29.
เวลาที่คิดว่าความรักของเราอยู่ไกลมาก ไกลจนเอื้อมไปไม่ถึง อยากกอดตัวหอม ๆ อยากฟัดแก้มนุ่ม ๆ ก็ทำไม่ได้ เมื่อก่อนยังได้เห็นหน้า แต่ตอนนี้ต่างคนก็ต่างก็ต้องรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง ชีต้าห์ลงเรียนเพิ่มพร้อมกับฝึกงาน อยู่ทางนี้หมอปุ่นก็เลยลงเรียนเฉพาะทางไปด้วย ลดเวลาที่จะเหลือสำหรับความเหงาให้มันน้อยลง แต่..สิ่งที่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงและไม่ลดน้อยลงไป คือ...ความคิดถึง
'อีกวันที่วุ่นวาย'
หลัง ๆ มานี้ไอ้เสือตัวแสบของผมไม่ค่อยมีเวลา เพราะต้องเรียนและฝึกงานไปด้วย อีกอย่างคือ...เวลาไม่ตรงกัน จากที่เคยส่งเมลหากันทุกวัน ก็เปลี่ยนมาส่งตามสะดวกแล้วแต่ว่าใครจะว่างช่วงไหน จะได้ไม่รบกวนเวลาของกันและกัน อย่างฉบับล่าสุดที่ส่งมา เป็นรูปถ่าย
ตั้งแต่ตอนที่เริ่มเปิดประตูบ้าน วิวสองข้างทางที่เป็นทางผ่านไปมหาลัย จนกระทั่งถึงห้องเรียน อาหารจานด่วนที่คาดว่าจะเป็นมื้อกลางวัน จนวนกลับมาที่ประตูบ้านเปิดเข้าไปอีกรอบ รูปสุดท้ายเป็นรูปของเจ้าของกล้อง ที่นอนกอดเจ้าไซบีเรียนตัวโตบนเตียง พร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง มีข้อความต่อท้ายรูปว่า 'คิดถึง'
เป็นการบอกเล่าเรื่องราวผ่านรูปถ่ายที่เรียงต่อกัน ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้อยู่ใกล้กันแค่นิดเดียว ต่างคนต่างไม่มีเวลาคุยกันบ่อยเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็มีสิ่งที่พอจะทดแทนส่งมาให้ไม่เคยขาด.. ทำให้รู้ว่าความรู้สึกยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
บางครั้งก็นึกอยากจะปริ๊นท์ออกมา หรือไม่ก็หากรอบดี ๆ มาใส่ แต่พอลองเลือก ๆ ดูว่าจะเอารูปไหน ก็เลือกไม่ได้ซักที แค่เฉพาะของหลายเดือนที่ผ่านมาก็เต็มไปหมด บนหลังตู้, หัวนอน, หรือจะเป็นที่โต๊ะทำงาน เกือบจะลามไปถึงนอกห้อง กลัวว่าไอ้คุณเพื่อนร่วมบ้านอีกคนมันจะไล่เตะเอา สุดท้ายก็เลยต้องตัดใจว่า แค่เซฟมาเก็บในเครื่อง แล้วเอาไว้มาเปิดดูยามที่คิดถึงก็พอ
หมอปุ่นถอนหายใจเบา ๆ กับตัวเอง เอนหลังพิงไปกับเก้าอี้ นั่งฟังเสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งลมอันเล็กที่แกว่งไปมาตามแรงลม แทนเสียงของเจ้าของมันที่แอบทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้า ก่อนจะบิดขี้เกียจลุกขึ้นเหมือนกำลังตัดสินใจออกไปไหนซักแห่ง มือที่ตั้งใจจะเอื้อมไปปิดคอมพิวเตอร์ ก็เลยพิมพ์ข้อความสองสามประโยค
'เอาความคิดถึงมากมายมาส่งคุณชายตัวแสบครับผม!! ดูแลสุขภาพด้วย...เพราะคนทางนี้เป็นห่วงที่สุด' แล้วก็กด Forward กลับไป
พอเดินออกมาข้างนอกห้อง ในบ้านเหมือนจะมีกลิ่นอายแปลก ๆ ตอนที่ไอ้คุณเพื่อนกับไอ้เจ้าเด็กโข่งมันอยู่ด้วยกัน กลิ่นเหมือนจะหวานแต่ก็ไม่น่าใช่ แค่รู้สึกว่าไม่อยากเห็นคนสองคนที่กำลังนั่งทะเลาะกันไปมา แล้วก็มานั่งง้อกันแบบไม่รู้ตัว
ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้น ไอ้คุณเพื่อนมันก็เหมือนจะใจอ่อนลงไปเยอะ ยอมพูดดี ๆ ด้วยบ้าง(บางครั้ง) ยอมตามใจบ้างนิดหน่อย ดีเหมือนกันมันจะได้ไม่เหงา แล้วก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญอะไรหรอก แต่ออกจะอิจฉาเสียมากกว่า
"เนส..เดี๋ยวออกไปข้างนอกนะ กลับดึก ๆ หน่อย" ไอ้คุณเพื่อนเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะหยิบพวงกุญแจบนโต๊ะตรงหน้ามัน โยนมาให้
"ขับรถดี ๆ ล่ะ ใครโบกที่มืด ๆ ก็ไม่ต้องจอดนะ" ดูมันสั่งยังกับเป็นพ่อ แถมยังมีไอ้เจ้าลูกหมาตัวโตพยักหน้าสมทบอีกต่างหาก
"เออ...ถ้ามันไม่นอนเอาตัวพาดกลางถนนจะไม่จอดรถเลยครับ คุณเพื่อน!!" โดนประชดแทนที่มันจะโกรธแล้ววิ่งไล่เตะ มันยังทำเนียนยกมือขึ้นกอดอกเล่นตามบทอีกต่างหาก นิสัย!! ถือว่ามีพวกตัวโตกว่าดิ..ยอมแพ้ก็ได้วะ!!
แม้ว่าปลายทางที่จะไปตอนนี้ มันดูผิดเวลาไปซักนิด แต่จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อความคิดถึงมันจำกัดเวลากันที่ไหน ไม่เคยเชื่อคำพูดที่ว่า ไม่ได้เห็นหน้า แค่เห็นหลังคาบ้านก็ยังดี
แต่ตอนนี้หมอปุ่นกำลังขับรถมุ่งตรงไปทางรีสอร์ท แล้วค่อย ๆ คลานไปจอดสนิทอยู่ที่หน้าบ้าน ข้างในยังเปิดไฟสว่าง แต่ก็ไม่กล้าเข้าไป เพราะยังหาเหตุผลที่เพียงพอไม่ได้..ลูกชายคนเล็กเค้าไม่อยู่ จะหาเรื่องอะไรไปคุยด้วย
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะกระจกที่ด้านข้าง ทำเอาคนที่นั่งเอนหลังไปกับเบาะสะดุ้งตัวตรง พอหันไปมองถึงได้รู้ว่าเป็นฝีมือลูกชายคนโตเจ้าของบ้าน ก็เลยต้องเลื่อนกระจกรถลงอย่างช่วยไม่ได้
"หลับในรถ อันตรายนะหมอปุ่น!!" คนที่ยืนอยู่นอกรถเอ่ยปากแซวอย่างอารมณ์ดี ..ไม่รู้ตัวเลยว่าโดนจับได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อุตส่าห์ว่าจะมาเงียบ ๆ และไปแบบเงียบเชียบแล้วนะ
"สวัสดีครับพี่เต้ ผม..ผ่านมาก็เลย..." เอาไงดีวะไอ้คุณหมอปุ่น ไม่ได้เตรียมคำแก้ตัวเอาไว้ด้วย มาด้อมๆมองๆหน้าบ้านคนอื่นอย่างนี้
"เข้ามาข้างในก่อนซิ เห็นจอดรถอยู่ตั้งนาน นึกว่าหลับไปก็เลยเดินมาดู" กรรม!! โดนเจ้าของบ้านเห็นตั้งแต่แรก ยังจะเอาอะไรมาแก้ตัว ก็เลยต้องเปิดประตูรถเดินตามเข้าไปในบ้านอย่างช่วยไม่ได้
"อ้าว...ไม่มาซะนานเลย ยุ่ง ๆ รึไงคุณหมอ" หมอปุ่นยกมือไหว้เจ้าของบ้านอย่างรู้สึกผิด เพราะเมื่อก่อนมาแทบทุกวันไม่เคยขาด แต่พอไม่มีเหตุให้มา ก็ดันมาจอดรถมองหลังคาบ้านเค้าซะอย่างงั้น แทนที่จะเข้ามาทักทายมาเยี่ยมเยียนบ้างเหมือนก่อนหน้าที่จะเข้ามาผูกสัมพันธ์กับลูกชายคนเล็กของบ้าน
"คุณทิวาสบายดีไหมครับ ช่วงนี้ผมต้องวุ่นๆกับเรื่องเรียน ก็เลยหายหัวไปเลย" เจ้าของบ้านยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ก่อนจะชวนคุยโน่นนี่ไม่ขาดปาก ตามประสาคนที่มีอัธยาศัยดีอยู่แล้ว
"คราวหน้าก็เดินเข้ามาในบ้านได้เลยนะ ไม่ต้องไปจอดนั่งตบยุงอยู่นอกบ้าน เป็นคนบ้านเดียวกัน...รึไม่ใช่!!?" คุณทิวาแกล้งแซวว่าที่ลูกเขย
"ขอตอบว่า'ใช่'ก็แล้วกันครับ" คำตอบที่ได้ยินทำเอาหัวเราะกันทั้งห้อง
ก่อนที่หมอปุ่นจะโดนคุณว่าที่พี่ชายและว่าที่คุณพ่อตา ซักไซ้เรื่องไอ้เสือตัวแสบ แล้วก็ได้รู้ความจริง..ว่าไอ้เสือมันแสบขนาดโทรมาสั่งกับทางนี้ให้ช่วยดูแล'พี่หมอของผม'ให้อีกต่างหาก แสบจริง ๆ แล้วก็ทั้งรู้สึกปลื้มใจ พอ ๆ กับรู้สึกผิด ที่บ้านหลังนี้ยังคงต้อนรับเหมือนเคยไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปซักนิด แต่ตัวเองกลับไม่ได้โผล่หน้ามาเลย ตั้งแต่ลูกชายคนเล็กของบ้านเค้าไม่อยู่ มัวใช้ข้ออ้างโน่นนี่ทำให้ไม่กล้ามา ..หมอปุ่นก็เลยได้แต่สัญญากับตัวเองในใจว่าจะยุ่งยังไง ต่อไปนี้คงต้องหาเวลามาทักทายที่บ้านนี้บ่อย ๆ
"ห้องไอ้เสืออยู่ทางนั้นนะ ว่าง ๆ ก็มาค้างได้ ดีกว่ามานั่งมองหลังคาบ้านเป็นไหน ๆ " แม้ว่าจะไม่ได้มีจุดมุ่งหมายถึงขนาดนั้น แต่หมอปุ่นก็ตัดสินใจว่าจะเข้าไปดู ดีกว่าการที่มานั่งให้พ่อเสือ และพี่เสือรุมแซวเรื่องที่โดนจับได้ว่ามาแอบดูหลังคาบ้านคนรัก
"ขอบคุณครับ งั้น..ผมขออนุญาตนะครับ" เจ้าของบ้านพยักหน้าอนุญาต พร้อมกับพี่เต้ที่ลุกขึ้นนำทางไปก่อน เหมือนกับว่าอีกคนเป็นคนในบ้านกันเอง
ห้องของลูกชายคนเล็กของบ้านที่เคยเข้ามาเหยียบบ้างแล้ว ยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้มีผ้า หรือเอาพลาสติกมาคลุมเอาไว้ เหมือนกับห้องที่ไม่มีคนอยู่อย่างที่หมอปุ่นคิดเอาไว้ในตอนแรก แถมยังไม่มีกลิ่นอับชื้นของฝุ่น ผ้าม่านสีเทาสลับกับฟ้าน้ำทะเลพลิ้วสะบัดไปมาตามแรงลม แล้วที่สำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด คือเสียงดังกรุ๊งกริ๊งที่ระเบียง
"พ่อสั่งให้คนมาทำความสะอาดทุกวันนะ ไม่ได้ให้ปิดตายรอเจ้าของกลับ" พี่เต้เอ่ยปากบอก เพราะเหลือบเห็นว่าบนใบหน้าของคุณหมอเริ่มมีเครื่องหมายคำถามแปะอยู่
"ถ้าผมจะมา..เออ..ค้าง.."
"ก็ค้างมันที่ห้องนี้แหละ ไอ้เสือมันจะไปว่าอะไร คนกันเอง" หมอปุ่นหันไปยิ้มให้เมื่อได้ยินคำตอบเหมือนที่ใจหวังเอาไว้ ก่อนจะก้าวขาเข้าไปในห้อง สวนทางกับพี่ชายเจ้าของห้องที่ก้าวออกไปพร้อมกับปิดประตูให้อย่างเงียบ ๆ เหมือนไม่อยากรบกวน
สิ่งที่ดึงดูดสายตาของหมอปุ่นคือเจ้ากระดิ่งลมอันเล็กสีขาวที่เหมือนกับที่แขวนอยู่ที่หน้าต่างห้องมันกำลังส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งทุกครั้งที่โดนลมพัดสะบัดไปมา เจ้าของบ้านคงจะไม่ได้สังเกตเห็นว่าแผ่นกระดาษที่แขวนอยู่เริ่มซีดไปตามกาลเวลา พอลองจับดูไม่ได้มีตัวอักษรใด ๆ เขียนเอาไว้เหมือนที่ห้อง หมอปุ่นจึงถือวิสาสะเอื้อมมือไปปลดมันลงมา
"อ้าว..นึกว่าจะค้างซะคืนนี้เลย" คุณทิวาละสายตาจากหนังสือตรงหน้า เอ่ยถามว่าที่ลูกเขยที่กำลังเดินตัวปลิวไปทางประตูบ้าน
"ผมไม่ได้บอกเพื่อนเอาไว้ คราวหน้า..ผมจะมาค้างแน่ครับ" หมอปุ่นบอกพร้อมกับยกมือไหว้ลาเจ้าของบ้าน ตรงกลับไปที่รถ เพราะเดี๋ยวไอ้เจ้าคุณเพื่อนมันก็ต้องใช้รถขับไปส่งเด็กโข่งอีก
“หมอปุ่น....ลูกชายคนเล็กของพ่อบางทีก็ยังเด็ก ก็เลยเอาแต่ใจไปบ้าง ยังไงก็อย่าไปถือสาน้องเลยนะ” เจ้าของบ้านเอ่ยปากพูด ก่อนที่หมอปุ่นจะได้ทันก้าวออกไปจากประตูบ้าน คุณทิวาเหลือบมองว่าที่ลูกเขยอย่างชั่งใจ เพราะแต่ไหนแต่ไรไอ้เสือก็ได้ขึ้นชื่อว่าเอาแต่ใจขนาดบางทีคนในบ้านยังรับมือแทบไม่อยู่ กลับไปคราวนี้เวลาที่โทรกลับมาบ้านเรื่องที่ได้ยินจากปากลูกชายคนเล็กบ่อย ๆ ก็คือเรื่องของคุณหมอตรงหน้า
“ข้อนั้นผมทราบดีครับ แล้วก็ยินดีมากด้วย ถ้าคนที่ชีต้าห์จะเอาแต่ใจด้วยมีแค่ผม” คำตอบที่ได้ยินทำเอาคนเป็นพ่อแอบยิ้มออกมา...ถ้าเป็นแบบนี้แล้วคงไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลแล้วล่ะมั้ง เพราะดูเหมือนจะเอาแต่ใจพอกันทั้งคู่
“ไว้ว่าง ๆ ก็มากินข้าวกัน ชวนเพื่อนมาด้วยก็ได้ คนเยอะ ๆ ก็สนุกดี” หมอปุ่นยิ้มรับพร้อมกับโค้งหัวให้ ก่อนขอตัวกลับยังไม่ลืมถามเรื่องบ้านพักเผื่อเอาไว้ หากว่างจะได้ย้ายไอ้เจ้าเด็กโข่งมาฝากไว้ที่นี่น่าจะปลอดภัยกว่าที่เดิม..ถ้าเจ้าตัวยังไม่คิดจะกลับล่ะก็นะ..
----------------
ใครบางคนที่นั่งแข็งใจปั่นงานให้เสร็จทันส่งพรุ่งนี้ แม้ว่าจะดึกมากแล้วแต่พอเผลอทีไรสายตาก็ชำเลืองมองไปทางมุมขวาล่างของจอทุกครั้งไป แค่ก็ต้องแข็งใจตั้งสถานะเป็น Appear Offline รอรับแค่เมลตอบกลับมาก็พอ แล้วก็ไม่นานเกินรอเสียงสัญญาณบอกว่ามีเมลเข้า ชีต้าห์ก็รีบกดเข้าไปอ่านทันที
‘คนขี้ลืม’ คือหัวข้อจดหมายของพี่หมอวันนี้ พอกดเข้าไปเพื่อดูรายละเอียดข้างใน ก็ทำเอาคนอ่านฉีกยิ้มกว้างออกมา ภาพถ่ายบ้านพักหมอ ต่อมาก็เจ้าของบ้านทั้งสองกับแขกประจำอีกหนึ่งที่เบียดตัวแข่งกันมาอยู่หน้ากล้อง
คนขี้ลืม...น่าจับมาตีจริง ๆ ถ้าไม่ได้ไปที่รีสอร์ทก็คงไม่รู้ว่าเราทิ้งเจ้ากระดิ่งลมอีกอันเอาไว้ให้อยู่คนเดียว กระดาษที่แขวนซีดจนเหมือนเป็นกระดาษขาวธรรมดา พี่หมอเลยเลยขโมยกลับมา เอามันมาแขวนไว้ด้วยกัน (แนบรูปถ่ายมาเป็นหลักฐาน) ยุ่งอยู่ใช่ไหมตอนนี้ พี่หมอเองก็ลงเรียนเฉพาะทางอยู่ ไม่อยากปล่อยเวลาให้ว่าง นับเวลารอมันนานเกินไป พอยุ่ง ๆ เผลอแป๊บเดียวก็ผ่านเดือน อยากเจอหน้าเราเร็ว ๆ แต่พี่ก็อยากให้พักผ่อนบ้าง อย่าฝืนจนตัวเองเจ็บป่วย...พี่เป็นห่วงมากจริง ๆ
อาทิตย์หน้าจะไปยึดห้องเราเป็นที่นอนให้หายคิดถึง(อิจฉาไหมล่ะ) กลับมาช้าได้โดนยึดสมบัติหมดแน่ หึหึ
เอาเป็นว่าตั้งใจเรียนนะครับ คิดถึงมาก ๆ คิดถึงที่สุด
~พี่หมอของตัวแสบ~
ปล.ตอนนี้พี่หมอกลายเป็นคนนอก ของไอ้สองคนในรูปไปแล้ว เห็นแล้วอิจฉามัน
-----------------------------------------------------------------------------------------
คนอ่านนั่งหัวเราะคิก อดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือขึ้นไปดูรูปอีกครั้ง ก็แอบคิดเอาไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้เข้าซักวัน..พอลองเลื่อนลงมาท้ายข้อความ ยังมีรูปเจ้ากระดิ่งลมสองอันแขวนเคียงคู่กันอยู่...ก่อนจะกดพิมพ์ตอบกลับไปแบบจดหมายสั้น
'ขอโทษนะครับคุณพี่หมอ...ถ้ายึดสมบัติทั้งหมดของผมไปล่ะก็..ผมก็จะยึดพี่หมอเอาไว้แค่คนเดียวพอ..เพราะของพี่หมอยังไงก็เป็นของผมอยู่ดี!!(ฮ่า ๆ ผมชนะ)' แม้ว่าจะมีความสุขจนยิ้มออกมาได้ แต่สุดท้ายแล้วชีต้าห์ก็ต้องถอนหายใจออกมายาวเหยียด พอกดปิดเมลของพี่หมอลงก็มาเจอหน้าจองานที่ยังปั่นค้างเอาไว้ ข้าง ๆ เป็นงานเอกสารที่ต้องทำ ถัดไปเป็นงานของบริษัทที่ฝึกงาน ไม่รู้จะบอกยังไงว่า..เหนื่อย แต่ถ้าสะสางไอ้สิ่งที่กองตรงหน้าไปได้หมด ระยะเวลาก็จะได้ร่นลงมาอีก..ซักนิดก็ยังดี...
==================
หึหึ ย่องเข้ามาอัพเงียบ ๆ แบบไม่ให้ทันได้ตั้งตัว
(เอาไว้ให้ทุกคนได้อ่านกันในวันหยุด คึคึ)
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและให้กำลังใจกันเสมอ