26.
หมอปุ่นเหลือบมองไอ้เสือที่นอนกลิ้งอยู่บนพื้น พยายามอย่างยิ่งที่จะช่วยไอ้คุณเพื่อนสอนภาษาไทยให้กับนักเรียนนอกที่มีนามภาษาไทยว่าแตงกวา แต่ดูเหมือนยิ่งช่วยก็ยิ่งยุ่งไปกันใหญ่ แถมยังไปทำให้คนเค้าโดนตัดคะแนนอีกต่างหาก
ครืด ครืด โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นไปมา คงจะปิดเสียงเอาไว้ ตั้งแต่เมื่อวานตอนเข้าเวร หมอปุ่นหยิบขึ้นมาดู ที่หน้าจอขึ้นเป็นเบอร์ไม่คุ้น
"สวัสดีครับ.." ปลายสายเหมือนจะเงียบไปพักหนึ่ง จนไม่แน่ใจว่าวางไปแล้วรึเปล่า แต่พอเอามาดูเวลาก็ยังเดินอยู่
"
หมอปุ่นใช่ไหม..? " เป็นเสียงของผู้หญิง กับคำถามที่ทำเอาเจ้าของเครื่องนิ่งไปซักพัก
"ใช่ครับ..ไม่ทราบว่า..."
"
นี่แม่ของชีต้าห์นะ..." เฮ่ยยยยยย แม่เสือมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว แม้ว่าจะไม่ได้มาแบบตัวเป็นๆ ก็เถอะ... ตั้งแต่ไปชอบพอกับลูกชายเค้า ก็ยังไม่เคยได้คุยกันตรงๆ ซักครั้ง
"คะ...ครับคุณแม่.." ลูกเสือที่ยังนอนเล่นอยู่ตรงโน้น ยังไม่ได้หันมาสนใจ ว่าหมอปุ่นกำลังรับโทรศัพท์ด้วยหน้าตาแบบไหน
"
ได้เบอร์มาจากเจ้าเต้ แล้วเป็นไงลูกชายคนเล็กของแม่..ดื้อไหมล่ะ" ปลายสายถามกลับมาอย่างอารมณ์ดี ถ้าหูไม่ได้ฝาด ที่ได้ยินตามมาด้วยเป็นเสียงหัวเราะแน่ๆ ..จากที่เกร็งแทบตาย หมอปุ่นก็เลยผ่อนคลายลงมาได้บ้าง
"ไม่ดื้อเท่าไร..แต่ซนน่าดูครับ" พอตอบตามความจริง หมอปุ่นก็ได้ยินเสียงหัวเราะลั่นจากปลายสาย
"
ลำบากซินะเรา อย่าทิ้งน้องเชียวล่ะ"
"ครับ!! ผมไม่มีวันทิ้งแน่นอน" แม้จะฟังดูไม่เหมือนเป็นคำสั่ง แต่หมอปุ่นก็ยินดีรับคำด้วยความเต็มใจ ยังไม่ทันจะได้คุยต่อ แขนคู่หนึ่งก็สอดเข้ามาจากทางด้านหลัง เจ้าตัวยื่นหน้าเข้ามาพร้อมกับหรี่ตามองอย่างสงสัย ทำปากพูดแบบไม่มีเสียงเหมือนจะสนใจว่าคุยกับใคร ถึงต้องหลบมายืนที่หน้าระเบียงคนเดียว
"
ฝากคุณแม่ช่วยดูให้ด้วยนะครับ ตอนอยู่ทางนั้น อย่าให้นอกใจผมก็พอ.." ชีต้าห์ทำตาโต พอจะเดาได้แล้วว่าหมอปุ่นกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับใคร
"แม่!! แอบคุยกันสองคนได้ไง ขี้โกง!!" ไอ้เสือตวาดเสียงดังลั่น ได้ยินเข้าไปในโทรศัพท์ ทั้งทางนี้และปลายสายก็เลยได้หัวเราะพร้อมกัน
"ขี้โกงตรงไหน เราไม่สนใจเองต่างหาก" หมอปุ่นแกล้งว่า พร้อมกับเบี่ยงตัวหลบมือไม้ของไอ้เสือที่พยายามจะยื้อโทรศัพท์ไปให้ได้
"แม่อย่าไปเชื่อที่พี่หมอฟ้องอะไรนะ ผมเป็นเด็กดีจะตาย" ไอ้คำว่าเด็กดีที่ว่า..มันช่างต่างกับการกระทำตอนนี้เสียเหลือเกิน ...แสบจะตายซิไม่ว่า!!
"ขอแม่คุยกับชีต้าห์หน่อย เดี๋ยวจะโวยวายบ้านแตก.." "ได้ครับ.." แต่แทนที่จะยื่นให้ดีๆ หมอปุ่นกลับแกล้งชูโทรศัพท์ขึ้นสูง ไอ้เสือขี้หงุดหงิดก็เลยทำได้แค่โดดคว้าอากาศ เพราะความสูงยังไม่ถึง แผนที่ใช้ได้ผลเป็นประจำ...ก็ต้อง..งัดเอามาใช้อย่างช่วยไม่ได้
พลั่ก!!
"อุ๊บ!!" หมอปุ่นร้อง ตัวงอเพราะความจุกด้วยฝีมือหมัดของไอ้เสือตัวแสบ ที่ตอนนี้คว้าเอาโทรศัพท์ไปได้สำเร็จ แถมยังหันมาแลบลิ้นหลอกอีกที แล้ววิ่งหายเข้าไปในห้อง ...ล็อคด้วยนะนั่น ทั้งที่เจ้าของห้องยืนจุกอยู่ข้างนอก ท่ามกลางสายตาเห็นใจปนสมน้ำหน้าของไอ้คุณเพื่อนที่กำลังสอนหนังสือ
"ไม่มีอะไรจะพูด นอกจาก..สมน้ำหน้าว่ะ!!"
"ขอบใจ ไม่ต้องพูดก็ได้!!" หมอเนสหันมายิ้มเยาะ ก่อนจะหันไปสนใจการคัดลายมือของนักเรียนตัวโตต่อ
"อ้าว..ไม่รู้ พูดไปแล้ว หึหึ" ไอ้คุณเพื่อนมันแถมท้ายด้วยการหัวเราะส่ง นักเรียนตัวโตก็เลยมองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมา หาจังหวะที่จะแทรกพูดบ้าง
"อันนี้เสร็จแล้วครับ" แตงกวายื่นสมุดคัดลายมือตามแบบเรียนที่อาจารย์ร่างให้มาตรงหน้า แต่แทนที่คนเป็นอาจารย์จะยื่นมือไปรับมาตรวจ คนที่นั่งข้างๆ กลับมือไวกว่าคว้าไปเปิดดูเสียเอง
"เฮ่ย!! ลายมือดีกว่าอาจารย์อีกนะ เก่งจริงๆ" เพราะทักษะการฟังตอนนี้ถึงระดับดีแล้ว นักเรียนตัวโข่งก็เลยฉีกยิ้มแก้มแทบปริ แต่พอเหลือบเห็นสายตาของอาจารย์ปรายมองมาเท่านั้น ก็ใจก็ฝ่อลงไปทันที
"มายุ่งอะไรตรงนี้ ขาดความอบอุ่นรึไง!!" โดนไปหนึ่งดอก หมอปุ่นแทบจะโดดเข้าไปเสยคางมันซักทีเป็นรางวัล ที่ดันมารู้ใจกันซะขนาดนี้ เข้าห้องตัวเองไม่ได้เพราะโดนแขกประจำล็อคจากข้างใน แถมในสายยังเป็นว่าที่คุณแม่ยายอีกต่างหาก ขืนโดนฟ้องอะไรขึ้นมาคะแนนอาจจะติดลบขึ้นมาได้
"ก็เด็กนักเรียนทำคะแนนได้ดี เป็นครูก็ต้องชมซิ ไม่งั้นเด็กมันจะมีกำลังใจเรียนได้ไง" หมอเนสเหล่มองเพื่อนด้วยหางตา ..ทำไมมันจะไม่มีเล่า!! กำลังใจไอ้เด็กโข่งมันคงเต็มที่เลยมั้ง ก็เพราะมันมีความหวังนี่หว่า
"เออ!! มีวิธีก็แล้วกัน.." แตงกวาชะโงกมองในใบคะแนนของตัวเอง ที่คุณอาจารย์หยิบไปขีดๆเขียนๆ แม้ไม่มีคำชม แต่แค่ช่องคะแนนเป็นบวก แค่นั้นก็กลับมานั่งยิ้มหูตั้งได้
"มาๆ เดี๋ยวพี่ปุ่นสอนพูด รับรองว่าถ้าพูดได้จะเป็นระดับผู้รู้เลยทีเดียว"
"ครับ!!?" ธีโอเหลือบมองไปทางอาจารย์ของตัวเองแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่ได้มีปฏิกิริยาอันใด ก็เลยหันมาสนใจคนที่เต็มใจเข้ามาสอน แววตาเป็นประกาย
"พูดตามนะ
เช้าฟาดผัดฟัก เย็นฟาดฟักผัด" ประโยคที่ได้ยินทำเอาคุณอาจารย์ไถลตัวลงไปนอนหัวเราะบนเก้าอี้ตัวยาว ส่วนคุณนักเรียนตัวโตก็ทำได้แค่นั่งกระพริบตาปริบๆ กำลังตัดสินใจอย่างหนักว่าจะพูดออกไปดีหรือเปล่า
"ฮ่าๆ ลองพูดตามซิ" หมอเนสนึกสนุกขึ้นมา ก็เลยแกล้งเร่งให้เจ้าเด็กโข่งพูดออกมา เพราะอยากฟังเหมือนกัน ขนาดเจ้าของภาษาบางคนยังออกเสียงไม่ได้เพราะลิ้นพันกัน
"เช้าฟาด...เย็นฟาด..ฟัก..ผัด" จากการคำนวณของธีโอแล้ว แม้จะไม่รู้ว่า'ฟัก'ที่พูดถึงคืออะไร แต่ประโยคที่พูดออกไปนั้น ความหมายไม่ได้ผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย แต่ไม่รู้ว่าทำไม ยิ่งทำให้เสียงหัวเราะดังกว่าเดิมอีก
"เออ..เก่งใช่ได้ ความหมายครบถ้วน จบหลักสูตร!!" คราวนี้หมอเนสหันไปหัวเราะเยาะคุณเพื่อน เหมือนกับจะบอกว่า'เป็นไงล่ะ'
"ไอ้บ้า!! ใครเค้าจบกันเพราะเรื่องแค่นั้น!!"
เสียงหัวเราะจากข้างนอกดังมาให้ได้ยินถึงในห้อง ชีต้าห์ยังแนบโทรศัพท์กับหู มือข้างที่ว่างก็จับกระดาษที่ห้อยอยู่ที่กระดิ่งลมให้มันแกว่งไปมา เพิ่งจะเห็นว่าพี่หมอเอาไปเคลือบพลาสติกใสมา ..ไม่อายคนเค้าบ้างรึไงนะตอนที่ถือไอ้นี่ไปให้ที่ร้านเค้าเคลือบ ขนาดคนที่เขียนให้ยังไม่กล้ามองตรง ๆ เวลาที่เจ้าของห้องยืนอยู่ด้วย
"ชีต้าห์..ลูกฟังแม่อยู่รึเปล่า..?" เสียงเรียกทำให้หลุดจากความคิดของตัวเอง มาสู่โลกของความเป็นจริง
"ครับแม่..ผมรู้แล้ว..." ชีต้าห์รับคำ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วปุ่มวางสาย ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน
...ว่ากันว่าช่วงที่คนเรามีความสุข เวลาจะเดินเร็วจนเราไม่รู้ตัว...
นายเต้เปิดประตูเข้ามายืนกอดอกอยู่ตรงหน้าห้องน้องชายอยู่นานสองนาน แต่เจ้าของห้องก็เหมือนยังไม่รู้ตัว กระเป๋าเสื้อผ้าที่ตัวเองลากติดตัวมาเปิดออกวางไว้บนเตียง เสื้อผ้ากับของฝากก็วางอยู่เรียงราย แต่ทำไมเจ้าตัวยังคงนั่งนิ่งเหม่อมองของตรงหน้าอย่างไม่คิดจะแตะอะไรซักชิ้น
"ก๊อก ก๊อก เจ้าของห้องนี้อยู่ไหมครับ!"
พอเจ้าของห้องที่ว่าหันกลับมามองทางต้นเสียง พี่ชายก็เดินลงมานั่งข้างเตียงพอดี ชีต้าห์แค่ยิ้มให้ พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไรของวัน ตั้งแต่วางโทรศัพท์เมื่อกลางวัน จนกระทั่งปั่นจักรยานกลับมาที่บ้าน
"พี่เคาะเรียกอยู่ตั้งนาน ทำไมไม่ตอบล่ะ..หืม?" พี่เต้ยกมือมาวางบนหัวแล้วจับโยกไปมาเหมือนเคย พ่อคงบอกให้เข้ามาดู เพราะตั้งแต่กลับมาจากบ้านพักหมอ ก็ยังไม่ได้ออกไปจากห้อง..
"ก็...ผมไม่รู้ว่าจะเก็บอะไรก่อนดี" น้องชายที่เคยแสบ กวน ป่วนประสาท ตอนนี้ดูเหมือนเหนื่อยทั้งที่ยังไม่หยิบจับอะไร ใบหน้าหงอยๆ กับสายตาที่มองไปทางไหนก็สับสน เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ทั้งที่ไปๆมาๆ แบบนี้ทุกปี แต่ไม่เห็นเลยว่าจะอาการหนักขนาดนี้
"ให้พี่ช่วยไหม?..เก็บเสื้อผ้าเราใส่ไปก่อน แล้วก็เอาของฝากของแม่วางทับไป ส่วนอันที่ใช้ก็ใส่เป้เอาไว้แบบนี้.." ชีต้าห์มองของที่ตัวเองเอามาวางเรียงตรงหน้า ถูกพี่ชายจับยัดลงกระเป๋าและเป้จนหมด ที่จริงก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรต้องจัดไว้ตรงไหน มันเป็นเพียงข้ออ้าง..ข้ออ้างที่จะเอาไว้ใช้ยื้อเวลา..ให้เดินช้าซักนิดก็ยังดี
"พี่เต้..." เสียงเรียกที่ทำเอาพี่ชายถอนหายใจเฮือก ดึงตัวน้องชายมากอด
"น้องคนเก่งของพี่ไปไหนซะแล้ว" ชีต้าห์เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ พร้อมกับจิ้มนิ้วชี้ที่อกตัวเอง
"ยังอยู่นี่ไง แต่เดี๋ยวก็จะไม่อยู่แล้ว รีบๆกอดเข้าไว้ล่ะ" เห็นเสือหงอยกลับมายิ้มได้ นายเต้ก็ดีใจ จับแก้มไอ้ตัวแสบดึงไปมาแกล้งคืนจนโดนบ่น ถึงได้ลงมือช่วยน้องเก็บของลงกระเป๋า กลัวว่าจะลืมโน่นนี่อีก ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆ
อดใจหายไม่ได้ที่เวลาเดินทางกลับมันมาถึงเร็วกว่าที่คิด อุตส่าห์ใช้เวลาทุกวินาทีให้มีค่า ตักตวงความสุขให้มากที่สุด แต่..ยิ่งสุขมากเท่าไร ก็ยิ่งอยากจะได้เพิ่มขึ้นไปอีก แต่พอจะไขว่คว้า..ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะกำหนดกลับเลื่อนมาเร็วอีก 1 อาทิตย์ แน่นอนว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้บอกใครบางคน...จะบอกยังไงล่ะ..
------
"พี่หมอ..วันนี้ผมค้างนะ" คำขอตรงๆของชีต้าห์ ทำเอาคนฟังทั้งสองคนที่กำลังนั่งกินข้าวแทบจะสำลัก หมอปุ่นรีบยกน้ำดื่มกลั้วคอ ก่อนที่ไอ้เสือจะเปลี่ยนใจเสียก่อน
"ก็เอาซิ เอาเสื้อผ้ามารึเปล่า หรือว่าจะกลับไปเอาที่รีสอร์ทก่อน" ไอ้เสือส่ายหน้ารัว รวบช้อนกินข้าวไปวางไว้ริมจาน หันมาสบตาเจ้าของบ้านเหมือนเวลาจะอ้อนขออะไรซักอย่าง
"แค่โทรไปบอกพ่อให้หน่อย..นะ.." นั่นไง!!! ว่าแล้วไหมล่ะ งานยากอยู่นี่เอง ไอ้คุณเพื่อนเอื้อมมือมาตบที่ไหล่เหมือนจะให้กำลังใจ แต่แววตามันกำลังสนุกสนานอยู่นะ ตอนโทรไปขอ..น่าจะไม่ยาก ก็หวังเอาไว้ว่าตอนไปส่ง จะไม่เจอเจ้าของรีสอร์ท ยืนต้อนรับอยู่หน้าบ้านพร้อมอาวุธครบมือ...
"หาเรื่องแกล้งอะไรอีกรึเปล่าเราน่ะ" มือกำลังกดโทรศัพท์ แต่หมอปุ่นเหล่มองมาอย่างไม่ไว้ใจ ยิ่งเห็นรอยยิ้มทะเล้นของไอ้เสือก็ยิ่งไม่อยากไว้ใจ
น่าแปลกที่การขออนุญาตเป็นไปได้ด้วยดีกว่าที่คาด นึกว่าจะโดนขู่ฆ่ามาตามสายโทรศัพท์ แล้วหลังจากนั้นก็มีรถของพี่เต้ หรือใครซักคนมารับตัวลูกชายคนเล็กของบ้านกลับไป แต่ตอนนี้...ชีต้าห์กำลังอาบน้ำ พร้อมกับร้องเพลงสบายอารมณ์อยู่ในห้องน้ำ ปล่อยให้เจ้าของห้องนอนฟังเสียงกรุ๊งกริ๊งอยู่บนเตียงข้างนอก
"เสร็จแล้ว!!" เสียงไอ้เสือตัวแสบโดดออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันอยู่ที่เอว ผมเผ้ายังคงมีน้ำหยด ตามตัวยังมีหยดน้ำเกาะ ...ทำไมไม่รู้จักระวังตัว เอ๊ย!!! ไม่เช็ดตัวให้แห้งก่อนค่อยออกมา เสื้อผ้าก็เอาไปแขวนให้ในห้อง ก็ยังจะถือออกมาทั้งอย่างงั้น
"เฮ่อ~~" เสียงเจ้าของห้องถอนหายใจหนักๆ ทำเอาชีต้าห์ที่กำลังเริงร่าหันไปมองอย่างสงสัย ถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเอาผ้าผืนเล็กมาคลุมหัวตัวเองไว้ ก่อนเดินเข้าไปนั่งลงบนขอบเตียงทั้งแบบนั้น
"พี่หมอเป็นอะไร ถอนหายใจทำไมเหรอ..?"
"เป็นคนธรรมดา..." ไม่ได้อยากจะกวน แต่เป็นคำตอบที่แฝงความนัยเอาไว้แบบนั้น หมอปุ่นเหลือบมองเลยๆเนื้อตัวเปลือยเปล่าของไอ้เสือ หาจุดโฟกัสสายตาใหม่เป็นมองตรงไปทางตู้เสื้อผ้าข้างหลังแทน
"รำคาญผมก็บอกมา ไม่ค้างก็ได้นะ!!" พูดจบไอ้เสือก็ลุกขึ้นทันที คงเพราะคิดว่ากำลังโดนกวนประสาท หมอปุ่นก็เลยเอื้อมมือไปคว้าโดยอัตโนมัติ
"ว้ากกกก"
"เฮ่ยยย"
คุณพระคุณเจ้าช่วย กล้วยปิ้ง!!! ลืมไปว่าไอ้เสือมันยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ไอ้ที่คว้าแทบจะหลุดติดมือมา มันคือผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันไว้รอบเอว ยังดีที่เจ้าตัวคว้าเอาไว้ได้ทันก่อนที่มันจะหลุดติดมือมา เล่นเอาตัวแข็งค้างกันทั้งคู่
"พี่หมอจะดึงทำไม ข้างในผมยังไม่มีอะไรนะ!!" ชีต้าห์หันมาบ่นหน้าแดงก่ำ ใช้สองมือรวบผ้าเช็ดตัวไปไว้ตำแหน่งเดิม พร้อมกับขยับตัวไปให้ห่างรัศมีมือหมอปุ่น ลืมหมดสิ้นที่กำลังเคืองอยู่เมื่อกี้ หัวใจแทบจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
"เออ..พี่หมอแค่..จะไปอาบน้ำ" เป็นข้อแก้ตัวที่ยอดเยี่ยมมากไอ้หมอปุ่น ..ถึงกับต้องดึงผ้าเช็ดตัวจากคนอื่นเลยเหรอ!!!
"กะ..ก็ในตู้ยังมีอีกผืนหนึ่งไม่ใช่เหรอ" จะว่าไปตัวเองนั่นแหละที่ตอนนี้ยืนใกล้ตู้มากที่สุด ชีต้าห์ก็เลยเป็นฝ่ายเปิดตู้แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวส่งให้
หมอปุ่นลูบหน้าตัวเองแรงๆ ก่อนจะตัดสินใจลุกเดินเข้าไปในห้องน้ำ ขืนอยู่ต่อ ไม่รู้ว่าตัวเองจะอดทนได้มากน้อยแค่ไหน กลัวว่าจะเผลอทำอะไรไปโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม ถ้า...ต้องแลกความสุขแค่ชั่วข้ามคืน กับการโดนโกรธไปตลอดชีวิตมันคงไม่คุ้มกัน ..แต่ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะยินยอม ..มันก็ยังไม่ถึงเวลาที่สมควรอยู่ดี ...อยากได้น้ำเย็นๆมาราดหัวให้สงบจริงโว้ย!!
พอออกมาจากห้องน้ำคาดว่าอารมณ์น่าจะสงบ ดันเป็นตรงกันข้าม อาจจะแย่กว่าเก่า ก็ไอ้เสือตัวแสบมันไปค้นเอากางเกงบอกเซอร์ขาสั้น กับเสื้อกล้ามสำหรับใส่ข้างในเอามาใส่แทนชุดนอน กลิ้งเกลือกอยู่บนเตียง
“ทำอะไรนะ” แสร้งถามไปอย่างนั้น ก็เห็นอยู่ว่าไอ้เสือมันไปค้นหนังสือจากชั้นมานอนอ่าน
“ว่ายน้ำอยู่มั้ง นี่ไง..” ดูมันทำ.. ท่าฟรีสไตล์ซะด้วยนะ
“เดี๋ยวก็จับกดซะหรอก เอาให้จมน้ำตายไปเลย” ชีต้าห์หัวเราะชอบใจที่กวนประสาทได้ เตียงที่นอนอยู่ยวบยาบเมื่อเจ้าของห้องนั่งหย่อนตัวลงนั่ง พร้อมกับทำอย่างที่พูด แต่เป็นการจับหัวกดลงกับหมอน
“อ๊ากกกก ไอ้พี่หมอ หายใจไม่ออก!!”
“ไอ้เด็กกวนประสาท!!” หมอปุ่นปล่อยให้ไอ้เสือโวยวายดิ้นไปมาอยู่พักหนึ่งถึงค่อยปล่อยมือ แล้วลงโทษด้วยการก้มลงไปฟัดแก้มนุ่มๆหอมๆแทน
“รังแกคนไม่มีทางสู้ นิสัยไม่ดี” ไอ้เสือนอนหอบเหนื่อยอยู่บนเตียง ปล่อยให้คนที่เอาคืนได้นั่งหัวเราะชอบใจ ก่อนจะล้มตัวลงนอนเคียงข้างกัน กลิ่นหอมจางๆ ยังติดอยู่ที่ปลายจมูก
หมอปุ่นเอื้อมมือไปแตะใบหน้าของคนที่นอนตะแคงอยู่ข้างๆ เจ้าตัวไม่ได้ปฏิเสธหรือแม้แต่จะถอยหนี กลับจ้องมองตรงมานิ่งๆ อดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าไปจุมพิตที่หน้าผากอีกที
“พี่หมอ...” ชีต้าห์ ดึงแขนข้างหนึ่งของหมอปุ่นไปทำเป็นหมอน ขยับตัวเข้ามาใกล้จนแทบจะเหมือนกำลังนอนเกยกันอยู่ ยังไม่พอยังมีออพชั่นเสริมด้วยการเอื้อมแขนมากอดอีกต่างหาก ทำเอาเจ้าของเตียงนอนตัวแข็งไม่รู้ว่าจะเอามืออีกข้างที่เหลือไปวางไว้ตรงไหน
กว่าที่คืนนั้นจะหลับตาลงไปได้ก็ยากเย็นเต็มที นอนคิดอยู่ว่า..ไอ้เสือมันสรรหาวิธีเอาคืนแบบนี้มาได้ยังไง อันตรายเกินไปแล้ว!!
----------------
วันนี้คนที่ตื่นเช้ากว่าใครคงหนีไม่พ้นหมอเนส ที่เดินสะลึมสะลือตายังปิด ออกมาทำกิจธุระในตอนเช้า เพราะห้องของตัวเองไม่ได้มีห้องน้ำในตัว ต้องออกมาใช้ข้างนอก
ปัง!!
“เฮ้ย!!” สะดุ้งซิครับท่าน ตื่นตาตั้ง เพราะจู่ๆห้องไอ้คุณเพื่อนมันก็กระแทกประตูเปิดออกมาอย่างแรง พร้อมกับเจ้าของห้องที่ยังคงอยู่ในชุดที่ใส่นอนวิ่งออกมา แล้วไปชะโงกดูที่หน้าบ้าน เหมือนไม่พอใจ ยังเปิดประตูวิ่งลงไปข้างล่าง
หมอเนสมองตามหลังไอ้คนที่ร้อนรนวิ่งไปมาแต่เช้าอย่างไม่เข้าใจ ไอ้ที่จะทำก็ดันลืมไปหมด เดินตามหลังไอ้คุณเพื่อนออกไปยืนดูหน้าบ้าน เห็นมันกำลังยืนเท้าเอวเหมือนมองหาอะไรซักอย่าง
“เป็นบ้าอะไรแต่เช้าวะ!! ตกใจหมด!!” มันแหงนหน้าขึ้นมามอง ในมือถือกระดาษแผ่นหนึ่ง
“ไปแล้ว ..ไอ้เด็กแสบมันหนีไปแล้ว” เสียงพึมพำตอบกลับมา เล่นเอาคนฟังใจหาย หันกลับไปมองรอบๆบ้านให้แน่ใจอีกที เผื่อว่าไอ้น้องเสือตัวแสบมันจะแกล้งเล่นเหมือนเคย แต่พอลองมองไปรอบๆบ้านก็ไม่เจอเงาใครซักคน
พอลองเดินเข้าไปในครัว หวังว่าจะได้เจอไอ้ตัวแสบโดดเข้าใส่แล้วแลบลิ้น กลับพบเพียงกระดาษโน้ตสีสันแสบตาแปะเอาไว้ บนโต๊ะกินข้าว ตู้เย็น ตู้เก็บของ เก้าอี้ที่เจ้าตัวเคยนั่ง หน้าประตูห้องไอ้คุณเพื่อนก็มี และที่โต๊ะนั่งเล่น เรียกได้ว่าแปะเอาไว้รอบบ้าน ทุกมุมที่เจ้าตัวเคยอยู่ เคยเล่น เคยใช้
“ปุ่น!!! ขึ้นมาบนบ้าน เร็วๆ”
หมอปุ่นรีบสาวเท้ากลับขึ้นมาบนบ้าน ก้าวข้ามขั้นบันไดแค่สองรอบก็โดดขึ้นมายืนบนบ้านได้ มีเพียงความหวังว่าไอ้เสือมันจะแค่แกล้งเล่นเหมือนเคย แต่ก็เปล่าเลย ทั้งบ้านมีเพียงหมอเนสยืนชี้มือไปตามจุดต่างๆ ที่มีกระดาษโน้ตสีหวานแผ่นเล็กๆติดเอาไว้
‘บ้านของเรา’ ข้อความบนแผ่นกระดาษที่แปะอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน
‘โต๊ะของผม พี่หมอ พี่หมอเนส และแตงกวา(สมาชิกใหม่ของบ้านเรา)’ กระดาษอีกแผ่นที่วาดคล้ายแผนที่ เป็นตำแหน่งที่นั่งประจำเวลาที่ทุกคนอยู่รวมกัน
‘อย่าลืมทานข้าว ผมเป็นห่วง’
‘ระเบียงของเรา’‘เมลล์หาผมด้วยนะครับ Please~~~’ ข้อความที่แปะอยู่หน้าคอมฯ พร้อมกับบอกเมลแอดเดรสเอาไว้ข้างล่าง
‘ห้องของผม’ หมอปุ่นอ่านข้อความที่แปะอยู่หน้าห้องตัวเอง พร้อมกับคลี่ยิ้มออกมา เพราะเมื่อกี้รีบวิ่งออกไปข้างนอก ก็เลยไม่ได้ทันสังเกตเห็น ว่าในห้องของตัวเองมีเจ้ากระดาษโน้ตแปะอยู่เต็มไปหมด
ไม่เว้นแม้แต่เตียงนอน ก็ยังมีข้อความเขียนแปะเอาไว้
‘เตียงของพี่หมอ แต่ที่ว่างข้างๆเป็นของผมนะ’ พอตื่นขึ้นมาแล้วหาคนที่นอนอยู่ข้างๆไม่พบ คิดว่าจะอยู่ในห้องน้ำ ก็เลยไม่ได้ลืมตาขึ้นมาดู เห็นว่าหายไปนานจนผิดสังเกต พอเปิดเข้าไปดูก็พบว่าข้างในมันว่างเปล่า หอหันไปมองรอบๆห้องก็เจอกระดาษแผ่นหนึ่งพับวางไว้บนโต๊ะ
ถึง..พี่หมอของผม
ขอโทษซักกี่ร้อยครั้ง ถึงจะหายโกรธผมนะ ...ไม่ได้หวังให้มันเป็นแบบนี้เลย แต่กำหนดเดินทางของผมเลื่อนมาเร็วขึ้นอีก ต้องกลับไปลงเรียนเร็วกว่ากำหนดเพราะเป็นปีสุดท้าย เหตุผลที่ผมทำแบบนี้ หนีไปแบบไม่บอก มันอาจจะฟังดูไร้สาระไปซักนิด แต่...ผมไม่อยากเป็นฝ่ายเดินจากมา โดยมีพี่หมอยืนมองอยู่ข้างหลัง ต้องร้องไห้บนเครื่องแน่ๆ (แม้ว่าคนที่นั่งข้างๆ จะไม่รู้จักกันแต่ผมก็อายเป็นนะ) ผมจะตั้งใจเรียนให้จบ แล้วรีบกลับมา ..ถึงตอนนั้น แม้ว่าพี่หมอจะโกรธจนไม่ยอมอ้าแขนรับ ผมก็จะโดดกอดพี่หมอแน่นๆเลย!!
ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง
ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เราได้พบกัน
ขอบคุณที่รักผม....ขอบคุณจริงๆ
คิดถึงผมมากๆด้วยนะ
ชีต้าห์(ตัวแสบของพี่หมอคนเดียว)
-----------------------------------------------------
หมอเนสเดินมาหยุดยืนพิงประตูห้องของเพื่อน เมื่อเห็นว่ามันวิ่งวุ่นไปทั่วบ้าน แล้วไปหยุดนั่งนิ่งอยู่บนเตียงในห้องของมันเอง
“สรุปว่าไง” เจ้าของห้องถอนหายใจออกมายาวเหยียด
“ขอลางานซักเดือนได้ไหมวะ จะบินไปจับเด็กแสบฟาดก้นซักหลายๆที” หมอเนสชูมะเหงกให้เพื่อนที่กำลังทำหน้าหงอยแทนคำตอบ
อย่างน้อยๆก็ยังดีกว่าต้องมาทนเห็นมันนั่งเศร้าไปวันๆ เหมือนคนอกหัก พอมองดูให้ดีแล้ว ทั้งห้องของไอ้เพื่อนปุ่น มันเต็มไปด้วยกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆเต็มไปหมด ...ยังไม่รวมถึงไอ้เจ้าที่ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งอยู่ที่หน้าต่างนั่นอีก ...ไอ้เสือมันร้ายจริงๆตัวไม่อยู่ แต่ทิ้งของต่างหน้าไว้เพียบ กะว่าไปไหนไม่รอดแน่
“มีแฟนเด็กก็ต้องทำใจ...ช่วยอะไรไม่ได้ว่ะ” หมอปุ่นเงยหน้ามองไอ้คุณเพื่อน ตอนแรกก็เหมือนมันจะเข้ามาปลอบอยู่หรอก แล้วทำไมฟังดูเหมือนกำลังโดนมันหัวเราะเยาะ!!
“เออ!! ว่าแต่คนอื่น ขอให้มันมีบ้างเถอะ ไอ้แฟนเด็กนะ สาธุ!!” ไอ้คนโดนแช่งทำเป็นหยักไหล่เหมือนไม่คิดจะใส่ใจประโยคที่ได้ยิน ก่อนจะเดินเลยเข้าไปในห้องน้ำ
แฟนเด็ก!!!? จะมีเด็กที่ไหนหลงมาวะ...จะมีก็แต่....อึ้ยยยย คิดไปถึงไอ้เจ้าเด็กโข่งนั่นได้ไง ไม่มีทางอ่ะ!!
====================
แอบกอดทุกคนในเช้าวันจันทร์(นี่มันเที่ยงแล้วเฟ้ยยยย )
แอบเอามาม่ามาเสิร์ฟตอนเที่ยง ไม่หรอกมั่งเนอะ ๆ
คนเค้าก็รักกันจะตาย ชีต้าห์น่ารัก หมอปุ่นน่ารัก หมอเนสกับแตงกวาก็น่ารัก
รวมไปถึงคนอ่านทุกคนก็น่ารักด้วย
สำหรับใครที่มาปูเสื่อกางเต้นท์รอ ตื่น ๆ ได้แล้ว 555
(จ่ายค่าเช่าที่มาด้วยนะ เก็บไว้จ่ายค่าตัวนักแสดง )
ไปแล้วเหอะ ยิ่งฝอยยิ่งไปกันใหญ่ 5555
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอีกรอบ
ปล.คุณรู้หรือยังว่า "การดื่มสุรา(ทำให้ความสามารถในการขับขี่ลดลง)" ยังไง ( อะคึ แอบใส่ชื่อตอนผิด อายยยยยย ขอบคุณ k'Cupcake ที่แอบส่งซิกบอกกัน )