ไม่รู้ว่าตัวเองหลับลึกไปนานเท่าไร แต่ตอนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ได้ยินเสียงหนุงหนิงของเด็กผู้ชายเล็กๆคุยกันอยู่ข้างหู
เสียงคุ้นๆ
“พ่อใหญ่รังแกพ่อเล็ก รักโป้งพ่อใหญ่”
“เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กไม่เกี่ยว ไปกินขนมไป๊” เสียงพี่ขรรค์ดุเบาๆ
“หน้าซีดแบบนี้ ไม่สบายรึเปล่าพ่อใหญ่”
ฟูกข้างตัวยุบลง รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังโน้มตัวมาใกล้ ผมจึงพลิกตัวหาทำให้พี่ขรรค์สะดุ้งเล็กน้อย
“ตื่นแล้วหรือ รู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า” ดวงตาพี่ขรรค์เปล่งประกายวิบวับ พร้อมกับลูบศีรษะผมช้าๆ
“ปะ...เปล่า” ผมขยับลุกแล้วต้องเบ้หน้า ความเจ็บแปลบแล่นปราดเข้าทิ่มแทง หากฝืนพยุงตัวขึ้นพิงหัวเตียง “พี่ขรรค์คุยกับใครอยู่เหรอ?”
แววตาคู่คมไหววูบก่อนคืนสู่ปกติเกือบในทันที ผมจึงเอี้ยวตัวมองข้ามหัวไหล่พี่ขรรค์ไปก็พบเด็กผมจุกสองคนนั่งอยู่ปลายเตียง
ไม่ใช่แค่เสียงคุ้นแล้วล่ะ หน้ายังคุ้นๆอีกด้วย นั่น!...
ไอ้เด็กที่ลอยได้เมื่อคืนนี้!
ตาแทบถลนออกจากเบ้าหันมองหน้าพี่ขรรค์คล้ายขอคำอธิบาย
“อ๊า!ผี พี่ขรรค์”
ผ้าห่มถูกดึงขึ้นมาคลุมหัวทันทีทันใด เหลือแต่ลูกตาไว้ขอความช่วยเหลือ
พี่ขรรค์ดึงตัวผมเข้าไปกอดปลอบเสียงเบา
“เขาไม่ทำอะไรวาลย์หรอก เขาเป็นห่วงวาลย์จนแย่ด้วยซ้ำ”
“ไม่เอาๆ ออกไปเถอะๆ ไหนพี่สัญญาแล้วไง” ผมกระถดตัวหนี หากหางตาค่อยๆเหล่แอบมองไปทางปลายเตียง
กลัวแต่ก็อยากรู้อะ!
ใบหน้าดวงน้อยสองดวงขาวซีด หัวคิ้วเรียวเล็กขมวดยุ่ง ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มเข้าหากันแน่นคล้ายคนกำลังอยากร้องไห้เต็มแก่ แล้วก็...
“แง๊ๆ!”
ตายๆ ให้ดิ้นตายเถอะ ผมกำลังเห็นผีน้อยร้องไห้ขี้มูกโป่ง ทำเอาผมงงเป็นไก่ตาแตก หันมองพี่ขรรค์
“เขาเสียใจ พวกเขารักวาลย์มากนะ เห็นมั้ย ร้องไห้ใหญ่เลย”
“แล้วจะให้วาลย์ทำยังไงพี่ วาลย์กลัวผี แล้วจะให้ปลอบผีร้องไห้เนี่ยนะ”
“ไม่ใช่หรอก แค่อย่าแสดงอาการรังเกียจพวกเขาก็พอ ถ้าวาลย์สงบใจลง วาลย์ก็จะเห็นว่าพวกเขาเป็นเพียงกลุ่มพลังงานรูปแบบหนึ่ง ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่นึกหรอกนะ”
ผมสั่นหน้าดิกให้อีกฝ่ายส่ายหน้าอ่อนใจทันที
พี่อย่าพยายามเอาวิทยาศาสตร์มาอธิบายสิ่งตรงหน้าได้มั้ยพี่
“เอาเถอะ ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ แต่เรื่องที่วาลย์ถามพี่เมื่อคืนว่ามีอะไรปิดบังอีกมั้ย ก็คือเรื่องนี้นี่ล่ะ พี่ให้รักกับยมเขาไปคอยดูแลวาลย์มาได้พักใหญ่ๆแล้ว”
“ห๋า!” เหมือนได้ยินเสียงเส้นเลือดในสมองปูด
ตาค้างเลยครับงานนี้ นี่ผมอยู่กะเจ้าผมจุกลอยได้มานานแล้ว ไม่อยากจะเชื่อ
อ๊า! พี่ขรรค์ส่งผีมาอยู่กับผม ถึงว่า ที่ผ่านมาเหมือนมีใครอยู่ด้วยตลอด ที่แท้ก็เจ้าพวกนี้เอง
ผมมองพี่ขรรค์อย่างไม่อยากเชื่อสายตา ทว่าพี่ขรรค์ก็พยักหน้ารับอย่างใจเย็น
“พวกเขาชอบวาลย์นะ”
โอย...อยากเป็นลม เรื่องจริงรึเนี่ย
“ที่ผ่านมาพวกเขาเคยหลอกหรือทำร้ายวาลย์มั้ย ลองทบทวนดูสิ”
ก็ไม่เคย แต่ถึงไม่เคยก็ใช่ว่าจะต้องอยู่ด้วยกันนี่พี่ ต่างคนต่างอยู่ได้มั้ย
ผมเงียบ ได้แต่ขบคิดในใจ พลางมองหน้าพี่ขรรค์ไป และเหล่เจ้าผมจุกทางปลายเตียงไปด้วย
น้ำตามันไม่รู้จักหมดรึไง ไหลเป็นท่อประปาแตกมาตั้งนานแล้ว
“พ่อเล็กๆ”
ดูๆยังมีหน้ามาเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน หลอนกันมาตั้งนาน
“แง๊ๆ ต่อไปจะไม่มาให้เห็นหน้าอีกแล้วก็ได้ พ่อเล็กอย่าโกรธพวกเราเลยนะ แค่ขออาศัยอยู่ด้วยจนกว่าจะได้ไปผุดไปเกิดนะจ๊ะ นะจ๊ะ”
ผมอึกๆอักๆไม่กล้าตอบ ได้แต่เหล่มองภูตน้อยสองตนกำลังเช็ดน้ำหูน้ำตาด้วยท่อนแขนเล็กๆ
“ถ้าไล่พวกเราไป ก็ไม่รู้จะไปอยู่ไหน ลอยไปลอยมาไปเจอหมอผีนอกคอกจับขัง พวกเราก็จะไม่ได้ไปเกิดอีกเลย สงสารพวกหนูเถอะนะพ่อเล็ก แล้วพวกหนูจะไม่ออกมาให้เห็นหน้า ไม่ให้พ่อเล็กกลัวเลย”
เอาเข้าไป ยังมีเหตุผลอะไรอีกมั้ย ที่พูดมานี่ก็กลายเป็นผู้ร้ายใจดำจะแย่แล้ว
ผมขดตัวเบียดพี่ขรรค์ ใจอ่อนเป็นขี้ผึ้งถูกไฟลน ก่อนจะงึมงำเบาๆกับแผงอกกว้าง
“ไม่ได้จะไล่ไปไหนซะหน่อย แค่อย่าผลุบๆโผล่ๆออกมาให้ตกใจเท่านั้นล่ะ”
“จริงนะ!”
“ว๊าก! อย่าเข้ามาใกล้”
ผมแหกปากร้องเมื่อเด็กผมจุกทั้งสองลอยมาหา หน้าบานยิ้มไม่หุบทั้งน้ำตา ก่อนจะรีบก้มหน้าหลบ ไม่กล้ามองตรงๆ
“รักรักพ่อเล็กจัง พ่อเล็กใจดี ให้กินช็อกโกแลตบ่อยๆ”
นั่นเพราะขี้เกียจทำกับข้าวถวายหรอกเล่า
“เลย์ก็อร่อย”
นั่นก็อีก
“ให้กินเปปทีนอีกด้วย”
นั่นเพราะนมหมดหรอก ผมนึกตอบอยู่ในใจ
“อยู่บ้านพ่อ พ่อให้กินแต่ทองหยิบทองหยอด เบื่อจะแย่”
เอ มันแปลกๆนะ
ที่อยากอยู่ที่นี่เพราะได้กินของที่ชอบ ไม่ใช่เพราะกลัวเรื่องไม่ได้ไปผุดไปเกิดเสียล่ะมั้ง
ผมเงยหน้าขวับชนกะภูตน้อยซึ่งลอยมาอยู่ตรงหน้าพอดิบพอดี
“อ๊าก!”
อากาศเย็นยะเยือกโบกไล้ใบหน้า ใจผมยังไม่แข็งแรง มาเจอกันจะๆคาตาแบบนี้ก็จบกันสิครับ
ผมหมดสติไปอีกครั้ง และตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่ตะวันตรงศีรษะพอดี
พี่ขรรค์เข้ามาลูบหน้าลูบตาด้วยผ้าเย็นหอมดอกมะลิโชยอ่อน
“พี่ขรรค์”
“หิวรึยัง เที่ยงแล้ว”
ผมส่ายหน้าตอบ อีกฝ่ายจึงส่งยิ้มอบอุ่นมาให้
“พี่เตือนรักกับยมแล้วว่าอย่าทำแบบนั้นอีก อย่าเคืองพวกเขาเลยนะ นี่เขาก็สำนึกผิดอยู่”
จะให้ทำอะไรได้ล่ะครับ นอกจากพยักหน้ารับ มันจำยอมตั้งแต่ยอมรับรักหมอผีคนนี้แล้ว คงต้องทำใจสถานเดียว
“เดี๋ยวพี่จะพาไปพบพ่อกับแม่พี่ วาลย์ไหวมั้ย”
“พ่อกับแม่พี่?”
“อืม รอเจอวาลย์ตั้งแต่เช้าแล้ว”
“หา! ทะ...ท่านจะว่าอะไรรึเปล่า”
“ไม่ต้องกังวล พวกท่านรู้ตั้งนานแล้ว ยิ่งพ่อพี่ ทำใจมาแล้วตั้งแต่พี่เกิด เป็นหมอดูนี่นะ ทำนายดวงลูกตัวเองไม่ถูกก็ไม่ต้องไปดูให้ใครแล้วล่ะ” พี่ขรรค์เล่าอย่างขบขัน
บ้านนี้เขาไม่มีความลับปกปิดกันเลยรึไง
ผมเข้าไปอาบน้ำอีกรอบอย่างเก้ๆกังๆ จากนั้นจึงตามพี่ขรรค์ออกไปพบท่านทั้งสองซึ่งนั่งเล่นอยู่ที่เรือนไทยหลังน้อย รับลมเย็นๆจากต้นไม้ใหญ่รอบๆกำลังดี
มารดาพี่ขรรค์เป็นแม่บ้านแม่เรือน แม้วัยจะล่วงเลย ทว่าเค้าความงามยังจับตา ส่งยิ้มฉายรอยปราณีให้ผมได้อุ่นใจมากโข ส่วนบิดาพี่ขรรค์ไม่ต้องแนะนำ มองปุ๊บรู้ปั๊บ พ่อลูกกันแน่ ถอดแบบมาทุกกระเบียดนิ้ว
หล่อใหญ่หล่อเล็กมาเลย
“นั่งสิไอ้หนุ่ม”
ผมนั่งลงตามคำเชิญ ดวงตาจับจ้องบิดาพี่ขรรค์ซึ่งนุ่งขาว รู้สึกเลื่อมใสยังไงบอกไม่ถูก
“หนียากหน่อยนะ ลองได้ตกล่องปล่องชิ้นกะไอ้ลูกชายหัวดื้อของฉัน”
ไหนพ่อพูดงี้ล่ะ
ผมหันมองพี่ขรรค์ทำหน้าปูเลี่ยนอยู่ข้างๆ ก่อนกลับมาสนใจคนตรงหน้า
“อย่ากลัว มาหาบ่อยๆแล้วจะสอนวิธีนั่งสมาธิ จะได้ตั้งมั่นในสติ ไม่วอกแวก ให้ขรรค์เทพสอนไม่ได้ จะพากันเตลิดทั้งคู่ รายนั้นความอดทนต่ำ”
เหมือนพ่อจะว่าพี่ขรรค์กลายๆ เพราะพี่ขรรค์หน้าแดงเรื่อ จากนั้นจึงฉวยคว้ามือผมไปบีบแรงๆ
เดี๋ยวเหอะ
“พ่อนี่ก็ เจอหน้ากันไม่ทันไรก็จะจับสอนนั่งสมาธิกันซะแล้ว ไม่เอาๆ น้องเขาตกใจมามากแล้ว พักไว้ก่อนเถอะ มาทานขนมกันก่อน เมื่อเช้าขรรค์เทพมาบอก แม่ก็ให้เขาทำน้ำมะตูมเย็นๆกับขนมอีกสองสามอย่างไว้ ทานด้วยกันนะจ๊ะ”
“ครับ”
ผมอดเขินไม่ได้ ต้อนรับกันเหมือนผมมาเป็นลูกสะใภ้ บ้านนี้เขาเข้าใจอะไรกันง่ายดี ซึ่งผมก็ชอบหรอก ถ้าไม่มีผีสางด้วยจะดีกว่านี้โข
ระหว่างรอขนม คุณแม่ผู้มีอัธยาศัยดีก็ถามเรื่องของผมไปเรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้สึกกระดากที่จะตอบ แต่พอขนมมาถึงเท่านั้นล่ะ
ผมก็อ้าปากค้าง ลูกตาแทบหลุดมากลิ้งบนโต๊ะ
เพราะผมเห็นผู้หญิงผมยาวใส่ชุดไทยงามตา ไม่รู้มาจากทางไหน ยืนอยู่ไม่ห่างจากที่ผมนั่ง ร่างกายคล้ายโปร่งแสงทำให้ผมยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่คน ยังไม่หมดครับ ยังมีผู้หญิงผมยาวอีกตนปรากฏกายยืนเคียงข้าง ทั้งสองส่งยิ้มให้ผม และกำลังเคลื่อนเข้ามาหาผมช้าๆ
“คุณผีบ้านผีเรือน เขากลัวนา วันหลังค่อยมาทักทายเถอะนะ”
ผมหันหน้ามองบิดาพี่ขรรค์ซึ่งกำลังพูดกับผู้หญิงทั้งสอง จากนั้นร่างโปร่งแสงก็ค่อยๆจางหายไป ผู้กล่าวจึงหันมาหาผม
“ยังไม่ได้บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง ขรรค์เทพพาน้องไปจุดธูปบอกก่อนไป๊”
อ๊าก!
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นในใจ
ถ้าเป็นลมอีก ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่สามในรอบยี่สิบสี่ชั่วโมง ผมเหลือกตากลอกไปมา
แม่ครับ มารับผมกลับบ้านที!
.....จบ....
เจอพ่อเป็นหมอดู หมอผี เเฟนก็เป็นหมอผี
เจอน้องรัก ยม เจอคุณผีบ้านผีเรือนอีก
วาลย์เอ้ย โชคดีละกันนะจ๊ะ กร๊ากกกกกกกกก

ขอบพระคุณทุกๆคอมเมนท์น่ารักๆ อ่านเมนท์เเล้วฮา หนุกมากมาย

สำหรับตอนพิเศษหรือตอนต่อจากนี้ไม่มีเเล้วอะ
เพราะพี่เค้าเเต่งเรื่องใหม่อยู่ ฉีกเเนวไปเลยมั้งจากทุกเรื่อง
ว่าจะเอาเรื่อง with all my heart มาลงเเต่ยังไม่ได้ขออนุญาตเลย
ไปเเล้วจ้า เจอกันเรื่องต่อไปนะคะ

+1ให้ทุกคน