สายลมกระซิบรัก ตอนพิเศษ 3 ขอบคุณนะ (23-08-2562 หน้า 14)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สายลมกระซิบรัก ตอนพิเศษ 3 ขอบคุณนะ (23-08-2562 หน้า 14)  (อ่าน 78743 ครั้ง)

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ขอบคุณค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ airicha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น่ารักทั้งสองคู่เลย
ขอบคุณนิยายน่ารักๆ

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1349
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
น่ารักทั่ง 2 คู่เลย เป็นความรักที่อบอุ่น ละมุมละไมมากก

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ตอนพิเศษ ตอนที่ 3 ขอบคุณนะ


ว่ากันว่าความทรงจำในวัยเด็กนั้นหอมหวาน แม้จะสุขบ้าง เศร้าบ้าง แต่ทุกครั้งที่หวนนึกถึงกลับประทับใจจนยากจะลืม...
 

รถนั่งแบบครอบครัวของอาจารย์เมธีออกจากจังหวัดพิษณุโลกมาตั้งแต่บ่าย ตลอดทางไม่มีเสียงพูดคุยหยอกล้อกันเหมือนขามา ได้ยินก็แต่เสียงสะอื้นเบา ๆ ของเด็กชายที่นั่งอยู่ด้านหลัง กระทั่งรถเข้าเขตจังหวัดน่านตอนแดดร่มลมตก อดีตนักกีฬาทีมชาติไทยทอดมองออกไปนอกกระจกหน้าต่างเมื่อทิวทัศน์สองข้างทางเริ่มคุ้นตา ทุ่งนาสีเขียวคั่นด้วยแปลงปลูกปอเทืองที่กำลังออกดอกสีเหลืองสะพรั่งสลับกับป่าไม้เป็นบางช่วง ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำจนเกือบถึงแนวสันเขา ชายหนุ่มก้มมองโทรศัพท์มือถือที่กำลังสั่นอยู่ในมือ เพียงเห็นชื่อคนที่โทรมาก็กดรับสายโดยไม่ต้องใช้เวลาชั่งใจใด ๆ


“เป็นยังไงบ้าง”


พายุพัดเงี่ยหูฟังเสียงของคนปลายสายแล้วนิ่งไปชั่วขณะ หลับตาพลางถอนหายใจ ตอบกลับด้วยถ้อยคำสั้นกระชับหากแต่แผ่วเบาราวกับกลัวใครจะได้ยิน “ตั้งแต่แข่งเสร็จก็ซึมไปเลย”


สิ้นเสียงชายหนุ่ม พลันความเงียบก็แทรกกลางระหว่างกัน ได้ยินเพียงเสียงร้องของเจ้าแมวเหมียวแว่วอยู่ไกล ๆ ในที่สุดอีกฝั่งจึงเอ่ยขึ้น 

 
“ไม่เป็นไรนะ” ประโยคนั้นของนคินทรยังสดใสเช่นเคย


คนฟังพยักหน้ากับตัวเองก่อนเหลียวมองเด็กชายที่เพิ่งผล็อยหลับเพราะความอ่อนเพลีย แม้ดวงตาแดงก่ำจะถูกบดบังด้วยเปลือกตา แต่สองแก้มที่กรังไปด้วยคราบน้ำตานั้นยังตอกย้ำเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้


“ฝากบอกกำบี้ด้วยว่ายังไงครูม่อนก็ซื้อพิซซ่าให้กินตามสัญญา แล้วก็ฝากบอกโค้ชด้วยว่าเลิกทำหน้าเครียดได้แล้ว”
พายุพัดส่ายหัวน้อย ๆ เมื่อถ้อยคำในตอนท้ายพอจะทำให้ยิ้มได้ขึ้นมาหน่อย ฟังนคินทรพูดต่ออีก 2-3 ประโยคก็วางสาย เบนสายตาออกไปที่นอกหน้าต่างอีกครั้ง ชั่วอึดใจก็ได้ยินเสียงอาจารย์เมธีบ่นพึมพำ


“ซึมกันไปทั้งโค้ชทั้งนักกีฬา”


ชายหนุ่มยอมรับโดยดุษณีว่าตนเองกำลังตกอยู่ในสภาวะเดียวกันกับสุชาติ เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายทุ่มเทกับการแข่งในครั้งนี้มากเพียงใด แต่เพราะกำหนดการแข่งขันคือช่วงสัปดาห์หลังสอบ ในฐานะผู้ฝึกสอนเขาจึงได้กำชับเด็กชายให้ความสำคัญกับการเรียนเป็นอันดับหนึ่ง กระนั้นอีกฝ่ายก็ยังแบ่งเวลามาซ้อมจนได้รับบาดเจ็บแต่ก็ไม่ปริปากบอกว่ายังไม่หาย จนกระทั่งพายุพัดมารู้เอาเมื่อตอนก่อนแข่งเพียงไม่กี่นาที เมื่อร่างกายของนักกีฬาไม่พร้อมจึงทำให้พลาดเหรียญรางวัลไปอย่างน่าเสียดาย


สุชาติถูกปลุกให้ตื่นเมื่อรถแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณของสปอร์ตคลับ เมื่อลงจากรถเห็นคนเป็นครูก็โผเข้ากอดทันที พลันน้ำตาแห่งความผิดหวังกลับพรั่งพรูอีกครั้ง   


“ซึมไปตาม ๆ กัน” อาจารย์เมธีอดบ่นไม่ได้เมื่อพบหน้านคินทร


ชายหนุ่มมองข้ามบ่าเจ้าของสปอร์ตคลับ สบตาร่างสูงที่เดินตามมา จากนั้นจึงย่อตัวลงนั่งแล้วกล่าวกับหนูน้อย “อะนี่...ตามสัญญา” พูดจบก็ยื่นถุงใส่พิซซ่ากล่องใหญ่ให้


“แต่ผมแพ้นะครับครู” สุชาติมองถุงใส่ของที่อยากกินพลางกลั้นสะอื้น


“แพ้แล้วยังไง ถามครูพายซิว่าแพ้แล้วกินพิซซ่าไม่ได้เหรอ” กล่าวพร้อมเงยหน้าขึ้นสบตาพายุพัด แม้ฝ่ายนั้นจะวางหน้านิ่ง หากแต่นัยน์ตากลับฉายแววเศร้าหมองไม่ต่างกัน


“ต...แต่ว่าผม...”


“ไม่ต้องแต่แล้ว เล่าให้ครูฟังดีกว่าว่าวันนี้ครูพายสอนบ้าง”


เด็กชายยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วตอบ “ครูพายถามว่าความรู้สึกวันนี้กับวันที่ได้ว่ายน้ำครั้ง ร..แรก ยังเหมือนกันอยู่ไหม ค...ครับ” ถ้อยคำนั้นขาดหายเป็นบางช่วงตามจังหวะสะอื้น


“แล้วกำบี้ตอบครูพายว่ายังไง ครั้งไหนสนุกกว่ากัน”


“ครั้งแรกครับ” สุชาติกล่าว ภาพในหัวคือเหตุการณ์ในห้องพักนักกีฬาเมื่อช่วงสายและคำพูดของพายุพัดที่ทำน้ำตาไหลไม่รู้ตัว...


“ที่ตอนนั้นสนุกกว่าเพราะว่าไม่ต้องแข่งกับใครถูกไหม”

นักกีฬาตัวน้อยสะอื้นฮักก่อนจะตอบ “ครับ”

“พอไม่ต้องแข่งก็ไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้ใครต้องเสียใจใช่หรือเปล่า”

เห็นเด็กชายพยักหน้าหงึก ๆ เจ้าของร่างสูงจึงนั่งลงแล้วโอวไหล่เล็กหลวม ๆ

“ถ้าอย่างนั้นต่อไปทุกครั้งที่ซ้อมหรือลงแข่งลองนึกถึงความรู้สึกในวันแรกที่ได้ว่ายน้ำว่ามันสนุกแค่ไหน แล้วอย่ากดดันตัวเอง ถ้าร่างกายไม่ไหวต้องบอกกัน อย่าฝืนเด็ดขาด...”



นคินทรอมยิ้มพยักหน้า “จริงอย่างที่ครูพายบอก กำบี้ต้องไม่กดดันตัวเอง ในโลกนี้ไม่ได้มีเราเก่งอยู่แค่คนเดียวนะ ชนะครั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเก่งที่สุด ชนะแล้วใช่ว่าจะแพ้ไม่เป็น คนแพ้ก็ไม่ได้จะต้องแพ้ไปตลอดกาลเสียเมื่อไร กว่ากำบี้จะตัวโตเท่าครูพายยังต้องเจอคนเก่งอีกเยอะ แพ้คราวนี้คราวหน้าอาจจะชนะก็ได้ คราวหน้าชนะ คราวต่อไปอาจจะแพ้ แต่ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ดีเสียอีก จะได้ทำให้เราขยันฝึกซ้อม แต่ก็ต้องไม่หักโหมจนบาดเจ็บเหมือนคราวนี้ ที่บาดเจ็บคราวนี้มันอาจจะหายได้ด้วยการพักฟื้นแค่ไม่กี่วัน แต่โชคดีมันไม่ได้มีกันบ่อย ๆ ใครจะรู้...ถ้าบาดเจ็บอีก อาจจะกลับมาว่ายน้ำไม่ได้อีกแล้วก็ได้” นคินทรผ่อนลมหายใจยาว “ที่สำคัญคือต้องไม่กดดันตัวเอง ยิ่งเรากดดันตัวเองมากเท่าไร คนที่รู้สึกแย่ไม่ได้มีแค่เรา ครูพายเองหรือแม้กระทั่งพ่อกับแม่ของกำบี้ก็จะรู้สึกแย่ตามไปด้วย เข้าใจที่ครูพูดไหม”


“เข้าใจครับครู”


ครูหนุ่มเลื่อนมือขึ้นโยกหัวของเด็กชายเบา ๆ จากนั้นจึงยืดตัวขึ้นแล้วหันไปพูดกับคนเป็นโค้ช “ให้รางวัลศิษย์รักหน่อยสิ อืม...รางวัลสำหรับอะไรดีน้า...”


พายุพัดย่อตัวลงนั่งแทนที่แล้วกล่าวด้วยถ้อยคำที่สั้นกระชับเช่นเคย “รางวัลสำหรับคนแพ้...ที่ไม่ยอมแพ้”


นคินทรใช้นิ้วถูปลายจมูกเพื่อกลั้นขำพร้อมกับพึมพำ “เก็ทสึโนวาสุด ๆ”


สุชาติยิ้มกว้าง ยกมือไหว้ทั้งสองคนแล้วรับถุงใส่กล่องพิซซ่ามากอดแต้ “ขอบคุณครับครูพาย ขอบคุณครับครูม่อน”


“นั่น พ่อมาพอดีเลย” นคินทรกล่าวเมื่อรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อแล่นเข้ามาจอดเทียบข้างซูบารุฟอเรสเตอร์ “รีบกลับบ้านเถอะจะได้เอาพิซซ่าไปแบ่งน้อง ๆ” ว่าแล้วก็โอบไหล่หนูน้อยแล้วพาไปส่งให้ถึงมือผู้เป็นพ่อ


ฉลามหนุ่มลุกขึ้นยืน หากแต่สายตายังไม่ละจากแผ่นหลังของอีกคน ถ้อยคำของนคินทรไม่เพียงช่วยปลอบประโลมหัวใจดวงน้อย ๆ ของเด็กชาย ยังช่วยเตือนสติผู้ใหญ่อย่างเขาด้วยเช่นกัน


....


ซูบารุฟอเรสเตอร์ค่อย ๆ ชะลอความเร็วลงจนจอดสนิทบริเวณสี่เมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดง นคินทรที่อาสาเป็นคนขับลอบมองชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งเงียบ ทอดตามองออกไปนอกกระจกหน้าต่าง บนถนนข้างวัดภูมินทร์เต็มไปด้วยร้านรวง ส่วนลานข่วงเมืองก็มากด้วยผู้คนที่นั่งชมการแสดงของวงดนตรีพื้นเมือง และเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว รถที่จอดนิ่งก็พร้อมใจกันเคลื่อนตัวอีกครั้ง ซูบารุฟอเรสเตอร์ลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย แล่นช้า ๆ ไปบนสะพานข้ามแม่น้ำน่าน มุ่งหน้าตามเส้นทางตัวเมืองน่าน-วัดพระธาตุแช่แห้ง จากสปอร์ตคลับถึงปลายฝนต้นหนาวโฮมสเตย์ไร้เสียงพูดคุย จนกระทั่งรถจอดในโรงรถ สองคนเดินเคียงกันไปตามทางเดินไม้ระแนงโดยอาศัยแสงจากโคมไฟที่เพิ่งถูกเปิดขึ้น เมื่อพายุพัดเปิดประตูเข้าไปภายในเรือนพักหลังสุดท้าย นคินทรก็เดินไปนั่งลงที่ปลายเตียงมองเจ้าของห้องที่กำลังปลดเป้สะพายหลังวางบนเก้าอี้ ในที่สุดจึงเอ่ยขึ้น


“พาย เป็นอะไร เสียใจเหรอ”


เจ้าของชื่อไม่ได้พูดอะไร กระนั้นสีหน้าและแววตาก็ทำให้นคินทรรู้ว่าอีกฝ่ายต้องมีเรื่องไม่สบายใจ ดวงตาอ่อนโยนมองตามร่างสูงที่เดินมานั่งลงข้างกันที่ปลายเตียง ห้องทั้งห้องคงเงียบเชียบหากพายุพัดที่กำลังค้อมตัวจ้องมองมือซึ่งประสานกันตรงหน้าไม่เอ่ยขึ้น


“ไม่คิดว่ากำบี้จะจริงจังขนาดนั้น ยังไม่หายเจ็บก็ไม่ยอมบอกให้รู้”


“ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงเหมือนใครก็ไม่รู้เนอะ”


พายุพัดยืดตัวขึ้นจนหลังตรงพลางถอนใจแรงเลื่อนตามองแก้มเนียน “เราเข้าใจแล้ว ไม่ทำอีกแล้ว” ว่าแล้วก็เอนศีรษะอิงไหล่คนข้าง ๆ “ทำอะไรไม่ถูกเลยตอนที่เห็นน้ำตาเด็กคนนั้น”


“ฟังที่กำบี้เล่าก็ทำได้ดีนี่ สำหรับฉลามหินผู้เงียบขรึม”


“อย่าแซวสิ”


นคินทรยิ้มด้วยความเอ็นดูก่อนจะถามขึ้น “เคยร้องไห้บ้างหรือเปล่า”


“ร้องไห้?”


“อือ ตอนแข่งแล้วแพ้น่ะ เคยร้องไห้บ้างไหม อืม...แต่ถ้าให้เราเดาต้องไม่เคยแน่ ๆ คนเป็นนักกีฬาต้องถูกฝึกมาไม่ให้แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น จริงไหม”


พายุพัดไม่ได้ตอบในทันที ดวงตาทอดมองปลายนิ้วที่กำลังหมุนกำไลข้อมือไปเรื่อย ๆ “พวกเราถูกสอนมาให้เป็นแบบนั้น”


“แล้วเวลาเสียใจทำยังไง คุยกับมีนเหรอ หรือว่าเล่าให้พี่ฝนกับแม่ฟัง”


ความเงียบทำให้นคินทรเข้าใจได้ทันทีว่านักกีฬาที่แบกรับเอาความหวังของผู้คนมากมายไว้บนบ่าอย่างพายุพัด นาวาภักดิ์ หากรู้สึกเสียใจที่พ่ายแพ้ต่อการแข่งขันคงไม่ได้ระบายความอัดอั้นต่าง ๆ ให้ใครรู้เป็นแน่ อย่างดีก็คงแค่ปลีกตัวออกจากทุกคน และเพราะเขาไม่เคยบอกใคร ก็เลยไม่เคยได้รับคำปลอบใจจากใคร ฉลามหินผู้นี้จึงปลอบใจใครไม่เป็น


“ต่อไปนี้...ถ้าเสียใจหรือมีเรื่องไม่สบายใจ เล่าให้เราฟังได้นะ อย่าเก็บเอาไว้คนเดียว” นคินทรขยับห่างออกมา


“อะไร” พายุพัดถามเมื่อจู่ ๆ อีกคนก็กางแขนออก


“ให้กอดไง”


ฉลามหนุ่มมุ่นคิ้วเขิน


“นับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่กอดจะไปแล้วนะ” คนพูดลุกขึ้นยืนเตรียมจะไปอย่างที่บอก แต่ทว่าช้ากว่าสองมือที่รั้งเอวดึงตัวเขาให้นั่งลงบนตัก


“ยังไม่ทันนับเลย” หนุ่มนักกีฬาบอกพร้อมแนบแก้มกับแผ่นหลังกว้างแล้วกระชับวงแขนแน่นขึ้น “ขอบคุณนะม่อน”


“ขอบคุณเรา...เรื่องอะไร” เจ้าของชื่อถามพลางเอี้ยวตัวมองอีกฝ่ายก่อนจะเลื่อนสองแขนขึ้นคล้องคอหนา “ไม่ได้ทำอะไรให้สักหน่อย”


“ทำสิ” พูดจบพายุพัดก็พลิกร่างของคนไม่ทันระวังตัวนอนราบลง มือข้างหนึ่งยันกับที่นอนนุ่มเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด  อีกมือเลื่อนขึ้นเกลี่ยผิวแก้มที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงระเรื่อ ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งก่อนที่ริมฝีปากได้รูปจะเฉลยความในใจ “ทำให้เรากล้าพูดว่าเรา...”


กว่านคินทรจะเรียบเรียงประโยคนั้นให้สมบูรณ์ได้ กลีบปากของพายุพัดก็ส่งผ่านความอุ่นซ่านไปทุกอณูกายเสียแล้ว


ฉลามหนุ่มค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออก สบตาคนใต้ร่างที่กำลังหายใจหอบเพียงเพราะเขาใช้เวลาเนิ่นนานเกินไปสำหรับการตักตวงความสุขให้สมกับที่คิดถึง พายุพัดส่งยิ้มบางเบาแล้วแนบหูลงกับแผงอกที่ยังคงขยับขึ้นลงเร็วกว่าปกติ


“พรุ่งนี้ไม่อยากไปเลย อยากอยู่กับม่อนที่นี่”


ได้ยินเสียงบ่นอู้อี้ครูหนุ่มจึงนึกถึงธุระของตนเองขึ้นมาได้ “จะอยู่ได้ยังไง พรุ่งนี้เช้าเราก็ต้องไปงานแต่งงานเพื่อนเหมือนกัน ส่วนนายก็มีนัดสัมภาษณ์ที่โรงเรียน”


หนุ่มนักกีฬาถอนใจอย่างเบื่อหน่ายเมื่อนึกถึง “ภารกิจระดับชาติ” ที่ใครคนหนึ่งได้นิยามเอาไว้ อันที่จริงมันก็แค่การสัมภาษณ์เพื่อตีพิมพ์ในวารสารเนื่องในโอกาสครบรอบเก้าสิบห้าปีของโรงเรียน และที่เขาได้รับเกียรตินี้ก็เพราะเป็นศิษย์เก่าที่สร้างชื่อเสียง แม้จะโต้แย้งว่าเขาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ได้เพียงไม่นาน แต่สุดท้ายก็ต้องยอมใจอ่อนเพียงเพราะคำขอร้องของเพื่อนเก่า


“เรียกว่ามัดมือชกถึงจะถูก” พายุพัดบ่นก่อนจะดึงมือของอีกฝ่ายพาดลงบนบ่า เพียงเท่านั้นนคินทรก็รู้ว่าพายุพัดอยากให้ตนเองกอดเขาเอาไว้


“นี่ยังไม่หายโกรธย้งอีกเหรอ” คนพูดกลั้นหัวเราะ นึกถึงการพูดคุยกึ่งถกเถียงกึ่งหว่านล้อมกันของกลุ่มเพื่อนในโปรแกรมสนทนาบนโทรศัพท์มือถือ พายุพัดที่ใจแข็ง ไม่เคยยอมให้สัมภาษณ์กับนิตยสารใด ๆ นับแต่วันที่ประกาศเลิกรับใช้ชาติ สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้เพราะทนคำรบเร้าของเพื่อน ๆ ไม่ไหว 


“ก็มันเล่นเอาเพื่อน ๆ มากดดันเรา ฉายกับหมอกก็ตัวดี ไม่เข้าข้างกันเลย”


นคินทรฟังแล้วได้แต่หัวเราะในลำคอ นั่นเพราะคำพูดของพายุพัดมิได้ผิดแผกไปจากสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย ใช้มือที่เหลือตบลงเบา ๆ บนแผ่นหลังที่แน่นไปด้วยมัดกล้ามแล้วกล่าว “เอาน่า รับปากย้งไว้แล้วนี่นา พรุ่งนี้ถ้าเราออกจากโรงแรมแล้วเราไปหาพายที่โรงเรียนดีไหม จะไปรอจนกว่าจะสัมภาษณ์เสร็จแล้วกลับบ้านพร้อมกัน”


“ไม่เอา...”


“ไม่งอแงสิ หรือว่าพอเราออกจากโรงแรมแล้วจะให้เรากลับพร้อมพิง”


“ไม่...” พายุพัดลากเสียงพลางกอดคนพูดแน่น


เมื่อเป็นเช่นนั้นนคินทรจึงแกล้งถอนหายใจ “เฮ้อ...ทำไมเด็กคนนี้เอาใจยากจัง แบบไหนก็ไม่ถูกใจ” พูดพร้อมกับแทรกเรียวนิ้วกับเส้นผมดำขลับของคนที่ทาบทับลงบนร่างของตน


ในที่สุดหนุ่มนักกีฬาก็กล่าวอย่างจนใจ “แบบแรกก็ได้”


(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อค่ะ)


เช้าวันต่อมาหลังจากร่วมงานมงคลสมรสของเพื่อนครูต่างโรงเรียนซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองน่านแล้วนคินทรก็เรียกรถสองแถวให้ไปส่งที่หน้าโรงเรียนซึ่งเขาเคยเรียนสมัยมัธยม ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าสู่เขตรั้วสีขาวราวกับก้าวเข้าสู่ประตูเวลานำพาความคิดให้หวนคืนสู่อดีต ใต้ร่มไม้ข้างศาลาฝ่ายปกครองยังคงมีม้าหินอ่อนเรียงรายแต่ก็ผุกร่อนไปตามกาล ร่างสูงหยุดยืนเมื่อภาพของตนเองในวัยเด็กที่กำลังนั่งรอผู้เป็นพ่อถูกฉายซ้อนสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า เมื่อเดินต่อไปอีกหน่อยก็ถึงอาคารห้องสมุด พลันภาพของหนุ่มน้อยเคร่งขรึมที่กำลังยืนเก้กังในมือถือใบสมัครชมรมก็ค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้น นคินทรเผลอยิ้มกับตัวเองแล้วมองเลยไปยังโรงอาหารที่ตอนนี้ปรับปรุงใหม่จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม มีเพียงสิ่งเดียวที่อยู่คงเดิมในความทรงจำก็คือเหตุการณ์วันที่ภาณุและพายุพัดเกือบจะมีเรื่องกัน ชายหนุ่มส่ายหัวน้อย ๆ ให้กับความหุนหันพลันแล่นในวัยเยาว์ นับว่าโชคดีเหลือเกินที่ตอนนั้นไม่ได้เกิดรุนแรงและในวันนี้สองคนก็ยังกลับมาเป็นเพื่อนกันได้


ขายาวก้าวช้า ๆ ไปตามทางเดินคอนกรีตราวกับกำลังชมนิทรรศการณ์ภาพถ่ายที่มีภาพนับพันให้หยุดมองแล้วนึกทบทวนเหตุการณ์แต่หนหลัง ฝั่งซ้ายคืออาคารเรียน ส่วนฝั่งขวาคือสนามฟุตบอล อัฒจันทร์ริมสนามที่เมื่อก่อนประกอบจากไม้และมักจะส่งเสียงเอี๊ยด ๆ ยามเมื่อมีคนขึ้นไปนั่งอยู่เป็นจำนวนมากบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นโครงเหล็กอย่างดีซ้ำยังมีหลังคาไม่ต้องเป็นภาระให้นักเรียนชมรมจิตอาสาของอาจารย์เมธีต้องมาติดตั้งที่กำบังแดดอีกต่อไป


“ม่อนโว้ย!!!” เสียงของใครคนหนึ่งที่ดังมาจากด้านหลังเรียกให้นคินทรต้องเหลียวมอง ที่แท้เขาก็คือ “ย้ง” อดีตสมาชิกชมรมโสตทัศนศึกษาที่ปัจจุบันเป็นช่างภาพอาชีพ ที่วันนี้รับอาสาถ่ายภาพให้กับวารสารของโรงเรียนนั่นเอง แม้มือสองข้างจะถือถุงใส่น้ำดื่มพะรุงพะรังแต่ก็ยังพยายามยกขึ้นโบกทักทายพัลวัน


“มาตั้งแต่เมื่อไร”


“เมื่อคืนน่ะ พอดีเมื่อวานตอนกลางวันมีถ่ายงานให้ลูกค้า เสร็จงานก็เลยขับรถมาเอง รอนั่งเครื่องกว่าจะมาถึงคงสาย ไหนจะเซ็ตอุปกรณ์อีก กลัวจะทำคนอื่นเสียเวลาโดยเฉพาะไอ้นักกีฬาใหญ่ นี่ขนาดเรามาช้าไปห้านาทียังถูกด่า เลยต้องออกไปซื้อน้ำให้มันกินจะได้ใจเย็น ๆ”


นคินทรหัวเราะ “พายเนี่ยนะ ด่าใครเป็นด้วยเหรอ” ว่าแล้วก็ดึงถุงจากมือของอีกฝ่ายมาช่วยถือ


“อือ มันไม่ได้ด่าด้วยเสียงแต่มันด่าทางสายตา ไม่รู้เราทำอะไรให้นักหนา”


คนฟังยิ่งหัวเราะหนัก “ไม่รู้จริง ๆ น่ะเหรอ”


ย้งหัวเราะแห้ง ๆ “ก็...รู้แหละ”


นคินทรพยักหน้า “ก่อเรื่องไว้เอง”


“แหม หนังสือพิมพ์หรือนิตยสารไหน ๆ เขาก็อยากได้ตัวมันไปสัมภาษณ์ทั้งนั้นแหละ นี่แค่วารสารโรงเรียน ทำลีลา ดังแล้วหยิ่งหรือไง”


“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ก็แค่โลกส่วนตัวสูงไปหน่อย ไม่ชอบอะไรวุ่นวาย ไม่ชอบให้ใครมายุ่ง แล้วก็ไม่ชอบยุ่งกับใครเท่านั้นเอง” ครูหนุ่มอธิบายเนิบ ๆ


“เรารู้ เราพูดเล่นน่ะ” ย้งยิ้มกริ่ม


“ยิ้มอะไรวะ”


“เข้าอกเข้าใจกันดีเหลือเกินนะ”


ยิ้มมีเลสนัยของเพื่อนทำนคินทรเสมองไปทางอื่น


“เราคิดไม่ผิดแน่ ๆ ที่จะให้ม่อนช่วย”


“ช่วยอะไร” คนฟังหันขวับ


“ก็ช่วยพูดกับพาย ให้มันรับคำเชิญสัมภาษณ์ของบก.เราไง นะ ๆ ม่อน เรารับปากบก.ไปแล้วว่าจะเอาตัวไอ้พายไปให้ได้”


นคินทรทำหน้าเบ้โคลงหัวหนัก “นายนี่ก่อเรื่องไม่จบไม่สิ้นจริง ๆ”


“นะ ๆ” ย้งมองตาปริบ ๆ


“ตัวใครตัวมันเถอะงานนี้” พูดจบครูหนุ่มก็เดินหนี แต่ช่างภาพอาชีพก็ยังตามไปวอแวไม่เลิก


เมื่อขึ้นมาบนอาคารเรียน สองคนพากันเดินไปยังห้องจัดรายการเสียงตามสายของโรงเรียน เห็นที่นอกห้องมีทั้งผู้ปกครองและเด็กหนุ่มสาวในชุดลำลองจำนวนมาก นคินทรจึงถามขึ้น


“ทำไมคนเยอะจัง”


“เขามารอดูอดีตนักกีฬาทีมชาติไง”


คนฟังพยักหน้า อดเป็นห่วงอีกคนไม่ได้ “แล้วพายอยู่ไหน”


“ก็คงนั่งเป็นหินอยู่ข้างในโน่นแหละ ป่านนี้คงเริ่มสัมภาษณ์แล้วละ เล่นมาเสียคนแรกเลย มาก่อนอาจารย์ที่จะสัมภาษณ์อีกนะ ถามว่าทำไมรีบมาก็บอกว่ามีธุระต้องรีบกลับ ธุระอะไรของมันม่อนรู้ไหม”


นคินทรรีบส่ายหัวดิก “ไม่รู้”


“เออ ช่างเถอะ” ย้งบอกก่อนจะออกปากขอทางคนที่ยืนอออยู่หน้าห้อง


เมื่อผ่านประตูเข้ามา นคินทรพบว่าภายในยังมีผู้คนอีกจำนวนไม่น้อย ทั้งคนที่มารอให้สัมภาษณ์และบรรดาน้อง ๆ นักเรียนที่มาช่วยงานอาจารย์ ชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบ ๆ ทั้งที่เรียนที่นี่หลายปีแต่กลับมีโอกาสได้เข้ามาในห้องนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นคือตอนถ่ายรูปทำบัตรนักเรียน ภายในห้องขนาดใหญ่ฝั่งหนึ่งถูกกั้นเป็นห้องเล็ก ๆ ผนังบุด้วยแผ่นซับเสียงสำหรับจัดรายการเสียงตามสาย ซึ่งพายุพัดนั่งอยู่ข้างในนั้นกับอาจารย์ผู้หญิงท่านหนึ่งซึ่งนคินทรจำได้ว่าเธอเป็นผู้ดูแลห้องนี้ตั้งแต่สมัยที่พวกเขายังเรียนอยู่


“บันทึกเสียงด้วยเหรอ”


“เห็นอาจารย์บอกว่าจะเอาไว้เปิดในรายการเสียงตามสายน่ะ ก็เลยขออนุญาตทุก ๆ คนบันทึกเสียง”


ครูหนุ่มพยักหน้าวางถุงใส่น้ำดื่มที่โต๊ะหลังห้อง ไม่นานพายุพัดก็เดินตามรุ่นน้องซึ่งเป็นสมาชิกชมรมโสตทัศนศึกษาออกมา  ตรงไปยังเวทียกสูงจากพื้นประมาณฟุตกว่า ๆ นั่งลงบนเก้าอี้บาร์ที่ด้านหลังเป็นฉากสีขาว มีชุดไฟสตูดิโอและกล้องถ่ายรูปที่อยู่ในตำแหน่งพร้อมใช้งาน


“เราไปถ่ายรูปไอ้พายก่อนนะ” พูดจบย้งก็เดินแหวกผู้คนเข้าไปด้านใน จัดตำแหน่งการนั่งให้หนุ่มนักกีฬาผู้เคร่งขรึม จากนั้นจึงเริ่มลั่นชัตเตอร์


และเมื่อพายุพัดเดินลงจากเวที บรรดานักเรียน ผู้ปกครอง ศิษย์เก่าภายในห้องนั้นต่างเข้ารุมล้อมขอลายเซ็นและถ่ายภาพร่วมกับอดีตนักกีฬาทีมชาติไทยเป็นที่ระลึก นคินทรหยุดยืนสังเกตการณ์อยู่ที่มุมหนึ่ง ในใจนึกเสียดาย หากเจ้าของฉายาฉลามหินยิ้มเพียงนิด ภาพที่ถ่ายได้จะต้องเป็นภาพประทับใจที่สุดของคนเหล่านั้นไปอีกนานแสนนานเป็นแน่


เมื่อคนที่อยู่ในห้องบรรลุวัตถุประสงค์ของตนเองแล้ว จึงผลัดเปลี่ยนให้คนที่รออยู่ด้านนอกเข้ามาแทน ดังนั้นจึงเป็นเวลานานทีเดียวกว่าทุกอย่างจะเข้าสู่สภาวะปกติ เห็นว่าพายุพัดถูกปล่อยให้อยู่โดยลำพัง นคินทรจึงเดินมาหยุด


“ขอลายเซ็นหน่อยได้ไหม” ว่าแล้วก็กวาดตามองหาบางอย่าง “อืม...ไม่ได้พกกระดาษเลยแฮะ”


“ไม่เป็นไร” ว่าแล้วฉลามหนุ่มก็ดึงมืออีกฝ่ายมาตรงหน้าจดปลายปากกาเคมีเขียนข้อความบางอย่าง


นคินทรมองไม่ถนัดจึงย่อตัวลงนั่งเท้าคางกับโต๊ะ จ้องตัวอักษรที่ปรากฏบนฝ่ามือของตนเอง รอจนเขียนเสร็จก็รีบชักมือกลับทันที ส่วนพายุพัดนั้นก็เอาแต่มองคนที่กำลังบ่นขมุบขมิบพลางเผยรอยยิ้มแรกของวัน


“นี่มันลายเซ็นที่ไหนกันเล่า” พูดจบครูหนุ่มก็ลุกขึ้นสอดมือข้างนั้นลงในกระเป๋ากางเกงแล้วกล่าว “เสร็จแล้วใช่ไหม”


คนถูกถามพยักหน้า


“ถ้าอย่างนั้นกลับบ้านกันเลยไหม หรือนายอยากไปที่ไหนต่อ”


พายุพัดไม่ได้ตอบ เขาลุกขึ้นแล้วเดินนำอีกฝ่ายออกไปข้างนอกห้อง


“เราอยากชวนม่อนไปที่หนึ่งด้วยกันก่อน”


“ที่ไหนเหรอ”


สองคนเดินคุยกัน ระหว่างเดินลงบันไดก็หลบหลีกคนที่เดินสวนทางมาไปด้วย


“เดี๋ยวก็รู้”


คำตอบสั้น ๆ ทำนคินทรเผลอยกมือข้างที่ซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกงขึ้นเกาหัว เมื่อนึกได้จึงรีบเปลี่ยนเป็นกอดอกทันที


“กลัวมีคนเห็นเหรอ” ไม่รอฟังคำตอบ หนุ่มนักกีฬาก็ดึงมือข้างนั้นมาแล้วแทรกนิ้วของตนเกี่ยวเรียวนิ้วทั้งห้าของอีกฝ่ายเอาไว้ “แบบนี้ก็ไม่มีใครเห็นแล้ว”


สองคนเดินเคียงไปตามทางคอนกรีตในขณะที่สองมือไม่คลายจากกัน กระทั่งถึงอาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องโฮมรูมของพวกเขา


“นึกยังไงถึงชวนเรามาที่นี่” นคินทรถามเมื่อมาหยุดที่หน้าห้อง


“อยากมาเยี่ยมเพื่อนเก่าน่ะ” พายุพัดตอบ มองคนที่เพิ่งปล่อยมือจากกันและกำลังก้าวเข้าไปในห้อง


นคินทรเดินสำรวจไปรอบ ๆ พบว่าโต๊ะเก้าอี้เหล่านี้ยังคงเป็นชุดเดิม และวันนี้หากพวกเขาโชคดีก็คงได้เจอกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบกันเสียนาน


“ยังอยู่เหมือนเดิมเลย” เจ้าของร่างสูงเอ่ยขึ้นเมื่อถึงหลังห้อง


"อยากรู้จังว่าตอนนั่งตรงนี้นคินทรมองเห็นอะไรบ้าง" พายุพัดที่เดินตามมาเอ่ยขึ้นก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่าง


ส่วนเจ้าของชื่อยิ้มแล้วนั่งลงที่โต๊ะด้านหลังซึ่งเคยเป็นที่นั่งของอีกฝ่าย "แล้วตรงนี้ล่ะพายุพัดเห็นอะไร"


"เราเห็นใครคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงนี้คอยมองดูเพื่อน ๆ ในห้อง รอช่วยเหลือทุกคนที่มาขอให้ช่วย เห็นเขายิ้ม เห็นเขาหัวเราะ แล้วก็...เห็นเขาร้องไห้” ท้ายประโยคนั้นแผ่วเบาแต่กลับหนักอึ้งเกินกว่าจะพูดออกมาได้ชัดถ้อยชัดคำ นั่นเพราะคนที่ทำให้นคินทรต้องเสียใจก็คือเขาเอง


“ยังไม่ลืมอีก” ครูหนุ่มกล่าวขณะก้มลงมองระนาบไม้เนื้อแข็งพลันรอยยิ้มสดใสก็ฉาบทับขึ้นบนใบหน้า 


“ยิ้มอะไร”


“นึกถึงตอนนั้นน่ะ”


“ตอนไหน”


“ก็วันวาเลนไทน์ปีนั้นไง มีมือดีที่ไหนก็ไม่รู้เอาน้ำยาลบคำผิดมาเขียนสารภาพรักบนโต๊ะนายเต็มไปหมด จนอาจารย์นภาต้องสั่งให้ทำความสะอาดอย่าให้เหลือร่องรอย หลังเลิกเรียนเราเห็นนายกับหมอกช่วยกันขัดออก หลายวันกว่าจะหมด”


พายุพัดยิ้ม “มีอีกไหม เรื่องเกี่ยวกับเราที่ม่อนจำได้”


“อืม...วันนั้นมีขนมกับช็อคโกแล็ตวางเต็มโต๊ะนายไปหมด ฉายยังอิจฉา แอบบ่นว่าเรียนมาตั้งหลายปีของขวัญที่สาว ๆ ให้ยังเยอะไม่เท่ากับที่นายได้รับในวันนั้น”


พายุพัดเท้าคางมองอีกฝ่ายจนเพลิน


“ฟังเราอยู่หรือเปล่าเนี่ย”


“ฟังอยู่ เล่าต่อสิ”


“พอตอนเย็นเราเห็นนายเอาขนมพวกนั้นไปแขวนอยู่ที่ประตูป้อมยามหลังโรงเรียน” นคินทรสบตาคนที่กำลังมองมา ใช้ปลายนิ้วปัดปอยผมของอีกฝ่ายเสยไปด้านหลัง “ถ้าเราเป็นเจ้าของขนมพวกนั้นแล้วรู้ว่านายเอาไปให้คนอื่นมีหวังเสียใจแย่”


“เราไม่ชอบกินขนมหวาน ก็เลยเอาไปฝากให้ลูก ๆ ของลุงรปภ.น่ะ ตอนนั้นคิดว่าดีกว่าทิ้ง”


คนฟังมุ่นคิ้ว “ไม่ชอบกินขนมหวาน แล้วทำไมโดนทำโทษเพราะแอบกินขนมในห้องเรียนล่ะ”


พายุพัดยกมือขึ้นเกาคอ ไม่คิดว่านคินทรจะยังจดจำเรื่องนี้ได้


“ว่ายังไง วันนั้นเราเข้าห้องช้า เพราะฉายมัวแต่เอาขนมให้สิที่ห้องชมรมนาฏศิลป์ พอมาถึงก็เลยโดนอาจารย์ทำโทษให้ออกไปยืนหน้าห้อง จำได้ว่าตอนนั้นมีนายยืนอยู่ก่อนแล้ว ถามว่าโดนทำโทษเพราะอะไร นายก็ตอบแค่ว่าแอบกินขนมในห้องเรียน ขนมอะไรเหรอ”


“คุกกี้ธัญพืช”


“คุกกี้ธัญพืช?” ครูหนุ่มทวนคำ


“ใช่ ที่ม่อนทำมาแจกเพื่อน ๆ ทั้งห้องไง”


ในที่สุดนคินทรก็นึกออก ที่แท้มันคือคุกกี้ขนาดเกือบเท่าฝ่ามือที่ทำมาให้เพื่อน ๆ เนื่องในวันแห่งความรักนั่นเอง “จำได้แล้ว ตอนที่เอาไปให้นายยังคิดอยู่ว่านายจะกินหรือเปล่า”


“ตอนแรกเราก็ตั้งใจจะเก็บไว้”


“เสียของหมด” นคินทรทำหน้ามุ่ย ใช้ปลายนิ้วบีบจมูกของอีกฝ่ายเบา ๆ


“ก็เพราะคิดได้แบบนี้ไงถึงแอบกินในห้องเรียน เก็บอยู่ในกระเป๋านักเรียนหลายวันแล้วเรากลัวว่าจะเสีย”


“แล้วอร่อยไหม”


พายุพัดพยักหน้า


“เราทำให้กินอีกดีไหม”


พายุพัดยังคงยิ้มและพยักหน้า


“หวานน้อยดีไหม”


เวลานี้ไม่ว่านคินทรจะพูดอะไรพายุพัดก็ยิ้มและพยักหน้า...


....


เสียงหัวเราะเบา ๆ ของผู้เป็นภรรยาเรียกให้คนที่กำลังง่วนอยู่กับการประกอบร่างหุ่นยนต์ต้องเงยหน้าขึ้น “หัวเราะอะไรน่ะแม่”


“พ่อเห็นรูปนี่หรือยัง ที่ย้งส่งเข้ามาในกลุ่มน่ะ”

ภาณุส่ายหัว วางหุ่นยนต์ที่ยังประกอบไม่เสร็จลงบนโต๊ะเอื้อมมือจับแก้มลูกชาย “เล่นคนเดียวไปก่อนนะลูก” พูดจบก็เดินมาที่เคาน์เตอร์บาร์หยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมาเปิดอ่านข้อความ สิ่งที่ถูกส่งมานั้นคือภาพของชายหนุ่มสองคน คนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ ส่วนอีกคนย่อตัวลงนั่งเท้าคางโดยมีโต๊ะคั่นกลาง มองมือของตนเองที่กำลังถูกคนตรงข้ามเขียนอะไรบางอย่าง อีกภาพเป็นภาพของทั้งสองคนในอิริยาบถเดิม แต่ต่างฝ่ายต่างสบตากันแล้วยิ้ม 


GongYoo_GooYong: คนบ้าๆ บ้าๆๆ


GongYoo_GooYong: เย็นชากับคนทั้งอำเภอ แต่ยิ้มให้เธอคนเดียว


aMOXi: อยากจะแหมให้ถึงดาวอังคาร


Sweety: อย่าเพิ่งแหม มาช่วยกันซูมก่อนว่าเขียนอะไร


LookKaew: นั่นสิพายเขียนว่าอะไร


Bankham: อยากรู้ด้วยคน


Sweety: ย้ง แกเห็นไหม


GongYoo_GooYong: เออ อยากรู้เหมือนกัน หันมาอีกทีมันก็พากันหายไปไหนแล้วไม่รู้


Sweety: อยากรู้ ๆๆ


Sunny: ไม่ต้องห่วงนะทุกคนนน เดี๋ยวพ่อจัดให้


ภาณุวางโทรศัพท์ลงสบตาภรรยาแล้วหัวเราะหึ ทันทีที่ซูบารุฟอเรสเตอร์แล่นมาจอดเทียบที่นอกรั้ว...


จบ


สวัสดีค่ะ ไม่พบกันเกือบ 1 ปีแล้วนะ สบายดีกันหรือเปล่าคะ
เกือบ 1 ปีที่ไม่ได้พบกัน มีอะไรให้ทำเยอะแยะไปหมด
จนถึงวันสุดท้ายที่ทุกอย่างเรียบร้อย เราขอบคุณคนมากมายที่คอยช่วยเหลือ
และเราก็อยากขอบคุณนิยายเรื่องนี้ พยายามเขียนมาเป็นเดือนแล้ว ในที่สุดก็เสร็จสักที
สำหรับตอนพิเศษที่ชื่อว่า ขอบคุณนะ นี้ เราตั้งใจเขียนขอบคุณสายลมกระซิบรัก
ที่อยู่กับเรามาตลอดระยะเวลา 1 ปี เป็น 1 ปีต้องอาศัยกำลังใจมาก ๆ ในการผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ
ถ้านิยายทั้งหมดคือเพื่อน สายลมกระซิบรักคงเป็นเพื่อนสนิทที่สุดที่รู้ความเป็นไปของเรา
รู้ว่าตอนไหนเรารู้สึกยังไง คอยนั่งเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ กัน
ขอบคุณนะ


และขอบคุณทุกคนสำหรับการติดตามค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2019 16:40:30 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
           ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษ

ขอบคุณที่มีสายลมกระซิบรักเรื่องนี้

ขอบคุณมากๆค่ะ ตัวละครทุกตัวเป็นเหมือนตัวแทน

ในวัยเด็กที่ค่อยๆเติบโตมาจนถึงปัจจุบัน

อ่านเรื่องนี้ทีไรได้บรรยากาศความรัก ความสุข

ความสนุก จากเพื่อนในอดีตหวนกลับมาทุกที

ค่ะ...ขอบคุณสำหรับนิยายคุณภาพ เป็นกำลังใจให้

กับทุกผลงานนะค่ะ♥️♥️

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ขอบคุณเช่นกันนะคะ
 ที่เขียนเรื่องราวอบอุ่นเรื่องนี้มาให้อ่าน
เราหลงรักภาษาอันงดงามของคุณเหลือเกินอ่านแล้วมันมีความสุขลอยอยู่รอบตัวไปหมด

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สะกิดต่อมอยากรู้​อยาก​เห็น​อีกแล้ว​ นานๆจะเจอฉากสวีทกัน

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1349
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
อยากรู้เหมือนกันว่าเขียนว่าอะไรอ่าาาา

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
อยากทราบว่าเขียนอะไร ดูเฉลยได้ในเพจค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Natti

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่ได้หายคิดถึง แต่คิดถึงกว่าเดิมอีกกกกกกกก

อยากจะแหมมมมมมมไปถึงน่านเลย
เย็นชากับคนทั้งโลกจริงพ่อฉลามหิน

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
 :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ
 :mew1:
 :mew1:
 :mew1:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจมากค่ะ ชอบความค่อยๆพัฒนาของตัวละครและความสัมพันธ์ของเพื่อนๆ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
คิดถึง ยังอบอุ่นน่ารักกันเหมือนเดิมเลย

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
วันนี้หยุดอยู่บ้าน ฝนตก ทำให้นึกถึงเรื่องนี้ อยากมาอ่านซ้ำอีกรอบ
มาเจอตอนพิเศษ ขอบคุณมากนะ อ่านแล้วมีความอบอุ่นในหัวใจ
 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ mizzmizz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 477
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ขอบคุณนะคะ สำหรับนิยายดีๆ
เป็นกำลังใจให้ ถธปทฟ เสมอนะค้า  :กอด1:

ออฟไลน์ mareeyah

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Tonson777

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :กอด1: พายพัดช่างเป็นลมที่อบอุ่น เป็นความละมุนละไมชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :mew1:

ออฟไลน์ bradpitt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1

  อ่านทีไร ก้อประทับใจกะ ครูม่อน คุณพายมาดขรึม และ แก๊งค์เพื่อนๆๆ เสมอ

  อยากไปพักผ่อนที่ รีสอร์ท ของพาย ด้วยจัง

  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:



 รอ ตอนพิเศษ แสนยา กับอาจารย์มีน ด้วย

 รับวัน Velentine พอดีๆๆ  :กอด1:




https://www.facebook.com/AmInTheSky/photos/a.211498082369920/1069613823225004/?type=3&eid=ARBKRw72FOKhvZHov_tjtX59WNiOpWMAcTY_U2JTAuVMaRTPiUTGw2GaRoFSmVup_S2Rz6hFkHKkCYNP&__xts__%5B0%5D=68.ARDwfD6cL2NUN7gYdTJOeP6PEUMURLI6GgCzygqE07Ar6awk4n9MKDoV3Rv6832FtDQ9G_7eJWTHDK5gd2pfFhNJentgKzXdQfi9eDDe0LPFGmd1wnr9EU4kGpGyn3GViPUcfA1pZMD_TEOnOOOUgVT4Tvbcf3FGdM4UcvRXiZjiX_FrR1NG-mziWA-FtdZIeiLEYWcC9a-oFaCbCrp4afoiOG00ebbgH6PiIETsWwDct0veEP-rsb4IRVgj8sItbt0hAYSF28_iBdqz0b-yAmCeLsmSRDJjdraG_77d7BmEur2O3Q1rPwNPgEFUFO26JSIW2IJ9RMolpymiHCgn3GxZdg&__tn__=EHH-R

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

ออฟไลน์ แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-14
อบอุ่นละมุนใจดีมาก เรื่องสไตล์นี้คือลายเซ้นของคุณถ้าเธอเป็นทองฟ้าจริง ๆ มีความสุขที่ได้อ่านเรื่องนี้ มันดีงามมาก

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ psyche

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบอะ เนื้อเรื่องสนุก วางไม่ลง อดนอนตี 4 ตี 5 อ่านจนจบ งื้อออ ละมุน ฟิน
เราอ่านทุกเรื่องของนักเขียนเลย แล้วก็ชอบทุกเรื่อง เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด