เย็นวันนั้นทินกฤตกลับมาถึงบ้านด้วยอารมณ์ที่เรียกได้ว่าไม่ดีนัก เขาเห็นสีหน้าของจุนเจือที่อาจจะเรียกได้ว่าดูอมทุกข์แบบนั้นแล้วก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ แต่พอรีบออกจากห้องทำงานของตัวเองหลังจากที่เคลียร์เอกสารทั้งหลายทั้งปวงเสร็จ ก็ไม่พบเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งคนนั้นอยู่ที่โต๊ะทำงานแล้ว
"กลับมาแล้วเหรอเทียน..." เสียงเจนเอ่ยถามทันทีที่ทินกฤตเดินผ่านประตูบ้านเข้ามา
"อื้ม...อ่ะ วันนี้มีอะไรเหรอ" ทันใดก็ต้องเอ่ยทักเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าเจนสุดาวันนี้แต่งตัวสวยกว่าทุกวัน
"ไม่มีอะไรหรอก..." ถึงปากจะพูดไปแบบนั้นแต่ใบหน้าของหญิงสาวกลับแดงขึ้นมา
"อ่า...เข้าใจละ จะมีคนมากินข้าวด้วยใช่ไหมเนี่ย" ทินกฤตเอ่ยแซวภรรยาสาวที่ดูจะตื่นเต้นกับการมาของคนรักของเธอ
"โทษทีนะไม่ได้บอกก่อน แต่วันนี้มีของโปรดเทียนด้วย...ถือว่าไถ่โทษละกัน" เจนสุดาว่าพลางลากแขนของทินกฤตไปนั่งที่โต๊ะที่จัดไว้สำหรับสามที่
"อีกเดี๋ยว อลิสคงจะมาแล้วล่ะ"
+++++++++++++++++++
เพียงไม่นานหลังจากที่เจนสุดาว่า เสียงรถสปอร์ตคันงามที่มาจอดหน้าบ้านนั้นก็ทำให้หญิงสาวเรียบร้อยอย่างเจนสุดาวิ่งไปเปิดประตูทันที
"อลิส..." เจนสุดาวิ่งไปหาคนรัก ยืนรอให้ประตูรถเปิด เป็นอะไรที่เธอไม่ทำกับทินกฤตเป็นอันขาด
" คิดถึงจังเลย~ "
อสิส สาวลูกเสี้ยวไทย จีน และอเมริกัน เปิดประตูรถออกมา หล่อนเป็นผู้หญิงร่างสูงเพรียว ผิวขาวที่ตัดกับผมสีน้ำตาลอ่อนนั้น ดูเข้ากับชุดเดรสสั้นสีดำแบบเรียบง่ายแต่ดูดีมีรสนิยม แขนเรียวยกขึ้นโอบร่างของคนรักตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมด้วยกันเข้ามาหาตัวก่อนจะ แตะริมฝีปากกับเจนสุดาเบาๆ ไม่ได้สนใจบุคคลที่สามซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสามีของคนรักตนเลยแม้แต่น้อย
"อ่ะแฮ่ม...ไม่เกรงใจทางนี้ ก็เกรงใจเพื่อนบ้านหน่อยก็ได้นะ..." เพราะเห็นเจนสุดาวิ่งพรวดออกมาจากในบ้านทำให้ต้องรีบเดินตามมาดู กลัวว่าคนไม่ชอบใส่แว่น...และคอนแทคเลนส์ทั้งๆที่สายตาสั้นอยู่ไม่น้อยจะวิ่งไปสะดุดอะไรเข้า ...เป็นแบบนี้เกือบทุกวัน
" เรื่องอะไรฉันจะต้องเกรงใจเกย์อย่างนายล่ะ? ตอนแต่งงานใหม่ๆ นายยังไม่เห็นเกรงใจเจนของฉันเลย พาเด็กหนุ่มเอ๊าะๆเข้าบ้านแทบไม่ซ้ำหน้า " อลิสยังคงไม่ปล่อยมือจากเจนเลย หล่อนไม่ได้เจอกับเจนสุดามานานนับเดือน เพราะว่าต้องไปเดินแบบที่ฮ่องกง
"............." คำพูดของอลิสทำให้ทินกฤตเม้มริมฝีปาก
"โอเค ตอนนั้นน่ะใช่ แต่ตอนนี้ ผมก็เรียนรู้ที่จะเกรงใจแล้ว ก็อยากให้คุณช่วยทำความเข้าใจใหม่ด้วย"
" งั้นก็จะคอยดูต่อไปก็แล้วกัน .. นี่เจน หิวจังเลย เราไปกินข้าวกันเถอะ "
อลิสหันไปจิกกัดทินกฤตอีกรอบแล้วจึงหันมาชวนเจนสุดาไปกินข้าว มือเรียวโอบเอวของคนรักแล้วพาเข้าไปในเรือนหอของอีกฝ่าย
"...นี่เจน หิวจังเลย....ชริ...ยัย...ยัย....." ทินกฤตอดจะทำเสียงประชดประชันอย่างเหลืออดไม่ได้ เมื่อเห็นนางแบบสาวคนนั้นกำลังพาเจนสุดาที่ดูจะยิ้มเสียจนแก้มปริเดินกลับเข้าไปในบ้าน อลิสไม่เคยพูดดีๆกับเขาซักครั้ง และจิกกัดเขาได้ทุกครั้งที่มีโอกาส ผู้หญิงคนนี้ ดูท่าจะเกลียดผู้ชายทุกประเภท...เรื่องนั้นเขาไม่ว่า...แต่ปากเสียๆกับท่าทางหยิ่งแบบนั้นทำให้เขาอยากจะเรียกเธอ เป็น ควีนออฟฮาร์ท เสียมากกว่า ...
....ราชินีผู้โหดเหี้ยมในอลิสอินเดอะวอนเดอร์แลนด์นั่นยังไง...ชายหนุ่มร่างสูงเดินกลับเข้าไปในบ้านนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับทั้งสองคนอย่างเสียไม่ได้
+++++++++++++++++++
"เออนี่เจน...รู้เรื่องที่น้องคุณจะไปแข่งอะไรที่ญี่ปุ่นหรือเปล่า?" หลังจากทานข้าวไปได้พักใหญ่ทินกฤตก็ตัดสินใจเอ่ยถามขึ้นมา
"อ๋อ งานคอสเพลย์น่ะเหรอ รู้ซี่ แต่งานนี้เจนไม่ได้ตัดเสื้อให้น้องหรอกนะ...น่าเสียดายจัง...ว่าแต่เทียนถามนี่ทำไมเหรอ มีอะไรรึเปล่า" คงเป็นเพราะปรกติไม่เห็นว่าทินกฤตจะสนใจเรื่องจุนเจือซักเท่าไร ก็เลยนึกแปลกใจขึ้นมาไม่น้อย
"อ้อ..เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอก เห็นเขาบอกว่าจะเลิกฝึกงานแล้วจะไปประกวด แต่ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร เลยว่าจะมาถามความเห็นว่าควรจะทำยังไงดี..." ชายหนุ่มคนเดียวที่โต๊ะอาหารยกมือขึ้นประสานกันที่หน้าโต๊ะ
"เลิกฝึกงาน?...อ้าวแล้วแบบนี้จะจบยังไงล่ะ แต่...เอ...อืม....."เจนสุดาขมวดคิ้วแน่นพลางหันไปมองหน้าของอลิส
" ก็ต้องไปประกวดซี่ .. ยังไงก็ต้องไปประกวดนั่นแหละ โอกาสแบบนี้มีอีกที่ไหนกันเล่า " อลิสตัดสินใจให้เสร็จสรรพ
" ส่วนแค่เรื่องฝึกงาน .. คนเป็น"ญาติ"กันก็ต้องช่วยให้ผ่านอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? " ว่าพลางหันไปมองหน้าทินกฤตพลางยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
"ไอ้เรื่องนั้นผมก็เข้าใจ แต่มันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีเลยไม่ใช่หรือไง ประเด็นมันอยู่ที่ เด็กมันจะต้องมองให้ออกได้แล้วว่าอะไรสำคัญกว่าน่ะ" ทินกฤตขวมวดคิ้วมุ่น ทำไมทุกคนจะต้องคิดว่า เขาคนนี้จะต้องใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือไปช่วยคนส่วนน้อยด้วยนะ
.....พลันนึกได้ถึงคำพูดของตัวเองที่พูดไปกับเด็กหนุ่มคนนั้น....
.....ยิ่งออกปากไปแบบนั้นแล้วด้วย.....
"นี่เทียน...เจนน่ะ บางครั้งก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เจือทำหรอกนะ...แต่น้องเขาทำแล้วมีความสุข เจนก็ไม่อยากจะขัด ยิ่งในตอนนี้มันสำคัญกับเจือมากขนาดนี้...." เจนสุดาเอื้อมมือไปแตะท่อนแขนของทินกฤต
"เจนก็รู้ว่าเทียนกับเจืออาจจะยังเข้ากันไม่ได้ขนาดนั้น แต่....เทียนจะช่วยน้องไม่ได้เหรอ"
"เอ่อ....." เมื่อหันไปเจอดวงตากลมของเจนมองมาแบบนั้นพาลนึกถึงหน้าของน้องชายที่กำลังเป็นหัวข้อสนทนา...รู้ได้ในทันทีว่าในอกนั้นกระตุกแรงจนเกือบจะเจ็บ .... ทินกฤตเผลอชักมือออกทันที เมื่อเห็นภาพซ้อนของจุนเจือบนใบหน้าสวยของเจนสุดา
"เข้าใจแล้ว...เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะดูให้ก็แล้วกัน...เลิกมองผมแบบนั้นเถอะ เดี๋ยวคนนั้นจะมาตบผมเข้าให้" ทินกฤตเบือนหน้าไปอีกทาง ไม่วายปลายนิ้วยังชี้ไปยังอลิสอย่างเหยียดๆ
ดวงตากลมโตของอลิสสบตาทินกฤตพลางยิ้มเย็นก่อนจะจับมือของคนรักตนให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมตัวเอง ไม่วายสั่งเสียงเสร็จสรรพราวกับเป็นเจ้าของบ้าน
" ฉันรู้อยู่แล้วว่านายต้องทำได้ เพราะงั้น .. ก็จัดการให้เจือได้ไปประกวดซะ! ส่วนคืนนี้ นายจะไปไหนก็ไป เพราะฉันจะอยู่กับเจนเอง โอเค? "
"หา...นี่จะไล่ออกจากบ้านกันแบบนี้เลยเหรอ นี่ผมกำลังจะทำคุณประโยชน์ใหญ่หลวงให้พวกคุณนะ"ทินกฤตโวย
"แต่ แหม...ก็อลิสก็ไม่มาที่นี่ตั้งหลายวันนี่นา..." เจนสุดาตอบกลับใบน้าแดงก่ำ
" เห็นไหม? .. ไปเลย ชิ้วๆ " อลิสยิ้มเยาะทินกฤตอีกรอบ มือเรียวโบกมือไล่ชายหนุ่มออกจากบ้านได้ทุกครั้งที่หล่อนมาครองบ้านนี้เลยทีเดียว
+++++++++++++++++++
เมื่อเจอไล่ออกจากบ้านมาแบบนั้น ทินกฤตที่เพิ่งจะกลับถึงบ้านไม่ทันจะได้ เปลี่ยนเสื้อเปลี่ยนผ้าอะไรก็ต้องเดินออกมาอยู่หน้าบ้านตัวเองยืนมองกุยแจรถที่อยู่ในมือ พลางถอนหายใจ เขาปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตสีขาวของตัวเองลง พลางพับแขนเสื้อขึ้น เหนือข้อศอกทั้งสองข้าง
"เอาว่ะ ไหนๆก็โดนไล่แล้ว...ไปหาอะไรทำซักหน่อยก็ได้ ....ไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอใครเหมือนกันวะ"
น่าแปลกที่คราวนี้ แทนที่จะเป็นบาร์ที่มีแต่ พวกเดียวกัน เหมือนเช่นทุกครั้ง ทินกฤตกลับเลือกที่จะเข้าไปซัดเตกีลาร์มาดื่มเงียบๆตรงเคาท์เตอร์บาร์เพียงลำพังในผับหรู "ทั่วๆไป" ที่ไม่ว่าลูกคุณหนูผู้ดีมีเงินที่ไหนก็อยากจะเฉิดฉายกันแบบนั้นเสียมากกว่า
ในหัวของเขาตอนนี้ไม่ได้มีอารมณ์จะมองหาเด็กหนุ่ม หรือ ชายหนุ่มคนอื่นใดมาหาความสำราญเข้าตัว ตอนนี้มีแค่เรื่องชวนหัวของน้องเมียคนนั้นมากกว่าว่า ควรจะทำยังไงดีให้เด็กคนนั้นได้ไปญี่ปุ่น ตามที่ปากได้ลั่นวาจาออกไปแล้วเท่านั้น
+++++++++++++++++++
" เฮ้ย แล้วที่มึงจะไปประกวดที่ญี่ปุ่นอะ มึงบอกคุณทินกฤตเค้ารึยังวะ? " เสียงอันดังลั่นไม่เกรงใจใคร จู่ๆก็ถามขึ้นมากลางโต๊ะที่อีกมุมของร้าน ที่ตรงนั้น เป็นมุมส่วนตัวที่ถูกจองเอาไว้ด้วยหนึ่งในคนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน บาสดูจะตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่เพื่อนกำลังจะได้ไปญี่ปุ่น
" จุนเจือ! ยังไงมึงก็ต้องไปให้ได้นะเว้ย กูลิสต์กันพลาลอตใหม่ไว้เพียบ เงินก็เต็มกระเป๋า " พูดน้ำไหลไฟดับได้ตลอดที่เริ่มเมา จนหนุ่มหน้าสวยที่ดูคล้ายจุนเจือต้องตบไหล่ดังป้าบ ให้เพลาๆลงหน่อย
"พี่บาส...เสียงดังเวอร์อีกแล้ว....จะเสียงดังไปไหน แล้วดูหน้าพี่เจือเขาไหม หน้าไม่ได้บอกจะรับฝากของเลย" เสียงเอกดุแฟนหนุ่มของตัวเอง
" โอ๊ย~ เอก ไอ้จุนเจือมันเลิฟเพื่อนบาสคนนี้ที่สุด ยังไงก็ต้องไปหาซื้อมาให้อยู่ดีล่ะว้า จริงรึเปล่าวะ?! " คำถามแกมบังคับ ทำให้จุนเจือที่นั่งกินเหล้าไป เหม่อไป เงยหน้ามอง
" หือ?..มึงว่าอะไรนะ? "
ท่าทางเหม่อลอยของจุนเจือทำให้เก่งที่นั่งกินเงียบๆอยู่นานต้องเอ่ยถามอย่างนึกเป็นห่วง
"เป็นไร...ท่าทางเหม่อๆ คิดไรมากวะ"
หนุ่มหน้าสวยมองหน้าเพื่อนที่มาจากเชียงใหม่ ก่อนจะยิ้มให้เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นอะไร แล้วก็กระดกเหล้าเพียวๆเข้าปากอีก
เห็นแบบนี้ .. เจ้าหญิงคนสวยของคณะวิศวะปี 4 คนนี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องคอแข็งไม่แพ้ใคร แถมยังไม่ชอบผสมกับอะไรเลยเสียอีก ด้วยเหตุผลที่ว่า มิกเซอร์ทั้งหลายแหล่นี่แหละทำให้เป็นสิวได้ ..
" กูไม่เป็นไรหรอก... แค่เบื่อๆว่ะ " มือเรียววางแก้วเหล้าลงกับโต๊ะ ก่อนจะพูดขึ้นมาลอยๆ
" เฮ้ออ .. เลิกฝึกงานแล้วไปประกวดดีไหมน้า~ "
เสียงพูดคุยที่ดังมากจากใครบางคนในกลุ่มทำให้คนที่แค่อยากจะปลีกตัวเงียบๆคนเดียวต้องหันกลับไปมองท่ามกลางแสงสลัวนั้นทินกฤตหรี่ตาลงเพ่งมองเล็กน้อย...
....ใช่จริงๆ....ทินกฤตหันไปสั่งเตกีลาร์มาอีกช็อตก่อนกระดกลงคอไป ชายหนุ่มร่างสูงหายใจเข้าปอดไปหนึ่งเฮือก ความร้อนไล่เรื่อยลงไปตามลำคอ ก่อนจะเดินตรงไปหากลุ่มเด็กหนุ่มกลุ่มนั้นทันที
"ไหนว่ากลุ้มไง...แล้วมาเที่ยวเนี่ยนะ"
" คุณทินกฤต..เอ่อ สวัสดีครับ " บาสเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของบริษัทพลางทำหน้าซีด ไอ้ท่าทางเสียงดังโหลกเหวกเมื่อครู่หงอยไปได้ทันที เขารีบวางแก้วเหล้าในมือก่อนจะยกมือไหว้ทินกฤตทันที
"ไม่เป็นไร..นอกเวลางานพี่ไม่ว่า....แต่บางคน...." พูดพลางใช้หางตามองจุนเจือที่นั่งเงียบอยู่
"ถ้าพร้อมจะกลับเมื่อไรก็บอก พี่จะพาไปส่งบ้าน "
คนที่โดนพูดถึงเงยหน้ามองพี่เขยตนเองก่อนจะดูนาฬิกาข้อมือ
" แล้วคนบางคน..แต่งงานแล้วทำไมยังออกมาเที่ยวอยู่ได้ สงสารพี่เจนจริงๆ คงทำกับข้าวรอเต็มโต๊ะตามเคย " ว่าแล้วก็กระดกเหล้าเพียวๆเข้าปากไปอีกแก้ว
"กลับไปบ้านแล้ว กินข้าวกับเจนแล้ว พอดี มีแขกมา...พี่เลยปล่อยให้เขาคุยกัน" ทินกฤตตอบไปตามตรง
" แขก?..อ๋อ พี่อลิส " จุนเจือมองหน้าพี่เขยตัวเอง ท่าทางไม่สบอารมณ์ตอนที่พูดคำว่าแขกทำให้เขาเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เด็กหนุ่มยิ้มเยาะอีกฝ่าย แล้วก็เทเหล้าใส่แก้วตัวเองอีกรอบ
" เอ่อ คุณทินกฤตครับ..ถ้าไม่รังเกียจ นั่งกับพวกเราก็ได้นะครับ " เก่งที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยชวนอย่างเกรงใจ
ทินกฤตยิ้มให้กับเก่ง แต่ก็ส่ายหน้า "ไม่ล่ะ...เอาเป็นว่า ถ้าพวกเราจะกลับก็บอกพี่ด้วย พี่นั่งอยู่ที่บาร์...จะได้พาจุนเจือไปส่งบ้าน"
" เฮ้ย จุนเจือ มึงดื่มเยอะไปแล้วนะเว้ย .. กลับได้แล้ว ไปๆๆ " เห็นว่าเจ้าของบริษัทพูดแบบนั้นก็เกรงใจ บาสรีบบอกให้เพื่อนกลับไปทันที เพราะจะให้ผู้ใหญ่มาคอยกินเหล้ามันก็กะไรอยู่
ได้ยินเด็กหนุ่มชื่อบาสไล่จุนเจือกลับแบบนั้น ทินกฤตก็หยุดรอท่าทีของน้องเมีย ดวงตาคมมองหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์ซักเท่าไร แต่ก็ไม่ได้พูดหรือดึงดันจะให้อีกฝ่ายเดินตามมา ร่างสูงแค่ยืนดูท่าทีเท่านั้น
" กลับเถอะมึง ให้ผู้ใหญ่รอมันไม่ดี " เก่งว่าก่อนจะค่อยๆดึงแก้วเหล้ากับขวดออกจากมือของเพื่อนร่วมฝึกงานคนสวย
" เดี๋ยวเหล้านี่กูเก็บไว้ให้ .. มึงไปประกวดชนะกลับมาจากญี่ปุ่น แล้วมาฉลองกันต่อ "
คำว่าไปประกวด ชนะกลับมา ทำให้คนที่ดื่มเงียบๆอยู่นานต้องหัวเราะออกมาเบาๆ
" เออ..กูกลับก็ได้ ..มึงเก็บเหล้าให้กูด้วยละกัน ไอ้เก่ง " ว่าแล้วก็ลุกขึ้น มือเรียวโบกมือโงนเงนเรียกพนักงานของร้าน
" คิดเงินด้วยครับ "พอลุกขึ้นยืนก็ถึงได้รู้ว่าเมาแล้ว..เพราะว่าโลกมันหมุนไปมาเสียแบบนั้น
"เอ้า....เอานี่ไปจ่ายวันนี้พี่เลี้ยง" เสียงทินกฤตดังขึ้นพร้อมแบงค์พันสามสี่ใบที่ยื่นให้กับบาส ส่วนแขนข้างที่ว่างก็รวบเข้าข้างเอวบางของจุนเจือเข้ามาให้พิงเขาเอาไว้เป็นหลัก
"ส่วนเรา เจ้าตัวดี...กลับบ้าน...เดี๋ยวพี่พาไปส่ง" ทินกฤตหันมามองหน้าน้องเมียก่อนจะกระเตงเอาตัวจุนเจือเดินออกจากร้านไป
+++++++++++++++++++
" เฮ้ย อะไรนี่ พี่เทียน..ผมเดินเอง "จุนเจือโวยวายใส่พี่เขย ไม่ได้มีมาดสวยอย่างทุกที มือเรียวก็พยายามแกะมือที่โอบเอวเขาไว้ออกไป
"ก็เมาแล้ว เดินไปตุปัดตุเป๋หัวทิ่มขึ้นมาว่ายังไง หน้านกหงส์หยกไม่ได้ส่งประกวดกันพอดี" ทินกฤตเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่ได้หันมามองหน้าน้องเมียเท่าไร
" ไม่เมา...ซะหน่อย..มึนๆเอง "เด็กหนุ่มเถียงเสียงแปลกๆ แบบนี้ล่ะเมาแน่นอน
"ถ้าเถียงอีก พี่จูบเราตรงนี้เลยเอา...." ทินกฤตตัดบทมืออีกข้างควานหากุญแจรถเมื่อเดินมาถึงลานจอดรถ ของร้าน
" ตลก..พูดเป็นนิยายตบจูบไปได้ .. แล้วพี่อะเป็นตาแก่ในเพลงลูกทุ่งรึไง หวังจะงาบน้องเมียอะ หา? " ใบหน้าสวยๆแดงเพราะเหล้าที่กินไปไม่ใช่น้อย ริมฝีปากบางก็ยังพูดจาหาเรื่องได้ตลอด
"แล้วถามแบบนี้ อยากให้พี่บอกว่า "เออ ใช่" แล้วปล้ำเราตรงนี้ไหม" ทินกฤตปลดล็อครถเอสยูวีคันใหญ่ของตัวเองที่สั่งนำเข้ามาจากอเมริกา แล้วแทบจะจับจุนเจือโยนขึ้นไปนั่งข้างๆคนขับ มือข้างเท้ากรอบประตูรถในขณะที่อีกข้างเท้าเบาะที่จุนเจือนั่งล้อมกรอมเด็กหนุ่มเอาไว้ ดวงตาเป็นประกายในความมืดสลัวของลานจอดรถ ....เขาชักจะโมโหแล้วเหมือนกัน สีหน้านั้นไม่ได้บอกว่า ล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย
" งั้น พี่ก็คิดแบบนั้นจริงๆล่ะสิ?..
พี่น่ะ ทำให้ผมเป็นแบบนี้ แล้วจะฟันผมเองใช่ไหมล่ะ? " ดวงตาคู่คมสบตาอีกฝ่ายนิ่ง เขารู้ว่าทินกฤตไม่ได้ล้อเล่น เหมือนที่ตัวเขาเองที่ถามออกไปตรงๆ เหล้าช่วยให้กล้าพูดขึ้นอีกเยอะเลยทีเดียว
"พี่ไปทำอะไรเรา...."ทินกฤตถามอย่างเอาเรื่อง...
"ทุกอย่างเป็นเรื่องที่เราคิด...ตัดสินใจเองทั้งนั้น...พี่ทำให้ใคร กลายเป็นอะไร ไม่ได้หรอก
นอกเสียจากว่าเรา จะชอบพี่ขึ้นมาจริงๆ" ทินกฤตตอบกลับไปตรงๆ ก่อนจะถอยออกมาแล้วกระแทกประตูรถปิดกันอีกฝ่ายวิ่งหนีไปไหน ซึ่งเขารู้ดีว่า จุนเจือคงจะวิ่งหนีไปไหนไม่ได้แน่ เมาเสียขนาดนั้น ร่างสูงเดินอ้อมมาประจำที่นั่งคนขับก่อนจะขับรถออกไปทันที
" พี่เทียน! "จุนเจือขึ้นเสียงจนดังลั่นรถ
" จอดรถ!! "
"ทำไมต้องจอด" ทินกฤตถามกลับไม่ได้ยียวน แต่มันไม่มีเหตุให้จอดจริงๆ
" ผมไม่กลับกับพี่แล้ว บอกให้จอดไง! " เด็กหนุ่มหัวเสียกับท่าทางของอีกฝ่าย คนแบบนี้มีที่ไหนกัน พูดจาขนาดนี้ มั่นใจเสียเหลือเกินว่าใครต่อใครก็ต้องชอบตัวเอง แบบนี้
"ทำไม...เพราะพี่พูดแทงใจดำเรารึยังไง?" ทินกฤตหันมามองหน้าของจุนเจือที่ดูจะงอง้ำ
"ถ้าปล่อยน้องชายที่เมาหัวทิ่มกลับบ้านคนเดียว คิดดูซี่ว่าเจนจะว่าพี่รึเปล่า...เจนจะต้องเสียใจแน่ ถ้ารู้ว่าพี่ไม่ดูแลเรา...เจนน่ะ เขาก็ขอให้พี่ช่วยเราด้วยนะ ...รู้รึเปล่า การที่ให้ผู้หญิงมาขอร้องน่ะ มันไม่ได้น่าดูนักหรอกนะเจือ"
" ............................... " พอพี่เขยพูดถึงพี่สาว จุนเจือก็สงบลงได้อย่างไม่ยากนัก ใบหน้าสวยที่ยังแดงเพราะฤทธิ์เหล้าหันออกไปที่กระจกด้านข้างของตนเอง พลางกอดแขนตัวเองเอาไว้เงียบๆ ... ในตอนนี้เขาเหมือนเด็กที่จนคำพูดที่จะเถียงอะไรได้อีก แบบนั้น ..
ทินกฤตรู้ดีว่าคนที่สำคัญที่สุดของจุนเจือก็คือ เจนสุดา ไม่ว่าจะดื้อดึงแค่ไหน โมโหโทโสอะไรมา ขอแค่อ้างชื่อเจนสุดาไว้เด็กดื้อคนนี้ก็จะเงียบได้อย่างน่าประหลาด ไม่เหมือนเจ้ารถถังน้องชายของเขาที่โวยวายได้ตลอด...รถถังไม่เคยเชื่อเขาไม่ได้ให้ความรักกับเขาแบบนี้ แต่เขาก็เข้าใจดี ก็เพราะเจ้าถังมันเห็นแก่กินเกินไป ขอแค่อ้างของกินแล้วเจ้าถังจะสงบปากได้ทันใด ....บางครั้งก็นึกอยากให้น้องชายตัวเองทำตัวดีๆแบบที่จุนเจือทำให้พี่สาวของตัวเองได้แบบนั้น ซักครึ่งคงจะดีไม่น้อย
+++++++++++++++++++
ทินกฤตขับรถพาจุนเจือกลับไปส่งที่บ้านแม่ยาย
"เอาล่ะ...ถึงแล้ว..." เสียงทินกฤตถอนหายใจเมื่อขับรถมาจนถึงหน้าบ้านของแม่ยายของตัวเอง ชายหนุ่มดึงเบรกมือพลางหันไปมองหน้าของจุนเจือที่นั่งอยู่ด้านข้างใบหน้านั้นหันไปทางกระจก
"เจือ....ถึงแล้ว" เห็นท่าทางอีกฝ่ายนิ่งๆไป มือแกร่งปลดเข็มขัดนิรภัยฝั่งของตัวเองออกก่อนจะจับไหล่ของอีกฝ่ายเขย่าเบาๆ
"ตื่น ถึงบ้านแล้ว...."
" อื้ม " เสียงรับคำเบาๆ พลางลืมตาขึ้น แล้วขยับตัวช้าๆ " ถึงแล้ว...เหรอ? "
"อืม...ถึงแล้วครับ" เห็นหน้าเพิ่งตื่นแบบนั้นทำให้อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ใบหน้าสวยนั่นดูน่าขัน แต่ก็น่าเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก
"นอนน้ำลายยืดไม่รู้เรื่องเลยเรา...." ทินกฤตยกปลายนิ้วเช็ดมุมปากอีกฝ่าย
" อื้อ..อะไรเนี่ย " ท่าทางยังไม่ค่อยตื่น เสียงงัวเงียเล็กๆนั่นดูไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย
มือเรียวจับมือของชายหนุ่มออกจากหน้าตัวเอง เพลางทำหน้ายุ่งไม่ต่างแมวตัวที่อยู่กับพวงกุญแจที่พี่เขยยัดใส่ถุงแล้วเอาให้เมื่อวันนั้น
"ฮ่ะๆ...ทำหน้าเป็นแมวขี้เซาไปได้...บอกว่าถึงบ้านแล้ว " ทินกฤตเอ่ยย้ำอีกครั้ง
จุนเจือพยักหน้าสองสามครั้งแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะขยับตัวแล้วก็มึน แน่ล่ะ ดื่มเพียวๆไปเยอะขนาดนั้น
"โอเค...เดี๋ยวจะเอาอุ้มเราออกจากรถก็ได้" เห็นท่าทางแบบนั้น จุนเจือคงไม่ยอมลงจากรถไปง่ายๆแน่ ร่างสูงเดินอ้อมรถไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ แล้วปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากเอวของน้องเมีย
"เอ้า ลุกๆ" ทินกฤตดึงให้อีกฝ่ายลุกขึ้นนั่งยืดตัวตรงๆก็คงจะรู้สึกตัวมากขึ้นเอง สองมือปัดเสยเส้นผมที่ปรกหน้าอีกฝ่ายไปอีกทาง
"ตื่นรึยัง เจือ"
" ฮื่อ.. " จุนเจือรับคำในคออีกรอบ ก่อนจะจับไหล่อีกฝ่ายไว้เป็นหลัก ดวงตาอ่อนเชื่อมมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง
" พี่เทียน... "
"หืม?...." ทินกฤตมองหน้าอีกฝ่ายตามเสียงเรียก
" นี่..ผมจะได้ญี่ปุ่นไหม?.. "เสียงนั้นถามอย่างจริงจัง แม้จะยังไม่ตื่นดีเท่าไหร่
"ไม่เชื่อพี่รึไง พี่บอกว่าจะจัดการให้" คำถามของเด็กหนุ่มทำให้ทินกฤตอ่อนใจสองมือแกร่งจับใบหน้าสวยของจุนเจือให้มองหน้าเขา
"เชื่อพี่ซี่...ว่าเราจะได้ไปญี่ปุ่นจริงๆ โดยไม่เสียเรื่องงานเรื่องเรียนด้วย"
" ทำไมล่ะ?..
พี่อยากได้อะไรจากผมเหรอ..ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย? " ดวงตาอ่อนเชื่อมสบตาอีกฝ่าย พยายามที่จะมองใบหน้าหล่อเหลาของพี่เขยให้ชัดๆ
"พี่แค่..."นี่เป็นกี่ครั้งกันในชีวิตนี้ของทินกฤตที่เอ่ยออกไปด้วยเสียงสั่นแหบพร่า ในใจของเขากำลังหวั่นไหวกับในตาคู่สวยของเด็กหนุ่ม...คนที่เขาไม่ควรจะไปคิดอะไรให้มันเลยเถิดด้วย
"พี่แค่อยากให้เรา...ยิ้ม...ให้พีก็เท่านั้นล่ะมั้ง"
" พี่แค่..อยากจูบผมใช่ไหมล่ะ? " คำถามของน้องเมียที่ถามออกมาตรงๆในเวลาแบบนี้ กับท่าทางที่ดูจะไม่ตกใจกับอะไรอีกต่อไปแล้ว .. จุนเจือต้องใช้เวลาหลายวัน ครุ่นคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นและกระทบความรู้สึกของตน..เรื่องของผู้ชายคนนี้..
"อย่าถามในเรื่องจริง แต่ทำไม่ได้จะได้ไหม...คราวก่อนพี่จูบเราไป...เราร้องไห้แทบตาย "ทินกฤตหัวเราะออกมาเบาๆ
"พี่ไม่อยากทำเราร้องไห้หรอกนะเจือ"
" แต่..พี่ทำให้ผม..เป็น
แบบนี้ไปแล้วนะ " จุนเจือถอนหายใจแล้วหันหน้าไปอีกทาง เขาพูดออกมาเบาๆ พอให้ตัวเขาและอีกฝ่ายได้ยิน ก่อนจะขยับตัวอีกครั้งเพื่อที่จะลงจากรถ
" ช่างเถอะ..ถือว่าผมไม่ได้ถาม ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน "
"จะให้พี่จูบรับผิดชอบใช่ไหม..."
แต่ทินกฤตกลับยึดไหล่สองข้างของเด็กหนุ่มเอาไว้ ดวงตาคมสบตาของเด็กหนุ่มนิ่ง จุนเจือไม่ได้กลัวเขา ไม่ได้รังเกียจเขาจริงๆใช่ไหม ถึงได้พูดออกมาแล้วแสดงท่าทางแบบนั้น
ริมฝีปากบางที่ดื้อดึงมาตลอดขยับเข้าหาอีกฝ่ายแทนคำตอบ เขาเป็นอะไรไป..คืนนี้ กับคนนี้ และความรู้สึกนี้
สัมผัสแผ่วเบานั้นคือคำตอบจากน้องเมีย
สัมผัสจากริมฝีปากบางนั้นทำให้ทินกฤตเหมือนจะห้ามตัวเองเอาไว้ไม่อยู่สองมือแกร่งประคองใบหน้าสวยของจุนเจือเอาไว้พลางมองสัมผัสร้อนลงไปบนริมฝีปากของเด็กหนุ่มร่างสูงขยับโน้มตัวเข้าหาตัวรถเร้นกายกับเงามืดที่ทอดผ่าน หวังใจเพียงแค่ว่าจะไม่มีใครในบ้านรู้ถึงการมาและการกระทำของพวกเขาในตอนนี้ เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดส่งมอบความหวานให้ร่างบางที่เกือบจะถูกเขาทาบทับลงไปกับเบาะนั้นสั่นสะท้าน
เสียงครางเครือแผ่วเบาจากคนที่เริ่มต้นก่อน มือเรียวทั้งสองข้างโอบแผ่นหลังกว้าง สานต่อจูบเร่าร้อนนั้น ไม่ต่างจากความร้อนเพราะฤทธิ์เหล้าที่ไหวเวียนอยู่ในกาย ปลายลิ้นที่เจือรสเหล้าชั้นดีนั้นสอดประสานกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ไม่มีการบังคับ ฝืนใจ หรือทดสอบใดๆ เหมือนเมื่อครั้งก่อน .. ริมฝีปากดูดดันกันไม่ยอมห่างไปไหน ราวกับระเบิดสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจกันมาพักใหญ่แล้ว
"......."จนทินกฤตเป็นฝ่ายค่อยๆถอนริมฝีปากออก
ซึ่งจุนเจือเองก็ค่อยๆขยับหน้าออกมาเช่นกัน มือเรียวที่กอดแผ่นหลังกว้างเอาไว้ค่อยๆคลายออกแล้วขยับตัวออกเล็กน้อย เขากัดริมฝีปากตนเองเบาๆเป็นการสะกดตนเอง
"เป็น....อะไรมากรึเปล่า" ทินกฤตขยับถอยออกมายืนอยู่ข้างรถ เปิดทางให้เด็กหนุ่มก้าวลงมาจากรถได้เสียที
" ไม่เป็นไร..ผม..จะเข้าบ้านแล้วล่ะ.. " จุนเจือลงจากรถพลางตอบออกไปแบบนั้น ก่อนจะหันมาสบตาพี่เขยอีกรอบ
" คืนนี้.... " สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาเข้าใจได้ทั้งหมดแล้ว ถึงความรู้สึกของตนกับคนตรงหน้า แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่สามารถพูดสิ่งนั้นออกไปได้อยู่ดี
" ผมคงจะ
เมาแล้วจริงๆ "ริมฝีปากแดงเพราะรสจูบยิ้มจางๆให้อีกฝ่าย
"..........ไปนอนเถอะไป" ทินกฤตพยักเพยิดให้อีกฝ่ายเดินเข้าบ้าน ริมฝีปากแดงคู่นั้นยังหอมหวานตรึงอยู่ในสัมผัส ใจของเขายังเต้นระรัว....แต่....เขาเองก็ควรจะปล่อยให้เหล้าเข้ามาเป็นข้ออ้างในการกระทำนี้ต่อไป
....อย่าได้เก็บไปคิดให้มันเรื่องจริงขึ้นมาเลย....จุนเจือสบตาอีกฝ่าย ก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินเข้าบ้านไปอย่างช้าๆ ไม่ได้รอส่ง และไม่ได้หันกลับมาด้วยซ้ำไป
+++++++++++++++++++
talk : อัพยาวเลยทีเดียวค่ะตอนนี้ หนาวๆ อยากได้หวานๆบ้างน้อ~อืมมม แน่ใจนะว่าอยากไปญี่ปุ่นจริงๆ ช่วงหลังรู้สึกเจือจะเนือยๆกับเรื่องประกวดอยู่นะ เหมือนพะวงนู่นนี่อยู่ลึกๆ เฮ้อออออ~
ถ้าได้ไปประกวดกับพวกไม่มีความรับผิดชอบแบบนั้น จุนเจือจะยังมีความสุขหรือ
เอาไงดีล่ะทีนี้พี่เทียน ไปด้วยกันซะก้อหมดเรื่อง
คนอ่านก้ออยากไปญี่ปุ่นเหมือนกันค่ะ แต่ขาดตังค์อีกเยอะเลย
พี่เทียนไปดูงานญี่ปุ่น โดยพานักศึกษาฝึกงานคนนี้ไปด้วย (หรือไปหมดเลย อิอิ)
พี่เทียนกะน้องจุนเจือก็จะได้รู้ใจตัวเองเสียที 
บวกอีกคนละ 1 แต้มนะคะ ขอบคุณมากค่า
พี่เทียนใจอ่อนง่ายสุดๆเลยนะคะ กับน้องเมียเนี้ย^^
+1 นะคะ ..เพิ่งจะบวกได้ จะพยายามบวกให้กำลังใจกลับคืนแก่รีดเดอร์อย่างทั่วถึงค่า~