คนละปลายทาง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คนละปลายทาง  (อ่าน 197770 ครั้ง)

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #300 เมื่อ11-07-2007 11:53:35 »

วันนี้มาแปลกแฮะ........หุหุ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #301 เมื่อ11-07-2007 19:46:39 »

หุหุ ถามแบบชวนอึ้งดีแท้  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #302 เมื่อ12-07-2007 01:01:59 »

มีอะไรก็คุยกันตอนอารมณ์ดีๆ
ไม่คุยกะแฟนแล้วจะคุยกะไผหวา
 :sad3: :sad3: :sad3: :sad3:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #303 เมื่อ12-07-2007 10:49:11 »

                        “พี่กั้งหัดรถให้นัทหน่อยสิ ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลนัทยังหัดได้ไม่ถึงไหนเลย” นัทรบเร้าผมเรื่องขับรถมาหลายวันแล้ว............แต่ช่วงนี้ผมขี้เกียจ จึงไม่ได้แสดงอาการตอบสนองอะไรออกมา.....
                        “รู้หรือเปล่าว่าคนที่เค้าหัดรถให้กันมีอยู่สองจำพวกนะ” ผมเริ่มวางท่าให้ดูน่าเชื่อถือ..........ก็ปกติใครเค้าจะมานั่งหัดรถให้กันเล่า...............มันเสียเวลาและก็น่าเบื่อจะตาย............อีกทั้งรถใหม่ๆเค้าก็ไม่นิยมนำมาหัดกับคนขับไม่เป็น.............เดี๋ยวเครื่องก็ได้พังกันพอดี...........
                        “อะไร” นัทเอียงหน้ารอฟังว่าผมจะให้เหตุผลว่าอย่างไร
                       “ก็ถ้าไม่เป็นพ่อหัดให้ลูก ก็ต้องเป็นแฟนหัดให้แฟน” ผมยิ้มอย่างมีชัย...........เอาล่ะ ทีนี้จะยอมรับได้หรือยังว่าผมกับเค้าเป็นแฟนกัน.............
                       “งั้นไม่หัดก็ได้” นัททำหน้าง้ำหน้างอ ไม่พอใจ..............แต่ผมกลับชอบ..........ผมชอบทุกอย่างที่เป็นเค้า...........แม้บางอย่างจะทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดก็ตาม...........
                       “อ่ะๆ หัดก็หัด” ผมยอมแพ้ในที่สุด...........ตั้งแต่คบกันมาน้อยครั้งนักที่ผมจะขัดใจเค้า........ผมไม่อยากเห็นสีหน้าผิดหวัง............มันทำให้ผมไม่สบายใจ............เมื่อมาคิดดูอีกทีแล้ว ก็ดีเหมือนกัน...........เราจะได้มีเวลาใกล้ชิดกันมากขึ้น..............และหากวันใดที่เค้ามีรถเป็นของตัวเองแล้ว............เราสองคนอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนวันนี้...............ผมอยากให้เค้าเก็บผมเอาไว้ในความทรงจำในเวลาที่เค้าได้ขับรถของเค้าเองว่า..........คนที่เคยรักเค้ามากที่สุดคนนี้ เป็นคนสอนให้เค้าหัดขับรถเป็นครั้งแรกเมื่อนานมาแล้ว..........


                         หลังจากที่ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว............เราสองคนจึงขับรถตระเวนออกหาสนามที่จะใช้ในการหัดในเย็นของวันต่อมา.............มันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิดเลย...............เราตระเวนไปดูตามสนามฟุตบอล...............โรงเรียน.............สถานที่ราชการ.....................ไม่มีที่ไหนเหมาะกับการใช้หัดขับรถเลย...............ผมไม่อยากเอารถไปวิ่งในสนามฟุตบอล............สงสารรถ กลัวช่วงล่างมันพัง...........ส่วนสถานที่ราชการก็ไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้ามาหัดขับรถเด็ดขาด............

                         “สนามนั่นไง เค้ากำลังถมที่พอดี” นัทชี้ให้ผมดูลานกว้าง ซึ่งมีรถขนดินวิ่งเข้าออกอยู่ตลอดเวลา...........แสดงว่าเจ้าของที่กำลังจะถมเพื่อทำการอะไรบางอย่าง...........ผมชะลอรถมองก่อนจะขับผ่านเลยไป...........
                         “ไม่ดีอ่ะ ที่ส่วนบุคคล เจ้าของเค้าจะว่าเอา” ผมมองแล้วว่าไม่ควรเข้าไปในที่ส่วนบุคคลแบบนั้น..........สภาพพื้นที่ ที่มีรถขนดินวิ่งเข้าออก มีฝุ่นสีแดงฟุ้งกระจายอยู่ตลอดเวลา............หากขืนเอารถเข้าไปวิ่งวนในที่แบบนั้น.............รถสุดหวงของผมคงมอมแมมไม่ต่างจากเอาไปวิ่งคลุกฝุ่นมาเป็นแน่...............
                         “แล้วจะหัดที่ไหนได้ล่ะ ตรงนั้นก็ไม่ดี ตรงนี้ก็ไม่ได้ ” นัททำท่าขัดใจ..............ผมชำเลืองดูหน้าบูดบึ้งของเค้า............หึหึ...........เจ้าบ้านี่ จะเอาแต่ใจตัวเองไปถึงไหน..............นี่ถ้าเป็นรถของเค้าเอง อย่าว่าแต่ให้เอาไปขับในที่แบบนั้นเลย.............ชั้นแค่ผมเอ่ยปากขอให้เค้าหัดให้..........เค้าคงรีบปฏิเสธตั้งแต่เริ่มผมอ้าปากจะพูดแล้ว..........เค้าน่าจะหัดเข้าใจหัวอกของคนอื่นเค้าซะบ้างนะ............แต่ผมจะไม่ต่อว่าอะไรเค้าหรอก............เพราะผมไม่มีนิสัยชอบตำหนิว่ากล่าวอะไรใครตรงๆ...........อยากทำไรก็ทำไป..........ปล่อยเค้า............

                         “วันนี้ลองหัดตรงนี้ก็แล้วกัน” ผมจอดรถชิดขอบถนน............หลังจากที่เราสองคนขับวนในบริเวณศาลากลางมาได้พักหนึ่ง..........จนผมพิจารณาแล้วว่าถนนซอกซอยในศาลากลางแห่งนี้ค่อนข้างสงัด ไร้ผู้คนสัญจร..........น่าจะใช้หัดขับรถได้ชั่วคราว จนกว่าเราจะเจอที่ที่เหมาะสมมากกว่านี้.............
                           “อ่ะ เดี๋ยวเราเปลี่ยนที่นั่งกัน” ผมออกคำสั่ง แล้วเปิดประตูเดินอ้อมมาอีกฝั่ง.............นัทกุลีกุจอเข้ามานั่งในที่คนขับ............ดูท่าทางเค้ามีความสุข..........ยิ้มหน้าบานเชียว..........ผมแอบนึกหมั่นไส้กึ่งเอ็นดูอยู่ใจใน.............
                         “ผลักเกียร์มาทางซ้ายสุด แล้วดันขึ้นไปด้านบน เป็นเกียร์หนึ่ง” ผมเริ่มบทเรียน บอกให้นัททำตาม
                         “ทีนี้ก็ดึงกลับลงมาตรงๆ เป็นเกียร์สอง...........ส่วนมากเรามักจะออกตัวที่เกียร์สองเพราะรถจะได้ไม่อืดมาก...........แต่นัทเพิ่งหัดใหม่ก็ออกที่เกียร์หนึ่งก่อนแล้วกัน” นัททำตามที่ผมบอกเงอะๆงะๆ............รู้สึกว่าเค้าจะมีปัญหาในการเข้าเกียร์ เพราะไม่รู้จังหวะ...........ผมจึงเอื้อมมือไปกุมมือของนัทที่วางอยู่บนกระปุกเกียร์..........
                         “เอาล่ะ.........ไหนลองเข้าเกียร์ดูซิ.........ช้าๆ เบาๆ ไม่ต้องออกแรงมาก” ผมออกคำสั่งให้นัทลองทำตามอีกครั้ง............ผมจะลองเช็คดูว่าเค้าลงน้ำหนักมือในการเข้าเกียร์อย่างไร.......นัทหยุดนิดหนึ่ง ก่อนจะหันมายิ้มอย่างรู้ทัน...........
                         “แน่ะๆ...........จะหลอกจับมือล่ะสิ”...........คิดมาด๊ายยยยยยยยย.............แต่ก็มีส่วนนิดหน่อย........หุหุ...........ถึงยังไงผมก็ไม่ละทิ้งจิตวิญญาณของความเป็นครูไปหรอกน่า..........เรื่องสอนให้เค้าขับรถให้ได้ต้องมาก่อนอยู่แล้ว........ชิส์............

   
                         “ทีนี้ก็ลองมาเหยียบครัชกับคันเร่งดูนะ ลองทำให้สัมพันธ์กับการเข้าเกียร์” ผมเริ่มเปลี่ยนมาสอนเรื่องครัชและคันเร่ง.........เมื่อเห็นว่านัทเข้าใจในการเข้าเกียร์ดีแล้ว
                         “เข้าเกียร์ทุกครั้งจะต้องเหยียบครัชให้มิด.........พอแตะคันเร่งก็ค่อยๆถอนครัชออกมาช้าๆให้สัมพันธ์กัน อย่าปล่อยทีเดียวหมด.......เดี๋ยวรถจะดับ” ...........ส่วนมากคนที่หัดขับรถใหม่ๆ มักจะมีปัญหาเรื่องการใช้ครัช กับคันเร่ง..........นัทเองก็คงเหมือนกัน.............แต่แปลกแฮะ ดูตั้งใจเป็นพิเศษเชียว.........สงสัยจะเอาจริง...............

                         เมื่อซักซ้อมความเข้าใจกันจนแน่ใจแล้ว.............ก็ได้เวลาเริ่มภาคปฏิบัติ.............อากาศข้างนอกเริ่มขมุกขมัว..............ตะวันคล้อยลับขอบฟ้าแล้ว..........วันนี้คงจะให้ลองขับอีกสักหน่อยก็พอกระมัง.............
                        “ทีนี้ลองสตาร์ทเครื่องดูซิ” ผมออกคำสั่งอีกครั้ง..........ทั้งในใจก็ลุ้นระทึก...........อย่าขับชนนะเว้ย..........ถึงจะทำท่าไม่หวงรถแต่ก็ห่วงนะ จะบอกให้...........

                        “กึกๆๆๆๆ” นัทออกตัวไม่สวยเลยในครั้งแรก........รถจึงกระตุกสองสามทีก่อนจะดับไป.............
                        “ตื่นเต้นอ่ะ มือเย็นหมดแล้ว” นัทยื่นมือมาให้ผมจับ...........เย็นจริงๆด้วย.............อะไรจะขนาดนั้นนะ..........คนบางคนก็มีมุมบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน.........ปกตินัทมักจะแสดงท่าทางว่าเป็นคนมั่นอกมั่นใจในตัวเองเวลาอยู่ต่อหน้าผม..............แต่ผมว่าจริงๆแล้ว เค้ามีจุดเปราะบางในหลายๆเรื่อง.......เค้าต้องการคนคอยสนับสนุนและให้กำลังใจ.........และเค้าก็ยังมีความสับสนในตัวเองอีกมากเพราะยังเด็กอยู่นัก...........สักวันหนึ่งเมื่อเค้าโตขึ้นและเรียนรู้ที่จะเข้าใจในตัวเอง ทั้งมีความมั่นใจมากกว่านี้แล้ว..........เค้าคงจะพบคำตอบในชีวิตของเค้าเอง.............ผมมาเจอเค้าเร็วเกินไป..........แต่ถึงอย่างไร หากผมจะเป็นตัวช่วยชี้ทางให้เค้าได้ค้นพบตัวเองบ้าง ผมก็ยินดี............แม้ในตอนท้าย เมื่อเค้าตกผลึกทางความคิดของตัวเองได้แล้ว ผมจะไม่ใช่คนที่จะอยู่เคียงข้างเค้าก็ตาม.............

                          “เอ้า.........ทีนี้ลองใหม่.........ปล่อยครัชช้าๆ..........แต่อย่าปล่อยหมด ให้เหลือไว้สักสามส่วนสี่” ผมบอกเทคนิคที่เพิ่งคิดได้เองให้ใหม่...........นัทค่อยๆพารถเคลื่อนที่ออกไปได้อย่างช้าๆ...........
                         “ทีนี้ลองเพิ่มความเร็วและก็เปลี่ยนเกียร์สูงขึ้น” ผมบอกอีกครั้งเมื่อเห็นว่าได้จังหวะที่ควรเปลี่ยนเกียร์..............

                         ขณะที่รถกำลังเข้าสู่ความเร็วคงที่...........พลันก็มีรถคันหนึ่งวิ่งพ้นโค้งสวนออกมา.........ตายละซิ............ผมกังวลว่านัทจะตกใจจนควบคุมรถไม่อยู่.............และก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆด้วย
                         “พี่กั้งทำไงดี รถสวนมา” นัทมีท่าทีวิตกกับการที่มีรถวิ่งสวนมาจากฝั่งตรงข้าม............
                         “แตะเบรกเบาๆ” ผมร้องบอก...พยายามควบคุมท่าทางไม่ให้นัทเห็นว่าผมกำลังกังวลเช่นกัน............
                         “กึกๆๆๆ” รถสะดุดอีกครั้งแต่ยังไม่ดับ ทำท่าจะเสียหลักออกนอกเส้นทาง............นัทมัวแต่กังวลกับการเหยียบเบรกจนลืมบังคับพวงมาลัย...............รถยนต์คันนั้นวิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ...........ผมตัดสินใจเอื้อมมือไปคว้าพวงมาลัยบังคับให้รถวิ่งเข้าไปชิดข้างทาง.............
                        “กึก กึก และกึก” เครื่องยนต์ดับสนิทไปแล้ว............นัทหันมามองผมหน้าซีด..........เราจ้องตากัน นิ่งอยู่ชั่วครู่................เสียงรถต์ยนต์เจ้ากรรมคันนั้นวิ่งผ่านไปและค่อยๆเงียบหาย..........บรรยากาศภายนอกเริ่มสลัวลงทีละน้อย..................ผมสัมผัสได้ถึงความเย็นของอากาศที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาปกคลุมไปทั่วบริเวณ..........
                        “ป่ะ.........กลับกันเถอะ” ผมกล่าวทำลายความเงียบออกมาในที่สุด..........วันนี้ตื่นเต้นมามากพอแล้ว..........เดี๋ยวกลับไปทำกับข้าวปลอบขวัญซะหน่อย......คงจะใจชื้นขึ้นมาบ้าง...........

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #304 เมื่อ12-07-2007 11:29:35 »


เช็คน้ำหนักมือในการเข้าเกียร์  ???   :confuse:  :confuse: :confuse:

เฮ้ยนัท  เข้าเกียร์เบาๆหน่อย  เดี๋ยวเกียร์พี่กั้งเค้าถลอก  พังไปเด๋วมันจะใช้การไม่ได้นะเฟ้ย

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #305 เมื่อ12-07-2007 11:39:36 »

นี่.............ลามก...........หุหุ

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #306 เมื่อ12-07-2007 13:16:26 »


..........กะลังหัดขับขี่.......... :m11: :m11:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #307 เมื่อ12-07-2007 15:58:52 »

เกือบไปแล้ว
 :try2:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #308 เมื่อ12-07-2007 16:01:13 »

ขับ....

แล้ว....


ขี่....

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #309 เมื่อ12-07-2007 16:18:12 »

โห เอากันใหญ่  :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #309 เมื่อ: 12-07-2007 16:18:12 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #310 เมื่อ12-07-2007 16:37:45 »

หุหุ คิดเรื่องขับขี่กันใหญ่  :m14:  :m14:

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #311 เมื่อ13-07-2007 12:42:22 »


สบายดีหรือเปล่า ข่าวคาวไปถึงไหน..........................

 :o11: :o11: :o11:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #312 เมื่อ13-07-2007 13:30:36 »

คุณ blanch นี่สมเป็นแฟนตัวจริง จริงๆนะครับ น่าชื่นใจจัง อิอิ...........พอดีช่วงนี้ผมหมดไฟในการเขียนอ่ะครับ..........ขอพักสักระยะ.........แล้วจะมาต่อแน่นอน...........ขอบคุณนะครับ

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #313 เมื่อ13-07-2007 14:02:23 »



รอได้ครับผม  แค่เห็นว่าหายไปผิดปกติเวลา  ก้อเลยเข้ามาทักทายเฉยๆครับ

ไงก้อ พักผ่อนมากๆนะครับ       :teach: :teach: :teach:



อืม...หมดไฟก็ต้องเติมเชื้อไฟครับ ต้องเอาแบบว่าใส่ปุ๊บ..ลุกปั๊บเลยนะครับ  :m12: :m12:


ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #314 เมื่อ13-07-2007 14:44:56 »

เป็นกำลังใจให้เหมือนกัน  ไม่ได้เป็นแฟนพันธ์แท้เท่าคุณ blach ก็ยังตามติดเสมอนะจ๊ะ

รออยู่น้า  :m3:  :m3:  :m3:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #315 เมื่อ13-07-2007 19:10:12 »

มาลงชื่อว่าจะรออ่านน้า  :m13:  :m13:  :m13:

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #316 เมื่อ16-07-2007 08:25:29 »


แวะมาเฉยๆครับ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #317 เมื่อ16-07-2007 18:55:43 »

ยังมะมาต่อเย๋อ  :m13:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #318 เมื่อ17-07-2007 09:19:24 »

                         “พี่กั้งทำไมไม่ไปหัดขับรถที่แม่เหียะล่ะ” มอลลี่ให้คำแน่ะนำ หลังจากที่ฟังผมเล่าถึงปัญหาเรื่องการหาสถานที่ในการหัดขับรถจนจบแล้ว.............แม่เหียะ.............เป็นที่ตั้งของคณะสัตวแพทย์และ คณะอุตสาหกรรมการเกษตร.............แม้ไม่ไกลจากตัวมหาลัยแม่มากนัก..........แต่ก็ถือว่าไกลทีเดียวสำหรับนักศึกษาที่จะถ่อสังขารออกไปเรียนที่นั่นด้วยมอร์เตอร์ไซด์ (นักศึกษาที่นี่นิยมใช้มอร์เตอร์ไซด์เป็นพาหนะ)................ได้ยินว่าที่นั่นขึ้นชื่อในเรื่องความสงัดยิ่งนัก..............นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีไม่เลวเลย............ไปป้วนเปี้ยนกันอยู่แถวๆนั้น คงไม่มีใครตามไปเห็นหรอกกระมัง........

                         เมื่อได้สถานที่หัดรถแล้ว.............ระยะหลังนี้ผมกับนัทจึงออกมาหัดขับรถกันแทบทุกวัน...........ผมหวังว่าการมีกิจกรรมร่วมกัน จะเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างสัมพันธภาพของเราสองคนให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น.................

                         ความรักเป็นสิ่งไม่จีรังและเปราะบาง.........มีเกิดและมีดับได้ง่าย..........ดูตัวอย่างง่ายๆจากการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ผมมักจะแอบตกหลุมรักใครต่อใครได้เรื่อยๆไม่เคยเบื่อ.............หากแต่ ความพึงพอใจที่แสนจะตื้นเขินดังกล่าวหาใช่ความรักที่แท้จริง.........เพราะความรักจะต้องเกิดขึ้นมาจากคนสองคนที่มีความรู้สึกตรงกัน............

                         อย่างไรก็ตาม........ถ้าหากการตกหลุมรักมีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่ายๆ...............ความรักก็ย่อมมีโอกาสเกิดได้ง่ายพอๆกับการตกหลุมรัก..........และมีโอกาสจบลงได้ง่ายๆเช่นเดียวกัน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบังเอิญไปตกหลุมรักคนอื่นในเวลาต่อมา...........

                         เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะยึดเหนี่ยวให้ความรักของเรามั่นคงก็คือ ความผูกพันธ์ ..............ซึ่งเปรียบเสมือนการใส่รายละเอียดลงไปในภายหลังเวลาที่เราการสร้างบ้าน..........ยิ่งต่อเติมในรายละเอียดได้มากเท่าไหร่..........ความมั่นคงยิ่งมีมากขึ้นเป็นเท่าทวี..........

                         เสียดาย.........เวลาของผมใกล้จะหมดลงทุกที............มันกำลังจะหมดลงพร้อมๆกับการร่วงไปของใบไม้ที่เชิงดอยสุเทพเพื่อต้อนรับหน้าร้อนที่จะมาถึง...........

                         ยิ่งสัญญาณแห่งการสิ้นสุดของฤดูหนาวคลืบคลานเข้ามามากขึ้นเท่าใด...............ผมก็ยิ่งทวีความวิตกมากขึ้นเท่านั้น..............นัทยังเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเดิม............เอาแน่เอานอนไม่ได้..........ผมเดาใจไม่ถูกเลยว่าเค้าวางแผนสำหรับเรื่องของเราเอาไว้ยังไงบ้าง............แต่ก็คงไม่น่าจะแตกต่างไปจากที่ผมคาดเอาไว้มากนัก.............

                       จากความกดดันภายใจดังกล่าว ทำให้ผมเปลี่ยนสภาพจากคนที่มีความอดทนสูงต่อพฤติกรรมต่างๆของนัท กลายมาเป็นคนที่มีความอดทนต่ำ เจ้าอารมณ์และไม่มีเหตุผล..........ผมมักจะหงุดหงิดง่ายๆหากไม่ได้ดั่งใจ.................และหากมีเรื่องที่ทำให้ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเมื่อใด ผมก็พร้อมที่จะพ่นคำว่า “เราเลิกกันเถอะ” ออกมาทันที เหมือนกับว่าได้อมเอาคำพูดเหล่านั้นเตรียมเอาไว้แล้ว.......แต่ ณ ตอนนี้.........มันยังไม่เคยได้หลุดลอดออกมาจากปากของผมเลยสักหน...........

                     “เย็นนี้มานอนที่ห้องนะ” ผมโทรบอกนัทในตอนบ่ายหลังจากที่วางมือจากแลปเรียบร้อยแล้ว
                     “ไม่เอ้าววว.......ไปทำไม.......จะนอนหอ.........ถ้าไปกินข้าวเฉยๆไป” นัทต่อรอง.........ระยะหลังมานี้เค้ามักมีข้ออ้างนั่นนี่ ให้ผมต้องได้โมโหตลอด............โดยเฉพาะการไม่ยอมไปนอนที่ห้อง...........เพราะมัวห่วงแต่จะเล่นเกมส์.............หรืออาจจะมีสาเหตุอื่นที่ลึกซึ้งมากกว่านั้นที่ผมยังไม่รู้ก็ได้ แต่ก็ไม่อยากเอามาคิดให้ปวดสมอง............

                       ผมยุติการโต้ถียงและขับรถไปรับเค้ามาทานข้าวตามปกติ...........โดยคิดเอาไว้ในใจว่า เค้าคงแค่จะทำลีลาไปตามประสาเท่านั้นนั่นแหล่ะ..........สุดท้ายก็ต้องยอมตามใจผมอยู่ดี...............ดังนั้นเมื่อทานข้าวเสร็จ ผมจึงถือวิสาสะขับรถมุ่งหน้ากลับห้องทันที............

                       “จอดพี่กั้ง.....นัทจะลง” นัทเอื้อมมือมาแย่งพวงมาลัย.........ไม่ยอมให้ผมเลี้ยวกลับเข้าหอ
                       “เฮ้ยอย่ามันอันตราย” ผมร้องบอก พลางปัดมือเค้าออกจากพวกมาลัย..........ยอมรับว่ารู้สึกตกใจกับพฤติกรรมดังกล่าวของเค้าอยู่ไม่น้อย............นี่เค้าไม่อยากจะไปที่ห้องผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ.....................แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่า เค้าอาจจะไม่ได้จริงจังกับการอยากกลับหออะไรมากมาย............ก็คงแค่ทำงอนไปตามปกติเหมือนที่ผ่านมา...........ง้อสักหน่อยก็คงหายโกรธแล้ว.........จึงไม่ได้สนใจสังเกตอากัปกิริยาอื่นๆแต่อย่างใด...............

                         เมื่อเห็นว่าไม่เป็นผล.........ในที่สุดนัทจึงยอมรามือ และกลับไปนั่งอยู่เงียบๆ..........จนรถมาจอดที่ใต้ตึก...........ผมจึงเปิดประตูออกไปยืนรอข้างนอก.........แต่นัทยังคงนั่งนิ่ง..........เม้มปากแน่น ทำหน้างอไม่ยอมจะลงมาจากรถท่าเดียว...............

                          “ลงมาสิ” ผมบอก...........นัทไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลยสักคำ...........นอกจากนั่งทำหน้าบึ้งไม่เคลื่อนไหว.................ผมยืนจ้องมองเค้าอย่างปวดร้าว..............นี่เค้าไม่ได้รักและอยากจะอยู่กับผมเลย.............ไอ้ห้องที่เค้าอยู่นั้น มันมีดีอะไรนักหนา ถึงได้อยากจะกลับไปนัก..........มันดีกว่าการที่ได้อยู่กับผมหรือยังไง...............สองสามวันมานี้ผมก็ปล่อยให้เค้าอยู่ห้องมาตลอดทั้งวันแล้ว อยากเล่นเกมส์ก็เล่นไปสิ............และผมก็ไม่ได้เรียกร้องให้เค้ามาอยู่ด้วยทุกวัน............มันหนักหนามากหรือยังไงถ้าผมจะขอแค่นี้.............

                         ผมยืนนิ่งเพ่งมองที่นัทด้วยหัวใจเลื่อนลอย............ผิดแล้วที่คิดจะมีแฟนเด็ก...........เค้ายังรับผิดชอบและดูแลใครไม่ได้...........นอกจากอยากจะเล่นสนุกและทำตามใจตัวเองไปวันๆ...............ความน้อยใจถาโถมเข้ามาประทะจิตใจของผมทุกทิศทาง...........จะเอาอย่างนั้นใช่มั้ย..............ดี............ผมรู้สึกถึงก้อนแข็งที่ขึ้นมาจุกอยู่บริเวณคอหอย..............ก่อนจะพยายามกลืนมันลงไปอย่างอยากลำบาก.................

                          “จะไม่ยอมลงมาใช่มั้ย” ผมถามย้ำอีกครั้ง..............นัทยังคงนั่งนิ่งไม่แสดงอาการตอบโต้ใดๆ..........ทิฐิมานะในใจของผมเดือดพล่าน..............ได้..............ในเมื่อไม่อยากจะอยู่ เราก็จะไม่ฝืนใจ...........นึกได้ดังนั้น............ผมจึงก้าวขึ้นรถ และขับกระชากออกไปอย่างแรง....................

                           เราไม่พูดอะไรกันเลยระหว่างทางจนมาถึงหอพัก....................ผมจอดรถให้นัทที่หน้าหอ.........เค้าเปิดประตู หันมาพึมพำขอบคุณโดยไม่มองหน้า........ก่อนจะก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว...

                            ความอดทนที่สั่งสมมาถึงคราวระเบิดแล้วจริงๆ....................ผมไม่ได้ร้องไห้เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องร้อง..............ตรงกันข้ามผมกับรู้สึกนิ่ง...........และรู้สึกถึงการตรัสรู้...............ใช่.........ผมตรัสรู้ว่า.....ในเมื่อเค้าไม่ได้ต้องการในตัวผม.............แล้วผมจะมานั่งเสียดมเสียดายเค้าอยู่ทำไม.............

                            ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดๆๆ..............ผมไม่อยากพูดอะไรกับเค้าอีกแล้ว.............ผมกระหน่ำพิมพ์ข้อความบนแป้นมือถืออย่างเร็ว............
                           “เราเลิกกันเหอะ.........พี่ทนไม่ไหวอีกแล้ว” ............ผมอ่านดูซ้ำอีกสองสามครั้ง............เมื่อเห็นว่าชัดเจนไม่ตกหล่อน จึงกดส่งไปที่เบอร์ของนัททันที...........

                           หลังจากที่ผมส่งข้อความไปแล้ว.................ผมจึงกลับมานั่งคิดใคร่ครวญถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่..........
                           “นี่เราทำอะไรลงไป หึหึ” ผมนั่งหัวเราะและพำพัมอยู่คนเดียวในความมืด...............ผมโมโหให้เค้าจริงๆ............แต่ผมไม่ได้คิดที่จะเลิกกับเค้าจริงๆ.............และจริงๆก็คือผมแค่อยากจะให้บทเรียนกับเค้า................ถ้าหากเค้าอยากจะเลิกคบกับผมอย่างที่ผมบอกก็ตามใจ............เพราะผมถือว่า ผมได้ทนมามากพอแล้ว...........และผมต้องเป็นฝ่ายทนมากกว่า มาโดยตลอด (เพราะเค้าก็คงต้องทนบางเรื่องของผมเหมือนกัน)..............แล้วผมจะมาเสียดมเสียดายอะไรกับคนเฮงซวยคนนี้.............ผมขึ้นชื่อเรื่องทิ้งผู้ชายมาก็มาก..................กับคนคนนี้ก็คงไม่ได้แตกต่างไปจากคนอื่นๆมากมายสักเท่าไหร่...............เจ็บสักพักเดี๋ยวก็ลืม...............เลิกเป็นเลิก..........ถ้าเค้าไม่ยอมเลิก เค้าจะต้องปรับตัวเสียใหม่...........นี่คือสิ่งที่ผมคิดเตรียมไว้ในใจเพื่อรับต่อสถานการณ์ที่จะตามมาในอีกไม่ช้า..............

                        คืนนี้ผมไม่ได้โทรไปฟ้องใครต่อใครอย่างที่ผ่านๆมา...............เพราะปกติผมมักจะมีอาการคร่ำครวญก็ต่อเมื่อรู้สึกว่าโดนทำร้ายจิตใจ โดยผมยังอาลัยและละล้าละลังไม่ตัดสินใจเป็นหัวหรือก้อย...............แต่ถ้าหากผมเป็นคนตัดสินใจชี้ขาดในเรื่องใดๆไปแล้ว..............ผมจะถือว่านั่นคือสิ่งที่ผมมั่นใจและคิดดีแล้ว..................และจะไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด.........เว้นแต่ผมจะได้ตามเงื่อนไขที่ผมต้องการ..............


                       “มอลลี่ เดี๋ยวไปกินอาหารใต้กันนะ” ผมเก็บข้าวของเมื่อถึงเวลาเที่ยง ก่อนจะหันไปตะโกนข้ามตู้เอกสารที่กั้นระหว่างเราสองคน.........
                       “วันนี้ไปรับนัทหรือเปล่า” มอลลี่ถามตามความเคยชิน............ปกติเราสามคนไปกินข้าวกันทุกเที่ยง..............
                       “ไม่..........เราไปแค่สองคน”........ผมตีหน้าตาย...........ขณะที่มอลลี่เอียงคอมองอย่างแปลกใจ................

                        อาหารมื้อเที่ยงผ่านไปอย่างอเร็ดอร่อย.............แปลกที่ผมไม่รู้สึกกังวลใจใดใดเลย.............คงเป็นเพราะผมรู้จักนัทเป็นดีอยู่แล้ว...............ผมรู้ว่าเค้าจะต้องโทรมาง้อผมแน่ๆ..............คนอย่างเค้าไม่กล้าทิ้งผมหรอก..........คอยดูสิ............

                        หลังจากข้าวเที่ยงเราสองคนจึงแวะไปดื่มกาแฟกันต่อ...........
                       “พี่กั้งจะเลิกกับนัทจริงๆเหรอ” มอลลี่ถามหยั่งเชิง............ปกติเธอก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับผมมากสักเท่าไหร่เรื่องที่ไปคบกับนัท.............โดยส่วนตัวเธอไม่ได้เกลียดนัท..........แต่เธอคิดว่านัทไม่เหมาะที่จะให้ผมเอามาทำแฟนต่างหาก............
                      “ไม่หรอก แต่ถ้าเค้าอยากจะเลิก พี่ก็ไม่ว่า” ผมพูดเพราะใจคิดอย่างนั้นจริงๆ............ไม่ได้เสแสร้งว่าจะทำตัวเป็นนางเอกละครแต่อย่างใด...................
                     “เค้ายังไม่โทรมาอีกเหรอ” มอลลี่ตั้งข้อสังเกต...........นี่ก็เลยเวลากินข้าวเที่ยงไปแล้ว.........ตอนนี้เค้าคงจะรู้แล้วล่ะว่าผมเอาจริง...............

                      ผมล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋าออกมาดู.............บางทีเค้าอาจจะโทรมาแล้วก็ได้..........อ่ะ......จริงๆด้วย.............ผมกดดูสายที่ไม่ได้รับ...............เป็นนัทจริงๆ...........ที่ผมไม่ได้รับไม่ใช่โกรธหรือว่างอน..........แต่เพราะไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ตะหาก..............ป่านนี้นัทคงจะเริ่มวิตกแล้วว่า......คนที่ยอมอ่อนข้อให้มาโดยตลอดได้ทำการปฏิวัติเสียแล้ว............

                      ผมวางโทรศัพท์กลับไว้ที่เดิม ก่อนจะหันไปยิ้มให้มอลลี่..............
                      “ไม่โทรกลับเหรอ” มอลลี่แกล้งกระเซ้า............ผมยิ้มหน้าบาน...........มองเห็นชัยชนะอยู่รำไร.......
                      “ไม่ดีกว่า” ผมหยักไหล่............แล้วยกกาแฟขึ้นมาดื่ม..........พลางสะกิดมอลลี่.........
                     “ดูหนุ่มคนนั้นสิ น่ารักมะ”.........เธอหันไปมอง และสบตาผมทำท่าพยักเพยิด.............วันนี้กาแฟอร่อยจัง................

                      ผมกลับมานั่งทำงานจนคล้อยบ่าย จึงเก็บข้าวของกลับบ้าน.............วันนี้ตั้งใจว่าจะออกไปชอปปิ้งให้หายเซ็งซะหน่อย..............ผมค่อยๆขับรถเคลื่อนออกมาตามถนนหน้ามหาวิทยาลัยอย่างช้าๆ........เปิดเพลงฟังเบาๆ ร้องตามอย่างสบายอารมณ์.............

                      พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังกังวานขึ้นมาขัดจังหวะอันสุนทรีย์...............ผมเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาดู..............นัท....................ผมยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้..........สะใจนัก..............ตอนนี้ผมไม่ได้โกรธเค้าแล้ว..............แค่เค้าโทรมาง้อผมก็หายโกรธจนหมดสิ้น............ผมนี่เหมือนคนไม่มีหัวใจเลยเนาะ.............
                     “แกเป็นคนใจอ่อน ขี้สงสารมากเกินไป” นี่เป็นคำจำกัดความ ในอีกด้านของความเป็นตัวผมจากเพื่อนสนิท............ก็จริง............ผมไม่เคยเกลียดใครจริงๆเลยสักครั้ง............และผมไม่ชอบด่าว่าใคร..........นั่นไม่ใช่เพราะผมเป็นคนดีหรือไม่ดี............แต่เพราะมันคือผมต่างหาก..............

                     โทรศัพท์ยังคนดังเร่งเร้า............ผมจะยังไม่รับ.............ผมจะปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้นจนเงียบเสียงลงไปเอง...............ถ้าผมไม่สอนให้เค้ารู้จักความรู้สึกของการที่จะต้องสูญเสีย............เค้าจะไม่เห็นคุณค่าของผมเลย...........แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า ผมมีค่ากับเขามากแค่ไหน..............

                     เสียงโทรศัพท์ดังเป็นคำรบที่สอง................ผมจึงตัดสินใจหยิบขึ้นมากดรับสายในที่สุด......
                    “ฮัลโหล มีอะไร” ผมแกล้งทำน้ำเสียงให้ดูเย็นชามากที่สุดเท่าที่จะทำได้..........หากคนอื่นมาได้ฟัง...........บางทีเค้าอาจจะกำลังคิดว่าผมพูดกลั้วเสียงหัวเราะอยู่ก็เป็นได้............หุหุ

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #319 เมื่อ17-07-2007 10:07:03 »



จริงๆแล้วผมเห็นว่าความรักก้อกำลังมีแนวโน้วที่ดี  เลยไม่อยากขัดอ่ะครับ

แต่จริงๆใจลึกๆ ก้อคิดว่าความรักที่ต้องอดทนอยู่เรื่อยๆเนี่ย  มันก้อไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่อ่ะครับ...

ผมก้อกำลังสับสนในการเชียร์อ่ะครับ ใจนึงก้ออยากให้เลิกกันนะ (ผมแอบเลวอ่ะ อย่าว่ากันนะครับ  :try2:)

อีกใจก้อกำลังลุ้นให้มีปาฏิหาริย์เปลี่ยนนัทให้เข้าใจและปรับตัวหาคุณกั้งมากขึ้น...อืม...จามีวันนั้นไหมหนอ ? :confuse:

ยังไงก้อเป็นกำลังใจครับ แต่อยากให้เลิกกันมากกว่า ( เอ๋..ยังไงกันแน่เนี่ย  o12 o12  .....ก้อมันอึดอัดอ่ะ   :try2: )

ตอนนี้กำลังค้างคาเลยอ่ะครับ  นัทโทรมาว่าไงบ้างครับ ?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #319 เมื่อ: 17-07-2007 10:07:03 »





blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #320 เมื่อ17-07-2007 10:18:43 »


อือ ผมลืมนึกไป หรือว่าเป็นช่วงจำศีลของนัทเค้าอ่ะ

เค้าอาจจะทนความยั่วยวนของคุณกั้งไม่ได้หรือเปล่า เลยไม่อยากมาอ่ะ

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #321 เมื่อ17-07-2007 10:51:44 »

ไม่มั้ง..........ก็มันเดือนกุมภาแล้วอ่ะ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #322 เมื่อ17-07-2007 12:36:38 »

มันต้องอย่างงี้สิเคอะคุณพี่  :m11:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #323 เมื่อ17-07-2007 12:55:20 »

มันก็ต้องมีบทโหดมั่งแหล่ะ.........อิอิ

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #324 เมื่อ17-07-2007 16:43:57 »


.............นัทว่าไงอ่ะ....จะง้อหรือจะเลิก........ :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #325 เมื่อ17-07-2007 18:53:56 »

นัทน่าจะโทรมาง้อนะ หุหุ ขอเดา  :m4:  :m4:  :m4:

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #326 เมื่อ19-07-2007 10:36:04 »


 :impress:

tor13

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #327 เมื่อ20-07-2007 16:44:53 »

ค้าง :m5:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #328 เมื่อ21-07-2007 02:33:42 »

รอจ้า  :m4:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #329 เมื่อ23-07-2007 09:38:30 »

                         “อยู่ไหน” เสียงของเค้าฟังดูแผ่วเบา...........ไม่ยักกะดูอวดดีเหมือนเมื่อวานนี้เลย
                         “ในมหาลัย กำลังจะกลับห้องแล้ว” ผมทำใจแข็งไม่ลง อย่างที่ได้ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรก.........ปากบอกว่าเลิก........แต่ใจไม่เลิกตาม........นี่เป็นหนแรกที่ผมบอกเลิกเค้า..........เค้าคงจะยังจับจุดไม่ได้ว่าผมคิดอะไรอยู่.........คงจะนึกว่าผมหมายความว่าจริงตามนั้น............

                         การบอกเลิกกันมันง่ายนิดเดียว.........แต่กว่าจะมาถึงจุดที่เราอยู่นั้น สำหรับผม มันไม่ง่ายเลยสักนิด............ต้องทุ่มเททั้งเวลา....ความรัก.....ความเสียสละและอุตสาหะนานัปประการ เพื่อประคับประคองมาโดยตลอด.........ผมไม่ถอดใจเร็วขนาดนั้นหรอก.........

                          มันก็เปรียบเหมือนกับการนั่งทำแลปมานานๆนั่นแหล่ะ..........ทำแล้ว ทำเล่า ผลแลปก็ไม่ออกมาอย่างที่ใจเราต้องการ..........หากท้อใจและเหนื่อยนักกับสิ่งที่ได้ทุ่มเทไป.........ที่สุดก็พาลจะเลิกจะทิ้งไปเสียกลางทางเอาดื้อๆ.........แต่นักวิทยาศาสตร์ที่ดีโดยมาก ก็เพียงแต่มักจะบ่นในตอนท้อเท่านั้น.........ตราบใดที่ยังลงข้อสรุปไม่ได้ ก็คงต้องหาวิธีการร้อยแปด เพื่อมาพิสูจน์สมมุติฐานที่ได้ตั้งเอาไว้ให้จงได้.........ต่อเมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ทุกอย่างจึงจะถือว่าจบ..............ส่วนจะเป็นความสำเร็จหรือล้มเหลวนั้น คงมีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้........สำหรับเรา ผมถือว่ายังไม่ควรจบในตอนนี้.........

                           “นัทโทรมาตั้งหลายครั้ง ทำไมไม่รับโทรศัพท์”.........ตลก.........นี่จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เรื่องข้อความที่ผมส่งไปบอกเลิกงั้นเหรอ.............แต่ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก............เพราะว่าเค้าเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าเผชิญความจริง............ไม่กล้าแม้แต่จะยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์..........

                            “อ๋อ........มันอยู่ในกระเป๋า.......พี่ไม่ได้ยิน”.........คราวนี้ผมพยายามทำสุ้มเสียงให้ดูเย็นชา.........อยากจะดูต่อว่าเค้าจะว่ายังไง...........บางทีผมก็สับสนว่า ตัวเองเป็นคนเลือดเย็นหรือเป็นคนขี้สงสารกันแน่.............เพราะบางครั้งผมก็ให้อภัยกับพฤติกรรมแย่ๆของคนอื่นได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขอเพียงแต่เค้ายอมอ่อนข้อให้เท่านั้น............แต่ในบางทีผมก็ไม่ใส่ใจ ทำเหมือนบุคคลคนคนนั้นเป็นอากาศธาตุ ถ้าผมตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ข้องเกี่ยวอีกต่อไป ด้วยว่าโปรดไม่ขึ้น.........มันคงจะขึ้นอยู่กับว่า อารมณ์ตอนนั้นผมอยากจะเลือกเป็นอย่างไหนมั้ง........

                          “กินข้าวหรือยัง” นัทถาม.......ผมเหลือบมองนาฬิกา............นี่จะสี่โมงเย็นอยู่แล้ว...........เค้าถามถึงข้าวมื้อไหนล่ะ.........ถ้าจะถามถึงข้าวเที่ยงก็คงจะช้าไปแล้วมั้ง.............แต่ถ้าถามถึงข้าวเย็นก็ดูจะเร็วเกินไป.........หรืออาจจะถามแก้เก้อไปอย่างนั้นเอง............

                          “ยัง..........ทำไมเหรอ” ผมถามกลับเพื่อหยั่งท่าที..........
                          “นัทยังไม่กิน............ทำไงดีล่ะ”..........ปัญญาอ่อน.........นี่น่ะเหรอวิธีการง้อของเค้า........ตลกดี........จะท่ามากไปถึงไหนกัน............
                           “เหรอ........แล้วจะให้พี่ทำยังไง” .............ผมเริ่มอึดอัด.........เยิ่นเย้อ มากความ..........จะเอาไงก็ว่ามาเร็วๆสิ.........นัทอึกๆอักๆอยู่ชั่วครู่
                          “ทำไงดีล่ะ” เค้าพูดทวนคำซ้ำๆซากๆ เหมือนคนปัญญาอ่อน...............มันต้องใช้ศักดิ์ศรีอะไรมากมายขนาดนั้นเลยหรือไง สมบัติกะอีแค่จะชวนไปกินข้าวเนี่ย...........
                         “งั้นเดี๋ยวพี่พาไปกินก็ได้..........รอที่หอนั่นแหล่ะ”...........ผมตัดบทในที่สุดเพราะทนรำคาญไม่ไหว...........

                           ผมมาถึงที่หอนัทในเวลาต่อมา.............เค้ายืนถือถุงกระดาษใบเล็กๆรออยู่ใต้ต้นหูกวางทำหน้าตาเจี๋ยมเจี๊ยม.........พอเห็นเค้าทำสีหน้าแบบนี้แล้ว พลันผมก็เกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ..........มันคงเหมือนความรู้สึกของพ่อแม่ที่ตีลูกไปเพราะบันดาลโทสะกระมัง..........พอหายโมโห เห็นลูกเจ็บและทำท่าสำนึกผิด น้ำตาคนเป็นพ่อแม่นั้นแทบจะร่วงเอาเสียให้ได้.............หรือว่า.......ผมรู้สึกเหมือนเค้าเป็นลูกนะ........หุหุ...........

                            “ถุงอะไร” ผมถามเมื่อเค้าขึ้นมานั่งบนรถแล้ว...............แต่ยังไม่วายตีสีหน้าให้ดูเคร่งขรึมเอาไว้ก่อน.........
                            “ของใช้” นัทพึมพำเบาๆ..........หึ........แปลว่าคืนนี้จะไปค้างที่ห้องงั้นสิ...........อันที่จริงผมก็ดีใจอยู่หรอกที่เค้าทำเพื่อเอาใจผมแบบนี้...........แต่ว่าหากเค้ายอมตามใจผมตั้งแต่แรก ความรู้สึกมันย่อมจะดีกว่านี้หลายเท่านัก..........ทำไมเค้าไม่รู้จักคิดนะ ว่าเรื่องบางอย่าง หากเกิดรอยร้าวแล้วยากนักที่จะประสานกลับคืนให้เหมือนเดิม.........สิ่งใดหากไม่เหลือบ่ากว่าแรง ก็สมควรที่จะเอออวยเสียแต่แรก..........เพราะโอกาสแก้ตัวไม่ได้มีครั้งที่สองเสมอไปหรอก.......
                           “จะกินอะไรล่ะ” ตอนนี้ผมค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย.........จึงมีแก่ใจถามไถ่เรื่องปากท้อง.......
                           “กินอะไรก็ได้” ...........ยังจะมาเล่นลิ้นอีก.........ผมแอบค้อนในใจ
                           “งั้นก็ไปกินที่เดิมแล้วกัน” นัทตัดบทก่อนที่ผมจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้............เพราะภาวะอารมณ์ในตอนนี้ผมไม่พร้อมที่จะอดทนกับเรื่องอะไรทั้งสิ้น..........

                            ที่เดิมของเค้าหมายถึงย่านที่ขายอาหารตามหลักทางศาสนา............แต่ไหนแต่ไรมาผมไม่เคยเรื่องมากเรื่องการอยู่การกิน...........เราจึงมักแวะเวียนไปตามแหล่งอาหารที่นัทโปรดปรานอยู่บ่อยๆ......อาหารที่ผมชอบของที่นั่นอย่างหนึ่งก็คือ มะตะบะโรตี............แต่ผมไม่กล้าไปซื้อเอง (ปกติผมจะขี้อายมาก) จึงต้องไหว้วานให้นัทเป็นคนคอยไปซื้อให้เสมอ..............แต่ตอนนี้ท้องผมยังอิ่มอยู่....จึงคิดเอาไว้ในใจว่าจะไปนั่งเป็นเพื่อนเฉยๆ................

                              นัทเดินไปสั่งอาหาร ผมแกล้งนั่งนิ่ง อยากจะดูว่าเค้าจะถามผมสักคำมั้ย.....เค้าเหลือบมามองผมก่อนจะร้องถาม   
                             “พี่กั้งจะเอาอะไร”...........ผมส่ายหน้า............นัทจึงเดินไปเอาน้ำดื่มมาให้.........เค้าทำท่ามองผมแปลกๆอยู่แวบหนึ่ง..........
                            “มีอะไร” ผมกระแทกเสียงใส่........แม้จะหายโกรธแล้วแต่ผมก็ยังปรับสีหน้าให้แช่มชื่นไม่ได้อย่างใจ...........ก็ผมไม่ใช่นักแสดงนี่...........จะได้เปลี่ยนสีหน้าได้ไวปานพลิกฝ่ามือ...........

                           “ไม่มีอะไรนี่” เค้าปฏิเสธ ผมจ้องตอบสักพักจึงหลบสายตาลงต่ำ.............ผมไม่ชอบการสบตา.........เพราะในดวงตาของผม มันมีความลับซ่อนอยู่ตั้งมากมาย.........แล้วมันเรื่องอะไรจะให้มาล้วงเอาไปง่ายๆกันเล่า........
                          “รออยู่นี่นะ เดี๋ยวมา” นัทหันมาสั่งก่อนจะเดินจากไป...........เขาจะไปไหนของเค้ากันนะ........ผมชะเง้อมองตาม.............เห็นเค้าเดินไปไกลพอสมควร สงสัยจะไปซื้อของ..........

                           ผมนั่งรอนัทอยู่นาน.......จนอาหารที่เค้าสั่งถูกนำมาเสิร์ฟ...........
                          “ไปไหนนะ,,,,,,,ป่านนี้ยังไม่มาอีก” ผมพึมพัมออกมาเบาๆ...........

                           อันที่จริงการรอคอย เป็นสิ่งที่ผมทำเสียจนชาชินตั้งแต่เริ่มมาคบกับนัท..........บางครั้งผมอยากจะอยู่เฉยๆ.........แล้วให้นัทเป็นฝ่ายทำนั่นทำนี่ให้บ้าง...........เค้าจะทำได้ดีแค่ไหนกันนะ.........ผมเคยคิดเล่นๆว่า ถ้าเค้าให้ความมั่นใจและดูแลผมได้บ้าง ก็คงดีไม่ใช่น้อย................บางทีผมอาจจะฝันไปไกลเกินไปก็ได้.........แค่เค้าไม่ก่อเรื่องให้ต้องปวดก็ดีจนเกินพอแล้ว.................

                             “อ่ะ.......ซื้อมาให้” นัทกลับมาถึงที่โต๊ะ พร้อมกับยื่นถุงบางอย่างมาให้............

                             ผมรับมาพิจารณาดู ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา..........มันคือมะตะบะโรตี..........นี่จะมาทำทีเป็นเอาใจเพื่อลบล้างความผิดละซิ.............มันอาจจะดูเหมือนการกระทำแบบเด็กๆ..............แต่ก็ทำให้รู้สึกดีเป็นบ้าเลย................

                               ผมส่งยิ้มให้นัทก่อนจะลงมือกินมะตะบะโรตีที่เค้าซื้อมาฝาก.............นัทเองก็หันไปจัดการกับอาหารในจานของเค้า..............เค้าหยุดลอบมองผมแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินต่อ.......นี่ถ้าเพียงแต่เค้าจะรู้จักทำตัวดีๆตั้งแต่แรก ก็คงไม่ต้องเสียเวลามานั่งง้อกันแบบนี้หรอก............แต่การโกรธและง้อกัน มันก็เป็นความรู้สึกที่ดีอีกแบบนะ.......... เพราะมันทำให้เราได้รู้ว่า........เค้าแคร์ความรู้สึกเรามากแค่ไหน.......

                                หลังทานอาหารเสร็จผมจึงหันไปถามนัทเมื่อเรากลับขึ้นมาบนรถแล้ว..................
                                “จะไปไหนต่อ”........ผมรู้อยู่แล้วว่าเค้าเตรียมของมาเพื่อมาค้างคืนแต่แกล้งถามดูเพราะอยากรู้ว่าเค้าจะพูดว่ายังไง
                               “ไปห้องพี่กั้งก็ได้” นัททำปากขมุบขมิบ............ผมแอบอมยิ้มในใจ..........หายพยศแล้วเหรอ............
                               “งั้นเราไปเช่าหนังกันก่อนดีมั้ย” ผมถามความคิดเห็น...........
                                “ดีเหมือนกัน เดี๋ยวซื้อของไปไว้กินด้วย”.............นัทพลอยผสมโรง..............เรายิ้มให้กัน........ก่อนที่ผมจะขับรถออกจากร้านอาหาร มุ่งหน้าไปยังร้านวิดีโอเจ้าประจำ...............ตอนนี้ผมหายโกรธเค้าแล้ว...............ใจง่ายพิลึกเลยเนาะ...........อิอิ..........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-07-2007 09:45:58 โดย moody »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด