26.5. เมา!!!?
วันหยุดที่สุดแสนจะน่าเบื่อ ไอ้คุณเพื่อนก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องกับพวกกระดาษโน้ต นอนฟังเสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งลมตามประสาคนอยู่ไกลแฟน ส่วนไอ้เจ้าเด็กโข่งก็บอกว่ามีธุระขอเลื่อนไปวันหยุดคราวหน้า แล้วตอนกลางวันกลางบ้านที่แสนจะเงียบเหงา เราคนเดียวจะอยู่ทำอะไรได้ หนังสือในห้องก็อ่านจนแทบจะท่องได้อยู่แล้ว ..หรือจะเอารถออกขับไปชมวิวในตัวเมืองบ้างอะไรบ้าง
แกรก!!
ประตูห้องของไอ้คุณเพื่อนเปิดออกมาพร้อมกับเจ้าของห้องที่โผล่หน้าออกมาพร้อมกระเป๋าเป้พาดที่ไหล่ จากการคำนวณด้วยสมองอันชาญฉลาด ...มันต้องหนีเที่ยวที่ไหนแน่ ๆ
"ไปไหนไม่ชวน" เพื่อนปุ่นหันมามองแวบหนึ่ง วางกระเป๋าบนโต๊ะ ก่อนจะเดินหายเข้าไปค้นหาของกินในครัว
"ไปรีสอร์ทพี่เต้ เห็นว่าวันนี้จะมีเรือออกไปส่งที่เกาะ" หมอเนสผุดลุกขึ้นมานั่งทันที ทำหน้าเหมือนคนที่กำลังเจอของที่อยากได้
"ไปด้วยดิ!!" หมอปุ่นหันมามอง เพราะร้อยวันพันปี ไม่เคยเห็นว่ามันอยากจะไป ชวนก็ตั้งหลายครั้งมันก็บอกขี้เกียจ วันหยุดทั้งทีขอนอนอยู่บ้านบ้าง แต่นี่...ขอไปเอง สงสัยว่าอากาศจะร้อนจัดจนสมองเพี้ยน
"ค้างคืนนะ เรือไปรับตอนเช้า" เป็นฝ่ายขอไปเอง แต่พอรู้ว่าลำบาก ก็ชักจะเริ่มลังเล คำว่า 'ไป' และ 'ไม่ไป' ตีกันอยู่ในหัว
"เออ..ไปเก็บเสื้อผ้าก่อน รอแป๊บ!!"
พอมาถึงท่าเรือของรีสอร์ท เพราะไม่ใช่ช่วงซีซั่นนักท่องเที่ยวก็เลยดูบางตา ไอ้คนที่ได้รับสิทธิ์พิเศษเป็นว่าที่ลูกเขย แน่นอนว่าฟรีตลอดการเดินทาง แถมยังได้ลูกชายคนโตเจ้าของรีสอร์ทมาเทคแคร์ด้วยตัวเอง พี่เต้เดินเข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเอง สายตาของหมอเนสมองเลยไปบนเรือที่มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปรออยู่ข้างบน
"เฮ่ย!! ไม่ใช่มั้ง!!" ใครบางคนที่ยืนสะพายเป้ กำลังยืนถ่ายรูปธรรมชาติที่สวยงามรอบๆตัว ไม่ได้สนใจว่ามีใครบางคนกำลังเดินเข้าไปใกล้
แชะ แชะ
จังหวะสุดท้ายที่หันกลับมา พร้อมกับกดชัตเตอร์ไปด้วย แทนที่จะได้รูปท่าเรือโดยรอบ แต่กลับเป็นใบหน้าคุ้นตาของใครคนหนึ่ง ที่แค่ได้เห็นเจ้าของกล้องก็แทบจะกระโดดเข้าไปกอด เด็กหนุ่มลูกครึ่งคลี่ยิ้มจนแก้มแทบปริ ต่างจากอีกฝ่ายที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบเฉย
"ธุระสำคัญมากเลยนะ แตงกวา!!" คำประชดประชันที่ไม่ได้ทำให้รอยยิ้มกว้างซีดจางลงไปแม้แต่น้อย แม้จะเห็นว่าคนที่เดินตามหลังมาคือพี่ปุ่นเพื่อนซี้ของอาจารย์
ไม่รู้ว่าตอนไหน ที่ธีโอไม่ได้รู้สึกอิจฉาหมอปุ่นเหมือนเมื่อก่อน ไม่ได้รู้สึกว่ามีใครอีกคนอยู่ในใจของคนตรงหน้า แม้ว่าถ้อยคำที่ใช้พูดคุยกันจะยังคงซึ่งระยะห่างเอาไว้ แต่ก็ยังดีแค่ไหนแล้ว ที่ได้เห็นตอนที่โกรธ ตอนที่เหงา(แต่ไม่เคยยอมรับ) แล้วก็เวลาที่อาจารย์เนสยิ้มแบบนี้
"คุณเนสมาได้ยังไงครับ เออ..ผมต้องขอโทษก่อน.." หมอเนสเหลือบมองเด็กโข่งตรงหน้า เมื่อกี้ยังทำท่าเหมือนหมาเจอเจ้าของ แล้วก็เปลี่ยนเป็นหมาหงอยซะอย่างงั้น ..ยังไม่ได้ดุอะไรซักคำ
"ขอโทษทำไม แค่มาเที่ยว ใครก็ทำได้" แตงกวาเงยหน้ากลับมายิ้มอย่างเดิม คงต้องขอบคุณอาจารย์สอนพิเศษตรงหน้าที่ช่วยสอนให้เข้าใจและจดจำภาษาไทยได้ในเวลาไม่นาน
พอเรือเริ่มออกตัว ทุกคนต่างก็เริ่มหาที่ทางที่นั่งของตัวเอง บ้างก็มายืนเกาะตรงขอบเรือชื่นชมธรรมชาติ บางคนก็หาที่นั่งรับลมเย็น หมอปุ่นเดินเข้ามาหาตอนที่พี่เขยขอตัวไปดูแลนักท่องเที่ยว ไม่รู้ว่าด้วยความบังเอิญหรืออะไร ที่เห็นเจ้าเด็กนอกยืนอมยิ้มแก้มปริอยู่กับเพื่อนซี้
"ไงแตงกวา!!"
"สวัสดีครับพี่ปุ่น" แตงกวายิ้มทักทายอย่างอารมณ์ดีตอนที่เห็นหมอปุ่นเดินเข้ามา
"ลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน เซ็งอ่ะ!!" ไอ้คุณเพื่อนปุ่นหันมาบ่นด้วยสีหน้าสุดเซ็งอย่างที่พูด จากคนที่ไม่ถูกโรคกับเทคโนโลยีเลย กลับพกโทรศัพท์ติดตัวตลอดเวลา จากคนที่แทบจะไม่เคยแตะคอมฯถ้าไม่จำเป็น กลับนั่งรอเมลได้ทั้งวัน แล้วที่มันจะไปบ้านพักที่เกาะ ก็เพราะจะกลับไปเอาเครื่องโน้ตบุ๊กที่ทิ้งไว้ที่นั่น
"เอามาด้วยก็เท่านั้นแหละ ดูนี่ดิ!!" หมอเนสหยิบโทรศัพท์ของตัวเองให้ดู ไม่มีวี่แววว่าจะมีสัญญาณขึ้นมาเกินสองขีด ไม่หายไปก็บุญเท่าไหร่แล้ว ต่อให้ไอ้น้องเสือโทรมาจากแดนไกลได้สำเร็จ ยังไงก็คุยกันไม่รู้เรื่องอยู่ดี
"พี่ปุ่นกับคุณเนส พักที่ไหนกันเหรอครับ" ธีโอเอ่ยถามแต่สายตายังไม่ละจากใบหน้าของหมอเนส ไม่ใช่ว่าจะหลงใหลขนาดนั้น เพียงแต่...ตั้งแต่ตอนที่เรือแล่นออกมาได้ซักพัก จากที่พูดคุยกันอยู่ดีๆ คุณเนสก็แน่นิ่ง ทำตาลอยๆ บางทีก็เหมือนกับจะคายอะไรออกมา หน้าเริ่มซีด
"เช่าบ้านของรีสอร์ทไว้หลังหนึ่ง แล้วแตงกวาล่ะ?"
"ผมพักที่..คุณเนสครับ!!?" ยังไม่ทันจะได้บอกให้จบ คนที่ยืนนิ่งมานานก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้น ทำเอาสองหนุ่มกระโดดคว้าตัวเอาไว้แทบไม่ทัน
"ปุ่น..เราว่า..เมาเรือว่ะ แหวะ!!" คนเมาหันมาบอกหน้าซีด ยังไม่ทันจะได้หาทางแก้ สิ่งที่กินไปเมื่อเช้ามันก็ย้อนออกมาทางปาก มันคงจะไม่น่าตกใจ...ถ้ามันไม่ได้แหวะใส่ไอ้เด็กโข่งที่นั่งอยู่ข้างๆ
"เฮ่ย!! ไอ้บ้า!! ทำไมไม่บอกก่อน..!!" หมอปุ่นค้นยาในกระเป๋าที่ติดมา ก่อนจะวิ่งกลับไปหาน้ำจากห้องเครื่อง
"คุณเนส มองไปไกลๆ จะช่วยได้นะครับ อีกนิดเดียวก็ถึงเกาะแล้ว" ไอ้เจ้าแตงกวาไม่ได้สนใจว่าตอนนี้เสื้อตัวเองจะเลอะ แถมมีกลิ่นที่ชวนให้ใครก็ไม่อยากเข้าใกล้ กลิ่นจากของเก่าที่คนเมาเรือคายออกมา ดีนะว่าจับกล้องสะพายไว้ข้างๆ ไม่อย่างงั้น...คงได้เรื่อง
"โลกหมุนว่ะ!!" พอลองมองไปไกลๆ ตามที่ได้เจ้าเด็กโข่งมันบอก เรือมันก็ยังโยกไปมา คนเมาก็เลยมองโลกรอบๆ เหมือนกำลังโดนจับเหวี่ยงเป็นวงกลม หรือไม่ก็อาการเหมือนคนที่โดนสั่งให้ปั่นจิ้งหรีดแล้วยืนขึ้นแบบนั้น
ไอ้คนข้างๆมันก็หน้าซีดตามทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไร กระวนกระวาย เอาหมวกมาพัดให้ ทั้งที่ลมมันก็พัดตีหน้าอยู่ตลอด หมอเนสเพิ่งจะเห็นสิ่งที่ตัวเองคายออกไปมันไปแปะอยู่บนอกเสื้อยืดของไอ้เด็กโข่ง ตกใจแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะหัวยังหมุน ได้แต่นั่งสมเพชตัวเองอยู่นั่น ไม่กล้าหันไปมองใคร สุดแสนจะอับอายผู้ชายตัวโตเมาแล้วอ้วก สาบานว่าชีวิตนี้จะไม่ขึ้นเรืออีก
"นี่น้ำล้างปาก แล้วก็กินยาซะ" ไม่ต้องรอให้บอกซ้ำ หมอเนสก็ทำตามคำสั่งเพื่อนหมอทันที โดยมีไอ้เด็กโข่งช่วยประคองอยู่ไม่ห่าง คงเป็นเพราะถ้าเทียบขนาดตัวกันแล้ว ดูเหมือนจะมีเจ้าแตงกวาอยู่คนเดียวที่จะแบกไหวนั่นเอง
"ปุ่น..ขากลับขอเป็นยานอนหลับ หรือไม่ก็ช่วยทำให้สลบแล้วลากขึ้นมาเลยนะ" สองคนที่เหลือหันมาสบตากันกลั้นหัวเราะ คนเมานอนขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น พยายามอย่างยิ่งที่จะหลับลงให้ได้
------
ตัดสินใจพลาด..อย่างมหันต์ แล้วก็เหมือนได้ค้นพบก็วันนี้ว่าตัวเองสามารถเมาได้ โดยไม่ต้องแตะเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อาการเดินไม่ตรงทาง โลกหมุนไปมา คายของเก่าออกมาด้วยครบสูตร! แล้วตอนนี้ก็ต้องให้ไอ้คุณเพื่อนปุ่นมันถือกระเป๋าให้ ส่วนไอ้เจ้าแตงกวาช่วยลากขึ้นฝั่ง ..หมดกันคราบคุณหมอสุดหล่อที่สร้างไว้!!
"อาการหนักอ่ะ เคยเป็นมาก่อนไหม" ไอ้คุณเพื่อนเอ่ยถามตามประสาคนเป็นหมอ มันคงติดปากถามอาการไปอย่างงั้น ..อยากจะตะโกนด่ามันว่าถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ จะมาทรมานตัวเองทำซากอะไรวะ!!
"ก็เพิ่งรู้วันนี้แหละ" ขืนตะโกนออกไปแบบนั้น นอกจากจะปวดหัวจี๊ด แล้วยังเสี่ยงจะโดนทิ้งไว้ที่หาดอีก
"คุณเนสเป็นยังไงบ้างครับ" แตงกวารับหน้าที่หิ้วปีกคนเมาขึ้นฝั่ง แถมยังพามาส่งให้ถึงบ้านพักที่หมอปุ่นเช่าเอาไว้ สายตายังคงทอดมองอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าอาการไม่ดีขึ้น
"เมาซิ!! ถามได้..อยากอ้วกอีกแล้ว!!" พูดจบก็ตะเกียกตะกายเซไปยึดระเบียงบ้านเอาไว้เป็นที่พึ่ง แล้วโก่งคออาเจียนอีกรอบ หมดไส้หมดพุง และ..หมดสภาพอย่างที่เห็น
กว่าจะทำให้มันสงบได้ เล่นเอาหมอปุ่นแทบจะต้องโป๊ะยาสลบ สุดท้ายแล้วหมอเนสก็หมดแรงนอนหน้าซีดแผ่อยู่บนเตียง โดยมีธีโอที่กำลังเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้ ทั้งที่ตัวเองต้องเปลือยท่อนบน เสื้อตัวที่เลอะถอดสลัดทิ้งไว้ที่หน้าบ้านอย่างไม่คิดจะสนใจ เอาแต่วิ่งวุ่นพยาบาลคนป่วยจนกระทั่งหลับไป
"เราก็ไปพักบ้างเถอะ ปล่อยให้มันหลับไปแบบนั้นแหละ เดี๋ยวตื่นมาค่อยว่ากัน" เสียงหมอปุ่นตะโกนบอกมาจากด้านนอก แต่ธีโอก็ยังคงทอดสายตามองคนบนเตียงอย่างเป็นห่วง เป็นไปได้ก็ไม่อยากทิ้งไป แต่มันจะดูแปลกไปไหม ถ้ามาดูแลแบบนี้ เกิดเจอคำถามที่เลี่ยงไม่ได้ขึ้นมา ความอาจจะแตกได้ง่าย
"ผม..กลับมาอีกได้ไหมครับ" พอไม่มีทางเลือกก็ต้องกลับไปที่พักตัวเองก่อน อย่างน้อยๆ ก็ต้องไปอาบน้ำ แล้วเอาเสื้อที่เลอะไปซัก ก่อนไปยังมีมารยาทเดินเข้ามาขออนุญาตก่อน เจ้าของบ้านพักมองกลับมาอย่างแปลกใจ แต่ก็คลี่ยิ้มให้ในที่สุด
"ก็มาซิ เดี๋ยวตอนเย็นมากินข้าวด้วยกัน" อาจเป็นเพราะพี่ปุ่นเป็นคนน่ารักแบบนี้เสมอ ก็เลยไม่รู้ว่าจะหาข้อหาอะไรมากล่าวโทษ เรื่องของความรู้สึกของคนเราบางทีมันก็ละเอียดอ่อนเกินกว่าจะกลายเป็นความผิด
"เออ..ไม่มีอะไรครับ.." ก่อนจะเดินลงมาจากบ้านพัก อยากจะเอ่ยปากบอกเหลือเกินว่าฝากด้วย แต่ก็ยั้งตัวเองเอาไว้ได้ เพราะรู้ว่ายังไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดออกไป ...สถานะของคนรู้จัก สามารถเป็นห่วงกันได้ไหมนะ..?
คนป่วยลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีส้ม พอได้นอนพักอาการก็ดีขึ้น แต่ในท้องเหมือนไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย บ้านพักทั้งหลังเงียบกริบ ไอ้คุณเพื่อนคงออกไปเดินเล่นมั้ง หมอเนสอดคิดไม่ได้ว่ามันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการนอนอยู่บ้านซักนิด เพิ่มการทรมานตัวเองเข้าไปอีก
พอเดินมาถึงหน้าบ้าน ก็พบว่าเจ้าของบ้านพักนอนหลับสนิทอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว สายลมที่พัดมาปะทะใบหน้าทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ได้กลิ่นน้ำทะเล กับธรรมชาติที่สวยงามโดยรอบ ตอนที่ขึ้นฝั่งมาคงไม่ได้สังเกตเห็น แล้วสายตาก็เลื่อนมาหยุดที่ใบหน้าของคนที่กำลังหลับสนิท จนมันขยับพลิกตัว หมอเนสถึงได้แกล้งมองไปทางอื่น
"อ้าว!! เป็นไงมั่ง โลกหายหมุนรึยัง ปวดหัวรึเปล่า" พอลืมตาได้วิญญาณคุณหมอคงเข้าสิงร่างไอ้คุณเพื่อนปุ่น มันถึงได้ยิงคำถามรัวมาทีเดียว
"ได้นอนก็หายแล้วครับ ไอ้คุณหมอ!!" หมอเนสแกล้งประชดใส่ ไอ้คุณหมอที่ว่าก็เลยหลุดหัวเราะก๊าก แต่ก็ยังไม่พอใจแค่นั้น มันยังยื่นมือมาแตะที่หน้าผากเป็นการตรวจวัดอุณหภูมิเบื้องต้นอีก เล่นเอาคนป่วยนั่งนิ่งตัวแข็งเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว
"เออ..โชคดีที่ไม่มีไข้"
ใครบางคนที่กำลังสาวเท้าตรงมายังบ้านพักด้วยความกังวล กลับยืนหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าบ้าน ได้แต่โทษตัวเองที่มาผิดที่ผิดเวลา ไม่กล้าที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า ได้แต่ถอยก่อนจะเดินกลับไปทางเก่า ธีโอถอนหายใจออกมายาวเหยียด ไม่รู้ทำไมในอกมันเหมือนมีอะไรอัดแน่นอยู่ข้างใน อึดอัดจนอยากจะตะโกนให้ดังลั่น แต่ก็ทำได้แค่ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นทราย สายตาเหม่อมองไปข้างหน้าไม่รู้ทิศทาง
"มานั่งเป็นพระเอกอะไรแถวนี้!!?" เสียงทักกึ่งตวาดดังมาจากข้างหลัง เสียงคุ้นหุที่ไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร เพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองนั่งอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหน ก็ตอนที่เหลือบมองไปรอบกายที่ตอนนี้มืดสนิท มีเพียงแสงไฟส่องสว่างให้พอแค่เห็นทาง
หมอเนสย่อตัวลงนั่งข้างๆ ไอ้เจ้าเด็กโข่งที่ยังไม่ได้ตอบคำถาม คนรึอุตส่าห์รอกินข้าวเย็น แต่ก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน ทนความหิวทารุณกระเพาะไม่ไหวก็เลยกินไปก่อน ให้ไอ้คุณเพื่อนที่เป่ายิงฉุบแพ้เก็บกวาดส่วนที่เหลือไว้รอให้คนของรีสอร์ทมาเก็บอีกที ส่วนตัวเองก็ขอออกมาเดินย่อย สูดอากาศบริสุทธิ์ แล้วก็เจอใครบางคนนั่งกอดเข่าใจลอย เรียกหลายครั้งก็ไม่ยอมตอบจนต้องเดินมาเข้ามาใกล้ๆ
"ถามไม่ตอบอีก!! แล้วนี่กินอะไรรึยังล่ะเรา"
"ผมลืมไป..นัดกับพี่ปุ่นเอาไว้!!" เพิ่งจะมานึกได้เอาตอนนี้คงสายไปแล้วมั้ง
"เพิ่งกินกันไปเมื่อกี้ เก็บจานไปแล้ว" พอได้ยินแบบนั้นเข้า ไอ้เจ้าแตงกวาก็เริ่มอาการหางลู่หูตกขึ้นมา
"แล้วผมล่ะ..?" ธีโอหันมาถามพร้อมกับชี้ที่อกตัวเองทำหน้าหงอยๆ
"ล้อเล่นน่ะ สั่งของไว้เผื่อสามคน จะกินหมดได้ไง" หมอเนสหัวเราะอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับยกมือวางบนหัวเจ้าคนหน้าหงอยขยี้เส้นผมเล่นเหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่พอเหลือบเห็นสายตาที่มองกลับมาก็จำต้องชักมือกลับ เบือนหน้ามองไปทางอื่น ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน...ว่าทำไมต้องรู้สึกแปลกๆ
"คุณเนสครับ..."
"หืม..? เรียกทำไม..เออ..มีอะไรเหรอ..?" บรรยากาศเริ่มแปลกไป ยิ่งพยายามไม่สนใจสายตาที่มองมาเท่าไร ตัวเองนั่นแหละที่ยิ่งจะร้อนรน
"เรื่อง'คนที่ชอบ'ผม..จะบอกได้รึยัง ถึงเวลาแล้วหรือยังครับ..?" หมอเนสเหลือบมองหน้าคนถามที่ยังคงจ้องมองมา ...ประเด็นคือ..ไอ้กระผมก็เป็นแค่อาจารย์สอนภาษา ไม่ใช่หมอดู แล้วจะไปตรัสรู้กับมันไหมล่ะ ว่าจะต้องบอกตอนไหน โทรดอกจัน 1900 ก็ไม่ได้ซะด้วยตอนนี้
"จะไปรู้ได้ไงเล่า!! ถ้าอยากบอกก็บอกไปซิ มัวรอช้าเดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก.." ไม่ทันซิน้องหมา น้องแมวคาบไปรับประทานเสียก่อน
"ผมเชื่ออาจารย์ เพราะงั้นผมจะบอก..."
"เออ!! บอกไปเลย เรื่องได้จบๆไป!!" ไอ้คำว่าจบที่พูดไม่ใช่ว่ามองในแง่ร้าย แต่มันหมายถึงจะได้รู้เรื่องเสียที่ต่างหาก แล้วก็ไม่รู้ทำไมตัวเองถึงต้องหงุดหงิด เลยคิดเอาเองว่าคงโมโหที่โดนไอ้เด็กโข่งมันมาเซ้าซี้ พอพูดจบหมอเนสก็เลยลุกขึ้น แต่ยังไม่ทันจะได้เดินกลับไปบ้านพักอย่างที่ตั้งใจ ข้อมือก็โดนคว้าเอาไว้เสียก่อน
"ผม ชอบ คุณเนส ครับ!!"
1 วินาทีผ่านไป
2 วิฯก็แล้ว
3 วิฯก็ยังคงนิ่งอยู่
4 วิฯถึงกับอ้าปากค้าง
5 วินาทีผ่านไป ..คำว่า'ชอบ' ที่ได้ยินมันกำลังวิ่งวนอยู่ในหัวเหมือนกับภาพสไลด์ '
คนที่ผมชอบ เค้าพูดภาษาไทย อยากพูดกับเค้า ก็เลยต้องเรียน' นะ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นหว่า ไอ้เด็กบ้านี่มันจะมาล้อเล่นอะไรตอนนี้เว้ยเฮ้ย!! มันใช่เรื่องล้อเล่นไหม เดี๋ยวปั๊ดเสยคางให้ได้สติซักทีสองทีหรอก แล้วไอ้หัวใจเจ้ากรรมมันจะเต้นตึกตักทำไมวะ!!
"ผมชอบคุณเนสมานานแล้ว" ธีโอยังคงยืนยันหนักแน่น สายตายังคงทอดมองคนตรงหน้า เพียงแค่...ไม่ได้ยินคำปฏิเสธสวนกลับมา หัวใจก็ยังคงพอจะมีหวัง
"บ้าไปแล้ว ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ" เสียงบ่นพึมพำเหมือนคนที่กำลังสับสน ก่อนจะสะบัดข้อมือตัวเองออก เดินหันหลังตรงกลับไปยังบ้านพัก
"ผมพูดจริงๆนะ คนที่ผมชอบคือคุณเนส" โอ๊ย!!! ยังจะมาย้ำอีก ฆ่ากันให้ตายเลยไหม เมื่อตอนกลางวันเมาเรือ แล้วตอนเย็นยังมาเจอเรื่องชวนเมาแบบนี้อีก นี่มันวันอะไรกันโว้ยยยยยยยยย
=================
โอ่ว์...แม่เจ้าาาาา
เจอแบบว่าเมาซับเมาซ้อนซ่อนเงื่อน 5555
แล้วแบบนี้หมอเนสของเราจะทำไงถึงจะหายจากอาการ hank ละเนี้ยะ
มิมีใครรู้หรอก..ต้องติดตามตอนต่อไปเท่าน้านนนนน
ก่อนไปรูปประกอบตอนนี้ ก็...แบบว่าจับไว้ให้อยู่