32.
ชีต้าห์กำลังนั่งจดจ้องสองคนที่ก่อนหน้านั้นไม่ค่อยจะถูกกัน แต่พอกลับมาคราวนี้..ทำไมบรรยากาศมันแปลกๆ แม้ว่าจะเถียงกันบ้าง ตีกันบ้างเหมือนก่อน แต่ดูยังไงบรรยากาศมันไม่ใช่แบบคนที่เค้าทะเลาะกัน มันเหมือน..แกล้งหยอกกันไปมามากกว่า ส่วนพี่หมอเนสที่ดูเหมือนจะเกร็งแข็งเป็นหินในตอนแรกก็ดูจะอ่อนโยนลงมามากอยู่
"ทำอะไรอยู่น่ะ" เสียงที่เอ่ยถามมาพร้อมกับอ้อมแขนที่สอดเข้ามากอดจากทางด้านหลัง ..ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่หมอปุ่นนั่นเองพักนี้ดูเหมือนจะใจกล้าหน้าด้านมากๆ อยากอดก็กอด พอเผลอก็โดนขโมยหอมแก้ม แบบว่าไม่เกรงใจใคร ทำให้อับอายได้วันละหลายรอบ
"พี่หมอ...สองคนนั้น เค้าแปลกๆไปป่ะ" หมอปุ่นมองตามนิ้วมือที่ชี้ไปทางสองคนที่อยู่โต๊ะนั่งเล่นกลางบ้าน
"อืม..เราว่าไงล่ะ" พี่หมอเข้ามานั่งซ้อนที่ข้างหลังแล้วเอาคางวางบนไหล่ พูดจาพึมพำเหมือนคนยังไม่ตื่น คงเพราะเมื่อคืนกลับมานั่งปั่นงานต่อที่บ้านอีก
"พี่หมอจะนอนก็ไปนอนในห้องดิ มานั่งทับผมทำไมล่ะ หนักนะ" ไม่รู้ว่าใครกันที่แน่ทำตัวติดหนึบ มือไม้หนึบหนับเป็นปลาหมึก แต่ทำแกล้งเป็นหลับตา ทำเป็นไม่รับรู้ที่พูด ถ้าเกิดสองคนนั่นหันมาเห็นเป็นได้อายกันล่ะคราวนี้
"พี่หมอ!!" เสียงขู่ที่ลอดไรฟันออกมาไม่เป็นผลเอาซะเลย สงสัยคงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดซะแล้ว
"อื้อ..กอดหน่อยก็ไม่ได้ ขี้หวง!!" โดนศอกเล็กๆ ไปทีแถวหน้าท้อง คุณหมอปลาหมึกที่แกล้งหลับก็เลยต้องตื่นลืมตาอย่างยังเสียดาย แต่ก็ไม่วายเอาคืนด้วยการจับแก้มสองข้างของไอ้เสือตัวแสบดึงไปมา
“หมั่นไส้คนแถวนี้จริงโว้ย!!” เสียงแซวดังมาจากคนที่เดินมาเปิดตู้เย็น กำลังรินน้ำใส่แก้ว แต่แทนที่ไอ้คนติดหนึบมันจะแยกตัวออกจากกัน มันกลับส่งสายตากึ่งเยาะเย้ยมาให้
“หมั่นไส้..หรืออิจฉาเอาให้แน่นะ มันคนละความหมาย!?” หมอเนสแทบจะสำลักน้ำที่กำลังกระดกลงคอ ยิ่งพอเหลือบมองไปทางไอ้เจ้าเด็กโข่งมันก็กำลังยิ้มกว้างทำตาแวววาวมีความหวัง ...เหมือนไปชี้ทางให้หมามันรู้ตัว
“ไอ้ปากดี เมื่อวานนะ ทำเป็นแจกยิ้มให้สาวๆไปทั่ว” พอไม่รู้ว่าจะขุดอะไรมาแก้แค้นเพื่อน หมอเนสก็เลยหาเรื่องมาแกล้งแทน แล้วก็เหมือนจะได้ผล เพราะคราวนี้เป็นไอ้เสือที่หูตั้ง เงยหน้าจากโน้ตบุ๊คขึ้นมาตั้งใจฟัง พร้อมกับหรี่ตามองไปทางคนข้างหลังเป็นระยะ
“สาว..ที่ไหน..?” ชีต้าห์ถามอย่างอดไม่ได้ แต่จำเลยนี่ซิยังทำเป็นนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้าน
“วันนี้มีน้องๆพยาบาลมาฝึกงานน่ะ” คนที่โดนข้อกล่าวหาบอกเสียเอง เพราะมันไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้นหรอก ยิ้มก็ยิ้มจริง แต่ก็แค่ทักทายเท่านั้น ก็มีตัวจริงให้กอดอยู่นี่ทั้งคนจะยังต้องการใครอีก
“น่าสงสาร..” แทนที่จะได้เห็นไอ้เสือมันหวงหัวฟัดหัวเหวี่ยงเหมือนเคย แต่กลับเป็นคำเปรยที่สองคุณหมอหันมาสบตากันอย่างไม่เข้าใจ
“อะไร..ไม่หึงซักนิดเลย!!?” หมอปุ่นแกล้งกระชับอ้อมแขนกอดให้แน่นเข้าไปอีก
“หึงทำไม น่าสงสารน้องพยาบาลต่างหาก ก็พี่หมอมีผมอยู่แล้วทั้งคน หึหึ” แทนที่จะหวงแฟนตัวเองกลับไปสงสารคนอื่นซะอย่างงั้น หน้าตาที่บ่งบอกถึงความมั่นใจของไอ้เสือทำเอาคนที่นั่งรอฟังหัวเราะตาม
“มั่นใจเหลือเกินนะ” หมอปุ่นแกล้งบีบจมูกไอ้คนที่มั่นใจตัวเองด้วยความหมั่นไส้ ไอ้เสือมันก็ยังคงมีฤทธิ์หันไปทำหน้าทะเล้นพร้อมกับยักคิ้วให้ ความเจ้าเล่ห์ของมันไม่ได้หมดแค่นั้นนะซิ
“พี่หมอเนสล่ะ ถ้า..แตงกวาไปยิ้ม หัวเราะกับคนอื่นจะหึงไหม!!?” คำถามยิงตรงแบบไม่มีอ้อมค้อม เหมือนจะเอาคืนแต่ไอ้คนถามก็แสร้งทำหน้าซื่อซะเหลือเกิน ทำเอาคนโดนถามอย่างหมอเนสยืนนิ่ง ปนอึ้ง คิดประมวลผลหาคำตอบที่เข้าท่าที่สุด
“คงไม่จำเป็นหรอก...” ทั้งสามคนในบ้านนั่งรอลุ้นเอาคำตอบ ยิ่งไปสร้างแรงกดดันให้
“ไม่จำเป็นเลย..!!?” แทนที่จะเป็นไอ้เด็กโข่งที่เอ่ยถาม แต่กลับเป็นไอ้เสือแสบที่กำลังคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์เหล่มองไปทางคนที่รอลุ้นมากที่สุด
“อืม..เพราะพี่ไว้ใจไง” จะบอกปัดไปก็จะดูใจร้าย จะยอมรับก็ดูจะเข้าทางทั้งไอ้คนถาม และเจ้าเด็กโข่งอีกคนที่รอฟัง ประโยคที่ตามมาของหมอเนสก็เลยแผ่วเบาจนคนที่นั่งอยู่อีกฟากไม่ได้ยิน แต่สองคนที่นั่งกอดกันกลมอยู่ตรงหน้ามันกำลังรวมหัวกันหัวเราะคิก จนอยากจะกวาดรวบมันสองตัวลงไปจากบ้าน
“ไว้ใจตัวเอง หรือไว้ใจอีกคนล่ะวะ!!” หมอปุ่นหัวเราะพร้อมกับจับหัวไอ้เสือตัวแสบขยี้ไปมาอย่างเอ็นดู แสบไม่แสบก็คิดดูเอาเองละกัน คนที่ทำให้ไอ้คุณเพื่อนมันหน้าแดงได้ โดยไม่โดนเตะ
“ผมรู้แล้ว พี่หมอเนส..กับแตงกวา..” ชีต้าห์แกล้งพูดทิ้งไว้แค่นั้น ก่อนที่คนที่ทนไม่ได้จะเป็นคุณหมอเนสผู้น่าสงสาร โดนลูกเสือตัวแสบแกล้งให้ได้อาย งานนี้คนที่ซวยหนักคงไม่ใช่ใคร..
“ไปแกล้งพี่เค้า!! เดี๋ยวก็ได้โดนเอาคืนบ้างหรอก” แทนที่จะกลัวไอ้เสือมันกลับหันมายิ้มให้
“เออ...คุณชีต้าห์ครับ เมื่อเช้าผมเจอพี่เต้..แล้ว..เออ..เรื่องงานคืนนี้” ธีโอที่นั่งฟังมานานเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ แต่กว่าจะหาจังหวะแทรกพูดขึ้นมาได้ ก็ตอนที่ทุกคนเงียบกันหมด
เพราะเมื่อเช้าก่อนมาที่บ้านพักคุณหมอเนส ตื่นออกไปวิ่งที่หาดหน้ารีสอร์ท พอดีเจอพี่เต้ที่พาเจ้าไซบีเรียนออกมาวิ่งด้วยเหมือนกัน ก็เลยถูกชวนให้มาร่วมงานในฐานะแขกของที่นั่น และเป็นเหมือนเพื่อนของลูกชายคนเล็ก
“งานคืนนี้!!?”หมอเนสหันไปถามคนเปิดประเด็น ส่วนเจ้าของประเด็นกำลังทำหน้าซีดสลดเหมือนคนกลัวความผิด “ตายล่ะ ผมลืมไปซะสนิทเลยน่ะสิ!!” พอโดนถามเตือนความจำ ชีต้าห์ก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ ว่าเหตุผลที่ตัวเองเริงร่ามานั่งอยู่ที่บ้านพักคุณหมอแต่เช้า เพราะมีเรื่องจะบอก..เรื่องงานคืนนี้ที่พูดถึง...ลืมไปซะสนิทจริงๆ
“เรื่องอะไร!!?” หมอปุ่นหันมามองหน้าอย่างแปลกใจ
“คือ..พรุ่งนี้..วันเกิดผม พ่อกับพี่เต้ก็เลยจัดงานเลี้ยงเล็กๆให้คืนนี้” ชีต้าห์บอกเสียงอ่อย ยังไม่กล้าหันไปมองหน้าคนที่อยู่ข้างหลัง กลัวจะโดนโกรธ
จะว่าเล็กก็ไม่เล็กหรอก เล่นออกไปซื้อของกันเองตั้งแต่เมื่อเช้า แถมไม่ให้ยุ่งด้วยต่างหาก เพราะตั้งแต่เด็กมาแล้ว ตอนกลับมาอยู่ที่บ้านพ่อ ไม่เคยได้อยู่ตรงกับวันเกิดซักที พอมาปีนี้ก็เลยจัดกันสนุกสนาน มีเชฟฝีมือดีอย่างพี่มุกว่าที่พี่สะใภ้คอยจัดเตรียมเรื่องอาหาร ส่วนเจ้าของงานโดนไล่ออกมาอยู่นี่ ให้มาเชิญแขกที่บ้านพักหมออีกสองคน
“พี่หมอ...” หมอปุ่นที่นั่งนัวเนียเป็นปลาหมึกอยู่เมื่อครู่ ลุกขึ้นอย่างเร็วก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องโดยไม่ฟังเสียงเรียก ทำเอาคนขี้ลืมทำหน้าเสีย เพราะคว้าชายเสื้อเอาไว้ไม่ทัน ก่อนจะวิ่งตามหลังเข้าไปในห้องทิ้งให้สองคนที่เหลือนั่งสบตากัน และลงความเห็นในใจว่า..เรื่องครอบครัวอย่าได้ไปยุ่งเชียว
คนขี้ลืมค่อยๆย่องเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ ไม่รู้ว่าจะโดนโกรธอะไรยังไง แต่ถ้าสลับกันแล้วคนผิดเรื่องนี้คือหมอปุ่น ชีต้าห์ก็คงหัวฟัดหัวเหวี่ยงเหมือนกัน ทำได้แค่โทษตัวเองที่ขี้ลืมขนาดนี้ จะโดนโกรธก็สมควร
“พี่หมอ..ผมไม่ได้ตั้งใจจะ...”
“ป่านนี้แล้ว พี่จะไปหาของขวัญอะไรมาทันล่ะ!!” เจ้าของงานคืนนี้ถึงทำหน้าเหวอ นึกว่าจะโดนโกรธแต่ที่ไหนได้หมอปุ่นกำลังหงุดหงิดเรื่องอื่น
เจ้าของห้องหันกลับมามองอย่างหงุดหงิด บ่ายแก่ๆ ตอนนี้จะให้ขับรถไปในตัวเมืองก็คงจะไม่ทันแล้ว ไอ้เจ้าเด็กแสบขี้ลืม มันน่าจะจับเหวี่ยงไปมาซักรอบสองสามรอบ ตัวเองรึก็โผล่หัวมาแต่เช้า เพิ่งจะมานึกได้เอาตอนนี้ แถมให้คนอื่นมาเตือนความจำอีกต่างหาก
“อ้าว..ไอ้ โอด อ๋ม เอ๋อ” กำลังจะถามว่าไม่โกธรเหรอ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดแก้มสองข้างก็โดนดึงไปมาเหมือนกำลังลงโทษ
“น่าจะบอกกันก่อน เรื่องสำคัญแบบนี้นะ” ชีต้าห์ยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองไปมา
“ผมลืมจริงๆ ขอโทษนะครับ นะ...นะ..” ดูมันทำมาอ้อน มากอดเอวแล้วเงยหน้าขึ้นมาทำตาปริบๆ แก้มที่โดนดึงจนแดง ใครจะไปโกรธได้ลงคอ
“มีใครไปบ้าง...” หมอปุ่นถามอย่างไม่มั่นใจ ทางบ้านของไอ้เสือไม่ได้หวั่นอยู่แล้ว ..แต่กลัวว่าบรรดาญาติผู้ใหญ่ท่านอื่นจะมางานหลานคนเล็กด้วยน่ะซิ จะได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ก่อน
“มีแค่คนที่บ้านผม พี่หมอ,พี่หมอเนส แล้วก็แตงกวา” เจ้าของงานยกนิ้วขึ้นมานับ เพราะงานนี้สิ่งเดียวที่เจ้าของงานขอได้ก็คือความเป็นส่วนตัว ขอแค่มีครอบครัวกับคนที่รักอยู่ไม่ว่างานจะเล็กหรือใหญ่ก็ไม่สำคัญ
“อืม...” หมอปุ่นคว้าเอวไอ้เด็กแสบมานั่งซ้อนบนตักตอนที่ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง ไอ้เจ้านี่ก็รู้งานยกขาตวัดไว้ที่รอบเอว สองมือคล้องไว้ที่คอ ...เป็นท่าที่อันตรายต่อความรู้สึกมากเหอะ
“แล้วก็..พรุ่งนี้พี่หมอไปทำบุญที่วัดกับผมนะ ไปได้ไหมอ่ะ..” แม้ว่าจะเอ่ยปากชวนไปแล้ว แต่ก็ยังไม่แน่ใจเพราะกลัวว่าจะชนกับตารางงานของคุณหมอเข้า แล้วอีกอย่างผู้ชายสองคนไปทำบุญด้วยกันคงโดนมองแปลกๆแน่
“ถ้าตอนเช้าก็ไปได้” หมอปุ่นกำลังคำนวณในใจ ก็แค่ให้ไอ้คุณเพื่อนมันล่วงหน้าไปก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยขับรถตามไปตอนสายๆ คงไม่เป็นไร
“สำหรับผม...ของขวัญไม่สำคัญหรอกนะ” ไอ้เสือแสบยังคงทำหน้าออดอ้อน เหมือนเจ้าตัวยังรู้สึกผิด หมอปุ่นยังคงนั่งขมวดคิ้วนิ่งกลอกตาไปมาเหมือนคนที่กำลังคิดอะไรบางอย่าง
“เอาตัวพี่ผูกโบได้ไหม..” คำถามกึ่งล้อเล่น ที่ทำเอาคนฟังตาโตเหมือนไม่เชื่อ เพราะคิดภาพตามก่อนจะหัวเราะชอบใจ
“ได้ป่ะล่ะ ถ้ากล้าให้ ผมก็กล้ารับนะ” แทนที่จะส่ายหัวปฏิเสธ เจ้าของวันเกิดกลับยิ้มยั่วแทน ก็เลยโดนแจกมะเหงกที่หน้าผากไปที พักหลังนี่รู้สึกจะทำตัวได้น่าหมั่นไส้เข้าไปทุกที
“พอเถอะ..อย่าไปทำหน้าตาแบบนี้กับคนอื่นเชียวนะ..หวง!!” คำประกาศแสดงความเป็นเจ้าของ ทำเอาคนฟังยิ่งหัวเราะชอบใจใหญ่ แขนที่โอบอยู่รอบคอกระชับแน่นเข้าไปอีก เหมือนจะบอกเป็นนัยว่าตัวเองก็หวงไม่แพ้กัน
“ผมก็ทำกับพี่หมอเดียวแหละ คนแรก คนเดียว แล้วก็..คนสุดท้าย” คำพูดง่ายๆของไอ้เด็กแสบทำเอาคนฟังคลี่ยิ้มออกมาได้ ก่อนจะคว้าเอาใบหน้าเข้ามาจูบ สัมผัสที่คุ้นเคยแต่ก็โหยหาและเรียกร้องในคราเดียว
แทนที่จะถอยหนีเหมือนคราวก่อน กลายเป็นว่าหมอปุ่นกำลังโดนคนที่นั่งอยู่บนตักรุกพร้อมกับเบียดตัวเข้ามาหา จูบที่ถอนออกไปแล้ว ก็ยังโดนประกบกลับเข้ามาใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีใครยอมแพ้ให้กัน เอวผอมถูกรั้งเข้ามาใกล้จนลำตัวสองฝ่ายแนบเข้าหากันสนิท ว่าจะปล่อยให้มันเป็นไปตามอารมณ์ แต่ก็จำต้องหยุดเอาไว้แค่นั้น สุดท้ายก็เล่นเอาหอบเหนื่อยกันทั้งคู่
“พอๆ เดี๋ยวก็ไม่ต้องไปกันงานคืนนี้” แม้ว่าในใจจะยังเรียกร้อง แต่หมอปุ่นก็จำต้องเป็นฝ่ายบอกให้หยุดก่อน เพราะไม่งั้นอาจจะทนไม่ไหวพลิกตัวไอ้คนที่นั่งอยู่บนตักลงบนเตียงแทน ..เรื่องจะได้ยาวกันล่ะคราวนี้
“ผมชอบสีฟ้า เอาริบบิ้นสีฟ้านะ” ชีต้าห์กระซิบบอกพร้อมเสียงหัวเราะชอบใจ เพราะตอนนี้ตัวเองซบหน้าอยู่บนไหล่ สองแขนยังกอดแน่นไม่ยอมปล่อย อดเสียดายไม่ได้ที่การยั่วครั้งนี้กำลังจะสำเร็จ แต่ก็ดันมาติดสภาพคล่องไม่เอื้ออำนวย
“ได้..พี่หมอจะซื้อมาซักสองสามเมตร”
“เอามาทำไมเยอะแยะ?” ไอ้เจ้าลูกลิงที่เกาะติดหนึบ เงยหน้าขึ้นมามองอย่างไม่เข้าใจ หมอปุ่นแกล้งทำเป็นยิ้มกรุ้มกริ่ม ใช้สายตามองเหมือนจะกินคนตรงหน้าได้ทั้งตัว
“ก็เอามามัดตัวแสบให้อยู่นิ่งๆน่ะซิ” หมอปุ่นแกล้งเอานิ้วจิ้มหน้าผากตัวแสบตรงหน้าจนหัวโยกไปข้างหลัง แต่มันก็ยังหัวเราะออกมาจนได้
“จริงเหรอ..อยากให้ผมอยู่นิ่งจริงๆน่ะเหรอ..” พอตั้งสติได้ ไอ้เสือมันก็เอาคืนด้วยการยิ้มยั่วอีกรอบ พร้อมกับฝ่ามือที่ลูบไปทั่วลำคอและใบหน้า
“ว่าพี่ลามก เราเองก็ทะลึ่งใหญ่แล้วนะ มายั่วกันแบบนี้ เดี๋ยวก็ลองทำจริงซะเลย!!” คำขู่แบบหมั่นเขี้ยวทำให้ไอ้คนยั่วเลิกเล่น แล้วกอดซบลงไปบนไหล่ตามเดิม เล่นเอาหมอปุ่นแอบถอนหายใจออกมายาวเหยียด ..ไม่รู้ว่าไอ้เด็กแสบนี่ไปฝึกวิธีทำน่ารักแบบนี้มาจากไหนกัน!!
---------------
เหมือนงานเลี้ยงหนุ่มโสดยังไงยังงั้น เพราะตรงสวนที่หน้าบ้านถูกจัดให้เป็นงานกึ่งค็อกเทลบาร์บีคิวขนาดเล็ก แล้วผู้ร่วมงานไล่มาตั้งแต่เจ้าของบ้านชายโสดทั้งสามคน และแขกที่เป็นชายหนุ่มสุดหล่ออีกสามคน คนที่โชคดีที่สุดน่าจะเป็นสาวสวยคนเดียวที่ยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าบรรดาชายหนุ่มทั้งหมด
“เหมือนมุกจะเป็นคนที่สวยที่สุดในงานนะคะ” ว่าที่พี่สะใภ้ของบ้านแกล้งเอ่ยปากชมตัวเอง เพราะตัวเองเป็นหญิงเดียวในงานคืนนี้ ชายหนุ่มที่นั่งร่วมอยู่ที่โต๊ะถึงกับเปิดปากหัวเราะ
“พี่ขอให้เราโตเป็นผู้ใหญ่ซักที...” คำอวยพรของพี่ชายทำเอาฮากันทั้งโต๊ะ ยังไม่ทันที่บิดาที่นั่งอยู่หัวโต๊ะจะทันได้เอ่ยปาก ไอ้เสือตัวแสบมันก็กระแอมขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ผมก็ขอให้พี่เต้มีครอบครัวเสียที อายุก็ไม่น้อยแล้ว” เสียงหัวเราะดังยิ่งกว่าเดิมเมื่อเสือแสบมันเล่นเอาคืนทีเดียวสองคนซ้อน เล่นเอาว่าที่พี่สะใภ้นั่งก้มหน้านิ่ง ส่วนพี่ชายก็ยกมือขึ้นมาขยี้หัวน้องชายจนยุ่งเหยิงไปหมด
“พ่อก็ขอให้ลูกเป็นคนดี ถ้าเป็นคนดีไม่ว่าจะทำอะไรเราก็จะมีความสุข แล้วก็..ฝากน้องด้วยนะหมอปุ่น” คุณหมอที่นั่งอยู่ข้างกันโค้งหัวให้ พร้อมกับยื่นไปจับมือของไอ้เสือเอาไว้ที่ใต้โต๊ะแล้วบีบเบา ก่อนจะเอ่ยปากยืนยันคำตอบอีกครั้ง
“ครับ..คุณพ่อ ผมจะดูแลน้อง..ไม่ให้คลาดสาย” ไอ้เสือหันขวับไปมองคนพูด ดึงมือตัวเองที่ถูกกุมไว้ใต้โต๊ะออก แล้วเอื้อมไปหยิกต้นขาของไอ้คุณพี่หมอแทน แต่คนโดนหยิกก็ยังคงรักษาใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเอาไว้ได้ พร้อมกับคว้ามือที่ต้นขาตัวเองมากุมไว้เหมือนเดิม
“อาหารอร่อย ขอบคุณครับ” ธีโอเอ่ยปากขอบคุณทั้งคนทำอาหารรวมไปถึงเจ้าของบ้าน ไม่ได้มีอะไรมากมายมาตอบแทนหรือหาของขวัญมาให้ นอกจากการเป็นช่างภาพถ่ายรูปให้ในคืนนี้
“มีความสุขมากๆนะเรา แล้วก็...ขอให้ไอ้หมอมันทั้งรักทั้งหลง” หมอเนสอวยพรให้ ก่อนจะก้มลงไปกระซิบประโยคหลังให้ได้ยินกันแค่สองคน ทำเอาเจ้าของงานหน้าขึ้นสีจัด จนต้องแกล้งยกเครื่องดื่มในมือกระดกลงคอแก้เขิน
หมอปุ่นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก นัดแนะกับคนที่อยู่ปลายสายเอาไว้แล้วตั้งแต่ตอนหัวค่ำ พอทางฝั่งโน้นตอบรับก็ยื่นโทรศัพท์ไปให้เจ้าของงานวันเกิดที่กำลังทำหน้างง
“มีคนอยากคุยด้วย...” ชีต้าห์มองโทรศัพท์ที่ยื่นมาตรงหน้าสลับกับเหลือบมองเจ้าของโทรศัพท์อย่างไม่เข้าใจ จะปฏิเสธก็คงไม่ได้เพราะเหมือนจะโดนยัดเยียดให้ถือไว้แล้วยกขึ้นมาแนบหูให้เสร็จสรรพ
“ชีต้าห์พูดครับ...”
“ชีต้าห์เหรอลูก นี่แม่เอง สุขสันต์วันเกิดจ้ะ” เจ้าของวันเกิดหันมาทำตาโตใส่เจ้าของโทรศัพท์ เพราะที่ปลายสายไม่ใช่คุณแม่ของตัวเองหรอก แต่เป็นคุณนายแม่ของพี่หมอต่างหาก
“ขอบคุณครับคุณนายแม่ ผมกลับมาแล้วยังไม่ได้หาโอกาสไปหาเลย” ชีต้าห์บอกอย่างเกรงใจ เพราะตั้งแต่กลับมาก็ยังไม่ได้ไปรายงานตัวให้ทางบ้านโน้นทราบ ทั้งที่เคยรับปากเอาไว้แล้วว่าจะต้องไปเที่ยวอีกแน่ ..อดรู้สึกเคืองไอ้พี่หมอไม่ได้ที่ไม่ได้บอกให้รู้ล่วงหน้า
“มีความสุขมากๆนะลูก หนักนิดเบาหน่อยก็อย่าทะเลาะกัน”
“ครับ..!!?”
รับคำอวยพรไปก็งงไป เหมือนตัวเองกำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน หรือไม่ก็กำลังนั่งอยู่ในเรือนหอแทนที่จะเป็นคำอวยพรวันเกิดธรรมดา แถมไอ้คุณพี่หมอก็ยังยื่นหน้าเข้ามาแอบฟังแล้วก็ทำหน้ากลั้นหัวเราะ เห็นแล้วก็หงุดหงิดแอบบิดพุงไปอีกที
“คุณนายกับคุณผู้ชายสบายดีไหมครับ ไว้ผมจะหาเวลาขึ้นไปเที่ยว” เสียงคุณผู้ชายตะโกนตอบกลับมาให้ได้ยินแว่วๆในโทรศัพท์ กว่าจะรับคำอวยพรจบก็เล่นเอาหัวใจเต้นหน้าแดงไปหลายยก จนต้องขอตัวกดวางสายก่อนที่หน้าจะร้อนจนระเบิดออกมา
ชีต้าห์หันมามองเจ้าของโทรศัพท์อย่างเคืองจัด แล้วยิ่งเห็นว่าพี่หมอยังคงทำหน้าตาไม่รู้เรื่องด้วยแล้ว ก็นึกอยากจะเล่นเก็บลูกบอลกับไอ้เจ้าบ๊อบบี้โดยเอาโทรศัพท์เครื่องนี้แทนลูกบอลซะ..
“ทำไมไม่บอกผมก่อนเล่า!!” หมอปุ่นหันไปยิ้มให้ พร้อมกับยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์คืน เกิดไอ้เสือมันนึกอยากแกล้งขึ้นมาเป็นต้องซื้อโทรศัพท์ใหม่กันล่ะทีนี้
“เซอร์ไพรส์ไง นี่ถ้าบอกก่อนล่วงหน้า คุณนายแกคงลงมาเองเลย” ไอ้เสือทำตาโตอีกรอบ เพิ่งจะรู้ทันไอ้คุณพี่หมอว่านี่เป็นการเอาคืนที่ตัวเองลืมบอกเรื่องวันเกิด ก็เลยจัดมาซะให้ได้เขินแล้วมาบอกว่าเซอร์ไพรส์!!
“แล้วนี่มันวันเกิดผมนะ ไม่ใช่...วันส่งตัวเข้าหอ!!” กรรม!! เพราะเผลอตะโกนออกมาไม่ทันได้ตั้งตัว หมอปุ่นแทบจะโดดเอามือปิดปากไอ้เสือเอาไว้ แต่ก็ไม่ทันเพราะมันดันหลุดปากออกมาแล้ว คนทั้งโต๊ะที่กำลังนั่งคุยกันเรื่องทั่วไปต่างก็หันมามองทั้งคู่เป็นตาเดียว
“เป็นอะไรไปชีต้าห์..?” คุณทิวาหันมามองหน้าลูกชายคนเล็กที่กำลังทำหน้าตาตื่น ส่ายหัวแทนคำตอบ โดยมีมือของคุณหมอปิดปากเอาไว้
“คือ..สงสัยจะดื่มมากไปน่ะครับ บอกว่าอยากเข้าห้องน้ำ” ประสบการณ์ในวิชาชิ่งศาสตร์เป็นเลิศ หมอปุ่นก็เลยหันมาตอบคำถามแทนพร้อมกับพยักหน้าให้คนที่โดนข้อหาเมาให้ลุกขึ้น ก่อนจะล็อคตัวลากเข้าไปในบ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการตอบคำถามต่อไป
“โอ๊ย!!” หมอปุ่นสะบัดมือไปมาเพราะโดนฟันคมของไอ้เสืองับเข้าให้
“ผมไม่ได้เมาซักหน่อย แล้วก็ไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำด้วย” ไอ้เสือเอามือเช็ดปากตัวเองทั้งที่สีหน้ายังคงหงุดหงิด
“ร้ายจริงๆ ได้ฉีดยาไหม จะติดเชื้อรึเปล่าก็ไม่รู้ ฮ่าๆ พี่ล้อเล่นหรอก” หมอปุ่นรับหมัดที่กำลังจะโดนพุงตัวเองเอาไว้ได้ทัน เริ่มรู้ทางแล้วว่าตอนไอ้เสือมันหงุดหงิดจะโดนอะไร ก่อนจะรวบร่างเสือแสบเข้ามากอดเอาไว้ พร้อมกับขโมยหอมแก้มคนขี้โมโหไปอีกที
กล่องพลาสติกสีดำถูกยื่นมาตรงหน้าก่อนที่คนขี้โมโหจะทันได้คิดวิธีเอาคืนออก ชีต้าห์เหลือบมองหน้าคนให้อย่างไม่เข้าใจ ก็ไหนว่าหาของขวัญไม่ทัน แล้วไอ้กล่องตรงหน้านี่มันคืออะไรล่ะ
“นาฬิกา..!?” ของที่อยู่ข้างในเป็นนาฬิกาผู้ชายสองเรือนวางอยู่คู่กัน หมอปุ่นพยักหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงเรือนหนึ่งออกมาทั้งที่แขนยังโอบอยู่รอบเอวไอ้เด็กแสบที่กำลังตื่นเต้น
“อืม..จะให้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เราดันหนีกลับไปซะก่อน ดูซิผอมลงไปตั้งเยอะ” ของที่จะเอาไว้ให้แทนตัวตั้งแต่ปีที่แล้วก็เลยต้องกลายมาเป็นของขวัญวันเกิดแทน ข้อมือที่กะเอาไว้เมื่อปีก่อน พอมาตอนนี้ก็เลยดูหลวมไปหน่อย
คนที่หงุดหงิดอยู่เมื่อกี้ กำลังปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน ทั้งดีใจ รู้สึกผิด แล้วก็เสียใจที่มันถูกทิ้งเอาไว้ตั้งหนึ่งปีกว่าๆ ยิ่งได้เห็นหน้าเศร้าๆเหงาๆของคนให้ก็เลยรู้สึกอยากจะหันกลับไปโอบกอดคนรักเอาไว้แน่นๆ
“ผมขอโทษ...” ชีต้าห์ก้มหน้ามองข้อมือตัวเองพูดเสียงเบา รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นของริมฝีปากที่แตะลงบนแก้มตัวเอง ก็เลยทำใจกล้าหันกลับไปหอมแก้มคืน
“ขอโทษอะไร.. เรื่องมันผ่านไปแล้วนี่ ใส่ให้พี่ด้วยซิ” ไอ้เสือเอื้อมไปหยิบนาฬิกาที่เหมือนกันอีกเรือนออกมาสวมให้ที่ข้อมือของหมอปุ่นข้างเดียวกัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้
“พี่หมอเป็นของผมแล้วนะ คราวนี้ห้ามไปมองใครอีกล่ะ”
“หืม..?”
“ก็นี่ไง พี่หมอให้ของขวัญผมสองชิ้น ผมแบ่งให้พี่หมอชิ้นหนึ่ง พี่หมอก็เป็นของผมเหมือนของขวัญนี่ไง” คนให้ของขวัญแทบจะหลุดหัวเราะออกมา ไอ้เสือเงยหน้าขึ้นมายิ้มเจ้าเล่ห์ เอาแขนข้างที่สวมนาฬิกาขึ้นมาเทียบกันเหมือนจะยืนยันคำพูดของตัวเอง
“ร้ายนะตัวแค่นี้!!” หมอปุ่นรวบตัวไอ้เสือเข้ามากอดแน่น พร้อมกับฝังจมูกลงไปบนแก้มไอ้เสือตัวแสบอย่างหมั่นเขี้ยว แล้วเสียงเห่าของลูกชายก็ดังขึ้นขัดจังหวะ สองคนที่กำลังกอดกันกลมก็เลยต้องแยกออกจากกันอย่างช่วยไม่ได้
ชีต้าห์เอื้อมมือไปรั้งแขนเสื้อของหมอปุ่นเอาไว้ ก่อนที่จะทันได้เดินออกไปข้างนอก พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหู..’
คืนนี้ค้างที่ห้องผมนะ’ พอพูดจบเจ้าตัวก็วิ่งพรวดออกไปจากบ้านอย่างเร็ว ปล่อยให้อีกคนยืนอึ้ง ก่อนจะคลี่ยิ้มกับตัวเองแล้วทำหน้านิ่งๆเนียนๆ เดินตามออกไป
==========================
ไอ้เสือมันคืบหน้าวุ้ย ทำอะไรให้เขินเป็นด้วย
ว่าแต่ตอนหน้า กล้องพร้อม ไฟพร้อม (อาร้ายยย ก็เริ่มถ่ายทำฉากต่อไปไงเล่า!!)
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่คอยติดตามอยู่เสมอ
ช้าบ้างอะไรบ้างต้องขออภัย ช่วงนี้ฝนตกบ่อยการจราจรมันติดขัด
ว่าแล้วก็วิ่งปรู้ดดด ไปปั่นตอนต่อไปดีกว่า