คนละปลายทาง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คนละปลายทาง  (อ่าน 169273 ครั้ง)

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #240 เมื่อ02-07-2007 09:50:13 »

.........ยอดดวงใจของพี่........... :m1: :m1:

ชอบคำนี้จัง             :m3: :m3:



 :oak: :oak: :oak:



yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #241 เมื่อ02-07-2007 10:04:58 »

ชอบแล้วอ้วกเนี่ยนะ....อิอิ  :give2:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #242 เมื่อ02-07-2007 17:15:07 »

นัทยอมรับมากขึ้นนะนี่
มีเล่าความหลังให้ฟังด้วย แสดงว่าไว้ใจในระดับหนึ่งแล้ว
 :m11: :m11: :m11:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #243 เมื่อ02-07-2007 17:16:58 »

เหนื่อยใจแทน แต่ถ้าทำแล้วตัวเองมีความสุขก็ทำไปเถอะ  :m9:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #244 เมื่อ02-07-2007 18:29:27 »

ก็สุขมั่งทุกข์มั่งตามประสาล่ะครับ....... :m15:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #245 เมื่อ02-07-2007 18:47:11 »

ถึงจะสุขมั่งทุกข์มั่ง แต่ที่แน่ ๆ ก็ทำด้วยความรักใช่มั๊ยล่ะ  :m1:  :m1:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #246 เมื่อ02-07-2007 18:58:15 »

คนเราถ้าได้ทำเพื่อคนที่เรารัก  ยังไงก็ยอมอะเนอะ  :m1:

มีพัฒนาการความสัมพันธ์แบบนี้แหละ  ดึงดูดใจนักแล  :m2:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #247 เมื่อ02-07-2007 21:40:15 »

อยากเจอนัทจัง  อิอิ

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #248 เมื่อ03-07-2007 07:59:24 »

จะเจอทำไมกันจ้ะ............. :bye2:

ปล. เดี๋ยวบ่ายๆมาโพสน๊า..........วันนี้งานยุ่งอ่ะ........

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #249 เมื่อ03-07-2007 12:48:07 »

มีหวงด้วยเหรอ ตะเอง    :o9: :o9:

 :o10: :o10: :o10:



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #249 เมื่อ: 03-07-2007 12:48:07 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #250 เมื่อ03-07-2007 13:27:12 »


.............หวังว่าจะทนต่อไป.............. :undecided:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #251 เมื่อ03-07-2007 14:04:25 »

                         “ที่นี่เหรอ โรงพยาบาลที่นัทมาฝึกงานน่ะ” ผมอดตั้งคำถามไม่ได้..........เมื่อเราเดินทางมาถึงบริเวณหน้าโรงพยาบาล.................ผมเหลือบมองดูนาฬิกา..........เวลาตอนนี้ก็เกือบเที่ยงวันพอดี................หวังว่าคงยังไม่ถือว่ามาสายหรอกนะ..........

                          ผมทอดสายตามองไปยังโรงพยาบาลประจำอำเภอเล็กๆ ซึ่งตั้งโดดเด่นอยู่บนที่ราบเชิงเขาสะท้อนเปลวแดดระยิบ...............มันดูเล็กมากเมื่อเทียบกับโรงพยาบาลในเมืองเชียงใหม่ที่ผมคุ้นเคย เล็กพอๆกับสถานีอนามัยของตำบลใหญ่ๆบางตำบลเท่านั้น..................เพราะที่นี่กันดารแบบนี้นี่เอง นัทถึงได้กลับไปบ้านด้วยสภาพผอมโซและอิดโรยอย่างที่เห็น...........กลุ่มเด็กๆนักศึกษาแพทย์สามสี่คนกำลังนั่งชุมนุมกันบริเวณระเบียงทางเดินหน้าตึก................ทุกคนหันมามองที่รถของเราเป็นตาเดียว...........คงสงสัยว่าใครขับรถยนต์ดูไม่คุ้นตามาในที่แบบนี้..........ผมภาวนาขออย่าให้มีใครสามารถมองทะลุทะลวงเข้ามาในนี้ได้เลย............

                        “พี่กั้งเปิดท้ายรถหน่อยสิ นัทจะเอาของลง” เค้าดูมีท่าทีร้อนรนกึ่งๆละอายแก่ใจผสมกัน.....................ร้อนรนเพราะเค้าอยากให้ผมจากไปโดยเร็ว............ละอายเพราะรู้ว่าความคิดดังกล่าวไม่สมควรจะเกิดกับคนที่เค้ารักซึ่งอุตสาหะขับรถมาส่งเค้าตั้งห้าชั่วโมง...........ผมทำตามคำสั่งด้วยหัวใจเลื่อนลอย...........เค้าไม่ได้ชวนผมเข้าไปที่บ้านพักของเค้าเลย....................แต่ถึงชวนผมก็คงไม่เข้าไปอยู่ดี.............ผมไม่ชอบที่จะถูกใครมองด้วยสายตาสอดรู้....................

                       “พี่กั้ง พี่มอลลี่ นัทไปแล้วนะ ขับรถดีๆนะ” นัทเดินมาบอกลา ก่อนจะหิ้วของพะรุงพะรังจากไป..............นี่เป็นคำบอกลาหรือคำขับไล่ที่แฝงอยู่ในคำบอกลา...................ผมฝืนยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก.............ชีวิตผมมีสิทธิ์เท่านี้หรือ............เป็นเหมือนคนไม่มีตัวตนในชีวิตของเค้า..........อันที่จริงผมไม่ได้อยากจะไปเสวนา ทำความรู้จักมักจี่กับเพื่อนพ้องของเค้าแต่อย่างใด..............ผมแค่คิดว่า บางทีเค้าน่าจะนึกถึงหัวอกของผมบ้าง...............ไม่ใช่ว่ากลัวแต่ว่า คนอื่นจะรู้เรื่องของเราจนเกินไป.................พอมาถึงที่ แล้วก็รี่จากไปไม่เหลียวหลัง.....................หากจะมีน้ำใจตอบแทนความดีของผมสักเล็กน้อย............เค้าก็น่าจะพาผมไปหาที่นั่งพักให้สบายใจหายเหนื่อยเสียก่อน แล้วเราจึงค่อยแยกกันในภายหลังก็ยังได้..............แต่เค้ากลับเลือกที่จะทำแบบนี้...........แล้วผมจะไปเรียกร้องเอาอะไรได้เล่า...........เค้าให้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้นแหล่ะ..........

                         ผมเลี้ยวรถกลับออกมาอย่างรวดเร็ว..............การเดินทางที่แสนจะซาบซึ้งของเราจบลงอย่างง่ายๆ สั้นๆ ไม่มีพิธีรีตอง............แค่บอกลาแล้วก็เดินจากไป............ไม่มีคำเรียกร้องหรืออุทรณ์ใดๆหลุดออกมาจากปาก............มีแต่เพียงความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาของผมเองเท่านั้นที่ท่วมท้นอยู่ภายในตอนนี้............
                        “เค้ากลัวเพื่อนจะรู้มากขนาดนี้เลยเหรอ” มอลลี่ถามเป็นเชิงปลอบใจมากกว่าจะต้องการคำตอบ.............
                        “อืม..........แต่ก็ช่างเค้าเถอะ พี่เองก็ไม่ได้อยากจะไปเสนอหน้าให้ใครต่อใครเห็นนักหรอก” ผมหันไปยิ้ม พยายามแสร้งทำเสียงให้ดูสดใส............แม้ผมไม่ได้อยากจะไปให้เพื่อนๆเค้าเห็นจริงๆ ก็ตาม.................แต่ผมไม่ชอบความคิดที่ว่า เค้ากลัวเพื่อนเค้าจะเห็นผมมากกว่า..............
                        “เราก็ไปเก็บตัวอย่างกันสองคนต่อเนาะ สู้ๆ” ผมว่าพลางส่งยิ้มให้กำลังใจมอลลี่............เธอยิ้มตอบให้ผมอย่างเห็นใจ...........ก่อนจะเหม่อมองออกไปยังทุ่งหญ้าที่เวิ้งว้างนอกกระจก........ผมไม่ชอบรอยยิ้มแสดงความเห็นใจแบบนี้เลย..............

                        แม้รถจะพาเราสองคนขึ้นมาถึงยอดดอยภูคาแล้วก็ตาม...........แต่เราก็ต้องเดินขึ้นเขาไปโดยเท้าทั้งสองของเราเองอยู่ดี..........
                        “พี่กั้งพักก่อน น้องเหนื่อย” มอลลี่เดินเสเข้าไปนั่งพักใต้ต้นไม้ริมทาง...........เธอมีอาการเหนื่อยหอบอย่างเห็นได้ชัด..................
                       “เอาน้ำมั้ย” ผมยื่นน้ำให้น้องแทนคำขอโทษ...............นี่ถ้าผมพาเธอมาเก็บตัวอย่างโดยตรงเพียงอย่างเดียว..........ผมคงจะไม่โมโหให้ตัวเองมากเท่านี้..............แต่นี่ผมพาเธอมาเพราะมีเหตุผลอื่นแอบแฝง............ซึ่งจากสภาพที่เธอกำลังลำบากอยู่ ณ ตอนนี้ ผมจึงรู้สึกว่าตัวเองเห็นแก่ตัวอย่างไม่น่าให้อภัย...........
                       “ไม่เป็นไร น้องมี” เธอล้วงขวดน้ำออกจากกระเป๋ามาดื่ม.............ผมจึงได้แต่นั่งมองเงียบๆ


                        ในที่สุดเราก็มาถึงต้นไม้เจ้ากรรมที่ว่า............และก็เป็นไปอย่างที่คาด..............ไม่มีดอกสักดอกให้พอได้ชื่นใจเลย...............เป็นอันว่ามาครั้งนี้ก็เสียเที่ยวเปล่า...........
                       “พี่กะเวลาออกดอกผิดอ่ะ” ผมแก้ตัวกับมอลลี่ตามที่วางแผนเอาไว้ในใจแต่แรกแล้ว..........โกหกซ้ำซาก..........กับเรื่องเดิมๆ.........เพราะผู้ชายคนเดิม............และผมก็เป็นคนเดิมที่ชอบโยนความผิดให้คนอื่นเพื่อจะได้โกหก.........อิอิ........

                      เราเดินหน้าเหี่ยวกลับมาที่ทำการอุทยาน............ตั้งแต่ข้าวเช้ามื้อนั้นแล้วยังไม่ทันได้กินข้าวกันอีกเลย.............มอลลี่รับหน้าที่สั่งอาหาร...........
                      “พี่กั้งมีผัดผักกูดด้วย ลองกินกันมั้ย” มอลลี่เสนอด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น.................
                      “ดีๆ พี่ยังไม่เคยกินเลย” .............น่าแปลกที่ผมเคยทำวิจัยเรื่องเฟินและรู้ว่าเฟินผักกูดตัวนี้ (Diplazium esculentum) ใช้กินได้.........แต่ยังไม่เคยลองสักคน............คราวนี้มีโอกาสได้ลิ้มลอง ก็ถือเป็นกำไรชีวิต...........คิดได้แบบนี้ค่อยสดชื่นขึ้นมาหน่อย............จริงๆแล้วความสุขหรือทุกข์ของคนเราอาจจะขึ้นอยู่กับมุมมองก็ได้............ถ้าหัดที่จะมองหาความสุขจากเรื่องเล็กๆน้อยๆรอบตัว........ชีวิตเราก็คงจะไม่เศร้าจนเกินไปนัก...........จริงมั้ย..........


                        อาหารมื้อนี้อร่อยทุกอย่างจริงๆ............อาจจะอร่อยด้วยบรรยากาศท่ามกลางป่าเขาที่แสนเย็นสบาย..........อร่อยเพราะความเหนื่อยและหิว............หรืออร่อยเพราะฝีมือแม่ครัว ก็สุดจะแยกแยะแจกแจงความดีความชอบ..............มอลลี่ดูมีท่าทางจะดื่มด่ำกับรสชาติของอาหารมากกว่าปกติ...................เธอเพลิดเพลินกับอาหารจนลืมระมัดระวังมารยาทไปบ้างเล็กน้อย...................ผมมองดูน้องแล้วอดสะท้อนสะท้านในใจไม่ได้...................เธอคงเหนื่อยและก็หิวมาก...........ผมพาเธอมาลำบากโดยแท้.....................

                        หลังจากจัดการกับอาหารมื้อบ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว..............เราสองคนพี่น้องจึงขับรถมุ่งหน้ากลับเมืองเชียงใหม่.................ตะวันลอยทำมุมเฉียงคล้อยบ่ายแสบตานัก..................หลังมื้ออาหารที่เต็มอิ่ม ผสมกับความเหนื่อยล้าจากการอดนอนและการเดินทางไกล.............ผมจึงแทบจะขืนเบิกตาขับรถต่อไปไหว...............หากยังดื้อดึงขับต่อ..............คงไม่พ้นต้องหลุดโค้งลงไปนอนที่ก้นเหวเป็นแน่แท้.............ทีนี้เค้าจะได้ร่ำลือกันล่ะว่า นักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในทางภาคเหนือสู้อุตสาห์ขับรถมาส่งแฟนที่จังหวัดน่านแล้วดันมาตายเสียกลางทาง........ในใจก็นึกเป็นห่วงแต่มอลลี่นั่นแล้ว...........ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วย ต้องพลอยมารับเคราะห์กรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ............
                       “พี่ว่าเราแวะนอนที่ปั๊มกันก่อนดีมั้ย” ผมหันไปปรึกษามอลลี่ เพราะรู้ตัวเองดีว่า ถ้าขืนไปต่อคงเป็นผลเสียมากกว่าผลดีแน่ๆ............ทั้งๆที่ในใจนั้นอยากจะฝืน เพราะไม่อยากถึงเชียงใหม่ดึกดื่นมืดค่ำ.......แต่ก็จนใจด้วยร่างกายไม่เอื้ออำนวย.............
                       “เอาสิ พี่กั้งไม่ต้องรีบหรอก ถึงเมื่อไหร่ก็ได้” มอลลี่คล้อยตาม...........เธอคงเห็นว่าผมดูอิดโรยมากแล้ว....................เราจึงแวะเข้าที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง.................มอลลี่ขอตัวออกไปเข้าห้องนน้ำ...........ในขณะที่ผมเอนเบาะลงนอน.......ก่อนที่จะม่อยหลับไป


                        ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกที มองไปโดยรอบก็เป็นเวลามืดค่ำเสียแล้ว...........เหลือบไปมองด้านข้างเห็นมอลลี่กำลังนอนหลับอยู่ด้วยท่าทางอิดโรย..........เธอคงไม่อยากปลุกจึงปล่อยให้ผมนอนไปตามสบาย...............คิดแล้วให้น่าเวทนานัก..........น้องไม่เคยมีแม้ท่าทีที่จะแสดงความอึดอัดรำคาญให้ได้ระคายใจ..............ผมซะอีกที่มัวแต่ห่วงเรื่องของตัวเอง.........และเรื่องของคนเฮงซวยคนนั้น..........คิดแล้วน้ำตาก็พาลจะไหล.......................ลำพังตัวเองมาลำบากนั้นยังไม่พอ.............นี่ยังลากให้ใครต่อใครเค้ามาลำบากด้วย.................คนคนนั้นก็ยังไม่โทรมาเลยตั้งแต่เราแยกกัน...........นี่ก็มืดค่ำแล้ว............อย่างน้อยๆ เค้าน่าจะมีแก่ใจโทรมาถามไถ่ แสดงความห่วงใยบ้าง..............พอส่งถึงฝั่งก็เงียบหายเหมือนปล่อยปลาลงน้ำ...........คนอื่นจะเป็นจะตายยังไงไม่อนาทรร้อนใจ............นี่ผมรักอยู่กับซาตานรึไงกัน..................

                           ผมแข็งใจทำหน้าเฉยไม่ทุกข์ร้อน..............ยังไงก็ต้องซ่อนความเสียใจเอาไว้ให้มิดชิด.........แค่น้องเหนื่อยแค่นี้ก็หนักหนาแล้ว...............อย่าเอาทุกข์มาซ้ำเติมเธอด้วยการเอาเรื่องร้อนมาใส่หูเพิ่มอีกเลย..................

                          “นัทยังไม่โทรมาเลยเหรอพี่กั้ง” มอลลี่ถามขึ้นมาลอยๆ............แต่ผมรู้ว่าเป็นคำถามเชิงตำหนิ................ผมไม่อยากให้ใครมาตำหนิแฟนของผม................แต่ก็ไม่มีอะไรให้โต้แย้ง........เพราะมันคือความจริง...........นอกจากก้มหน้ากลืนน้ำตาลงไปข้างใน
                         “ใจร้ายชะมัด” มอลลี่บ่นพึมพำ...............ผมไม่ตอบเพราะไม่อยากต่อความยาวจึงนิ่งเงียบเสีย.........
                         “ฝนจะตกหรือเปล่านะ” มอลลี่เปลี่ยนเรื่องสนทนาเมื่อเห็นว่าพูดเรื่องเดิมไปก็รังแต่จะทำให้เสียบรรยากาศเปล่าๆ................ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง..........ท้องฟ้ากำลังมืดครึ้มมากขึ้นเรื่อยๆ...........ลมหมุนหอบเอาใบไม้ล่องลอยกระจัดกระจาย..............หัวใจของผมตอนนี้ก็ไม่ต่างกับใบไม้.............ที่โดนตีให้แตกกระจายด้วยแรงลม.............วันนี้ถ้าเค้าไม่โทรมา........ผมจะไม่ให้อภัยเค้าเลย..................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2007 14:20:38 โดย moody »

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #252 เมื่อ03-07-2007 14:18:22 »

สงสารคุณมอลลี่ จัง

แต่คุณกั๊งก้โชคดีที่มีเพื่อนดีนะ  :m3:


yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #253 เมื่อ03-07-2007 14:21:40 »

คุณ Poes นี่ตอบมาทั้งๆที่ผมกำลังตรวจแก้คำผิดอยู่เลย ไม่รู้ว่าอ่านรู้เรื่องหรือเปล่า คิคิ

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #254 เมื่อ03-07-2007 14:24:30 »


.............แน่ใหรอว่าจะไม่หั้นอภัย..........

.............ในเมื่อที่ผ่านมาก็หั้ยอภัยเขามาตลอด........ o7

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #255 เมื่อ03-07-2007 16:56:09 »

เศร้าจริงๆ ยิ่งคิดยิ่งเศร้าไปอีก
 :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #256 เมื่อ03-07-2007 18:52:30 »

ท่าทางจะมีเรื่องต้องทนอีกเยอะ  เอ้าสู้ ๆ  :m5:  :m5:

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #257 เมื่อ03-07-2007 19:43:15 »

เอ ผมว่าคุณกั้งก้อมีความเข้าอก เข้าใจในตัวนัทนี่นา  แต่ถ้ารู้สึกว่ามันเกินไปก้อน่าจะถอยนะ

เพราะว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรก และครั้งสุดท้ายแน่นอนอ่ะ      :sad4: :sad4:

อีกอย่าง  อีกไม่นาน ก้อต้องต่างคนต่างไปอยู่แล้วนิ  แล้วนัทก้อเคยบอกแล้วหนิว่าเค้าเป็นอย่างที่คุณกั้งหวังไม่ได้อ่ะ

ดังนั้นถ้าจะเลิกกันตอนนี้มันก้อไม่แปลก     


แต่ว่าก้อรู้ทั้งรู้ว่าเค้าเป็นคนแบบนั้น ก้อยังตัดสินใจเดินหน้าตั้งแต่แรกแล้วนี่นา  แล้วจะถอยกันง่ายๆยังงี้อ่ะเหรอ   

ไม่อาวน่า   :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #258 เมื่อ03-07-2007 21:29:55 »

เข้ามานอนยันว่า ดอยภูคาสวยจริงๆ

ปล. แอบเคืองมากมายเมื่อรู้ถึงสาเหตุที่ลากมอลลี่เข้ามาเกี่ยวข้อง

ช่างเถอะ  ไม่พูดดีกว่า อิอิ  :m14:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #259 เมื่อ04-07-2007 09:11:11 »

อะไร.........บอกมาจิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #259 เมื่อ: 04-07-2007 09:11:11 »





yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #260 เมื่อ04-07-2007 09:58:36 »

                         ฝนเทลงมาอย่างหนักภายหลังจากที่ตั้งเค้ามาได้พักใหญ่.........ผมชะลอความเร็วของรถลงเพื่อความปลอดภัย.............การขับรถบนเขาในสภาวะที่ทัศนะวิสัยไม่ดีแบบนี้ อาจเกิดอันตรายขึ้นได้ง่ายๆ.............ปกติผมจะชื่นชอบการขับรถเวลาฝนตก................มันทำให้รู้สึกโรแมนติกปนเศร้าอย่างบอกไม่ถูก.............แต่พอถึงบทที่เรามีความเศร้าจริงๆ ผมกลับไม่ยักกะรู้สึกโรแมนติกสักนิดเดียว..........ตรงกันข้าม................ในใจผมมีแต่คำถามและความรู้สึกร้อยแปด................ซึ่งล้วนแต่ทำให้สภาพจิตใจของผมแย่ลงไปตามลำดับ................

                       ท้องฟ้าย่างเข้าสู่ความมืดมิดแล้ว..............ใจของผมถูกปล่อยให้ล่องลอยไปตามแต่มันจะโบยบิน.............พลันเสียงโทรศัพท์ก็ปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์...........ผมบรรจงหยิบขึ้นมาอย่างช้าๆ........ในใจภาวนาขอให้เป็นนัท.............ผมอยากให้เค้าโทรมา............เพราะผมไม่อยากจะสรุปว่าเค้าเป็นคนใจดำ........แค่โทรมาแป๊บเดียวก็ยังดี...........โปรดอย่าปล่อยให้ผมต้องตัดสินเค้าไปทั้งแบบนี้เลย...........

                         “ฮัลโหล เป็นไงมั่ง หายเงียบเลยนะ” ...........เอ๊ะใคร...........ผมไม่รู้สึกคุ้นเลย
                         “ใครครับ” ผมถามกลับ............คราวนี้จะมีใครโทรมาอำกันอีกล่ะ
                         “เปี๊ยกไง จำไม่ได้เหรอ”.........เสียงปลายสายบ่นแสดงความน้อยใจ................อ๋อใช่.........ผมจำเค้าได้แล้ว...............จะว่าแฟนก็ไม่เชิง................แต่ผมเคยคบกับเขาได้พักเดียวเมื่อนานมาแล้ว..........บทผมจะประทับใจใครก็ประทับใจเอาได้ง่ายๆ แต่บทจะละทิ้งก็ยิ่งทำได้ง่ายกว่า............

                        เราเจอกันเพราะการแนะนำของเดียวเพื่อนรักของผม ในระหว่างที่ผมไปทำแลประยะสั้นๆที่กรุงเทพ..........อันที่จริงเค้าเคยจีบเดียวมาก่อนได้พักหนึ่ง...........แต่เดียวไม่สนใจจึงเลิกรากันไป................พอมาเจอผมเค้าก็เปลี่ยนมาจีบผมแทน...........ในตอนนั้นผมกำลังอกหักจากเก้งมาหมาดๆ จึงไม่ลังเลที่จะเปิดรับเค้าเข้ามา............ผมมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า การเปิดรับคนใหม่เข้ามาจะช่วยให้เราลืมคนเก่าได้เร็วยิ่งขึ้น............อย่างน้อยๆถ้าเค้าไม่ดีพอเราค่อยชิ่งในภายหลังก็ไม่เป็นไร..........แต่ระหว่างนั้นเค้าจะช่วยเยียวยาเราได้ในระดับหนึ่ง...........ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เวลาเป็นตัวรักษาอย่างช้าๆตามครรลอง.............
                       “แกจะชอบมันอยู่เหรอ ไม่เห็นจะเหมาะสมเลยสักนิด” เดียวทำปากเบะ.........ถ้าจะเทียบแล้ว เค้าถือว่าแตกต่างจากผมมาก โดยเฉพาะสถานะทางการศึกษา.........แต่ผมไม่สนเพราะถ้าผมจะชอบ ผมก็พร้อมที่จะมองข้ามในทุกๆเรื่อง.........ประเภทที่ว่าให้คะแนนจากร้อยแล้วค่อยหักออกทีละน้อยในภายหลัง...............

                        เรานัดกันออกเดทในเวลาต่อมาที่ย่านท่องเที่ยวของชาวเกย์แถว อตก. ............ซึ่งก็แน่นอนว่าเดียวก็ต้องไปด้วย...........แค่เพียงการออกเดทหนที่สองเค้าก็แอบไปยืนจับมือกับคนอื่นที่โต๊ะข้างๆให้ได้เห็นต่อหน้าต่อตา............และก็ล่องหนหายไปกับคนนั้นตอนผับเลิก ปล่อยให้ผมกับเดียวกลับห้องกันสองคน..........ผมจึงตัดสินใจจะเลิกสนใจเค้าในทันที...........

                        แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนใจอ่อนหรือจะเรียกว่าอะไรก็ไม่อาจทราบได้..............สุดท้ายเค้าก็กลับมาตอแยกับผมใหม่.........ผมจึงคิดจะให้โอกาสเค้าอีกครั้ง โดยการยอมให้เค้าขึ้นมาหาที่เชียงใหม่.........เราอยู่ด้วยกันสี่วันเต็ม..............แต่เราไม่ได้มีอะไรกัน..........

                       “ต่อให้แกสาบานชั้นก็ไม่เชื่อว่าแกไม่ได้มีอะไรกับเค้า อยู่ด้วยกันตั้งสี่วัน” เดียวยืนกระต่ายขาเดียวไม่ยอมรับว่าผมไม่ได้เสร็จเค้าไปแล้ว……….
                        “จะให้ลุยไฟพิสูจน์ไหมล่ะ” ผมแกล้งแหย่เล่นไปตามประสา
                        “ลุยไปก็ตายเปล่า” หล่อนบอกอย่างมั่นอกมั่นใจ............แต่ผมไม่สนหรอก............เราเท่านั้นที่รู้ความจริง........จะสนไปทำไม...........ผมไม่ได้เป็นคนมักง่ายอย่างนั้นซะหน่อย.........

                         แค่ไปถึงวันแรกเค้าก็แอบออกไปโทรศัพท์นอกห้องตอนตีสามร่วมชั่วโมง.............วันต่อๆมาเค้าก็แสดงท่าหว่านเสน่ห์กับใครที่พบเจอไปทั่ว..............ผมจึงตัดสินใจได้ไม่ยากเลยว่าควรจะคบเค้าต่อไปหรือควรจะเลิกดี...............พอเค้ากลับไปกรุงเทพผมจึงเลิกติดต่อและลบเบอร์ทิ้งไปแล้ว............ไม่คิดเลยว่าเค้าจะยังระลึกถึงผมอยู่..............แต่ก็ไม่แปลกนัก เพราะผู้ชายส่วนใหญ่ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผม มักจะชอบมาทำท่าว่าเสียดายในภายหลังเสมอ...........ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม.......

                        เปี๊ยกยังคงตัดพ้อที่ผมไม่ได้ติดต่อเค้าไปเสียนาน...........แต่ผมไม่สนใจ จึงนิ่งฟังและทำเสียงอือๆออๆไม่ให้น่าเกลียด...........
                       “อยากไปเที่ยวเชียงใหม่จัง คิดถึงเชียงใหม่” ..........มามุขนี้อีกแล้ว.............ผมเบะปากด้วยความระอา
                       “ก็เหมือนๆเดิม ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง” ............เรื่องอะไรจะชวนมาให้โง่........แฟนเราก็มีอยู่แล้วทั้งคน...........ถึงเค้าจะไค่อยดีเท่าไหร่..........แต่อย่างน้อยๆเค้าก็ไม่ได้เจ้าชู้เหมือนนายก็แล้วกัน............ผมแอบด่าเค้าในใจ................เค้าคุยต่อกับผมอีกสักพักจึงวางสาย........เมื่อเห็นท่าทีว่ารดน้ำไป ตอของต้นรักที่ตายไปแล้วก็ไม่มีวันหวนฟื้นคืนมาได้ จึงสมควรจะจรลีไปรดน้ำกออื่นจะเกิดประโยชน์มากกว่า...........

                       “แฟนเก่าโทรมาน่ะ” ผมหันมายิ้มให้มอลลี่...........แต่ก็ไม่ได้ช่วยเรียกคุณค่าและศักดิ์ศรีที่สูญเสียไปของผมให้ดูดีขึ้นมาได้เลย....................เพราะนัทยังไม่โทรมา.........ผมยังเฝ้ารอเค้าทุกขณะจิต........ได้โปรดเถอะนัท อย่าทำให้พี่ต้องเข้าใจเธอผิดเลย.............อย่าให้พี่ต้องคิดว่าเธอใจดำ........ผมได้แต่วิงวอนอยู่ในใจ..............

                       สายฝนซาเม็ดลงไปบ้างแล้ว.............ถนนลดความลื่นลงแต่ยังคงอันตราย.............ยามนี้ช่างเงียบเหงาร้างรถยนต์สัญจร นานๆจึงจะผ่านมาสักคัน..............ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู.......จะห้าทุ่มอยู่แล้ว.............นัทยังไม่โทรมาเลย

                      “รอโทรศัพท์นัทอยู่เหรอ” ผมหันไปทางต้นเสียง............มอลลี่ไม่ได้หลับ เธอคงเห็นผมหยิบโทรศัพท์มาดูหลายครั้ง จนทนรำคาญไม่ไหว..........
                     “อืม.......อันที่จริงเค้าน่าจะโทรมาบ้าง” ผมอดไม่ได้ที่จะตัดพ้อ........ได้พูดถึงบ่นถึงบ้างก็ยังดี.........ดีกว่าปล่อยให้มันแน่นจุกอกอยู่ข้างใน...............
                     “เค้าคงกำลังยุ่งอยู่มั้ง ถ้าว่างแล้วคงจะโทรมาเอง” ผมรู้ว่าเธออยากจะพูดปลอบใจ.........แต่มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกโกรธนัทมากขึ้นเป็นทวี.............เค้าทำให้ผมต้องอยู่ในสภาพน่าอับอายและอดสูใจต่อหน้าน้อง.......มีแฟนแทนที่จะได้เอาไว้คุยอวด...........แต่นี่อะไรกัน..........ต้องมานั่งคอยแก้ต่างให้สารพัด........
                     “นั่นไงโทรมาแล้ว” มอลลี่ตั้งข้อสันนิษฐานเมื่อเสียงโทรศัพท์ยามวิกาลของผมดังขึ้น..........ปกติไม่มีใครโทรมาหาผมเวลานี้อยู่แล้ว..........เพราะมันเป็นเวลาของคนพิเศษ.........เดาเอาว่าคงเป็นนัท.......ผมค่อยใจชื้นขึ้นมาบ้างเล็กน้อย..........ถ้าเป็นเค้าจริงก็คงจะพอกู้หน้าให้ผมได้บ้าง..........ถึงจะโทรมาช้าก็ดีกว่าไม่โทรมาเลย.......ไม่ได้จะสื่อว่าผมเป็นพวกสร้างภาพจี๋จ๋าอะไรหรอก...........แต่ว่าผมห่วงแต่ตัวนัทเองนั่นแหล่ะ..........ไม่อยากให้ใครมองว่าผมเป็นแฟนกับคนไม่ได้เรื่อง..........

                    “ถึงไหนแล้ว” ...........นัทจริงๆน่ะแหล่ะ...........โทรมาซะดึกเกือบห้าทุ่มแน่ะ
                   “กำลังจะเข้าลำปาง พี่กำลังพูดอยู่เลยว่าพอลงรถแล้วไม่มีน้ำใจจะโทรมาถามไถ่เลยนะ” ผมใส่เป็นชุด..............ปกติผมไม่ใช่คนประเภทชอบบ่นว่าให้ใครง่ายๆ...........แต่คราวนี้เค้ามาในจังหวะที่ผมอยากจะต่อว่าพอดี.........จึงไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้
                       “พอลงจากรถก็รีบไปเตรียมตัวต้อนรับอาจารย์เลย.........เค้าเพิ่งกลับไปเมื่อค่ำๆนี้เอง  นัทก็มัวแต่วุ่นๆ นี่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ”
                      “อืม แล้วเป็นไงบ้างล่ะ อาจารย์ว่าไรบ้าง” ........ผมมักอยากรู้เรื่องของเค้าไปเสียทุกเรื่อง.......ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนิสัยสอดรู้ หรือว่าห่วงใย........แต่ก็รวมเอาว่าเป็นห่วงใยน่าจะดูดีกว่า........
                      “ก็ไม่มีอะไร แล้วนี่ทางโน้นฝนตกหรือเปล่า ที่นี่ตกแรงมาก” น้ำเสียงของเค้าแสดงออกถึงความห่วงใย........คงเพราะเกรงจะเกิดอันตรายเนื่องจากผมกำลังอยู่ในระหว่างเดินทาง..........
                      “ตกแต่หยุดไปแล้ว” ผมบอกไปตามจริง..........พลางนึกเสียดายว่าน่าจะสร้างเรื่องให้เค้าวิตกสักหน่อยก็ดี..............เสียดายปากไวไปหน่อย........

                     เราคุยกันต่ออีกสองสามคำ.........นัทจึงวางสายไป.............ผมหันมายิ้มให้มอลลี่อย่างผู้มีชัย..........พลางนึกในใจว่าเห็นมั้ย เค้าก็ไม่ได้เลวร้ายซะทีเดียวหรอกน่า..........อย่างน้อยๆเค้าก็ไม่ได้ทำให้ผมผิดหวัง...........สามัญสำนึกขั้นพื้นฐานของเค้าก็ยังพอมีอยู่............เพราะฉะนั้นจึงไม่ถือว่าอยู่ในประเภทโปรดไม่ขึ้น..................จริงมะ.....

                     เรากลับมาถึงเชียงใหม่เกือบตีหนึ่งในสภาพสบักสะบอม...........ผมส่งมอลลี่ที่บ้านแล้วรีบบึ่งกลับมาที่ห้องเพื่อพักผ่อน........อาบน้ำเสร็จก็รีบเข้านอน.........เมื่อหัวถึงหมอนจึงหลับเป็นตาย.......ตอนนี้ในใจผมกำลังเริ่มต้นนับวันรอ.........รอวันที่เค้าจะกลับมา...........อีกสองอาทิตย์เอง.......ไม่นานหรอก

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #261 เมื่อ04-07-2007 10:58:50 »

ขยันจริงๆ กับเรื่องรอเนี้ย  :m12:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #262 เมื่อ04-07-2007 11:21:42 »


..........รอต่อไป........... :undecided: :undecided:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #263 เมื่อ04-07-2007 18:45:36 »

นัทก็ยังดีนะ โทรมา อย่างน้อยก็รู้ว่าห่วงหล่ะ
 :m3:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #264 เมื่อ04-07-2007 18:54:02 »

รอ ร้อ รอ  :m4:  :m4:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #265 เมื่อ04-07-2007 19:36:25 »

นัทก็ยังน่ารักอยู่เนอะ  เฮ้อ นึกว่าจะกลัวซะจนหัวหดไปหมดแระ
ว่าแต่พี่กั้งจะทนสภาพรักเค้า แต่แสดงออกไม่ได้ขนาดนี้ไปอีกนานมะ  สู้สู้น้า   :m7:  :m7:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #266 เมื่อ04-07-2007 20:55:41 »

ไหนๆก็รักเค้าแล้ว ก็รอสักหน่อยเป็นไรไป  :m1:

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #267 เมื่อ05-07-2007 10:11:18 »


รอ.......... o19 o19

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #268 เมื่อ05-07-2007 11:36:31 »

                         ชีวิตของผมกลับเข้าสู่สภาพเดิมๆอีกแล้ว.............คือไม่มีใครและก็เหงา..............ส่วนมากในช่วงกลางวันผมมักจะเกาะติดกับมอลลี่ออกไปไหนต่อไหนอยู่เนืองๆ.............ไม่ว่าจะเป็น ไปกินข้าวเที่ยง หรือไปดื่มกาแฟร้านหรูย่านนิมมานเหมินทร์............จิบกาแฟไปคุยกันไป นั่งเหล่หนุ่มๆแก้เซ็งไป ตามเรื่องตามราว...........ส่วนตอนเย็นผมก็จะว่างไม่มีกิจกรรมที่น่าสนใจให้ทำ...........และผมก็ควรปล่อยมอลลี่ให้ไปใช้ชีวิตกับเพื่อนๆของเธอบ้าง..............ปกติช่วงเวลานี้ในอดีต ผมได้เทให้นัทไปจนหมด............และก็ตัดทุกๆกิจกรรมออกไปเสียสิ้น...........ดังนั้นเพื่อนและน้องๆคนอื่นๆจึงหายหน้าเข้ากลีบเมฆไปตามๆกัน...........

                       น้องพรก็หายเงียบไปเลย..........แว่วๆว่า ความรักของหล่อนกำลังสุกงอม.............ได้ยินมาแต่ข่าว แต่ยังไม่ได้เจอหน้าค่าตากันสักหน...............ได้ยินว่าหล่อนไปตีเทนนิสกับเขาทุกวัน............
                      “พี่กั้ง น้องมีไรกับเค้าแล้ว” หล่อนโทรมาปรึกษากึ่งๆอวดอยู่ในที
                      “หา........เมื่อไหร่ ที่ไหน ยังไง” ผมซักอย่างประหลาดใจ...............อะไรมันจะรวดเร็วปานนั้นวะ..............
                      “ก็ไม่มีไรมาก แค่ผิวเผินยังไม่เต็มรูปแบบ”.......ดูหล่อนจะภูมิอกภูมิใจไม่น้อย ทำยังกะเพิ่งเคยเป็นครังแรกงั้นแหล่ะ...............ไม่น่าเชื่อว่าช่วงที่ผมมัวแต่วุ่นๆเรื่องตัวเอง.............หล่อนจะก้าวหน้าไปได้ไวขนาดนี้..............
                      “แต่มันมีไรแปลกๆอยู่อย่างหนึ่งนะพี่กั้ง” น้องพรอ้อมแอมก่อนจะหรี่เสียงลงต่ำ............ผมพยายามเงี่ยหูฟังว่าอะไรแปลกๆที่ว่านั้น.......มันคืออะไร.............

                      “ก็พอหลังจากเรามีไรกันแล้ว มันก็เอาแต่พูดว่า มันไม่ใช่แบบนี้พี่ๆ อยู่นั่นแหล่ะ” ..........อืม...........น่าสนใจ...........หรือว่าไอ้อาร์มันจะเป็นสาวแอ๊บแมน.............ผมพยายามนึกตรึกตรอง............ก็อาจเป็นไปได้นะ.............แม้น้องพรจะสาวแตกเมื่ออยู่ต่อหน้าผม.............แต่สำหรับคนภายนอกนั้นแทบจะดูไม่ออกเลยว่าหล่อนเป็น.........เนื่องจากใบหน้า ท่าทางและคำพูดของหล่อน ไม่เอื้อต่อการให้คิดว่าเป็นสาวแม้สักนิด............หากไอ้อาร์มันเป็นประเภทเดียวกัน คือสาวแอ๊บแมน..............ก็แสดงว่าเกิดการสื่อสารกันผิด..........แต่ผมจะยังไม่ด่วนสรุปหรอก............ยังไงก็ต้องหาข้อมูลมายืนยันสมมุติฐานเสียก่อน...........ไม่งั้นก็ไม่ถือเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ดีน่ะสิ..............

                       “ไม่มีไรมั้ง เค้าอาจจะกำลังสับสนอยู่” ผมพยายามปลอบใจ.............แต่ว่าผมค่อนข้างมั่นใจว่าไม่น่าจะผิดไปจากที่ผมคิดเอาไว้...........ก็คิดดูสิน้องอาร์เค้าเป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอลของมหาวิทยาลัย.............ซึ่งน้อยนักที่ผู้ชายจะเล่นกัน.............นอกจากพวกสาวๆ...............
                      “อืม อาจจะไม่มีอะไรจริงๆก็ได้ ยังไงก็ดูๆไปก่อน” น้องพรคล้อยตามแต่น้ำเสียงดูเหมือนพูดปลอบใจตัวเองเสียมากกว่า............
                     “เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะไปตีเทนนิสด้วยนะ” ผมสำทับในตอนท้าย.............เรื่องของชาวบ้านเค้าอ่ะ........เราชอบบบบบบบบบ............อิอิ

                       ผมโทรชวนให้เจไปเป็นเพื่อนเดินซื้อชุดกีฬา สำหรับการไปตีเทนนิสวันพรุ่งนี้........พักหลังนี้เจจะไม่ค่อยลีลาท่ามากเหมือนในอดีต...........เนื่องจากเค้ารู้ว่าผมมีแฟนแล้ว.........เพราะฉะนั้นเค้าจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะทำมาเป็นเล่นตัวได้อีกต่อไป..............ถึงผมจะไม่ได้ชอบเค้าแล้ว.............แต่เค้าก็เป็นเพื่อนแก้เหงาได้ดี.............ผมจึงไม่อยากจะตัดเค้าทิ้งไป...........อย่างน้อยๆเค้าก็สามารถชดเชยในสิ่งที่นัทให้ผมไม่ได้........... นั่นก็คือการรับฟัง และพยายามเข้าอกเข้าใจ.........แม้จะรู้ว่าไม่ควรเสี่ยงกับเรื่องแบบนี้ เพราะผมรู้ว่าเจไม่ได้มีเจตนาดีต่อความสัมพันธ์ของผมกับนัทแน่ๆ.........แต่ผมคิดว่าผมเอาอยู่............มั่นซะอย่าง......อิอิ.....

                      “ลงทุนซื้อชุดใหม่เลยเหรอ คงกะไปแย่งของเค้าล่ะสิ” เจพูดดักทอเหมือนคนรู้ทัน...........ผมสะดุ้งเฮือก............ไม่คิดว่าจะโดนแซวแรงขนาดนี้.............
                     “พี่ก็แค่อยากซื้อ ไม่ได้เกี่ยวกับว่าอยากจะใส่ไปอ่อยใคร”............ผมหันมาย้อนอย่างไม่สะทกสะท้าน............แต่ถ้าจะให้ยอมรับกันตรงๆ...........ผมก็แค่อยากทดสอบเล่นๆเฉยๆ..........จริงๆนะ.........ไม่ได้คิดจะไปแย่งมาจริงๆหรอก.............ถ้าเค้ารักกันดี มันก็ดีกับเค้าทั้งสองคนไม่ใช่หรือ...........แต่ถ้าอาร์ไม่ใช่คนหนักแน่น............ผมก็ช่วยไม่ได้................คำพูดของเจทำให้ผมนึกย้อนไปถึงใครคนหนึ่งในอีต

                     “ไปอยู่เชียงใหม่ระวังจะโดนข่มขืนนะ” นี่เป็นคำพูดของเพื่อนข้างห้องในอดีตที่พูดกึ่งแซวกึ่งประชดกับผม หลังจากที่ผมไปบอกว่าจะรับทุนไปเรียนต่อที่เชียงใหม่...........
                    “ทำไมล่ะ” ผมยิ้ม พลางยักคิ้วท้าทาย...........เค้าไม่ตอบนอกจากยิ้มเย็นๆ..............ทำไมน่ะเหรอ.......ผมรู้คำตอบอยู่แล้ว...............ว่า เค้านั่นแหล่ะที่อยากจะเป็นคนข่มขืนผมซะเอง...............
เรารู้จักกัน ตอนที่เค้าเข้ามาเป็นอาจารย์ใหม่ที่มหาวิทยาลัยอและก็ได้มาพักที่ห้องข้างๆผม........ผมชอบเค้าในทันทีที่เจอ..........หล่อ.........สูง......ขาว........อวบ........มาดเท่ห์............เมื่อฟ้าส่งมาให้ถึงที่ขนาดนี้ ผมจึงจำต้องแวะเวียนไปคุยกับเค้าบ้างเป็นครั้งคราวไม่ให้น่าเกลียด............และก็มาสืบรู้ทีหลังว่าเค้ามีเมียอยู่แล้วเป็นผู้หญิง..............และความที่แวะเวียนไปบ่อยเกินหรือยังไงก็ไม่ทราบ มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่เรากำลังนั่งคุยกัน.........เค้าได้พูดประโยคที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินออกมา.............
                       “มีอะไรกันแค่สนุกๆก็จบ ไม่ต้องผูกมัดต่อกัน”..........ผมไม่ชอบทัศนะคติแบบนี้เลย.......แม้เค้าจะหมายถึงผมหรือไม่ก็ตาม..........มิหนำซ้ำก่อนจะกลับยังจะเอาหนังสือธรรมะให้ผมยืมมาอ่านอีก........มือถือสากปากถือศีลชัดๆ...........ผมแอบแค้นในใจ...............เค้าจะคิดว่าผมจะอยากมีอะไรกับเค้ามากจนต้องยอมเข้าไปมอบกายถวายตัวให้เค้าเชยชมและทิ้งขว้างง่ายๆถึงขนาดนั้นเลยหรือยังไง..................ดีล่ะ............ผมจะทำให้เค้าอยากได้และเป็นฝ่ายเข้ามาหาผมเอง............

                       ผมจึงเริ่มต้นแผนการด้วยการ ยุติการไปคุยกับเค้าที่ห้อง.........เปลี่ยนเป็นมายืนดักรอที่หน้าหอพักก่อนไปทำงานทุกวัน............พอเค้าเดินมาผมจะแสร้งทำเป็นไม่เห็นและปล่อยให้เค้าเข้ามาทักผมเอง................ผมจะแกล้งทำเป็นเมินเสมอๆเวลาเจอกัน แต่พอถึงตอนเย็นผมจะแอบเอาถุงน้ำเต้าหู้ไปแขวนไว้ที่หน้าห้องพร้อมกับโน้ตสั้นๆ...........เช่น
                     “ดื่มน้ำเต้าหู้เยอะๆจะได้ แข็ง..........แรง”.........ได้ผลแฮะ......เค้ามาเคาะประตู ด้วยรอยยิ้มหวานหยด เมื่อกลับมาถึงห้องและเห็นถุงน้ำเต้าหู้แล้ว...........
                     “น้ำเต้าหู้ของกั้งเหรอ” ยังจะมาตีหน้าเซ่ออีก...........ผมยิ้มตอบ ก่อนจะบอกว่า
                      “ถ้าไม่ใช่ของกั้งก็คงเป็นผีมั้งที่เอาไปแขวนไว้”

                         การชิงไหวชิงพริบของเรายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ..........จนไม้เด็ดสุดท้ายที่ผมงัดออกมาใช้นั่นก็คือ การส่งข้อความ.............นี่คือท่าไม้ตายของผม..........ผมนั่งนึกข้อความเด็ดๆจนในที่สุดเย็นนั้นผมก็นึกออกดังว่ามีผีจากนรกขึ้นมาดลใจกระนั้น............
                         “พี่โก้........มีหนังสือทำมะ ให้ยืมอ่านบ้างมั้ย?” ..........ผมเปลี่ยนคำว่า ธรรมะ เป็นทำมะ อย่างจงใจ..........ภายในใจนั้นสั่นระทึก.........ทำไมเราช่างกล้าบ้าบิ่นได้ขนาดนี้............ช่างไม่รู้จักประเมินกำลังของตัวเองซะบ้าง...........ไม่รู้หรือไงว่ากำลังต่อกรอยู่กับเสือร้ายอยู่..........พอดีพอร้ายจะพลาดท่าตกไปเป็นภักษาหารไม่มีเหลือหลอ...........

                         คืนนั้นผมกลับมานั่งคอยลุ้นว่า เมื่อไหร่เค้าจะกลับมาถึงห้อง.............จนค่อนดึก..........ขณะที่ผมกำลังจะเข้านอน.......พลันก็มีเสียงเค้าประตูดังขึ้น............
                        “ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะเบาๆ......แต่มันดังก้องอยู่ในสมองของผม จนแทบจะอยากทรุดลงไปกอง ด้วยความดีใจในชัยชนะ.............

                        ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร............ผมเหลือมองนาฬิกาซึ่งบอกเวลาหกทุ่มพอดี...........ก่อนจะเดินไปเปิดประตูแง้มออกไปดู…………

                        พี่โก้จริงๆด้วย.........ผมแทบผงะ.......ก็เค้าอยู่ในสภาพกางเกงขาสั้นตัวเดียว ปล่อยให้ท่อนบนเปลือยเปล่ายังกะชีเปลือย..........นี่ถ้าถอดกางเกงออกด้วยก็คงเป็นชีเปลือยไปแล้ว..........อิอิ.........เค้าก้าวเข้ามายืนค้ำประตูเอาไว้...........แต่ผมไม่ยอมถอยหนี...........เพราะหากผมถอยเค้าจะต้องถือโอกาสเข้ามาในห้องแน่นอน............ผมจึงยืนนิ่งอยู่…………
                        “กั้งได้เข้าไปในห้องพี่มั้ย” เค้าถามคำถามแปลกๆ.............ผมจะเข้าไปในห้องเค้าได้ยังไงในเมื่อผมไม่มีกุญแจ..........
                        “ทำไมเหรอ” .........อยากจะรู้นักว่าจะเอาอะไรมาอ้าง
                        “หน้าต่างด้านบนมันเปิด” เค้าให้เหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น.........ดูทะแม่งๆแฮะ
                       “มีรอยเท้าคนปีนมั้ย” ผมแกล้งไก๋.....ทำทีว่าเชื่อตามนั้น.........ในใจนั้น นึกอึดอัดกับหน้าอกขาวๆเนียนๆน่ากอดของเค้า..........ไหนจะหน้าท้องหยุ่นๆนั่นอีก.........พุทธโธ ธรรมโม สังโฆ.....ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจรวยรินออกมาจากตัวเค้า..........มันทำให้อุณภูมิภายในของผมพุ่งปรี๊ดดดดดดด จนแทบทะลัก.....
                        “ไม่มี”........ไม่มีแล้วใครมันจะเข้าไปในนั้นล่ะ........ผมคิด......
                        “สงสัยจะผีมั้ง...” ผมยิ้มให้อย่างมีเลศนัย.........เค้าจึงยิ้ม........แล้วยักไหล่ ก่อนจะขอตัวกลับเข้าห้องไป..........

                          ผมรีบล็อกประตูแล้วปิดไฟนอนทันที............รู้สึกใจหวิวๆและร่างกายสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น........สะใจ..........และเสียดาย...........ทำไมผมปล่อยเค้าไปนะ..........ผมชอบเค้าจะตาย.........ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนที่ถูกสเป๊คผมได้เท่านี้.............แต่มานึกดูอีกที..........ก็ดีแล้วที่ทำแบบนั้น..........เค้าจะได้รู้ไว้ซะบ้างว่า..........เกย์ไม่ใช่เซ็กส์ทอย ที่ไม่มีหัวใจ.........อยากเชยชมก็จะทำ...........อยากทิ้งก็จะผลักไสไปง่ายๆ.............ผมคนหนึ่งละที่จะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกผมแบบนั้นเป็นอันขาด............


                       ผมซื้อเสื้อผ้าเสร็จ........แยกกับเจแล้วจึงมุ่งหน้ากลับห้อง................หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปยืนยันเรื่องเวลากับน้องพร............ก่อนจะกลับมานอนคิดอะไรเงียบๆต่อ..............น้ำเสียงของหล่อนเมื่อครู่ ดูไม่สบายใจนักกับการที่ผมจะไปตีเทนนิสด้วย............บางทีผมอาจจะคิดมากไปก็ได้........ช่างมันเหอะ.........ผมสลัดความคิดดังกล่างออกไปโดยเร็ว............ก่อนจะลงมือรีดชุดตีเทนนิสให้เรียบกริบ.....

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #269 เมื่อ05-07-2007 14:36:53 »

นัทเอ๊ย  กลับมาเต๊อะ  พี่กั้งเค้าจะออกไปอ่อยเหยื่อแว้ว          o12 o12

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด