใหญ่แล้วขว้างผ้าขาวม้าผมออกไปที่หน้าห้องน้ำ  แล้วลอยหน้าลอยตาว่ามันเป็นผู้ชนะผม

         " มึงจะอายกูทำไมว้า  ก็กูบอกแล้วว่ากูก็มีเหมือนๆมึงอ่ะ"     มันบอกผม

         " สัดนี่  ต้องหน้าด้านเหมือนมึงใช่มั๊ยอ่ะ"    ผมด่ามันเพราะอายมันจนหน้าชาเลยครับ    

         " ก็กูเป็นคนเปิดเผย      ไม่แคร์สื่อเว้ยย..   ฮ่าๆๆๆ"     มันเอาคำพูดผมมาย้อนได้อย่างกวนทีนมากๆ     แล้วยืนเปลือยอยู่โทงๆอย่างไม่แคร์สื่อจริงๆครับ     ผมตอนนั้นอายก็อาย   ขำก็ขำ   เอือมระอาไปกับมุขทะลึ่งของมัน  

         " เออๆ   กูยอมแพ้มึงแล้ว   สาดด ...  ด้านได้อีกเรื่อยๆอ่ะมึง"      ผมยังไม่วายด่ามันแล้วเอื้อมไปเปิดฝักบัวแล้วก้าวเข้าไปอาบทั้งที่ล่อนจ้อนโทงๆอย่านั้น      เฮ้อ..... ไหนๆก็ไหนๆแล้ว      เลยต้องเป็นคนไม่แคร์สื่อเหมือนมันไปด้วยเลยครับ        มันก็ยิ่งหัวเราะผมแล้วเดินกลับมาแช่น้ำในอ่างต่อ

         " เห็นมั๊ย   ไม่เห็นมึงจะต้องอายกูเลย    ผู้ชายด้วยกันอ่ะ"  

         " เออ...  สาด... ด    งั้น กูจะอาบมั่ง   มึงไม่ต้องมาพูดละ"   ผมว่าแล้วก็ก้าวขาลงในอ่างลงไปนั่งที่ฝั่งตรงข้ามกับมัน   มันก็ยิ้ม  

         " เอ้อ    อย่างงั้นดิวะ       โอย ..  แม่งคันๆหัวว่ะ    เฮ้ย   สงสัยเพราะไม่ได้โดนน้ำเลยเนี่ย   แหงเลย   เน่าแล้วมั๊งหัวกู "   มันบ่นแล้วก็เกาหัวแกรกๆ  

         " ก็หัวมึงแตกเป็นแผลหมอเค้าก็ต้องห้ามโดนน้ำอ่ะ     งั้นมานี่"  ผมหันไปหยิบผ้าขนหนูเล็กๆที่ชั้นข้างอ่างอาบน้ำ

         " เดี๋ยวกูเอาผ้านี่ชุบน้ำแล้วเช็ดที่หัวกะผมมึงให้สะอาดๆหน่อย   น้ำจะได้ไม่เข้าไปโดนแผล   เผื่อมึงจะดีขึ้น"

         " เออ     ดีๆ "  มันว่าแล้วก็หันหลังแล้วเอนหลังมาพิงที่ผม   ผมก็เลยค่อยๆเช็ดที่หัวมันอย่างระวัง

         " เดี๋ยวพรุ่งนี้มึงไปหาหมอกะกูให้เค้าดูแผลให้อีกทีนะ  เค้าคงล้างแผลให้มึงอ่ะ"    

         " อือ ...  อ    เฮ้ย...  กูกำลังสบายเลยว่ะ"    มันตอบผมแล้วหลับตาพริ้มอย่างสบายขณะที่ผมเช็ดหัวและผมของมัน  

         " ตอนนี้กูนึกถึงตอนที่กูเด็กๆว่ะ   กูอาบน้ำกะพ่อกู   แช่น้ำเล่นกันในอ่างสนุกมากๆ     แล้วพ่อกูก็สระผมให้กูอย่างนี้แหละ   ตอนนั้นนะกูโคตรมีความสุขเลยว่ะ    แต่ก็ ...     ได้แค่นั้น.....   "    มันเล่าให้ผมฟังแต่อยู่ๆก็หยุดเงียบไปแค่นั้น    

         " หือ...   แล้ว...  ยังไงอ่ะ"  ผมถามมันเพราะแปลกใจที่มันเงียบไป

         " อืม ......  ก็ไม่ยังไงอ่ะว่ะ  ขึ้นกันเหอะ"  มันลุกขึ้นจากอ่างแล้วนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกจากห้องน้ำไปเลยครับ   ผมยิ่งแปลกใจเลยรีบตามมันออกไปทันที

         มันยืนเช็ดตัวอยู่เงียบๆหน้ากระจก   สีหน้ามันดูเศร้าลงไปอย่างเห็นได้ชัดจนผมเริ่มห่วงมันขึ้นมาอีก   เหมือนว่าที่พูดกับมันเมื่อกี๊เป็นการไปจุดชนวนปมปัญหาเก่าๆในใจของมันขึ้นมาอีกครั้ง

         " เฮ้ย..  ไอ้เน  มึงเป็นไรป่าววะ"   ผมแตะที่ไหล่มันเบาๆ  มันก็เอื้อมมาจับมือผม

         " เออ..  กูไม่เป็นไรอ่ะ   ขอบใจว่ะ"   มันยิ้มที่มุมปากหันมาตอบผมด้วยสีหน้าที่ดูเศร้าไป

         " กูก็ไม่รู้นะว่ามึงมีปัญหาอะไรมั่ง    แต่ถ้ามึงอยากบอกกู   อยากเล่าให้กูฟัง     กูก็จะรับฟังมึงทุกอย่างนะ    มึงจะได้ระบายออกไปมั่ง     เผื่อมึงจะสบายใจขึ้น   แต่ถ้ามึงยังไม่อยากบอกกูตอนนี้ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ   กูเข้าใจมึงว่ะ"     ผมพยายามพูดปลอบใจมัน      

         แล้วก็เห็นผลเลยครับ   มันหันมาสบตาผมนิ่งๆนิดนึง   ผมก็มองตามัน  แล้วมันก็โผมากอดผมแน่นเลย    ผมคิดว่าจริงๆมันก็คงอยากพูดอยากบอกกับผม    อยากระบายให้ผมฟังในทุกๆอย่างที่มันรู้สึก     แต่ว่าตอนนั้นมันคงพูดอะไรไม่ออกแล้วมากกว่า    

         " เออ  ขอบใจนะเว้ย   กูก็แค่......... ไม่ไหวจริงๆอ่ะ  ไม่รู้เป็นเชี่ยไรนึกถึงเรื่องเก่าปั๊บ  กูก็ยังงี้ทุกที    มันอยากร้องไห้ว่ะ"  มันพูดด้วยเสียงสะอื้นจนไหล่ของมันสั่นแต่แล้วก็หยุดนิ่งไปอีก

         " อืมๆ    อยากร้องก็เอาเหอะ   มึงจะได้สบายใจขึ้นมั่ง    แล้วมึงยังไม่ต้องพูดกะกูเรื่องนี้ตอนนี้ก็ได้    นะ..."   ผมยิ้มให้มัน  มันเลยร้องไห้เบาๆอยู่แป๊บนึง  จนผมเห็นว่ามันคงสบายใจขึ้นแล้ว  

         " เอาล่ะๆ   ไม่ต้องคิดมากแล้วนะมึง   ไปๆ  กินข้าวเว้ย  กูหิวแล้วอ่ะ"  ผมตัดบทเปลี่ยนเรื่องมันไปเลย   เพราะก็ไม่อยากให้มันหมองหม่นไปกว่านี้แล้ว      

         รู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนกันนะครับที่เราพูดอะไรๆไปก็ไปสะกิดแผลเก่าในใจมันได้ทุกที      ยิ่งเห็นชัดเลยว่าที่เห็นข้างนอกมันเป็นคนแข็งๆอย่างนี้   แต่จริงๆข้างในมันอ่อนไหวมากจริงๆครับ

                              -

                              -     

         " อืม    มึงก็ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้วนะ     ต่อไปก็อยู่กันไปยังงี้อ่ะ    เออ   ถ้าวันจันทร์ต้องไปรร.กัน  มึงคงไปไหวนะ"  ผมพยายามชวนมันคุยไปเรื่อยๆขณะที่กินข้าวกันอยู่     เพราะเห็นมันดูเงียบๆไปเลย   

         " ไหวดิวะ  กูไม่เป็นไรแล้วล่ะ"

         " เออๆ  ดีแล้ว   นี่น่ะกูว่านะป่านนี้พวกไอ้โต้งกะไอ้ชินมันคงนึกว่ามึงโดนไอ้พวกนั้นอุ้มฆ่าไปแล้วแน่ๆเลยว่ะ   มึงว่ามั๊ย"

         " เออ ก็นั่นแหละเดี๋ยวให้กูไปรร.ก่อน  พวกแม่งได้เจอกูแน่"  มันพูดด้วยสายตาที่เคียดแค้นจัด  และกำหมัดแน่น

         " เฮ้ยๆ  นี่มึงฟังกูก่อนเลย  ที่กูพูดมาเนี่ยไม่ได้จะให้มึงไปกระทืบไปเอาคืนพวกมันหรอกนะ    แต่กูจะขอให้มึงไม่ต้องไปอะไรกะพวกแม่งแล้วตะหาก     อย่าให้มันเป็นเรื่องกันไปอีกเลย    กูบอกมึงไปแล้วใช่ป่าว   ว่าอยากให้มึงเป็นคนดี   แล้วมึงก็บอกว่าถ้ามึงมีกูอยู่มึงก็จะได้เป็นคนดี ไม่ออกนอกลู่นอกทางน่ะ"    ผมย้ำสิ่งที่มันเคยบอกผม        

         " ก็นี่ไงมึงได้โอกาสกลับตัวแล้วว่ะ    มาทำตัวธรรมดาๆ   ไม่ต้องเกเร    ไม่ต้องทำอะไรที่มันหาเรื่องใส่ตัวแล้ว     แค่นี้เอง    ไอ้ที่มึงทำตัวอย่างที่ผ่านๆมานี่มึงก็คงรู้นะ   ว่านั่นมันแย่แค่ไหน      มึงคิดว่ามันดีแล้วเหรอวะ    กูอาจจะไม่เข้าใจเท่าไหร่ที่มึงทำๆไปเนี่ยทำไปทำไม   แค่ประชดชีวิตหรือไง   แต่นั่นแหละ   แล้วสุดท้ายชีวิตมึงมีอะไรดีขึ้นมามั่งมั๊ยล่ะ"    ผมร่ายซะยาวเลย      มันก็นั่งนิ่งฟัง

         " เฮ้ออ...      ไอ้ที่ผ่านมานี่จริงๆกูเองก็แค่อยากมีเพื่อนว่ะ     ไอ้ที่เข้ามาคบๆกันก็คบไป     กูก็นึกนะว่ามีเพื่อนมากๆ  มันจะดีกับกู   กูคงจะไม่ต้องเหงา      แต่พอวันนี้กูได้รู้แล้วว่ามันไม่มีความหมายเลย   มีแม่งไปทำไมวะเพื่อนเยอะๆ    แล้วสุดท้ายก็เหลือแค่กูคนเดียว   หวังพึ่งใครก็ไม่ได้เลย"   มันพูดออกมาอย่างปลงๆกับสิ่งที่ผ่านมา  แล้วก็หันมามองหน้าผม

         " สู้กูมีเพื่อนอย่างมึงแค่คนเดียวก็ไม่ได้   แล้วถึงถ้าจะให้กูมีเพื่อนอีกสักร้อยสักพันนะกูก็ไม่เอาเลยว่ะ   เพราะแค่มีมึงเป็นเพื่อนกูอยู่แค่คนเดียวเนี่ยกูก็พอแล้วว่ะ   กูรู้สึกอย่างงั้นจริงๆ   งั้นต่อไปนะ  กูก็จะเปลี่ยนตัวเองให้ได้  ชีวิตกูมันจะได้ดีขึ้นกะเค้ามั่ง  แล้วมึงก็จะได้สบายใจด้วย"  มันบอกผม   ผมได้ฟังแล้วก็ยิ้มอย่างอุ่นใจ

         " เออ...  ดีแล้วที่มึงเข้าใจนะ   ที่กูอยากให้มึงเปลี่ยนตัวมึงเองซะให้ดีมันก็เพื่อตัวมึงเองแหละ    อ้อ   ที่จริงก็เพื่อพ่อแม่มึงด้วยแหละ     กูว่าเค้าก็ต้องดีใจมากๆที่มึงก็เอาดีกะเค้าได้     ไม่ต้องเป็นเด็กมีปัญหาอีก      แล้วกูก็จะอยู่กะมึงอย่างนี้อ่ะจะช่วยดูมึงเอง    ไม่ไปไหนหรอก   อย่าเสือกเบื่อกูก่อนแล้วกัน  ฮะๆๆ"     ผมบอกแล้วหัวเราะอย่างสบายใจ        

         ดีใจมากครับที่กำลังจะเปลี่ยนใจมันได้    ทีนี้มันจะได้กลายเป็นคนดีๆเหมือนคนอื่นๆเค้าซะที        

         ในที่สุดผมก็จะได้มีเพื่อนดีๆกะเค้าแล้ว   ซึ่งในเมื่อมันดีขึ้นได้อย่างนั้นพ่อแม่ของมันก็คงดีใจมากแน่ๆ      

         แล้วนั่นอาจหมายความว่าสิ่งที่ทำให้มันค้างคาใจกับพ่อของมันก็จะได้ถูกทำลายลงไปซะที      

         ผมเชื่ออย่างนั้นนะ......

                                                      ******************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2011 13:11:51 โดย Goodfellas »

iChoCoHoLiC

  • บุคคลทั่วไป
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน เป็นความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน และมีค่าที่สุด...รออ่านตอนต่อไปครับผม... o13
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-09-2010 18:20:48 โดย iChoCoHoLiC »

spok1234

  • บุคคลทั่วไป
ใน ชี วิต จริง

เพื่อน แท้ นั้น หา ยาก จริง ๆ ครับ

ขอบ คุณ ที่ มา ต่อ ให้ ค้าบ

ออฟไลน์ TaiLz of Skyz~

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
    • ฟะ ฟะ ฟะ เฟสบุ๊ก...
เฮียเนพูดจาล่อแหลมตลอดเวลา 555+
อินเหมือนนางฟ้ามาโปรดมากเลย

รวมแล้วน่าร๊ากก
นึกแล้วอยากมีเพื่อนแบบนี้บ้างจัง~

ติดตามอ่านต่อครับ~

Abracadabra

  • บุคคลทั่วไป
ลื่นไหลดีครับ

แต่จะลื่นกว่านี้ ถ้าอินทำสบูตก แล้วเนก็  :oo1: ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ล้อเล่นครับล้อเล่น




เหมือนเรื่องนี้จะไม่จบง่ายๆ ซะแล้ว

ออฟไลน์ motosemo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
พัฒนาขึ้นมากเลยอ่า แต่เมื่อไหร่จะมากกว่าเพื่อนนะ รออ่านต่อไป

Verxus

  • บุคคลทั่วไป
รอตอนต่อไปจ้า อ่านแล้วแอบอมยิ้ม แบบเต็มตื้นในอกอ่าา
เพื่อนกันไม่มีวันตาย ดีจริงๆๆ
แต่เนนี่ก็กะล่อนใช่เล่นนะ 555+
ขอบคุณค่า มาต่อไวๆ เน้อ  :pig4:  :กอด1:

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
ครับ ขอบคุณกับหลายคำชมมาเลยนะครับ   ตอนนี้ก็แต่งไปก็สับสนไป  มีฉากจบมากมายหลายแบบเกิน   อย่างเพิ่งเบื่อกันนะครับแล้วจะรีบมาต่อให้จบครับ 

iChoCoHoLiC

  • บุคคลทั่วไป
ประกาศๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คนหายครับคนหาย
คนแต่งนิยายเรื่องนี้หาย
ใครเจอแจ้งกลับด่วนมีรางวัลอย่างงาม อิอิ... :m24:

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
โทษคับ  แก้บางตอนอยู่  อิอิ  แต่งไปแล้วเรื่องมันไม่ลงตัวซะงั้น  ไม่สมจริงไปหน่อย  แก้เสร็จแล้วเดี๋ยวรีบลงเลยคับ   :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






GuanTeen

  • บุคคลทั่วไป
เพื่อนแท้อย่างคุณอินนี่หายากนะ

ส่วนใหญ่มีแต่เพื่อนกิน เหอะๆ

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
ตอนใหม่ล่าสุด  ตอนที่ 5 มาละครับ     ต้องขอโทษทุกท่านนะครับที่ทำให้รอเพราะว่าต้องแก้กันอีกเยอะเลย   แล้วตอนต่อไปก็อดใจอีกนิดนะครับผม   จะพยายามทำให้สนุกกว่าเิดิมนะครับ   เอาล่ะมาติดตามต่อกันได้เลยครับผม

ตอนที่5
      
            วันรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ผมเลยพามันไปหาหมอให้ล้างแผลมัน    หมอตรวจอาการมันแล้วก็บอกว่าหายดีขึ้นมากแล้ว แผลที่หัวก็ไม่เป็นไรแล้ว  ผมเลยพามันกลับไปบ้าน  

            แล้วผมก็บอกมันว่าให้มันพักก่อน   แล้วเดี๋ยววันนี้ต้องขอตัวกลับไปช่วยหลวงตาท่านที่วัดก่อนเพราะว่าพอดีที่วัดมีงานศพที่เป็นงานใหญ่มาก  มีผู้ใหญ่หลายท่านและนักการเมืองดังๆมาร่วมงานเยอะเลยต้องช่วยที่วัดเตรียมงาน

            " เอ้อ ...  เดี๋ยวมึงกินข้าวไปก่อนนะ   ตอนเย็นก็มีกับข้าวแล้ว  เดี๋ยวสักเย็นๆกูอาจจะแวะมาอีกที   มึงโอเคนะ   อย่าเพิ่งทำไรโลดโผนล่ะยังไม่หายดีนิ"    ผมบอกมันก่อนที่จะออกมาจากบ้าน    และเนื่องจากเตรียมซื้ออาหารทั้งกลางวันและเย็นไว้ให้มันแล้วก็เลยหายห่วงไป

            " เออๆ....    กูรู้แล้วคร้าบ   กูจะอยู่แต่ในบ้านครับ  ไม่ออกไปวิ่งเล่นซนที่ไหนหรอกคร้าบ  คุณแม่  ไปเหอะครับ  ไม่ต้องห่วงกูหรอก"   มันลากเสียงทำประชดล้อเลียนผม   แล้วหัวเราะ

            " สัดนี่  ประชดกู   เออ..  ก็นอนพักไปเหอะมึง  กูไปล่ะ"   ผมบอกมันแล้วก็รีบกลับไปที่วัดซึ่งมีงานรอผมอยู่มากมายเลย วันนั้นทั้งวันผมช่วยงานที่วัดจนเหนื่อยเลยครับ  ทั้งยกโต๊ะเก้าอี้   ทั้งเก็บข้าวของ   และอีกสารพัด

            หลังจากที่เกือบจะหมดแรงอยู่แล้ว  พอมองดูเวลาอีกทีก็ปาเข้าไปจะ 6 โมงแล้ว  อดห่วงไอ้เนมันไม่ได้ผมเลยโทรไปหามัน

            " เฮ้ย  ทำไรอยู่วะ   มึงกินข้าวเย็นไปยัง"  

            " เออ   กำลังจะกิน   มากินกะกูดิ  เดี๋ยวกูรอ"    มันบอกผม

            " เฮ้ยๆ   มึงรีบกินไปก่อนเลยว่ะ   สงสัยกูคงไม่ได้ไปหามึงแล้ว   ยังไม่เสร็จเลยงานกู    เดี๋ยวถ้ามึงกินเสร็จก็คืนนี้นอนไปเลยนะ  เออ.... กูไปไหนไม่ไหวแล้วว่ะ    เหนื่อยโคตรเลย   โทษทีเว้ย"

            " เออๆ  ไม่เป็นไรว่ะ   กูอยู่ได้ไม่ต้องห่วง   แต่ตอนนี้กูห่วงมึงมากกว่าเว้ย  ฮ่าๆๆ"  
         
            " เฮ้อ  มึงนี่  พูดงี้จะให้กูคิดว่ามึงห่วงกูรึมึงสมน้ำหน้ากูแน่วะ   สาดด..ด"  

            " เอ๊ะ  มึงนี่มาหาว่ากูสมน้ำหน้า  กูออกจะห่วงมึงซะขนาดนี้กูน้อยใจนะเว้ยย..ย"      มันพูดแล้วก็หัวเราะอย่างกวนทีนตามเคย

            " เออ ..  กูขอบใจที่ห่วง  เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ"  ผมเลยรีบวางสายก่อน   เพราะหลวงพี่ท่านจะให้ไปช่วยยกของ   วันนั้นกว่าจะเสร็จงานหมดก็เล่นเอาผมหมดแรง  เลยมานั่งพักแป๊บนึงแล้วผมก็รีบอาบน้ำ  กินข้าวแล้วกลับไปนอนที่ห้อง

            แล้วเช้าวันจันทร์ก็มาถึง    ผมโทรไปบอกมันว่าจะเดินไปหามันที่บ้านก่อนแล้วค่อยไปรร.พร้อมกัน   พอไปถึงก็เห็นมันออกมาที่หน้าบ้านแล้ว
         
            " อืม  ไปกันเหอะ  ว่าแต่มึงไหวนะ  ถ้าไม่งั้นก็นอนพักไปอีกวันก็ยังได้"   ผมบอกมัน

            " เออ  กูไหวอยู่  ไม่เป็นไรแล้ว  ไปเหอะๆ  เดี๋ยวสาย"    มันว่า  แล้วเราก็เดินไปรร.กัน      ขณะที่เดินไปถึงห้องเรียนก็เห็นพวกไอ้โต้งกะไอ้ชินนั่งกันอยู่ในห้องพอดีเลยครับ  ทันทีที่มันมองมาเห็นไอ้เน   พวกมันก็ทำหน้าเหมือนเห็นผีเลยครับ

            ไอ้เนยืนจ้องไปที่พวกมันเขม็งแล้วหันมามองที่ผมเพราะผมเอื้อมไปจับไหล่มันเบาๆ   ส่ายหน้าให้มันเป็นความหมายว่า   มึงเฉยๆเหอะ  ทำตามที่คุยกันไว้แล้วกัน      

            ก็ได้ผลอยู่ครับ   มันคงเข้าใจผมดีแล้วก็ยิ้มมุมปากให้ผมแล้วเดินเลยไปนั่งที่โต๊ะเรียน     ผมรู้สึกโล่งใจเลยที่ยั้งมันไว้ได้แต่พวกไอ้โต้งก็ยังคงมองมาที่เราสองคนอย่างงงๆ    ผมเลยตามมานั่งข้างๆมันที่โต๊ะ
         
            " เฮ้ย... ดีว่ะ  มึงทำเฉยๆไปยังงี้ดีแล้ว่ะ  ไอ่เน  แล้วไม่ต้องไปยุ่งอะไรกะมันอีกเลย  ช่างแม่งเลย  เรื่องมันจะได้จบๆไป  นะ"   ผมบอกกับมัน

            " เออ   กูก็ขอบใจนะ   ถ้าเมื่อกี๊มึงไม่รั้งกูไว้กูคงวิ่งไปต่อยพวกแม่งแล้วอ่ะ"  

            " เออๆ  ... มึงเฉยๆอ่ะดีแล้ว     ไม่งั้นเป็นเรื่องไปเดี๋ยวไม่จบดิ     อาจารย์มาเห็นมึงได้ไปนั่งเล่นห้องปกครองแน่ๆ"    

            " อืม  ก็จริงว่ะ   ไม่งั้นป่านนี้กูคงไปนั่งห้องปกครองจริงๆ   เกือบแล้วกู"   มันบอกยิ้มๆ     แล้วจากนั้นวันนั้นทั้งวันมันก็นั่งอยู่กะผมตลอด   เรียนด้วยกัน  ไปกินข้าวกัน    จนกลุ่มเพื่อนที่ผมค่อนข้างสนิทมันพากันงงไปหมด    

            " เฮ้ย  ทำไมเชี่ยเนมันมาอยู่กะมึงได้ทั้งวันเลยวะ   พวกกูงงไปหมดแล้วเนี่ย"   พวกมันแอบมารุมถามผมตอนที่ไอ้เนมันออกไปห้องน้ำ     ผมเลยตอบมันไปยิ้มๆ

            " เออ  พวกมึงไม่ต้องงงหรอก   มันกลับตัวแล้วอ่ะก็เท่านั้น   เอ่อ.... พวกเราให้โอกาสมันหน่อยได้มั๊ยวะ   กูช่วยให้มันสำนึกได้แล้วจริงๆ   นะเว้ย     ถือว่ากูขอนะ   ได้มั๊ยวะ"   ผมได้จังหวะเลยลองขอร้องพวกมันดู      แต่อยู่ดีๆไอ้เนมันก็โผล่มาโดยที่ผมกับพวกเพื่อนผมมันไม่ทันเห็น    พวกมันเลยตกใจถอยกรูดออกไปยืนข้างๆ

            " เออ  ก็อย่างที่ไอ้อินมันบอกอ่ะ"   มันเริ่มพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทันที    สงสัยว่ามันคงได้ยินที่พูดกันไปเมื่อกี๊แล้ว  

            " กูอยากขอโทษพวกมึงด้วยนะเว้ย    ที่เคยทำกะพวกมึงไว้   ต่อไปกูจะไม่ทำตัวเชี่ยๆอีกแล้ว   กูขอสัญญานะ   พวกมึงพอจะให้อภัยกู  ให้โอกาสกูสักครั้งจะได้มั๊ยวะ "  ไอ้เนพูดแล้วก็สบตาพวกเพื่อนผมทุกคน   จนพวกมันถึงกับนิ่งอึ้งไปเลย

            " เออ... ก็ไม่รู้ดิวะ     อยู่ๆมึงก็ดีมาเลยอย่างงี้   กูปรับตัวไม่ทันอ่ะ  ยังมึนอยู่เลย   แต่ก็ดีว่ะเห็นมึงมาพูดอย่างนี้มันก็โอเคละ   โอกาสอ่ะกูให้ได้   แต่ว่าขอให้มึงทำได้อย่างที่สัญญาแล้วกันนะ"  ไอ้อ้นเอ่ยขึ้นมาเป็นคนแรกครับ   ไอ้เบนเลยเสริมขึ้นมา

            " เออๆ  กูก็เหมือนกะไอ้อ้นอ่ะ    พวกกูคงพอยอมรับมึงได้นะ    แต่ก็ขอให้มึงทำให้ได้ตามนั้นนะเว้ย   ก็แค่นั้นแหละ"   พอไอ้เบนพูดจบ   พวกที่เหลือมันก็พากันเออออตาม    ผมรู้สึกโล่งใจเลยครับ    ในที่สุดมันก็ได้รับโอกาสที่จะกลับตัวแล้ว     หันไปมองที่ไอ้เนผมเห็นมันก็ยิ้มอย่างสบายใจเหมือนกัน

            " อืม  กูขอบใจพวกมึงนะ   ที่ยังยอมให้โอกาสกู   แล้วกูจะไม่ทำให้พวกมึงผิดหวังเลย  ขอบใจนะเว้ย"  มันบอกแล้วเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่ของไอ้เบนกับไอ้กันที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด  พวกมันทุกคนก็ยิ้มให้แล้วพากันเดินแยกย้ายไปนั่งที่โต๊ะเรียน

            " ดีใจด้วยเว้ย    มึงมีโอกาสแล้วนะ"  ผมโอบไหล่มันอย่างสบายใจจริงๆ   มันหันมายิ้มกับผม

            " ต่อไปชีวิตมึงก็จะดีขึ้นได้แล้วจริงๆซะที    มึงทำดีแล้วอ่ะ"    

             " เออ  กูดีใจจริงๆว่ะ   ไม่เคยสบายใจอย่างนี้เลยนะเว้ย    แค่นี้กูก็พอใจแล้วล่ะ   แล้วก็นะ  ผลงานมึงตามเคย   ขอบใจนะเว้ยที่ช่วยกูเคลียร์กะพวกมันได้"  มันบอกแล้วส่งมือมาให้ผมจับ  ผมเลยจับมือกับมัน

            " อืม  ก็ตามที่กูบอกนะ   ว่าจะช่วยมึง   หมดห่วงไปอีกเรื่องนะ     ขอให้มึงรักษาสัญญาที่ให้พวกมันวันนี้ไว้ให้ดีละกัน"

            " มึงไม่ต้องห่วงนะ   ไม่ว่ายังไงกูจะไม่มีวันเสียคำพูดหรือผิดคำสัญญาว่ะ  เพราะมันสำคัญกะกูจริงๆนะ    ขอให้มึงเชื่อกูได้เลย"  มันให้คำมั่นกับผม  ผมมองตามันเห็นสายตามุ่งมั่นของมันอย่างนี้แล้วก็รู้ได้เลยว่ามันคงไม่มีทางผิดคำพูดของมันแน่นอน

            เวลาผ่านไปหลายวันผมกับมันก็ยังคงไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่   จนผมเองก็เริ่มเคยชินที่มีมันอยู่อย่างนี้    

            สิ่งนึงที่เปลี่ยนไปเลยก็คือตอนนี้มันเริ่มได้รับการยอมรับจากกลุ่มเพื่อนๆมากขึ้น    ทั้งที่พวกนี้มันก็เคยบาดหมางกับไอ้เนมาก่อนแต่พอวันนี้ทุกคนต่างก็เข้าใจมันมากขึ้นและยินดีจะให้อภัยมันแล้ว      

            ผมดีใจที่ช่วยเคลียร์เรื่องเพื่อนๆให้มันได้แล้ว     จากนี้เรื่องต่อไปก็น่าจะเป็นเรื่องการเรียนของมันล่ะครับ    ผมก็เลยลองมาคิดดูว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง   จนวันนึงขณะที่ผมอยู่กับมันที่รร.  ผมเลยกะว่าจะลองชวนมันไปกวดวิชาดู

            " เอ้อ  ไอ่เน  ไปติววิชาอังกฤษกะกูมั๊ย  ที่นี่อ่ะ"   ผมถามมันแล้วชี้ให้มันดูใบปลิวโฆษณาของรร.กวดวิชาแห่งหนึ่ง

            " หือ.....อ   จะชวนกูไปติว    นึกอะไรของมึงวะ"  มันหือซะยาวเลย  แล้วก็ถามผมอย่างสงสัย

            " ก็กูอยากให้เกรดมึงเทอมนี้ออกมาสวยๆหน่อยไง   เพราะเราเหลืออีกแค่เทอมนี้กะเทอมหน้านะเว้ย  มึงจะไม่เอนท์เรอะไง"

            " เฮ้อ...  มึงว่ากูควรหวังเอนท์เหรอวะ   แค่นี้ก็พอรู้ผลแล้วอ่ะนะ   อย่างกูคงไม่ต้องไปนั่งสอบให้เมื่อยหรอกว่ะ"

            " เอ๊า มึงนี่  อะไรวะทำไมคิดงั้น   ก็ลองๆก่อนดิวะ  เผื่อโชคดีคะแนนถึงอ่ะ  เลือกอันดับรองๆหน่อยก็ได้"  ผมพยายามโน้มน้าวมัน

            " โห  แล้วกูมีเวลาอีก 2 เทอมเนี่ยนะมึง   กูว่าพระเจ้ายังช่วยกูไม่ได้เลย   ไอ่อินเอ๊ย"  มันบ่น

            " เฮ้อ.... แม่งงง ...  เซ็งเลย    นี่ถ้ากูกะมึงมาคบกันได้ก่อนหน้านี้หน่อยก็คงดีอ่ะนะ   เสียดายฉิบหายเลย   กูน่าจะพอเปลี่ยนมึงได้เร็วกว่านี้อะ"   ผมนั่งลงอย่างท้อๆหมดใจเลยครับ    ทุกอย่างสำหรับมันสายไปแล้วจริงๆเหรอนี่

            " เออ    มึงไม่ต้องมาซีเรียสห่วงกูไปหรอกน่ะ   กูว่ากูยังพอมีทางเลือกว่ะ   เอนท์ไม่ได้ก็ใช่ว่าจะหมดอนาคตนิ"  มันบอกแล้วมานั่งลงข้างผมแล้วโอบไหล่ผม

            " หือ..  เหรอ   มึงมีทางเลือกอื่นเหรอวะ    อะไรอ่ะ"   ผมรีบถามมัน

            " หึๆ  ทางเลือกของกูอ่ะเหรอ   ก็ "เปลวเทียนให้แสง    รามคำแหงให้ทาง" ไง   ฮ่าๆๆ"   มันบอกแล้วหัวเราะ

            " สาดดด..  กูก็นึกว่าอะไร    ขืนมึงไปเรียนรามฯน่ะนะ   มึงได้เรียนจนแก่ครบ 8 ปีแน่    กูว่ามึงหาทางอื่นดีกว่ามั๊ย"   ผมห้ามมันทันทีเพราะขนาดว่าคนตั้งใจเรียนเค้ายังไม่ค่อยจะจบกันเลย   แล้วมันเป็นใคร

            " กูว่านะ  ก็คงไม่พ้นเรียนเอกชนดีกว่า  ไม่ต้องสอบเหมือนกันอ่ะ   ว่าแต่ว่ามึงอยากเรียนอะไรอ่ะ"  ผมสรุป  อยากรู้เหมือนกันว่ามันอยากจะเรียนคณะอะไร  เอกอะไร  จะกลายเป็นอาจารย์แนะแนวให้มันซะแล้วล่ะ ผมนี่

            " อืม  เรียนอะไรดีวะ   เออ  ไม่รู้ดิว่ะ"  

            " อ้าว  ก็ถ้างั้นมึงคิดว่าถ้าออกไปทำงานมึงอยากทำงานอะไรล่ะ"  มันทำท่าคิดอีก  

            " งานนะเหรอ   อืมๆ  ก็นั่นดิ  กูจะทำงานอะไรดีวะ"  มันตอบแล้วก็ยิ้มแหยๆ   ผมเลยโวยมัน

            " เฮ้อ....  มึงน๊าา....  มึงจะจบม.6แล้ว...   มึงจะเรียนต่ออะไร    มึงจะทำงานอะไรมึงยังไม่รู้เนี่ยนะ    นี่มึงเคยคิดวางแผนอนาคตอะไรกะเค้ามั่งมั๊ยวะเนี่ย  ไอ่เน"   เจอคำนี้มันไปผมรู้สึกระอากับมันเลยครับ  

            "  เออ     กูล้อเล่น   ฮ่าๆๆ ตอนนี้กูแค่อยากเรียนอะไรก็ได้ที่มันไม่ยากไป   เพราะกูยังไม่ได้ชอบอะไรเป็นพิเศษอ่ะ   แต่จะว่าไปกูเคยคิดนะเว้ย  อยากเรียนอังกฤษให้มันเก่งๆเลยว่ะ   ต่อไปกูอาจจะได้ไปทำงานช่วยพ่อแม่กูที่ร้านอาหารที่เมืองนอกโน่นน่ะ"    มันสรุปความคิดของมันให้ผมฟัง  ซึ่งผมว่าเป็นอะไรที่ดีและเหมาะมากๆสำหรับมันนะ

            " เฮ้ย..   เออ   ก็ดีอ่ะ   อย่างนี้ดีแล้ว  มึงก็จะได้มีงานรองรับเลย  ไม่ต้องไปหา   งั้นอย่างนี้มึงน่าจะเรียนพวกบริหารฯอะไรอย่างนี้นะ   จะได้เอาไปใช้กับธุรกิจของบ้านมึงได้เลยไง"   ผมลองเสนอความคิดให้มัน

            " ก็ลองดูกันไปแล้วกันนะ   ถ้ากูมีปัญญาเรียนก็โอเคอ่ะ   แต่ยังไงนะกูก็ตั้งใจแล้วว่ากูจะพยายามฟื้นฟูภาษาอังกฤษกูให้ดีให้ได้เลย"   มันบอกผมด้วยสายตาที่ดูมุ่งมั่นเต็มที่

            " เออ.. ดี    งั้นมึงก็เริ่มด้วยการไปติวกะกูที่นี่เลยละกันนะ   เห็นพวกนั้นที่มันไปติวมันบอกว่าที่นี่เค้าดีอ่ะ"   ผมบอกมันแล้วก็หยิบใบปลิวนั้นให้มันดูอีกครั้ง

            " อืมๆ  ก็ได้ว่ะ  ลองดูก็ได้   แต่มึงต้องไปกะกูนะ   โอเคมั๊ย"

            " เออ    ก็ยังงั้นอยู่แล้ว กูก็อยากติวอังกฤษเพิ่มอยู่อ่ะ"  ผมรับปากมัน

            " ดีๆ  อ้าว  แล้ว  มันแพงมั๊ยวะที่นี่อ่ะ"  มันว่าแล้วหันมามองหน้าผม

            " กูถามมึงจริงๆ    ตัวมึงมีตังค์ไปลงมั๊ยวะ  ไอ่อิน"  มันถามผมด้วยสีหน้าห่วงๆ

            " เออ  มึงไม่ต้องห่วงหรอก  กูยังมีเงินเก็บ  ช่วงนี้กูก็คงเอามาลงทุนติวเนี่ยแหละ"   ผมตอบมันไป  แต่ก็เห็นว่ามันฟังแล้วทำหน้าเหมือนจะสงสัยอะไรอยู่

            " อืม  จะว่าไปกูก็อยากรู้นะว่าจริงๆแล้วที่มึงอยู่ที่วัดเนี่ย     มึงได้เงินจากใครวะ   หรือว่ามึงยังมีญาติคนอื่นอีกนอกจากหลวงตาท่านอ่ะ"    มันเอ่ยถามผม

            " ก็มีดิ  กูเหลือแค่น้าชายกูคนเดียวอ่ะ   เพราะจริงๆแล้วหลวงตาท่านไม่ได้เป็นอะไรกะกูหรอก   กูขอให้น้ากูพามาอยู่ที่วัดนี้เองแหละ   ตอนนั้นกูก็สักสิบขวบได้อะ"   ผมเล่าถึงเหตุที่ทำให้ผมมาอยู่ที่วัดนี่ให้มันฟัง

            " อ้าว    แล้วทำไมมึงไม่อยู่กะน้ามึงล่ะ  แล้วมึงขอเค้าให้เอามาอยู่วัดเองเนี่ยนะ   ทำไมยังงั้นวะ"  มันถามผมทันที   แน่นอนครับ  ว่ามันคงต้องสงสัย  ว่าทำไมผมถึงเลือกที่จะมาอยู่ที่วัดเอง

            " ก็จริงอยู่กูจะอยู่กับน้ากูก็ได้   แต่กูรู้สึกไม่ดีอ่ะ   มันเหมือนกูเป็นคนอื่นสำหรับครอบครัวเค้าน่ะ    น้าสะใภ้กูเค้าก็ไม่ได้รักใคร่อะไรกูนักหนาอยู่แล้ว   ถ้ากูยังอยู่ๆไปสักวันก็คงเกิดปัญหาแน่ๆว่ะ     เลยตัดสินใจออกมาเองดีกว่า"

            " แล้วมึงก็เลยมาอยู่ที่นี่    เฮ้อ...   มึงก็คงลำบากน่าดูเลยนะ   ที่ต้องอยู่อย่างไม่มีใครเลยยังงี้อ่ะ    แต่มึงนี่ก็เข้มแข็งดีจริงๆว่ะ   ไอ่อิน    เป็นกูนะ   กูคงทำใจไม่ได้อย่างมึงหรอก   แค่กูคิดว่าตัวกูจะไม่มีใครเลยแม้แต่พ่อแม่เหมือนอย่างมึง   กูก็คงทนไม่ไหวแล้วอ่ะ"   มันพูดด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยผมมากจนรู้สึกได้
         
            " มึงคิดว่ากูเข้มแข็งอย่างนั้นเหรอวะ   มึงคิดผิดแล้ว  ไอ่เน     จริงๆกูก็ไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลย    เพียงแต่ไอ้วันเวลาเหล่านั้นน่ะ     กูเหมือนไม่มีหัวใจ   ไม่มีความรู้สึกไปแล้วมากกว่า    กูคิดถึงพ่อแม่กูตลอดเวลา  เฝ้าคิดซ้ำๆไปมาอยู่อย่างนั้นเองแล้วก็ร้องไห้อยู่คนเดียว    นานวันเข้ามันก็เหมือนชาชินไปน่ะ"  ผมเริ่มบอกความรู้สึกข้างในจริงๆของผมให้มันฟัง  

            " แต่พอวันนึงกูก็เลิกร้องไห้ไปเองเหมือนมันไม่มีน้ำตาแล้ว  มันเป็นของมันเองอ่ะ   แต่กูก็ยังคงคิดถึงพ่อแม่กูอยู่ดี   วันเวลาของกูมันเหมือนกับหยุดไปอยู่แค่นั้น     ไม่ได้นึกถึงวันข้างหน้าอีกว่าจะเป็นยังไง"   ผมเล่าไปเรื่อยๆ  มันก็นั่งฟังผมอย่างตั้งใจแล้วเอามือมันมาจับไหล่ผมเหมือนให้กำลังใจ

            " แต่ว่านะ  ที่กูทำไปกูก็เหมือนไม่รู้ตัวหรอกนะ   กูก็แค่เด็ก   อายุแค่นั้นจะไปคิดอะไรได้   แต่ที่คิดและรู้สึกอย่างนั้นไปมันก็แค่อาการนึงของคนสิ้นหวังจริงๆละมั๊ง     จนหลวงตาท่านเลยเตือนสติกูนะ     กูเลยคิดได้นั่นแหละ"  

            " แล้วท่านก็สอนกูทุกๆอย่าง     ตั้งแต่นั้นมานะ กูก็พยายามที่จะใช้ชีวิตให้มันมีค่า    คิดว่าสักวันเราต้องเอาดีให้ได้ด้วยตัวเราเองนี่แหละ    จริงอยู่กูอาจจะโชคร้ายมากนะ    ต้องเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่   ต้องมาเป็นเด็กวัด       แต่มึงรู้มั๊ยทุกวันนี้กูไม่เคยคิดเสียใจอีกเลยว่ะที่ชีวิตกูต้องเป็นแบบนี้"   ผมหันไปหามันแล้วก็สบตามัน  มันก็ยิ้มกับผมอย่างให้กำลังใจ    

            "เพราะกูกลับรู้สึกว่ากูโชคดีแล้วที่กูได้มาอยู่กับหลวงตาท่าน  ได้มีท่านคอยสั่งสอนอย่างนี้อ่ะ     ไม่งั้นวันนี้กูอาจจะมีชีวิตที่เป็นแค่เด็กแว๊นเลวๆเอาดีอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง   หมดอนาคตไปเลย"  ผมถอนใจยาวเมื่อเล่ามาถึงตรงนี้
       
            " แต่อย่างนึงที่กูยังคงเสียใจอยู่นะก็คือว่า    กูไม่ได้มีพ่อแม่อยู่กับกูอีกแล้วน่ะ   กูเลยไม่สามารถตอบแทนอะไรท่านได้เลยจริงๆ   ก็นี่แหละที่กูเสียดายมากนะ...  "     เฮ้อ..   พอผมพูดจบก็ทนคิดถึงพ่อกับแม่ไม่ไหวจริงๆเลยครับ     เลยต้องปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาช้าๆ    ไอ้เนมันก็กอดแล้วลูบไหล่ผมเป็นการปลอบใจ    ผมเลยกอดมันแล้วซบหน้าที่ไหล่ของมัน

            " เฮ้อ ...  กูฟังแล้วกูก็สงสารมึงว่ะ  อิน   แต่กูว่ามึงก็คงไม่ได้ต้องการให้กูมาสงสารอะไรมึงหรอก  ใช่มั๊ยล่ะ    ในเมื่อตัวมึงเข้มแข็ง   เด็ดเดี่ยวมากพอแล้ว       ตอนนี้มึงคงแค่ต้องการคนที่เข้าใจมึงแค่นั้น      ดีแล้วว่ะ   กูนี่อ่ะ  จะเป็นคนที่เข้าใจมึงเองนะ   แล้วกูก็จะอยู่กะมึงข้างๆมึงเนี่ย     เหมือนกับที่มึงไม่เคยทิ้งกูไง"    ผมได้ฟังมันพูดแล้วก็ได้แต่ยิ้มให้มันแทนการขอบคุณ   แล้วมันก็ตบไหล่ผมเบาๆ  
         
             " วันนี้มึงได้ทำให้กูได้รู้และเข้าใจดีขึ้นอีกแล้วว่ะ   ว่ากว่าที่จะเป็นคนที่ดีๆได้แบบมึงเนี่ย   มันมีค่ามากจริงๆว่ะ   เห็นอย่างนี้แล้วกูก็ยิ่งอยากเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นยิ่งไปกว่าเดิมอีกว่ะ   กูจะต้องทำให้ได้    อย่างน้อยก็สักเสี้ยวของมึงน่ะ"    มันกล่าวกับผม

              " อืม  มึงก็เกินไปอ่ะ   กูก็ไม่ได้ดีเลิศอะไรขนาดนั้นหรอก   ทุกอย่างที่ดีๆที่กูมาบอกกับมึงมันก็เป็นสิ่งที่หลวงตาท่านสอนกูทั้งนั้น    ตอนนี้มึงคิดได้อย่างนี้ก็ดีแล้ว      ต่อไปก็พยายามกันต่อไปอ่ะนะ   ถึงตอนนี้อาจจะดูว่าอะไรๆมันสายไปแล้ว   เรื่องผลการเรียนมึงน่ะ   แต่ก็เอาเหอะ   มาลองกันดูสักตั้งละกันวะ  โอเคมั๊ยอ่ะ"

            " เออ  โอเคเลยว่ะ    ต่อไปกูจะพยายามทำให้ได้เว้ย"     มันบอกแล้วก็ยื่นมือมาตบบ่าผมเบาๆ     ตอนนี้มันก็คงเข้าใจอะไรๆได้มากขึ้นอีกเยอะ      

            จะว่าไปแล้วผมก็รู้ครับว่าการที่มันจะเปลี่ยนตัวมันเองอย่างที่ได้พูดกันไปนี้ถ้าจะทำกันจริงๆแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย    

            แต่ก็คิดครับว่าถ้ามันตั้งใจทำจริงๆแล้วละก็   คงไม่เกินความสามารถมันไปได้หรอกครับ    

            และแน่นอนตัวผมเองก็จะคอยอยู่ช่วยมันไปอย่างนี้แหละครับ

                            ***************************

     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2011 13:27:07 โดย Goodfellas »

iChoCoHoLiC

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้จะมีประมาณว่า "เมื่อเพื่อนรัก กลายเป็นว่ารักเพื่อน" รึป่าวครับ อิอิ ลุ้นๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2010 01:56:21 โดย iChoCoHoLiC »

spok1234

  • บุคคลทั่วไป
มา ต่อ แล้ว

ตอน นี้ ยาว ดี

ขอบ คุณ ค้าบ

GuanTeen

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนี้ยาวสะใจจริงๆ

อ่านไปก็เศร้าไป ชีวิตคุณอินรันทดจริงๆ  :กอด1:


Abracadabra

  • บุคคลทั่วไป
ตอนแรกกำลังจะถามเลยว่า ทำไมอินมันมีตังเรียน ทั้งๆที่อยู่วัด ผมรู้นะว่าพี่รู้ว่าผมจะถาม พี่เลยดักทางผมไว้ก่อนในประโยคล่างๆ 55555

อยากฝากน้องเนครับ ว่าเวลาเตรียมเอนท์ 2 เทอมนี่ถมเถไปครับ ขยันๆก็ได้แล้ว จริงๆไม่ถึงขั้นต้องติวก็ได้ครับ
ผมเห็นเด็กเก่งจริงๆ หลายคนก็ไม่ได้ไปเรียนพิเศษก็ยังสอบหมอติดเลย อันนี้เรื่องจริงจากน้องบางคนที่ผมทราบครับ

ดังนั้นน้องเนต้องพยายามเข้านะครับ น้องอินด้วยเหมือนกัน อย่าให้ต้องเรียน ม.เอกชนเลย ค่าเทอมแพงครับ


แปะชื่อ รอตอนต่อไป  :m1:

Nou_Wongs

  • บุคคลทั่วไป

เป็ดชรา

  • บุคคลทั่วไป

  เข้ามาอ่านแล้วนะครับ น๊อต   เป็นกำลังใจให้  อยากอธิบายเรื่องการใช้ชีวิตอยู่ในวัดว่ามีรายได้มาจากไหน ในฐานะที่มีประสบการณ์เป็นเด็กวัดมา 6 ปี
 
  1. รายได้จากการทำธุระให้พระที่วัดครับ  ศาสนาพุทธในประเทศไทยเป็น ฝ่ายเถรวาท ซึ่งแบ่งออกเป็นอีก 2 สายคือ สายธรรมยุติ กับ มหานิกาย  ซึ่งพระในประเทศไทยส่วยใหญ่
     เป็น มหานิกาย ฉนั้นเมื่อพระถูกนิมนต์ไปตามงานพิธีต่างๆจะได้รับปัจจัยถวายกลับมา  ซึ่งพระแต่ละรุปก็จะนำส่วนหนึ่งแบ่งให้กับวัดที่จำพรรษา และเก็บไว้กับตัวท่าน
     เพื่อใช้สอยในกิจต่างๆ และให้แ่ก่เด็กวัดที่ปรนนิบัติ และท่านมีเมตตาให้
  2. หน้าที่หลักของเด็กวัดคือ เดินตามพระที่ออกบินทบาตรเพื่อถือของที่ญาติโยมถวาย ประเคนของให้พระ ทำความสะอาดภาชนะ วัด ต่อจากนั้นก็ว่าง ถ้าอยู่วัดนานๆ
     จนญาติโยมระแวกนั้นรู้จักจำได้  ก็จะมีการไหว้วานให้ทำงานธุระที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อวัด หรืออืื่นๆ ก็จะได้รับค่าจ้างอีกครับ  ซึ่งถ้าเป็นคนรู้จักเก็บเงิน ก็พอจะมีเงินใช้จ่าย
     และเก็บบ้าง  ผมเอง 6 ปีนี่ยังพอมีเงินที่ใช้ในการเรียนมหาวิทยาลัยเทอมแรกเลยครับ หลังจากนั้นก็ต้องทำงาน Pastime เพื่อหาเงินเรียนต่อ แต่สำหรับเด็กวันนี่เป็นเรื่องปกติ
     ไม่ใช่เรื่องลำบากครับ

Abracadabra

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับพี่หนุ่ม พอดีไม่ค่อยได้คลุกคลีเรื่องแบบนี้ก็เลยเซนต์กับผมพอควรน่ะคับ

พี่น๊อต ถ้ายังไม่ว่างมาต่อก็ไม่เป็นไรนะคับ สู้ๆ เอาเรื่องงานกับเรื่องพี่ไว้ก่อนนะคับ ผมเป็นกำลังใจให้

ออฟไลน์ TaiLz of Skyz~

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
    • ฟะ ฟะ ฟะ เฟสบุ๊ก...
ตอนใหม่อ่านเพลินเลย

อินนี่คนดีเหลือเกิน ไหนจะเข้มแข็งอีก สุดยอดมาก  o13
รอติดตามตอนต่อไปครับ
แต่เห็นว่าช่วงนี้ไม่ค่อยสบาย พักดูแลตัวเองผ่อนคลายๆให้หายก่อนนะครับ~

ขอบคุณความรู้ที่ไม่เคยรู้ครับ พี่หนุ่ม

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด