17.
คุณทิวากำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ จิบกาแฟยามเช้าอยู่บนโต๊ะ ซักพักถึงได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาทางหน้าบ้าน เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือพิมพ์ ไม่ต้องออกไปดูก็รู้ว่าเป็นใคร เสียงประตูห้องลูกชายคนเล็กเปิดออก พร้อมกับเจ้าตัวที่ยังคงกระเซิงทั้งเสื้อผ้าหน้าผม วิ่งออกมาชะโงกหน้ามอง แล้วหันมาสบตากับบิดาหน้าตาตื่น
"แปลกแหะ วันนี้ไอ้เสือของพ่อตื่นเช้าเป็น" คุณทิวาเอ่ยปากแซวลูกชายคนเล็กอย่างอดไม่ได้ เจ้าตัวหันมาทำหน้ายุ่ง เหมือนเพิ่งจะลุกมาจากที่นอนสด ๆ ร้อน ๆ
"พ่อ!! พี่เต้ตื่นรึยัง" ลูกชายคนเล็กรีบถามอย่างร้อนรน
"อยู่หลังบ้านนะ เห็นว่าสวนดอกไม้ที่ปลูกมันเหี่ยว ไปสั่งคนงานอยู่" พอบอกไปแค่นั้น ชีต้าห์ก็ผลุดลุกวิ่งออกไปทางหลังบ้าน ตามที่คนเป็นพ่อบอก คุณทิวาได้แต่มองตามหลังลูกชายไปอย่างไม่เข้าใจ
"พี่เต้ ๆ ช่วยอะไรหน่อย" นายเต้ที่กำลังกำชับคนงานให้เอาดอกไม้ลงดิน หันมามองน้องชายที่วิ่งเข้ามาหาหน้าตาตื่น
"ทำไม..มีอะไร?" เสียงถามกลับอย่างร้อนรน แถมยังชะโงกหน้าไปมองข้างหลังที่ไอ้เด็กแสบวิ่งมา คิดว่าจะได้เห็นตัวการ หรือไม่ก็สาเหตุที่ทำให้น้องชายวิ่งมาหาทั้งชุดนอนแบบนี้
"รับหน้าหมอปุ่นให้ที" กรรม!! ไอ้เสือตัวแสบ กลับกลัวแค่คุณหมอ(ทีพ่อกับพี่มันไม่เห็นมันจะเป็น)
"ไปเกเรอะไรมาอีกล่ะเรา" ชีต้าห์สะบัดหัวหนีฝ่ามือของพี่ชายที่กำลังแกล้งโยกหัวตัวเองเล่น
ไม่ได้เกเรซักหน่อย แต่นัดกันไว้ กับพี่หมอเนสอีกคน ว่าวันนี้จะไปกินลมชมวิวกัน เวลานัด 10 โมงเช้า นี่ปาไป 11 โมง เพิ่งจะตื่น ต้องหาเรื่องถ่วงเวลาเอาไว้ก่อน แล้วสภาพนี้ ไม่อยากให้เห็นบ่อยนักหรอก มันน่าอายจะตายไป เสียภาพพจน์หมด
"นะ ๆ พี่เต้ ผมจะรีบไปอาบน้ำแต่งตัว อย่าบอกว่าผมเพิ่งตื่นก็พอ.." พูดจบไอ้เสือมันวิ่งพรวดเข้าไปในบ้านตามเดิม ไม่ได้หันมาฟังพี่มันเลย ว่าจะยอมช่วยหรือเปล่า ปล่อยให้พี่ชายที่เพิ่งจะโดนอ้อนยืนส่ายหัวอย่างปลงตก
"ให้เร็วล่ะ.." ชีต้าห์หันมาฉีกยิ้มให้พี่ชายอีกที ก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องอย่างอารมณ์ดี
หมอปุ่นที่เข้าออกบ้านคุณเจ้าของรีสอร์ทจนชินเดินเข้ามา โดยไม่ต้องรอให้ใครมาเชิญ ยังไม่ทันจะไปยังห้องที่ต้องการ ก็เจอเจ้าของบ้านนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารเสียก่อน คุณทิวาวางหนังสือพิมพ์ในมือ พร้อมกับหันมายิ้มให้
"สวัสดีครับ คือผม..มารับชีต้าห์.." แปลก...ทั้งที่ก็เคยเจอ และพูดคุยกันนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่รู้ว่าทำไม สายตาที่มองมาไม่เหมือนก่อน บรรยากาศอึดอัด แต่ก็เดินไปต่อไม่ได้ จำต้องเดินเข้าไปนั่งอีกฟากของโต๊ะตัวเดียวกัน
"รบกวนคุณหมอหลายครั้งนะ ลำบากรึเปล่า มาเป็นเพื่อนให้ลูกชายคนเล็กของผม.." มาเจอคำถามนี้ หมอปุ่นก็ทำได้เพียงคลี่ยิ้มนำหน้าไปก่อน
"ไม่เลยครับ ยินดีด้วยซ้ำ" ไม่รู้เลยว่าคำถามนั้น จะไปสะกิดจิตอะไรบางอย่างของคุณทิวาเข้า แต่ด้วยความที่เป็นผู้ใหญ่ ใบหน้าก็ยังคงความเรียบเฉยเอาไว้ได้
"ไง!! หมอปุ่นไปเที่ยวไหนกันอีกล่ะวันนี้" ลูกชายคนโตส่งเสียงเข้ามาขัดจังหวะ ตั้งแต่ยังเดินมาไม่ถึง ฝ่ายคุณหมอลอบถอนหายใจออกมายาวเหยียด หันไปยิ้มขอบคุณคุณเต้เป็นการใหญ่
"ผมกับหมอเนส ว่าจะหาที่นั่งทานอาหารกันแถวหลังหาด พี่เต้กับคุณทิวาจะไปร่วมด้วยไหมครับ.." ถามออกไปแล้วก็แทบจะต้องกลั้นใจรอเอาคำตอบ สายตาคมของเจ้าของบ้านยังคงทอดมองมานิ่ง แม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่...มันก็ชวนให้รู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ ยังไงไม่รู้
"น่าเสียดายจริง พี่ต้องอยู่คุมคนงานลงต้นไม้ ไม่งั้นคงไปด้วย" นายเต้ย่อตัวลงนั่งตรงเก้าอี้ข้างบิดา พอจะมองออกอยู่หรอกว่าบรรยากาศมันอึดอัดชอบกล
"พ่อมันแก่แล้ว คงไปตะล่อน ๆ กับพวกหนุ่ม ๆ ไม่ไหว" คำตอบที่ได้รับทำเอาหมอปุ่นรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก นึกเคืองไอ้เสืออยู่ในใจ ว่าทำไมป่านนี้ยังไม่ยอมออกมาจากห้อง จะได้รีบชิ่งออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย
ไม่ใช่ว่าไม่อยากบอก แต่...มันยากที่จะบอกไม่ใช่เหรอ เพราะตัวเองดันไปชอบลูกชายคนเล็กสุดหวงของครอบครัวเข้า มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเกินไป ที่จะต้องใช้เวลาอธิบายให้เข้าใจ ว่าความรัก...แบบนี้ มันก็เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่แค่คิดจะมาเล่นกับความรู้สึกใคร
ความเงียบน่าอึดอัดปกคลุมไปทั่วห้อง แม้แต่นายเต้เอง ก็ยังต้องแสร้งยกกาแฟขึ้นมาดื่ม ส่วนหมอปุ่นก็ทำเป็นยกแก้วน้ำเปล่า ที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมากระดกแก้อาการร้อนในใจ
"นี่ถ้าลูกคนเล็กเป็นลูกสาว พ่อคิดว่ากำลังจะได้ลูกเขยเป็นหมอนะ!!"
พรวด!! เต็มที่เลยครับท่าน เมื่อกาแฟที่คุณเต้เพิ่งจะจิบยังไม่ลงคอ มาเจอคำพูดแบบนี้ มันก็เลยพุ่งออก ไม่ต่างกับคุณหมอ..
"อุ๊บ!! แค่กๆ!!" น้ำเปล่าเย็นจัดไม่ได้ช่วยอะไร แต่กลับยิ่งทำให้หมอปุ่นสำลักแทบพุ่งออกจมูก
"อ้าว...เป็นอะไรกันเหรอ ทั้งพี่เต้ ทั้งพี่หมอ.." ไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้ต้องมาเจอสภาพนี้ วิ่งออกมาจากห้องด้วยสภาพเรียบร้อย หลังจากหายเข้าไปกว่าครึ่งชั่วโมง
"คุณหมอเค้าสำลักน้ำนะ ส่วนไอ้พี่ชายของเรา สงสัยกาแฟจะลวกปาก" คุณทิวาตบไหล่ลูกชายคนโต ก่อนคลี่ยิ้มที่มุมปาก มือที่วางอยู่บนไหล่กดน้ำหนักลงมา เป็นที่รู้กันดีของสองพ่อลูกว่า ...เรื่องต่อจากนี้เอาไว้ค่อยคุยกัน...
"แล้วคุยอะไรกันอยู่ ซีเรียสเหรอ?" ชีต้าห์มันตีความเอาเองว่าพ่อคงดุ ที่ออกไปข้างนอกกับคุณหมอ ก็เลยเข้าไปคลอเคลียกับบิดาออดอ้อน ก่อนจะหันไปถามคนที่กำลังนั่งสำลักหน้าแดง
"พี่หมอ เป็นไงมั่ง กินยังไงให้สำลักล่ะนั่น!!" หมอปุ่นอยากจะหันมาเถียงกลับ เพียงแต่ว่ายังมีสายตาเจ้าของบ้านที่ยังทอดมองมา
"มะ..ไม่เป็นไรแล้ว แค่น้ำเปล่าเอง เราไปกันเลยดีไหม ไอ้หมอเนสมันจะรอ.." ณ นาทีนี้จำต้องรีบชิ่งไปก่อน เหลือบมองไปทางคุณพี่เต้ ที่ส่งสายตาเหมือนจะเปลี่ยนใจอยากไปร่อนกับน้องชายขึ้นมา แต่ติดตรงที่ยังมีฝ่ามือของบิดากดเอาไว้
"ไปนะพ่อ เดี๋ยวตอนเย็นให้พี่หมอมาส่ง.." ชีต้าห์หันมาบอกบิดา พร้อมกับหมอปุ่นที่ยกมือไหว้ลาเจ้าของบ้าน แล้วคว้าข้อมือของไอ้เสือ ดิ่งออกไปจากบ้านทันที ปล่อยให้สองพ่อลูกที่เหลือ มีเรื่องต้องคุยกันตามลำพัง ...อะไรมันจะเกิด ก็คงห้ามไม่ได้
-----------------
"พี่หมอเป็นอะไร หรือว่าโดนพ่อว่าอะไรมา" ชีต้าห์เหลือบมองใบหน้าของคนที่กำลังสวมหมวกกันน็อคให้อย่างแปลกใจ มีแววกังวลในดวงตาคู่สวยอย่างเห็นได้ชัด
"เปล่านี่ ก็เรานั่นแหละ ทำพี่สายไปด้วยเพิ่งตื่นใช่ไหม" หมอปุ่นแกล้งบีบจมูกโด่งได้รูปของไอ้เสือแสบอย่างหมั่นไส้จัด เปลี่ยนเรื่องแถไปทางอื่น เจ้าตัวเหลือบมองมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเอาคืนด้วยการแกล้งงับนิ้วของคุณหมอ ที่ยังจ่ออยู่แถวใบหน้าตัวเอง แต่ก็ไม่สำเร็จซักที
"ทำเป็นหลบไปเถอะ ถ้าเผลอเมื่อไรจะงับเลย!!" คำขู่จริงจัง แต่คุณหมอกลับหัวเราะออกมาซะอย่างงั้น ความอึดอัด ขุ่นมัวที่อยู่ในใจเมื่อครู่มลายหายไปหมด เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มสดใสของคนตรงหน้า
"ดุจริงนะเรา ป่านนี้ไอ้หมอเนสมันกำลังบ่นถึงอยู่แน่!!" ชีต้าห์ก้าวขึ้นไปนั่งซ้อนเอาแขนเกี่ยวเอวของคุณหมอ ไม่ต้องรอให้บอก ใบหน้าซบลงไปบนแผ่นหลังกว้าง พลางคิดอะไรในใจ ...ไม่รู้ว่าทำไมรอยยิ้มของหมอปุ่น แปลกไปกว่าทุกวัน
กว่าจะมาถึงท้ายหาดก็เกือบบ่าย แล้วก็อย่างที่คาด อีกคนที่รอ ทำหน้าเหมือนกำลังโกรธใครมาซักชาติ ยืนรอตั้งแต่ตอน 9 โมง จนมาบัดนี้บ่ายโมงกว่าแล้วครับท่าน จะไม่ให้หงุดหงิดก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน อยากจะหาอะไรจับมัดทั้งสองคนที่ยังเดินจูงมือ ยิ้มหวานมาทางนี้ มัดมันไว้กับต้นมะพร้าวแถวนี้ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาเก็บซากซะดีมั้ง
"ไม่มากันตอน แดดอ่อน ๆ ซะเลยล่ะคุณชายทั้งสอง!!" เสียงประชดของเพื่อนเนส ทำเอาสองคนที่กำลังคุยเล่นกัน ถึงกับชะงัก ชีต้าห์หันมายิ้มให้อย่างประจบ เนื่องด้วยรู้ตัวว่าเป็นคนผิดทั้งหมด
"ขอโทษครับ! พี่หมอเนส ผมช้าเอง แต่ก็มีของมาฝากด้วยนะ.." ถุงของกินในมือที่อุตส่าห์หอบหิ้วมา ก็มีประโยชน์เอาตอนนี้แหละ
"หิวจวนจะงับหัวคนแถวนี้แล้วโว้ย!!" เท่านั้นแหละชีต้าห็ก็เร่งรื้อถุงของกิน ออกมาวางเรียงบนผ้าที่เตรียมมาสำหรับปูนั่ง หมอปุ่นยังคงยืนมองอย่างหมั่นไส้ ดูก็รู้ว่าไอ้คุณเพื่อนมันแกล้ง แถมยังมายักคิ้วให้อีกนะ มันจะท้าใช่ไหม!!
"ชีต้าห์ เดี๋ยวกินเสร็จไปเดินเล่นตรงโน่นกันนะ" หมอปุ่นแกล้งย่อตัวลงนั่งเบียดกับไอ้เด็กแสบ ก่อนยักคิ้วให้ไอ้คุณเพื่อนที่มันเหล่มองมาด้วยหางตา ส่วนไอ้เสือก็กำลังยุ่งกับของกิน ไม่ได้เห็นว่าเพื่อนรักสองคนกำลังห้ำหั่นกันทางสายตา
"ผมเล่นน้ำได้ไหม..?" แค่ลองถามดู แต่ก็โดนหมอปุ่นหันมามองด้วยสายตาดุ ๆ อุตส่าห์ใส่เสื้อกล้ามมาข้างใน ชีต้าห์ก็เลยทำหน้าจ๋อยสนิท จนโดนฝ่ามือใหญ่ ๆ โยกหัวไปมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ ถึงได้รู้ว่าตัวเองโดนแกล้ง
"เล่นได้ แล้วก็รีบขึ้นมาล้างตัวล่ะ" หมอปุ่นบอกปนเสียงหัวเราะ ที่จริงเตรียมยาแก้แพ้ กับยาทาแก้ผื่นคันติดกระเป๋ามาด้วยแล้ว
"รู้สึกตามันร้อน ๆ ยังไงไม่รู้วะ" คนเค้ากำลังซึ้ง ลืมไปว่ายังมีก้างชิ้นใหญ่ นั่งเคี้ยวปลาหมึกอยู่ข้าง ๆ อีกคน
"ลองควักมันออกมาดูไหม เผื่อว่ามันจะดีขึ้น" หมอปุ่นทำเป็นแกล้งยกช้อนซ้อมขึ้นมา ไอ้คุณเพื่อนที่มีอาการตาร้อนไม่ทราบสาเหตุ ก็เลยส่ายหัวรัว
"ขอบใจ โคตรจะหวังดีอ่ะ" หมอเนสแกล้งเหลือบมองด้วยหางตา ส่วนชีต้าห์ก็เอาแต่หัวเราะไม่หยุด
แสงแดดส่องกระทบน้ำทะเลในตอนบ่าย เป็นแสงระยิบระยับตามระลอกคลื่น คนสองคนที่กำลังเดินเอามือประสานกัน เดินเล่นอยู่กับคลื่นที่กระทบขึ้นมาบนหาดทราย รอยเท้าเปล่าที่เหยียบย่ำลงไปบนผืนทราย ถูกลบทุกครั้งที่คลื่นซัดเข้ามา
"พี่หมอ....ถ้า...ถ้าพ่อเกิดรู้เรื่อง แล้ว..รับไม่ได้ขึ้นมา" หมอปุ่นเหลือบมองใบหน้าคน ที่เดินอยู่เคียงข้างที่ยังคงจ้องมองคลื่นน้ำที่เท้าตัวเอง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาเสียงเบา เมื่อความกังวลใจที่แกล้งกลบเกลื่อนมาตั้งแต่ตอนอยู่ที่บ้าน ตอนนี้ไม่สามารถทนเก็บมันเอาไว้ได้อีกต่อไป
"ชีต้าห์..พี่เชื่อว่าท่านจะเข้าใจ ถ้าเราอธิบายเหตุผลให้ฟัง" ฝ่ามือหนาของคุณหมอแตะลงบนใบหน้าขาวที่กำลังก้มหน้า นึกอยู่ว่าทำไมวันนี้ไอ้เสือมันทำตัวดีผิดปกติ ที่แท้ก็กังวลเรื่องนี้เอง
"ไม่ใช่แค่พ่อกับแม่ของผม ของพี่หมออีกล่ะ ถ้าเกิดว่าเค้าไม่ฟัง..." พอมาคิดดูแล้ว ใช่ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ทุกคนจะยอมรับได้ หมอปุ่นบีบมือของชีต้าห์เบา ๆ เหมือนจะปลอบ อยากจะดึงมากอด ก็ใช่ว่าจะทำได้ ยังไงแถวนี้ก็ยังเป็นที่สาธารณะ ต้องให้เกียรติ คนที่เราชอบด้วย
"ให้พี่โทรไปบอกท่านตอนนี้เลยเอาไหม ยืนยันว่าความรู้สึกของพี่หมอเป็นเรื่องจริง..." ชีต้าห์จับมือที่กำลังจะกดโทรศัพท์เอาไว้ ก่อนจะเหลือบมองใบหน้าคุณหมอที่ทำหน้าจริงจัง
"มันไม่ยุติธรรม พี่หมอยังเสี่ยงจะโดนพ่อผมยิงทิ้ง เพราะงั้น..ผมก็ควรจะไปพบท่านด้วยตัวเองบ้าง เสมอกัน.." คนฟังก็อยากจะหัวเราะออกมาอยู่หรอก แต่...ไอ้คำว่า'ยิงทิ้ง'ในประโยคนี่ซิ ทำอาหัวเราะไม่ออก ถึงขั้นนั้น ก็คงไม่ต้องพาไปหาพ่อกับแม่ที่ลำพูนแล้วมั้ง
"งั้น...เอาไว้ไปเจอพ่อกับแม่พี่ด้วยกัน รับรองว่าท่านต้องชอบชีต้าห์ เหมือนพี่หมอแน่.." หมอปุ่นดึงแก้มใสของไอ้เสือเล่นอย่างหมั่นเขี้ยวจัด
"ผ่านด่านพ่อผมให้ได้ก่อนเถอะ ถามจริงเมื่อตอนสายคุยอะไรกัน" ชีต้าห์คาดคั้น พร้อมกับส่งสายตาอ้อนอย่างเคย จนอีกคนเกือบจะใจอ่อน
"ไม่มีอะไรจริง ๆ คิดมากนะเรา เดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก" พอโดนว่าเข้า ไอ้เด็กแสบก็เลยเแยกเขี้ยวใส่
"พี่หมอแหละ แก่สุด!!" คำว่าที่ไม่ได้ทำให้รู้สึก กลับทำให้หมอปุ่นหัวเราะออกมาได้ง่าย ๆ จับหัวไอ้เสือโยกไปมา ไม่สนใจเสียงบ่นของเจ้าตัว
ว่ากันว่า เวลาที่คนเรามีความสุข จะมีอานุภาพทำให้ลืมหมดทุกสิ่งอย่างที่อยู่รอบ ๆ หากเป็นไปได้ก็อยากจะขอเก็บรอยยิ้มสดใสแบบนี้เอาไว้ ไม่อยากให้มีรอยหม่นหมองซักนิดในแววตาคู่สวยนั่น ถ้าหากคำว่ารักมันเป็นสิ่งที่สวยงาม มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะยอมรับไม่ใช่หรือ...
หมอปุ่นพาตัวลูกชายคนเล็กของรีสอร์ทมาส่งตอนที่ตะวันตกดินไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้ดึกมากนัก หลังจากทานข้าวเย็นอีกรอบที่บ้านนั่นแหละ กว่าที่คุณปู่จะคลานมาถึงหน้าบ้านมันก็ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง อดแปลกใจไม่ได้ที่เจ้าของรีสอร์ทอย่างคุณทิวา มายืนรออยู่หน้าบ้าน ชีต้าห์รีบโดดลงไปจากรถส่งหมวกคืนให้คุณหมอ
"พ่อกำลังรอเราอยู่เลย..." คุณทิวาเหลือบมองลูกชายคนเล็ก ก่อนปรายตามองไปทางหมอปุ่นที่เดินตามหลังมา
"มีอะไรเหรอครับ หรือว่าแม่โทรมา...." ใบหน้าของบิดายังคงเรียบเฉย ไม่พูดไม่จา ก่อนจะดึงแขนลูกชายคนเล็กเข้าไปในบ้าน
"ชีต้าห์!! คุณทิวาครับ!!" ไม่ต้องรอให้ได้รับคำเชิญ หมอปุ่นก็วิ่งตามเข้าไปทันที สถานการณ์แบบนี้ ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับไอ้เสือแล้วล่ะก็ คงจะยืนดูอยู่เฉย ๆ ไม่ได้
"ผมเจ็บนะพ่อ เกิดอะไรขึ้นพี่เต้!!?" พี่ชายคนโตนั่งหน้าซีด ไม่พูดไม่จาอยู่ที่โซฟา
"พ่อรู้หมดแล้ว เรื่องของต้าห์กับหมอปุ่น!!" คราวนี้เป็นชีต้าห์ที่หน้าซีด เหลือบตามองพี่ชายตัวเอง ที่ไม่ยอมหันมาสบตาด้วย หมอปุ่นที่เพิ่งจะวิ่งตามเข้ามาก็ยืนนิ่ง ไม่คิดว่าเรื่องมันไปเร็วขนาดนี้ คิดเอาไว้ว่าพี่เต้คงมองออก เพียงแต่ไม่พูดออกมา แต่ไม่คิดว่า...สถานการณ์มันจะเปลี่ยนไปแบบนี้
"คุณทิวาครับ เรื่องนี้..."
"ลูกมีอะไรจะอธิบายไหม!!?" หมอปุ่นรู้สึกว่าตัวเองหน้าชา เมื่อเจ้าของบ้านหันไปคาดคั้นลูกชายตัวเองแทน กลายเป็นคนนอกโดยสมบูรณ์
"คือว่า...ผม กับพี่หมอ.." ชีต้าห์หลบสายตาของบิดาที่มองมาอย่างจับผิด เหลือบมองหมอปุ่นที่ยืนอยู่ไม่ห่าง แต่ก็ไม่กล้าเข้ามาแทรก ขอบตามันก็ร้อนขึ้นมา เกิดมาตั้งอายุเท่านี้ ยังไม่เคยทำเรื่องให้พ่อโมโหขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
"เราสองคนคบกันครับ เรื่องนี้ผมเป็นคนเริ่มเอง ไม่ใช่ความผิดของชีต้าห์" หมอปุ่นทนมองไอ้เด็กตัวแสบมันทำหน้าตาแบบนั้นต่อไปไม่ไหว จะไม่ให้ยุ่งก็คงไม่ได้
"ผมไม่เคยคิดเลย ว่าคุณหมอจะเป็นคนแบบนี้" พอเห็นว่าบิดาเดินปรี่เข้าไปหาคุณหมออย่างโกรธจัด ชีต้าห์ก็วิ่งไปขวางกลางเอาไว้
"ผมก็ผิดด้วย..พ่ออย่าเพิ่งไปว่าพี่หมอ ว่าลูกชายของพ่อนี่แหละก่อน!!" คุณทิวาเหลือบมองลูกชายคนเล็กด้วยใบหน้าเรียบเฉย ลูกชายที่เคยเห็นเป็นเด็ก ตอนนี้กลับเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบแล้ว
"แล้วตอนที่ลูกต้องกลับไปอยู่กับแม่ล่ะ รู้ได้ยังไงว่าไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันจะไม่เปลี่ยนไป ถ้าแค่เล่น ๆ พ่อก็ไม่ว่าอะไร กลับไปเมื่อไรก็จบกัน.." ทั้งสองคนตรงหน้ายืนนิ่ง พูดไปอดสงสารลูกชายตัวเองไม่ได้ แต่ถ้ามันจบตั้งแต่ตอนนี้ ก็ดีกว่าปล่อยให้มันยืดเยื้อต่อไป
หมอปุ่นเอื้อมมาจับมือของชีต้าห์เอาไว้แล้วออกแรงบีบเบา ๆ แววตาที่ทอดมองมาช่างหนักแน่นและมั่นคง แม้ไม่ต้องเอ่ยคำใด ๆ ออกมาต่างฝ่ายต่างก็รับรู้ความรู้สึกของกันและกันได้ ไม่ต้องใช้เวลา ไม่ต้องมีใครมาคอยบอก
"ผม'รัก'ชีต้าห์จริง ๆ ครับ ..แม้ว่าน้องจะกลับไปเรียน ผมก็จะรอ ถ้าน้องอยากจะอยู่ที่นั่น ซักวันผมจะตามไป ความรู้สึกของผม แม้มันจะเกิดขึ้นไม่นาน แต่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่นอน...ผมขอยืนยัน.." คนเป็นพ่อเหลือบมองสองมือที่สอดประสานกันตรงหน้า ไม่ได้เกรงอกเกรงใจสายตาคนมอง ยิ่งเห็นว่าลูกชายคนเล็กหันไปยิ้มให้ หลักฐานก็เห็นชัดเจนอยู่แล้ว
แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมือที่ดังขึ้นขัดความเงียบน่าอึดอัด เรียกสายตาทุกคนให้หันไปมอง จะเป็นใครที่ไหนได้อีก ก็ลูกชายคนโตของบ้านที่นั่งหน้าซีดอยู่ก่อนหน้านั้น ตอนนี้กำลังลุกขึ้นมายืนยิ้ม พร้อมกับปรบมือเสียงดัง ไม่เกรงใจใคร
"ผมบอกแล้ว พ่อก็อยากทดสอบอะไรไม่รู้ งานนี้คุณทิวาต้องปิดรีสอร์ทเลี้ยงนะ สัญญาแล้ว" นายเต้เอ่ยปากแซว เดินมายืนเคียงข้างบิดา พร้อมกับยื่นมือมาตบไหล่ว่าที่น้องเขยหมาด ๆ ที่กำลังยืนงง เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้น ก่อนที่จะยื่นมือไปวางบนหัวของลูกชายคนเล็กที่ทำหน้าสับสนไม่แพ้กัน
"ได้ของมีค่ามาไว้ในมือ ก็อย่าทิ้งมันไปง่าย ๆ ล่ะ" ชีต้าห์กับหมอปุ่นหันมาสบตากัน งงที่สุดของที่สุดในรอบวัน ยิ่งเห็นพ่อกับพี่เต้กำลังยืนกอดคอกันหัวเราะอีก...แล้วเมื่อกี้ กับตอนนี้ สรุปว่า...ผ่านแล้วเหรอ..
"พี่หมอว่า..ไอ้เสือร้าย ยังไม่วายแพ้พ่อเสือ โดนต้มเปื่อยเลย เราสองคน.."
==========================
ไม่มาม่านะ...
แวบไปแวบมาซะหลายวัน กว่าจะได้มาอัพ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม
รอบหน้าว่าจะเป็นตอนขัดดอก
คิดถึงธีโอกันล่ะเซ่ จัดปายยยย
ก่อนไป โอบกอดทุกคน จากใจนักเขียนตัวน้อย ๆ (เหรอออออ)