คนละปลายทาง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คนละปลายทาง  (อ่าน 168079 ครั้ง)

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #180 เมื่อ19-06-2007 12:07:46 »

ขนมทองม้วนเหรอ............ไม่รู้อ่ะ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #181 เมื่อ19-06-2007 13:05:06 »

แพรวพราวขนาดนี้ คิดว่าคนที่หมายปองไว้คงไม่พลาด  :m3:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #182 เมื่อ19-06-2007 13:09:30 »


.........แก่นเซี้ยว.....เปรี้ยวซ่าเลยนะเนี่ย... :m7: :m7:

tor13

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #183 เมื่อ19-06-2007 15:32:28 »

โปรดรอติดตามตอนต่อไป :m4:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #184 เมื่อ19-06-2007 19:19:11 »

ใกล้เข้าไปอีกนิด ความสัมพันธ์แนบชิดขึ้นอีกหน่อย  o8

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #185 เมื่อ19-06-2007 19:34:30 »

เปรี้ยวได้ใจจริงๆ  :m11:

คาดว่า คนที่โดนหมายตา คงเสร็จแน่นอน หุ หุ

แว่บไปทำงานต่อดีก่า  :m7:


yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #186 เมื่อ20-06-2007 08:04:14 »

จริงเหรออออออ......

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #187 เมื่อ20-06-2007 08:22:55 »

                         ทุกอย่างกำลังจะไปได้สวยแท้ๆ.............นี่ถ้าเพียงแต่ผมมีเวลาต่อเนื่องอีกสักหน่อยล่ะก็...........ผมคงจะสามารถสร้างสายสัมพันธ์กับนัทได้แน่นแฟ้นมากกว่านี้.............คิดแล้วก็ให้นึกเสียดายอยู่ครามครัน....................ก็ได้แต่หวังว่า สิ่งที่ผมทำไปในช่วงเวลาที่ผ่านมาคงจะพอมัดใจเค้าเอาไว้ได้ในระดับหนึ่ง........ไว้ตอนกลับมาจากฝึกงานที่โรงพยาบาลชุมชนเมื่อไหร่ ผมค่อยลงมือร่ายมนต์อีกครั้งเป็นคำรบที่สอง....คราวนี้ล่ะ.........รับรองว่าดิ้นไม่หลุด......หุหุ............

                          “พรุ่งนี้จะไปกี่โมงล่ะ” ผมนั่งมองนัททานข้าวด้วยสายตาละห้อย..............ทำไมต้องมาแยกกันตอนนี้ด้วยนะ.........ไปฝึกงานตั้งเป็นเดือน.............ถ้าเค้ากลับมาแล้ว เรามิต้องมาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่หรือยังไงกัน........
                          “หกโมงเช้า ไปกับรถตู้ของคณะ” เค้าไม่ได้มีท่าทีจะอนาทรร้อนใจอะไรเลยสักนิดเดียว............ผมซะอีกที่แสดงความอาลัยอาวรณ์ออกมาทางสีหน้าอย่างโจ่งแจ้งชนิดไม่มีปิดบัง.............
                          “เอาเพลงไปฟังด้วยสิ” ผมยื่นแผ่นเอ็มพีสามที่เตรียมเอาไว้ให้....อย่างน้อยๆ มีอะไรให้เค้าเอาไว้ดู ไว้ฟังต่างหน้าผมบ้างก็ยังดี..............
                          “พี่กั้ง แว่นตาของพี่กั้งไม่ค่อยได้ใส่ เดี๋ยวนัทจะเอาไปใส่ที่โน่นนะ จะได้ดูภูมิฐาน” ปกติแล้วผมจะใส่คอนแทคเลนส์..........เพราะรำคาญแว่นเวลาเหงื่อออก.........จึงเอาไว้ใส่เฉพาะตอนอยู่ห้อง..........ผมกับเค้าสายตาสั้นในระดับใกล้เคียงกัน.......
                          “ถ้าอยากได้ก็เอาไปสิ พี่ไม่ค่อยได้ใส่หรอก” ผมเอ่ยปากยกให้.......จริงๆก็เสียดายอยู่เหมือนกัน.......ตัดมาตั้งหลายพัน........แต่ถ้าลงได้รักใครแล้วอย่าว่าแต่ของพวกนี้เลย..........มากกว่านี้ก็ให้ได้.........หากแต่ว่า การให้และการรับควรจะต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริงใจต่อกัน..........
                          “เดี๋ยวกลับมาแล้วนัทจะเอามาคืน” นัทเป็นคนที่ไม่เคยฉกฉวยเอาอะไรจากความรักของผมเลย............ถึงแม้ผมจะแสดงให้เค้าเห็นตลอดมาว่า ผมพร้อมจะให้เค้าได้ทุกอย่างก็ตาม........ ไม่แน่หรอกนะ....เค้าอาจจะกลัวว่า มันจะกลายเป็นสิ่งผูกมัดระหว่างเราก็เป็นได้..............
                          “ถ้าไปอยู่ที่โน่นแล้วโทรหาพี่บ้างนะ เพราะนัทก็รู้อยู่แล้วว่าพี่ไม่โทรไปหานัทหรอก” ผมสั่งเสีย.....และหวังใจเหลือเกินว่า มันจะเข้าหูของเค้าบ้าง ไม่มากก็น้อย............เรื่องจะให้เป็นฝ่ายโทรหาใครก่อนนั้นผมไม่ถนัด.............ไม่ใช่ว่าเล่นตัวหรือว่าเรื่องมาก...............แต่ผมคิดว่าผมแสดงให้เค้ารู้ตลอดเวลาอยู่แล้วว่า ผมปรารถนาที่จะได้รับข่าวสารจากเค้ามากมายเพียงใด..........หากมีใจตรงกันก็ขอให้เค้าเป็นฝ่ายโทรมาเองจะดีกว่า...............ผมคงไม่กล้าโทรไปรบกวน.....ทั้งๆที่อยากจะทำใจแทบขาด.............
   
                         “แกมันคนประหลาด เรื่องที่ควรกล้าก็กลับไม่กล้า เรื่องที่ไม่ควรกล้าดันกล้า” เพื่อนสาวมักจะคอยกระแนะกระแหนผมด้วยความหมั่นไส้ เวลาเห็นผมทำท่ากระบิดกระบวน ด้วยความไม่กล้าที่จะทำนั่นทำนี่ เป็นเหตุให้หล่อนต้องคอยออกหน้าให้แทนเสมอ...............ความไม่กล้าของผมมีหลายอย่าง.......ชนิดที่เรียกได้ว่าจาระไนกันแทบไม่หมด อาทิ.......ไม่กล้าตะโกน...............ครั้งหนึ่งผมเคยไปเดินป่ากับเพื่อนๆ และมีเหตุบังเอิญให้ต้องพลัดหลงกัน..........ระหว่างที่เดินตามหาคนอื่นๆ..........เพื่อนสาวต้องเป็นคนตะโกนเรียกหาเพื่อนๆจนคอแทบแตก........ในขณะที่ผมสามารถตะโกน (ไม่แน่ใจว่าควรจะเรียกว่าตะโกนดีมั้ย) ได้แค่เบาๆ............และนั่นก็เป็นสิ่งที่หล่อนยังสามารถนำมาใช้ค่อนแคะผมได้จนถึงทุกวันนี้..........อีกอย่าง เวลานั่งรถตู้โดยสารในกรุงเทพ.........หากผมได้นั่งเบาะหลัง.............ผมจะเลือกใช้วิธีลงป้ายที่ใกล้ที่สุด ที่ผู้โดยสารคนอื่นลง..........ซึ่งบางครั้งผมต้องเดินกลับมายังจุดที่ต้องการลงจริงๆไกลเกือบกิโลเมตร..........เหตุผลเพียงเพราะผมไม่กล้าตะโกนบอกให้คนขับจอดรถนั่นเอง......งี่เง่าสิ้นดี ว่ามั้ย........
                         “ไม่โทรหาแต่ส่งข้อความไปจิกสุดฤทธิ์” นัทหลิ่วตา ยิ้มล้อเลียน............ก็มันเป็นสิ่งเดียวที่ผมสามารถใช้บอกความในใจกับเค้าได้นี่นา..............ถ้ามีการแข่งขันพิมพ์ข้อความโดยใช้โทรศัพท์มือถือ.............ผมคงได้รางวัลชนะเลิศเป็นแน่...........รวดเร็ว.....ถูกต้อง.....และแม่นยำ.......อิอิ
                         “อยู่ที่โน่น พักกับใครเหรอ” ผมยังคงไม่คลายกังวล.....ด้วยเป็นห่วงว่าเค้าจะไปอยู่กินยังไง.....จนนัทรำคาญในความพิรี้พิไร....
                         “ก็อยู่กับเพื่อนๆ น่ะสิถามได้” เค้าตอบเสียงขุ่น.....เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าควรหุบปากเสีย............ผมจึงรีบหุบปาก.........
   
                         “กลับกันเถอะ เดี๋ยวนัทต้องไปแพ็คกระเป๋า” นัทเร่งเร้า ภายหลังจากที่ทานอาหารเสร็จแล้ว
                         “ดึกๆค่อยกลับไม่ได้เหรอ” ผมทำเสียงอ่อย.......พยายามต่อรอง.........นี่ยังหัววันอยู่เลย
                         “ไม่ได้ดดดดด นัทยังไม่ได้เตรียมกระเป๋าเลย” เค้าลากเสียงปฏิเสธน่าหมั่นไส้........จนผมต้องยอมแต่โดยดี...........ไม่รู้จะรีบร้อนอะไรกันนักหนา.............ในใจผมนึกหมั่นไส้เหลือประมาณ...........จะไปจากเชียงใหม่แล้วนี่ ถึงได้ทำท่ายังกับปลากระดี่ได้น้ำแบบนี้............เรื่องอะไรจะปล่อยให้ไปอย่างสบายอกสบายใจ..............ผมต้องทำให้เค้ารู้สำนึกเสียบ้างว่า ยังมีผมรออยู่ทางนี้นะ..............

                         ระหว่างทางที่ขับรถกลับไปส่งนัทที่หอ.............ผมทำท่ากระเง้ากระงอดไม่พอใจที่เค้าเร่งรัดอยากรีบกลับไปเก็บของจนเกินเหตุ.............………
                         “เป็นไร ทำไมทำหน้าบูดหน้างอ” เค้าเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าผมเงียบไปนานจนผิดสังเกตุ.........ปกติเค้าจะเคยใส่ใจอะไรที่ไหนล่ะ.........สงสัยจะสำนึกผิด
                        น้ำตาผมเอ่อด้วยความรักอาลัยผสมน้อยใจ.............ผมหันไปสบตาเค้าก่อนจะเบือนหน้าหนียกมือขึ้นปาดน้ำตา พลางทำท่าสูดลมหายใจแผ่วเบา รวยริน..............
                        “พอไม่ได้อย่างใจอะไร เอะอะก็จะทำเป็นบีบน้ำตา” นัทเอื้อมมือมาลูบศรีษะผมเบาๆ................น้ำเสียงเค้าดูอาทรจนผมใจสั่น...........ผมชอบมุมนี้ของเค้าจัง.......
                        “ไม่ได้บีบน้ำตาสักหน่อย แค่คอนแทคเลนส์มันแห้ง ก็เลยแสบตาตะหาก” ผมทำท่าแก้ตัว...........น้ำเน่าสิ้นดี...........ก็ไอ้เรื่องน้ำเน่าแบบนี้แหล่ะ............คนไทยชอบกันนักไม่ใช่เหรอ.........ถ้าตีบทแตกกระจุย.........ตุ๊กตาทองก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม........ผมก็แค่อยากให้เค้ารู้ว่า ยังมีผมรอเค้าอยู่ที่เชียงใหม่นะ...........ไม่ใช่ว่าพอจากไปแล้วจะทำตัวเหมือนปลาที่ถูกปล่อยลงน้ำ...........ไม่หันกลับมาเหลียวแล...............บางคนอาจจะคิดว่านี่เป็นวิชามาร.............ก็แล้วมันไปทำให้ใครเดือดร้อนบ้างล่ะ.............ในเมื่อผมจะทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากแฟนผมอ่ะ.....ผิดตรงไหน.......จริงมะ.......

                          หลังจากส่งนัทกลับไปแล้วผมจึงกลับมานั่งคิดอะไรอยู่ที่ห้องคนเดียวเงียบๆ..............อยากไปส่งเค้าเหมือนกัน.............แต่คงเป็นไปได้ยาก..........เนื่องจากสถานะของผมในตอนนี้คือบุคคลที่ไร้ตัวตน....ไม่ได้มีการรับรองสถานะทางสังคมจากนัทแต่อย่างใด..............คิดแล้วก็น่าน้อยใจในวาสนาของตัวเองนัก............

                          ค่อนดึก.......นัทโทรมาหาผม สงสัยจะเพราะบทบาทเมื่อตอนหัวค่ำนั้นจะทำให้เค้าเป็นกังวล....
                          “เป็นยังไงมั่ง” น้ำเสียงเค้าแสดงออกถึงความห่วงใย......เรื่องแบบนี้ไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นบ่อยๆหรอก........
                         “ก็ไม่เป็นยังไง เก็บของเสร็จแล้วเหรอ” ผมย้อนถาม เพราะผมเองก็ไม่ได้เสียอกเสียใจอะไรมากมายขนาดนั้น.............ก็แค่อาลัยรักประสาคนจะจากกันไปไกลก็เท่านั้น.......
                        “เก็บเสร็จแล้ว” เก็บเร็วดีนี่.........ผมนึกประชดในใจ
                        “เอาอะไรไปบ้าง” ผมซักต่อ
                        “ก็ทุกอย่างแหล่ะ ผ้าห่ม เสื้อผ้า คอมพิวเตอร์ ทีวี” โห......ทำไมเอาไปเยอะจัง.......ไปอยู่แค่เดือนเดียวเอง........
                        “อย่าลืมเอาพวกของแห้งไปกินด้วยนะ ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่นั่นจะลำบากมากรึเปล่า” ผมแสดงความวิตกกังวลต่อปากท้องของนัท..........เพราะรู้ดีว่าเค้าเป็นคนกินเก่งมากแค่ไหน........
                        “เอาไปแล้วววววววววว” เค้าเริ่มทำเสียงรำคาญ...........ส่วนใหญ่แล้วเราจะคุยโทรศัพท์กันดีๆได้ไม่นาน..........เพราะนัทจะชอบทำท่ารำราญที่ผมมีนิสัยร่ำไรไม่รู้จักจบสิ้น............
                        “ไปอยู่โน่น เจอพวกรุ่นพี่ๆในที่ทำงานอย่าลืมไหว้เค้าล่ะ ต้องไหว้ทุกวันด้วยนะ เดี๋ยวเค้าจะหาว่าเราไม่มีสัมมาคารวะ” ผมยังคงพล่ามต่อ.............ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองชักจะพูดมากเกินไปแล้ว........แต่ก็เตือนเพราะความเป็นห่วง............กึ่งๆกับอยากยั่วให้เค้าโมโหเล่นๆ.......
                       “นี่ คิดว่ารู้ดีแต่ตัวเองรึไง” นัทเริ่มเสียงเขียว............
                       “พี่ไม่ได้หมายความยังงั้นสักหน่อย ก็แค่เตือนเอาไว้เฉยๆ” ผมพยามอธิบาย เพราะเห็นน้ำเสียงเค้าเริ่มโมโห.....ดูท่าเอาเรื่องทีเดียว........
                       “ผมอยู่คนเดียวก่อนจะมาเจอคุณ ก็ไม่เห็นว่าจะเดือดร้อนอะไร ไม่เห็นจำเป็นต้องมีคนมาคอยตักเตือนให้ทำนั่นทำนี่ให้วุ่นวาย”......นัทบ่นผมเป็นชุด.......เอาล่ะสิ......ขึ้นคุณขึ้นผมเสียด้วย สงสัยจะโมโหมาก..........เคยมีคนบอกผมว่าถ้าคิดจะมีแฟนเด็กห้ามพูดจาสั่งสอน หรือปฏิบัติกับเค้าเหมือนเค้าเป็นเด็กกว่าเราเด็ดขาด......เพราะเค้าจะเสียความมั่นใจในตัวเองและจะโมโหเอามากๆ...............เนื่องจากว่าเป็นปมด้อยของเด็กที่มีแฟนเหนือกว่าทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิอย่างเราๆ.........
                        “เอ๋า เตือนเฉยๆแค่นี้ก็โกรธ” ผมตัดพ้อเสียงแผ่ว.......เพราะรู้ว่าตอนนี้เค้าโมโหแล้ว
                        “มีอะไรอีกมั้ย จะวางแล้วนะ” นัทตัดบทน้ำเสียงกระด้าง.......เอาแต่ใจตัวเองชะมัด…..
                        “อย่าเพิ่งสิ พี่ยังพูดไม่จบเลย" ผมพยายามยื้อเวลาเอาไว้
                        "มีอะไรอีกล่ะ จะวางแล้วนะ" เกลียดนักไอ้คำๆนี้..........
                        " อย่าลืมเอามาม่าไปเยอะๆล่ะ เผื่อที่นั่นไม่มีอะไรจะให้กิน” ผมยังคงพล่ามต่อ............จริงๆแล้วไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าควรจะยุติหรอก.............แต่มันสนุกดี เวลาที่ได้กวนประสาทให้เค้าโมโหเล่น..................
                        “รู้แล้ว งั้นแค่นี้นะ”...............

                        เค้าวางสายไปแล้ว..............นัทนี่ก็แปลกคน...........ผมพูดอะไรมักจะต้องเป็นอันขัดหูเค้าไปเสียทุกเรื่อง...........คนเป็นแฟนกันเค้าคุยตะคอกกันแบบนี้หรือไง..........ผมว่าไม่น่าจะเป็นแบบนี้หรอก........เวลาเห็นเพื่อนๆคุยโทรศัพท์กับแฟนทีไร ผมนึกอิจฉาทุกที......เพราะเห็นเค้าคุยจ้ะจ๋ากันดี......ไม่ยักกะมีทะเลาะตบตีกันแบบที่เราสองคนเป็นอยู่นี้เลย......กรรมของผมจริงๆ........

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #188 เมื่อ20-06-2007 12:23:56 »

ขนมทองม้วนเหรอ............ไม่รู้อ่ะ

คะ....สระบุรีนะทองม้วนอร่อย  ส่วนเมืองกาญจน์นะ "กระหรี่" ดังมากกกกกกกกกกกกกกกก

เจริญเคอะ

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #189 เมื่อ20-06-2007 12:50:55 »

อยากรู้ว่าแนวอ้อนๆล่ะ นัทจะชอบไหม   :confuse:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #189 เมื่อ: 20-06-2007 12:50:55 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #190 เมื่อ20-06-2007 13:58:01 »

 คุณ oaw_eang นี่เก่งจัง รู้ว่าที่ไหนอะไรอร่อย..........อะไรดัง..........อิอิ

ปล. คุณ Blanch นัทไม่ชอบแนวอ้อนๆหรอกมั้งครับ ถ้าทำแบบนั้นก็จะโดนด่าว่ามารยา .........ปากจัดจะตาย

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #191 เมื่อ20-06-2007 17:12:06 »


.............เอาใจยากอย่างนี้...

.............เกิดมาอยู่คนเดียวอ่ะดีและ.... :m14: :m14:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #192 เมื่อ20-06-2007 19:14:04 »

อ่าน ไป ก็สงสัยว่า กั้งรักนัทได้ยังไง  :try2: ไม่เหนื่อยหรือไง  :freeze:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #193 เมื่อ21-06-2007 09:26:28 »

เหนื่อยแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ครับ.....อิอิ

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #194 เมื่อ21-06-2007 09:46:32 »

                         เกือบอาทิตย์แล้วที่นัทไม่ได้ติดต่อมาเลย..................นี่นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่คบกันมาที่เราสองคนต้องแยกจากกันนานขนาดนี้............ที่ผ่านมาชีวิตของผมเคยมีเค้าอยู่เคียงข้างเสมอ..........แต่พอมาถึงตอนนี้ผมกลับกลายเป็นเหมือนคนหลักลอย......เคว้งคว้าง........... ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งโดยลำพังยังไงดี............แบบนี้กระมังที่เค้าเรียกว่าโรคติดแฟน..........

                          เคยมีคนบอกผมว่า คนที่เคยมีแฟนจะไม่สามารถอยู่คนเดียวได้อีกต่อไป............เมื่อเลิกกับแฟนคนเก่า ก็จะรีบวิ่งหาคนใหม่เข้ามาแทนที่ทันที..............เพราะกลัวกับการที่จะต้องอยู่คนเดียว..........................ครั้นจะกลับไปเข้ากลุ่มกับเพื่อนๆที่เคยคบหากัน ก็ไม่รู้ว่าจะต่อกันติดเหมือนเดิมอีกหรือไม่........เนื่องจากสมัยมีแฟนก็ห่วงแต่จะขลุกอยู่กับแฟนและละเลยเพื่อนฝูงเสียสิ้น............พอจะกลับมาหาเพื่อนๆในอดีตก็ไม่เหลือใครอยู่แล้ว เพราะต่างคนต่างก็ไปมีวิถีชีวิตใหม่ของตน.................สุดท้ายจึงเลือกที่จะลงเอยด้วยการหาแฟนใหม่เพื่อเป็นการจบปัญหาทั้งปวง.......

                         แต่ผมนับว่ายังโชคดี ที่ตอนนี้ยังไม่ทันได้เลิกกับแฟน..........และเพื่อนๆก็ยังไปมาหาสู่กันสม่ำเสมอดีอยู่.....แม้ว่าผมอาจจะบกพร่องในหน้าที่ของเพื่อนไปบ้าง............แต่ก็ไม่ถึงกับบกพร่องจนไม่น่าให้อภัย..........ดังนั้นไม่นานนัก วิถีชีวิตประจำวันของผมจึงค่อยๆเปลี่ยนกลับมาเป็นแบบเดิม.......

                        “หา.....ว่าไงนะ...........พี่กั้งเป็นแฟนกับนัทจริงๆเหรอ” มอลลี่ทำตาโตเมื่อผมบอกความจริงว่ากำลังคบกับนัทอยู่.....เดิมทีผมตั้งใจว่าจะปิดบังหล่อนเอาไว้เพราะเกรงจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของนัท.........แต่เนื่องจากภายในใจมันอัดอั้นจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว.............สุดท้ายจึงต้องยอมคายความในใจออกมา.....ก่อนที่มันจะทำให้ผมระทมทุกข์มากไปกว่านี้
                       “อืม ก็คบกันมาได้หลายเดือนแล้วล่ะ พี่เองก็ว่าจะบอกเธอหลายครั้งแล้ว แต่อยากจะดูให้แน่ใจกว่านี้ก่อน” ผมพูดปด...........แต่จะทำไงได้ล่ะ..........ก็ใครจะกล้าไปป่าวประกาศว่าตัวเองเป็นแฟนกับคนที่เค้าไม่ได้ให้ความชัดเจนกับเราบ้างล่ะ
                       “ทำไมล่ะ เธอดูไม่ออกเลยเหรอ” ผมย้อนถาม.........เนื่องจากคิดว่ามอลลี่น่าจะระแคะระคายอะไรบ้าง...........เพราะที่ผ่านมาเธอไปไหนมาไหนกับเราสองคนก็ออกบ่อย........บ่อยกว่าใครๆในกลุ่มเพื่อนของผมทั้งหมดด้วยซ้ำ.........
                       “ไม่เลย.........เค้าดูไม่เหมาะสมกับพี่กั้งเลยสักนิด ดูเหมือนพี่น้องกันมากกว่า” .........หัวใจผมหล่นวูบทันทีที่ได้ยินประโยคนี้...........จะเป็นไปได้ยังไง..........นี่ผมดูไม่เหมือนว่าเป็นแฟนกับนัทเลยเหรอ
                      “ทำไมล่ะ”.............ผมยังซักไม่เลิก.........อยากรู้เหตุผลจริงๆ
                      “เค้าไม่เห็นจะดีกับพี่กั้งเลย ชอบพูดจากระแนะกระแหน ประชดประชันตลอด และก็เวลาไปไหนมาไหนก็ไม่เห็นจะเทคแคร์พี่กั้ง.........แถมยังเอาแต่ใจตัวเองอีกต่างหาก” มอลลี่อธิบายเหตุผลยาวยืด
                      “เหรอ” ผมอึ้งไปกับเหตุผลของเธอชั่วขณะ...........นี่นัทดูเลวร้ายในสายตาของเธอมากถึงขนาดนี้เลยหรือ.........ทั้งๆที่สองคนนี้ออกจะดูเข้าขากันดีด้วยซ้ำไป.........นึกว่าเธอจะเห็นด้วยกับการคบหากันของเราซะอีก.......แต่ก็อย่างว่าแหล่ะ.........ยังไงเธอก็ต้องเข้าข้างผมซึ่งเป็นพี่ของเธออยู่แล้ว.......น้องก็ย่อมอยากให้พี่ได้แฟนที่ดีที่สุดเป็นของธรรมดา
                       “พี่กั้งไม่สนใจ ดร. คณิตเหรอ หนูว่าเค้าเป็นคนดีนะ และเค้าก็ดีกับพี่ออก” เธอพยายามโน้มน้าวให้ผมหันมาสนใจอาจารย์ที่ปรึกษาของเธออย่างออกนอกหน้า
                      “พี่ไม่มีวาสนามากขนาดนั้นหรอก” ผมยิ้มน้อยๆ......พยายามบ่ายเบี่ยงอย่างสุภาพ............ความจริงแล้วอาจารย์ของมอลลี่ก็จัดว่าเป็น ดร. หนุ่มไฟแรง หน้าตาอาจจะจืดไปนิด........แต่เค้าก็มีท่าทีว่าอยากจะสานสัมพันธ์กับผมอยู่ไม่น้อย.....บางครั้งก็ฝากขนมมาให้ หรือแวะเวียนมาคุยด้วยในยามว่าง...........ผมคงบุญไม่ถึงกระมัง.........จึงรู้สึกกับเค้าได้แค่คนที่นับถือกันเท่านั้น
                       “คนดีๆทำไมไม่รักนะ” มอลลี่บ่นพึมพำ..ในขณะที่ผมแกล้งทำเป็นเอาหูทวนลม........เสไปยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบ.............


                        อาทิตย์ที่สองกำลังจะผ่านไปอย่างช้าๆด้วยความทรมาน............นัทก็ยังไม่ได้โทรมาหาผมเลย..........สิ่งเดียวที่ผมทำได้ ณ ตอนนี้ก็คือ รอคอย..................การรอคอยเป็นสิ่งที่ทรมานความรู้สึกอย่างหาที่เปรียบไม่ได้.........แต่มันก็สามารถทำให้ใจเราเต้นแรงทุกครั้ง เมื่อสิ่งที่เรารอคอยมาถึง............
                       ทั้งๆที่ผมสามารถจะโทรไปหาเค้าได้...............แต่ผมเลือกที่จะไม่ทำ...........เพราะว่าผมไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้น........เนื่องจากนัทยังไม่ได้ยอมรับผมเป็นแฟนอย่างเป็นทางการ.............ในเมื่อยังไม่ใช่แฟน ก็ไม่สมควรจะมีสิทธิ์โทรถึงเค้า นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว.............ผมจะทำแบบนั้นได้ ก็ต่อเมื่อเค้ายอมรับผมจากใจแล้วจริงๆ.................ไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ยด้วยวาจาหรอก..............เพียงแค่การกระทำ ก็สามารถรับรู้ด้วยใจแล้วว่า.......สถานะของเราสำหรับเค้าคืออะไร.........
                        สิ่งเดียวที่ผมพอจะทำได้โดยที่ไม่ขัดกับความรู้สึกจนเกินไปก็คือการส่งข้อความ............แต่จะส่งถี่มากไป ก็จะทำให้ตัวเราดูไม่ดีเสียเปล่าๆ.............มันดูเหมือนกับการตามตื้อโดยที่อีกฝ่ายไม่สมัครใจ............ดังนั้นผมจึงพยายามห้ามใจเอาไว้.........เลือกที่จะส่งก็ต่อเมื่อทนไม่ไหวแล้วจริงๆเท่านั้น.............ระยะหลังผมจึงกลายเป็นคนเหมอลอย.............ฟุ้งซ่าน.........และก็พร่ำบ่นแต่เรื่องเดิมๆของนัทจนคนรอบข้างเริ่มระอาที่จะฟัง..................

                        และแล้วหัวใจของผมก็ได้มีโอกาสเต้นแรงอีกครั้งในคืนของการรอคอยที่แสนจะจำเจ...........
                        “ฮัลโหล พี่กั้งนอนยัง” หัวใจของผมพองโตด้วยความปลื้มปิติ...............เค้าอุตส่าห์โทรมาหาผมเองเชียวนะ............แสดงว่าเค้าก็คงจะคิดถึงผมอยู่เหมือนกัน
                        “ยัง นัทเป็นยังไงบ้าง พี่เป็นห่วงแทบแย่” ผมระล่ำละลักถามไถ่ แสดงความห่วงใย......แต่อีกใจก็เต็มตื้นไปด้วยความน้อยใจที่เค้าหายสาบสูญไปไม่ดูดำดูดี.............ดูทีรึ........เราแสนจะเป็นห่วงและคิดถึงมากขนาดไหน..........จะมีแก่ใจโทรมาถามไถ่พอให้หายคิดถึงสักนิดก็ไม่มี............ทำเหมือนคนไม่มีใจให้กันแล้วกระนั้น..............
                        “ก็ดี แล้วนี่ทำอะไรอยู่ล่ะ นอนหรือยัง”
                        “กำลังจะนอนแล้ว นี่ยังไม่นอนอีกหรือ” ผมถามกลับเหมือนคนโง่เซ่อ............พอเค้าไม่โทรมาก็นั่งคิดถึงใจแทบขาด............แต่พอเค้าโทรมาจริงๆ กลับคิดอะไรไม่ออก จะถามอะไรก็ถามไปทื่อๆ เหมือนคนไม่มีสมอง.............
                        “ยัง ตอนนี้นัทออกมาเดินหาสัญญาณนอกบ้าน อยู่แถวนี้ไม่ค่อยมีสัญญาณเลยเวลาจะโทรศัพท์ทีก็ลำบาก” นี่เป็นคำอธิบายของการหายตัวไปของเค้าหรือเปล่านะ...........
                        “อยู่ที่นั่นลำบากมากมั้ย มีอะไรให้กินรึเปล่า” ผมมักจะเป็นห่วงเรื่องการกินของเค้า.......เพราะหลักการกินของศาสนาเค้าไม่เหมือนคนอื่น.........อยู่บ้านนอกแบบนั้นคงจะลำบากน่าดู............มันอาจจะฟังดูน่ารำคาญหากมีใครมาคอยนั่งถามเรื่องการอยู่การกินของเรา.........แต่ถ้าลองนึกดูให้ดีๆ จะมีแต่เฉพาะคนที่ใกล้ชิด เช่น พ่อแม่ หรือพี่น้อง เท่านั้น ที่จะมานั่งกังวลห่วงใยเรื่องพวกนี้กับเรา.........มันดูน่ารำคาญ.......แต่ผมมองว่ามันคือความจริงใจที่หาได้ยากจากคนทั่วไป...........
                         “มี.........วู้วววววววว ถามอยู่ได้” นัทเริ่มเอ็ดอีกแล้ว............สถานการณ์แบบนี้ผมต้องพยายามประนีประนอม.............ขืนพูดอะไรให้ขัดใจ พอดีพอร้ายจะพาลไม่โทรมาอีกเลย เห็นทีจะแย่..........
                        “ก็คนเป็นห่วงอ่ะ......ว่าแต่ว่าจะมาเชียงใหม่เมื่อไหร่” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องคุยก่อนที่เค้าจะอารมณ์เสียมากไปกว่านี้
                         “ไม่แน่ อาจจะไปช่วงรับปริญญาก็ได้ เห็นว่าที่นี่เค้าจะหยุดให้” อืม...........แสดงว่าอีกไม่นานก็คงจะได้เจอกัน............
                         “เออนี่ แผ่นคาราโอเกะที่พี่กั้งให้มามันเปิดไม่ได้อ่ะ” นัทเปลี่ยนหัวข้อสนทนาฉับพลัน....ความจริงเค้าน่าจะมีแก่ใจถามไถ่ทุกข์สุขผมบ้าง..........แม้สักนิดก็ยังดี..........
                         “อ้าวเหรอ สงสัยจะเสียมั้ง” ผมเดาส่ง
                         “พี่กั้งแค่นี้ก่อนนะเดี๋ยวเพื่อนๆมันจะสงสัย” นัททำเสียงกระซิบกระซาบ ก่อนจะรีบวางสายไป.................
                          กรรมอะไรกันนักกันหนา...........มีแฟนทั้งที ก็เป็นแฟนแบบครึ่งๆกลางๆ..........หลบๆซ่อนๆ...............เหนื่อยก็แสนเหนื่อยกับการคบกัน...............แต่ผมดันรักเค้าเข้าไปแล้ว.......เพราะฉะนั้น ยังไงผมก็จะต้องฝ่าฟันไปให้ได้..........ถึงปลายทางจะออกหัวหรือก้อย............ก็คงต้องยอมรับชะตากรรม.................

                         

                          “พี่กั้งน้องมีแฟนแล้วนะ” น้องพรยิ้มร่าเข้ามาแจ้งข่าวดี...............นี่ผมไม่ได้เจอหล่อนนานจนตามติดข่าวสารไม่ทันเลยเหรอเนี่ย..........
                          “เค้าเป็นใครกันจ้ะ”.....ชักจะสงสัยแล้วสิว่า หล่อนไปคว้าใครจากไหนมาทำแฟน
                          “ก็น้องที่ตีเทนนิสด้วยกันนั่นแหล่ะ เค้าเรียนปีสี่......คณะเกษตร...... ตอนแรกก็ตีสนามใครสนามมัน....... ไปๆมาๆเลยรู้จักกัน” หล่อนสาธยายที่มาที่ไปของแฟนหนุ่มหน้าระรื่น........คิดแล้วก็น่าอิจฉาหล่อนจริงๆ...........ไม่ยอมน้อยหน้ารุ่นพี่อย่างผมเลยนะเนี่ย............มิหน้ำซ้ำยังทำท่าว่าจะแซงโค้งเอาเสียดื้อๆ............
                           “ทีแรกน้องไปชอบเพื่อนมันก่อน ไอ้นั่นมันทั้งหล่อทั้งขาว ส่วนมันนะ ตัวก็ดำ ไม่สเป๊กเลย ทำไมจับผลัดจับผลูไปเป็นอย่างนี้ได้ก็ไม่รู้” อย่างหล่อนนี่นะ.........ยังจะมีสิทธิ์เลือกกะเค้าด้วยเหรอ............ไอ้เรื่องแบบนี้มันต้องคนสวยๆเค้าพูดกัน...........ส่วนหล่อนมันยังอีกไกล........เฮ้อออ.......ทำไมผมถึงได้ขี้อิจฉาอย่างนี้นะ
                           “แต่น้องสงสัยว่ามันอาจจะเป็นคู่เกย์กันหรือเปล่า เพราะมันไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แถมยังพักห้องเดียวกันด้วยนะ”.........อ่ะเหรอ
                          “ตอนแรกๆน้องก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ระยะหลังๆมันโทรมาหาน้องทุกคืนเลยนะ.....แถมยังมานั่งเฝ้าน้องทำแลปทุกคืนด้วย” อะไรจะดีขนาดนั้นวะ............หรือหล่อนจะโกหก..........ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีผู้ชายที่ดีขนาดนี้
                           “น้องอยากกินอะไรมันจะรีบไปซื้อมาให้กินเลยอ่ะ ขอแค่ให้ชายตาไปมองเท่านั้นแหล่ะ.... ขนาดว่ามันต้องทำงานพิเศษนะ มันยังลางานมาพาน้องไปเที่ยววันเด็กเลย” โห..........สวีทสุดๆเลยนะ.........ผมทำหน้าหงึกหงัก.......ด้วยไม่รู้ว่าจะหาช่องแทรกที่ตรงไหน นอกจากนิ่งฟังเพียงอย่างเดียว...........อ้อ......เกือบลืมยิ้มด้วยแน่ะ...........ประเดี๋ยวจะหาว่าเราอิจฉาตาร้อน....อิอิ
                           “มันไม่มีเงิน มันก็ยังอุตส่าห์หยอดตู้โทรหาน้องทุกคืนนะ ถ้าน้องอยากให้มันโทรหา น้องก็แค่โทรไปโชว์เบอร์ มันก็จะรีบโทรกลับมาทันที” อะไรกันเนี่ย........มันจะดีขนาดนั้นเลยเหรอ.........ขนาดผมครบเครื่องกว่าหล่อนเป็นไหนๆ.........ยังได้มาแค่นี้...........แล้วนี่หล่อนทำบุญมาด้วยอะไรเนี่ย..........หรือว่าหล่อนจะโม้..............ผมนึกเดือดดาลอยู่ในใจ............ทำไมอะไรๆของเค้ามันช่างดีไปซะหมด...........พอหันกลับมาดูของเรา...........เป็นอันให้ต้องส่ายหัวทุกที..............เมื่อไหร่นัทจะทำให้ผมได้มีโอกาสเอาไปเล่าอวดใครๆได้อย่างหน้าชื่นตาบานอย่างนี้มั่งนะ.............โอยยยยย

                         ผมแยกจากน้องพรแล้วขับรถบ่ายหน้ากลับห้องทันที.............ถ้าเป็นจริงอย่างที่หล่อนว่า ก็นับว่าเป็นบุญของหล่อนโขอยู่............ความจริงแล้วผมสมควรจะแสดงความยินดีกับหล่อนด้วยใจบริสุทธิ์ในฐานะของพี่ที่ดี.............แต่ลองคิดดูสิ.............พอหันมามองชะตากรรมของตัวผมเองในตอนนี้.........มันช่างไม่เอื้อต่อการแสดงความยินดีกับความรักของใครหน้าไหนเลย............มันมีแต่จะทำให้ต่อมอิจฉาของผมแตกทะลักก็เท่านั้น........ผมรู้สึกแย่ที่ไม่สามารถเก็บความรู้สึกอิจฉาเอาไว้ได้.............ผมควรแสดงความยินดีอย่างที่เค้าเรียกกันว่ามุทิตาจิตถึงจะถูก........ที่หล่อนพูดมามันจะดีจนโอเวอร์ไปรึเปล่า...............ยังไงผมต้องหาทางพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยตัวเองให้ได้..............ใครมันจะมารักกันมากมายขนาดนั้น................หรือผมจะโชคร้ายอยู่คนเดียวที่ดันมาเจออีตานี่...........ดอกไม้ในมือโจรชัดๆ..........

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #195 เมื่อ21-06-2007 10:04:16 »

ไม่ต้องไปอิจฉาคนอื่นหรอกครับ  แหม ก้อคนอย่างนัทอ่ะ หายากจะตาย เราต้องภูมิใจสิ ถึงจะถูก

 :try2: :try2: :try2:

tor13

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #196 เมื่อ21-06-2007 10:33:12 »

กั้งอย่าไปอ่อนข้อให้นัทมากนักซิเด็กมันเหลิงหมดเล่นตัวบ้างเราไม่ใช่ลูกเป็ดในกำมือมันน่ะรักแต่อย่าหลง
เราคุณสมบัติออกจะพร้อมเลิกก่อนจะเสียใจไปมากกว่านี้น่ะ หรือไม่ก็เอาให้รู้แน่ชัดไปเลยว่าจะเอายังไง
 :angry2: :angry2: :angry2:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #197 เมื่อ21-06-2007 11:02:07 »


..........."ไม่ดีกูก็จะรักอ่ะ...ทำไม".....

...........นี่แหละนิสัยคนเรา........ :เฮ้อ:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #198 เมื่อ21-06-2007 11:43:19 »

ตอบไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงรัก.........ตอนนั้นไม่ได้คิดเลยว่าอยากจะต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของตัวเอง

รู้สึกแต่อย่างเดียวว่า...............อยากให้เค้าเห็นใจเราบ้าง..........ก็เท่านั้นเอง

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #199 เมื่อ21-06-2007 13:30:16 »

ทำไมชอบอวดแฟนกันจัง

มีแฟนไว้เพื่ออวดหรือไร


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนละปลายทาง
« ตอบ #199 เมื่อ: 21-06-2007 13:30:16 »





tor13

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #200 เมื่อ21-06-2007 14:11:57 »

ไอ้พวกชอบอวดแฟน น่ะ โดนมาหลายรายแล้วน่ะโดนเพื่อนในกลุ่มแย่งไปรับทานน่ะเคยกันป่าว
แต่จะโทษเพื่อนฝ่ายเดียวก็ม่ายด้าย เพราะคนของเรามันมั่วเอง :m8: :m8: :m8:
เพราะฉะนั้นอย่าเอาไปอวดเลย

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #201 เมื่อ21-06-2007 14:17:38 »

ถ้าเป็นผมนะ ผมจะไม่โทษเพื่อนหรอก.........ที่จริงควรต้องขอบคุณเค้าด้วยซ้ำ ที่มาช่วยกระชากหน้ากากคนหลายใจ........ขนาดคนใกล้ตัวเราเค้ายังทำได้..........นับประสาอะไรกับคนไกลตัวที่เราไม่ได้ไปเห็นด้วยอ่ะ.......จริงมะ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #202 เมื่อ21-06-2007 15:44:21 »

จริงหรอพี่ :m12:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #203 เมื่อ24-06-2007 14:01:35 »

อ่านๆ ไปก็สงสารกั้งนะ
เลือกที่จะรักแบบนี้  ก็ต้องอดทนหน่อยละ  สู้สู้นะกั้ง   :m1:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #204 เมื่อ24-06-2007 14:17:20 »

การมีแฟนบางทีก็อยู่ที่ดวงเหมือนกันนะ คนดีกับคนดีมักไม่เจอกัน  :เฮ้อ:

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #205 เมื่อ25-06-2007 09:54:19 »

                         นัทเงียบหายไปหลังจากที่โทรศัพท์มาครั้งล่าสุดได้เกือบอาทิตย์........ผมไม่สบายใจต่อสภาวการณ์ความสัมพันธ์ในปัจจุบันของเราสองคนเอาซะเลย..............รู้สึกไม่มั่นคง..........แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะละทิ้งความเพียรพยายามที่เคยได้ทุ่มเทไปง่ายๆ............เพราะในใจลึกๆของผมคิดว่าน่ายังจะพอมีความหวังอยู่บ้าง......................อย่างไรก็ตามสิ่งที่นัทได้ปฏิบัติต่อผมในยามที่เราห่างไกลกันเช่นในปัจจุบัน..........บอกให้ผมรู้ว่า.....ในอนาคตเมื่อเราสองคนต่างเรียนจบ และแยกย้ายกันไปทำงาน........ผมจะไม่สามารถคาดหวังอะไรจากเค้าได้เลย...............ก็ในเมื่อตอนนี้ อะไรต่ออะไรมันยังดูย่ำแย่ได้มากถึงขนาดนี้................แล้ววันหนึ่งข้างหน้า หากเค้าคิดจะทิ้งผมไปเฉยๆ ผมก็คงจะไม่สามารถไปทวงถามหาความถูกต้องจากใครได้......ในที่สุดความรักของผมก็คงจะเป็นเพียงแค่ความรักจอมปลอม...............ฉาบฉวย.......ง่าย.......และตื้นเขิน.........ไม่แตกต่างจากความรักของเกย์ที่พบเห็นกันดาษดื่นทั่วไปในสังคม...........ความรักแค่ชั่วข้ามคืน........เปรียบเสมือนไฟไหม้ฟาง.......เกิดขึ้นรวดเร็ว........วูบวาบอยู่ชั่วครู่..........และดับสูญไปในที่สุด...........มีเพียงทางออกเดียวให้เลือกเมื่อความรักเดินทางมาถึงจดจบที่แสนสั้นของมัน ก็คือ การพยายามทำใจให้ปล่อยวาง...........ในเมื่อทุกอย่างมีเกิดขึ้น ก็ย่อมต้องมีดับไป..........ไม่มีอะไรเที่ยงแท้จีรัง โดยเฉพาะเรื่องของความรัก............แต่จะมีใครสักกี่คนกัน.......ที่จะคิดและทำได้แบบนั้นจริงๆ.......


                        “มีความรักก็เหมือนไม่มี.....ก็ยังเหงา” เป็นประโยคที่ผมนำใช้ตั้งชื่อในเอ็มเอสเอ็นวันนี้......... เพื่อบ่งบอกถึงอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตผม ณ ปัจจุบัน............โดยปกติผมมักจะเปลี่ยนชื่อในการเล่นเอ็มเอสเอ็นไปตามเหตุการณ์สำคัญๆที่เกิดกับชีวิตของผมในช่วงเวลานั้นๆ.............ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเกี่ยวกับเรื่องของความรักแทบทั้งสิ้น.......ก็เพราะว่าผมเป็นคนช่างฝัน.....ชอบคิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อย..........จึงหาเรื่องมากุ๊กกิ๊กได้ตลอดไม่มีซ้ำ..........
                        “เป็นอะไรหนักหนากับความรัก” เต้เข้ามาทักขณะที่ผมกำลังรู้สึกเบื่อกับเหตุการณ์รอบๆตัวอยู่พอดี........ซึ่งก็คงไม่ต้องบอกว่าเรื่องอะไร...........
                        “ไม่เจอกันนานเลยนะเต้ ที่โน่นกี่โมงแล้ว” ผมทักตอบ........แม้ว่าตอนนี้หัวใจของผมจะเป็นของนัทไปแล้ว.......แต่เต้ก็ยังคงเป็นผู้ชายในฝันของผมไม่เปลี่ยนแปลง...........จึงไม่แปลกหากเวลาที่ผมได้พบเจอเค้าแล้วจะเกิดอาการตื่นเต้นเหมือนสาวน้อยยามเจอชายหนุ่มในฝัน........มันคงเหมือนกับการที่เราชื่นชมดาราสักคน.............แค่เพียงได้เฝ้ามอง ได้รับฟังข่าวสารของเค้า ก็ทำให้เราก็มีความสุขพอแล้ว..............ดังนั้นในเวลานี้ ผมจึงไม่คิดจะได้เต้มาเป็นแฟนอีกต่อไป..................นึกๆแล้วก็ให้รู้สึกเสียดายเหลือเกิน............ถ้าเพียงแต่เค้าอยู่เมืองไทย..........อะไรต่ออะไรก็คงจะดีกว่านี้.............ผมมีความรู้สึกดีและอบอุ่นเสมอเวลาที่ได้คุยหรืออยู่ใกล้ๆเค้า........แม้เราจะรู้จักกันเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น..........แต่สัมผัสลึกๆของผมบอกว่าเค้าเป็นคนดี...........และเป็นเกย์............เกย์ที่มีแฟนเป็นผู้หญิง...
                       “เกือบหกทุ่มแล้ว” เต้บอก.........แต่ที่เมืองไทยยังเพิ่งจะเที่ยงวันเท่านั้น
                       “เมื่อไหร่เต้จะกลับเมืองไทย” ผมพยายามชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อเบนความสนใจไปจากคำถามแรกที่เต้เคยถามเอาไว้...........
                       “คงยังหรอกครับ ช่วงนี้ยุ่งๆเรื่องเรียนอ่ะ” ผมได้ข่าวว่าเต้จวนจะจบแล้ว.........เค้าก็คงจะยุ่งจริงๆนั่นแหล่ะ..........ขนาดสมัยอยู่เมืองนอกเคยนัดกับผมเอาไว้ว่าจะไปตีแบดด้วยกัน ก็ยังมาเบี้ยวเอาในตอนท้าย.......ก็เพราะเหตุผลที่ว่ายุ่งเรื่องเรียนนี่เอง.......ตอนนั้นผมไม่โกรธเค้าเลย............ผมแค่รู้สึกเสียดายที่เค้าไปไม่ได้เท่านั้นเอง...........ถ้าได้เป็นแฟนกับเต้จริงๆชีวิตผมคงมีความสุขมาก........สุขจนใครๆต้องอดอิจฉาไม่ได้แน่ๆ.............
                      “ถ้ามาเมืองไทยอย่าลืมมาเยี่ยมพี่ที่เชียงใหม่บ้างนะ” ผมพูดเปิดทางเผื่อเอาไว้........บางทีถ้าเค้ามาเมืองไทยจริงๆ......เค้าอาจจะนึกอยากไถลขึ้นมาเยี่ยมผมที่เชียงใหม่ก็ได้.......พลันในใจผมก็แว๊บนึกถึงนัทขึ้นมาอย่างประหลาด.........นี่ผมกำลังประพฤตินอกใจอยู่หรือเปล่า............
                     “ครับ ผมเองก็ยังไม่เคยไปเที่ยวเชียงใหม่เลย” เต้แสดงท่าว่าอยากจะมาตามคำเชิญ...........ผมพยายามสลัดความรู้สึกดีใจออกไปจากความคิด..........จะดีใจไปทำไมกันนะ...........เรามีแฟนอยู่แล้ว........อย่าแกล้งทำเป็นลืมสิ.............
                     “แล้วพี่กั้งมีปัญหาอะไรกับคนรักเหรอ” เวียนมาเข้าคำถามเดิมจนได้..........ผมไม่อยากจะบอกเต้เลยว่าผมมีแฟนแล้ว.........แถมยังเป็นแฟนที่ไม่ค่อยจะได้เรื่องเสียด้วย........ถ้าจะเทียบกับเต้แล้ว ก็คงเทียบกันชนิดที่ไม่ติดฝุ่นเลย..........แต่เมื่อเค้าอยากจะฟังจริงๆผมก็จะเล่าให้ฟัง...........อีกทั้งผมเองก็กำลังนึกอยากจะระบายความในใจอยู่พอดี..........หลังจากที่พร่ำพรรณนาให้คนรอบข้างฟัง จนเค้าเอือมกันไปถ้วนหน้า.....
ผมลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เต้ฟังคร่าวๆ...........เค้าตั้งใจฟังเงียบๆจนจบ โดยไม่พิมพ์ข้อความตอบโต้ใดๆ    
“เลิกกับเค้าเถอะ” ..........หา.........ทำไมเต้แนะนำแบบนี้ล่ะ.............อย่างน้อยๆเค้าควรจะรักษามารยาทบ้าง อย่างเช่น ช่วยหาข้อแก้ตัวให้นัท..........หรือไม่ อย่างน้อยๆ ก็แค่ปลอบใจผมสองสามคำก็พอ.......แต่นี่เค้าจะโมโหโทโสอะไรกันมากมายจนถึงขั้นมาบอกให้ผมเลิกคบกับนัทซะ..........หรือว่าเค้าจะโกรธที่นัทบังอาจมาทำลายดวงใจน้อยๆของเค้านะ...........ผมนี่ท่าจะเพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้ว.................
                          “ถ้าเลิกกับเค้าพี่ก็ไม่มีใคร...พี่เหงานี่นา” ผมให้เหตุผลไปแบบโง่ๆ...........เหงาเหรอ.............ผมหาเหตุผลที่จะไม่ยอมเลิกกับคนนิสัยเสียคนนั้นเพียงแค่เพราะว่าถ้าไม่มีเค้าแล้วจะเหงาเหรอ..............น่าอดสูใจจริงๆ........แต่ความจริงก็คือผมไม่อยากจะบอกเต้เลยว่าผมรักนัทไปหมดใจแล้ว.....
                          “เหงาก็อยู่คนเดียวสิ ผมยังอยู่ได้เลย ไปไหนมาไหนคนเดียว ทำอะไรคนเดียว เรียบง่ายดีออก” เต้ให้เหตุผล และพยายามชังจูงให้ผมเห็นดีเห็นงามกับความสุขที่เกิดจากการใช้ชีวิตคนเดียว
                         “เต้ก็พูดได้สิ เพราะเต้มีแฟนอยู่แล้ว” ผมแย้ง..........เค้าจะมาบอกให้ผมเลิกคบกันนัทง่ายๆ....โดยที่เค้าไม่สนใจเลยว่า ผมต้องฝ่าฟันอะไรมาบ้างกว่าจะคบกับนัทมาจนถึงวันนี้..........อีกใจหนึ่ง ผมเองก็อยากหาโอกาสแขวะเต้เรื่องที่เค้ามีแฟน แล้วยังจะปล่อยให้ผมแอบรักและก็ช้ำใจอยู่คนเดียวเมื่อครั้งกระโน้น.........
                          “ถ้าไม่มีแฟนคนนี้ ผมก็อยู่คนเดียวได้ แฟนพี่กั้งเค้าใจร้ายกับพี่กั้งมาก เลิกกับเค้าเถอะ” เต้ยังคงยืนยันเหตุผลเดิมคือให้ผมเลิกกับนัท...........นี่เค้าคบกับผู้หญิงคนนั้นโดยที่ไม่ได้รักเลยหรือไง..........ถึงได้พูดเรื่องแบบนี้ออกมา............


                          เต้ออฟไลน์ออกไปแล้ว..............ผมเอาคำพูดของเค้ากลับมานั่งครุ่นคิดต่อคนเดียว........เต้อาจจะพูดถูกก็ได้...........ถ้าไม่มีความสุขก็เลิกกับเค้าซะ.........หัดรู้จักคุณค่าของตัวเองซะบ้าง.........แต่เชื่อมั้ยว่า คำพูดพวกนี้ผมเองก็เคยใช้แนะนำคนที่มีปัญหาเรื่องความรักมาเหมือนกัน..........ถ้าเค้าไม่ดีก็เลิก..........ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า ทำไมผมถึงกล้าแนะนำไปแบบนั้น...............ก็เพราะผมไม่ได้ไปใช้ชีวิตและผ่านเรื่องราวต่างๆร่วมกับเค้าสองคน...............ดังนั้นเมื่อเห็นเค้ามีปัญหากันจึงมองว่าเป็นเรื่องง่ายในการแก้ไข...........ดำเป็นดำ ขาวเป็นขาว..........เมื่อฟังเรื่องราวจบแล้วก็ตัดสินชี้ถูกผิด..........นั่นก็คือเลิกกับเค้าซะ.........แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นเลย..........หากเราลองมาเป็นคนที่มีความรักเองดูบ้าง...........เราจะรู้ว่าเหตุผลกับความรู้สึกบางทีมันไม่ยอมรอมชอมไปในทิศทางเดียวกัน...........ตรงกันข้ามมันอาจเดินไปกันคนละทางชนิดที่ไม่มีวันมาบรรจบกันเลยก็ได้.............เพราะฉะนั้นหากมีใครมาขอคำปรึกษาเรื่องปัญหาหัวใจ........บางทีผมคิดว่าการรับฟังอย่างเห็นอกเห็นใจและคอยให้คำปลอบประโลม น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่น่านำเอาไปใช้ นอกเหนือไปจากการชี้ถูกผิด หรือตัดสินดำขาว.............เพราะเชื่อได้เลยว่าน้อยรายนักที่จะเอาคำแนะนำของเราไปใช้จริง...........ส่วนมากก็เห็นกลับไปคบกันหน้าระรื่นชื่นบานเหมือนเดิม ไม่ยักกะมีใครเลิกกันสักราย....
เมื่อมาคิดถึงสิ่งที่เต้พูด.............บางทีผมอาจจะบ้างมงายเรื่องความรักมากจนเกินไปก็ได้...............รักในแบบที่เรียกว่า รักจนลืมรักตัวเอง...................


                      “มอลลี่ เสาร์นี้ว่างหรือเปล่า พี่อยากจะชวนไปทำบุญน่ะ ไปมั้ย” พักนี้จิตใจผมไม่ค่อยเป็นสุขเลย.......เป็นธรรมดาของคนเรา ที่เมื่อเกิดความทุกข์แล้วจะมองหาที่พึ่งพิง.........อาจจะเป็น.พ่อ แม่ พี่น้อง เพื่อนๆ หรือไม่ก็ศาสนา แล้วแต่ประเภทของปัญหาและความน้อยใหญ่.............ความทุกข์บางอย่างสามารถปลดเปลื้องได้เมื่อเราได้รับคำชี้แนะจากผู้มีประสบการณ์.............แต่ความทุกข์ของผม ณ ตอนนี้ ก็คงเห็นแต่ศาสนาเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งในยามยากให้พอได้คลายทุกข์ภายในใจลงไปได้บ้าง
                      “ได้สิ พี่กั้งอยากจะไปกี่โมงดีล่ะ” มอลลี่ไม่เคยขัดอยู่แล้ว.....ผมรู้
                      “สักเก้าโมงเป็นไง เราไปทำสังฆทานก็น่าจะดี เอาเป็นว่าพรุ่งนี้พี่ไปรับที่หอนะ” ผมจัดการรวบรัดเสร็จสรรพ ตามนิสัย..........หากได้ทำบุญแล้ว จิตใจอาจจะโล่งสบายขึ้นมาบ้าง.........

                      ผมแวะไปหามอลลี่เก้าโมงตามเวลานัด...............เราสองคนตระเวนหาซื้อข้าวของเพื่อทำสังฆทานกันเอง...........คราวที่แล้วหลวงพ่อเคยบอกว่าสังฆทานสำเร็จรูปส่วนมากเป็นของที่พระเอาไปใช้จริงๆไม่ได้........ถ้าซื้อมาเองแบบนี้จะเกิดประโยชน์กับพระ เณร มากกว่า...........ผมเสียดายเหลือเกินที่นัทนับถือศาสนาอื่น..............หากเรานับถือศาสนาเดียวกัน ผมคงจะได้มีโอกาสทำบุญร่วมกับเค้าบ้าง............แม้เราอาจจะไม่ใช่คู่แท้กันในชาตินี้ หากได้ทำบุญร่วมกันบ่อยๆ............อย่างน้อยๆชาติหน้าเราคงจะได้มาเจอกันในสภาพที่ดีกว่าปัจจุบันนี้...........

                        เราหาที่จอดรถเมื่อมาถึงบริเวณลานวัด และเดินถือถุงข้าวของลัดเลาะไปตามทางเล็กๆที่ทอดยาวผ่านป่าไปสู่กุฏิเจ้าอาวาส.......ส่วนมากผมมักมาทำบุญที่วัดอุโมงค์เป็นประจำ เพราะใกล้มหาวิทยาลัย.........อีกทั้งยังร่มรื่นเงียบสงบ และพระสงฆ์ เณร ชี ล้วนมีจริยาวัตรน่าเลื่อมใส...........ในทุกๆวันสำคัญทางศาสนา ที่วัดแห่งนี้จะมีพีธีเวียนเทียนหลังพลบค่ำ...........นักศึกษาและประชาชนละแวกใกล้เคียงต่างพร้อมใจกันมาร่วมพิธีกรรมอย่างน่าชื่นชม...........เมืองเชียงใหม่จึงต่างจากกรุงเทพมหานครลิบลับ ทั้งในแง่ของความงามทางวัฒนธรรมที่เก่าแก่ และความงามทางธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์........
                         ในวันสำคัญทางพุทธศาสนาที่ผ่านมา ผมต้องไปเวียนเทียนกับน้องพรเพียงลำพัง โดยทิ้งนัทเอาไว้ที่ห้องคนเดียว.............การได้มาร่วมทำบุญที่วัดกับคนที่เรารักคงจะเป็นความรู้สึกที่วิเศษที่สุด.........ผมเคยแอบฝันมาตลอดว่า ถ้าหากผมจะมีแฟนสักคน ผมอยากจะมีโอกาสไปทำบุญร่วมกับเค้า และคอยแอบมองในเวลาที่เค้ากราบพระ...........เวลาที่เค้ารับศีลรับพร.............หรือเวลาที่เค้าปฏิบัติต่อพระสงฆ์...............ถ้าผมกับนัทนับถือศาสนาเดียวกันผมคงจะภูมิใจมากเวลาได้คอยมองดูเค้าปฏิบัติหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนที่ดี.............มันแสดงให้เห็นว่าอย่างน้อยๆแฟนเราก็ยังมีดีอยู่บ้างเหมือนกัน...............ผู้ชายที่รู้จักเข้าพระเข้าเจ้า เท่ห์จะตาย..............

                          หลังจากกรวดน้ำเสร็จสรรพ..............ผมและมอลลี่จึงขับรถออกมาหาข้าวเช้าทาน..........
                          “ไปกินร้านไหนกันดี” ผมหันไปถามความเห็น........ปกติมอลลี่จะรู้เรื่องที่กินที่อร่อยๆในเมืองเชียงใหม่ดีมาก.......จึงไม่แปลกเลยหากเธอจะคุยถูกคอกับนัท ซึ่งเป็นพวกนิยมการเสาะหาของกินอร่อยๆเหมือนกัน............
                         “ไปร้านอาหารปักษ์ใต้พัทลุงมั้ย” มอลลี้เสนอ..............ร้านนี้พวกเราเคยมากินกับนัทหลายครั้งแล้ว.............ผมรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองสลดลงวูบหนึ่ง...........ผมคิดถึงเค้ามากเหลือเกิน.........
                        “นัทยังไม่ได้โทรมาเหรอ” มอลลี่คงสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทางสีหน้าของผม จึงเอ่ยปากถามขึ้นมา.............
                       “ยังเลย ก็ตั้งแต่ครั้งหลังสุดนี่ก็เกือบอาทิตย์แล้ว” หนึ่งอาทิตย์เองเหรอ แต่ผมรู้สึกเหมือนกับมันนานมาก.............นานจนแทบจะทนไม่ไหว..............
                        “ทำไมพี่กั้งไม่โทรไปหาเค้าล่ะ” มอลลี่พยายามช่วยหาทางออก...........เธอคงรู้สึกรำคาญกึ่งๆกับฉงนที่ผมชอบทำตัวเป็นฝ่ายรอคอยแบบนี้………..
                        “พี่ไม่อยากไปกวนเค้า เดี๋ยวเค้าจะไม่พอใจ เค้ายิ่งกลัวคนอื่นจะรู้เรื่องของเราอยู่ด้วย” นิสัยผมคือไม่ชอบตามราวีใคร.............ขอแค่บอกว่าไม่ต้องการผมแล้ว............ผมก็พร้อมจะจากไปทันที.....โดยที่ไม่แม้แต่จะถามให้ต้องลำบากใจ...............


                        ก่อนที่เราจะทันได้พูดอะไรต่อ รถก็แล่นมาจอดที่หน้าร้านพอดี...........เราสองคนจึงเดินลงไปหาที่นั่งและสั่งอาหาร...............
                        “ท่าทางนัทเค้าเป็นคนประหยัดมากเลยเนาะ ดูเสื้อผ้าที่เค้าใส่แล้วหนูว่าคงจะใส่จนขาด ถึงจะยอมทิ้ง” ผมแอบนึกขำความคิดของมอลลี่.............แต่ก็จริง นัทเป็นคนที่ดูประหยัดและไม่รู้จักแต่งตัวเอาซะเลย.......ออกจะเชยด้วยซ้ำไป……………
                        “อืม.........เสื้อผ้าที่เค้าใส่ไม่มีตัวไหนสวยๆเลย” ผมให้ข้อมูลเพิ่ม..........
                        “ที่บ้านเค้าคงเลี้ยงลูกมาดีถึงได้รู้จักค่าของเงินขนาดนี้” มอลลี่กล่าวเสริมขึ้นมา..............ผมพยักหน้าหงึกหงัก...........แกล้งทำเป็นเออออ..........แต่ความเป็นจริงแล้วผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่บ้านนัทมีอาชีพอะไร..........พ่อแม่เป็นใคร.............เค้าไม่เคยเล่าเรื่องที่บ้านให้ผมฟังเลย...........และผมก็ไม่เคยถาม เพราะผมเชื่อว่าถ้าเค้ารักและไว้ใจเรา สักวันเค้าจะต้องเล่าเรื่องพวกนี้ออกมาเองโดยไม่ต้องให้ถามไถ่.............และผมก็จะไม่ไปสืบเสาะให้วุ่นวายด้วย................
                         “ลองชิมนี่สิ อร่อยดีนะ” ผมแกล้งกลบเกลื่อน.........กลัวมอลลี่จะระแคะระคายว่าผมไม่รู้เรื่องส่วนตัวของนัทมากเท่าไหร่..........เพราะมันจะทำให้ผมรู้สึกแย่มากขึ้นไปกว่าเดิม จากที่แย่อยู่แล้ว...........
เมื่อหมดข้อสนทนา มอลลี่และผมจึงหันกลับมาสนใจกับการกินข้าวกันต่อ เพราะยังนึกหัวข้อสนทนาที่น่าสนใจที่นอกเหนือไปจากเรื่องของนัทไม่ออก........ระหว่างที่เราสองคนกำลังเข้าสู่สมาธิในการพิจารณารสชาติของอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย...........เสียงโทรศัพท์ก็ดังแหวกอากาศขึ้นมาทำลายสมาธิของเราทั้งสองคนให้ขาดสะบั้นลงโดยพลัน..............ผมมองมอลลี่เป็นเชิงบอกให้เธอรีบรับโทรศัพท์เสีย..............เธอส่งยิ้มหวานกลับมาก่อนจะบอกว่า
                       “พี่กั้ง รับโทรศัพท์สิ” ผมจึงได้สติ รีบลนลานควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าของตัวเอง...........เดี๋ยวนี้ชักจะป้ำๆเป๋อๆไปกันใหญ่แล้ว...........ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พลันหัวใจของผมก็พองโตด้วยความปิติ...............พลางชูให้มอลลี่ดู............
                     “นัทโทรมาแหล่ะ” ผมบอกมอลลี่เสียงใส รู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงซ่านด้วยความอายระคนดีใจจนออกนอกหน้า............

yuttaya

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #206 เมื่อ25-06-2007 09:59:29 »

ที่คุณ Thip บอกอ่ะถูกเผ็งเลยครับ ผมเคยไปคุยกับร่างทรง แล้วเค้าบอกว่านัทเป็นคู่กรรมกับผมในอดีตชาติ ผมจึงต้องมาชดใช้ให้เค้าในชาตินี้............ผมเคยคิดว่าทำไมต้องทนและก็รักเค้าทั้งๆที่เค้าไม่ดูแลความรู้สึกผมเลย...........สุดท้ายก็หาคำตอบไม่ได้อยู่ดี...........เค้าว่าคนที่เกิดมาเป็นเกย์เพราะผิดศีลข้อกาเม...........ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ในอดีตชาติผมคงเคยนอกใจและทำร้ายความรู้สึกเค้าเอาไว้เยอะมั้ง..........แต่ก็แล้วแต่คนเชื่ออ่ะนะ.............นานาจิตตังครับ

tor13

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #207 เมื่อ25-06-2007 10:21:08 »

ถามรีบนถ้าคนเป็นเกย์ชาติที่แล้วผิดศิลกาเมแล้วชายหญิงในชาตินี้ที่มันมัวพวกดาราและประชาชนทั้งหลาย
ตายไปก็ต้องเป็นเกย์กันหมดดิโอ้ยชาติหน้าก็มีแต่เกย์แน่ๆเลยไม่มีชายแท้หรือมีน้อยเหมือนชาตินี้เนอะ :m3: :m3:ดีใจจัง

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #208 เมื่อ25-06-2007 10:36:37 »

สงสารคุณพี่จัง อิอิ

ว่าแต่ว่า  นายเต้นี้  มีอิทธิพลต่อคุณพี่จังเลยนะ :m12:

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: คนละปลายทาง
«ตอบ #209 เมื่อ25-06-2007 13:06:27 »


ผมอึดอัดแทนอ่ะ         :m8:  :m8:  :m8:  :m8:  :m8:  :m8:




 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด