(เรื่องสั้น) "Secret of Love" By Sake แจ้งข่าวค่ะ หน้า14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) "Secret of Love" By Sake แจ้งข่าวค่ะ หน้า14  (อ่าน 238291 ครั้ง)

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
เอาแล้วเว่ย
ศึกชิงนาง เอ้ย! ชิงนาย จะเริ่มขึ้นแล้วครับท่านผู้ชม
พี่ตรีมันมีอะไรแปลกๆว่ะ
สงสัยจะต้องวางแผนงาบน้องวาลย์ของเราแน่ๆเลย
รักยมลูกแม่ ดูแลน้องวาลย์ดีๆนะ
อย่าให้ใครมารังแกได้ล่ะ เข้าใจมั้ย
ฮ่วย!!!ไม่มีใครน่าไว้วางใจสักคนนึง
 o22

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
พี่ขรรค์สิคะ แน่นอนกว่า
สามารถทำให้น้องวาลย์หลงรักได้
โดยไม่ต้องใช้มนต์สเน่ห์ใดๆ
 :-[

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ชอบค่ะ เรื่องนี้แหวกแนวดี
คุณ sake ก็เขียนได้น่ารักน่าชังมาก
ขอบคุณคนโพสมาก ๆ ค่ะ ได้อ่านผลงาน
น่ารัก ๆ ต่อเนื่อง

bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
พี่ขรรค์ ก่อนเทรน วาลย์ ไปเทรน สองจุกให้แข็งแรงหน่อยดีกว่า ท่าทางจะต้านพี่ตรีไม่อยู่...

อ่านแล้วสนุกอ่ะ พล็อตเรื่องแปลกดี...ชอบๆๆ o13

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3

สงกานต์ระทึก


เสียงผู้สื่อข่าวแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ให้ผู้ชมทางบ้านฟังเจื้อยแจ้วไม่ทำให้ผมกลับไปสนใจมองจอโทรทัศน์ตรงหน้า ยังคงตั้งหน้าตั้งตาจัดเสื้อผ้าใส่เป้อย่างขมักเขม้น ก็ทำไมผมต้องสนใจด้วยล่ะในเมื่อพรุ่งนี้ผมก็จะไปเที่ยวแบบนั้นแล้ว

แค่คิดผมก็หุบยิ้มไม่ลง รีบยัดข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดใส่เป้โดยเร็วแล้วกระโดดขึ้นเตียงนอน ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวอย่างมีความสุข พรุ่งนี้พี่ขรรค์จะมารับไปเที่ยวภูเก็ตแต่เช้า ขับรถยนต์ไปกับเพื่อนอีกสองคน แค่คิดก็ตื่นเต้นจนข่มตาหลับไม่ลงแล้ว

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่หัวเตียงก่อนที่ผมจะคิดเตลิดเปิดเปิงไปถึงไหนต่อไหนเรียกรอยยิ้มได้อีก ก็เวลานี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากสุดที่รักของผมเอง

“ยังไม่นอนอีกเหรอวาลย์ พรุ่งนี้ต้องไปไกลแล้วจะเพลียนะ” เสียงทุ้มอ่อนโยนจากปลายสายยิ่งทำให้ผมยิ้มไม่ยอมหุบหนักขึ้นไปอีก ถ้าพี่ขรรค์รู้คงว่าผมบ้าแน่ๆ

“ถ้าให้วาลย์นอนแล้วพี่ขรรค์โทรมากวนทำไมล่ะ ไม่งั้นวาลย์หลับไปแล้วนะเนี่ย” ผมตอบยี่ยวนกวนบาทาไปแบบเสแสร้ง ทำให้ได้ยินเสียงพี่ขรรค์หัวเราะมาจากปลายสาย

“โอเคๆพี่ผิดเอง ก็กลัวว่าวาลย์จะทำโน้นทำนี่จนลืมเวลาเลยลองโทรมาดู ถ้านอนแล้วก็หลับซะ พรุ่งนี้พี่ไปรับหกโมงครึ่งนะ”

“ครับ” ผมลากเสียงยาว “ฝันดี แล้วก็รักนะ จุ๊บๆ” ผมทำเสียงจูบใส่โทรศัพท์แล้วรีบวางสาย รู้สึกแก้มร้อนวูบๆก่อนคว้าหมอนข้างมากอดแนบแน่น

คิดผิดหรือเปล่านะที่ชวนเจ้าสองคนนั้นไปด้วย แทนที่จะไปกันสองคน ความจริงผมก็ไม่เกี่ยงหรอกแม้จะรู้สึกเขินๆอยู่บ้างหากไปกันตามลำพัง แต่พี่ขรรค์เป็นฝ่ายแนะนำให้ผมชวนเพื่อนไปด้วยจะได้ครึกครื้น เลยไม่ขัดศรัทธาชวนไอ้เอกับไอ้ไม้เพื่อนร่วมก๊วนที่กลัวผีขี้ขึ้นสมองเหมือนกันไม่มีผิดไปด้วย ส่วนไอ้กริชอดไปตามระเบียบเพราะไม่ถูกชะตากับพี่ขรรค์แล้วจะชวนมันไปทำไมจริงมั้ย ผมคิดอะไรไปเพลินๆอีกครู่เดียวก็ผล็อยหลับไปจนเช้า


เสียงรถยนต์มาจอดหน้าบ้านเป็นเวลาเดียวกับที่ผมลากกระเป๋าเป้ลงมาชั้นล่างพอดี พี่ขรรค์เข้ามายกมือไหว้แม่ก่อนพยักหน้าบอกให้ผมเตรียมตัวออกไปเลย ผมจึงเข้าไปหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่แล้วตามพี่ขรรค์ออกไปด้วยความรู้สึกสดชื่นระคนตื่นเต้นที่จะได้เดินทางไปเที่ยวไกลๆแบบนี้ครั้งแรก

พวกผมแวะไปรับไอ้เอและไอ้ไม้ที่บ้าน พอรวมตัวกันได้ก็นกกระจอกแตกรังดีๆนี่เองครับ

“พี่ขรรค์เมื่อยบอกนะครับ ผมรับไม้ขับต่อให้” ไอ้ไม้ชะโงกหน้าฉีกยิ้มเห็นฟันสามสิบสองซี่ให้คนขับ

“ดีเลย ขับรถไกลๆแบบนี้มีคนมาเปลี่ยนจะได้ปลอดภัย” พี่ขรรค์ยิ้มตอบไอ้ไม้ที่ดูจะมีประโยชน์ก็คราวนี้เอง ไอ้นี่ขับรถไว้ใจได้ ส่วนไอ้เออย่าหวัง แม้แต่จักรยานมันขี่เป็นรึเปล่ายังไม่รู้เลย

มันกลัวเจ็บพอๆกับกลัวผีนั่นล่ะ

“ไม่รู้ไปถึงแถวเพชรบุรีร้านขายขนมหม้อแกงจะเปิดขายยังเนอะ แม่กูบอกให้ซื้อกลับไปฝากด้วย” ไอ้เอที่นั่งตูดยังไม่ทันร้อนก็พูดถึงเรื่องกินซะแล้ว

“ซื้อตอนนี้กว่าแม่มึงจะได้กินก็ราขึ้นล่ะ” ผมหันไปพูดกับไอ้เอ

“ไอ้บ้า กูจะซื้อกินเอง ขากลับค่อยซื้อไปฝากแม่ กูไม่ปัญญาอ่อนขนาดนั้นหรอกไอ้วาลย์”

ผมหัวเราะเมื่อเห็นไอ้เอทำปากจู๋ “แต่มึงจะกินขนมแต่เช้าเลยเหรอวะ แสบไส้ตายชัก”

“กูชอบ เรื่องของกูเหอะ มึงอย่ามาขอกูกินละกัน”

“หม้อแกงกูไม่กิน แต่เม็ดขนุนกูชอบ มึงอย่าลืมซื้อมาด้วยนะ” ผมยักคิ้วให้เพื่อน ไอ้เอเลยประเคนหมัดใส่ต้นแขนผมพอให้เจ็บๆคันๆ

“แล้วทานข้าวเช้ากันมารึยัง” พี่ขรรค์ถามแต่ตายังมองถนนตรงหน้านิ่ง

“ยังเลยพี่ ยังเช้าอยู่ ไว้หิวแล้วค่อยแวะกินก็ได้ ไม่เน้นข้าวเน้นขนมครับ” ไอ้เอหัวเราะร่าตอบ

“มึงคนเดียวสิ” เสียงของผมและไอ้ไม้ประสานเป็นหนึ่งเดียวจนพี่ขรรค์เหลือบมองแล้วอมยิ้มให้ผมหน้าร้อนวูบ

พวกผมขับรถกันไปแวะซื้อขนมตามริมถนนทานกันไปอย่างสนุกสนาน แม้รถตามท้องถนนจะมากเพราะเป็นช่วงเทศกาลแต่ความเร็วในการขับก็ดีทีเดียว แบบนี้เย็นๆก็ถึงที่หมาย คิดอีกทีชวนเจ้าพวกนี้มาด้วยก็เข้าท่าดีเหมือนกัน ขืนให้ผมมากันตามลำพัง ผมคงเอาแต่นั่งปาดน้ำลายมองหน้าหล่อๆของพี่ขรรค์ท่าเดียว โม้กันไปกินกันไปเผลอแป๊บเดียวก็เที่ยงซะแล้วเลยแวะทานข้าวกลางวันที่ชุมพร จากนั้นพี่ขรรค์ก็เปลี่ยนให้ไอ้ไม้มาขับแทน

พี่ขรรค์ชวนผมมานั่งเบาะหลังด้วยกัน รถออกตัวไปตามทางขึ้นๆลงๆของถนนทางใต้พักใหญ่พี่ขรรค์ก็ดูจะวางใจในฝีมือขับรถของเพื่อนผม ค่อยผ่อนแผ่นหลังแตะพนักแล้วหันมาพูดด้วย

“เมื่อยมั้ย”

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบพร้อมส่งยิ้มหวานตาเชื่อมไปให้ พี่แกเลยยกมือมาขยี้ศีรษะจนผมยุ่ง

“หนังท้องตึงหนังตาหย่อนเชียว”

“เด็กกำลังโตก็แบบนี้ล่ะพี่”

ผมยิ้มทั้งๆที่ตาจะปิดแต่หูก็ได้ยินเสียงไอ้เอปากหมาแขวะลอยลมมาให้ได้ยิน

“เด็กโข่งสิมึงอะ”

ผมไม่ต่อล้อต่อเถียงแต่เอาเข่ากระแทกเก้าอี้นั่งจนไอ้เอสะดุ้ง ก่อนจะผล็อยหลับไป ตื่นมาอีกทีก็เห็นพี่ขรรค์กลับไปนั่งขับเหมือนเดิม แสงแดดเริ่มอ่อนแรงลงมาก ผมขยับตัวแก้เมื่อย

“ตื่นแล้วเหรอ” พี่ขรรค์เหลือบมองผมพยักหน้าให้ จากนั้นหันมองไอ้ไม้ซึ่งยังหลับสนิทข้างผม ส่วนไอ้เอมันนั่งหลับคอตกกรนเบาๆอยู่เบาะหน้า

“เดี๋ยวรอเพื่อนๆตื่นค่อยแวะหาอะไรทานนะ หรือว่าหิวแล้ว”

ผมส่ายหน้า “อีกไกลมั้ยพี่ขรรค์”

“อีกสองชั่วโมงได้”

“งั้นไปทานที่โรงแรมเลยก็ได้ อยากถึงเร็วๆจัง”

“เมื่อยแล้วล่ะสิ”

“ประมาณนั้นล่ะ” ผมยิ้มรับเสียงอ่อย การนั่งรถนานๆมันแย่แบบนี้นี่เอง แล้วคนขับจะเหนื่อยขนาดไหนกัน ผมมองซีกหน้าของคนรักด้วยความรู้สึกเห็นใจ และพี่ขรรค์ก็เหมือนนกรู้แอบส่งสายตากรุ่มกริ่มมาให้

“พี่ก็เมื่อยอยู่เหมือนกัน คืนนี้วาลย์นวดให้พี่หน่อยนะ”

ความหมายกินนัยทำเอาผมหน้าร้อน ก่อนยิ้มเก้อพยักหน้ารับ

นวดก็นวดสิ แต่นวดแผนโบราณนะ ไม่ใช่อาบอบนวดป้ายแดง

ค่ำๆพวกผมก็มาถึงโรงแรมที่พักซึ่งดูแล้วก็หรูหราโอ่โถงอยู่ไม่น้อย ขนาดไม่ใช่ห้าดาวนะเนี่ย จัดการเช็คอินเสร็จเรียบร้อยพวกผมก็รีบหาข้าวใส่ท้องทันที เพราะทุกคนลงความเห็นแล้วพร้อมใจกันหิ้วท้องมาทานที่นี่ จัดการกับอาหารจนอิ่มหนำสำราญก็ถึงเวลาขึ้นไปพักผ่อน พี่ขรรค์ส่งกุญแจห้องพักให้ไอ้เอ ก่อนจูงผมตามหลังไป แสดงว่าผมนอนกับพี่ขรรค์ ไอ้เอนอนกับไอ้ไม้

หย๋า...ใจเต้นตุบๆเลย ไอ้อยากก็อยากอยู่ แต่กลัวใจยังไงพิกล

ผมแอบมองหน้าพี่ขรรค์แวบหนึ่งแล้วก้มลงเมื่อรู้สึกสองแก้มอุ่นขึ้นมากะทันหัน ก็พี่แกเล่นจ้องมาอยู่ก่อนแล้ว แถมอมยิ้มแปลกๆให้อีกต่างหาก

หรือว่าคืนนี้จะต้องเสียตัวแล้วก็ไม่รู้...

“ถึงห้องแล้วเหม่ออะไรอยู่ล่ะวาลย์”

เสียงพี่ขรรค์ดังมาจากไกลๆดึงสติที่เตลิดเปิดเปิงของผมให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ผมรีบส่ายหน้าทันที มือเก้ๆกังๆเสลูบศีรษะตัวเองเก้อๆที่คิดอะไรไปไกล

“ตื่นเต้นอยู่เหรอ?” พี่ขรรค์กระซิบข้างหูทำเอาผมขนลุกไปทั้งตัว

“พี่ก็เหมือนกัน” ไอ้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆนั่นก็ทำให้ผมอยากต่อยคนรักซักหมัดสองหมัด

ล้อเลียนอยู่ได้!

ผมถูกดุนเข้าไปภายในห้องหลังพี่ขรรค์ไขกุญแจเสร็จ และไม่รอให้ประตูปิดสนิทเสียก่อนผมก็ถูกประกบปากทันที

อะไรมันจะร้อนแรงแต่หัววันอย่างนี้...

“อืม...” ปลายลิ้นร้อนดุนดันหยอกเย้าจนผมครางหวิว ก่อนตัดใจออกแรงผลักอีกฝ่ายเบาๆ “พอแล้ว”

พี่ขรรค์อมยิ้มมองผมหน้าแดงเรื่อ หากยอมผละออกแต่โดยดีแล้วจับจูงกันเข้าไปสำรวจภายในห้องพัก ผมลองเปิดโน้นดูนี่จนทั่วแล้วจึงทรุดตัวนั่งบนขอบเตียงพร้อมพี่ขรรค์

“วาลย์อาบน้ำก่อนมั้ย”

“พี่ขรรค์ก่อนก็ได้ ขับรถมาเหนื่อยๆ”

พี่ขรรค์ไม่ตอบกลับเขยิบเข้ามาชิด ใบหน้าคมคายเคลื่อนเข้ามาติดหน้าผมแล้วเอ่ยเสียงราวกระซิบ

“ถ้าวาลย์ยอมช่วยพี่อาบก็คงหายเป็นปลิดทิ้ง”

ลมหายใจอุ่นร้อยเป่ารดใบหน้าทำเอาผมหน้าร้อนซู่ กอปรกับคำพูดสองแง่สองง่ามที่ตั้งแต่เดินทางมาดูพี่ขรรค์จะหยอดไม่เลิก ผมเลยเริ่มรู้สึกวางตัวไม่ถูก

อาการอึกๆอักๆของผมอยู่ไม่นานพี่ขรรค์ก็กดริมฝีปากลงบนขมับชื้นเหงื่อแรงๆ “ขอโทษ พี่ล้อเล่น วาลย์ทำตัวตามสบายเถอะ” พี่ขรรค์วางมือใหญ่บนหลังมือผมเบาๆ “ไว้ใจพี่มั้ย?”

ผมมองคนรักยิ้มอ่อนโยนแววตาไม่วอกแวกให้รู้สึกมั่นใจแล้วจึงพยักหน้า พลางนึกอยากเขกกะโหลกตัวเองนัก เพราะเวลาเอาเข้าจริงกลับไม่กล้า

คนมันกลัวเจ็บนี่! เห็นอยู่ชัดๆว่าต้องรับบทอะไร ถ้าให้รุกก็ว่าไปอย่าง!

“งั้นวาลย์ไปอาบน้ำก่อนเถอะ”

ผมพยักหน้าขยับตัวลุกไปรื้อกระเป๋า แต่เปลี่ยนใจก้มลงหอมแก้มพี่ขรรค์ก่อนเผ่นแนบคว้าเสื้อผ้าเข้าไปยังห้องน้ำ ทิ้งมือยาวคว้าได้แต่อากาศ

“เดี๋ยวเหอะ ยังจะมายั่วกันอีก”

เสียงบ่นลอยลมทำให้ผมอมยิ้ม อาบน้ำอย่างสบายอกสบายใจ ไม่เห็นท่าทางอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในฉับพลัน ก่อนเดินไปเปิดประตูตรงระเบียงแล้วออกไปภายนอกหายลับเข้าไปในความมืดสลัว


“พะ...พี่!” ผมตกใจเมื่อออกจากห้องน้ำมาก็เจอร่างสูงใหญ่ยืนรออยู่หน้าประตู ที่ไหล่มีเสื้อพาดไว้ แววตาคมกล้าเปล่งประกายระแวดระวังก่อนหายวับไปอย่างรวดเร็วแล้วคลี่ยิ้มละไม

“อาบนานจัง” พี่ขรรค์ไม่พูดเปล่า ยืนมือมาคว้าเอวผมเข้าไปประชิดแล้วก้มลงสูดกลิ่นหอมใกล้ซอกหู ผมหดคออย่างจั๊กจี้

“ก็มันร้อนนี่ พี่ขรรค์นั่นล่ะรีบเข้าไปอาบเลย เหม็น” ผมแสร้งทำจมูกย่นแล้วรีบแกะมือใหญ่ออกจากเอวพลางดันเข้าไปภายในห้องน้ำ

“เดี๋ยว...” พี่ขรรค์คว้าข้อมือไว้แน่น ทำให้ผมจ้องตาอย่างสงสัย “อย่าแอบไปไหนในที่เปลี่ยวๆล่ะ”

นึกว่าอะไร ผมลอบถอนหายใจใส่คนขี้ห่วง หากก็พยักหน้าตอบ พอพี่ขรรค์ปิดประตูผมก็เดินไปทิ้งตัวนอนบนเตียงนุ่ม ฟังเสียงน้ำไหลซู่ๆพลางยกยิ้มมุมปากอย่างมีความสุข ผมหลับตานิ่งคิดถึงไอ้เพื่อนยากอีกสองคน ไม่รู้พวกมันจะเป็นยังไงบ้าง นอนกลิ้งไปกลิ้งมาสองตลบแล้วจึงลืมตาเหล่มองประตูห้องน้ำที่ยังปิดสนิท

คงอีกซักพักกว่าจะเสร็จ แอบไปดูไอ้สองคนนั่นแป๊บหนึ่งคงไม่ว่าอะไรหรอก

ผมคิดอย่างชะล่าใจเดินออกจากห้องโดยไม่นึกถึงคำเตือนของคนรักแม้แต่น้อย


“ไอ้เอ” ผมเคาะประตูไม่นานไอ้เอก็เปิดประตูรับผมด้วยรอยยิ้มฉีกแทบถึงหู “อาบน้ำแล้วเหรอ?” ผมถามทั้งๆที่เห็นหัวมันเปียกน้ำ

“เออ กูเพิ่งอาบเสร็จ”

เข้าไปภายในห้องเห็นไอ้ไม้นอนดูทีวีสบายอารมณ์ และมันก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ผมอดทึ่งในความสามารถของพวกมันไม่ได้

วิ่งผ่านน้ำกันรึไงวะ

“เป็นไง เข้าท่ามั้ยวะ วิวข้างนอกเห็นทะเลด้วย” ผมพยักพเยิดหน้าไปทางระเบียงที่ยังปิดสนิท

“อืม เจ๋งเลย เสียดายมันมืดแล้วเลยไม่เห็น” ไอ้ไม้ลุกขึ้นมาจากที่นอนเดินไปยืนหน้าประตูกระจกบานใหญ่ แล้วค่อยๆเลื่อนประตูเปิดออกกว้าง ให้สายลมพัดพากรุ่นกลิ่นไอเกลือเข้ามาภายใน

ผมกับไอ้เอเดินไปสมทบ พวกเราเท้าแขนกับระเบียงมองฝ่าความมืดไปยังแสงไฟเบื้องล่างที่ยังมีคนเดินพลุกพล่าน จากชั้นเก้ามองลงไปเห็นคนตัวนิดเดียว

“ลงไปเดินเที่ยวกันมั้ย ถนนด้านหน้าโรงแรมเขายังเล่นสาดน้ำกันอยู่เลย” ไอ้ไม้หันมาชวน

“เอาจริงดิ พรุ่งนี้ต้องไปเกาะรังใหญ่ ไปดำน้ำอีก จะไหวเหรอวะ” ไอ้เอตีหน้าเศร้าเพราะอยากไปหลีสาวแต่ก็เพลียจนขาอ่อนไปหมด “แล้วมึงว่าไงไอ้วาลย์”

“ผ่านว่ะ กูอยากนอน”

“อ้าว ไม่ครบก็ไม่มันดิ” ไอ้ไม้ประท้วง

“มึงอยากก็ไปเหอะ กูเก็บแรงไว้ดำน้ำพรุ่งนี้ดีกว่า” ผมทำหน้ามั่นอกมั่นใจ และตั้งใจแบบนั้นจริงๆ

กูเปล่าอยากกลับไปนอนกับพี่ขรรค์นะ

ผมร้องเถียงในใจเมื่อต้องจ้องตากับไอ้ไม้ จนมันล่าถอยจึงลอบพรางพรูลมหายใจ

“เอางั้นก็เอา ไว้พรุ่งนี้ดำน้ำเสร็จแล้วค่อยกลับมาเล่นก็ได้ สงกรานต์ทั้งทีกูอยากสาดน้ำสาวๆว่ะ” ไอ้ไม้ยักคิ้วให้พวกผม

“อยากแตะอั๋งสาวก็บอกมาเหอะไอ้ไม้” ผมแซวไอ้เพื่อนชีกอทันที

“ใครจะเหมือนมึงล่ะ” ไอ้ไม้ยักคิ้วมีความนัย ผมเลยยกเท้าถีบมันไปส่งๆแก้คัน

“เรื่องของกู”

แต่พวกมันยังคงยิ้มกรุ่มกริ่ม สายตาเหมือนจะชอนไชไปทั้งเนื้อทั้งตัวจนผมร้อนฉ่าไปทั้งหน้า “ไอ้เวร ทะลึ่ง”

“คืนนื้มึงเสร็จแน่ไอ้วาลย์” ไอ้ไม้ถือดีโอบกระชับไหล่ผมและเขย่าแรงๆเหมือนปลอบใจแต่หน้ามันเจ้าเล่ห์เป็นหมาจิ้งจอก

“เพ้อล่ะพวกมึง เสร็จบ้าเสร็จบออะไร” ผมเตะเข้าที่หน้าแข้งไอ้คนพูดจนมันร้องโอย

“เจ็บนะเว้ย”

“ถ้ายังไม่หายบ้ากูจะจับโยนลงตึกนี่เลยไอ้เพื่อนเวร”

“กล้าเหรอมึง” ไอ้ไม้ตบศีรษะผมเบาๆพลางมองความสูงอย่างนึกขยาด “สูงนะมึง ตกไปเละ ศพไม่สวยแบบนี้กูไม่ชอบว่ะ เห็นแล้วกินข้าวไม่ลง จะอ้วก”

“เฮ้ย! อย่าพูดเป็นลางได้ปะ เดี๋ยวผีก็ทำจริงหรอก” ไอ้เอทำหน้าตื่นๆร้องท้วง ทำเอาพวกผมสะดุ้งกันถ้วนหน้า

ก็ปอดแหกกันทุกคนนี่ครับ แถมปากดีกันทั้งนั้น...

ไอ้ไม้คนพูดถึงจะหน้าเสียแต่ก็มีสติ ยิ้มเก้อๆปลอบใจไอ้เอที่ตาขาวกว่าใครเพื่อน “กูพูดเล่น มึงก็คิดมาก ไม่มีอะไรหรอก ผีเผอที่ไหน โรงแรมมีดาวแบบนี้ไม่มีหรอก”

สิ้นคำพูดของไอ้ไม้ สายลมเย็นก็พัดวูบผ่านใบหน้าพวกผมทั้งสามคนพร้อมกัน ทำเอามองหน้ากันลอกแลก และไม่เท่านั้น จู่ๆสรรพเสียงรอบตัวก็เงียบลงจนดูวังเวงขึ้นมาทันตาเห็น ต้นคอเย็นวาบแต่ไม่มีใครกล้าเปล่งเสียงอะไรออกมาซักคำ สายตากำลังพยายามสอดส่ายหาอะไรบางอย่าง ผมกลั้นลมหายใจ

บรรยากาศตอนนี้มันช่างเหมือนกับตอนไปโรงพยาบาลร้างคราวนั้นไม่มีผิด ผมหันหน้ามองไอ้ไม้ปากเสียทันที

ถ้ามีจริงๆจะทำยังไงล่ะคราวนี้ ผมคิดอย่างกลัดกลุ้มแต่ขามันแข็งจนไม่ยอมขยับ แต่ก่อนจะมีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นตามจินตนาการของพวกผม เสียงพี่ขรรค์ก็ดังขึ้นหน้าห้อง ดึงแรงดึงใจที่แขวนค้างกลางอากาศกลับคืน และไม่รอให้ใครพูด พวกผมก็วิ่งกรูกันไปที่ประตูแย่งกันเปิดรับพี่ขรรค์กันพัลวัน

“มี...มีอะไรกันรึเปล่า” พี่ขรรค์เห็นหน้าตาตื่นๆของพวกผมก็ทำหน้าสงสัยแล้วแทรกตัวเข้ามาภายในห้อง

“ปะ...เปล่าครับ พอดีพวกผมกำลังจะไปหาพี่อยู่พอดี” ผมโกหกเหงื่อแตกซก ไม่กล้าเล่าความรู้สึกแปลกๆเมื่อครู่ เพราะพี่ขรรค์ดูจะไม่เชื่อเรื่องผีๆสางๆพวกนี้ เล่าให้ฟังทีไรถูกดุทุกที

พี่ขรรค์พยักหน้ารับแล้วเดินไปยังระเบียงที่ยังเปิดกว้าง เลื่อนปิดให้อย่างเบามือก่อนหันมาบอก

“ลมแรง เปิดทิ้งไว้จะไข้กินกันเปล่าๆ”

ผมพยักหน้าเห็นด้วยแล้วหันไปมองหน้าไอ้เอที่ยังดูตื่นๆ เห็นทีถ้าไม่สร้างความมั่นใจให้มัน เที่ยวคราวนี้คงหมดสนุกแน่ๆ และในที่นี้คงมีคนเดียวที่ไม่กลัวเรื่องผี

V
V
V

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
“พี่ขรรค์ๆ ที่นี่จะมีผีมั้ยอะ โรงแรมแบบนี้ไม่รู้จะเคยมีคนตายมาก่อนหรือเปล่า พี่ว่ามั้ย?” ผมเข้าไปเกาะแขนพี่ขรรค์แจ

“น้องวาลย์” พี่ขรรค์ลงเสียงเข้ม “มันจะมีไปได้ยังไงล่ะครับ คนออกเต็มโรงแรม สว่างโร่แบบนี้ผีที่ไหนจะมากัน ไม่มีหรอกครับ มีแต่คนที่จะหลอกกันเองซะมากกว่า แล้วถ้ากลัวเพราะมันผิดที่ผิดทางก่อนนอนก็สวดมนตร์ไหว้พระจะได้สบายใจ”

ท่าทางไม่สนใจเรื่องผีเรื่องสางและบุคลิกเข้มแข็งดูน่าเชื่อถือทำให้พวกผมถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อครู่คงคิดกันไปเองเพราะความปอดแหกของพวกผมอีกนั่นล่ะ

“เออ แล้วพี่ขรรค์จะลงไปเดินเล่นข้างล่างมั้ย”

“ไม่ล่ะ พี่เห็นวาลย์หายไปเลยเดินมาดู ว่าจะนอนแล้วเลยเอากุญแจห้องมาให้”

“เหรอครับ งั้นกลับห้องเลยดีกว่า พรุ่งนี้ต้องไปหลายที่”

ผมรีบสวมรอย อยู่ใกล้พี่ขรรค์อุ่นใจกว่าเยอะ และคล้อยหลังผมไอ้สองคนก็เปิดไฟสว่างพรึบไปทั่วห้อง

คิดถูกแล้วล่ะที่นอนห้องเดียวกัน ผมมองเสี้ยวหน้าคมคายพลางอมยิ้มทำให้เจ้าตัวรู้สึกเอียงหน้ามองแล้วส่งยิ้มหวานแต่ปาก ตางี้แวววาวยังกะเสือ

“ไปไม่บอกแบบนี้มันต้องถูกลงโทษ”

“อา...ก็พี่อาบน้ำ กะว่าจะแวบไปดูพวกนั้นแป๊บหนึ่งเท่านั้นเอง”

“ไม่ฟัง”

พี่ขรรค์ล็อกตัวผมพาไปล้มลงบนที่นอน ศีรษะทุยซุกซบลงซอกคอผมแล้วไซร้แรงๆให้ผมจั๊กจี้ หากแต่ความใกล้ชิดก็ทำให้ผมใจเต้นระส่ำร้อนวูบไปทั้งตัว

“พี่ขรรค์...จะนอนก็ไปนอนอีกเตียงสิ” เพราะห้องที่จองเป็นแบบเตียงคู่ แยกนอนกันสบายๆ แต่ดูท่าพี่ขรรค์จะแปลงกายเป็นตุ๊กแกเกาะเอวผมเหนียวหนึบ

“ขอนอนด้วยนะ”

เจอคำขอดื้อๆออดอ้อนหน่อยๆก็ทำคนฟังอึ้งไปได้เหมือนกัน ผมก้มหน้าไม่กล้าสบตา ก็บทจะรุกพี่แกก็รุกซะผมตั้งรับไม่ทัน

“ก็...ก็ได้...แต่นอนเฉยๆนะ” แม้จะเสี่ยงเสียตัวอยู่ไม่น้อย แต่ใจผมก็ต้องการอยู่ในอ้อมกอดของคนรักเหมือนกันล่ะ

พี่ขรรค์คงเห็นแววตาสั่นไหวเต้นระริกฉายความกังวลจึงยิ้มแล้วกดริมฝีปากข้างขมับหนักๆ

“ครับๆ พี่แค่อยากนอนกอดวาลย์ อยากตื่นมาเห็นวาลย์คนแรก แค่นี้ล่ะ”

ผมหันไปประสานสายตาคู่คมทอประกายอ่อนโยนอย่างซาบซึ้งใจ จึงยกศีรษะขึ้นจูบปลายคางสากหนักๆหลายหน

“วาลย์รักพี่ขรรค์นะ”

“อืม...พี่ก็เหมือนกัน” พี่ขรรค์ตอบรับพลางถอนใจ “แต่อย่าพูดตอนนี้เลย พี่จะแย่เอา” พี่ขรรค์งึมงำแล้วยื่นมือไปปิดไฟที่หัวเตียง

ผมอมยิ้มจนแก้มแทบปริในความมืดสลัวก่อนผล็อยหลับไปในอ้อมกอดแข็งแรง

เป็นเพราะผิดที่ผิดทางหรือยังไง ทำให้ผมหลับๆตื่นๆ ไม่รู้เวลาเท่าไรที่ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง รอบตัวยังคงมืดสนิทได้ยินเพียงเสียงแอร์ครางเบาๆ ผมซุกหน้ากับอกพี่ขรรค์อย่างมีความสุขแล้วหลับตาลงอีกครั้ง หากแต่เสียงคล้ายมีใครเคาะกระจกตรงระเบียงซึ่งมีผ้าม่านปิดไว้แต่ไม่สนิทนัก ยังเว้นช่องให้มองเห็นภายนอกได้

ผมเงี่ยหูฟังจนคิดว่าหูแว่วไปเอง ตั้งใจจะหลับต่อหากแต่เสียงดังกล่าวกลับดังขึ้นมาอีก คราวนี้เสียงนั้นลากยาวคล้ายกระจกถูกมือใครตะกายดังแกรกๆ ผมขมวดคิ้วเริ่มรู้สึกหนาวๆร้อนๆรีบหดแขนหดขาเงยหน้ามองพี่ขรรค์ที่ยังหลับสนิท

เสียงคล้ายประตูกระจกบานเลื่อนถูกเขย่าดังกุกกักจากเบาๆเริ่มเพิ่มความดังและความถี่ของเสียงจนผมอดไม่ได้ กลั้นใจผงกศีรษะขึ้นมองลอดรอยแหวกผ้าม่านไปยังภายนอกทันที

เงาลางๆไหววูบทำใจแทบหยุดเต้น เสียงร้องติดอยู่แค่ลำคอ แต่มือกำต้นแขนคนรักไว้แน่น

“พี่...พี่ขรรค์” ผมเรียกเสียงสั่นพร่า ไม่กล้ามองไปยังนอกระเบียงอีก

พี่ขรรค์ค่อยๆลืมตาขึ้นมาลูบศีรษะผมเบาๆ “เป็นอะไร หลับซะเถอะ”

“วาลย์กลัว เหมือนมีใครอยู่นอกระเบียง”

“นี่ชั้นเก้า ไม่มีใครหรอกวาลย์”

“แต่เมื่อกี้วาลย์เห็น แล้วเหมือนได้ยินเสียงเรียกด้วยนะพี่...พี่ขรรค์” ผมบอกเสียงสั่นระคนหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด พลางหลับหูหลับตาซุกหน้ากับอกอีกฝ่าย “ถ้าไม่ใช่คนก็ผีสิพี่ขรรค์”

ผมรู้สึกว่าพี่ขรรค์เงียบไปอึดใจก่อนโอบตัวผมไว้

“เดี๋ยวพี่ไปดูให้ จะได้สบายใจ” พี่ขรรค์จูบหน้าผากผมแผ่วเบาแล้วลุกขึ้น ผมซึ่งยังหลับหูหลับตาเลยไม่เห็นดวงตาคมกร้าวทอประกายสีเพลิงโทสะ

พี่ขรรค์ย่ำโครมๆออกไปเปิดประตูอย่างไม่อินังขังขอบ หายไปชั่วครู่ก็กลับมานั่งเคียงข้างผมซึ่งซุกหน้ากับหมอน

“ไม่มีอะไรเลยวาลย์ คงเป็นเงาของผ้าม่านที่มันไหวๆ แล้วก่อนนอนพี่คงปิดประตูไม่สนิท ข้างนอกลมแรงมันเลยรอดผ่านเข้ามาจนเกิดเสียงแปลกๆนั่นล่ะ”

“จริงๆเหรอ” ผมเงยหน้ามองคนรักหูหางลู่

“อืม ทีนี้ก็นอนซะ เลิกกังวลได้แล้ว” พี่ขรรค์หอมแก้มผมหนักๆแล้วยกยิ้ม “ขี้กลัวทำไม มีพี่อยู่ทั้งคนไม่ต้องกลัวหรอก”

ผมเหล่มองระเบียงอย่างขลาดๆแล้วมองหน้าพี่ขรรค์อย่างชั่งใจ

“ไม่เชื่อเหรอ” พี่ขรรค์ทำหน้าดุแล้วก้มลงจูบริมฝีปากผมรวดเร็ว ลิ้นร้อนรุกไล่ดูดกลืนจนความกลัวผีที่ติดอยู่ในใจกระเจิดกระเจิง กลับกลายมาเป็นกลัวใจคนตรงหน้าแทน

“อืม...” ผมครางออกมาเบาๆเมื่อมือใหญ่เริ่มไต่เป็นหนวดปลาหมึก รอดใต้สาบเสื้อเข้าไปคลึงเคล้นหน้าอกแบนราบจนปลายยอดอกบวมแดงแข็งเป็นไต จมูกโด่งซุกไซ้ซอกคอ ขบเม้นติ่งหูนิ่มจนต้องนิ่วหน้า

ผมรู้สึกถึงฝ่ามือร้อนลากไล้ไปตามแนวหน้าท้องก่อนผลุบหายเข้าไปในกางเกงโดยที่ผมทักท้วงไม่ออก ปล่อยให้พี่ขรรค์จับต้องตามอำเภอใจ และเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองนั้นไม่มีทางห้ามพี่ขรรค์หรือใจตัวเองได้เลยถ้ามันเกิดขึ้น

“ว๊าก!”

เฮ้ย! ทั้งผมและพี่ขรรค์ต่างสะดุ้งกันสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงร้องดังขึ้นภายนอกห้อง อารมณ์หวามไหวหายวูบ ผมดันไหล่คนรักออกห่างเพราะเสียงนั้นมันคล้ายเสียงไอ้เอ

และไม่ต้องรอให้สงสัยกันนานก็ได้ยินเสียงทุบประตูหน้าห้องดังปังๆ

“ไอ้วาลย์ช่วยกูด้วย!” ไอ้เอตะโกนเสียงหลง

“เปิดประตูไอ้วาลย์ เปิดเร็ว ตื่นยังวะ!” ไอ้ไม้รัวลิ้นตะโกน และทุบประตูดังปังๆ

“ไอ้วาลย์ ผีหลอกกู เปิดเร็ว!”

ผมทะลึ่งสุดตัวเบิกตามองพี่ขรรค์แทบถลนออกจากเบ้า เมื่อกี้!

จู่ๆขาเกิดแข็งขึ้นมากะทันหัน ได้แต่มองประตูฟังเสียงเพื่อนทุบดังปังๆ ไม่กล้าไปเปิด เสียง พึ่บพั่บดังขึ้นใกล้ๆก็เห็นหลังพี่ขรรค์เดินลิ่วๆไปเปิดประตูรับเพื่อนผมที่หน้าตาตื่นแทบจะล้มลงมากองทันทีที่พี่ขรรค์เปิดประตูรับ

“พี่! ผีหลอก ผีผู้หญิงผมยาวเฟื้อย” ไอ้เอเข้ามาเกาะแขนพี่ขรรค์แน่นพลางเขย่าแรงๆ

“จริงๆนะพี่ ที่ระเบียงผมเห็น หน้างี้เละ เลือดท่วมตัวเลย” ไอ้ไม้ผสมโรงเล่า แถมไม่เล่าเปล่า มันเข้าไปยึดเกาะไหล่อีกข้างที่ว่างอยู่ไว้แน่น

นั่นแฟนกู...

พี่ขรรค์พาตุ๊กแกสองตัวที่เกาะติดซ้ายขวามานั่งข้างๆผม แล้วค่อยๆปลุกปลอบ

“ผีอะไรกัน พี่นอนอยู่ไม่เห็นมีอะไรเลย”

“จริงๆนะพี่ นอนๆอยู่ก็ได้ยินเสียงใครไม่รู้เคาะกระจก ผมเดินไปเปิดดูเห็นจะๆเต็มสองตาเลย ผีนั่นชี้หน้าผมด้วย ตางี้แดงเป็นเลือดเลยพี่” ไอ้ไม้ลูบหน้าตัวเอง

“โอย...ไม่ไหวแล้วกูจะหัวใจวายตายอยู่แล้วไอ้วาลย์” ไอ้เอจับหน้าอกตัวเองหน้าซีดหน้าเสีย

ผมเองก็ไม่รู้จะปลอบเพื่อนยังไง ในเมื่อตัวเองก็กลัวไม่น้อยหน้ามัน แถมไม่แน่ว่าผีตนนั้นอาจมาที่ห้องนี้ก่อนด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงไม่เจอ

“กูนอนห้องนั้นไม่ได้แล้ว กูขอเปลี่ยนห้อง” ไอ้เอยังคงคร่ำครวญ

“เฮ้ย! กูไม่เปลี่ยนไปนอนห้องโน้นแทนหรอกนะ” ผมแย้งหน้าเสียทันที ถึงจะรักเพื่อนแต่ก็ไม่เสียสละตัวเองขนาดนั้นแน่ๆ

“ไอ้บ้า กูไม่ได้หมายถึงแบบนั้น กูหมายถึงให้พวกเราเปลี่ยนไปนอนที่อื่นกันเถอะ ที่นี่ต้องมีคนมาโดดตึกตายแน่ๆ กูไม่อยากถูกหลอกอีก”

ผมหันไปมองพี่ขรรค์อย่างอับจนคำพูด เพราะถึงไม่ถูกผีหลอกกับตัวแต่มันก็สะกิดใจห้องแถวนี้ยังไงพิกล ย้ายไปคงสบายใจกว่า พี่ขรรค์ลอบถอนใจก่อนพยักหน้าเห็นด้วย

“แต่ให้ย้ายออกตอนนี้คงลำบากไปหาที่พักที่อื่น ขอเปลี่ยนไปนอนชั้นอื่นไปพลางๆก่อนได้มั้ย เดี๋ยวให้เขาเอาเตียงมาเสริมให้ นอนด้วยกันหมดนี่ล่ะ”

พี่ขรรค์เลิกคิ้วถามดูไม่ยี่หระในสิ่งที่พวกไอ้เอประสพพบเจอ ในดวงตาไม่มีความหวาดกลัวหากมีร่องรอยความกังวลใจแฝงอยู่ และดวงตาคู่นั้นก็มองมายังผม

“ก็ได้พี่” ไอ้ไม้พยักหน้ารับข้อเสนอ

“งั้นพี่ลงไปบอกเจ้าหน้าที่ข้างล่างก่อน”

“เฮ้ย! พี่จะทิ้งพวกผมไปเหรอ” ไอ้เอแทบจะคลานไปกอดขาพี่ขรรค์

“ไม่มีอะไรหรอกเอ พี่นอนมาทั้งคืนยังไม่เจออะไรเลย อะ...ถ้ากลัวก็ใส่นี้ซะ” พี่ขรรค์ถอดสร้อยพระในคอส่งให้ เพราะขืนกว่าจะพากันลงไปคงได้หัวหกก้นขวิด เผลอๆได้แผลกันไปเปล่าๆ

“พี่...กลับมาเร็วๆนะ”

พวกผมมองตามหลังพี่ขรรค์ตาละห้อย ก่อนเดินมานั่งรวมกันบนเตียงเดียว แล้วกวาดตามองรอบๆด้วยความหวาดระแวง

“กูบอกแล้วว่าอย่าพูด กูว่าแล้ว” ไอ้เอหันไปว่าเพื่อนที่หน้าซีดไม่แพ้กัน
“กูตั้งใจที่ไหนล่ะ” ไอ้ไม้ก็หันไปสวนกลับทันที “ใครจะไปคิดว่าผียังห่วงสวยไม่สวยจนตามมาหลอกคนว่ากันล่ะวะ”

“ไอ้ไม้!”

พวกผมร้องกันเสียงหลง ไอ้เอโถมตัวไปปิดปากเพื่อนด้วยความหวาดผวา “มึงพูดมาทำบ้าอะไร ยิ่งดุๆอยู่”

“กูลืม”

“ไอ้เชี้ย”

สิ้นเสียงคำผรุสวาทลมเย็นก็พัดวูบผ่านหน้าพวกผมไปยังระบียง ด้วยผ้าม่านที่นิ่งสนิทเกิดสั่นไหว ผมและเพื่อนนั่งกันตัวแข็งทื่อ มือไม้กอดจับกันนัวเนีย รอยแหวกของผ้าม่านทำให้เห็นระเบียงมืดสลัวแต่ไม่ปรากฏเงาดำมืดอย่างที่นึกกลัว

พวกผมต่างเพ่งมองความว่างเปล่าภายนอก แต่กลับรู้สึกได้ถึงเสียงลมพัดแรง คล้ายๆสายลมสองสายฟาดฟันใส่กัน ก่อนทุกอย่างจะเงียบสนิทลง ผมจึงหันหน้ามองเพื่อนที่หันมาเช่นกัน

“เกิดอะไรขึ้นวะ” ไอ้ไม้เอ่ยทำลายความเงียบ “ผะ...” ผีหรือเปล่า ท้ายประโยคที่ไม่ได้หลุดออกไปเพราะไอ้เอยกมืออุดปากเพื่อนไว้ก่อน

“มึงหุบปากไปเลยไอ้ไม้ ไอ้ปากหมา เพราะมึงนั่นล่ะ”

ผมไม่สนใจไอ้สองคนที่โต้เถียงกันไปมา ดวงตายังคงเพ่งไปที่ระเบียงผ่านประตูกระจกเลื่อน ทุกอย่างมันเงียบสนิท บรรยากาศรอบตัวก็ดูคลายความกดดันลงจนหายใจหายคอได้สะดวก

คงไม่มีอะไรจริงๆ

ผมมองไอ้ไม้ปากดีลุกขึ้นเดินอย่างขลาดๆไปใกล้ระเบียง หลังจากนั่งกอดกันจนเมื่อย และจากที่จ้องมองความว่างเปล่าอยู่ซักพักก็ไม่เห็นมีอะไรโผล่ออกมา จึงยืดตัวเต็มความสูงแล้วหันมายิ้มแห้งๆให้เพื่อน “ไม่มีอะไร”

ไหล่หนักๆจึงผ่อนคลายลงแล้วเดินไปหาไอ้ไม้ กะจะชวนมันลงไปสมทบพี่ขรรค์ข้างล่าง และท่าจะให้ดีก็หาแอลกอฮอล์กรอกปากให้สมองโล่งหน่อยคงจะเป็นดีที่สุด แต่จังหวะที่คว้าคอไอ้ไม้หางตาผมเห็นอะไรแวบๆที่ระเบียง ใจตอนนี้ตกไปที่ตาตุ่มทันที

เพราะเมื่อหันไปมองเต็มตา ภาพที่เห็นคือร่างเงาที่บ่งบอกว่าเป็นผู้หญิงผมยาวเนื้อตัวแดงฉาด และภาพที่เขย่าขวัญคนมองได้ดีคือศีรษะของร่างจางๆไม่ชัดเจนนั้น มีเลือดไหลอาบหน้า กะโหลกยุบหายไปข้างหนึ่ง

“อ๊าก!” ทั้งผมและไอ้ไม้ที่หันมองตามต่างร้องเป็นเสียงเดียว แต่ภาพนั้นยังคงอยู่ทั้งยังเคลื่อนเข้าใกล้กระจก นิ้วมือทั้งสิบกรีดกระจกจนเกิดเสียงสั่นประสาท รอยแดงทั้งสิบนิ้วพาดผ่านฝากรอยไว้ที่แผ่นกระจกเป็นทางยาว

“พี่ขรรค์...พี่ขรรค์” ผมครางเหมือนคนง่อยเปลี้ยเสียขา ไม่อาจถอนสายตาจากดวงตาแดงก่ำนั้นได้ ลำแขนสีซีดเป็นรอยจ้ำยื่นชี้นิ้วมาอย่างหมายมาด ความกลัวอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตแล่นริ้วขึ้นมาจุกอก ไม่ไหวแล้ว...ไม่ไหวแล้ว “ช่วยด้วย!”

ผมปิดหูปิดตาร้องเสียงหลง เขาว่าเวลาเจอผีให้สวดมนตร์แต่เวลานี้ผมนึกไม่ออก นึกไม่ออกแม้กระทั่งของดีที่พี่ขรรค์มอบให้ยังสวมอยู่ที่คอ และมีอิทธิฤทธิ์ไม่ให้ภูตผีมากล่ำกรายแม้ปลายก้อยก็ยังไม่รู้ ไม่นึกถึง

เหมือนสติใกล้จะหลุดลอยจวนล้มทั้งยืน สัมผัสของมืออุ่นคุ้นเคยก็เข้ามาประคองไว้แนบอกให้ผมรู้สึกอุ่นใจแม้ไม่เห็นหน้า

พี่ขรรค์

“วาลย์ๆ” เสียงพี่ขรรค์เรียกเบาๆจากนั้นจึงอุ้มร่างอ่อนยวบของผมไปวางบนเตียง ก่อนผละออกไปทางระเบียง ผมได้ยินเสียงพี่ขรรค์งึมงำอะไรบางอย่างยาวๆเบาๆ แล้วกลับมาทรุดนั่งเอามือลูบศีรษะผมอย่างเอื้ออาทร

“วาลย์...ไม่ต้องร้อง ไม่มีอะไรแล้ว ลืมตามองพี่สิวาลย์” พี่ขรรค์รั้งตัวผมไปโอบกอด มองผมค่อยๆลืมตาขึ้นมอง “ไม่มีอะไรวาลย์ พี่มาแล้ว”

ผมพยักหน้ารับรู้ “วาลย์เห็น...มีผีจริงๆด้วย วาลย์กลัว” พูดได้เท่านั้นผมก็สะอื้นไห้ออกมา

“ไม่มีหรอกวาลย์”

“พี่ไม่ต้องมาหลอกเลย! วาลย์เห็นกลับตา มันมีจริงๆ” ผมเถียงไปสะอื้นไป “วาลย์ไม่อยากเจอเรื่องพวกนี้เลยพี่ขรรค์ วาลย์กลัวจะทำยังไงดีถึงไม่ต้องเจออีก” น้ำตาอุ่นไหลพราก ดวงตาคู่คมทอประกายเสียใจวูบหนึ่งก่อนกลับเป็นปกติ

“ถ้ามี...พวกเขาก็คงมาขอส่วนบุญส่วนกุศล เป็นเพราะเรามีบุญมีกุศล พวกเขาเลยมาขอแบ่งปั่น พรุ่งนี้ตอนเช้าเราไปใส่บาตรอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้พวกเขากัน จะได้ไม่มารบกวนกัน ดีมั้ย”

“จะช่วยได้จริงๆเหรอ ทำแล้วพวกเขาจะไม่มาให้เห็น มาหักคออีกหรอกนะ”

“วาลย์ พวกเขาทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เชื่อพี่เถอะ ไปทำบุญทุกอย่างจะดีขึ้น”

ผมพยักหน้ารับ “ทำบุญแล้ววาลย์อยากกลับบ้าน ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”

พี่ขรรค์นิ่งไปชั่วอึดใจ

“ไหนวาลย์อยากมาเล่นสาดน้ำที่นี่ไง”

“ไม่เอาแล้ว วาลย์กลัว”

“งั้นเปลี่ยนโรงแรมดีมั้ย แล้วหาจองห้องใหญ่ๆนอนรวมกัน จะได้สบายใจ พี่ไม่อยากให้เราเสียโอกาส อุตส่าห์ดั้นด้นมาตั้งไกล”

“แต่...”

“วาลย์ มันจะไม่เกิดขึ้นอีก เชื่อพี่นะ พี่จะอยู่ใกล้ๆตลอด พรุ่งนี้ทุกอย่างจะเรียบร้อยแล้วเราไปเล่นสาดน้ำกัน...นะ”

ผมหันไปมองเพื่อนๆที่นั่งบนพื้นพรมเกาะขาพี่ขรรค์ไว้คนละมือ พวกมันพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่ขรรค์ ผมเลยพยักหน้าตาม

พี่ขรรค์พาพวกผมมาห้องพักที่เปิดรอไว้ชั้นล่าง ได้ยินเสียงคึกคักจากภายนอกให้อุ่นใจมากกว่าชั้นสูงๆ พวกผมนั่งล้อมวงไม่ยอมหลับยอมนอนจากความหวาดกลัวเมื่อครู่ หากแต่พอนั่งไปนานๆร่างกายก็เริ่มประท้วง ค่อยๆผล็อยหลับกันไปที่ละคน ก่อนจะหลับผมเห็นพี่ขรรค์ยังคงทำหน้าที่ยามที่ดีจึงอุ่นใจหลับลึกในทันที


ร่างสูงรอดูคนทั้งสามหลับสนิทจึงยืดตัวยืน หันไปพูดกับรัก-ยมที่ปรากฏกายให้เห็น ทั้งสองตนทำหน้าสลดเมื่ออยู่ต่อหน้าหมอผีหนุ่ม

“พ่อบอกให้ดูแลให้ดี แล้วพี่เขายังเจอผีตนนั้นได้ยังไงฮึ ก็รู้ว่าพี่เขากลัว” ขรรค์เทพเอ่ยน้ำเสียงเรียบรื่นหากหนักแน่น

“รักบอกน้าผู้หญิงคนนั้นแล้วนะพ่อ ว่าอย่ายุ่งกับพี่วาลย์ แต่น้าเขาไม่ยอม เขาว่าเพื่อนพี่วาลย์พูดไม่ดีต้องถูกสั่งสอนซะบ้าง แล้วพี่วาลย์ก็เป็นเพื่อนกัน สมควรจะโดนด้วย”

“แล้วกันจนกว่าพ่อจะมาไม่ไหวหรือ ตั้งแต่ไปอยู่กับพี่เขาฤทธิ์เดชหายไปไหนหมดฮึ”

“ไม่ใช่ซะหน่อย น้าเขาตัวโตกว่าหนู หนูเลยสู้แรงไม่ไหวต่างหาก” น้องยมน้อยค้านเสียงอ่อย “หนูยังถูกผลักกระเด็นไปชนต้นมะพร้าวเลย”

ร่างสูงใหญ่มองกุมารน้อยทั้งสองตนแก้มป่องปากยื่นเหมือนเด็กกำลังสำนึกผิดจึงได้คลี่ยิ้มปลุกปลอบ ไม่ผิดหรอกที่กันไว้ไม่อยู่ เพราะวิญญาณเหล่านี้มักยึดติด ผูกพันกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ไปผุดไปเกิด จึงสั่งสมฤทธิ์เดชไว้ไม่น้อย เขาต่างหากที่ชะล่าใจ คิดว่าได้บอกกล่าวกันก่อนแล้วจะไม่เกิดเรื่อง ก็ดันมีเจ้าคนปากไม่ดีพูดจาไม่เข้าหูภูตผีซะนี่

“เอาเถอะๆแล้วพ่อจะซื้อของเล่นให้นะ”

รัก-ยมน้อยคล้ายอาการเกร็งฉีกยิ้มกว้างก่อนหายวับไป ร่างสูงจึงเดินไปนั่งมองใบหน้าคนรักที่หลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว

“เจอผีครั้งเดียวยังร้องไห้ฟูมฟายขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าต้องอยู่กับหมอผีไปตลอดชีวิตจะไม่แย่หรอกเหรอวาลย์”





จบตอน


ขอบคุณทุกคอมเมนท์ค่ะ
เเจกข้าวสารเสกโดยพี่ขรรค์คนละ +1 ถุง หรือ ยาเสน่ห์โดยอิพี่ตรี +1 ขวด
เตรียมไว้ตอนหน้า ใครเชียร์ใครเลือกเลย

lasom

  • บุคคลทั่วไป
:z13:
มาจองแถวหน้าไว้ก่อน เดี่ยวคนเยอะ
บัง มองไม่เห็น  :laugh:
อ่ะลืมป๊อปคอร์น แว้บบบไปซื้อก่อน
โห ตอนนี้หลอนที่สุดเลยอ่ะ ดีนะที่เลือกอ่านตอนนี้
3ตอนก่อนหน้านี้อ่ะอ่านตอนตีสาม โคตรอ่ะ
+1 ขอยาเสน่ห์คร้าบบบบบบบบบบ :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-08-2010 22:26:15 โดย lasom »

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
เฮ้อ
แล้วคืนนี้กรูจะกล้านอนมั้ยว่ะ
 :sad4:

หลอนจริงๆเลย
เหอะๆ
แต่ยังไงก็จะรออ่านตอนต่อไป ถึงแม้ว่ากรูจะกลัวผีขึ้นสมองแล้วก็เหอะ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
จะเชียร์ใครดีฟระ  คนนึงใจดีแถมหล่อเท่ห์บาดใจ  คนนึงหล่อเลวแถมเจ้าเล่ห์เพทุบาย
เลือกใครดีน๊อออออ  ว่าแต่มีแค่ 6 ตอนจริงเหรอ  ทำไมสั้นจัง  ยังสนุกอยู่เลยอ่ะ

ลืมบอกไป  ตอนนี้น่ากลัวอ่ะ  ทำเราสยอง  ไม่ค่อยกล้านอนโรงแรมไปเลยล่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






akike

  • บุคคลทั่วไป
เอิ้ก ๆ อยู่กับหมอผีก้อจะได้มีคนไล่ผีให้ไง

คนกลัวขนาดนี้มีคนดูแลได้ก้อดีนี่น่า

แต่ชอบรักยมจริง ๆ แทนตัวเองว่าหนูน่ารักมาก ๆ

ออฟไลน์ iiดาวพระสุขლii

  • คิดการใหญ่ ใจต้องเหี้ย(ม),,
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +746/-3
 o13   สงสารก็สงสาร ขำก็ขำ งานนี้..

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
เชียร์พี่ขรรค์จ้า
พี่ขรรค์ออกจะน่ารัก ดูแล เอาใจใส่น้องวาลย์เป็นอย่างดี
พี่ขรรค์สู้่ๆ

บวก 1 แต้ม ให้หมอผีน่ารักและลูกรักยมจ้า
 :pig4:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
มีแฟนเป็นหมอผีเท่ห์ดีไม่เบา :L1:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
กรรม....กรรมจริงๆๆ...นอนคนเดียวอีกต่างหาก แล้วทีนี้จะกล้ามองประตูระเบียงมั้ย ยิ่งไม่ค่อยปิดอยู่ด้วย :z3:
ขนาดอ่านตอนหัวค่ำๆยังสยอง ถ้าอ่านซักี่ห้าทุ่ม ไม่กล้าเข้าห้องน้ำแน่ๆ :sad4:
แต่พี่ขรรค์คิดจะอยู่กับวาลย์ไปตลอดชีวิตเลยเหรอ น่ารักจัง :o8:
ขอบคุณค่า รออ่านตอนต่อไปน้าาา

ออฟไลน์ polartotty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
สยองจิงๆ นายไม้ก็ปากไม่สร้างสรรค์นะ ดีที่มีพี่ขรรค์อยู่
งานนี้พี่หนูวาลย์จะทำยังงัยนะถ้ารู้ว่าแฟนตัวเองเป็นหมอผี
ยังงัยก็เชียร์พี่ขรรค์ค่ะ อิอิ เสียดายตอนนี้อ่ะ วาลย์กับพี่ขรรค์กำลังเข้าได้เข้าเข็มแล้วเชียว

b27072010

  • บุคคลทั่วไป
แล้วจะได้เล่นน้ำสงกรานต์กันหรือเปล่าละนี้

เฮ้อปากพาซวยเลย

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
หมูกำลังหาม ดันมีคานมาสอด หมดกัน นู๋วาลย์อดเสร็จพี่ขรรค์ เลย

ออฟไลน์ 1st prince

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
กลัวอ่ะ ถึงขนาดรีบไปล๊อกประตูกระจกที่ระเบียงเลยทีเดียว

แถมยังไม่มีพี่ขรรค์นอนกอดด้วย  :sad4:

dragonfly08

  • บุคคลทั่วไป
ขอข้าวสารเสกด่วน
ขนหัวลุกอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






~ DesireL ~

  • บุคคลทั่วไป
โอย ทำไงดี กลัวก็กลัว สงสารก็สงสาร ขำก็ขำ น่ารักด้วย
นี่มันนิยายอะรัยกันเนี่ยยยย

อ่านมาตั้งแต่ตอนแรกๆ ไม่นึกว่าพี่ขรรค์จะเป็นหมอผี ไม่ได้คิดถึงจุดนั้นเลย
รู้อย่างเดียวว่า น้องวาลย์น่ารักจัง และพี่ขรรค์คงจะเป็นหมอ...หมอจริงๆอ่ะ แต่คงเล่นของด้วย
เพิ่งจะรู้ว่า หมอผี ก็เป็นเกย์ได้ด้วยเนอะ
ณ จุดนี้ ไม่ขอมีแฟนเป็นเป็นหมอผีอ่ะค่ะ ถึงจะหล่อแค่ไหนก็เถอะนะ สยองอ่ะ
เนื้อเรื่องสนุกมากค่ะ แหวกแนวดี ไม่เห็นเรื่องผีที่น่ารักได้ขนาดนี้มาก่อน
พี่ขรรค์เท่มากกก น่ากลัวเล็กน้อยถึงปานกลาง
ฝากพี่ขรรค์ดูแลน้องวาลย์คนขี้กัวผีด้วย (ฝากหนูสองจุกด้วยนะ พี่สาวแอบกลัวหนูล่ะ)

แล้วคืนนี้....เค้าจะนอนหลับไหม???

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
+1 ค่าข้าวสารเสก พี่ขรรค์เท่อย่างแรงเลยอ่ะ
อ่านไปกลัวไป แต่ก็หยุดไม่ได้  :sad4:
คืนนี้จะไปทำงานได้ไหมเนี่ย กลัวอ่า~
ถ้ากลัวมากๆจะไปซุกอกใครล่ะเนี่ย  :-[

nookkiko

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2:กลัวอ่ะ

แต่ก็สนุกดี ชอบๆ

บรรยายซะเห็นภาพชัดเจน นึกว่าเจอเอง o22

แต่ยังรออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ


posshiza

  • บุคคลทั่วไป
จะสงสารดีมั้ยเนี่ย ไม้อ่ะไม่น่าพูดถึงเค้าเลย
พูดถึงผี ผีก็มาให้เห็น คราวหลังก็อย่าไปลบหลู่เค้าล่ะ
จะได้ไม่เป็นแบบนี้อีก

วาลย์เอ้ยกลัวอะไรได้อย่างนั้นกลัวผีแต่มีแฟนเป็นหมอผี
แล้วถ้าวาลย์รู้ว่าเรื่องพี่ขรรค์จะเป็นยังไงต่อไปละเนี่ย

วาลย์น่ารักอ่ะมิน่าละพี่ตรีถึงต้องทำเสน่ห์ใส่ พี่ขรรค์ดูและวาลย์ให้ดีนะ
เชียร์พี่ขรรค์สุดกำลัง รักยมช่วยพ่อเค้าอีกแรงนะลูก เดี๋ยวจะซื้ออุลตร้าแมนมาฝาก

ปล. ข้าวสารเสกอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องมีสายสิญจ์กับน้ำมนต์ด้วยครบเซ็ทเลยทีนี้
รอตอนต่อไปค่ะ  :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
ยาเสน่ห์ไม่เอาก็ได้ค่ะ เพราะรู้ตัวดีว่ามีเหลือเฟือ
แต่เอาพ่อมดหมอผีเหมารวบแบบแพคคู่เลยได้ไหมคะ
เลือกใครไปก็เสียดายอีกคน 555
 
สนุกดีชอบมากๆค่ะ

ออฟไลน์ aeyja55

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
Re: [เรื่องสั้น] "Secret of Love&qu
«ตอบ #115 เมื่อ19-08-2010 21:42:13 »

อ่านตอนนี้จบแล้วจะนอนยังไงเนี่ย สงสัยต้องเปิดไฟนอนซะแล้ว  :sad4: :sad4: :sad4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-08-2010 16:14:04 โดย aeyja55 »

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
 :sad3: น่ากลัวจริงๆ แรงน่าดูผีตนนี้ รัก ยม เอาไม่เลยทีเดียว

พี่ขรรค์ วาลย์อาจจะดีใจก็ไดนะที่มีแฟนเป็นหมอผี เจอผีที่ไหนจะได้ปราบเลย

kittyfun

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากเพิ่งตามมาอ่านเรื่องนี้ค่ะ

แปลกและแหวกแนว แถมได้ใจอย่างแรง

พระเอกเป็นหมอผีมือฉมังเสียด้วย

วาลย์คิดได้ดีมาก มีแฟนเป็นหมอผีจะได้ไล่ผีให้ห่างจากเราตลอดเลยฮิๆๆๆ

daizodiac

  • บุคคลทั่วไป
ขำก็ขำ แต่ก็สงสารน้องวาลย์.. ถ้ารู้จะช็อกขนาดไหนเนี่ย 5 55
น้ิองรักยมน่ารัก ก จัง ดูแลพี่วาลย์ดีดีนะลูก ~

ออฟไลน์ CHIVAS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
ระทึกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
นายไม้ก็พูดซะ. . . แบบนั้น เจอของดีเลย
ขนลุกเป็นที่สุด   :sad4:
ถ้าน้องวาลย์รู้ว่าพี่ขรรค์เป็นหมอผี  จะเป็นไงล่ะนี่  รักพี่เค้าก็ต้องรับได้ซิเนาะ น้องวาลย์

ตอนหน้า พี่ตรีโผล่มาเหรอค่ะ  อย่าหวังซะล่ะ  เชียร์พี่ขรรค์อยู่แล้วววววววววววววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด