ดิษโดนรถชนอะ งื้อ แต่โดนเค้าชนนะครับ รถบุบเลย เพิ่งเคลียร์เรื่องจบ ผมได้โชว์ฝีมือเจรจาขั้นเทพด้วย คึคึคึคึ ไม่มีคนเจ็บนะครับ โชคดีไป ตอนนี้นอนหลับไปแล้ว ผมก็มาต่อตามสัญญา แฮะๆๆ
*****************************************************************
หน้าที่ 43 วรรคที่ 2
พอกลับมาถึงห้าง วากดิษก็บอกให้ผมกลับไปจัดการงานของไอพาน ให้ไปแก้งานที่ขาดๆเกินๆเผื่อพวกฝ่ายอื่นจะขอดู ส่วนตัวเค้ามีงานเยอะเป็นปกติอยู่แล้วครับ ...... คนอื่นก็น่าโมโหอะครับ ใช้มันทำขนาดนี้ยังจะอยากได้ของๆมันอีก
“ พี่วากคิมไปไหนมาครับ ” ไอดิษน้อยโผล่มาละครับ
“ เออ มาก็ดีละ ข้างนอกมีคนอยู่ไหม ”
“ แอบกลับไปหลายคนละพี่ พวกพี่แหละหายไปไหนมา พอไม่เห็นทั้งหัวหน้าทั้งรอง เค้าก็กลับกันหมดสิ ” พูดไปก็ทำมือทำไม้ไป ติดมาจากนอกหรือไงมึง เหอะๆ
“ ก็ดี ไปเอาเอกสารพวกนี้มา แล้วออกไปคลังกับพี่ ” ไอเดย์ขมวดคิ้ว
“ ไหนว่างานผมแค่นั่งโต๊ะไงพี่ ”
“ เกี่ยงงานตั้งแต่เดือนแรกเลยนะ เดี๋ยวกูไม่เสนอขั้นระวังเหอะ ” มันยิ้ยเยาะผมเฉยเลยครับ
“ เงินผมเยอะแยะพี่ ไม่กลัว ” ขู่ผิดคนเองแหละกู ฮุ้วว
“ มาๆ งานเยอะนะ ” มันเดินมารับกระดาษที่ผมให้ไปเอาเอกสาร แล้วก็ออกไปพักนึงครับ ก่อนจะกลับมาพร้อมกองงาน
จากนั้นเราก็ออกไปดูของที่คลังว่าเสร็จตามที่รายงานจริงไหม ปรากฏว่าบางส่วนยังไม่มา บางส่วนมาแล้ว คือตามปกติเค้าทำกันแบบนี้อยู่แล้ว แต่ช่วงนี้ดิษอยากให้เข้มงวดเราก็ต้องทำครับ ผมบอกไอเดย์ว่าต่อไปมันต้องมาช่วยผมตรวจของอีกคน เพราะคนอื่นผมไม่ไว้ใจ เสร็จงานก็กลับมาที่ห้าง พี่ทนายต้นจะมาตอนช่วงนี้ของทุกวันครับ ก็เลยมีกันอยู่สี่คน
“ พี่ ห้างพี่นี่ทำไมทำงานกันน้อยจัง รวยได้ไงเนี่ย ”
“ ช่วงนี้เราให้เค้าลาได้ เพราะมันมีคิวแปรสภาพ ไม่ต้องให้คนรู้เยอะน่ะดีแล้ว ..... อีกอย่างที่นี่สำนักงาน อยากเห็นคนมากๆ ไปโรงงานกับคลังสิ ย้ายเลยไหมล่ะ ” วากดิษโหดกับน้องนอกไส้ละครับ เหอะๆ
“ ผมก็พูดไปงั้นเอง พี่ต้องการความช่วยเหลือ ถามพ่อผมไหมล่ะ ”
“ อย่าเลย แค่นี้ตัวแปรก็เยอะมากแล้ว ท่านเข้ามาอีกจะยุ่งมากขึ้น ” ผมเห็นด้วยนะ
“ พรุ่งนี้บริษัท (ชื่อ) เค้าจัดเลี้ยงดิษต้องไปใช่ไหม ” พี่ทนายต้นถาม บริษัทนั้นเป็นของพ่อเจ๊แจงงี่ครับ ได้ยินว่าได้เงินมาซื้อครอบเลย
“ จะขอสิทธิเค้าคงต้องไป ...... คิมนั่งเล่นกับเดย์แล้วกันนะ ”
“ นั่งเล่นแบบไหนพี่ แบบผู้ใหญ่ได้ปะ ”
“ มึงก็ไม่หยุดนะไอเดย์ เปลี่ยนตัวมึงกับวินได้ไหมวะ ไอนั่นได้งานกว่ามึงเยอะเลย ” ไอดิษน้อยขมวดคิ้วทำหน้าเหมือนวากบ้าครับ
“ อยากได้ผมจัดให้ ..... พี่คิมควรไปกับพี่ดิษนะ ผมเห็นพี่แจงมาโฉบแถวนี้ ไม่ควรไว้ใจ กับไปเป็นกำลังใจให้ผัวพี่ด้วย ”
“ เชี้ยนี่ ผัวเลยนะ ” ไอนี่มันไวครับ ถีบไม่เคยทันเลย
“ อืม เดย์พูดก็มีเหตุผล พาคิมไปด้วย ” พี่ต้นคงไปด้วยกัน เพราะช่วงนี้ควรมีนักกฎหมายตามไป ความจริงผมก็เรียนกฎหมายนะ แต่ยังมีได้เข้าสายวิชาชีพเลยไม่ออกตัว
“ พี่ไม่สบายใจเลย รู้สึกไม่ดี ”
“ ทำเป็นกลัวไปได้ท่านผู้จัดการ วันนี้หาข้าวกินแล้วค่อยแยกย้ายเถอะ ” ตอนนี้ยังหัวค่ำครับ วากดิษเลยชวนไปร้านพี่นาก เวลาแบบนี้คนไม่มาก แค่มากินข้าวแล้วกลับคงไม่ติดลม
“ นี่ ...... บาร์เกย์เหรอวะดิษ ” พี่ต้นหน้าซีดเลยครับ คือผมคงไม่ได้อธิบายคุณลักษณะของพี่ต้น ถือโอกาสบรรยายซะเลย พี่ต้นรูปร่างสูง คล้ำนิดหน่อย คิ้วเข้มๆ จมูกโด่ง จัดว่าพอใช้เลย แต่พี่เค้าไม่ได้ชอบผู้ชายครับ
“ กลัวอะไร มากับผู้ชายตั้งสามคน ”
“ ไม่ได้กลัวเว้ย ” หน้ามันฟ้องอะพี่ เหอะๆ พอเราทั้งหมดมาก็สั่งข้าวกินกัน คุยเรื่องทั่วๆไป
“ ต้น มึงไม่หนักใจนะที่ต้องอยู่กับพวกกู ”
“ ตอนแรกหัวหน้าไม่ได้บอกหรอกว่าเป็นยังไง แต่พอได้มาทำงาน มันก็ไม่แปลกอะไร กูยังรู้สึกรำคาญคนในห้างมึงด้วยซ้ำ ” ดีไปครับที่เค้ารับได้
“ ทำไมพี่ต้นดูสนิทกับดิษจังเลยครับ ” ไอเดย์ถาม
“ อ๋อ ดิษเคยลงเรียนกฎหมายน่ะ ไม่รู้กันเหรอ ” ช็อคเด้
“ อย่าพูดต่อขอร้อง ”
“ พี่เรียนที่ภูมิภาคนี่แหละ เจอดิษก็เลยถามไถ่กัน เจอบ่อยเข้าก็ถามเรื่องส่วนตัว ถึงรู้ว่าอายุเท่ากัน ” เห็นมะ โชควาสนาคนอะ (ผมเองก็ได้เจอเหมือนกันนะครับ ยังหาคิวเล่าถึงมันไม่ได้เลย เพื่อนคนนี้สอบไล่จบมาด้วยกัน เรียนเนจบพร้อมกันด้วยครับ เอาไว้จะหาโอกาสเล่าถึง)
“ แล้วทำไมพี่จบจนเป็นทนาย พี่ดิษไม่ต่อละครับ ” มึงนี่ก็ปิดมิดดีเหลือเกินนะ เคยเรียนก็ไม่บอก
“ ..... มันยากอะ เยอะด้วย พี่อ่านไม่ไหว ”
“ ใจไม่สู้ว่ะ ฮ่าๆๆๆ ” ผมแซวเลยครับ มันกัดกรามงุ่มๆๆ
“ พอๆเลย คุยเรื่องอื่น ” ไม่นานไอวินก็มากินข้าวด้วยอีกคน คืนนั้นไม่มีอะไรพิเศษครับ อิ่มแล้วก็แยกกัน
ถึงห้องผมก็จ้องเตรียมแซวเรื่องเรียนนิติของวากดิษครับ
“ มองจ้องขนาดนี้จะกินพี่เหรอ ” ผมเอาเสื้อสีขาวที่ถอดไปแช่ให้ครับ พี่วากชอบใส่เชิ้ตขาวโชว์หน้าอก ชิชะ
“ สนใจให้ติวให้ปะกฎหมายอะ ”
“ มีคิมจบแล้วคนนึงนี่ ทำไมต้องเรียนอีกคน ...... ไม่กลัวพี่เก่งกว่าหรือไง ” แอบจริงแฮะ ฮ่าๆๆ
“ เก่งก็ดีดิ จะแกะแน่นๆ ไม่ช่วยหากินเลย ” ผมเดินลิ่วๆเข้าห้องน้ำ แต่วากบ้าดึงไว้ซะก่อน
“ ไหนว่าจะเกาะไง ” อารมณ์นี้ จะเชือดกูแหงเลย
“ พูดเล่น คิดเป็นจริงเป็นจังไปได้ ”
“ ครับ เชื่อใจพี่นะ ” เชื่อใจอีกแล้ว ช่วงนี้มันย้ำบ่อยมากนะครับ บ่อยจนเริ่มแปลก แต่เอาเถอะ ปล่อยไปก่อน คืนนั้นไม่ได้ทำอะไรกันครับ เพราะพรุ่งนี้ต้องไปงานของพ่อแจงงี่กัน
รุ่งเช้าวากดิษดึงผมลุกไปเดินด้วยกัน ช่วงนี้เค้าห่วงใยสุขภาพมาก ยิ่งหุ่นไม่หนาควายเหมือนเมื่อก่อน ดันดูดีไปอีกแบบ
“ คิมไม่คิดจะเพิ่มมั่งหรือไง หน้าอกหน้าท้องน่ะ ” มันทั้งจับทั้งลูบเลยครับ
“ มีแล้วพิเศษตรงไหน แค่นี้ก็ดูดี ..... ไม่ใช่เหรอ ” เห็นหุ่นมันแล้วชักไม่มั่นใจ แฮะๆๆ
“ หึหึ พิเศษสิ เอาหูมา ....... ฮ่าๆๆ ” มันพูดเสร็จก็วิ่งนำผมไป ไอที่มันพูดไม่พ้นเรื่องใต้กางเกงหรอก คิดเองเถอะ
ตลอดทั้งวันไม่มีเรื่องให้ทำเท่าไรครับ ส่วนพี่ริชกับพี่พานยังเงียบกันอยู่ ถึงจะกลับมาทำงานแล้วแต่ไม่ได้เข้าหากันเหมือนก่อน เห็นแล้วรู้สึกว่าผมกับดิษเห็นแก่ตัวยังไงไม่รู้ครับ
พอช่วงบ่ายแก่ๆ ดิษให้ผมกับเดย์ไปเตรียมตัวก่อน เค้าจะไปรอที่งาน (ดิษมีเสื้อผ้าที่ห้าง) ส่วนพี่ริชกับพี่พานไม่ตามไปด้วย คงจะแอบเคืองแต่ไม่พูดอะครับ
“ ต้องหล่อขนาดไหนพี่ ” ไอเดย์ถาม
“ งานเลี้ยงธรรมดา ก็สุภาพหน่อยแล้วกัน ”
“ อีกชั่วโมงผมกลับมารับนะ ” ไอเดย์บอกผมก่อนขับรถออกไป (ช่วงนี้เป็นช่วงหลังเกิดอุบัติเหตุครับ ผมไม่ได้ขับรถเองเลย)
ผมอาบน้ำแล้วก็เลือกชุด พอถึงเวลาที่นัดหมาย ผมกับเดย์ก็ไปที่งานกันครับ ที่งานไม่มีอะไรพิเศษครับ แต่พวกนักธุรกิจมากันเยอะแยะ มีเลี้ยงโต๊ะจีน ร้องเพลง ก็ธรรมดาครับ
“ พี่ดิษอยู่ไหนเนี่ย ”
“ คิม ”
“ เอ่อ ” คนที่มาดันเป็นแจงงี่ครับ
“ ดิษคุยธุระกับพ่อของพี่ ...... น้องคะ พี่ขอคุยกับคิมสองคนนะคะ ” ไอเดย์ขยับมาใกล้เลยครับ
“ ไม่ครับ คุยกันก็คุยไปแต่ผมจะอยู่ด้วย ” ผมยืนคิดว่า ถ้าเค้าจะหาเรื่องผมอีก ดิษก็อยู่มันคงอาละวาดบริษัทแตกแน่ แจงงี่ก็น่าจะรู้
“ เดย์ไปนั่งก่อน เดี๋ยวพี่ตามไป ” ไอเดย์ทำท่าฮึดฮัดตามนิสัยมัน แต่ยอมไปโดยดีครับ
“ เชิญครับ ” แจงงี่ยกน้ำมาให้ผม ก่อนจะเริ่มพูดขึ้น
“ ที่ผ่านมา พี่รู้ว่าคิมคงรังเกียจพี่ ...... แต่ถ้าพี่ไม่พูด ทุกอย่างคงจะติดอยู่ในใจพี่และคิม ”
“ อะไรครับ ” คือแจงงี่เค้าดูสวยสุภาพอะครับ (พูดไปก็ไม่แพ้รักแรกเค้าหรอก ฮึ่มมม) ดูแล้วมีเสน่ห์ไม่น้อยเลย
“ พี่ทำกับคิม เพราะคิดว่าดิษไม่ได้รักปักใจกับคิม ใจจริงแค่จะลองใจ ไม่คิดว่าจะเลยมาถึงขั้นนี้ ”
“ จริงเหรอครับ ผมเชื่อได้เหรอ ”
“ พี่ทำไปเพราะพี่รักเค้า ” ตอนแรกผมก็จะไม่คล้อยตามหรอก แต่บังเอิญไปเจอแหวนเพชรที่มือของเค้า
“ นั่น ..... ”
“ พี่หมั้นแล้วจ้ะ ”
“ ถ้าพี่พูดว่าทำไปเพราะรัก ผมจะไม่ถือเอาเรื่องเก่ามาคิดอีก ..... พี่มีความรักจริงๆแล้ว พี่คงเข้าใจผม ” พี่แจงกุมมือผม
“ อีกเรื่อง จำได้ไหมว่าพี่เคยพูดเรื่องมีลูก ” ผมกลืนน้ำลายเลยครับ
“ ครับ อันนั้นผมก็ ...... ”
“ ดิษเค้า .... ” ยังไม่ทันพูดจบ พี่แจงก็มองข้ามหัวผมไปด้านหลัง ผมเลยหันตาม
ผมเห็นดิษอยู่ในชุดสูทสีเทา ดูสง่ามากเลย แต่ที่ผมต้องตกใจคือดิษกำลังหยอกกับเด็กน้อยที่มันอุ้มอยู่ ผมเห็นสายตาที่เอ็นดูและเปล่งประกายมากๆของดิษ ใจผมสั่นไหวไปหมดเลยครับ
“ คิมจ้ะ ..... อย่าคิดมากเรื่องนั้นเลย พี่พูดแบบไม่คิด แค่ต้องการให้คิมแพ้ ”
“ ไม่หรอกครับ เรื่องของพี่ก็อีกเรื่อง แต่พี่ดูสายตาสิครับ ” พี่แจงลูบไหล่ของผม
“ เพราะพี่พูดเรื่องนี้ใช่ไหม ...... พี่ขอโทษนะจ้ะ ”
“ ไม่เกี่ยวจริงๆครับ ” ผมคงเบลอเพราะความคิดเมื่อกี้ ก็เลยเอามือจับมือของพี่แจง กว่าผมจะรู้ตัว วากดิษก็เดินหน้าเข้มมาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว
“ อุ้มลูกชายเหรอ ” ผมถาม
“ แจง พูดอะไรกับคิมน่ะ ”
“ ไม่ต้องยุ่งกับพี่แจง พี่เค้าไม่เกี่ยว ” วากดิษส่งสายตาพิฆาตไปที่พี่แจง ผมรีบไปบังตัวพี่เค้าไว้ มันจะพาลคนแบบนี้ไม่ได้ครับ
“ ขอร้อง ”
“ อย่าใส่ไฟ อย่ายุ่งกับเรื่องครอบครัวคนอื่นนะ ” มันพูดจบก็เดินไปครับ ผมหันกลับมาหาพี่แจง รายนี้ยิ้มทั้งน้ำตาเลย
“ พี่อย่าเสียใจไปเลยครับ ”
“ ฮึก พี่รู้แล้วล่ะ ..... ว่าทำไมเค้าถึงรักคิม ” ผมสองคนยิ้มให้กัน
“ ว่าแต่ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหน ทำอะไรครับ ” พี่แจงมีร้านเสื้อและขายน้ำหอม อาหารเสริม บอกว่าตอนนี้มั่นคงดี จากนั้นต่างคนต่างไปทำธุระ ผมเดินมาที่โต๊ะที่ไอเดย์นั่งคอยอยู่
“ พี่ชอบหายไปนานๆอะ ”
“ ขอโทษๆ ไปเคลียร์กันมาไง ”
“ เข้าใจกันไหมล่ะ ” มันจะถามทำไมนะ
“ ก็คงดีอะ ”
“ คือพวกใครไม่รู้โต๊ะข้างๆอะ คุยกัน ผมไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนะ ..... ก่อนพี่ดิษจะเดินมา เค้าคุยกันเรื่องพี่ด้วย ”
“ ดิษมาหามึงเหรอวะ ”
“ ครับ มาบอกผมว่าห้ามผมคุยกับคนอื่น เสร็จงานจะรีบกลับ ..... พี่ฟังเรื่องนั้นก่อนดีปะ ”
“ เออๆ เล่ามา ” ไอเดย์ขยับเก้าอี้มาใกล้ผมครับ
“ เค้าบอกว่าพี่ดิษเนี่ยเจ้าเล่ห์หลอกได้หมดทุกคน โดยเฉพาะกับคนที่เป็นแฟน คงหมายถึงพี่อะ ”
“ มึงได้ยินมาชัดหรือปล่าววะ ” ไอเดย์หน้าเครียดเลยครับ
“ ชัดครับ ...... เค้าบอกว่าพี่แจงเปลี่ยนไปมาก เข้าข้างทั้งพี่ทั้งพี่ดิษ มาขอสิทธิไปให้พี่ดิษ ...... ส่วนพี่น่ะหนักที่สุด โดนหลอกให้ลงนามเรื่องสิทธิออกเสียง ”
“ พูดไปมึงจะเข้าใจหรือปล่าวไม่รู้นะเดย์ สิทธิของกูน่ะน้อยนิดเดียวเอง ”
“ เค้าบอกว่ามันเป็นข้อตกลงตอนตั้งห้าง ...... เหมือนสิทธิพิเศษอะพี่ พี่ดิษบอกพี่ไม่หมด ” ตอนนี้ผมตัวชาเลยครับ หลอกเหรอ
“ พี่ คือ ..... ผมไม่ได้ตั้งใจเอาเรื่องมาทำให้พี่กลุ้มใจนะ แต่ผมว่าพี่ดูเอกสารดีแล้วหรือปล่าว ถ้าสิทธิอะไรนั่นมีจริงๆ พี่สามารถไปอยู่ระดับใกล้เคียงพี่ดิษนะครับ ” ผมหลับตานั่งนิ่ง
“ เค้าปิดพี่เพื่ออะไรวะ ”
“ แล้ว ..... ผมไปเติมน้ำนะครับ ” ผมจับอาการไอเดย์ได้ครับ ถึงผมใกล้วีนแตกแค่ไหน ผมก็มีสติ (เพราะไม่กินเหล้างาย ฮ่าๆ)
“ พูดมาซิ เค้าว่าอะไรอีก ”
“ พี่เรื่องนี้มันไร้สาระอะ เรื่องสำคัญพูดไปแล้ว ”
“ ก็บอกให้พูด สำคัญไหมกูคิดเองได้ ” ไอเดย์หางตาตกเลยครับ
“ .... เค้าว่า หลังพี่ดิษกับพวกแปรสภาพแล้ว เค้าคงจะหาแฟนใหม่ มีครอบครัว มีลูกซักที ”
“ หึ ..... หึ ” ไอเดย์รีบมาจับมือผม
“ ผมว่าไปๆมาๆ มันเหมือนพวกขี้อิจฉาพูดกันน่ะพี่ พี่ต้องเชื่อใจพี่ดิษ ” เชื่อใจ คำนี้อีกแล้ว
“ กูจะเชื่อตาตัวเองดีกว่า ” ผมเดินออกมาที่ด้านข้างของห้องประชุมที่เค้าจัดเลี้ยง
ดิษทำอะไรอยู่กันแน่นะ ถ้าเค้าจะใช้สิทธิที่ผมมี แค่บอกผมยอมยกให้เลยก็ได้ เพราะผมรู้ดีว่า คนที่สร้างห้างขึ้นมาคือพ่อของดิษ พ่อผมได้มันมาเพราะหนี้ทางศีลธรรมที่พ่อวากข้าวกล้องติดไว้เท่านั้นเอง
แต่ถ้าเค้าหลอกผม เค้าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาร่วมปีๆแบบนี้เลยเหรอ ...... ไม่สิ เค้ารอผมมาหลายปีได้ แต่รอเพื่อผมแค่นั้นจริงๆหรือปล่าว พักนี้ผมรู้สึกว่าดิษดูจะไม่ใช่คนที่ผมรู้จักเท่าไร ทั้งห้ามพี่พานพี่ริชด้วยเหตุผลเรื่องงาน ไม่หรอก ชีวิตจริงคงไม่มีตัวร้ายอย่างในละครหรอกมั้ง
“ ยืนคิดอะไร ”
“ ไม่อุ้มลูกแล้วเหรอ ” มันถอนหายใจ
“ เจอกับแจงไม่นาน ก็มีอาการแบบนี้ ..... พี่ขอโทษที่ห้างวันนั้น เดิมทีพี่จะไปหาพ่อเค้าเอง แต่ท่านให้แจงมาหา ”
“ เรื่องพี่แจงเราไม่ติดใจแล้ว ”
“ งั้นไม่พอใจพี่เรื่องอะไร ”
“ ปล่าวนี่ ” ความจริงผมอยากถามเรื่องหุ้น แต่ในเมื่อเค้ายังไม่พูด ผมใจเย็นไว้ก่อนดีกว่า
“ ตาของคิมบอกพี่ว่ากำลังโกรธพี่ บอกมาเถอะ ”
“ นายนี่มองเรารู้หมดจริงๆเนอะ เรานี่ของตายจริงๆ ”
“ อย่าพูดถึงตัวเองแบบนั้นนะ ไม่พอใจก็ว่าพี่ อย่าดูถูกตัวเองสิ ” มันเดินมาใกล้ผมมากขึ้น
“ ..... ถ้าวันนึง ดิษต้องการสิ่งที่คิมให้ไม่ได้ ...... จะยังเป็นแบบนี้อยู่ไหมวะ ” วากดิษเอามือมาจับแขนทั้งสองข้าง มันบีบแน่นจนผมยอมรับว่าเจ็บครับ
“ พี่ว่าคนที่อยากมีลูกน่ะ เป็นคิมมากกว่ามั้ง ถึงเอาแต่พูดเรื่องนี้ ” เสียงมันเย็นจับหัวใจผมเลยครับ
“ กูไม่เคยอุ้มเด็กแล้วยิ้มแบบนั้น มึงต่างหากล่ะ !!!! ” นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนจริงๆนะครับ แม้แต่ตอนที่ทะเลาะกันครั้งพี่พาน เราขึ้นเสียงกันแบบไม่เต็มที่นัก
“ บอกแล้วไงอย่าพูดเรื่องนี้ ” เรื่องนี้มันกวนใจผมนาตลอดเลยครับ พูดเรื่องนี้ทีไร ผมน้ำตาไหลทุกที
“ มึงน่ะ ...... ตอบมาสิ ” ผมเห็นเส้นเลือดขึ้นจนลำคอของมันแดงไปหมด ก่อนที่วากดิษจะคำราม เดย์กับพี่แจงก็เดินออกมาเจอเข้าพอดี
“ สองคนไม่ได้มีปัญหากันใช่ไหม ” พี่แจงถาม
“ เรื่องของครอบครัว อย่ายุ่งแจง ”
“ พี่ดิษครับ พี่โมโหผมเถอะ ผมเล่าเอง ” ไอดิษหันไปมองหน้าไอเดย์ ซึ่งไอเดย์ก็กล้านะครับ ทั้งๆที่รู้ว่าไอวากบ้าเวลาโมโหไม่ธรรมดา มันยังกล้ายอมรับอีก
“ เดย์ .... ” ก่อนมันจะเดินไปหา ผมดึงมือมันไว้
“ ไหนว่าทำงานอยู่ไง ทำให้เสร็จก่อนสิ ” ผมพูดเตือนสติ
“ พอแล้ว ให้ต้นจัดการต่อ พี่ไม่ไหวแล้ว ...... ทุกคนวันนี้ห้ามยุ่ง ถอยไป ” ดิษจูงมือผมเดินออกมาจากงาน ให้ผมขึ้นรถแล้วออกตัวอย่างรวดเร็ว ตลอดทางไม่ได้คุยอะไรกันครับ
“ ว่ามาซิ จะให้พี่ทำยังไง ”
“ ก็ไม่อะไร แค่ถาม ”
“ บอกแล้วว่าไม่เคยคิดไง ทำไมชอบบีบคั้นพี่อยู่เรื่อย ” ไอดิษถอดเสื้อปาลงที่พื้น ก่อนจะขึ้นเสียงกับผม
“ ไม่คิดแล้วจะโมโหกูทำไม ห๊ะ !!!!! ” ผมสวนกลับ
“ ก็ต้องโมโหสิ ถ้าคิมอยากมีลูกนัก ก็บอกมาสิ ไม่ต้องกดดันพี่ ”
“ พอเหอะ ” ผมถอดเสื้อนอกวาง แล้วถอนเนกไทออก
“ จะไปไหน ” มันไม่ได้ดึงมือนะครับ แค่ถามเสียงดัง
“ หาเบียร์กิน อารมณ์นี้ไม่เมานอนไม่หลับ ..... ไม่ต้องตามมา ” ผมเดินข่มอารมณ์ลงไปหาซื้อเบียร์ที่ร้าน ผมค่อยๆเดินลงมา ใจก็ลอยไปไหนไม่รู้หรอกครับ ไม่มีเป้าหมายเลย
“ เฮ้ย !!!! ”
“ ตกใจทำไม ” ไอดิษครับ
“ ไม่จบใช่ไหม บอกว่าอย่าตาม หรือต้องให้ด่า ” ช่วงหลังนี่ เราไม่ได้ด่ากันเจ็บๆเลยครับ จนนึกคำด่าไม่ออกแล้ว
“ เรื่องเมื่อกี้ .... พี่ไม่ได้ตั้งใจ ที่บอกว่าคิมอยากมีลูก พี่พูดส่งๆเพราะโมโห ”
“ ไปบอกตัวเองในกระจกเถอะ กูรู้ว่าไม่ตั้งใจ ” ผมบอก
“ งั้นกลับห้องเถอะ ”
“ ไม่ บอกแล้วว่าวันนี้ต้องกิน ” ผมเดินต่อไป ส่วนวากดิษก็พยายามจะจับมือ แต่ผมสะบัดตลอด กว่าจะมาถึงร้านเสียเวลามาก จนมาถึงเซเว่นผมก็เดินตรงไปเลือกเบียร์
“ คุณคะ ..... หมดเวลาจำหน่ายแอลกอฮอร์แล้วค่ะ ”
“ นี่ ..... แค่สามสี่นาทีเองนะครับ ”
“ ไม่ได้จริงๆค่ะ ” ผมหันไปมองหาวากดิษ มันถือน้ำอัดลมมาให้ผม แล้วก็ยิ้มที่มุมปาก
“ มึงนี่วางแผนแม้กระทั่งเรื่องกินเบียร์เลยเหรอ ” มันแกล้งดึงแกล้งลากผมเพราะเรื่องแค่นี้อะนะ
“ ตัวเองอย่างอนเค้าแล้วกินเบียร์สิ ขอนะๆ ” มันตีบทแตกเลยครับ พนักงานยิ้มกันหมด ผมเลยจำใจไม่กิน
“ เรื่องนี้จะให้พี่พิสูจน์ยังไงล่ะคิม ” พอมาถึงห้อง ผมรีบอาบน้ำแล้วนอนคลุมโปงเลย
“ ไม่ต้องหรอก มันอยู่ในหัวคิมเองแหละ คิมขอโทษ ”
“ ......... ” วากดิษเงียบไปครับ ผมเลยต้องแง้มผ้าห่มออกมามอง
“ เงียบทำไมอะ ”
“ พี่ไปทำหมันดีไหม ”
“ เฮ้ย อย่านะ ห้ามเลย ” วากดิษยิ้มครับ
“ ทำหมันน่ะยังเอากับคิมได้เหมือนเดิมน่า ”
“ รู้เว้ย ห้ามเลยนะ ถ้าทำกูจะไม่เจอหน้ามึงอีกเลย ” วากดิษขยับมากอดผมครับ
“ ขอบคุณนอน นอนเถอะ ” ผมแปลกใจเหมือนกันที่เราปรับความเข้าใจกันเร็ว แต่ลึกๆมันแค่การวางปัญหาไว้ก่อนครับ ผมไม่สามารถขจัดความคิดนี้ไปจากหัวของผมจริงๆ ไม่รู้จะทำยังไง
ผมนอนหลับไปได้น่าจะไม่กี่นาทีก็มีคนโทรศัพท์หาผม
“ สวัสดีครับ ” วากดิษงัวเงียลุกมาฟังด้วย เพราะโทรศัพท์ตอนดึกๆเนี่ยมักเป็นเรื่องไม่ดี
“ ขอโทษว่ะคิม มึงรู้ข่าวหรือยัง ”
“ ใครครับ ”
“ กูจักรไงวะ ”
“ อ๋อ .... นี่ตีหนึ่งตีสอง มึงโทรมาทำไมวะ ” ไอจักรเหมือนจะเงียบไปพักนึง
“ พ่อเลี้ยงน่ะ นอนลุกไม่ขึ้นมาสองวันแล้ว ”
“ ว่าไงนะ !!!!!!!! ...... มึงว่าอะไรนะ พ่อกูเหรอ ” เกิดอะไรขึ้นกับพ่อของผม
*****************************************************************************
ไม่ต้องห่วงวากบ้านะครับ ปกติดี ค่ำๆค่อนไปทางก่อนดึกจะมาต่ออีกรอบครับ ช่วงนี้ว่างแล้วขยันใหญ่เลย คึคึคึคึ