ชายหนุ่มร่างสูงดูมีท่าทีสบายๆในเสื้อเชิ๊ตสีเขียวอ่อน ดวงตาคมที่ซ่อนเอาไว้ใต้แว่นกันแดดราคาแพงนั้นสอดส่องมองหาคนที่ "หายไป" เมื่อครู่ใหญ่ก่อนหน้านี้ ในมือของทินกฤตนั้นมีกล้องถ่ายรูปในขณะที่ไหล่อีกด้านก็สะพายกระเป๋าใบขนาดกำลังพอดีที่เอาไว้ใส่ของจำเป็น ประธานบริษัทหนุ่มทำทียกกล้องส่องมองไปเรื่อย ทั้งที่ใจจริงมองหาจุนเจืออยู่มากกว่า
++++++++++++++++++
จุดนัดพบตรงที่จอดรถบัสคันใหญ่ คณะดูงานต่างก็เปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดกึ่งลำลองมารวมตัวกัน ส่วนกลุ่มของเด็กฝึกงานนั้น บาส กับจุนเจือ เดินมาพร้อมกัน โดยที่หนุ่มอารมณ์ดีคนนั้นเดินตามหลังเพื่อนจนแทบจะติดกัน ส่วนจุนเจือ ในวันนี่สวมเสื้อยืดสีเขียว ทับด้วยแจคเก็ตบางๆสีดำ กางเกงดูจะหลวมกว่าทุกวันที่เคยใส่ เด็กหนุ่มดูเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ค่อยๆเดินไปที่รถ
"มิสเตอร์เทียน..." สำเนียงภาษาอังกฤษแปร่งๆ เอ่ยเรียกชื่อของทินกฤตเอาไว้ได้ก่อนที่ทินกฤตจะได้โบกมือเรียกให้จุนเจือเดินมาหา
ชายหนุ่มพยายามซ่อนสีหน้าของความขุ่นเคืองที่มีต่ออีกฝ่ายในเรื่องเมื่อคืน และการขัดจังหวะ ณ เวลานี้
"เยส มิสเตอร์ทานากะ" ทินกฤตหันกลับไปคุยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
"เมื่อคืนเป็นยังไงบ้างครับ..."ชายสูงวัยถามพลางยิ้ม ท่าทีแบบนั้น สองสาวนั่นคงอับอายเกินกว่าจะบากหน้ากลับไปบอกนายได้ว่า ตัวเอง ไม่ได้รับความสนใจเท่าทีควรเป็นแน่
....ยังไงเสียก็คงจะได้รับเงินไปแล้วก้อนใหญ่ ..... "ก็ดีครับ... แต่ คราวหน้าคราวหลัง ผมบอกตามตรงว่าอย่าทำแบบนี้จะดีกว่า ผมมา เพราะผมเองก็มั่นใจในสิ่งที่ผมมี... แล้วผมก็ หวังไว้ว่าคุณจะ ดูในสิ่งที่ผมมีและเชื่อ ในตัวเองให้มากกว่านี้นะครับ...ทำแบบนี้ รังแต่จะทำให้คุณดูแย่เปล่าๆ " ทินกฤตถอดแว่นออกเพื่อมองหน้าของอีกฝ่าย ในธุรกิจนั้น สายตาเป็นเรื่องที่สำคัญ และเขาก็อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ
ชายสูงวัยกว่าดูเหมือนจะอึ้งไปเล็กน้อย เขาไม่คิดว่า ประธานหนุ่มจากเมืองไทยนั้นจะแตกต่างจากแขกหลายๆคนที่เขาเคยให้การต้อนรับดูแลได้มากขนาดนี้ มือของชายญี่ปุ่นร่างสันทัดตบลงเบาๆบนบ่าของทินกฤต ก่อนจะเดิน...เรียกได้ว่าเดินหนีไปอีกทาง
เมื่อทานากะเดินจากไปทินกฤตรีบหันกลับไปมองหาเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงคนนั้นอีกครั้ง
"เจือ....."
บาสที่เดินตามหลังเพื่อนมา ขยับมาอยู่ข้างๆจุนเจือ ก่อนจะมองหน้าเจ้านายของตน
" เดี๋ยวผม..ฝากจุนเจือกับพี่ด้วยนะครับ " มือแกร่งดันไหล่ของเพื่อนให้ไปหาพี่เขย สรรพนามที่เรียกทินกฤตเปลี่ยนไปหลังจากที่ได้รับรู้ว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นและเพื่อนของเขาคนนี้คิดอย่างไร
" อ่าว..ไอ้บาส? ทิ้งกูอีกแล้วนะมึง "
เด็กหนุ่มหน้าสวยหันไปต่อว่าเพื่อนได้ทุกครั้ง หากแต่ครั้งนี้บาสกลับตบบ่าเขาเบาๆ
" ไม่ได้ทิ้งซักหน่อย..เอาน่าโอกาสไม่ได้มีบ่อยๆ "
" ใช่ไหมครับ พี่เทียน? "
"......."ทินกฤตไม่ได้ตอบ เขาแค่พยักหน้าลงน้อยๆ ในดวงตาคมนั้นแสดงออกได้ถึงความรู้สึกขอบใจที่มีต่อเด็กหนุ่มตรงหน้า
ก่อนที่มือแกร่งจับจับข้อมือเรียวของจุนเจือให้เดินตามเขาขึ้นไปนั่งที่ก่อนที่นั่งหลังสุดของรถ ไม่วายมองหน้าของบาสเป็นเชิงบอกให้ตามไปนั่งด้วยกัน เขารู้ว่าอย่างไรเสีย เก่งก็อาจจะตามมานั่งไม่ได้ห่างนัก ถ้ามีคนที่พอจะรู้จักและไว้ใจได้อยู่รอบๆข้าง เขาก็คงไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก
" ครับพี่ๆ "บาสถอนหายใจก่อนจะทำหน้าที่ เขารู้ได้จากคำสั่ง จากสายตาของคนๆนี้ตั้งแต่ในห้องอาหารแล้ว
++++++++++++++++++
แม้จะได้ยินเสียงทัดทานจากพนักงานระดับหัวหน้าคนอื่นๆ แต่ทินกฤตก็ให้ เหตุผลพร้อมด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ว่าตัวเองเป็นคนชอบนั่งหลังรถแล้วก็หลับไปมากกว่า แแล้วก็อยากให้ทุกคนสนุกกันให้เต็มที่ ดังนั้นก็ไม่ต้องสนใจเขาก็ได้ ขอไปนั่งข้างหลังกับเด็กๆฝึกงานดีกว่า
...แม้จะฟังดูไม่ค่อยเป็นเหตุเป็นผลอะไรมากนัก แต่เมื่อ ท่านประธาน ว่าไปอย่างนั้นแล้วจะขัดก็กลัวขาเก้าอี้จะหาย
สุดท้าย การจัดที่นั่งหลังรถจึงกลายเป็นว่าจนเจือนั่งติดหน้าต่าง ตามมาด้วยทินกฤตส่วนบาสก็นั่งปิดทางให้ทั้งคู่อย่างรู้งาน และเบาะด้านหน้า เก่งกับศักดิ์ชัยก็นั่งอยู่ด้วยกันดังนั้น จึงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนัก
พอรถบัสออกตัวไปได้ซักพัก ทินกฤตก็หันไปมองหน้าของจุนเจือ ดวงตาคมสบตาของอีกฝ่ายนิ่ง
"บอกบาสด้วยเหรอ..."
เด็กหนุ่มมองข้ามอีกฝ่ายไปยังเพื่อนสนิทที่หยิบเกมส์มาเสียบหูฟังแล้วกดเล่นต่ออย่างเมามันส์ ดูท่าคงจะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกันเป็นแน่
" ถ้าไม่บอก..แล้วใครจะช่วยเราล่ะ? " เด็กหนุ่มสบตาอีกฝ่าย พยายามค้นหาความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในคำถามนั้น
" โกรธผมเหรอ? "
ทินกฤตส่ายหน้า "แค่แปลกใจ.... แต่สิ่งที่เราคิด พี่ว่ามันก็อาจจะดีก็ได้"
ริมฝีปากของชายหนุ่มหยักยิ้มน้อยๆ ก่อนจะพิงศีรษะลงกับ พนักเบาะ ว่าพลางก็กระเป๋าขึ้นมาวางไว้บนหน้าตัก มือแกร่งอาศัยกระเป้าใบนั้นบังสายตาจากบาสที่ยังคงนั่งเล่นเกมส์ ก่อนจะขยับเข้ากอบกุมมือบางของจุนเจือเอาไว้ ปลายนิ้วสอดประสานแน่น
ซึ่งจุนเจือเองก็บีบตอบมือแกร่งนั้นก่อนจะยิ้มให้น้อยๆ เขาเห็นว่าบาสกำลังเล่นเกมส์อย่างเมามันส์จนแทบจะขยับตัวปิดไม่ให้ใครเห็นอีกสองคนด้านในได้ด้วยซ้ำ และในตอนนั้นเอง ริมฝีปากบางก็ขยับไปแตะกับพี่เขยของตนเบาๆ แล้วถอนออกมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าสวยทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่แบบนั้น
ทินกฤตเลิกคิ้วสูงอย่างประหลาดใจ แต่แล้วก็ต้องยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่เคยคิดก่อนเลยว่าจุนเจือจะทำตัวแบบนี้หากได้รักใคร ...อันที่จริง...เขาแทบไม่เลยว่าเด็กแบบจุนเจือ จะรักใครได้ นอกจากพี่สาว ...และตัวเอง ... มันอาจจะเป็นมุมมองที่เป็นไปในด้านลบ
แต่เมื่อลองมองในด้านบวกแล้ว เพราะเป็นจุนเจือนี่เอง สิ่งที่เคยติดลบในสายตาของเขาถึงได้ตีกลับไปด้านบวกในแบบทวีคูณ คิดแบบนั้นแล้วยิ่งนึกเอ็นดูอีกฝ่ายขึ้นมาอีก อยากจะกอดให้แน่นเสียตรงนี้แต่ก็ต้องอดใจเอาไว้ ทินกฤตเอนศรีษะเข้าหาเด็กหนุ่มเล็กน้อย ก่อนเสียงทุ้มจะดังขึ้นเบาๆ
"...ขอบใจนะ..."
++++++++++++++++++
ศาลเจ้าที่คณะทัวร์พามาถึงนั้นเป็นศาลเจ้าชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นทีได้รับการยอมรับให้เป็นมรดกโลก และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์กับประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมากเพราะคนที่สร้างศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นมาคือโชกุนที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น
"หลังจากนี้ก็จะพาเดินเข้าไปด้านในนะคะ...ทางเดินเข้าอาจจะไกลซักหน่อย แล้วก็ต้องขึ้นบันได...พอมองขึ้นไปก็จะเห็นประตูใหญ่ค่ะ" เสียงล่ามที่คราวนี้เปลี่ยนมาตามติดไกด์เพื่อที่จะแปลข้อมูลที่ไกด์พูดให้ลูกทัวร์ฟังดังขึ้นอย่างสดใสเมื่อทุกคนลงจากรถมารวมตัวกัน
เมื่อได้ยินแบบนั้น บาสก็หันมาทางทินกฤตทันที
" ..................... "
"เป็นอะไร....."แต่แล้วก็ต้องหยุดเมื่อมองหน้าของอีกฝ่าย ชายหนุ่มยิ้มขำๆ ก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง
.....เดินไม่ไหวซี่นะ...." จุนเจือมันท้องเสียเนี่ย..เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนมันก็ได้ " ถึงจะพยายามช่วยทั้งสองคนอยู่ก็เถอะ แต่การหักโหมกับเพื่อนเขาเสียขนาดนั้น มันก็เกินไปจริงๆ หนุ่มอารมณ์ดีเสียงดังคนนั้น อดที่จะโกรธไม่ได้
"ไม่เป็นไร...เราไปเที่ยวเถอะ...เดี๋ยวพี่ดูเอง" ทินกฤตว่าพลางยิ้ม ก่อนจะเดินไปบอกล่าม
"คุณล่ามครับ พอดีว่าน้องผมเขาไม่ค่อยสบาย ถ้ายังไงก็ไปเดินชมวัดอะไรกันก็ได้นะครับ...เอ่อ...ตรงนั้นมีร้านขายของ ถ้ายังไงพวกผมจะนั่งรอคุณล่ามตรงนั้น แล้วถ้าถึงเวลานัดแล้วผมจะกลับมารวมกับทุกคนที่นี่...หรือยังไงก็โทรเข้ามือถือผมได้" ว่าพลางก็ยื่นนามบัตรของตัวเองให้กับอีกฝ่าย
"เอาอย่างนั้นเหรอคะ คุณทินกฤต ...น้องเขาโอเคไหมคะ จะต้องไปโรงพยาบาลหรือเปล่า" ล่ามสาวถามเมื่อเห็นหน้าซีดๆของจุนเจือ
"คงแค่เหนื่อยเพราะท้องเสียน่ะครับ...ให้พักซักหน่อยก็คงดี" ชายหนุ่มว่า
"ไม่ต้องห่วงนะครับ"
เมื่อได้รับคำยืนยันหนักแน่น ล่ามสาวก็พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอีกรอบ เธอยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเดินกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
" จุนเจือ..มึงไปพักกับพี่เค้าเถอะ .. " มือแกร่งตบไหล่บางนั่นเบาๆอย่างเป็นห่วง ก่อนจะหันไปหาเจ้านายของตน
" พี่ครับ .. ผมฝากเพื่อนด้วยนะครับ "
"รู้แล้ว...
น้องพี่นี่นา..." ทินกฤตยิ้ม "เที่ยวให้สนุกก็แล้วกัน... " ชายหนุ่มว่าพลางหันไปมองร้านขนม ที่ตั้งเรียงรายอยู่
"ไป เจือ...เดินไปหาที่นั่งรอกัน" ร่างสูงว่าพลางเดินนำไปก่อน
++++++++++++++++++
" เหนื่อย...ปวดด้วย " จุนเจือบ่นออกมาเบาๆ หลังจากที่แข็งใจเดินมาถึงร้านขนมที่ว่า ร่างบางค่อยๆหย่อนตัวลงนั่งอย่างลำบาก
"ขอโทษนะ" ชายหนุ่มมองซ้ายขวา เมือเห็นว่าไม่มีใครพาลเบี้ยวทัวร์เดินตามพวกเขามา มือแกร่งคว้ามือของอีกฝ่ายมากุมเอาไว้หลวมๆ
" จะขอโทษทำไมอีกล่ะ? " เด็กหนุ่มยิ้มกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ ในตอนนี้ทินกฤตคนนี้กับทินกฤตคนที่เขาเกลียดขี้หน้านี่มันคนเดียวกันจริงๆหรือ
"ทำคนเจ็บก็ต้องขอโทษ... เห็นพี่แบบนี้ พี่ก็รู้สึกผิดเป็นเหมือนกันนะ" ทินกฤตว่าพลางมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง
" ฮะ ฮะ นึกว่าจะไม่รู้สึกอะไรเสียอีก... " เด็กหนุ่มหัวเราะกับคำพูดของพี่เขย ก่อนจะหุบยิ้ม ดวงตาคู่สวยสบตาอีกฝ่ายนิ่ง
" แล้วเรา..ควรจะทำยังไงดีครับ..ถ้าเรากลับกรุงเทพกันแล้ว "
"ถามพี่แบบนี้ พี่จะตอบเราว่ายังไงดี...."ทินกฤตเอ่ยขึ้นเสียงเบา พลางเปิดเมนูไปเรื่อยเหมือนจะเลี่ยงที่จะตอบคำถามนั้น
...ถ้าบอกว่า จะต้องหย่ากับพี่สาวเราเร็วๆ....
...จะรับเรื่องนี้ได้ไหม...." งั้น..
จบทุกอย่างเสียที่นี่ ดีไหม? " เด็กหนุ่มเองก็เปิดเมนูอาหารไปเรื่อยๆ พลางถามออกมาลอยๆ
"....
พี่จะเลวไหม ถ้าตอบว่าไม่..." ทินกฤตเองก็ตอบขึ้นมาทันควัน เขายังไม่ทันได้เริ่มสิ่งใด ยังไม่ทันได้ทำอะไรให้อีกฝ่ายเลย ...
" งั้น..พี่ก็บอกผมมาสิ..ว่าผม
ต้องทำอะไรบ้าง "จุนเจือปิดเมนู ดวงตาคู่สวยสบตาชายหนุ่มตรงหน้า นิ่ง
"
แค่อยู่ข้างๆพี่ ...." มือแกร่งจับมือของอีกฝ่ายขึ้นมากุมเอาไว้
"แล้ว
รักพี่ไม่ได้เหรอ... ถ้าจะถามพี่ว่า เราควรจะวางตัวอย่างไร ทำอะไร...พี่เองก็คงตอบไม่ได้ เจือ...นี่มันไม่ใช่เรื่องที่พี่จะให้คำตอบเราได้ทันควันเลยนะ...." ดวงตาคมสบตาของอีกฝ่าย
"จะให้พี่บอกเราเหรอว่า ก็ให้หลบๆกันไปแบบนี้ เพราะพี่....ยังไม่ได้บอกใคร ว่าพี่ "เป็นอะไร" ...เพราะพี่.."ยังมีชื่อเจนเป็นเมียตามเอกสาร" แบบนั้นน่ะเหรอ... ถ้าพูดออกไปแบบนั้น พี่ก็จะทำร้ายเราใช่ไหม"
" ............ แล้วผมล่ะ..เป็น
อะไร? "เด็กหนุ่มเจ็บแปลบมือเรียวดึงออกจากมืออุ่นๆของอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ
"แต่พี่จะหย่า " ++++++++++++++++++