[เรื่องเล่า]" - - คิมคิม - โมโม กระทู้เฉพาะกิจ2...
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องเล่า]" - - คิมคิม - โมโม กระทู้เฉพาะกิจ2...  (อ่าน 474062 ครั้ง)

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
ขำ โม อ่ะ :m20:  :m20: ชอบดัน หรือ ชอบโดนดันค๊าบบบบบบ

คิดถึงคิม คิดถึงคิม คิดถึงคิม :a1:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
รออ่านอย่างใจจดใจจ่อ
พล็อตเริ่มวิ่งแล้ว โมจะเลือกทำอย่างไรต่อไปนะ
 :m18: :m18: :m18:

เกี่ยวพันกับเด็กน้อยเต็มซะด้วย
 :m21: :m21: :m21:

sun

  • บุคคลทั่วไป
อีกไม่นาน ก้อจะตาม ทันที่นู่นล่ะ    :teach:
ทีนี้ ก้อ ทวง ก่าเจ้าของเอาเองนะ ...ถ้า ลงช้าอ่ะ  คิคิ    o3

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""



****************************

ตอนที่ 53

วันนั้นก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ หลังจากไปนั่งกินนั่งดื่ม ฟังเพลงกันที่HOT WAVE แล้ว พวกผมก้อแยกย้ายกันกลับ ถ้าจำไม่ผิดวันรุ่งขึ้นไอนัท จะมีสอบหรือว่าอะไรซักอย่างนี้แหละ และคืนนั้นผมก็ค้างกับไอนัทแหละครับ แฮะ นอนซุกอกมันจนหลับไปเช่นเคย
ตื่นเช้ามา ผมก็ไม่เจอไอนัทแล้วหล่ะครับ เห็นแต่โน๊ตที่มันเขียน แปะ ไว้ที่หน้ากระจก ว่า
**************ไป ม.แล้วนะครับ ถ้าอาจารย์ไม่ใช้อะไร จะกลับให้เร็วที่สุด... แล้วไปเดินเที่ยวงานไหม กันนะ ....รัก ตาหวาน จังครับ*****************
********ไอเลว นัท ของตาหวาน*******
************************
ไอเลวนัทของตาหวาน งั้นเหรอ..เฮ้อ..คนที่เลวหน่ะมันกูต่างหากหล่ะหวะ ไอนัท...ไม่ใช่มึงหรอก..คิดแล้วก็ให้ห่อเหี่ยวในหัวใจเป้นที่สุดครับ เป็นการกลับขอนแก่น ที่หนักอึ้งพอสมควรสำหรับผม มันไม่ได้ปลอดโปร่งโล่งสบาย อย่างที่ควรจะเป็นเลยสักนิด.ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม....
“เฮ้อ เป็นอะไรไปวะกู วันนี้ รู้สึก ห่อเหี่ยวไงชอบกล”
“ช่างแม่ม...ชวนไอวิทย์ไปแดกเหล้าดีกว่าหว่ะ ..” คิดได้ดังนั้นก็สลัดหัวพรืดๆ แล้วทำการโทรหาไอวิทย์อย่างเร่งด่วน
*ว่าไงมึง...* อ้า รับเร็วดีจริงๆเลยมึงหุหุ ดีกูจะได้ไม่รอนาน
“เลิกเรียนยังวะ” ถามมันไปอย่างมีความหวัง ตอนนี้รู้สึกเซ็ง ชิบหายเลยครับ
*เลิกเรียน ป๋า มึงเหรอ ไอฟาย...กุยังไม่ได้เรียนเลยซักวิชา เคยจำอะไรได้บ้างไหมเนี๊ยะ มึงเนี๊ยะ.. กูบอกมึงตั้งกะเมื่อคืนแล้ว วันนี้ กูมีเรียน บ่าย ฟายจริงๆเลยมึง* อ้าปากคอเลาะร้ายมากเลยครับเพื่อนผม ฉุนกันเลยทีเดียว
“เอ๋า..ไอ...”
*พอเลยไอโม กูขี้เกียจ เถียงกะมึง...เฮ้อ..เอาเป็นว่าเลิกเรียนแล้วจะ พาไปร้านเด็ด โอเค...อ๋อ..คงเย็นๆอะ ช่วงนี้มึงก็ไปเดินเล่นงานไหมตอนกลางวันพลางๆก่อนแล้วกัน แค่นี้นะ กุอยู่ช๊อป..* กึ๊ก แล้วมันก็กดวางสายไปเลยครับ
“เฮ้อ..ก็ได้วะ ไปคนเดียวก็ได้..อะ..อะอะกูยังมีไอพวกแก๊งเด็กเก่านี้หว่า..” คิดได้ดังว่า ก็จัดการเพจเข้า เบอร์เพจไอบี ทันทีครับ
เมือ่ก่อนทอสับมือถือยังไม่ค่อยได้รับความนิยมซักเท่าไหร่ครับ เพราะมันแพงมั๊กมาก ที่นิยมกันสุดๆก็คือเพจเจอร์นี้หล่ะครับ
ผมก็เพจบอกพวกมันประมาณว่าเลิกเรียน โทรหาเราด้วย จะไปเดินงานไหม อะไรเทือกนั้น แล้วไอโมก็อาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปแรดครับ หุหุ จากนั้นก็ออกเดินทางครับ ไม่เอารถไปอะ นั่ง 2 แถวไปครับเหอๆ
ผมไปถึงงานไหมได้ไม่นาน ไอพวกแก๊งเด็กเก่า ก็ทอสับเข้าเครื่องผม และไม่กี่อึดใจพวกมันก็มาหาผมที่งานอะโรงเรียนผมกับที่จัดงานไหม ไม่ไกลกันอะครับ จัดงานไหมใกล้ๆกับ บขส.ขอนแก่นอะ...งานไหมตอนกลางวันผมว่าน่าเดินกว่าตอนกลางคืนนะ ตอนกลางคืนคนเยอะโคตร แต่ตอนกลางวันของขายและกิจกรรมต่างๆจะไม่เยอะเหมือนตอนกลางคืนครับ แต่ถ้าไปเพื่อซื้อของผมว่า ไปตอนกลางวันดีกว่า ตอนกลางคืนนี้ จะได้เจอกับ คนติดครับ ฮ่าๆ หนักยิ่งกว่ารถติดอีกเหอๆ
พวกผมไปเดินซื้อของใช้ของกิน(ราคาถูก) กันจนหนำใจ ก็ไปสิงสถิตกันต่อที่หอไอโจกับไอบีครับ มันย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วอะ ผมหล่ะอิจฉามันจริงๆเลยครับตอนนั้นอะ ..ไอโจมันทำงานพิเศษที่พิซซ่าด้วยครับ ส่วนไอบีก็ทำเหมือนกัน ตอนนั้นมันจะมีร้าน AM/PM อยู่ที่ บขส.อะ ไอบีทำอยู่ที่นั้นแหละครับ ตอนนี้รู้สึกจะไม่มีแล้วนะ หรือยังไงอะ ไม่รู้แหละ..
พวกผมเล่นป๊อกเด้ง (โดยมีไอโมเป็นเจ้ามือ) กันตั้งกะบ่าย จน มืดครับ เล่นฆ่าเวลา รอไอวิทย์กันครับ พอไอวิทย์โทรมาประมาณทุ่มได้มั้ง พวกผมก็ยกโขยงกันไปร้าน ที่ไอวิทย์มันบอกพวกผมไว้อะครับ สาวๆกระดี๋กระด๋า กันใหญ่ครับ หุหุ พวกมันชอบร้านนี้....พวกมันว่างั้นอะหุหุ
อ๋อลืมไป....โทรบอกไอนัทแล้วครับ มันบอกว่า ขอเวลาทำงานที่ค้างอาจารย์ไว้แป๊บเด๋วตามมา(ผมคาดว่าเด๋วของมันคงเป็นชาติหน้าหล่ะครับ)
ไม่ต้องอาบน้ำอาบท่ากันหล่ะครับไอโม ที่ ที่ พวกผมจะไปไม่จำเป็นต้องประดิษฐ์ประดอย ให้โก้หรูอะไรครับ ไปเพื่อแดกเหล้าโดยเฉพาะ .....
จากหอไอโจ (หออยู่หน้าโรงเรียน)ใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที พวกผมก็ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
ที่ที่ ไอวิทย์ มันนัดพวกผมเป็นร้านเหล้ายาดองครับ มีทั้งสูตรเย็น(สาวๆชอบ) และยาดองลำยองธรรมดา(คิคิ) ร้านอยู่ริมบึงแก่นนครอะ ผมจำชื่อร้านไม่ได้แล้วอะ ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังเปิดอยู่รึเปล่านะ พอไปถึงก็เจอไอวิทย์กับเพื่อนมันนั่งรอกันอยู่แล้วครับ 6-7คนได้อะ
และส่วนมากพวกผม 6 คน(พวกแก๊งเด็กเก่า) จะรู้จักพวกมันกันเกือบหมดแล้วครับ สังคมของเด็กอาชีวะครับแคบจะตาย รู้จักกันเกือบทั้งนั้นแหละ หนุ่มราชมงคลคนนี้เป้นแฟนกับสาวอาชีวะคนนั้น ไปเที่ยวด้วยกันก็ลากเพื่อนไปด้วยเพื่อนก็เลยรู้จักกัน พอดีในกลุ่มนั้นเป็นเด็กเทคโน ไอเด็กเทคโนฯ มีเพื่อนเรียนที่เทคนิคก็ลากกันไปเที่ยวด้วยกัน ไอเด็กเทคนิคฯ มีแฟนเป็นสาวพาณิชย์ สาวพาณิชย์คนนี้มีเพื่อนเรียนที่ ม.ภาค ไอเด็ก ม.ภาคเป็นเพื่อนกับเด็ก มข. เด็ก มข.มีแฟนเรียนที่ อาชีวะ มันก็มีแค่นี้ วนเวียนกันอยู่แบบนี้ ก็ไม่ต้องแปลกใจทำไมผมถึงมีเพื่อนเยอะ แฮะ ตามนั้น (แล้วจะพูดทำไมเนี๊ยะเออ งง ปะ)
“มานานยังวะ” พอเจอหน้ามันก็ทักทายกันพอหอมปากหอมคอครับผมกับไอวิทย์ เมื่อคืนก็ไปดริ้งกันมา
“ไม่หรอก พึ่ง มาถึง ยังไม่ได้สั่งอะไรเลย...อ้า นั่งเลยสาวๆ จะเอาอะไรดีหล่ะ สูตรเย็นเหมือนเดิมปะ หรือจะเอาเบียร์ดี” ไอวิทย์มัน ถาม 3 สาว ครึ่ง(อีกครึ่งนึงเป็นไอปอ) ขึ้นมาอย่างสนิทสนม หลังจากเพื่อนมันจัดการต่อโต๊ะ ให้พวกผมแล้ว
โต๊ะที่ไอวิทย์มันมานั่งจองนี้อยู่นอกร้านเลยครับ ติดกับถนนเลยอะ ตรงข้ามกับร้านยาดองเป็นบึงแก่นนคร(อย่างที่บอก) และเยื้องกันไปหน่อยนึง จะเป็นร้านนมสดอะครับ แบบ ร้านแบกะดินอะ รู้จักกันปะ(เมื่อก่อนฮิตมาก)
“เอามาทั้ง สูตรเย็นและเบียร์นั้นแหละ” ไอตุ๊กตาพูดตอบไอวิทย์มันยิ้มๆ 2 คนนี้มัน คลิ๊กๆกันอยู่ครับ แต่ไม่ได้จริงจังอะไรกันหรอก เฮ้อ (ถ้าจะพูดเป็นคำพูดปัจจุบัน ก็ราวๆ กิ๊ก แต่ก็ไม่ใช่กิ๊กอะ คือ เรียกเพื่อน ที่นอนด้วยกัน บางครั้งบางคราว..เหอๆ คงได้)
“ได้จ้า..ไม่ได้เจอกันหลายวัน คิดถึงนะเนี๊ยะ”น้าน เข้าโหมดปากหวานอีกแหละเพื่อนกุ
“เหรอจ้ะ..คิดถึงก้อไปหาได้หนิ..ไม่ไปเอง แล้วจะให้ทำไงหล่ะค่ะ หือ” ไอตุ๊กตาก็กวนใช่เล่นครับ
ไปหาได้ที่ไหน แฟนไอตุ๊กตาได้ฆ่าตายเอา..ผมว่าความสัมพันธ์ ของมันสองคน อันตรายมากเลยครับ ไม่รู้สิผมไม่ชอบเลยแต่..ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ มันเป็นเรื่องของคนสองคน ผมไม่เกี่ยว
“ไปจริงๆแล้วจะหนาว” ไอวิทย์แม่มก็ยังทำเสียงทะเล้นอยู่นั้น
“เออ พวกมึง 2 คน มีอะไรไปคุยกัน 2 ต่อ 2 ได้ปล่าววะ พวกกูจะแดกเหล้า จะได้แดกไหมวันเนี๊ยะ เชี๊----” อันนี้ผมปล่าวพูดนะ แค่คิดเฉยๆแฮะ แต่คนที่พูดหน่ะคือเพื่อนไอวิทย์ต่างหากแฮะ พวกผมก็ขำกันอย่างสะใจหล่ะครับหึหุ
“มึงหนิ นานๆ แฟนเค้าได้เจอหน้ากันที มารจริงๆมึง เซ็งชิบ” ไอวิทย์มันบ่นอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่นัก
“พี่ครับ..เอา..บลาๆๆๆๆ และก็บลาๆๆ” หลังจากบ่นกระปอดกระแปดไอวิทย์มันสั่งเหล้าอย่างคล่องแคล้วหล่ะครับ มันถนัดนักแล เรื่องพวกนี้หน่ะ ต้องยอมเค้าครับ
แล้วพวกผมก็นั่งคุยกันด้วยเรื่องสรรพเพเหระต่างๆนาๆมากมาย รอเหล้าที่สั่งไปซักราวๆ 30 นาทีได้มั้ง พวกผมก็ได้แดกกันสมใจซักที...
“เด๋วกูไปซื้อบุหรี่ที่เซเว่นแป๊บ..” หลังจากที่นั่งกินเหล้ากันไปซักราวๆ ชั่วโมงนึงได้มั้งครับ ไอโจมันก็ขอตัวไปซื้อบุหรี่..
“เฮ้ย..เอา รี มาด้วย ขวด” หนึ่ง ในกลุ่มเพื่อนไอวิทย์แหละครับ ที่เป็นคนสั่ง
ที่ต้องซื้อมาจากข้างนอกเพราะที่ร้านค่อนข้างแพงอะครับเหล้าอะ ก็เลยใช้วิธีซื้อเหล้ามาจากข้างนอก แล้วมาสั่งมิกเซอร์เอา แล้วก็สั่งเบียร์พอกล่อมแกล้มครับ
“บี ไปด้วยนะ..”เอ๋าแล้วจะตามเค้าไปทำไมหล่ะหน่ะ ก็ได้แต่คิดแล้วก็ยิ้มออกมาหล่ะครับไอโม
“จะตามไปทำไมเนี๊ยะ อยู่นี้แหละ” ไอโจ มันทำเสียงดุๆ แฟนมันอะครับ ไอบีก็ได้แต่ทำหน้าจ๋อยๆอ่อยๆน่าสงสารอะ
“เออ ให้บีไปด้วยอะดีแล้ว ไปช่วยนายถือของไง..”ผมพูดยิ้มๆอย่างเข้าใจหัวอกของไอบีมันอะ..เง่อ
คงเพราะผมก็เคยเป็นแบบนี้มั้ง..อยากจะอยู่ใกล้คนที่เรารักตลอดเวลา ไม่ต้องอะไรมาก ขอแค่ได้เห็นว่าเค้าอยู่กับเราตรงนี้ไม่ได้หนีไปไหนก็สุขใจสุดๆแล้ว คิดแล้วก็เศร้า คิดถึงใครบางคนเป็นยิ่งนัก ฟายโมเอ้ย เมื่อไหร่จะลืมๆมันไปซะทีวะ...
“เฮ้อ...เออๆ ตามใจ ลุกเร็ว” ไอบีมันก็ลุกขึ้นโดยไวครับ แต่หน้ายังไม่หายจ๋อย แหม๋ ก็โดนแฟนต่อว่ากรายๆ ต่อหน้าเพื่อนนี้ครับ เป็นผม คงมีการวางมวย ชิ ...

sun

  • บุคคลทั่วไป
************************
ไอโจกับไอบีไปได้ไม่นานครับ พักเดียว พวกมันก็กลับมาขับแมงกะไซต์กอดเอวกันกลมดิก เลยทีเดียว เว้ยๆๆๆๆ อิจฉาเว้ยแม่ม มึงจะหวีดกันไปถึงไหนวะ กูอิจฉานะเว้ย ฮือ คนมีคู่ไม่รู้หรอก ชิ..ชักคันๆ ไอน้องเต็มกูจะเป็นไงบ้างวะ..เด๋ว ดึกๆโทรหาดีกว่า....
“เออ โม ขับรถผ่านร้านนมเมื่อกี้ เจอ อ้อนด้วย..”พอนั่งลงวางเหล้า วางบุหรี่ไว้บนโต๊ะเรียบร้อย ไอโจมันก็พูดโพลงออกมาอะครับ
“อือ..แล้ว....”พูดออกมาอย่างอยากจะรู้ว่ามันจะพูดอะไร
“หึหึ...ก็แหม๋นะ...เห็นบอกว่าคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ..อ้อนมากับแฟนหน่ะ เราก็เลยชวน มาร่วมวงด้วยซะเลย อ๋อ...นายอยากรู้ปะว่าใครเป็นแฟนอ้อน พวกเรารู้จักดีเลยหละ” น้ำเสียงมันฟังดูทะเล้นๆอะครับ
“อ๋อ...ไอปอด์นเหรอ..เราก็บอกไปแล้วหนิ ว่าเจออ้อนกับปอด์นที่ใน มอ.วันก่อนอะ” พูดออกไปอย่างเซ็งมันครับ ขี้ลืมชะมัด เมื่อบ่าย ยังเล่าให้ฟังไปแหม๊บๆ ว่าเจออ้อนกับไอปอด์นที่ใน มอ...
“ไม่ใช่...เออ น่า แล้วนายก็จะเห็นเองหล่ะ ว่าใครเป็นแฟนอ้อน...” มันทำหน้ามีเลศนัยอีกแล้วครับ หมั่นไส้มันสุดฤทธิ์ ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความระอาหล่ะครับไอโม
“โม..กู..เอ่อ....คือ...” ไอวิทย์ครับ อยู่ๆมันก็ยื่นมือมาจับที่บ่าผม แล้วทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่มันก็ไม่ยอมพูดออกมาซะทีอะ
“อะไรของมึง..มีอะไรก็พูดมาดิวะ..อ๋อ หรือเป็นห่วงเรื่องกูกะอ้อน..เฮ้ย สบายใจได้..กูกะอ้อนคุยกันแล้ว แล้วดูอ้อนก็ไม่ได้เกลียดขี้หน้าอะไรกูแล้วด้วย” ผมก็พูดกับไอวิทย์มันยิ้มๆ ด้วยเข้าใจว่ามันเป็นห่วงผมเรื่องนี้ เพราะเมื่อก่อนที่ผมคิดมากเรื่องอ้อน ก็มีมันนี้แหละที่คอยให้กำลังใจผม
“เอ่อ..ไม่ใช่..คือ มึง ต้องใจเย็นๆนะเว้ย ....คือ...”มันพูดตะกุก ตะกัก มันมองไปที่ถนนอย่างหวาดๆ ผมก็ยิ่งสงสัยสิ...
“ใจ เย็น..อะ.....”คำว่าไร ยังไม่ออกจากปากผมเลยครับ
ผมที่มองไปที่ถนนตามสายตาของไอวิทย์ ก็ได้แต่อึ้งครับ พูดไม่ออก หัวหมุนติ้วหัวใจเต้นตุ๊บๆ แรงมาก ตื่นเต้นมากมายดีใจสุดๆเลยอะ..แทบจะกระโดดลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งเข้าไปหาคนที่ขับมอร์ไซต์เข้ามาจอดที่ริมถนนหน้าร้านยาดองเลยทีเดียว...แต่ด้วยมือใหญ่ๆของไอวิทย์ที่กดลงที่บ่าผมอย่างหนักทำให้ผมที่กำลังจะลุกต้องนั่งแปะลงกับเก้าอี้เหมือนเดิม
“กูบอกแล้วใช่ไหมว่าให้ใจเย็นๆ ทำใจซะ” เสียงไอวิทย์ที่กระซิบแผ่วๆอยู่ที่หูผม
ทำให้ผมพอที่จะดึงหัวใจเจ้ากรรมที่มันแล่นไปหาหนุ่มในชุดนักศึกษาคนนั้นให้กลับมาที่ตัวอีกครั้ง และไอโมก็ต้องหัวใจกระตุกวูบ เมื่อหนุ่มคนนั้นไม่ได้มาคนเดียว แต่มีหญิงสาวคนนึงซ้อนท้ายมอไซต์เค้ามาด้วย..
. ‘อ้อนไม่ใช่แฟนเราหรอก อ้อนเป็นแฟนเพื่อนเราต่างหาก’
‘.อ้อนมากับแฟนหน่ะ เราก็เลยชวน มาร่วมวงด้วยซะเลย อ๋อ...นายอยากรู้ปะว่าใครเป็นแฟนอ้อน พวกเรารู้จักดีเลยหละ’
คำพูดเหล่านี้วิ่งวนซ้ำไปซ้ำมาเหมือนแผ่นเสียงตกร่องอยู่ในหัวผมสมองเริ่มเบลอตาพร่า เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น มันไม่จริงใช่ไหม ไม่จริงหรอก เค้าอาจไม่ได้เป็นแฟนกันก็ได้อาจจะ เป็นแค่เพื่อนกันก้อได้หนิ..ไม่ใช่หรอก ไอคิมมันรักกู มันแค่งอนกูเฉยๆมันไม่ทิ้งกูไปมีแฟนใหม่หรอก
ผมมองภาพเบื้องหน้าอย่างเจ็บปวด และมีความหวังไปพร้อมๆกัน ....ภาพของคนสองคนที่ดูยังไงก็ ไม่ใช่แค่เพื่อน แต่ผมก็ยังคิดเข้าข้างตัวเองอยู่นั้นว่ามัน 2 คนเป็นเพื่อนกัน
ไอคิมในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีดได้จอดรถแมงกะไซต์ลง เช่นเดียวกับอ้อน.....อ้อนยังอยู่ในชุดนักเรียนแต่มีเสื้อแขนยาวตัวใหญ่ใส่ทับไว้ ซึ่งผมจำได้ว่าเสื้อตัวนี้เป็นเสื้อของไอคิม...ที่ครั้งหนึ่งผมก็เคยใส่.เจ็บจี๊ดเข้ามาที่ใจจนขาอ่อนหน้าชาไปหมด และที่ทำให้ผมหลอกตัวเองไม่ได้อีกแล้วก็คือ
ภาพของคนสองคนที่เดินคลอเคลีย กันเข้ามาที่โต๊ะที่พวกผมนั่งกันอยู่..มือข้างนึงของไอคิมกอดอยู่ที่บ่าของอ้อน แขนใหญ่ๆที่ครั้งนึงผมเคยหนุนนอนและมีความสุขเหลือเกินที่ถูกอ้อมแขนนี้กอดรัด...ได้พาดไปตามบ่าไหล่เล็กๆของอ้อน.....ไม่ใช่อีกแล้วต่อแต่นี้สองแขนของคิมไม่ได้มีไว้สำหรับผมอีกแล้ว..ถึงไม่อยากยอมรับซักขนาดไหน ผมก็คงต้องเลิกหลอกตัวเองได้แล้ว...

“ดี วิทย์ ดีทุกคน”
“ว่าไง โม..ไม่แวะไปที่บ้านบ้างเลยนะ..เห็นปอด์นบอกเราว่านายมาตั้งกะวันก่อนไม่ใช่เหรอ..” เสียงห้วนๆอันแสนคุ้นเคย ที่ผมคิดถึงจนจะบ้าตาย ได้ดังแหวกโสตประสาท ของผมขึ้นมา
“เอ่อ คือ...อึก..”สะดุ้งเฮือกพูดไม่ออก ยกมือขึ้นเสยผมอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี มือไม้สั่นไปหมด...และมองสบตากับมันอย่างงงๆ
ไอคิมมองผมด้วยความจริงใจ ไม่มีความขุ่นมัว ความโกรธเกรี้ยว หรือสัญญาณใดๆที่จะบอกกับผมว่า ...ไอคิม มัน ยัง รักผมอยู่เลยซักนิด....น้ำตาตกในครับ หน้าร้อนผ่าวๆเหมือนจะร้องไห้น้ำตาปริ่มๆอยู่ที่ขอบตาเหมือนจะไหลออกมามะร่อมมะร่อ
“อืม..เราเกรงใจหน่ะ เห็นกำลังเตรียมตัวสอบกัน..ไม่อยากกวน..นั่งสิ” กลั้นใจพยายามเค้นคำพูดออกมา ปากคอสั่นไปหมด..
“หือ...อ่านหนังสืออะไรหล่ะโม..พวกนี้อะ เลิกเรียนมาอ้อนก็เห็นชวนกันกินเหล้าทุกทีอะ...น่าเบื่อจะตาย..สาธุขอให้ติด F” เสียงเล็กๆใส่ๆที่ดังขึ้นมาทำให้ผมต้องละสายตาจากไอคิมไปมองสบตากับอ้อน
อ้อนพูดยิ้มๆพลางยกมือขึ้นท่วมหัว ช่างดูน่ารักและมีชิวิตชีวา ..แต่ผม ณ ตอนนี้รู้สึกเกลียดอ้อนขึ้นมาจับจิต เกลียดรอยยิ้มซื่อๆนี้ เกลียดหน้าใสๆ เกลียดแขนเล้กๆตัวเล็กๆนี้เหลือเกินทั้งๆที่เมื่อก่อนผมออกจะชอบอ้อนมาก ถึงมากที่สุดแต่ตอนนี้ผมทำไมถึงเกลียดอ้อนมากมายขนาดนี้ก็ไม่รู้
“อ้าว..แช่งกันเฉยเลย...ปากดีนะเนี๊ยะ เดี๋ยวโดน เดี๋ยวโดน..”ไอคิมมันพูดห้วนๆดุๆขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แบบที่ทำให้ผมรู้ว่ามันกำลังหมั่นเขี้ยวจริงๆ
“อะไรจ้ะ คิม..จะทำอะไรอ้อนเหรอ...คิคิ..นี้ไม่อยากเชื่อเหมือนกันนะเนี๊ยะ คนสุดขั้ว อย่างอ้อน กับคิม เป็นแฟนกันได้ด้วย งงนะเนี๊ยะ” ปอครับมันพูดจบก็ได้รับเสียงเฮฮา จากพลพรรค ที่นั่งแดกเหล้าตาเยิ้มกันอยู่นี้
“บ้า ไม่ใช่ แฟน แค่เพื่อนกัน เฉยๆ..” อ้อนพูดออกมาเสียงดังฟังชัด แต่หน้าอะแดงก่ำเลย ก็ไม่รู้เพราะยาดองสูตรเย็นที่กระดกเข้าไปหรือเพราะอายกันแน่
แต่ที่แน่ๆตอนนั้นผมหมั่นไส้อ้อนมากเลยครับ รู้สึกว่าทุกคนจะให้ความสนใจอ้อนกับคิมเป็นอย่างมากเลยทีเดียว รุมถามรุมแซวกันใหญ่ ทั้งเพื่อนไอวิทย์ ที่ดูท่าว่าจะรู้จักกับอ้อนมาก่อน และเพื่อนๆผมที่แน่นอนว่าต้องรู้จักอ้อนกับไอคิมเป็นอย่างดีอยู่แล้วเสียแต่ว่าพวกมันไม่รู้ว่าผมกับไอคิม ไม่ใช่แค่เพื่อนกันธรรมดาก็เท่านั้น
และในระหว่างนั้น ผมก็พยายามทำใจให้สงบ เพราะตอนนี้ใจผมมันเหมือนจะขาดลงไปทุกที...ผมเคยคิดว่าผมคงไม่เจ็บ ไม่เป็นอะไรถ้าได้เจอไอคิมอีกครั้ง..แต่ตอนนี้ดูท่า จะไม่ใช่ซะแล้ว.. ถึงจะเผื่อใจไว้รับเรื่องแบบนี้ไว้แล้วก็ตาม...
ก่อนที่ไอคิมกับอ้อนจะมาผมอะแดกเหล้ากรึ๊บ เอา กรึ๊บเอาอย่างเมามันส์และอร่อยปาก แต่ตอนนี้ผมกระเดือกอะไรไม่ลงกันเลยทีเดียว พูดก็พูดไม่ออก.. เหมือนสิ่งที่มันกดทับกดดันผมมาตลอดเกือบ 1 ปี กำลังจะทะลักทลายออกมา
ความเศร้า ความเสียใจ ความคิดถึง ความหมดหวัง หมดอาลัยตายอยากจนต้องหาใครซักคนมาแทนที่มัน ทำให้ตัวเองยุ่งสุดชีวิตเพื่อให้เบาบางความคิดถึงมันได้บ้าง แต่ ณ เวลานี้ผมรู้แล้วว่า มันเปล่า ประโยชน์ ผม.....ไม่ไหวแล้ว....
เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุย ที่ดังอยู่รอบๆตัว ทำให้ผมมึน ...เวียนหัว ..อยากอ้วก....
“เฮ้ย โม..เป็นไรวะ..จะอ้วกเหรอ...เฮ้อ..ปะ กูจะพาไปห้องน้ำ ลุกๆๆ...” แล้วไอวิทย์มันก็ลุกขึ้นและดึงแขนผมให้ลุกตามมันขึ้นมา
ผมที่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่แรงจะหายใจด้วยซ้ำ มีรึจะมีแรงขัดขืนมันได้ และตัวผมเองไม่อยากขัดมันด้วยแหละ อยากจะออกไปให้พ้นๆจากที่นี้เต็มทน...กูไม่ไหวแล้ว..
“อ้วกกกกกกกกกกกกก” และพอไอโมเจออ่างล้างหน้าก็ทำการอ้วกเอาทุกสิ่งทุกอย่างออกมาให้หมด.
โดยมีไอวิทย์คอยลูบหลังลูบไหลอยู่ใกล้ๆ และมันก็เงียบครับไม่พูดอะไรออกมาเลย...มีแต่มือที่สัมผัสแผ่นหลังของผมอยู่เท่านั้นที่ถ่ายทอดความรัก ความเป็นห่วงออกมายังตัวผม
“กลับ เถอะ ..อย่าฝืนเลย...เดี๋ยวกูไปส่ง...”ไอวิทย์มันพูดขึ้นมาเบาๆหลังจากที่ผมอยู่ในอาการสงบแล้ว
ผมไม่พูดอะไรแค่พยักหน้าหน่อยๆแค่นั้นเอง ไม่อยากอยู่เหมือนกัน ขืนอยู่นานกว่านี้ บ่น้ำตาได้แตกแน่ๆ..เฮ้อ.. แล้วผมก็จัดการวักน้ำจากก๊อกน้ำขึ้นมาล้างหน้าล้างตา บ้วนปาก หล่ะครับ..
“ดี ปะ..ออกไปได้แหละ..”ไอวิทย์มันพูดเบาๆ ยิ้มให้ผมนิดๆ
มันยื่นแขนมาล๊อกคอผมไว้แล้วดันให้ผมก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมๆกัน...
“ไม่เมาเหล้า แต่เรานั้นเมารัก จริงๆ เลยมึง ...แม่ม...เมาซะจนอ้วกแตกเลย...ไอโมน้า ไอโม ท่าจะอาการหนักนะมึง ” ไอวิทย์มันพูดพลางถอนหายใจ แล้วเอามือที่วางอยู่ที่บ่าผมนั้นแหละ ลูบหัวผมเบาๆ ขอบใจนะวิทย์ ที่คอยเป็นกำลังใจให้กูเสมอ ขอบใจมากเพื่อน...
“เออ..พวกมึง ดูท่าไอโมจะไม่ไหวแล้ววะ แม่ม เด๋ว กูพามันไปนอนก่อนแล้วกัน แล้วเดี๋ยวกูกลับมา” พอถึงโต๊ะผมก็ได้ยินเสียงไอวิทย์มันพูดตะโกนบอกทุกคนเสียงดัง
ส่วนตัวผมเหรอครับ ก็ก้มหน้าก้มตามองตีนตัวเองอย่างเดียวเลยไม่อยากเห็นภาพบาดตาหน่ะ เด๋วได้น้ำตาแตกตรงนี้แน่ๆ คิดแล้วหัวใจเจ้ากรรมมันก็สั่น พลับๆๆหล่ะครับ
“เออ แปลกหว่ะ ทำไมวันนี้ เมาง่าย จังหว่ะโม ปกติ คอแป๊บ ชัดๆ ไมวันนี้เมาเร็วชิบ..เพราะยาดองเปล่าวะ...”ไอโจครับมันพูดขึ้นมาอย่างสงสัย
ผมก็เฉยอะเมายาดองพรุ่งนี้กูก็หาย แต่เมารัก นี้ กูจะหายเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ กูคงแฮงค์ไปอีกหลายวัน หรืออาจจะหลายเดือนไปเลยก็ได้ ทรมานยิ่งกว่าเมาเหล้า
พอบอกกล่าวกับเพื่อนๆเสร็จ ไอวิทย์มันก็พาผมเดินออกมาที่ถนนหล่ะครับ พอดีว่าไอวิทย์มันจอดรถไว้ที่ฝั่งตรงข้ามของร้านอะ ก้อไปจอดที่ฝั่งบึงนู้นหล่ะ ต้องเดินไกลอีกนิดนึง...แต่ก็ไม่ยั่นหรอก เพราะผมไม่ได้เมา ...
“โม...” ขณะที่ผมขึ้นซ้อนท้ายไอวิทย์เรียบร้อย และไอวิทย์กำลังจะออกรถ
ผมก็ได้ยินเสียงห้วนๆของไอคิมดังอยู่ทางเบื้องหลังของผม สะเฮื้อกอีกแล้วครับ น้ำตาจะหล่นซะให้ได้..แต่ก็ต้องกล่ำกลืนก้อนสะอื้นที่มันจุกอยู่ที่อกเอาไว้ แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองไอคิม ที่ตอนนี้เดินมาจนถึงรถพวกผมแล้ว
“เป็นไงบ้าง สบายดีไหม...” ผมกับมันสบตากันนิ่ง แววตามันไม่ว่างเปล่าเหมือนเดิมแล้ว มันแฝงไว้ด้วยความห่วงใยในตัวผมซะมากมาย
“อือ...”รับคำมันในลำคอเบาๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี..
“ดีแล้วหล่ะ...” พร้อมกับคำพูดนุ่มๆหูนั้น
มือใหญ่ๆของมันก็ขยับขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ ผมแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ มันอุ่นวาบเข้ามาที่ใจ ผมรอคอยมันอย่างมีความหวัง
“มีความสุข ทุกวันนะโม...ลาก่อน...โชคดีเพื่อน”พร้อมกับหัวใจผมที่มันแตกสลาย มือใหญ่ๆที่แสนอบอุ่นของไอคิมก็ได้เลือนออกจากหัวผมเช่นกัน
จบสิ้นกันจริงๆแล้วคราวนี้ ผมไม่คาใจอะไรอีกแล้ว...ผมได้รับรู้แล้วว่า มันกับผม จบกันแล้วจริงๆ..น้ำตาผมมันได้ร่วงหล่นออกมาโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับแผ่นหลังของไอคิมที่เดินจากผมไปอย่างช้าๆและมั่นคง ผมได้แค่มองตามแผ่นหลังมันไปอีกครั้ง ....เจ็บจนเกินบรรยาย

****************ดึกสงัดของคืนวันที่ 9 ธันวา เส้นทางจากถนนมิตรภาพมุ่งหน้าสู่ มข. มีชายหนุ่มสองคน ขับรถซ้อนท้ายกันมา...ความเร็วของรถไม่เร็วมากนักด้วยคนขับ ..ขับรถแค่มือเดียว ด้วยอีกมือ ได้จับมือชายหนุ่มที่นั่งอยุ่ข้างหลังไว้แน่น ส่วนชายหนุ่มอีกคนนั่งฟุบหน้าอยู่กับแผ่นหลังของคนแรก แขนทั้งสองข้างของเค้า กอดเอวเพื่อนรักไว้แน่น มองเพิ่นๆก็เหมือนกับว่าอีกคนคงเมามาก แต่ถ้ามองกันจริงๆ จะเห็นว่าผู้ชายอีกคนนั้นกำลังร้องไห้ ด้วยหัวใจที่แตกสลาย ไม่มีเสียงร้องไม่มีเสียงสะอื้น มีแต่น้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสายและเนื้อตัวที่สั่นเทาเท่านั้น ที่บ่งบอกว่า เค้าเจ็บปวดมากแค่ไหน และมีเพียงคนเดียวที่รับรู้ก็คือเพื่อนรักของเค้านั้นเอง************


****************************************
โม..Say ... ขอให้มีความสุข ทุกวันนะ ก็มีที่มาที่ไปแบบนี้แหละครับ
คราวนี้ไอโมอกหักดังเปาะจริงๆนะเนี๊ยะ กรุณาเห็นใจโพมหน่อย กาซิก กาซิก     :sad4:


ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
อ่านตอนนี้แล้วสงสารโมจังเลย  :m15:

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
เดาไว้แล้วไม่มีผิดเลยอ่ะ ว่าอ้อนต้องเป็นแฟนคิม ฮือๆๆๆๆๆๆๆ :o12: รับไม่ได้จริง ๆ  :sad2:
เศร้าอ่ะ สงสารโม อ่านแล้วบ่อน้ำตาแตกเลยอ่ะ  :o11: (อินจัด) :m29:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
เศร้าทำไม ต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ล่ะ ที่ผ่านมาหมายความว่าไงฮะคิม ไม่สงสารโมบ้างเหรอ

jammy

  • บุคคลทั่วไป
Re: [เรื่องเล่า]"คิ$
«ตอบ #487 เมื่อ24-08-2007 10:41:47 »

นี่เเหละเค้าถึงว่าทำอะไรเค้านะเค้าเจ็บเราไม่ได้รู้สึกไม่ได้ใส่ใจ ต้องรอจนตัวเองมาเจอบ้างนี่เเหละต้องเจ็บต้องปวดใจมากๆถึงจะได้สำนึกถึงสิ่งที่เราทำเค้าเอาไว้ สุดท้ายฐิธิศักดิ์ศรีเเบบไร้สาระก็ตอบสนองเราได้เเค่ความเสียใจในภายหลังเท่านั้นเอง  ดังนั้นใครมีคนรักก็ขอให้ใส่ใจความรู้สึกเค้าด้วยนะครับอย่าคิดว่าเค้ารักเเล้วจะทนให้เราทำเค้าเจ็บได้ตลอดไปไม่งั้นสักวันนึงสิ่งที่เราทำกับเค้าไว้มันจะย้อนกลับคืนมาที่เรา o7
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2007 10:44:09 โดย jammy »

ออฟไลน์ ultraman

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อ่านตอนนี้ ไม่ว่าจะอ่านสักกี่ครั้ง ก็ยังเศร้า ไม่รู้วาย 

เป็นกำลังใจให้น่ะ :a2:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
 :impress: :impress: :impress:

อะครับ สงสารพี่โมจังครับ

แล้วอีกเมื่อไรพี่โมกับพี่คิม จะได้กลับมาคืนดีกันครับ

เอาใจช่วยพี่โมนะครับ เข็มแข็งไว้ครับผม

 :impress: :impress: :impress:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






suregirl

  • บุคคลทั่วไป
เมื่อไหร่จะมาต่อ  :m23: ดันรอแล้วเน้อ  :m1:

sun

  • บุคคลทั่วไป
:m26:     "มาต่อแล้วจ่ะ กรีนที" จุ๊ส์ๆ 

=============

****************************

ตอนที่ 54

ไอวิทย์มาส่งผมที่หอไอนัท ซักราวๆ 4-5 ทุ่มได้มั้ง ไอนัทยังไม่กลับครับ...มันโทรมาบอกผมตั้งกะอยู่ที่ร้านยาดองแล้วว่า ไปช่วยงานอาจารย์ที่งานไหม..ถ้ายังไงให้ผมไปหามันที่นั้น จะได้เดินเที่ยวกัน ตอนแรกก็กะจะไปอะ แต่พอมาถึงตอนนี้กระบวนการความคิดต่างๆของผมมันไม่มั่นคงเหมือนเดิมแล้ว...
พอมาถึงห้องไอนัท ผมก็ล้มตัวลงนอนแหมะบนเตียง แล้วดูท่าว่าร่างกายและจิตใจของผมมันพร้อมใจกันอู้งานซะดื้อๆ มันช๊อตขึ้นมาซะเฉยๆ หมดเรี่ยวหมดแรง น้ำตาที่ไหลมาตลอดทางนั้น ได้เหือดแห้งลงไปแล้ว. ถึงน้ำตาจะหยุดไหลแต่ความเจ็บปวดยัง คงอยู่และดูท่าแผลเล็กๆที่ไอคิมมันได้ทำไว้ที่ใจผม มันจะเริ่มแตกปริ ออกเรื่อยๆ ....เจ็บมากมายเจ็บจนรู้สึกเหมือนกับจะหายใจไม่ออก..นี้รึเปล่าที่เค้าเรียกว่า ............ตายทั้งเป็น .........
“มึงแน่ใจนะว่ามึงไม่เป็นไร อยู่คนเดียวได้” ไอวิทย์มันถามผมท่าทางมีกังวล
“อือ” ผมครางฮึมฮัมในลำคอออกมาเบาๆ ไม่มีแรงจะพูดหน่ะ
“แต่..เอ่อ...กู อยู่เป็นเพื่อนมึง จนกว่าพี่นัท จะกลับดีกว่าหว่ะ...” ผมรู้สึกว่าไอวิทย์มันได้เอามือมันมาลูบที่หัวผมเบาๆ...
ไม่กี่ครั้งหรอก ที่ไอวิทย์ จะแสดงความอ่อนโยนกับผมแบบนี้...แต่ถึงมันไม่ทำผมก็รับรู้เสมอว่า มันรักและเป็นห่วงผมมากมายขนาดไหน...
“ขอบใจ แต่ กูอยากอยู่คนเดียว” ผมตอบมันไปอย่างที่ใจคิด
ผมรู้สึกโล่งอกมากเลยนะที่ไม่เห็นไอนัทอยู่ที่ห้องหน่ะ...ผมอยากอยู่คนเดียวจริงๆไม่อยากเจอหน้าใคร ไม่อยากพูดคุยกับใครทั้งสิ้น
“เฮ้อ...ตามใจมึงแล้วกัน...” ผมได้ยินเสียงมันถอนหายใจ และเสียงฝีเท้าหนักๆของมันที่เดินห่างเตียงออกไปเรื่อยๆ
“โม...รักตัวเองบ้างนะมึง..อย่ามัวแต่รักคนอื่น” สะอึกบ้างเล็กน้อย แต่ก็เหมือนสายลมที่พัดผ่าน ผ่านมาแล้วก็ผ่านเลยไม่ได้ซึมซับเข้าไปสู่จิตใจผมลยซักนิด
ผมได้ยินเสียงประตูเปิดและปิดเบาๆ พอไอวิทย์ออกไปจากห้องแล้ว ห้องทั้งห้อง ก็ตกอยู่ภายใต้ความเงียบ เงียบ และ เหงา จนผมหนาวเย็นเข้าไปในกระดูก บวกกับอากาศในช่วงเดือนธันวา ที่หนาวสุดขั้วหัวใจ ยิ่งทำให้ตอนนี้ผมหนาวจนตัวสั่น...ยิ่งหนาวผมก็ยิ่งขดตัว ยิ่งขดตัวก็ยิ่งเหงา....เหงา เหมือนถูกทิ้งให้อยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้...
พอได้อยู่ตามลำพังคนเดียว ผมก็เริ่มฟุ้งซ่าน...ความคิดร้ายๆต่างๆนาๆ ได้วิ่งเข้าใส่สมองผม ...ผมเฝ้าแต่ถามตัวเองซ้ำๆซากๆว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ไม่เป็นความจริง ใช่ไหม ผมฝันไปรึเปล่า ความจริง แล้ว ผมอาจจะยังไม่ได้ไปไหนเลยก็ได้...ที่จริงแล้วผมนอนอยู่บนเตียงนี้ บนเตียงไอนัทนี้ตั้งแต่เมื่อคืน และไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย ฮือ...ใครก็ได้บอกผมที ผมฝันไปใช่ไหม ฮือ...เจ็บ เจ็บ จัง ฮือ...ไม่ไหวแล้ว
มีคนเคยพูดกับผมว่า คนเราเมื่อเกิดอาการเจ็บปวด เจ็บป่วย ไม่สบายใจหรือเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตัวเอง ที่ที่ จะคิดถึงเป็นที่แรก ก็คือ....บ้าน.
...ซึ่งไอโมก็ไม่ใช่กรณียกเว้น ผมคิดถึงบ้านคิดถึงแม่ ขึ้นมาจับใจ ผมอยากกลับบ้าน
ร่างกายไวกว่าสมองเพราะผมได้ตรงไปคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าของผม(ที่ยังไม่ได้เอาเสื้อผ้าออกหมด) มาถือไว้ในมือ แล้วกวาดของ ของผมทุกอย่างลงในกระเป๋า แล้วจึงเดินไปยังประตูก่อนจะก้าวเท้ายาวๆลงบันไดไป
ดึกสงัดของคืนนั้น ผมได้ขับรถมุ่งหน้าออกนอกตัวเมือง ด้วยความเร็วสูง...ถนนที่ว่างเปล่านานๆทีผมถึงจะเห็นไฟสีส้ม ของรถคันอื่นผ่านมาซักคัน ..ยิ่งทำให้ผมเหยียบคันเร่ง ให้จมมิดมากยิ่งขึ้น ในจิตใต้สำนึกของผม คอยเตือนผมอยู่ตลอดเวลา ว่า อย่าขับเร็ว เด๋วก็ได้ตายข้างถนนหรอก แต่อีกใจก็คอยตอกย้ำถึงสิ่ง ที่พึ่งเกิดขึ้นกับผมมาสดๆร้อนๆ ....ก็ยิ่งทำให้ผมเจ็บปวดที่ใจจนสุดจะบรรยาย
‘ตายซะได้ก็ดี ความเจ็บปวดพวกนี้มันจะได้หายไปซะที...กูทนไม่ไหวแล้วนะ...ฮึก.....ถ้ากูตายไปจริงๆ ไอคิมมันจะได้รู้ไง ว่าเพราะมันนั้นแหละกูถึงได้ตาย เพราะมึงคน เดียว....ไอเลวไอชั่ว...มึงมาทำให้กูรักทำไม ...ฮือ.. ไหนมึงบอกจะไม่ทิ้งกูไหนบอกจะเชื่อใจกูไง ..ฮือ...กูรักมึงนะ คิม กูรักมึง..’ผมร่ำร้องบอกไอคิมมันอยู่ในใจ และน้ำตาก็ได้ร่วงหล่นออกจากตาผมอีกครั้ง...
ตลอดเวลาที่ขับรถด้วยความเร็วสูงอยู่นั้น ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าผมขับรถถึงไหนบ้างแล้ว ผ่านอะไรตรงไหนมาบ้าง(ก็ยังสงสัยว่ารอดชีวิตมาได้ไง) จนเหมือนมีอะไรมาดลใจ ให้สติที่มันหลุดลอยของผมกลับมา..ผมจึงมารู้ตัวว่าผ่านแค่อีก หมู่บ้านเดียว ก็จะถึงทาง เข้าหมู่ บ้านผมแล้ว....ความเสียใจ ความผิดหวัง ภาพไอคิม กับอ้อน เสียงหัวเราะของมัน 2 คนได้ตามมาหลอกหลอนผมอีกครั้ง...
‘ถ้ากูตายไป มึงจะเสียใจไหมคิม...มึงจะร้องไห้ ให้กูไหม..มึงไม่รักกูแล้วจริงๆเหรอ...ดี ดี ดี ...เราจะได้เห็นกัน’
มาถึงตอนนี้สติผมได้กลับเข้ามาอยู่ที่ตัวโดยสมบูรณ์(คิดว่านะ) ผมกระแทก เท้าลงไปที่คันเร่งอย่างแรง รถผมพุ่งออกไปสู่ถนนเบื้องหน้าอย่างแรง จนส่วนหัวสั่นไปหมด มือผมจับพวงมาลัยไว้ แน่น....
‘อีก นิด เดียว อีกนิดเดียว เท่านั้นคิม อีกนิดเดียว มึงก็จะไม่ได้เห็นหน้ากูอีกต่อไปแล้ว......’
‘โมรู้ไหม ตอนที่ พ่อเค้ารู้ว่า ลูกที่พึ่งเกิด..พึ่งออกจากท้องแม่ได้ไม่กี่นาที ได้ตายจากไปแล้วหน่ะ พ่อเค้าเสียใจขนาดไหน ...ทุกวันนี้ พ่อเค้ายังกลัวอยู่ กลัวว่าโม จะจากพวกเราไปอีก....’
‘รักตัวเอง บ้าง นะมึง อย่ามัวแต่รักคนอื่น’

‘เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดด’
ผมกระตุกเท้าออกจากคันเร่งมากระแทกลงที่เบรค อย่างแรง ผมรับรู้ถึงแรงกระตุก แรงเหวี่ยง อะไรต่อมิอะไรจนสมองผมเบลอ หน้าชา และคิดว่า งานนี้กู ตายแน่ๆ...
สำนึกสุดท้ายที่ผมนึกถึงก่อนที่ผมจะเหยียบเบรคคือ คำพูดของแม่ ที่พูดให้ผมฟังเสมอ ถึงตอนที่ผมเกิด และคำพูดที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของไอวิทย์ เพียงเท่านี้มันก็ได้กระตุ้นต่อมรักตัวเองของผมขึ้นมา จนต้องเหยียบเบรคอย่างที่เห็น
ผมไม่รู้นะว่าผมและรถตกอยู่ในสภาพ ไหน ผมอยู่ในสภาวะนั้นอยู่นานชั่วกัปชั่วกัลย์ในความรู้สึกของผม
‘โครมมมมมม’
จบเสียงโครมที่ผ่านเข้าหูมา รถผมก็จอดนิ่งสนิท พร้อมกับถุงลมนิรภัยที่กระแทกเข้าที่หน้าอกผมอย่างจัง (กูจะตายก็เพราะไอถุงลมบ้าบอนี่แหละ) ...
ความเงียบได้เข้าปกคลุมผมอีกครั้ง นี้กูตายไปรึยังวะเนี๊ยะ เจ็บชิบหาย...หือ..เจ็บ อ้าว งั้นกู ก็ยังไม่ตายอะดิ พอนึกถึงเสี่ยววินาที แห่งชีวิตที่ผ่านมาของผม ไอโมก็เกิดอาการตัวสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ครับ เวร แท้ๆ เมื่อกี้ยังอยากตาย อยู่เลย พอมาตอนนี้ กลับกลัวซะงั้น....
ผมมือสั่น ตัวสั่น ไปหมด เหงื่อแตกซิกๆ ผม ยกมือขึ้น ดันไอถุงลมบ้าบอ ให้มันพ้นออกจากตัวผม ด้วยมืออันสั่นเทา ตอนนั้นลืมเรื่องไอคิมไปถนัดใจเลย พับผ่า....มนุษย์หนอ ยังไง มันก็รักตัวเองมากกว่าคนอื่น อยู่วันยังค่ำ หล่ะวะ
เมื่อพยายามดันถุงลมออกแล้ว แต่มันก็ออกได้แค่นิดเดียวเท่านั้นแหละ ผมก็เอื้อม มือไป เปิดประตูรถ เพื่อจะออกจากรถให้เร็วที่สุด กลัวรถระเบิด เหมือนในหนังอ้า ผิดเหรอ
พอย้ายตัวเองออกมาจากตัวรถเรียบร้อยแล้ว ผมก็พยายามเดินออกห่างจากตัวรถให้เร็วที่สุด แต่ด้วยแข่งขาที่อ่อนและสั่นผมจึง เดินต่อไม่ไหว ผมเดินออกห่างจากตัวรถได้ ไม่ถึง 2 เมตร ด้วยซ้ำ ก้อล้มแผละลง นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่กลางถนน นั้นเอง กำ แท้ๆ รถซักคันแม่ม ก็ไม่ยอมผ่านมา ให้กูชื่นใจ เลย ให้ตาย
หลังจากที่นั่งสงบสติอารมณ์อยู่พักนึง ความกลัวตายที่มีอยู่เมื่อกี้ได้จางลง และได้รู้แล้วว่า กูแม่ม ตายยากชิบหายเลยวะ อย่างว่า เทวดา มักอยากได้คนดีๆ ไปอยู่ด้วย คนชั่วๆ เทวดา ท่านไม่ต้องการ ส่วนนรก คนชั่วเยอะ แล้ว ท่านคงเบื่อ เลยปล่อยให้ไอโม ตกนรก อยู่บนโลกมนุษย์นี้แหละ เหมาะสมกับมันแล้ว (โอโห คิดได้ไง กู)
ผมมองฝ่าความมืด ไปดู สภาพรถผมที่ตอนนี้จอดเค้เก้ อยู่ริมถนน เกือบๆ จะตกโค้งลงไปยัง คันนาข้างล่างนั้นแล้ว ดีที่มีหลัก กิโล ยันไว้ ไม่งั้น คงได้กินข้าวต้ม งานศพไอโมเป็นแน่ แท้ ผมมองสภาพรถอย่างหวาดเสียว ถึงจะเป็นคืนเดือนหงาย แต่ไอโมก็มองเห็นอะไรไม่ชัดมากหรอกครับ แต่ขนาดนั้นก็เล่นเอา เหงื่อแตก ซิกๆ ออกมาเหมือนกัน.ขนาดคืนนี้เป็นอะไรที่หนาวจับจิตเลยนะ แต่ไอโมเหงือแตก คิดดู ว่าผมกลัวขนาดไหน
ที่จริงกะจะขับรถพุ่งเลยโค้งให้รถตกลงบ่น้ำที่ห่างจากโค้งไปประมาณ 15 เมตร อะ ก็เลยเหยียบ คันเร่งซะมิด กะตายอย่างเย็นๆ เป็นผีเฝ้าบ่น้ำ เป็นเพื่อน พี่ปอ้ม ซะเลยคิดว่านะ(พี่ป้อมแกเป็นรุ่นพี่ที่หมู่บ้านของผมอะ ขับรถ แมงกะไซต์ แหกโค้ง คอหักแล้วไปตกที่บ่น้ำที่ว่าอะแหละ กะเลียนแบบแก แต่ใจไม่ถึง)
อยู่สภาพนั้นซักพัก ก็เริ่มสำนึกได้ว่าตัวเอง นั่งอยู่ตรงโค้ง ผีดุ หง่ะ...โค้งทางเข้าหมู่บ้านผม เกิดอุบัติเหตุบ่อยครับ หนองน้ำนั้นก็ด้วยเหมือนกัน แฮะ พ่อผมกะจะถมบ่นั้นเหมือนกัน ออ ที่นา ตรงทางโค้งเข้าหมู่บ้านนี้ เป็นที่นาพวกผมเองครับ ...
พอรู้สึกตัว ขนก็ลุกซู่ๆ หละครับ ไอโม(ดุดิ ยังมีอารมณ์กลัวผีได้ลงคออะ...) กลัวขึ้นมาจับจิต คิดได้ดังนั้น ก็ลุกพรวดพราดขึ้น เดินกลับไปที่รถ คว้าเอาเฉพาะของที่จำเป็นแล้วค่อยๆเดินกระเผกๆ(รู้สึกเจ็บแปล๊บๆที่ข้อเท้า นางเอกชิบหาย )ตรงดิ่งออกจากทางโค้ง มุ่งหน้า สู่ หมู่บ้าน ที่เห็นเป็นเงาทะมึน อยู่หลัง ดงไผ่ที่ล้อมรอบหมู่บ้านผมไว้ มองแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอเอื้อกๆ น่ากลัวชิบ( เหมือนหนังสยองขวัญเลยอ้า จากหนัง ดราม่า เปลี่ยนแนว ตอนไหนวะเนี๊ยะ)
แปลกแต่จริง ช่วงเวลาเกือบ 10 นาที ที่ผ่านมานี้ ทั้งๆที่ปกติจะมีรถผ่านถนนใหญ่นั้นอยู่ตลอด แต่วันนี้ ไม่มีรถผ่านมาเลยซักคัน จะว่ามันดึกแล้วก็ไม่น่าใช่ วันนี้มีงานที่ตัวจังหวัดด้วย เออ แปลก นะ
ผมเดินกระเผกกระเผก รู้สึก ว่าขาตัวเองหนักขึ้นเรื่อยๆ เจ็บแปล๊บๆ เป็นระยะๆ และในที่สุดผมก็มองเห็นต้นมะยมหน้าบ้านผมอยู่ใกล้ๆนี้เอง
“โม เจ้าโม ..เจ้าโม จริงๆ ด้วย แม่ มึง มาดูเจ้าโมหน่อยเร็ว แม่มึง” ผมได้ยินเสียงตะโกนโหวก เหวก โวยวาย ของพ่อผมผ่านเข้ามาในหู
แอบสงสัยเล้กๆ ว่าดึกดื่นป่านนี้พ่อจะเอารถออกไปไหน เพราะ ตอนที่ผมมองเห็นพ่อหน่ะ พ่อเข็นรถแมงกะไซต์ออกมาและกำลังจะสตาร์ทรถ ....
“เจ้าโม เป็นอะไรหน่ะลูก ไปทำอะไรมา แล้วรถหล่ะ หรือว่า เสียง รถแหกโค้ง เมื่อกี้รถโม..ใช่แน่ๆเลยใช่ไหมลูก.” พ่อ ถามผมไปแบบไม่ต้องการคำตอบ
ซึ่งก็พอดีกับที่ผม ก็ไม่รู้จะตอบพ่อยังไงเหมือนกัน ก็พ่อ เล่นถามเองตอบเองแบบนั้น ไอโมก็เลยได้แค่พยักหน้าหงึกหงักเท่านั้นเอง....
“เจ็บขาเหรอ แล้วเจ็บตรงไหนอีก ให้พ่อ ดูซิ แม่ มึงเปิดไฟ หน้าบ้านหน่อยเร็ว”พ่อพูดเสร็จก็คว้าตัวผมทำท่าจะอุ้ม ผมด้วยอะ ไม่ดูสังขาร ตัวเองเล้ย ตาสมพงษ์ เฮ้อ
“พ่อ เค้าไม่เป็นไรหรอกน่า...เจ็บขาหน่ะ..อู้ย..พ่อไปดูรถให้เค้า หน่อยสิ...เค้าจะขึ้นไปนอนละ...” ผมสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนพ่อ แล้วเดินกระเผกๆ ผ่านพ่อไป
ก็พอดีกับที่ไฟหน้าบ้านสว่างวาบขึ้น และ ผมก็ต้องถอนหายใจเฮือก เมื่อเห็นคุณนายเดินหน้าตาตื่น ตรงดิ่งมาหาผม
“เค้าไม่เป็นไรหรอกน่าแม่ เค้า ...เค้าเหนื่อย อะเพลียด้วย เค้าไปนอนก่อนนะ” ผมพูดดักคอแม่ ก่อนที่แม่จะพูดอะไรออกมา
แม่หน้าซีดเผือดเลยอะ มองแล้วก็สงสาร แต่ผมไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครจริงๆ พอเลิกขวัญหนีดีฝ่อ ความกลัวเริ่มหด ความเป็นจริงที่ทำให้ผมเกือบฆ่าตัวตายเมื่อกี้ ก็เข้าเกาะกุม ในหัวใจผมอีกครั้ง น้ำตาแทบพังออกมาเลยทีเดียว เลยต้องรีบ ชิ่งหนี ก่อนที่จะมีใครเห็นน้ำตา...
ไม่มีใครตามผมขึ้นมา พอเข้ามาในห้อง ผมก็วางของที่ผมถือติดมือมาด้วย วางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง ส่วนตัวผมก็ค่อยๆทรุดตัวลงไปนั่งลงบนเตียง..ผมยกมือขึ้นกุมขยับด้วยตอนนี้ผมรู้สึกปวดหัวมาก ปวดหัวจนสมองแทบจะระเบิด..
และผมก็รู้สึกแปลกๆเหมือนมีอะไรเหนียวๆ อยู่บริเวณขยับผมนี้เอง จึงค่อยๆเอามือไปลูบๆตรงบริเวณนั้นเบาๆ
“อู้ย เจ็บชิบ” พอมือไปโดนเท่านั้นแหละ ไอโมก็ออกอาการเลยครับเจ็บอะ
พอผมเอามือออกมาดู กำ แหละหัวแตกด้วยเหรอวะเนี๊ยะ เลือดหยดกันเลยทีเดียว..
“หึหึหึ….” และไอโมก็หัวเราะออกมา เบาๆ อย่างสมเพชเวทนาตัวเอง
“ฮือ...ฮึก...ฮือ”ผมล้มตัวนอนลงบนเตียง แล้วร้องไห้ออกมาเบาๆ
วันนี้มันช่างเป็นวันที่หนักหนาสาหัสสำหรับผม มากมายเลยทีเดียว อกหักโดนผู้ชายทิ้ง เกือบเอาชีวิตมาทิ้งเพราะผุ้ชายคนเดียว หัวก็แตก ขาก็เจ็บ ฮือ....
เอามือฟาดเปรี้ยงลงบนที่นอนด้วยความเจ็บแค้นในใจเป็นที่สุด ที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะมึงไม่ใช่เหรอ ไอโม เพราะมึงคนเดียว มึงเป็นคนทำเป็นคนเริ่ม ถ้าเพียงแค่มึง เลิกยุ่งกับไอนัทแค่นั้นเอง เรื่องทั้งหมดมันก็คงไม่เกิดขึ้น ถ้าเพียงแค่มึง มีแค่ไอคิมคนเดียว ไม่โลเล เหตุการณ์แบบนี้ก็คงไม่เกิด ฮือ

“คิม เรา ขอโทษ ยกโทษ ให้เราได้ไหม นายจะทำยังไงกับเราก็ได้นะ ฮือ ....นายจะลงโทษเรายังไงก็ได้ เรา จะไม่บ่น จะไม่ว่านาย เลย...ฮึก คิมยกโทษให้เราเถอะนะคิม ฮือ” ผมพยายามสะกดกั้นเสียงสะอื้นผมให้เบาที่สุด พึ่งรับรู้วันนี้เอง ที่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนเข็มแข็ง แต่วันนี้รู้แล้วว่าผมนั้น ช่างเป็นคนที่อ่อนแอซะเหลือเกิน
ภาพไอคิมกับผมในวัน ส่งท้ายปีเก่า เมื่อปีที่แล้ว ได้ย้อนกลับมาย้ำเตือนจิตใจผมอีกครั้ง ...ผมยอมนะ ยอมให้มันทำโทษผมเจ็บๆดีกว่า ให้มันหันหลังให้ผมและหนีจากผมไปแบบนี้ ฮือ
“คิม คิม..อย่าทิ้งเรา เราขอโทษ...” ผมพร่ำเพ้อถึงมันด้วยจิตใจที่ย่ำแย่สุดขีด
ยิ่งคิดก้อยิ่งเจ็บ ยิ่งเจ็บ ก็ยิ่งร้อง ผมร้องไห้คร่ำครวญเหมือนกับจะตายมันทรมานนะ ทรมานจนไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว ฮือ..ไอความเจ็บที่ผมเป็นอยู่นี้ มันจะหายไหม มันจะหายเมื่อไหร่ ทำไม ทำไมมันถึงเจ็บแบบนี้...
สุดๆแห่งความอดกลั้นจริงๆ ยิ่งผมนึกย้อนกลับไปถึงอดีตครั้งเก่าของผมกับมันมากเท่าไหร่ ความเจ็บมันก็ยิ่งถ่าโถมเข้าสู่หัวใจของผมมากเท่านั้น ผมรู้สึกอึดอัด....ทรมานเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น
และผมก็ได้ร้องไห้โฮ ออกมา อย่างกลั้นไว้ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว ผมร้องไห้คร่ำครวญ อยู่แบบนั้นนอนขดตัวอยู่บนเตียง โดยไม่รับรู้อะไรใดๆทั้งสิ้น รู้แค่ว่า เจ็บ ปวด ทรมาน ....เจ็บ เจ็บเหลือเกิน...ทำไมถึงได้เจ็บแบบนี้
“โม.........!.!”
ในขณะที่ร้องไห้จะเป็นจะตายอยู่นั้น ผมรู้สึกเหมือนมีคนเรียกผม เบา แสนเบา แต่ผมก็รับรู้แค่นั้น แค่นั้นจริงๆ
“โม ลูก โม ทำไมถึงเป็น แบบนี้ ทำไม ลูก ทำไม โมเป็นอะไร” นี้คือเสียงสุดท้ายที่ผมรับรู้ และได้ยิน
เสียงที่คุ้นเคยคำพูดที่อ่อนโยนที่ผมได้ยินอยู่นี้ทำให้สติอันน้อยนิดที่ผมมีอยู่...ทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความรักที่คนที่ดึงตัวผมไปกอดอยู่นี้ถ่ายทอดมาสู่ตัวผม
“ฮือ...พ่อ..เค้า เจ็บ เจ็บจังเลยพ่อ...ฮือ..เค้าจะทำไงดี...เค้าทนไม่ไหวแล้ว...ฮือ..พ่อเค้าเจ็บ...ฮือ” เสียงออนโยนที่ได้ยิน แผ่วๆนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าคนที่กอดผมอยู่แนบอกนี้คือพ่อของผมเอง
แต่ผมก็ไม่รับรู้เลยว่าพ่อ พูดอะไรกับผมบ้าง ด้วยผมเอาแต่ร้องไห้ และ ก็ร้องไห้ แบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่สนใจใคร หรืออะไรใดๆ ทั้งสิ้น ร้องเพื่อที่จะผ่อนปรน ความเจ็บปวดที่มันเกิดขึ้นนี้ให้บรรเทาลงบ้าง แต่ยิ่งร้องก็เหมือนกับจะยิ่งเจ็บ ยิ่งเจ็บ ก็ยิ่ง ทรมาน
“ฮือ...ช่วย เค้า ด้วย ฮือ...พ่อ แม่..เค้าไม่ไหวแล้ว..เค้าเจ็บเค้าอยากตาย เค้าอยากตาย ฮือออออออออออ.”
ผมร้องไห้อย่างหนัก หนักที่สุดในชีวิตผมที่เกิดมาเป็นมนุษย์เป็นตัวเป็นตนบนโลกใบนี้เลยก็ว่าได้....ช่างเป็นความเจ็บปวด ที่เกิน กำลังที่ผมจะต้านทานจริงๆ....
จะว่าไปผมก็รู้สึกนะ รู้สึกว่าพ่อ แม่กำลังพูดอะไรกับผม แต่เป็นเพราะหูผมมันไม่ได้ยิน หรือเพราะผมไม่อยากรับรู้อะไรแล้วก็อาจเป็นได้...คำพูดเหล่านั้นมันจึงไม่ได้ซึมซับเข้ามาในสมองของผมเลย...ซักนิดเดียว.....

********************


โมโม ...Say...  ตอนล่าสุดนี้ค่อนข้างจะเขียนยากนิดนึงครับ
ไม่ใช่อะไรหรอก ตอนนั้น ผมเอาแต่ร้องไห้อะ จำอะไรไม่ค่อยได้หรอก
กว่าจะระลึกชาติได้ ก็ใช้เวลาเรียบเรียง อยู่นานโข
ตอนแรก กะจะโทรไปถามแม่กะพ่อ ว่าตอนนั้นสภาพไอโมเป็นไง คิคิ
แต่มา คิดอีกที เอาเท่าที่จำได้ แล้วกันวะ แฮะ
ขอโทษที่ช้าเน้อ หุหุ
ร้ากกกกกกกกกกกกทุกคนเหมือนเดิม คร้าบ

.........................................................

"ไอโมของไอคิมคร้าบบบบบบบบบบบบบ"   


 
***********************************************

*ป๋อล๋อ..กร๊ากกก... ความโก๊ะ "ลงตอนซ้ำ ซ้างั้นชั้น" ฮ่าๆ   o17
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2007 17:22:31 โดย sun »

sun

  • บุคคลทั่วไป
*******************
*ตอนที่ 55 *

เช้าของอีก 2-3วันต่อมา อาการผมจึงค่อยดีขึ้นครับ ที่บอกว่า 2-3 วันต่อมา เพราะ คืนนั้นไอโมเกิดเป้นไข้ขึ้นมาซะงั้น จนต้องหามกันไปโรงบาล ตอน ย่ำรุ่งกันเลยทีเดียว น่าสงสารตัวเองชิบหายเลยอะ ผมนอนอยู่โรงบาล 2 วัน 2 คืนมั้ง ตอนเย็นของอีกวัน ผมจึงได้ออกจากโรงบาล มานอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน...
เป็นปอดบวมครับพี่น้อง(ก็สมควรหล่ะนะ) บวกกับอาการอ่อนเพลียที่เกิดจากอุบัติเหตุ ผสมปนเปกับขาที่แผลงมันบวมขึ้นมาเลยทำให้กระผมเป็นไข้ รู้สึกตัวเองไมอ่อนแอ งี้ว้า
“เป็นไงบ้างครับ คนดีของพี่” ผมลืมตาขึ้นมาอย่างมึนๆ ก็เจอกับหน้าหล่อๆของไอนัทพอดี
“พี่นัท..” ผมมองหน้าไอนัทอย่างงงๆ เล็กน้อย...
อาจจะเพราะฤทธิ์ยาที่ผมทั้งฉีดทั้งกินเข้าไปเลยทำให้ผมเบลอๆ มาตั้งแต่หลายวันก่อน รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในความฝันตลอดเวลา …

ผมในตอนแรกที่ลืมตามาเห็นหน้าไอนัทก็รู้สึกดีใจอยู่หรอก แต่ก็ต้องหุบแฟ๊บ ลงเมื่อนึกถึง ความเป็นจริงที่มันได้เกิดขึ้นกับตัวเอง...ความเจ็บปวด ความผิดหวังที่ผมได้รับมาตั้งแต่ตอนนั้นตอนที่ไอคิมมันได้เดินหันหลังจากผมไป...ตลอดหลายวันที่ผมนอนซมอยู่ที่โรงบาล ถึงจะบอกว่าเบลอๆ ไม่ได้สติ แต่เมื่อแค่เสี้ยววินาที ที่รู้สึกตัวขึ้นมา สมองผมมันก็จะหวนนึกถึงไอคิมขึ้นมา และผมก็จะร้องไห้ออกมาทุกครั้งไป ร้องจนหลับ ...หลับแล้วก็คิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตัวเองฝันไป แต่พอตื่นขึ้นมาก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้ฝัน ก็จะซึมขึ้นมาอีก...ทรมานดีเหลือเกิน
“พี่จะไม่ถามนะครับ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตาหวานของพี่....” ไอนัทมันมองผมด้วยแววตาอ่อนโยนเหมือนเมื่อ 5 ปีก่อน.ที่ผมกับมันเจอกันครั้งแรกไม่มีผิด เมื่อก่อนเป็นไง ตอนนี้ก้อยังคงเป็นแบบนั้น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยซักนิดเดียว..นี้หล่ะ ไอนัทของผม
“อือ...” ผมครางรับคำพุดของมันเบาๆในลำคอ น้ำตาปริ่มๆที่ขอบตาอีกแล้ว
และพร้อมกันนั้นมือใหญ่ๆนุ่มๆของไอนัทก็ขยับมาลูบเบาๆที่แก้มผม...
“หน้าซีดจังเลยครับ คนดีของพี่..ตาหวานพี่หน่ะ รักตาหวานนะครับ รู้ใช่ไหม” ผมพยักหน้ารับคำมันเบาๆ
“.พี่ใจไม่ดีเลยนะรู้ไหม...อย่าทำแบบนี้อีกรู้ไหมครับ อย่าพูดว่าอยากตายอีกเป็นอันขาด..” รู้สึกสะอึกบ้างเล็กน้อย ..
แต่ก็ดีใจนะที่นอกจากครอบครัวผมแล้ว ก็ยังมีไอนัทอีก 1 คนที่รักและเป็นห่วงผมอย่างจริงใจ แล้วไอคิมเล่ามันจะเป็นห่วงผมบ้างไหม คงไม่หรอก ตอนนี้มันมีอ้อนที่มันต้องคอยเป็นห่วงเป้นใยไม่ใช่ผมอีกแล้ว....
คนเรามันก้อเท่านี้หล่ะ ผมมองหน้าไอนัทผ่านน้ำตาที่ไหลออกจากตา...เมื่อก่อนไอคิมก็พูดแบบนี้ .คำพูดแสนหวานที่กระซิบบอกรักผม ครั้ง แล้วครั้งเล่า รัก ผมมาก รักผมที่สุด ไม่มีวันที่จะทิ้งผมไปไหน มันสัญญากับผมด้วยหัวใจ แต่แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็จบลงง่ายๆ โดยที่ผมไม่ทันได้พูดได้อธิบายอะไรเลย...
..แล้วไอนัทเล่า มันจะเหมือนไอคิมไหม มันจะเปลี่ยนใจจากผม ทิ้ง ผมไปง่ายๆเหมือนไอคิมไหม เมื่อวันนึงมันเจอ ผู้หญิงที่มันถูกใจ มันจะหันหลังให้ผมแล้วเดินจากไปเหมือนกับไอคิมรึเปล่า มันยังจะคอยตามใจ คอยง้อ คอยเอาใจผมแบบนี้อยู่อีกไหมมันจะพูดว่ารักผมที่สุดเหมือนวันนี้รึเปล่า...ผมกลัว..
แค่ไอนัทคนเดียวเท่านั้น คนเดียวจริงๆ ที่ผมไม่อยากเสียไป...แค่มันคนเดียวที่ผมอยากเป็น ที่ 1 และ 1 เดียวของมัน แค่มันคนเดียวที่ผมอยากอยู่ด้วยตลอดชีวิต.....
“ร้องออกมาเถอะครับ ตาหวาน..ร้องให้พอ...ระบายมันออกมาให้หมด...แล้วพรุ่งนี้และวันต่อๆไป ตาหวาน..ก็อย่าร้องไห้ ให้คนอย่างมันอีกนะครับ...” ไอนัทมันมองหน้าผมแววตามันฉายแววเจ็บปวดไม่แพ้ผม ที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่นี้เลย...
ผมขยับมือไปจับมือมันที่ลูบไล้เบาๆอยู่ที่แก้มผมไว้แน่น..แค่มือนี้ที่ไม่อยากให้เปลี่ยนไป.....
....อะ...
และในขณะนั้นเอง หางตาผมก็เหลือบไปเห้น ใครแวบๆอยู่แถวๆประตูห้องผม ที่เปิดแง้มๆอยุ่...
หยุดร้องไห้โดยบัดดล รู้สึกไม่พอใจอย่างไม่มีเหตุผล
“ตาหวาน เป็นอะไรครับ บีบมือพี่ซะแรงเลย” ไอนัทมันยังคงพูดกับผมยิ้มๆ น้ำเสียงอ่อนโยนมากมาย
ไม่ยอมนะ ไอนัทเป็นของกู กูไม่ยกให้ใคร ฮือ..กูจะไม่ยกไอนัทให้ใครอีกแล้วมันเป็นของกู ของกูคนเดียว...
“พี่นัท..ฮึก..พี่รักผมไหม พี่รักผมรึเปล่า..พี่นัท ฮือ...” ผมระล้ำระลักพูดกับไอนัทเสียงสั่นๆ ผมกลัว อะ ผมกลัว กลัว ใครคนนั้น จะแย่งไอนัทไปจากผม
“ถามอะไรอย่างนั้น..รักสิครับ พี่นัท รักตาหวาน รักนายแตงโม คนนี้ที่สุด...พะ..ตาหวาน” ผมผวาตัวเข้าไปกอดไอนัทไว้แน่นก่อนที่ไอนัทจะพูดจบซะอีก
ผมเสียไอคิมไปคนนึงแล้วผมจะไม่ยอมเสียไอนัทไปอีกคนหรอก...ใครหน้าไหนก็อย่าได้หวัง...ถึงจะดูเห็นแก่ตัวไปบ้าง ถึงจะโดนใครว่าใครประณามยังไงผมไม่สน...
“พี่รักผมที่สุด รักผมคนเดียวใช่ไหม ฮึก..พี่จะไม่ทิ้งผมไปเหมือนไอคิม ใช่ไหม พี่สาบานสิ...ฮือ..พี่บอกผมมา สิ สัญญามา” ผมผละตัวออกจากอ้อมแขนไอนัท แล้วบีบแขนมันไว้แน่นมองสบตากับมัน คาดคั้นมันทั้งน้ำตา..
“ตาหวาน...” ไอนัทมันดูตกใจเล้กน้อยกับปฏิกิริยาของผม
“ฮือ...ไม่ว่าพี่จะมีใคร มีผู้หญิงอีกซักกี่คน มีลูกมีเมีย หรือมีใครอะไรก็แล้วแต่...ฮึก..พี่สัญญาได้ไหม..ฮือ..ว่าพี่จะรักผมมากกว่าใคร ฮือ..พี่สัญญาได้ไหม ว่าจะไม่ทิ้งผมไปไหน..พี่นัท ...ฮือ...” ผมมองไอนัทอย่างอ้อนวอน น้ำตายังไหลไม่ยอมหยุด
“ตาหวาน มันแน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ..พี่ รัก ตาหวาน ที่สุด รักมากกว่าใครทั้งหมด รัก รัก รัก..รัก จนไม่มีใจเหลือเผื่อให้ใครแล้ว..เท่าที่ผ่านมานี้ยังไม่พอที่จะพิสูจน์อีกเหรอครับ ว่าพี่รักตาหวานขนาดไหน ไอเรื่องที่พี่จะมีใคร มีลูกมีเมีย หน่ะ โยนทิ้งไปได้เลย..ถ้าไม่ใช่ตาหวาน ชาตินี้พี่ก็ไม่ต้องการใครอีกแล้ว”
“ผมไม่รู้ ผมไม่สน...พี่นัท...ผมรักพี่นะ ฮึก”
“ตาหวาน” ไอนัทมันเรียกผมเบาๆ แล้วจึงค่อยๆดึงผมเข้าไปกอดไว้แนบอก
“พี่รักตาหวานนะ รักมาก อย่างที่พี่บอก ถ้าไม่ใช่ตาหวาน พี่ก็ไม่เ อา ..แต่ถ้าตาหวานต้องการให้พี่สัญญาสาบานอะไรพี่ก็จะทำ ...พี่จะทำทุกอย่างเพื่อตาหวาน ตาหวานของพี่คนเดียว…ฟังให้ดีๆนะครับ...” ไอนัทมันดึงผมออกจากอกอุ่นๆของมัน แล้วจ้องตากับผมเขม็ง
“ไม่ว่า จะอีก 1 ปี 2 ปี 4-ปี 5 ปี หรือ สิบ ยี่สิบปีข้างหน้า พี่จะรัก ตาหวานคนเดียว ถึงพี่จะ มีเมีย มีลูก หรือมีใครอีกซักกี่คน..ตาหวาน จะเป็นที่ 1 และหนึ่งเดียว ของพี่เสมอ ...พี่จะรักตาหวานที่สุด รักยิ่งกว่าใคร ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง จนวันตาย..พี่สัญญา..” ไอนัทมันพูดแล้วก้มลงจุ๊บที่แก้มผมเบาๆ
ผมยิ้มออกมาทั้งน้ำตา แล้วผวาตัวเข้าไปกอดไอนัทไว้แน่น พร้อมกันนั้นผมก็มองไปที่ประตูห้องผมที่แง้มๆอยู่ ผมยังคงเห็นใครบางคนยืนอยู่ข้างหลังประตูนั้น...
เสียใจ ด้วย นะเป้ย...แต่ไอนัท เป็นของกู....ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ เข้ามายุ่ง..
ผมสบตาไอเป้ยอย่างท้าทาย ไอเป้ยที่ตอนนี้เอามือปิดปาก ยืนน้ำตานองหน้าอยู่หน้าประตูห้องผม ช่างเป็นภาพที่น่าสงสารเหลือเกิน แต่ผม ณ ตอนนั้นรู้สึกสะใจมากกว่าจะสงสารนะ ผมไม่รู้หรอก ว่าไอเป้ยมันรู้สึกยังไงกับไอนัท รัก ชอบ หรือ ว่าเกลียด ไม่รู้ด้วยว่ามันร้องไห้ทำไม ผมแค่ รู้สึกหวง เลยแสดง ความเป็นเจ้าของ ออกไปเท่านั้นเอง ...แค่อยากประกาศ ให้ใครก็ตามที่คิดจะมายุ่งกับไอนัทของผม ว่า....ไอนัทมันเป็นของกู ..ใครหน้าไหนอย่าได้เข้ามาแหย๋ม..เท่านั้นเอง......

sun

  • บุคคลทั่วไป
*****************************
“พี่นัท กลับแล้วเหรอเจ้าโม” เสียงนุ่มๆของแม่ได้ปลุกผม ให้ตื่นจากห้วงความคิดที่ กำลังสับสนสุดกำลัง
“..ยังครับ เห็นบอก จะไปส่งเป้ย” ผมตอบแม่ไปอย่างไม่ค่อยพอใจเป้ยซักเท่าไหร่นัก..
เพราะหลังจากที่ผมได้รับคำมั่นสัญญาจากไอนัท และประกาศความเป็นเจ้าของมันออกไปต่อหน้าไอเป้ยแล้วนั้น...ไอเป้ยมันก็หายต๋อมออกจากหน้าประตูผมอยู่เป็นนาน...
จนเมื่อแม่ผมเข้ามาป้อนข้าว ป้อนยาผม จนผมหลับไปอีกรอบ และพอผมตื่น ไอนัทมันก็เข้ามาบอกผมว่า มันจะไปส่งไอเป้ยที่บ้าน....โดยที่ตัวมันก็งงๆ ว่าทำไมเป้ยถึงรีบกลับ ทั้งๆที่ยังไม่ได้เจอหน้าผมเลย....
อืม นั้นสินะ ทำไมกัน ...หึ หรือมันจะอายที่มาได้ยินที่ผมกับไอนัทคุยกัน เอ๊ะก็ไม่น่าใช่ หึ ช่างหัวมันเถอะ แต่ทำไม มันต้องให้ไอนัทไปส่งด้วยหล่ะ ... ให้พ่อผมไปส่งก็ได้หนิ
“ไม่เข้าใจ..ทำไมพี่นัท ต้องไปส่งเป้ย ด้วย...ทำไมไม่ให้พ่อไปส่งหล่ะ....รบกวนพี่นัทแย่” รู้สึกตัวเองไม่พอใจอย่างมากเลยครับ เค้าเรียกหวงจนหน้ามืดรึเปล่าก็ไม่รู้
“ก็น้องเป้ย มากับพี่นัท ไม่ใช่รึไง..หือ..ทำไมจ้ะ..หวงเป้ยเหรอ..แหม๋ หวงกระทั้งกับพี่นัทเลยนะเนี๊ยะ พี่นัท รู้เข้าเสียใจแย่..หึหึ..” แม่ผมพูดยิ้มๆ แล้วเอามือขยี้หัวผมเบาๆ
ปล่าวซะหน่อยแม่ก็ เค้าไม่ได้หวงเป้ยซะหน่อย ที่เค้าหวงหน่ะ ไอนัทต่างหากหล่ะ .....คิดไปก็มองหน้าแม่อย่างเคืองๆ ...
แต่แม่ผมก็หาสนใจผมไม่หล่ะครับ...ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ผมต่อไป.ความจริงหน้าที่นี้เป็นของไอมดอีกเช่นเคย แต่มันแอบหนีไปเล่นกับเพื่อนซะแล้ว แม่เลยต้องมาทำหน้าที่เช็ดตัวให้ไอลูก ชั่วๆ อย่างผม.แทน
“โม..สัญญากับแม่ ได้ไหม...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อไปนี้ โมต้องเข้มแข็ง...แม่..มะ แม่..ไม่อยากเห็นโมเป็นแบบนี้อีกแล้วนะลูก....” อยู่ๆแม่ก็พูดกับผมขึ้นมาเสียงสั่นๆ..แม่ยังเช็ดตัวให้ผมไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำ
ผมก็ได้แต่อึ้ง พูดไม่ออก รู้สึกผิดขึ้นมาจับจิต..สงสารแม่ขึ้นมาจับใจ....พอนึกย้อนไปถึงเรื่องที่ทำให้ผมเหมือนคนบ้า เมื่อ 3-4 วันที่ผ่านมา ก็ทำให้ผมรู้สึกเจ็บหนวงๆที่ใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้..ก่อนหน้านี้ก็ใช่จะหาย แต่เพราะมีไอนัท ผมจึงไม่คอ่ยมีเวลาคิดเรื่องผมกับไอคิมมากนัก และไอนัทมันก็ไม่ได้สะกิดแผลของผมขึ้นมาซะด้วย มันไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมเลย ไม่ถาม ไม่เอ่ยถึง เลยด้วยซ้ำ
แม่ผมก็เหมือนกัน ทั้งพ่อ แม่ น้อง ของผม ทำเหมือนกับว่าคืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมแค่เกิด อุบัติเหตุ และเป็นไข้เท่านั้นเอง ...
“..แม่ ..เค้า...” อยากพูดว่ เค้า ขอโทษ แต่มันพูดไม่ออก...
“แม่ผิด เอง ที่เลี้ยงโมมาแบบนี้ แม่ผิดที่ตามใจโม ผิดที่ทะนุถนอมลูกของแม่มากเกินไป..ฮึก..โมจึงไม่เคยผิดหวัง เสียใจกับเรื่องอะไรเลย จนถึงวันนี้วันที่ลูกของแม่ เป็นหนุ่มเต็มตัว...อายุ 20 ปีเข้าไปแล้ว”
“แต่สำหรับแม่ เจ้าโมของแม่ ก็ยังเป้นเจ้าโม เจ้าตัวเล็กขี้อ้อนของแม่ อยู่เหมือนเดิม...” แม่พูดไป มือก็เอาผ้าชุบน้ำลูบไล้ไปตามแขนขา ของผม

แต่ผมตอนนี้ น้ำตาไหลพรากๆออกมาอีกแล้ว ครับ น้ำตาไหล แต่ไม่มีเสียงสะอื้น ...มันเป็นน้ำตาแห่งความสำนึกผิด ผิดที่ทำให้พ่อแม่ต้องเป็นห่วง ผิดที่ทำให้แม่ ต้องกลุ้มใจ เสียใจ และโทษตัวเอง
“เห็นโม คืนนั้น แล้ว มะ แม่..แม่ ทรมาน..แม่ไม่รู้ว่าโม เป็นอะไร..อยากช่วยแต่ช่วยไม่ได้” แม่หยุดมือที่เช็ดตัวให้ผม แล้วมองหน้าผมจ้องเข้ามาที่ดวงตาของผม น้ำตาแม่คลอเบ้าเลยทีเดียว
“โม..ต่อไป วันข้างหน้า โมต้องเจออะไร อีกมากมายที่เยอะ กว่านี้ มีเรื่องที่โม ต้องผิดหวัง เสียใจ มากมายกว่านี้หลายเท่านัก....โมต้องเข้มเข็ง..นะลูก..” แม่ยิ้มให้ผมทั้งน้ำตา น้ำตาแม่ที่ไหลออกมานั้น ผมรู้สึกถึงความเสียใจ ที่แม่มีต่อผม
“เสียใจได้ ..เศร้าใจได้..ร้องไห้เหมือนคนเสียสติ ทำได้ ถ้าทำแล้วโมสบายใจ...แต่แม่อยากให้โมรักตัวเอง ให้มากกว่านี้..อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้อีกเลยนะลูก..อะไรแม่ก็ทนได้ แต่เรื่องนี้แม่ทนไม่ได้จริงๆ” แล้วแม่ก็สะอื้นฮักๆออกมาต่อหน้าต่อตาผม ผมไม่เคยเห็นแม่เป็นแบบนี้เลย..
ผมไม่รู้ว่าคืนนั้นผมพูดผมทำอะไรไปบ้าง ....ผมรู้แค่ว่า คงเป็นเรื่องที่แม่รู้สึกเสียใจและผิดหวังในตัวผมจริงๆ ไม่งั้นแม่คงไม่มานั่งร้องไห้สะอื้นฮักๆต่อหน้าผมแบบนี้หรอก ...
ผมจึงค่อยๆพยุงตัวขึ้น แล้วสวมกอดแม่ไว้แน่น...อยากบอกว่าขอโทษ แต่ปากผมมันก็หนักซะเหลือเกินอีกแล้ว กับคนที่รักผมมาก และผมก็รักมากมายขนาดนี้ทำไม ก็ไม่รู้ ผมจึงไม่สามารถ พูดคำว่าขอโทษออกมาได้ซักที
“โม..โมตั้งใจขับรถเลยโค้ง ใช่ไหมลูก..ลูกทำแบบนั้นใช่ไหม” ไอโมได้แต่อึ้งครับ พุดไม่ออกกันเลยทีเดียว ...
“แม่จะไม่ถาม ว่าทำทำ ไม ..อะไรที่ทำให้ลูกแม่ คิดสั้น ได้ขนาดนี้..แต่แม่อยากขอร้องโม นะลูก..อย่าทำแบบนี้อีก อย่าบอกว่าโมอยากตาย...”
“โม มีอะไร โมคุยกับ แม่ กับ พ่อได้ นะลูก...พ่อ กับแม่พร้อมจะฟังโมเสมอ..เรามีกันแค่ 4 คน แค่นี้นะลูก..เรามีกันแค่นี้ ถ้าโม เป็นอะไรไป คิดไหม ว่า พ่อแม่ น้อง จะรู้สึกยังไง จะอยู่กันต่อไปได้ยังไง..ฮึก..”

“แค่แม่ เห็นโม ที่เอาแต่บอกว่า เจ็บ ทรมาน อยากตาย แค่นี้ แม่ก็อยากจะเจ็บ อยากปวด อยากจะตายแทนลูกได้อยู่แล้ว...ถ้าโมเป็นอะไรไปจริงๆ แม่จะมีชิวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง”..
“แม่...เค้า ขอโทษ..เค้าจะไม่ทำอีกแล้ว...เค้าขอโทษ..เค้าขอโทษ” และในที่สุดผมก็พูดคำว่า ขอโทษ กับแม่ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ พุดออกมาจากใจ และสาบานกับตัวเอง
ว่า นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะรักตัวเองให้มาก และจะไม่ทำให้ พ่อ แม่ น้อง ต้องผิดหวังและเสียใจกับผมอีก...ชีวิตของผม ไม่ได้เป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว แต่ที่ผมมีชิวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ได้ ก็เพราะครอบครัวของผม ...........
ผมจะอ่อนแอ ไม่ได้..เมื่อใดที่ผมล้ม ผู้คนที่ล้มตามผมก็คือ 3 คนที่อยู่ข้างหลังผมนี้อีกเช่นกัน ไม่มีใคร อื่น …
“เค้า ขอโทษ จริงๆนะแม่..เค้ารักแม่นะ..” แม่เอามือลูบหัว ลูบหลังลูบไหล่ ผมไปเรื่อย อย่างปลอบโยน
เรา สอง คนแม่ลูก กอดกันแน่น เพื่อปลอบโยนซึ่งกันและกัน..เรามีกันอยู่แค่นี้ต้องรักกันให้มากๆ ....เข้าไว้...****
ค่ำวันนั้นหลังจากที่ไปส่ง ไอเป้ย แล้ว ไอนัท ก็ขับรถกลับมาหาผมที่บ้าน คืนนั้นมันก็นอนกับผม นอนที่ห้องผมเตียงผม..และนอนให้ผมซุกอกอุ่นๆ ของมันเช่นเคย...
ผมไม่เป็นไรแล้ว...ผมมีครอบครัวผมที่รักและคอยให้กำลังใจผมอยู่เสมอ และมีไอนัท ที่รักผมอย่างไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ จากผม แค่นี้ แค่คนพวกนี้ ผมก็ไม่กลัว อะไรอีกแล้ว...สำหรับไอคิม...
ทำใจซะเถอะวะโม...ลืมมันซะ....

*******************


"มีความสุขกับการอ่าน นะจ๊ะ อุอุ"     :bye2:

jammy

  • บุคคลทั่วไป
คนเรายามเห็นเเก่ตัวก็น่ากลัวเนอะจะทำร้ายจิตใจให้ก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเพื่อความสะใจของตัวเอง :undecided:

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
เศร้าโคดดดดด สงสารโม

สงสารทุกคนทั้ง คิม นัท เป้ย

ทำไมอ่านแล้วอึดอัดอย่างงี้เนี่ย :sad2:


suregirl

  • บุคคลทั่วไป
อ่านตอนนี้ก็บ่อน้ำตาแตกอีกแล้ว ไมมันเศร้างี้อ่ะ  :m15: :m15: :o12: o7 :sad2:

ปล.มาต่ออีกเร็วๆนะ ไม่อยากขาดตอน กำลังอิน :m17:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :m15:  :m15:  :m15:  :m15:
สงสารโม สงสารเป้ย สงสารนัท
รักแม่โมที่สุด  :m15:  :m15:  :m15:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ทำไมมันดูแล้ว บรรยากาศแย่จังเลยคับ สงสารทุกคนเลยจิงๆ

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
 :impress: :impress: :impress:

อะครับ สงสารเป้ยจังครับ อิอิ

สงสารพี่โมด้วยอะครับ

จะรออ่านนะครับว่าจะเป็นไงต่อไป

 :impress: :impress: :impress:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ CMYK

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
พี่นัท ช่างเป็นคนดีอะไรเช่นนี้ จะใช่คนเดียวกะ พี่นัทดุ๊กดิ๊ก แห่งบ้าน เอเอฟ 4 รึ๊เปล่าน๊า
คุณโม เองน่าจะลองนึกในทางกลับกันว่า คิม ก็คงจะเสียใจแค่ไหนวันที่เห็น โม ไปกะพี่นัท น่ะ


ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
โอ่ ช่างยอดเยี่ยม เจ็บปวดเข้าไปถึงกระดูกดำ
 :a6: :a6: :a6: :a6: :a6:

เมื่อคิดจะทำมัน ก็อย่าเสียใจในสิ่งที่ได้ตัดสินใจไปแล้ว
 :m21: :m21: :m21: :m21:

ชีวิตของเราเคยคิดที่จะให้ กับคนที่เขารักเราบ้างไหม

อย่าพึ่งคิดว่าเราจะได้อะไรจากเขา ถามตัวเองว่าได้ให้เขาบ้างหรือยัง

 :a1: :a1: :a1: :a1: :a1:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

..............เป้ยนะเป้ย.........ไม่น่าไปเห็นภาพนี้เลย..........

.............สงสารเป้ยจัง....... :o12: :o12: :o12:

sun

  • บุคคลทั่วไป
o14   มาคุยกันก่อนดีกว่าโนะ   o14

"ขอบคุณทุกคนที่เข้ามา รีฯ ให้โม น๊า..."
ใกล้แล้วล่ะ อีกตอนเดียวก้อตามทันที่โมลงแล้ว...
ทีนี้ ก้อ  ทวง ทวง ทวง...ก่าโม แย้วกันนะ คิคิ    :m23:

แต่ วันนี้  ขี้เกียจโพส........................อ้าว   :o

แหะๆ    :try2:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
จะทันแล้วเหรอ  ดีจัง  จะได้อ่านต่อที่นี่  :a2:

ซินอ่า  มาโพสจิ  จะได้ทันไวๆ 555   :m4:

ออฟไลน์ しろやま としんや

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +921/-157
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ไม่รู้จะเม้นต์ยังไงดี เลยได้แต่

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
 :sad2:  สงสารเป้ยย

sun

  • บุคคลทั่วไป
*ตอนที่ 56*

ผ่านปีใหม่ มาก็หลายเดือน จวนเจียน จะถึงเดือน เมษา อยู่ มะรอม มะร่อ...ผมหลังจากที่เกิดอาการเฮิร์ทหนักอยู่พัก ใหญ่ กว่าจะทำใจได้ก็ใช้เวลานานโข
หลังจากวันนั้นผมก็อยู่ที่บ้านจนถึงปีใหม่ พอปีใหม่เสร็จผมถึงได้ลงมาอยู่ ที่ กรุงเทพ กลับมาเรียน กลับมาทำงาน
ไอเป้ยดูเปลี่ยนไปมาก ไม่ร่าเริงเหมือนเดิม แต่ผมก็หาสนใจไม่...ด้วยรู้สึกหวงๆไอนัทอยู่...ตัวมันก็คงรู้ เพราะ ดูท่ามันจะพยายามห่างๆไอนัทเข้าไว้ จนไอนัทยังรู้สึก แต่ก็แค่นั้น ไอนัท มันก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
ช่วงนี้ไอนัทใกล้จบแล้ว และมีบริษัทแห่งนึง ติดต่อให้มันไปทำงานด้วย...ตอนนี้มันก้อสบายใจไปเปราะนึง ที่ไม่ต้องไปเดินหางานเหมือนชาวบ้านเค้า แต่ มันก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายหรอกครับ เห็นบอกจะไปสอบเข้าทำงานที่ สายการบินแห่งนึง
แต่ช่วงนี้มันขอทำโปรเจค ก่อนจบให้เสร็จก่อน เค้าเรียกอะไรก็ไม่รู้ไอโมก็จำไม่ได้เหมือนกันแฮะ...
สงกรานต์ผ่านไป...ครบรอบ หนึ่ง ปี ที่ผมกับ ไอคิมเลิกกัน...นึกถึงทีไร ก็เจ็บแปล๊บๆที่ใจทุกครั้ง....ผมยังคงรักมันอยู่ ..รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง(นั้นซะงั้น)....
สำหรับผมกับน้องเต็มที่น่ารัก ก็ยังคบกันอยู่เหมือนเดิม มันก็มาค้างที่บ้านผมบ่อยๆ ...น้องเต็มเป็นหนุ่มขึ้นมาก ตัวสูงใหญ่กว่าผมแล้วด้วย กำจริงๆ..........
แต่มันก็ยังโดนผมเอา อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแหละ แต่พักหลังๆมานี้ เห็นมีสาวๆ ตามกรี๊ดตามกร๊าด กันให้ผม หัวใจกระตุกเล่น อยู่บ่อยๆ ....
******************
และในที่สุด วันที่ผมรอคอยก็มาถึง นั้นก้คือ
วันที่ไอนัทเรียนจบ และมันได้ย้าย ข้าว ย้าย ของ มาอยู่ กรุงเทพ แถวๆ ดอนเมือง ..มันปฏิเสธบริษัทที่เค้าติดต่อมันให้ไปทำงานด้วย มัน ตกงานอยู่ พักใหญ่ๆเลยนะ มันเอาแต่เที่ยว และก็เตรียมตัวสอบเข้าทำงานที่สายการบินต่างๆ มากมาย ที่มันหวัง และอยากที่จะทำ...ทั้งสายการบินไทยเทศ มันลองหมด........
โดยมันไม่ได้สนใจที่จะสมัครเข้าทำงานที่อื่นเลย ทั้งๆที่บริษัท ที่เค้าติดต่อมันไว้ตั้งแต่แรก เค้าก็ยังให้โอกาสมันอยู่นะ..แต่มันก็โคตร หยิ่ง แฮะ ไม่หรอก ผมว่ามันเป็นคนมั่นคง และยึดมั่นกับความหวัง และความฝันของตัวเองมากเลยนะ มันบอกมันชอบมันอยากทำงาน นี้ แบบนี้ และมันจะทำให้ได้...อืม...
และมันก็ทำได้ครับ มันได้ทำงานกับสายการบินแห่งนึง ของไทย หรือของเทศไม่บอกนะจ้ะ แฮะ....
และผมก็หอบเสื้อผ้าของผมไปจับจองอยู่ที่ห้องมันเป็นตู้เลยทีเดียวแฮะ...ไปนอนค้างอ้างแรมกับมันบ่อยๆอ้า..แหม๋นะก็ของมันเคยๆ คิคิ
ชิวิตผมก็ยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ ความสัมพันธิ์ของผมกับเป้ยก็ดีขึ้น และกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมแล้ว แต่มันก็ยังพยายามรักษาระยะห่างของมันกับไอนัทไว้เหมือนเดิม(จริงๆตอนนั้นไม่รู้หรอก พึ่งมารู้ตอนหลังแฮะ) ผมกับน้องเต็มก็ห่างๆกันบ้าง ด้วยน้องเต็มมันก็มีงานมีกิจกรรมอะไรที่โรงเรียนที่ต้องทำมากมาย เล่นบาส ให้โรงเรียนด้วย ไม่เก่งหรอกครับ อาศัย ว่าตัวสูง และหน้าตาดี เอาไว้ดึงดูดสาวๆแค่นั้นเอง(อันนี้คิดเองอะหึหุ)
******************************
วันนึงหลังจากสอบเสร็จ วันสุดท้าย ผมได้นัดเพื่อนๆ ไว้ที่หน้าตึกบริหาร..รู้สึกว่าจะเป็นสอบซ่อม ของเทอม หนึ่ง มั้ง จำไม่ได้ว่าเดือนไหน แต่จำได้ว่า ลงทะเบียนเรียนภาค 2 และ ซัมเมอร์นี้ ผมก็จะจบแล้ว ถ้า สอบผ่านหมดทุกตัวนะ รู้สึกจะเหลือ เกือบๆ 10 ตัว ราวๆนั้น..
ผมนั่งรอเพื่อนๆ ที่ริมสระน้ำของรามฯ ตรงหน้าตึกบริหารอะ จอดรถไว้ที่หน้าตึกด้วยแหละ แฮะ
หลังจากที่นั่งรอเพื่อนอยู่ใต้ต้นไม้ เล้กๆ ข้างสระน้ำ ให้อาหารปลา ให้อาหารเต่า จนมันอิ่ม จนจะอ้วกอยู่แล้วนั้น สายตาผมก็มองแว้บๆ เหมือนเห็นคนรู้จัก เดินต้วมเตี้ยม ๆ อยู่แถวๆ หน้าเสาธงริมสระน้ำอีกด้านนึง ใกล้ๆกับที่ผมนั่งคอยเพื่อนอยู่
แต่เจ้าหล่อนไม่ได้มองผมเลยซักนิด ทำท่าเหมือนกับ คอย ใครอยู่อย่างนั้นแหละ
ส่วนตัวผมก้อได้แต่มอง เพื่อให้แน่ใจว่าใช่เธอจริงๆรึเปล่า..ถ้าใช่โลกมันจะกลมเกินไปไหม..
สาวผมยาวคนเดิม...ใส่เสื้อนักศึกษาสีขาว มีตราพ่อขุนติดอยู่ที่หน้าอก กระโปร่งแบบจีบรอบตัวที่ใส่อยู่ กับรองเท้าผ้าใบสีขาว คู่เล็กๆทำให้เธอดูแปลกตา และสวยขึ้นเป็นกอง เป็นสาวเต็มตัวแล้วสินะ....
และผมก็แน่ใจแล้วด้วยว่าใช่เธอจริงๆ อ้อน อ้อนจริงๆ...แค่เห็นหน้า ก็เจ็บแปล๊บ ทำให้นึกถึงใครบางคนขึ้นมาตะหงิดตะหงิด
แต่เจ้าตัว ยังคงไม่ได้เหลือบแล มาทางผมอยู่ดี...ผมอ้อนยาวมั๊กมาก ยาวจนถึงสะโพกเลยมั้ง...โดนลมพัดปลิวไสว เลยทีเดียว สวยขึ้นจริงๆด้วย ขาวขึ้นอีกต่างหาก..เฮ้อ..ว่าแต่ ทำไมถึงมาเป็นลูกพ่อขุนได้หล่ะ...ตอนนั้นได้ยินคุยกันว่าจะเรียนต่อ ที่ ม.ภาค ไม่ใช่เหรอ...
รอใครนะ รอ เพื่อน รอ แฟน..รอแฟนเหรอ..ไอคิมรึเปล่า คิดได้ดังนั้น ใจผมก็เต้นโครมคราม โครมครามหล่ะครับ...ทั้งอยากเจอและไม่อยากเจอ...นานแล้วสินะ นานแล้ว ที่ผมไม่ได้เจอหน้าไอคิมเลย ไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียง ได้ยิน แต่ข่าวคราว มันบ้าง บางครั้ง บางคราว จาก ไอปอด์น ไอตี้ ไอโย ไอแซนแค่นั้นเอง...แต่พวกมันก็ไม่ได้พูดอะไรมากหรอก ด้วยเกรงใจผม
และผมก็รู้สึกว่า ไอปอด์นมันจะเคืองๆอะไรไอคิมอยู่ ฟังจากน้ำเสียงอะนะ รู้สึกจะทะเลาะกันอยู่พักนึงมั้ง...
และผมก็เห็นว่าอ้อนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพานที่คล้องไหล่เล้กๆของอ้อน อยู่ และมีโทรศัพท์ติดมือมาด้วย ผมได้ยินอ้อนคุย กับใครบางคน ท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก..
หน้าบูดหน้าบึ้ง เหมือนเตรียมตัวจะอาละวาดไม่มีผิด ผมที่นั่งดูอยู่ เกือบๆ 5 เมตร ยังรู้สึกหนาวแทน คนที่อยู่ปลายสายเลย.อะ..
พออ้อนวางสายผมก็เห็นอ้อนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เลย แล้วเธอก็เดินคอตกจากริมสระไป..ผมรีบลุกขึ้นอย่างด่วนๆ แล้วก้าวขายาวๆตามอ้อนออกไป ไม่รู้เหมือนกัน ว่าตัวเองตั้งใจจะทำอะไรกันแน่...
ติ๊ดตี่ ดี้ ดี้ ติ๊ด ตี่ ดี่ ดี้
“ครับ” หลังจากที่ผมค่อยๆเดินตามอ้อน ย้อนกลับมาที่ตึก vkb (น่าจะใช่ชื่อนี้นะ จำชื่อตึกบ่ได่) โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นเบาๆ
*เฮ้ย มึง อยู่ไหนวะ ไอโม พวกกูมาถึงแล้วเนี๊ยะ* ไอแน๊ต ครับ ส่งเสียงตะโกนโหวกเหวก มาตามสาย เซ็งมันชิบ
“เออ แม่ม มาช้า แล้วยังเสือก บ่นอีกนะมึง..รอกูอยู่ตรงนั้นแหละ ทำธุระ แป๊บ เด๋วไป..แค่นี้นะ” แล้วผมก็กดวางสายไป แล้วเดินตามอ้อนไปห่างๆ..
กำ แล้วผมก็เห็นอ้อนเดินเลี้ยว เข้า ห้องน้ำหญิงไป ผมจึงต้องจำใจ นั่งรออ้อนอยู่แถวๆ ห้องน้ำนั้นแหละ คิดว่า พอเจ้าตัว ออกมาจะเดินเข้าไปทักทันที....
ผมนั่งรออ้อน อยู่หน้าห้องน้ำไม่นานเท่าไหร่ครับ ผมก็เห็นอ้อน ก้าวขาฉับๆ ออกมาจากห้องน้ำอย่างกระฉับกระเฉง
“อ้อน...” ต้องเอาเสียงเข้าว่าก่อนเลยครับ บอกตรงๆตอนนั้นก็ได้แน่ใจ 100 เปอร์เซ็นหรอกครับว่าเป็นอ้อน กลัวหน้าแตกอะ
“อ้าว...แตงโม..ว่าไง โหยโลกกลมมากเลยอะ” อ้อนยิ้มให้ผมตาหยี๋เลยทีเดียว น่ารักอะ แฮะ...
“เนอะ นั้น ดิ...เป็นไงบ้าง สบายดีปะ..” ผมถามอ้อนไปเบาๆ แล้วเอามือดึงแขนอ้อนมานั่งตรงม้าหิน ที่ผมจับจองไว้เมื่อครู่
“อือ..เรื่อยๆอะ..” อ้อนเบ้ปากยักไหล่ แล้วหย่อนก้นลงนั่งตรงข้ามกับผม
“แล้วโม อะ..แหม๋ ดูดิ ..จะกี่ปี กี่ชาติ ก็ไม่เปลี่ยนเลยนะนายเนี๊ยะ ยังดู badboyไม่เปลี่ยนเลย นะ” อะนะ ก็ไม่รู้ว่าชมหรือด่าผมอะนะ กำ จริงๆ ไอโมก็ได้แต่ยิ้มแหย๋ๆ ให้อ้อนเท่านั้น่แหละครับ เจอไปดอกนึงแล้วกู..
“เหรอ” ตอบได้แค่นี้ แล้วก็ทำหน้าจ๋อย แดก ตามระเบียบครับ ยังไงผมก็ยังแพ้ทางอ้อน อยู่ดี แพ้ หน้าซื่อๆ นี้จริงๆให้ตาย..
“หึ ล้อเล่นน่า..แต่ก้จริงนะ คิคิ..ฮ่าๆ..อย่าทำหน้าตา น่าสงสารแบบนั้น ดิ คิคิ...” แฮะ อ้อนยังพูดและยิ้มตาหยี๋ ให้ผมเหมือนเดิมเฮ้อ..ผมก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก
แล้วต่อจากนั้นผมกับอ้อนก็คุยอะไรกันมากมายก่ายกอง ความขุ่นข้องหมองใจของผม ที่มีต่ออ้อนเมื่อคราวก่อนได้หายไปหมดสิ้นแล้ว ครับ เพราะผมได้สำเนียกแล้วว่า อ้อนไม่มีความผิดอะไรเลย...อ้อนไม่รู้เรื่อง อ้อนไม่รู้อะไรเลยซักนิด ไม่ถุกต้องแน่ๆ ถ้าผมจะโกรธและเกลียดอ้อน...
และผมกับอ้อนก็ได้อัปเปหิตัวเองไปอยู่ที่ร้านนมสด เพียงร้านเดียว ที่มีอยู่ในรามฯ ร้านตรงโรงอาหารอะ..ติดกับร้านขายสาระพัดกล้วยอะ อิอิ...และผมก็ได้โทรบอกไอพวกนั้นให้ตามผมมาที่ร้านนมด้วย...
“โมอะ..วันนั้น ทำไมคออ่อน จังเลยอะ..อ้อนกับ อะ..แฮะ คิม เป็นห่วงแทบแย่.” ผมแทบสำลักนมสดที่นั่งกินอยู่นี้เลยอะครับ..เงยหน้าจากแก้วนมสดขึ้นมองอ้อนอย่างอึ้งๆ เสียวแปล๊บๆที่ใจอีกแหละ เฮ้อ
“เห็นคิม บอกว่า ปกติ โมไม่คออ่อนแบบนี้หนิ...เออ..เป็นเพื่อนกันนานแล้วเหรอ กับพวกคิมอะ..” อ้อนถามผมหัวคิ้วชนกันเลยทีเดียว
แหม๋ ทำไมมันวกมาเรื่องนี้ได้วะเนี๊ยะ ความจริงก่อนหน้านี้ผมกับอ้อนยังคุยกันเรื่องอื่นหนุกหนานหัวเราะกันอยู่เลยครับ ไหงเข้ามาเรื่องนี้ก็ไม่รู้ กำจริงๆ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยนะ อ้อนเนี๊ยะ ชิ
“ก็ไม่หรอก ... ถามทำไมเหรอ....” ผมพยายามพูดยิ้มๆ อย่างไม่ต้องการให้อ้อนจับพิรุจ ในตัวผมได้..
“เหรอ..ก็พอเห็นโม โดนไอวิทย์ หิ้วปีก ออกไปอะ..ไอ.. เอ่อ..คิมอะ เค้ารีบตามโมออกไปทันทีเลยนี่นา...ท่าทางจะเป็นห่วงมาก...” คำพูดน้ำเสียงของอ้อนดูธรรมดาครับ ..แต่ผมอะเริ่มระแวงแหละ รู้อะไรมาปล่าววะ
แต่เจ้าตัวพูดไปดูดนมในแก้วไป หล่ะครับ ไม่ได้สนใจเล้ย ว่าใครเค้าจะรู้สึก ยังไงกับคำพูดตัวเอง...แถมพุดแล้วยังยิ้มตาหยี๋ ทำหน้าไร้เดียงสาใส่ผมอีกแหนะ..เฮ้อ...(ใครจะไปรู้ว่าหน้าซื่อๆงี้หน่ะร้าย อย่าบอกใคร หึหึ...)
“เหรอ ก็คงเหมือนอย่างที่อ้อนพูดแหละ ปกติ เราไม่เคยเมาเร็วขนาดนี้หน่ะ ...เอ่อ. อืม....คิมก็คงจะรู้สึกแปลกใจหล่ะมั้ง” กว่าจะบังคับตัวเองให้พูดชื่อไอคิมออกมาได้ ไอโมก็แทบแย่ครับ...
“อือฮึ คงงั้นมั้ง...อืม จะว่าไป หลังจากคิมเดินไปส่งโมกับไอวิทย์กลับมาอะ..จ๋อยสนิทเลยนะ นั่งยังกะส้วมซึม ..ไปทำอะไรให้คุณชายท่าน เจ็บช้ำน้ำใจรึเปล่าอะ หึหึ” อ้อนพูดแล้วหัวเราะหึหึ หยึย สยองมากมาย
“หึ..ขนาดนั้นเลยเหรอ...แฟนตัวเองไม่ใช่ไง..ทำอะไรให้เค้าไม่พอใจรึเปล่าหล่ะ เหอๆ” ฝืนหัวเราะสุดกำลัง ทั้งที่ใจ กำลังร่ำไห้...ไม่อยากพูดถึงมากนักหรอก แต่ไม่อยากให้อ้อนผิดสังเกตุ
“เฮ้ย....คิดไงวะมึง ไอโม..ชวนพวก กูมาแดกนมเนี๊ยะ....เข้ากะหน้าพวกกูมากเลยนะมึง..เฮ้อ..สั่งนมกินดีกว่ากู..” อะ อ้อนยังไม่ได้อ้าปากตอบผมเลยครับ
ไอพวกเพื่อนชั่ว ของผมก็มาพอดี พอมาถึง ก็เห่าหอนทันที…ทั้งผิดหวังและโล่งอก ในคราวเดียวกันที่ผมกับอ้อนต้องยุติการสนทนาเรื่อง อันว่าด้วยเรื่องของไอคิม เศร้า
“เฮ้ย ไอแน๊ต มารู้จักกับเพื่อนกูก่อน ...นี้อ้อน เพื่อนกู” ผมเอาตีนถีบ ก้นไอแน๊ตเบาๆทีนึง แล้วแนะนำมันให้อ้อน รู้จัก
“อะ..ดีคร้าบ ขอโทษนะครับอ้อน...แฮะ พอดี ไม่เห็นอ้อนอะ...โทษคร้าบ..นมอีกแก้วนะครับผมเลี้ยง ออ ผมแน๊ตนะครับ” ไอแน็ตมันพล่ามอะไรของมันไปมากมาย และมันก็ทำหน้ากรุ่มกริ่ม ใส่อ้อนสุดฤทธิ์..
“ ค่ะ อ้อน ค่ะ ยินดีที่รู้จัก..แต่ไม่ต้องมั้งค่ะ พอแล้วหล่ะค่ะ อ้อนอิ่มแล้ว” อ้อนพูดยิ้มๆ ท่าทางขำๆ กับท่าทางของไอแน็ตมัน
“โอ๊ะ ..เอาเถอะครับ ไม่เป็นไร..ถ้ากินไม่หมด ผมช่วยกินก้อได้ครับ แฮะ” อานะ ชั่ว แถมยังทำหน้ากระลิ่มกระเลี่ยใส่อ้อนไม่เลิกอีกอะมัน
“เฮ้อ..ช่างมันเถอะ อ้อน เออ อ้อน นี้ ไอเต๋า ..นะ เด็กคณะวิทย์อะ. เต๋านี้อ้อน เพื่อนกู เรียนที่โรงเรียนเดียวกัน.” ผมแนะนำให้อ้อนรู้จักกับไอเต๋า พี่เมียผมเองคิคิ..ฮ่าๆ..มันรู้ว่าผมแอบเรียกมันแบบนี้ในใจ คงแทบอยากกระโดดกัดหูผมกันเลยทีเดียว
อ้อน กับ ไอเต๋า ยิ้มให้กันนิด แล้วพยักหน้าให้กันเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำอะไรทุเรศทุรัง อย่างไอแน๊ตมัน ชิ
และหลังจากนั้นพวกผม 4 คนก็นั่งคุยกันจนเย็นนู้นแหละครับผมถึงได้ขับรถไปส่ง เพื่อนๆทั้ง 3 คนของผม ตอนแรกก็กะจะไปฉลองสอบเสร็จเหมือนกันแหละครับ แต่ว่านะ มีแค่ผมคนเดียวเองอะดิที่สอบเสร็จวันนี้ แฮะ เพื่อนๆผม ยังสอบไม่เสร็จกันเลยอะ หุหุ
และวันนี้ผมก็ได้รู้เพิ่มเติมอีกว่า อ้อนพักอยู่ที่หน้ารามนั้นแหละ ในซอย 53 อืมใกล้ดีจังสะดวกดีด้วย..และที่สำคัญอ้อนพักอยู่คนเดียว...เห็นอ้อนบอกว่าไม่มีเพื่อนที่เรียน ปวส.ด้วยกันมาเรียนรามเลยซักคน ออ อ้อนเรียน ประชาสัมพันธิ์นะค่ะ คณะบริหารนั้นแหละ..
จากที่คุยกันตั้งแต่ บ่ายโมง จนเย็นย่ำ พระอาทิตย์ตกดินตอนนี้ ผมรู้สึกว่าอ้อน ต้องมีเรื่องบาดหมางอะไรกับพวกเด็ก มข.พวกนั้นแน่ๆ มันแปลกนะ ในขณะที่อ้อน พูดเรื่องไอคิมได้ฉอดๆ แต่ไม่เอ่ย ถึง อีก 4 คนที่เหลือเลย..ทั้งๆที่ตอนนั้นผมก็เห็นว่า อ้อน สนิทกับไอปอด์นและก็เพื่อนคนอื่นๆ ของไอคิมอยู่มากโขทีเดียว แต่ก็แค่นั้นแหละ มันเป็นแค่คำ ถาม ที่ไม่ต้องการคำตอบจากผม เพียงคนเดียว.........


sun

  • บุคคลทั่วไป

เอาล่ะ ในที่สุด  ก้อลงทัน  ที่โมโพสแย้ว ฮ่าๆ    :laugh:  :laugh:  :laugh:

ส่วนตอนสั้นจุ๊ดจู๋...เอาไว้ก่อนนะจ๊ะ โฮ่ะๆ    :laugh3:


 :m3:    ตอนนี้มีช่วงจับผิดโมแล่ะ เอิ้กๆ ใคร หาเจอก่อน ...(เด๋วไปร๊าบรางวัลก่าโมเอานะ)  คิคิ     :m3:


ป๋อล๋อ*.... จริงๆโม มันพิมพ์ผิดอ่ะ เอิ้กๆ  แต่ไม่แก้ให้หรอก มายังไงก้อลงยังงั้น กร๊ากกกกก....ก    :laugh5:


 :m4:    :m1:    :m4:    :m1:    :m4:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
 :impress: :impress: :impress:

อะครับ ต้องมีไรสักอย่างแน่ๆๆเลย

แปลกๆๆครับ หรือว่า อ้อนกับ คิม มะได้เป็นแฟน กัน อะครับ

ปอร์น ก็ยังนิสัยน่ารักและดีกับพี่โม เสมอเลยนะครับ

แล้ว คิมอะ ครับเป็นไงบ้างก็มะรู้ครับ

ต่อด่วนๆๆครับผม

 :impress: :impress: :impress:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด