ใบหน้าหวานแดงระเรื่อ แม้จะฟังดูแปลกแต่เมื่อนึกตามที่อีกฝ่ายพูดแล้วกลับรู้สึกสุขใจอย่างประหลาด
“เอ่อ.. จะดีเหรอ..”
“ดีซี.. ดีที่สุดเลย”
“ตอนนี้คุณยังไม่พร้อมจะมีเมียก็พูดได้ ถ้าถึงวันที่คุณอยากจะมีครอบครัวของตัวเองขึ้นมาจริงๆ คุณก็ต้องจากผมกับโมจิไปอยู่กับลูกเมียของคุณ ถ้าเป็นแบบนั้น สู้เราอยู่กันตามลำพังตั้งแต่วันนี้ไม่ดีกว่าเหรอ..”
ใบหน้าหวานเบือนหลบ ...แค่คิดไปเองว่าถ้าอีกฝ่ายมีครอบครัวของตัวเองแล้วเขากับโมจิต้องถูกทิ้ง... น้ำใสก็เอ่อรื้นดวงตาคู่สวย
เตชิตใจหายกับคำพูดของกานต์รวีรีบโอบร่างเพรียวซบไหล่และกระซิบปลอบ
“ไม่มีทาง!! ฉันไม่มีวันทิ้งนายกับลูก ไม่มีวันทิ้งครอบครัวของเรา ฉันไม่พร้อมจะมีใครแล้ว วี.. ฉันขอสารภาพกับนายว่า ฉันมีคนที่ฉันรักแล้ว..”
ร่างเพรียวผละออกสีหน้าตกใจ
“คุณมีคนรักแล้ว?”
เตชิตพยักหน้ารับ ใบหน้าหวานสลดถอยกายออกห่าง
“คุณภาใช่มั้ยครับ..”
คิ้วเข้มเลิกขึ้น
“ใครบอก?”
กานต์รวีสวนกลับเสียงสั่นเครือ
“ไม่เห็นต้องมีคนบอก ผมเห็นกับตาว่าคุณกับคุณภาสนิทกันแค่ไหน ตอนไปสิงคโปร์เธอก็ไปกับคุณด้วย ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณกับเธอสนิทกัน ในเมื่อคุณยอมรับว่ารักเธอแล้ว ก็สร้างครอบครัวของตัวเองเลยซิ จะมาอยู่ร่วมเป็นครอบครัวกับผมและโมจิทำไม!!..”
กานต์รวีลุกพรวดขึ้นยืน
“ผมจะลืมเรื่องเพ้อฝันที่คุณพูดเมื้อกี้นี้ ผมจะลืมว่าคุณไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทของผม คุณไม่เคยเป็นคนในครอบครัวของเรา ที่ผ่านมาคุณเป็นแค่นายจ้างและเจ้านายของผมเท่านั้น..”
ร่างเพรียวก้าวลงบันไดแต่ถูกมือใหญ่คว้าแขนไว้
“ไม่ใช่นะ!! วี.. นายเข้าใจผิด ฉันไม่ได้รักคุณภา ฉันรักคนอื่น.. ”
ริมฝีปากบางเม้มแน่นดวงตาที่จ้องมองอีกฝ่ายฉายแววผิดหวังและเสียใจ
“ใช่หรือไม่ใช่!!.. จะรักใครก็เรื่องของคุณ!!.. คุณควรไปสร้างครอบครัวกับคนที่คุณรัก ไม่ต้องมาเสียเวลากับครอบครัวของเรา ผมกับโมจิไม่ต้องการคุณ!!.. ปล่อยมือ!!..” กานต์รวีสะบัดแขนอย่างแรง
ร่างสูงงอตัวเพราะแรงสะบัดกระเทือนถึงแผล แต่มือใหญ่ยังกุมลำแขนเรียวแน่นไม่ยอมปล่อย
“ไม่นะ วี.. นายพูดถูก..
ฉันต้องสร้างครอบครัวกับคนที่ฉันรัก และครอบครัวของฉันต้องมีนายกับโมจิด้วย เพราะ
ฉันไม่ได้รักแค่โมจิคนเดียว แต่ฉันรักนายด้วยนะ วี..” กานต์รวียืนนิ่งรอฟังคำอธิบาย
“นายคือคนที่ฉันรัก กานต์รวี.. ฉันนึกชอบนายตั้งแต่ชนกันที่หน้าลิฟต์แล้ว ฉันคิดว่าฉันชอบนายอย่างเพื่อน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ ความรู้สึกที่ฉันมีต่อนายมันพิเศษมากเกินกว่าความเป็นเพื่อน ฉันไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ฉันไม่ได้เป็นเกย์ ไม่ได้เป็นไบอย่างเจ้ากร และไม่เคยรักชอบผู้ชอบมาก่อน แต่กับนาย.. ฉัน.. ฉันชอบตั้งแต่แรกเจอ และฉันก็รักนายมากขึ้นทุกวัน จนอยากอยู่ร่วมเป็นครอบครัวเดียวกัน ตั้งแต่รู้จักนาย ฉันไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนเลย ฉันกับภาศิราเป็นแค่เพื่อนกัน จริงๆ นะ วี.. ”
กานต์รวียืนนิ่งเป็นหุ่นไร้เรี่ยวแรงจนอีกฝ่ายดึงเข้าไปสวมกอดอย่างง่ายดาย
“ฉันรู้ว่ามันแปลกและนายอาจรับไม่ได้.. แต่ฉันก็อยากอยู่ร่วมเป็นครอบครัวเดียวกับนายจนกว่า
นายจะยอมรับฉัน หรือจนกว่านายจะมีคนที่นายรักและอยากสร้างครอบครัวกับเค้า..”
ร่างสูงซบศีรษะกับอกกานต์รวี
“ให้โอกาสฉันได้อยู่กับนายนะ วี.. ถึงวันที่นายมีใครจริงๆ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้นายลำบากใจ..”
“ขนมจีบรึเปล่า ? ”
คิ้วเข้มขมวดเงยหน้าขึ้นมอง กานต์รวีถามสีหน้าจริงจัง
“เอ่อ.. ฉันไม่ได้จีบนะ วี.. เป็นความรู้สึกจากใจฉันจริงๆ ”
ใบหน้าหวานอมยิ้ม
“ผมถามถึงอาหารว่างของคุณต่างหาก อยากกินขนมจีบรึเปล่าตอนนอนที่โรงพยาบาลเห็นบ่นอยากกิน ที่หน้าหมู่บ้านมีร้านขายติ่มซำเจ้าอร่อย เพิ่งเปิดได้ไม่กี่วัน เมื่อวานอ้อลองซื้อมาให้กิน อร่อยใช้ได้เลยแหล่ะ คุณอยากทานมั้ย..”
ร่างสูงนั่งเอกเขนกดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก กานต์รวีจัดเตรียมของว่างอยู่ในครัวด้วยตัวเอง แม่บ้านขอตัวกลับบริษัทเพื่อทำเรื่องขอลาออก เนื่องจากบิดาเตชิตจำได้ว่าเธอเป็นแม่บ้านของบริษัท จึงตำหนิลูกชายว่าเอาคนของบริษัทมาใช้งานส่วนตัวที่บ้านตัวเองแบบนี้ได้ยังไง ให้ส่งแม่บ้านกลับไปประจำที่บริษัทตามเดิม และรับแม่บ้านไปเช้าเย็นกลับหรือคนรับใช้อยู่ประจำมาทำแทน อ้อรู้สึกเสียใจที่จะต้องจากคุณกานต์รวีและหนูโมจิกลับไปทำงานที่บริษัท จึงตัดสินใจขอลาออกและมารับหน้าที่แม่บ้านให้โดยไปเช้าเย็นกลับเหมือนเดิม กานต์รวีไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเธอ แต่เตชิตยินดีและเปิดโอกาสให้เธอกลับไปทำงานที่บริษัทได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
“ขนมจีบ ฮะเก๋า ร้อนๆ มาแล้วคร้าบ~~” เสียงหวานใสร้องเรียกให้กินขนม
เตชิตระบายยิ้ม กานต์รวีเสิร์ฟขนมจีบเจ้าอร่อยคู่กับชาร้อน ขนมในจานหน้าตาน่ารับประทานจริง แต่ถ้าไม่มีบริการส่งถึงบ้านเขาก็ไม่ให้กานต์รวีออกไปซื้อเพราะต้องเดินไปถึงปากซอย ร้อนแดดเปล่าๆ
“ทำไมจัดที่เดียวล่ะ กินด้วยกันซี”
“ผมไม่หิว”
“จะให้ฉันกินคนเดียวได้ยังไง ที่จริงฉันก็ไม่ได้หิวด้วย ถ้านายไม่กินฉันก็ไม่กิน”
กานต์รวีตาเขียวใส่ ....แค่วันแรกก็ออกอาการดื้อรั้นเอาแต่ใจแล้ว แบบนี้จะดูแลกันตลอดรอดฝั่งมั้ย...
“กินด้วยกันเถอะ นะ วี นะ” เตชิตอ้อนเสียงหวานดักคอ
“ก็ได้!!..” เสียงใสกระแทกอย่างไม่พอใจก่อนเดินเข้าครัวไปหยิบจานและซ่อมออกมาอีกหนึ่งชุด
........................
“นายยอมรับฉันแล้วใช่มั้ย วี..”
“ผมไม่ได้ยอมรับคุณ ผมแค่ให้โอกาสคุณได้อยู่ร่วมเป็นครอบครัวกับผมและโมจิเท่านั้น เรื่องอื่น..ผมอยากให้เราใช้เวลาไตร่ตรอง บางทีมันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เรารู้สึก..”
เตชิตดีใจจนพูดไม่ถูก คำว่า ‘เรา’ แปลว่าความรู้สึกที่กานต์รวีมีต่อเขาก็คงไม่ต่างกัน
“ขอบคุณนะวี.. ขอบคุณที่สุดเลย.. ต่อไปครอบครัวเราจะมีนาย ฉัน และโมจิ ฉันจะไม่ให้นายกับลูกต้องลำบากอีก..”
คิ้วเรียวขมวด
“ยังไง? อย่าบอกนะว่าคุณจะเกื้อกูลผมกับโมจิด้วยการเอื้อเฟื้อทุกอย่าง ถ้าเป็นแบบนั้นผมไม่อยู่เป็นครอบครัวเดียวกับคุณหรอก..”
“เอ่อ.. แต่ฉันเป็นพ่อบุญธรรมของลูก พ่อมีหน้าที่อุปถัมภ์เลี้ยงดูลูกนะ วี..”
“ผมก็ไม่ได้ห้ามแต่ต้องพอเหมาะ
เราต้องมีกฎในการอยู่ร่วมกัน ข้อหนึ่ง คุณรับโมจิเป็นลูกบุญธรรมได้ แต่โมจิต้องใช้นามสกุลโชติช่วงเหมือนเดิม
ข้อสอง เพื่อความสบายใจของคุณในฐานะที่เป็นพ่อบุญธรรมของโมจิ เรารับผิดชอบค่าใช้จ่ายของลูกคนละครึ่ง
ข้อสาม ผมจะไม่รับความช่วยเหลือจากคุณในด้านการเงินเป็นอันขาด
ข้อสี่ ถ้าคุณผิดกฎ ผมจะโกรธและถ้าผมโกรธบ่อยๆ ผมมีสิทธิทบทวนและยกเลิกการอยู่ร่วมกันของเรา.. ตกลงตามนี้มั้ย...”
“โอเค.. วี.. ฉันตกลงทุกข้อเลย..”
เตชิตรีบรับคำก่อนที่กานต์รวีจะเพิ่ม
กฎข้อที่ ห้า.. หก.. เจ็ด..