***************************/
*ตอนที่ 48 ผมใช้ชีวิตหนุ่มโสด ของผมได้อย่างคุ้มค่า สุดๆ จนเรียกได้ว่า ได้กำไร ก็เป็นช่วงนี้แหละครับ
ตื่นเช้ามา(ก็ไม่เช้าหรอก) กับอาการมึนหัว จากการแฮ้ง ดื่มน้ำแป๊บซี่เข้าไปหน่อย พอให้ค่อยยังชั่ว เข้าห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน วันที่ไม่มีเรียนก็ไปออฟฟิศ ตอนนี้ผมไม่ได้ออกสนามเหมือนเมื่อก่อนแล้ว รับผิดชอบดูแลในส่วนของออฟฟิศซะเป็นส่วนมาก คนที่ออกต่างจังหวัดแทนผมคือไอเก่ง เด็กสร้างของน้ากิตเค้า ..แต่มันจะออกได้ก็ตอนมันปิดเทอมเท่านั้นแหละครับ
ชีวิตของผมก็เป็นแบบนี้อยู่ทุกวัน บางวันไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองนอนอยู่ไหน แต่ก็มีความสุขดีนะ จากวัน เป็นเดือน และเกือบจะปี ที่ผมกับไอคิม จะเรียกได้ว่าเลิกกันก็ได้ ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้วหล่ะ ไม่ทุรนทุรายเหมือนตอนแรกๆ แต่เวลาอยู่คนเดียว ผมก็จะคิดถึงมันแทบทุกครั้ง และก็จะเกิดอาการปวดตุ๊บๆที่ใจอยู่ตลอด ผมคงไม่เลิกรักมันง่ายๆ อย่างที่ใจผมคิดซะแล้วหล่ะ
ฉะนั้นผมจึงพยายามทำสมองของผมไม่ให้มันว่าง ผมทำนั้นทำนี้อยู่ตลอดเวลา ตอนกลางคืน ก็หาคนมานอนด้วยเพื่อคลายเหงา และทุเลาอาการป่วยทางใจ ที่ไม่มีวันหายนี้บ้าง จนมันติดเป็นนิสัย
“โม เย็นนี้มึงไปเตะบอลกับพวกกูมะ” ไอเต๋ามันส่งเสียงทักทายผมมาก่อนที่ตัวมันจะเดินมาถึงผมซะอีก
“อือ ก็ดีเหมือนกัน เบื่อหว่ะ” ผมพูดแล้วดึงบุหรี่มาจากมือมัน แล้วสูดเอาควันดำๆ เข้าปอดตัวเองไป
ผมดูดบุหรี่ที่แย่งมาจากมือไอเต๋า ด้วยอาการที่เรียกว่าเซ็งสุดขีด ผมกับมัน มองหน้ากันอย่างไม่รู้จะพูดอะไรกันดี..อยู่ที่หลังตึกคณะวิทยาศาสตร์ ตรงนี้เป็นที่โล่งๆเล็กๆครับ มีบอร์ดติดประกาศคะแนน เรียงรายกันอยู่ ความจริงมันไม่มีที่นั่งหรอกครับ แต่ผมไปลากเก้าอี้พังๆ แถวๆนี้มานั่งผ่อนคลายอารมณ์หน่ะ
“แล้วไอพวก บริหารมันไปไหนกันหมด มึงถึงได้มานั่งถอนหายใจเฮือกๆ ที่คณะกูเนี๊ยะ” มันพูดแล้วหยิบบุหรี่ตัวใหม่ในกระเป๋ากุงเกงมันออกมาจุดสูบ
เผาปอดกันเป็นว่าเล่นเลยครับพวกผมเด๋วนี้ เมื่อก่อนนานๆที1 ปีหลังมานี่ชักจะถี่แล้วเหมือนกันครับไอโม ถ้าจะผ่าปอดผมออกมาดู มันคงเริ่มเป็นจุดกระดำกระด่างแล้วหล่ะครับ อีกไม่นานคงได้ที่ เป็นปอดอบควันกันเลยทีเดียวเหอๆ
“ไปหา ผัว หา เมีย พวกมันสิวะ คนไม่มีคู่อย่างกู ก็ต้องมานั่งหง่าว ถอนหายใจอยู่คนเดียวนี่หล่ะ หึ” ผมพูดแล้วส่ายหน้าหัวเราะขื่นๆประชดชีวิตตัวเอง
เฮ้อ ไอสุดหล่อเอ้ย หล่อมากนะมึง หล่อแล้วทำไมไม่มีแฟนวะ เหงาชิบหาย หรือกูจะลองมีแฟนกับเค้าจริงๆจังๆซักคนหว่ะ หึ ก็ได้แต่คิดอะนะ
“พูดซะน่าสงสารเชียวมึง ..”มันพูดแล้วพ่นควันบุหรี่สีขาวออกทั้งทางปากและจมูก ซึ่งผมกับมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันหรอกครับ แข่งกันเผาปอดเป็นที่หนุกหนาน
จนสาวๆ ที่นั่ง ทอดอารมณ์(หรือทอดสะพานก็ไม่รู้) อยู่แถวนั้น ต้องปัดตูดเดินหนีไปให้ห่างจากพวกผม กันเลยทีเดียว กลายเป็นตัวสังคมรังเกียจไปซะชิบ
“กูว่า มึงอย่ามีเลยหว่ะ แฟนหน่ะ อยู่เป็นโสดเป็นเพื่อนกูหน่ะดีแล้ว และถ้ามึงอยากจะมีแฟนจริงๆนะเว้ย บรรดาคู่ขามึงหน่ะ เลือกเอาซักคน หึหึ” มันพูดแล้วหัวเราะเยาะผมอะครับ
พูดซะเห็นภาพเลยมึงคู่ ขา เฮ้อ ก็เป็นคู่ขา กูจะเอามาทำแฟนทำแบ้ อะไรวะ หาสวยใส ไร้สติ ดีๆซักคนมาควงจะไม่ดีกว่าเหรอ
“คู่ ขา ก็คือ คู่ขา แฟนก็คือแฟน แยกแยะหน่อยดิวะมึง...”ขยับเข้าไปใกล้ๆหน้ามันยักคิ้วให้มันทีแล้วพ่นบุหรี่ ใส่หน้ามัน
“ปะ ไปได้แล้ว นั่งซะรากงอกเลยนะมึง เฮ้อ ออกกำลังกายกลางแจ้ง ก็ดีเหมือนกันหว่ะ พักนี้ แม่ม เล่นแต่กีฬาในร่ม กูหล่ะเพลีย ดูดิ ตัวกูซีดหมดหล่ะ หึหึ” ผมพูด แซว ตัวเองอย่างขำๆ แล้วลุกขึ้น เดินไปข้างหน้า โดยไม่หันหลังมามองว่าไอเต๋า มันจะทำหน้ายังไงที่ได้ยินคำพูดของผม
“ไอเจี้ย” ผมได้ยินเสียงมันให้พรผมแว่วๆ ขอบใจที่ชมเหอๆ
************************/
เตะบอลก็คงจะเตะกันเย็นๆนู้นแหละครับ แต่ตอนนี้ผมกับไอเต๋า ก็ได้ไปทอดฮุ่ย นั่งแดก MK กันที่เดอะมอลล์บางกะปิ กันซะก่อน สั่งมาซะยังกะไปกันซัก 10 คน พอเด็กเสิร์ฟ เอาหญ้า เอ้ย ผัก และอาหารต่างๆที่พวกผมสั่งไปมาเสิร์ฟ ผมกับมันก็แย่งกันกินยังกะ วิญญาณปอบ เข้าสิงห์เฮ้อ ไปตายอดตายอยากมาจากไหนฟะ ตู
พออิ่มจนหญ้า เอ้ย ผักต่างๆแทบจะไหลย้อนกลับทางเก่าแล้ว ไอเต๋ามันก็ชวนผมไปบ้านมันก่อน เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า มาเตะบอลตอนเย็น นัดกับพวกไอแน๊ต ไว้แล้วเรียบร้อยครับ ผมก้อโอ อะนะ เพราะถ้าขืนผมขับรถกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านผม ก็คงเป็น ทุ่ม 2 ทุ่ม นู้นหล่ะผมถึงจะได้เตะ แล้วดึกขนาดนั้นจะให้ผมไปเตะกับผีเฝ้าสนามรึไงหล่ะครับ แฮะ
พอพูดถึงเรื่องเตะบอล ผมก็คิดถึงไอพวกเด็ก มข.ขี้นมาอีกจนได้อะครับ คิดถึงไอคิมจัง เฮ้อ...ไอโมเศร้า...คอตกกันเลยทีเดียวครับ
“มึงเป็นไรของมึงอีกเนี๊ยะ อยู่ๆ ก็ทำหน้าปวดขี้..” ไอเต๋ามันถามผม มันคงเห็นผมทำหน้าทุกข์ระทมมากมายอะครับ มันถึงได้ถามผมแบบนี้ ว่าแต่ว่ากูทำหน้าปวดขี้ จริงหรือหว่ะ
บ้าจี้ครับ ชะโงกหน้าไปส่องกระจกส่องหลัง เพื่อมองดูหน้าตาอันหล่อเหลาของตัวเองซะงั้น
“ฮ่าๆๆ มึงหนิ ฮา ชิบหายเลยหว่ะไอโม ฮ่าๆๆ” และไอชั่วเต๋า มันก็หัวเราะผมซะยังกะญาติมันเสียงั้นแหละครับ
แม่ม ขำให้ตายไปเลยนะมึง มองมันอย่างเคืองๆครับ ถ้าไม่คิดว่ามึงเป็นเพื่อนหนุ่มโสดในฝันคนเดียวของกูที่เหลืออยู่นะ กูยันแม่ม ตกรถกูไปแหละ เนรคุณ ชิบหายเลยมึง อยู่บนรถกูแท้ๆ ยังเสือกหัวเราะกูอีก ชั่วเอ้ย
“ฮ่าๆ เฮ้ย เลยทางเข้าบ้านกูแล้ว...ถอยๆๆๆ ฮ่า” ไอเต๋าแม่มยังหัวเราะผมไม่ยอมหยุดครับ
“นี้มึงขำ ทำบ้าอะไรของมึงนักหนาวะเนี๊ยะ..ญาติฝ่ายไหนมึงตายเนี๊ยะ หัวเราะยังกะได้มรดก ชั่ว” และมันก็โดนไปอีก 1 ดอก
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ” และมันก็ยิ่งขำผมมากกว่าเดิมอีกครับ
เออ ดีนะมึง นี้กูด่ามึงนะ ไม่ได้มาเล่นตลก คาเฟ่ให้มึงดู ไอเวร รูนี่ เอ้ย ไม่ใช่ ไอเวรรรร ตะไร...
และพอผมถึงบ้านมัน มันก็ลงรถผมไป หัวเราะไปอะครับ ผมหล่ะเบื่อ แอนด์ เซ็งมันจริงๆ ผมจอดรถไว้หน้าบ้านนั้นแหละครับ บ้านมันเป็นทาวเฮาร์อะครับ ซองจอดรถก็ไม่ได้กว้างอะไร ผมขี้เกียจถอยรถ เข้าออกอะ
ผมเดินเข้าบ้านมันแล้วสอดส่ายสายตามองนั้นมองนี่ไปตามเรื่อง ปกติ ผมเคยมาส่งมันแค่หน้าบ้านครับ จอดรถแล้วมันก็เดินเข้าบ้าน บางทีก็จอดให้มันลงที่ปากซอยอะแหละ ถ้ามันไม่เมาอะนะ ไม่เคยเข้ามาในบ้านมันเลยซักครั้ง เดียว เหอๆ บ้านเพื่อนคนอื่นผมไปนอนค้างอ้างแรมมาแทบจะทุกห้องทุกบ้านแล้วครับ เหลือแต่บ้านมันที่ผมไม่กล้า
แฮะเพราะผมรู้มาว่ามันอยู่บ้าน หลังนี้ กับ ครอบครัวป้ามันอะครับ หุหุ ไอโมเลยเกรงจายอะครับ
“คนที่บ้านมึงไปไหน กันหมด วะ บ้านเงียบ ชิบ” ผมถามมันแล้วเดินตามหลังมันต้อยๆ เข้าไปในบ้าน
“ถามโง่ๆ เค้าก็ไปทำงานทำการกันซิวะ แม่ม โง่ นะมึงเนี๊ยะ” มันพูดไปส่ายหน้าไป โดยไม่หันมามองสีหน้าผมเลยซักนิด
ไอชั่วหลอกด่ากู ฮึ่มๆๆ โง่ๆ อย่างกูเนี๊ยะ ก็เคยทำให้ผู้ชายหลงรักจนหัวปักหัวปำมาแล้วหล่ะ วะ ฉลาดๆ อย่างมึงทำได้ไหมหล่ะ ผม แช่งชักหักกระดูกมันอยู่ทางเบื้องหลัง กะว่าถ้ามีเวลาอีกซักหน่อย จะเผาพลิกเผาเกลือแช่งมันไปด้วยจะได้ เห็นผล แสบร้อนทันตาเห็น แต่ด้วยไม่มีเวลาก็เลยต้องทำท่าฮึ่มๆใส่มันอยู่นี้แหละครับ
จนผมเดินตามมันจนมันเปิดประตูห้อง ห้องนึง แล้วเดินเข้าไปนั้นแหละครับ มันถึงได้หันหน้ากลับมาพยักหน้าให้ผม ผมจึงต้องปรับสีหน้า ผมให้มันเข้าที่เข้าทาง ไม่ให้มันจับได้ว่าผม กำลังเล่นคุณไสย์ ใส่มันอยู่
แล้วมันก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของมัน จากนั้นก็ดึงๆทึ้งๆ อะไรต่อมิอะไรออกมา เหวี่ยงลงบนเตียง
“อะ มึงใส่กางเกงตัวนั้นแหละกัน” มันบอกแล้วยื่นกางกงมาให้ผม
ผมมองกางเกงบอลตัวย้วย ที่ถืออยู่ในมือ ย้ำว่าย้วย แม่ม อนาถแท้ชีวิตกู...เฮ้อ แต่ทำไงได้หล่ะครับ มาอาศัยเค้าจะเรื่องมากก็ไม่ได้ ผมจึงรูดซิบกุงเกงยีนที่ผมใส่อยู่แล้วดึงพรวดลงจนถึงตีนนู้นแหละครับ ไอเต๋าพอมันได้ชุดที่มันจะใส่แล้ว มันก็ไม่ต่างกับผมเท่าไหร่ ก็ไม่รู้จะอายอะไรกันอะนะ ผู้ชายเหมือนกัน ...
พอผมนึกอะไรบางอย่างได้ ผมก็เงยหน้าขึ้นมองไอเต๋ามัน หลังจากที่ผมสาละวนกับการ ถอดเสื้อผ้าอยู่พักนึงแล้ว
ผมมองไอเต๋า ตั้งแต่หัวจดเท้า ไอเต๋า มันไม่ได้เหลือบแลมามองผมเลยซักนิด มันจึงไม่รู้ว่าขณะนี้ผมได้สำรวจรูปร่างมันไปแล้วเรียบร้อย ไอเต๋ามันสูงพอๆ กับผม ผิวมันคล้ำๆ หน้าตามันออกคมๆ หุ่นบางๆเหมือนกับคนใต้ทั่วไปนั้นแหละ แต่มันก็ถือว่าหุ่นดีใช้ได้
ตอนนี้มันอยู่ในสภาพ เปลือยกายล่อนจ้อนมีเพียงกุงเกงในสีขาวบางๆเท่านั้นที่ปิดบังน้องน้อย(ที่ไม่น้อย) ของมันอยู่เท่านั้นเอง
แปลกนะ ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับการที่มีผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาดีคนนึงมายืนแก้ผ้าอยู่ต่อหน้าต่อตานี่เลย ...ผมยืนมองไอเต๋ามันพลางสมองก็คิดหล่ะครับ กูเป็นเกย์ไม่ใช่เหรอ ทำไมหล่ะ เป็นเกย์ถ้าเห้นผู้ชายมายืนแก้ผ้าล่อตาล่อใจ แบบนี้มันน่าจะเกิดอาการอะไรบ้างสิ แต่นี่ไม่เลย ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลย หรือว่า กูหายแล้ว(กำครับคิดงี้จริงๆ)
“เฮ้ย กู กลัวนะ มองกูซะตาหวานเยิ้ม เลยมึง” ไอเต๋า มันพูดขึ้นมาเสียงดัง โวยวาย
ทำให้ผมหลุดออกมาจากความคิดคำนึงของตัวเอง ไอเต๋ามันมองหน้าผมอย่างหวาดๆ ที่ทำให้ผมรู้ว่า แม่ม มันแกล้งทำ ชั่ว
“เออ ยังกะกูจะพิศวาสมึงนักหนิ ...กูก็แค่คิดว่า คนตัวดำๆ อย่างมึง ตรงนั้นมันจะดำรึเปล่าวะ เท่านั้นแหละ” ผมพูดพลางยักไหล่ ยึกๆ
“มึงอยากดูปะ” และมันก็ยักไหล่ยึกๆให้ผมเหมือนกัน
ผมมองหน้ามันอย่างเอือมระอา แล้วหันหน้าหนีมันอย่างไม่สนใจใยดีมันนัก ผมได้ยินมันหัวเราะเหอๆในลำคอ
“เหอๆ กูก็นึกว่าอยากจะดูปืนใหญ่” แล้วมันก็หัวเราะชอบอกชอบใจของมันอยู่คนเดียว
ผมเซ็งจัดแต่ก็ไม่รู้จะว่าอะไรมันดี...พอใส่เสือ้ผ้าเสร็จ ผมก็หยิบเสื้อและกางเกงยีนส์มาถือไว้ในมือ แล้วเดินหนีมันออกมาที่ห้องรับแขกรอมัน
พอมันแต่งตัวเสร็จก็เดินตามผมออกมา พอผมเห็นมันก็ลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะได้ไปกันซะทีอะครับ
พอไอเต๋ามันเอื้อมมือจะไปเปิดประตูบ้านเท่านั้นแหละครับ ประตูบ้านก้อถูกกระชากออกจากคนที่อยู่ด้านนอก
“อ้าว..ไอเต็ม เลิกเรียนแล้วรึมึง หรือว่า โดนเรียนอีกแล้ว” และทันทีที่ประตูเปิดออก
ไอเต๋ามันก็เอ่ยปากทักใครบางคนที่ยืนอยู่ประตูอีกด้าน ด้วยภาษาใต้ สุดฤทธิ์ แต่ผมก็ยังอุตสาห์ไปฟังเค้าพูดรู้เรื่องอะนะ รู้ไปหมดจริงๆเลยกู
“จะอะไรก็ช่างผมเถอะน่า” พร้อมกับเสียง แปร่งๆที่ดังขึ้น ผมก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยความสนใจผู้มาใหม่
“หึ โดด เรียนบ่อยๆ ระวังเถอะมึง แม้แต่ ม.4 มึงก็จะไม่จบ คงได้ซ้ำชั้นกันอีกปี..” ไอเต๋ามันพูดท่าทางซีเรียส ต่างจากทุกทีโดยสิ้นเชิง
“พูดมากน่า” ไอคนที่ไอเต๋าเรียกว่าเต็ม นั้นพูดออกมาด้วยคำพูดที่ไม่ใคร่จะพอใจซักเท่าไหร่นัก
“เออ..ช่างแม่ม ชีวิตมึง...ถ้ากูไม่เห็นว่ามึงเป็นน้อง...กูจะไม่ยุ่งกับมึงเด็ดขาด..ไอเด็กเจี้ย” ไอเต๋าน้ำเสียงมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับไอเด็กนั้นซักเท่าไหร่ครับ
เฮ้ยๆ ฮาโหลๆ ฮาโหล โปรดทราบ จะทะเลาะอะไรกัน หรือจะฟาดปากกัน ช่วยเกรงใจแขก รับ เชิญ อย่างกูนิดนึงนะ กูไม่ว่างจะมาเป็นกรรมการห้ามมวยให้ใครหรอก ชั่ว
“ไอโม..ปะ ไปกัน..” ไอเต๋า มันเรียกผมพร้อมกับที่สายตาผมตะวัดขึ้นไปมองหน้า ไอเด็กที่ชื่อเต็มนั้น
อาโปรดยืนไว้อาลัย ให้กับไอโม 1 วิ....
โอ้...มายบุดดา .....น่ารักชิบหายวายวอดเลย เด็กเจี๊ย อย่างที่ไอเต๋ามันว่าจริงๆ เจี้ย มากๆ ไ อเด็กเจี้ยยยยยยยยยยยยยยยย........
โดนครับ มันโดน ...อา..สงสัยกูยังไม่หายเป็นเกย์ แน่ๆเลย ..........ใจเต้นตุบๆเลยครับ ไอโม และไอเด็กนั้นก็หันมาสบตากับผมพอดีเหมือนกัน..น้องเต็ม(น้านเปลี่ยนสรรพนามซะงั้น) จ้องตากับผมไม่ยอมหลบเลยครับ อ้า..อย่ามองพี่แบบนั้นน้องใจพี่ละลายยยยยยยยย...........
...แม่ม ขาวตี๋อินเตอร์แบบนี้ ซาเป๊คไอโมเลยโอ้ มายก๊อดดดดดดดดดด ชอบ ๆๆๆๆๆๆๆนี้คือเสียงร่ำร้อง จากหัวใจดวงน้อยๆ ของไอโม คิคิ ******************************
*บันทึกลับ กระต่ายน้อยสีชมพู ของนายโมใกล้จะเริ่มต้นแล้วล่ะ คิคิ*