จิ้มทุกคน อิอิ
แล้วกล่อมด้วยเสียงเพลง เปิดเพลงเพราะ ๆ แล้วอ่านนิยายในวันที่อากาศดี ๆ 31
คนที่กำลังหลับเริ่มขยับตัวตื่น เพราะความเมื่อยขบ หมอนข้างมีชีวิตลุกหายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ตัวเลย ชีต้าห์เหยียดแข้งเหยียดขาเต็มความกว้างของเตียง เหมือนได้ชาร์ตพลังงานเต็มที่ อากาศโดยรอบมืดสนิท ต้องค่อยๆคลานลงมาจากเตียง คลำหาสวิตซ์ไฟ เหมือนได้นอนแล้วตัวมันเบาๆนะ
แปะ!!
"เฮ้ย!!" พอเปิดไฟสว่างเท่านั้น ชีต้าห์ก็แทบจะตะโกนร้องออกมา เพราะชุดเดิมที่ใส่มากับตอนนี้มันคนละชุดกันอย่างเห็นได้ชัดครับท่านผู้ชมมมมมม!!!!
กางเกงยีนส์สีซีดที่ผมใส่มาล่ะ เสื้อยืดสุดเจ๋งของผมล่ะ มันหายไปไหนแล้ว!! ว่าแล้วทำไมตอนนอนมันเบาๆแนบเนื้อแปลกๆ ..แม่เจ้า!!! ดีนะที่กางเกงลิงยังอยู่!! หรือว่าผมละเมอขึ้นมาเปลี่ยนชุดก่อนนอน แต่นี่มันไม่ใช่บ้านของผมนะเซ่!! แล้วกางเกงบ็อกเซอร์ตัวนี้มันก็ไม่ใช่ของผมด้วย!!
"ไอ้พี่หมอ!! ไอ้พี่หมอโว้ย!!" ชีต้าห์คว้าผ้าห่มผืนใหญ่คลุมตัวก่อนจะลากออกไปข้างนอก ดีที่ข้างนอกไม่มีใครอยู่ ส่วนไอ้พี่หมอบ้าก็กำลังร้องเพลงทำกับข้าวอยู่ในครัว...สบายใจจริงนะ..ฮึ่ม!!
"ไอ้พี่หมอ!!!!" คนที่กำลังผัดข้าวแทบทำกระทะหลุดมือ จะอะไรซะอีก ก็ไอ้เสือที่เดินออกมาโวยอยู่ตรงหน้าประตูห้องครัว หน้าตาแบบว่าอย่างโกรธจัด แล้วแทนที่จะหยิบเสื้อในตู้มาสวมทับ กลับลากผ้าผืนใหญ่พันตัวมายังกับมัมมี่
"เสียงดังทำไม!! อยู่กันแค่นี้" หมอปุ่นแกล้งหันไปยิ้มให้ พอใจที่ทำให้ไอ้เสือมันหัวฟัดหัวเหวี่ยงได้ ยิ่งได้เห็นว่าหน้าขาวเริ่มขึ้นสีก็ยิ่งชอบใจ
"ใครใช้ให้มาถอด ไม่ใช่ซิ!! เสื้อผ้าผมอยู่ที่ไหน เอามาคืนเลย!!" จะว่าไป..ชีต้าห์ก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองเกือบจะเดินเปลือยออกมาจากห้อง ถ้าไม่มีผ้าคลุมเอาไว้ ...อ๊ากกกก ตอนนี้ผมขอเปลี่ยนความคิดถึง เป็นความอยากฆ่าคนกวนประสาทได้ไหม
"เสื้อผ้าเอาไปปั่น ตากอยู่โน่น ข้างล่าง!!" คุณหมอที่กลายร่างเป็นพ่อบ้านชั่วคราวทำปากยื่นไปทางประตูหน้าบ้าน เพราะมือไม่ว่าง
"แล้วใครใช้ให้เอาไปปั่นเล่า!! " พอก้มมองสภาพตัวเองก็เป็นอันต้องหน้าร้อนฉ่า คิดภาพไปถึงตอนที่ตัวเองโดนลอกคราบจนเหลือของติดตัวแค่นี้..แล้วมัน...อายอ่ะ
“พี่หมอเรียกแล้วนะ ถามก็บอก’อื้อ’ก็เลย...”หมอปุ่นแกล้งชำเลืองมองไอ้เสือไล่ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ไอ้คนโดนมองก็เลยแทบจะเบียดตัวเข้าไปในฝาบ้านให้ได้
“ผมไม่ได้บอกแบบนั้นซักหน่อย” เถียงไปก็เท่านั้นแหละ ในเมื่อสภาพตอนนี้ มันย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว
"แต่งแบบนี้..ก็..เซ็กซี่ดีออก" ชีต้าห์ยืนเหวอตอนที่ได้ยินไอ้คุณพี่หมอพูดออกมาได้น่าไม่อาย แถมยังส่งสายตาหวานๆมาให้อีก พอถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นก็ยิ่งพาให้ทำตัวไม่ถูก จะอายรึก็ไม่ทั้งหมด บวกโกรธปนกับเสียหน้าด้วย ไม่น่าหลับซะขนาดนั้นเลย แล้วอีกอย่าง เป็นผู้ชายแต่ดันมาโดนชมว่าเซ็กซี่...ให้ตายเหอะ!! ไอ้พี่หมอบ้า!!
"พี่หมอ..อย่ามาแกล้งกันแบบนี้นะ เอาเสื้อผ้ามาขอยืมหน่อย...นะ.." ไอ้เสือรีบปรับโหมดเป็นลูกแมวช่างอ้อน สองมือเกาะที่ขอบประตูแล้วทำเป็นส่งสายตาวิ้งๆ ทั้งที่ตอนนั้นอายจนแทบจะมุดหน้าไปกับฝาบ้านได้
"เหลือแค่นั้นก็ดีแล้ว จะได้ไม่วิ่งหนีไปเหมือนครั้งก่อนอีก" หมอปุ่นพูดหน้าตาเฉย พร้อมกับตักข้าวผัดหอมกรุ่นที่เพิ่งยกออกจากเตาใส่จานที่จัดเตรียมเอาไว้แล้ว
ตอนแรกก็ตั้งใจจะแกล้งหนักกว่านี้อีก เอาแบบว่าทั้งตัวไม่เหลืออะไรติดไว้ซักชิ้น..แต่ก็กลัวว่าคนที่แย่จะเป็นคนคิดแกล้งนี่แหละ ขนาดว่าจับพลิกตัวไปมาลอกคราบไอ้เสือหลับออก ยังเผลอทำรอยไว้บนผิวขาวจนได้..ไม่ใช่รอยเดียวด้วยนะซิ สงสัยจะยังไม่เห็น แต่ก็ต้องเหลือน้องลิงตัวเล็กเอาไว้ให้ กลัวว่าเสือน้อยมันจะหนาวนะซิ..หึหึ ก็เลยอุทิศบ็อคเซอร์ให้อีกตัว
"พี่หมอ!! ไอ้พี่หมอเจ้าเล่ห์ นิสัยไม่ดี!!" ชีต้าห์ตะเบ็งเสียงต่อว่าจนคอเป็นเอ็น คาดว่าถ้าข้างบ้านมีคนอยู่ คงจะได้ยินแน่
"อย่ามาพูดมาก ไม่ใจอ่อนให้หรอก มากินข้าวนี่เลย" ตอนที่กวักมือเรียกก็คิดว่าไอ้เสือมันต้องทำงอนไม่ยอมเดินมานั่งที่โต๊ะดีๆ แต่ที่ไหนได้มันวิ่งทีเดียวมานั่งบนเก้าอี้หน้าจานข้าวของตัวเองแล้ว
"พักครึ่งแรกก่อน ผมหิวจะตายอยู่แล้ว" ไอ้เด็กแสบยกมือขึ้นมาทำท่าเหมือนเวลาที่โค้ชของทีมนักกีฬาบอกกรรมการว่าต้องการของเวลานอก เพียงแต่ที่ติดมือมันขึ้นมาด้วยกลับเป็นช้อนกับส้อม ไม่ใช่น้ำหรือไม่ก็ผ้าเช็ดหน้าเหมือนที่นักกีฬาทำ หมอปุ่นยกมือเท้ากับโต๊ะนั่งมองคนเจริญอาหารพลางหัวเราะกับตัวเอง
"อยู่ที่โน่น กินไม่พอซินะ ถึงได้ผอมจนเหลือแต่กระดูกแบบนี้น่ะ" ชีต้าห์ส่ายหัวแทนคำตอบ เพราะปากกำลังเคี้ยว เพราะไม่ใช่กินไม่พอ..แต่ไม่ค่อยมีเวลาให้ได้กินได้นอนต่างหาก วันนี้เป็นวันแรกในรอบหลายเดือนล่ะมั้งที่ได้นอนเต็มที่ ได้กินอย่างสบายใจโดยที่ไม่ต้องมาคอยนั่งกังวลเรื่องเวลา
"อร่อย..." แค่ข้าวผัดธรรมดาไม่ได้เลิศหรูเหมือนของกินแพงๆที่ซื้อมา ก็ทำให้ไอ้เสืออารมณ์เย็นขึ้นมาได้ แถมยังลืมไปอีกว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน
"กินเข้าไปเยอะๆซิ มาอยู่นี่พี่หมอจะเลี้ยงเอง" พอโดนหยอดคำหวาน ชีต้าห์ก็หันมาแยกเขี้ยวใส่ ไม่ใช่อะไรเพิ่งจะรู้ว่ามันอายได้ที่ต้องมานั่งจ้องตากันตอนกินข้าวแบบนี้กันสองคน
"คนก็มีงานทำหรอก พี่หมอนั่นแหละต้องให้ผมเลี้ยง" หมอปุ่นเหลือบมองไอ้คนที่ลอยหน้าลอยตาคุยโม้ แถมยังยักคิ้วให้อีก เห็นแล้วก็ชักหมั่นไส้
“จะทำได้รึ..ตัวก็แค่นี้ แถมยังชอบหนีแวบไปแวบมาอีก” คนที่กำลังตักข้าวเข้าปากชะงัก เหลือบมองคุณหมอตรงหน้าที่เข้าโหมดงอน... ชีต้าห์ก็รู้ตัวเองดีว่าผิดที่หายไป แต่ก็นะ..มันช่วยไม่ได้ ถ้าต้องแลกกับการย่นระยะเวลาในการกลับมาเจอกัน ช่วงที่ผ่านมาก็เลยต้องอดทนทำใจแข็งแทบตายเหมือนกัน
“ผม..ก็มีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้ชำระความ!!” ชีต้าห์แกล้งทำหน้าโหด วางช้อนข้าวในมือลง ตั้งหน้าตั้งตาจ้องมองไปทางเจ้าของบ้านเหมือนตำรวจกำลังจะเค้นความจริงจากผู้ร้าย
“เรื่อง...!!? พี่หมอต่างหากที่จะชำระความเรานะ” ไอ้เสือทำเป็นหรี่ตามองกลับมา
“เมื่อตอนกลางวัน พี่หมอนอกใจผมชัดๆพี่สาวพยาบาลคนสวยเป็นใคร!!” มันโยงไปโน่น คนเค้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย แถมยังแค่ยืนคุยกันกลางโรงอาหารอีกต่างหาก เสื้อคลุมสีขาวที่เลอะคราบกาแฟถึงต้องเอาไปปั่นนั่นไง
“นั่นเค้าเรียกว่านอกใจที่ไหน ก็จู่ๆคุณแฟนก็หายไปซะเฉยๆ พี่หมอก็แค่...” หมอปุ่นแกล้งแหย่ไปแบบนั้น ทั้งที่ความจริงก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่าที่เห็น แต่พอเห็นไอ้เสือมันทำท่าหวงของแบบนี้มันยิ่งอยากแกล้งให้หนัก
“แค่...อะไร!!?” ไอ้เสือทำหน้าเหมือนกำลังรอลุ้น แต่แทนที่จะได้ยินคำตอบกลับเป็นเสียงหัวเราะ และฝ่ามือที่ยื่นมาจับหัวโยกไปมา
“หึ หึ กินข้าวไปเถอะ ไม่มีอะไรหรอกน่า” ชีต้าห์รวบช้อนไว้ริมจาน ลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะโดยที่ไม่หอบเอาผ้าห่มคลุมตัวเอาไว้ด้วย เดินอ้อมไปทางข้างหลังไอ้คุณพี่หมอ พร้อมกับยื่นแขนมาโอบรอบคอคนที่กำลังนั่งกินข้าว มีออพชั่นเสริมด้วยการก้มหน้าเข้าไปใกล้
“พี่หมอเป็นของผม..ได้คนเดียว หึหึ” หมอปุ่นจำต้องนั่งนิ่งตอนที่ใบหน้าของไอ้เสือมันกำลังยื่นเข้ามาใกล้ๆ ใกล้..ชนิดที่ว่าลมหายใจเป่ารดต้นคอ แล้วไอ้สภาพกึ่งจะเปลือยก็ทำให้ใจสั่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แล้วยังจะมายั่วแบบนี้...จับกดมันซะในครัวนี่เลยดีไหม...
แทนที่ไอ้เด็กแสบมันจะยื่นหน้าเข้ามาแตะ มันก็กลับทิ้งค้างไว้แค่นั้น ก่อนที่เจ้าตัวจะหัวเราะก๊ากออกมา แล้วกระโดดถอยออกไปยืนห่าง เหมือนกับว่าที่ทำมาเมื่อกี้..แค่แกล้งเล่น...!!
“ไอ้เด็กแสบ!!”
“ฮ่าๆ” พอเอาคืนหมอปุ่นได้สำเร็จ ไอ้เสือมันก็หัวเราะตัวงอ วิ่งหลบฝ่ามือที่พยายามยื่นมาคว้าตัว เป้าหมายคือวิ่งเข้าไปแอบในห้องให้ได้ แค่นั้นก็จะปลอดภัยแล้ว
หมับ!!
“เหวออออ พี่หมอปล่อยผมมมมม” ไม่ใช่เสียงกรีดร้อง แต่เป็นเสียงโวยวายของไอ้เด็กแสบที่โดนหมอปุ่นพุ่งเข้าใส่ แล้วแบกขึ้นไหล่เป็นรอบที่สองของวัน สถานที่ที่คิดเอาไว้ว่าจะใช้หลบภัย ตอนนี้คงใช้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะมันกำลังจะกลายเป็นสมรภูมิรบในไม่ช้านี้
“กินอิ่มแล้วใช่ไหม มาต่อด้วยการชิมของหวานกันเถอะ” ชีต้าห์โดนไอ้พี่หมอโยนลงบนเตียง ซวยล่ะหว่า ผ้าห่มก็อยู่ข้างนอก คว้าเอาหมอนมาปิดไอ้เสือน้อยก่อนล่ะกันวะ!!
“ของหวานอะไรมากินในห้องนอน ไปกินข้างนอกโน่นซิ” ณ นาทีนี้ ไม่ว่าคำพูดอะไรก็คงหยุดอีกฝ่ายไม่ได้แน่ เพราะดูจากแววตาและท่าทาง...ไม่น่ารอด
“ของหวานพี่ อยู่ตรงหน้านี่แล้วไงครับ” หมอปุ่นแกล้งคลี่ยิ้มกรุ้มกริ่ม ค่อยๆคืบคลานเข้าไปหาคนที่ถอยไปหลังไปจนติดหัวเตียงช้าๆ ก็ในเมื่อไอ้เสือตัวแสบมันได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ และกินอิ่มแล้ว คราวนี้ก็ถึงตา..คนรอทางนี้ รับของฝากบ้างล่ะ
“พี่หมอ..อย่าแกล้งผมแบบนี้นะ” ชีต้าห์กอดหมอนที่ยึดเอามาปิดบังร่างกายแน่น ยิ่งตอนที่ใบหน้าของคนที่คิดถึงยื่นเข้ามาใกล้ แล้วแกล้งแตะสัมผัสเบาลงบนแก้ม พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอด ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่าอยากเอื้อมมือไปรั้งหมอปุ่นเข้ามากอดแน่นๆเสียเอง
ฝ่ามืออุ่นรั้งให้ใบหน้าหันไปหา ตาต่อตาที่อยู่ในระยะใกล้จนได้ยินเสียงของลมหายใจ เมื่อฝ่ายหนึ่งยื่นหน้าเข้ามาหา อีกฝ่ายก็เอนตัวรับอย่างเต็มใจ ไม่มีเสียงร้องห้าม ไม่มีการผลักไส มีเพียงริมฝีปากของทั้งคู่ที่สัมผัสเรียกร้องกันอย่างโหยหา จากที่สูดลมหายใจยาวเข้าปอด ก็กลายเป็นหอบถี่กระชั้น
ชีต้าห์ไม่รู้ว่าตัวเองถูกรั้งให้ลงไปนอนแผ่กับเตียง หรือเป็นตัวเองที่ยอมนอนลงไปเอง ทั้งเนื้อทั้งตัวที่เปลือยเปล่าอยู่แล้ว ไม่ว่าจะแตะจะต้องตรงไหน ก็รู้สึกไปเสียหมด
“อ๊ะ!! อย่า..ทำแรง” เสียงร้องประท้วงที่ทำให้หมอปุ่นเงยหน้าขึ้นมามอง ไอ้เสือตอนนี้หน้าแดงจัด ริมฝีปากเผยอยั่วยวนอย่างไม่ได้ตั้งใจ จนทำให้ต้องยื่นหน้าเข้าไปลิ้มชิมรสอีกรอบ
“โทษที ก็มันหมั่นเขี้ยว น่ากินไปทั้งตัว” ไม่พูดเปล่าหมอปุ่นแกล้งลากริมฝีปากไปจนถึงแผ่นอก พอคิดว่าได้ครอบครองของหวานชั้นดีตรงหน้า ก็ยิ่งจะห้ามให้ตัวเองใจเย็นไม่ไหว
“เป็นรอย..เดี๋ยวพ่อเห็น” พูดไปแล้วชีต้าห์ก็อยากจะหาอะไรมาปิดหน้าตัวเองเพราะความที่อายจัด
“หึ หึ ถ้าไม่ทำตรงที่โดนเห็นก็ได้ใช่ไหม..” ไม่พูดเปล่าหมอปุ่นก็ลองทำตามที่พูด เลือกพื้นที่ที่ไม่สามารถมองเห็นได้แม้ว่าเจ้าตัวจะสวมแค่เสื้อกล้าม ไอ้เด็กแสบนอนเม้มปากตัวเองแน่น แต่ก็ยังได้ยินเสียงครางอยู่เป็นระยะ คนทำก็เลยชอบใจทำต่อไปจนพอใจ
.
.
.
.
.
“ถ้า...ถ้าผมบอกว่ายังไม่พร้อมล่ะ..?”หนึ่งคำถามในช่วงที่อันตรายขนาดนี้ แทนที่จะได้ยินคำตอบ กลับได้ยินเสียงถอนหายใจออกมายาวเหยียด ชีต้าห์ไม่กล้าจะหันไปสบตาอีกคน ได้แต่นอนหลับตากัดฟันแน่นรอฟังคำตอบ เพราะ..กลัวว่าจะไปทำให้โกรธเข้าแล้ว
.
.
.
.
.
“ตัวแสบ!!...คิดว่าพี่จะใจร้าย ขนาดฝืนใจเราได้รึไง” คนที่นอนข่มตาหลับ ลืมตามามองพร้อมกับยกมือปิดหน้าผากตัวเอง เพราะเมื่อกี้โดนมะเหงกไปที พอลืมตาขึ้นมาหมอปุ่นก็ขยับมานอนตะแคงเอาแขนเท้าหัวตัวเองอยู่ข้างๆ
“พี่หมอ..ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้น..แค่ลองถาม จริงๆนะ” ยิ่งคุณหมอทำหน้าบึ้ง ชีต้าห์ก็เลยเป็นฝ่ายสอดแขนเข้าไปกอด คิดเอาเองว่าต้องโดนโกรธแน่ ก็เลยเอาใจด้วยการหอมแก้ม หมอปุ่นก็ยังไม่เลิกทำหน้านิ่งไม่พูดไม่จาเสียที ทำเอาคนง้อเริ่มใจเสีย เบียดตัวเข้าไปกอดซุกหน้าลงไปกับอกกว้าง
คนแกล้งเก๊กโกรธทำท่าจะหลุดยิ้มออกมาหลายรอบ ตั้งแต่ตอนแรกที่โดนหอมแก้มแบบเด็กๆแล้ว พอ..คิดว่าทำแบบนี้แล้วตัวเองได้กำไรไปเต็มๆ ก็เลยยังแกล้งนิ่งเนียนต่อไปอีกหน่อย ทั้งที่ใจจริงอยากจะคว้าตัวไอ้เสือที่กลายเป็นลูกแมวขี้อ้อนมากอดแทบตาย
“ชีต้าห์!! ทำอะไรน่ะเรา!!” หมอปุ่นเกือบจะเผลอผลักไอ้เสือออกไปจากอก ดีที่ยังยั้งมือเอาไว้ได้ทัน ..ก็มันได้ซบอยู่นิ่งๆซะที่ไหน เผลอแป๊บเดียวปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต แล้วจูบไปทั่วอก คงจะเลียนแบบที่ทำไปเมื่อกี้
“ก็..พี่หมอโกรธผม...” พอเห็นคนพูดที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เสียให้ได้ หมอปุ่นก็เลยรู้สึกผิดที่ไปแกล้งเก๊กขรึมจนทำให้ไอ้เสือมันคิดไปไกลขนาดนั้น ..แค่ต้องอดทนต่อความรู้สึกของตัวเองก็มากพอ กว่าจะทำใจให้มันสงบได้ โดนไอ้เด็กแสบมันปลุกขึ้นมาอีก มันน่าจับกดไหมล่ะแบบนี้!!
“พี่หมอไม่ได้โกรธเลยครับ... อย่าทำหน้าเหมือนคนขี้แยแบบนั้นซิ” หมอปุ่นรั้งใบหน้าคนขี้แยเข้ามาใกล้ ก่อนจะกดริมฝีปากตัวเองไปที่เปลือกตาทั้งสองข้าง แล้วลงโทษด้วยการฟัดแก้มนุ่มแบบแรงๆไปหลายที
“ไม่โกรธจริงๆนะ” ชีต้าห์ยังเหลือบมองอย่างไม่แน่ใจ จนเห็นว่าหมอปุ่นพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มใจดีเหมือนเคยนั่นแหละ ใจถึงได้ชื้นขึ้นมาบ้าง
“ชีต้าห์..พี่รักดวงตาขี้โมโหคู่นี่ จมูกรั้น ปากช่างเถียง แล้วก็แก้มนุ่มมมมม” แก้มสองข้างโดนพี่หมอดึงไปมาทำเหมือนตอนเล่นกับเด็กๆ
“สุดท้ายก็ตรงนี้..รักไปหมดทุกอย่าง เพราะงั้นพี่จะฝืนใจคนที่พี่รักไม่ได้หรอก เข้าใจไหมครับ”
สุดท้าย..ปลายนิ้วเลื่อนมาจิ้มตรงหน้าอกข้างซ้าย ก่อนที่จะโดนรั้งเข้าไปกอด ชีต้าห์เองก็โอบสองแขนรอบลำตัวของคนรักเอาไว้อย่างหวงแหน อยากจะกอดให้แน่นกว่านี้ แต่ก็ทำได้แค่ซุกหน้าลงไปกับอกกว้าง รู้สึกเหมือนหัวใจมันพองโตเต็มอก
“ตอนอยู่ที่โน่น ผมคิดถึงพี่หมอ..อยากได้ยินเสียงทุกวัน แต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ก็เลยอัดเสียงแล้วเก็บไว้ในมือถือ..กลับยิ่งทำให้คิดถึงมากกว่าเดิมอีก ตลกไหมล่ะ..” คนเล่าที่นอนซุกอยู่ที่อกทำเสียงเศร้า สัมผัสได้ถึงความเหงาในคำพูด
“แล้วก็ไม่บอกนะ พี่หมอจะได้ทำเสียงหล่อๆ เผื่อว่าฟังแล้วจะเหมือนว่าตัวจริงมาพูดตรงหน้าไง” เพราะไม่อยากให้ไอ้เสือกลับไปเหงาแบบเดิม หมอปุ่นก็เลยแกล้งเก๊กเสียงหล่อเต็มที่ เหมือนจะใช้ได้ผลก็ตอนที่ได้ยินเสียงหัวเราะนั่นแหละ
“ก็ตัวจริงไม่ได้หล่อ จะเก๊กไปทำไมล่ะ” ชีต้าห์แกล้งเงยหน้าขึ้นมาถามหน้าซื่อ จนโดนคุณหมอขี้เก๊กดึงจมูกไปที ข้อหาทำตัวน่าหมั่นไส้
“คืนนี้จะค้างที่นี่ไหม หรือจะให้พี่หมอไปส่งที่บ้าน” ไอ้เด็กแสบทำท่าครุ่นคิดเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบ้างอย่าง
“พี่หมอ..ให้ผมค้างได้ไหมล่ะ” แม้ว่าประโยคที่ได้ยินจะเป็นคำถาม แต่พอมองแววตาคนถามแล้ว..เหมือนกำลังอ้อนขอเสียมากกว่า
“โทรบอกที่บ้านก่อน เดี๋ยวพี่หมอจะไปเก็บผ้าห่มข้างนอก” หมอปุ่นเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาให้ ก่อนที่ตัวเองจะลุกออกไปจากเตียง ไปเอาของตามที่พูด แต่ก่อนที่จะออกไปก็ชะงักหันกลับมาพูดกับคนที่กำลังกดโทรศัพท์
“เออ..พี่หมอลืมบอกไปอีกอย่าง..!!”
“อะไรอ่ะ..?”
“นอกจากทั้งหมดที่พูดมา พี่ก็รักไอ้เสือน้อยด้วย” ชีต้าห์นั่งทำหน้าเหวอ ก่อนที่จะมองตามนิ้วของหมอปุ่นที่ชี้มาที่หมอนที่ตัวเองเอาปิด...ไว้!! แล้วอุณหภูมิในร่างกายก็สูงปรี๊ดทันที
“ไอ้...พี่หมอบ้า คนลามก!!” กว่าจะเข้าใจว่าไอ้สิ่งที่หมอปุ่นพูดมันคืออะไร ชีต้าห์ก็หยิบหมอนลูกเดิมตั้งท่าขว้างไปยังคนที่ยืนหัวเราะเสียงดังอยู่ตรงประตู
“ฮ่าๆเดี๋ยวมันจะน้อยใจ” หมอปุ่นยืนมือไปรับหมอนที่โยนมา ก่อนจะเปิดประตูแล้ววิ่งออกไปข้างนอก ก่อนที่ไอ้เสือมันจะหาอะไรแถวนั้นปามาอีก ขนาดว่าปิดห้องแล้วยังได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกอยู่ข้างใน
หมอปุ่นส่ายหัวกับตัวเองพร้อมคลี่ยิ้มเหมือนคนที่มีความสุข ถ้าปล่อยให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องเร่งรัด หรือฝืนใจคนใดคนหนึ่ง เพราะเรายังมีเวลาที่จะคุ้นเคยกันอีกมากมาย การไขว่คว้าหาความสุขไม่ได้มีเพียงแค่อย่างเดียว ถ้าวันหนึ่งที่ใจเราพร้อมก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้น แล้วหากวันใดวันหนึ่งใครสักคนไม่ได้มายืนอยู่เคียงข้าง ก็จะได้คิดถึงความสุขที่ผ่านมาและยิ้มออกมาได้โดยที่ไม่ต้องฝืนเหมือนวันนี้
แท่ก แท่ก แท่ก วิ่งหลบบาทาคนอ่านที่ลอยมา หึหึ
ก็จะให้ทำไงได้ พี่หมอปุ่นเค้าเป็นคนดีอ่ะ (คุณนายแกสอนมา)
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตาม และเฝ้ารอ อะคึ อะคึ
คาดว่าอีกไม่นาน...บทสรุปของเรื่องก็ใกล้เข้ามา
กอดทุกคนแน่น ๆ อีกทีก่อนวิ่งจากไป เฟี้ยววววววว