44
#
เช้ามากูไปส่งอิฐที่มหาลัย.... วันนี้ไม่มีเรียน และกูว่าจะเข้าไปหอสมุดของที่นี่เพื่อหาข้อมูลทำงานกูด้วย
ไปถึง..... กูเจอใครรู้ไหม.......
“น้องอิฐ.....” สิ้นเสียงอิฐก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของ.....มันซะแล้ว
ไอ้เนตร.... พี่สาวกูเอง มันมาทำอะไรที่นี่วะ
“เฮ่ย ปล่อย นี่มันแฟนต้านนะเว้ย” กูดึงแขนมันออกมา
เนตรรีบสะบัดมือกูออกแบบแหยงๆ
“แฟนแกเหรอ พูดให้สวยๆ นะ ตอนนี้คนทั้งคณะนี้ และมหาวิทยาลัยนี้ รู้ว่าน้องอิฐเป็นแฟนชั้น.... เชอะ พูดมาได้แฟนต้าน... ช่วยไตร่ตรองและใช้วิจารณญาณหน่อยนะว่าตอนนี้แกควรจะทำตัวยังไง รู้ไหมว่านอกจากจะก่อเรื่องไว้มากมายแล้วตัวเองยังต้องทำให้น้องอิฐเค้าเดือดร้อนอีก ระหว่างที่แกมัวแต่มุดหัวทำงานอยู่แต่ในคณะ ผู้หญิงเก่าๆ ของแกน่ะมาหาเรื่องน้องอิฐมาแล้วไม่รู้ตั้งกี่คน.....ไหนจะ......”
“พอแล้วครับพี่เนตร อย่าไปว่าพี่ต้านเลย เรื่องมันก็แล้วไปแล้ว อิฐก็ไม่ได้เป็นอะไร.......”
“ไม่ได้ๆ น้องอิฐ จะบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรได้ยังไง.... โดนตบไปซะหน้าหันยังบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก”
“เฮ้ย! โดนตบเหรอ ใครทำ!?” กูถามแทบจะตะโกน ตกใจ....อึ้ง ใจหายวาบ ไหนบอกกูว่าพวกนั้นไม่ได้มาหาเรื่องมึงไง
“คือ....ผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ พี่เนตรมาช่วยพูดให้ก่อน เลยรอด.....แหะๆ”
“ทำไมไม่ยอมบอกกู......” น้ำเสียงกูตัดพ้อกับมัน เสียใจจริงๆ ว่ะ มันต้องเจ็บตัวเพราะกู จะให้กูนิ่งเฉยได้ยังไง
“ไอ้ต้าน พอได้แล้วอย่ามาบ้า ที่น้องอิฐไม่บอก เพราะเค้าไม่อยากให้แกเป็นห่วงยังไงละยะ แล้วชั้นคนนี้ก็สามารถคลี่คลายปัญหาที่แกก่อไว้ได้อย่างไม่มีที่ติ เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นไปได้ แกคงรู้ตัวนะว่าการที่มาเสนอหน้าที่นี่บ่อยๆ น่ะ มันไม่ใช่ผลดีสักเท่าไหร่ .....เดี๋ยวที่นี่ชั้นจะดูแลน้องอิฐแทนให้เอง”
“หุบปาก!!” กูตะคอกให้เนตรมันเลิกพล่าม กูเป็นแฟนอิฐแล้วทำไมกูถึงปกป้องมันไม่ได้ ต้องให้คนอื่นมาช่วย มาทำหน้าที่แทนกู เพื่ออะไร....มันไม่จำเป็นเลย
กูดูแลของกูได้ เพียงแค่มันยอมบอกกูสักนิด กูจะรีบมาหาทันที
กูอยากเป็นคนที่มันคิดถึงเป็นคนแรกเมื่อมีปัญหา แต่ทำไม...... มันถึงเป็นอย่างนั้นไม่ได้ เพราะกูกับมันเป็นผู้ชายงั้นเหรอ... บัดซบสิ้นดีเลยว่ะ
“พี่ต้านใจเย็น... ผมขอโทษที่ไม่ได้บอก เพราะกลัวพี่จะมีเรื่องอ่ะ ที่จริงโดนแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก แมวข่วนยังเจ็บกว่าเลย แล้วพี่เนตรก็ช่วยพูดให้แล้วด้วย...”
“เงียบ!”
“....................”
“....................”
“ต้าน...ชั้นว่าแกคงยังไม่เข้าใจ ชั้นรู้ว่าแกรักน้องอิฐมาก แต่แกก็ต้องหันมองรอบข้างบ้างนะ จะทำตัวเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว ถ้าคิดจะปกป้องใครสักคนจริงๆ แกควรจะตั้งสติมีเหตุผลและคิดอะไรให้มันรอบคอบกว่านี้หน่อย ความมุทะลุเอาแต่ใจตัวเองน่ะ มันอาจจะช่วยให้หายบ้าได้เป็นพักๆ แต่ก็ไม่ตลอดไปหรอก”
“.........แล้วไง?” เหมือนสองคำนี้จะเป็นคำพูดติดปากกูไปซะแล้ว
“อย่ามากวนประสาทชั้นนะ ขอบอกไว้เลยว่าชั้นไม่อยากเห็นแกกับน้องอิฐต้องทะเลาะกันด้วยเรื่องบ้าๆ”
“...................”
“...................”
“....อืม...อยากทำอะไรกันก็เชิญ” กูพูดออกไปแบบนั้น.... เพราะแรงอารมณ์ของตัวเอง ความน้อยใจของตัวเอง ความบ้าของตัวเอง... ทุกความรู้สึก
กูห้ามไม่ได้ ตอนนี้ขอเวลาสักพัก ต่อไปกูคงนึกออกว่าจะทำยังไงต่อไปให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
กูขับรถออกไปจากที่ตรงนั้น.... ไปไหนวะ
ต้องทำงานสิ.... แต่สมองรวนแบบนี้จะไปมีอารมณ์ทำงานได้ยังไง
กูขับรถกลับเข้าเมือง...ยังมึนๆ ว่าจะไปที่ไหนดีวะ ที่สงบ เงียบ ไม่มีคน... แล้วก็ไม่ใช่บรรยากาศเดิมๆ
พอดีขับไปถึงสาทร แล้วนึกขึ้นได้.... ไปบ้านหม่อมคึกฤทธิ์ในซอยสวนพลูดีกว่าว่ะ
เหอะๆ โปรดอย่าสงสัยว่ากูเป็นญาติหม่อมรึไง ถึงได้ไปบ้านท่าน.... คือมันเป็นคล้ายๆ มิวเซียมน่ะคับพี่น้อง
แต่เป็นสถานที่ที่ค่อนข้างลึกลับไปซักหน่อย เลยไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว
กูไปถึงก็จัดการติดต่อเจ้าหน้าที่ขอจอดรถหน่อย... ตอนแรกเค้าไม่ให้ แต่อ้อนวอน แทบจะก้มกราบ เค้าเลยให้เอาเข้าไปจอด
กูเคยมากับเพื่อนที่คณะครั้งนึง เลยพอจะคุ้นๆ อยู่บ้าง ที่นี่เป็นบ้านเรือนไทยมีประมาณห้าหกหลัง... หญ้าสีเขียว ต้นไม้ร่มรื่นดูชุ่มชื้นท่ามกลางตึกสูงรอบด้าน
ไม่น่าเชื่อจะมีที่แบบนี้อยู่กลางใจเมือง... แต่มันก็มีไปแล้ว
กูมาที่นี่ ไม่ได้มีเป้าหมายอะไร แค่มาปล่อยใจเฉยๆ ในรถจะมีชาร์ลโคล กับสมุดสเก็ตอยู่ กูหยิบมาวาดๆ เรือนไทยหลายๆ มุมไปประมาณสามสี่รูปก็นอนแผ่อยู่กลางเรือน การจดจ่อทำอะไรบางอย่าง.... โดยเฉพาะสิ่งที่ชอบมันช่วยทำให้สบายใจขึ้นนะ
“ไม่ใช่ว่าอิฐไม่ไว้ใจกู แต่มันแค่ไม่อยากให้กูคิดมาก”
อืม....
กูลากแท่งถ่านสีดำในมือเป็นโครงหน้าของคนที่กำลังนึกถึงอยู่ตอนนี้......
“แต่การที่ไม่บอกแล้วกูมารู้ทีหลังจะไม่ทำให้กูคิดมากได้เหรออิฐ กูก็คิดมากอยู่ดี......” กูปิดสมุดสเก็ตแล้วโยนมันไปกลางสนามหญ้า
ชิบหายเกือบกระเด็นตกน้ำ...
“หรือว่าจะไปลองคุยกับแม่ดูวะ...”
ลองอธิบายให้แม่เข้าใจ... ความรู้สึกกู .....ทุกอย่างที่กูทำ... ถึงเชื้อบ้ามันจะแรงเกินลิมิตที่แม่ขีดไว้ แต่กูจะพยายาม
พยายาม..... นึกถึงใจท่านให้มากกว่านี้
#
นี่คือสิ่งที่กูคิดได้....
คิดได้แค่นี้เหรอวะ........?
RRRR-
อิฐ โทร มา ว่ะ....
“ฮัลโหล”
“พี่ต้านครับ จะมารับอิฐมั้ย?”
“มึงอยากให้กูไปป่าวล่ะ”
“.........................”
“ถ้าไม่อยากกูก็จะไม่ไป” กูพูดจริงๆ นะคราวนี้ ไม่ได้ประชด ไม่ได้น้อยใจ แค่กูรู้สึกว่าตัวเองให้อิสระกับมันน้อยเหลือเกิน กูไม่อยากให้มันอึดอัดที่จะอยู่กับกู แต่จะคิดแบบนี้ได้สักกี่น้ำวะ
“จะกลับเองหรือกลับกับเพื่อนก็ได้ กูไม่ว่าหรอก ไม่ได้โมโห ไม่ได้โกรธ ฟังเสียงกู กูไม่ได้โกรธ เมื่อเช้ากูเข้าใจแล้ว กูคงบ้าไปเองคนเดียว”
“..........................”
“ว่าไง....ตกลงจะเอายังไง?”
“...................ผมอยากให้พี่มารับ” เสียงอิฐดูหงอยๆ มันจะเป็นแบบนี้เวลาที่ตัวเองรู้สึกผิด
“โอเค ตอนนี้กูอยู่สาทรว่ะ กว่าจะไปถึงก็ประมาณชั่วโมงกว่าๆ ได้มั้ง รอได้ป่าวล่ะ?”
“รอได้ครับ ถ้างั้นอิฐรอที่หอสมุดนะ”
วางสายกูก็ไปเอารถขับออกไปรับอิฐทันที....
RRRR-
อะไรอีกล่ะ ไอ้เชี่ยกล้า....
“เออ มีไรกูขับรถอยู่” ต้องเสียบสมอล ทอร์ค โคตรลำบากเลย
“ดังใหญ่แล้วมึงไอ้ต้าน หลังจากกูกลับไปมึงมีเรื่องอะไรกับมินวะ หน้ามึงถึงได้ไปประทับอยู่บนแมกกาซีนxxx น่ะ” ..ชิบหายละ.... ที่คิดเอาไว้มันเกิดขึ้นจริงเหรอเนี่ย....
“ข่าวว่าไงมั่ง?” กูถามเสียงเครียด
“ด่ามึงไม่มีดีเลยว่ะ ว่ามึงเจ้าชู้ เพลย์บอย คบผู้หญิงไม่เลือก นอกใจมินไปทำผู้หญิงคนอื่นท้อง ทำร้ายมิน ด่าว่าเค้าเสียๆ หายๆ ลงชื่อนามสกุลว่ามึงเป็นลูกใครด้วย.... เรียกงานเข้าไม่ได้แล้วมึง นี่มันเมกะโปรเจคเลยว่ะ”
กูฟังแล้วโคตรโมโห.... พวกแม่งนี่อีกแล้ว ขอให้ได้ลงข่าวให้เต็มๆ หน้ากระดาษรึไงวะ จริงเท็จไม่รู้ยังเสือกเอามาเขียนอีก
....บอกตรงๆ นักข่าวเป็นพวกที่กูเกลียดเป็นอันดับสองรองจากตำรวจเลย
ถ้ามินเป็นคนปกติ ไม่ใช่ดารานางแบบเรื่องปวดหัวพวกนี้คงไม่พร้อมใจประเคนใส่กูเต็มๆ แบบนี้หรอก
“ในนี้ลงภาพมึงทะเลาะกับมินในห้างและก็ตอนมึงยกแขนอ่ะ มึงจะตบมินเหรอวะ?” ไอ้กล้าถาม
“ไม่ใช่ละไอ้เหี้ย กูดึงแขนออกจากมือมินต่างหาก เค้ามาจับมือกูดึงไว้ไม่ยอมให้ไป กูเลยต้องกระชากออก แม่งเอ๊ย ช่างหัวมันเถอะ....”
“ช่างได้ไงละไอ้สัด.... พ่อมึงรู้ไม่ซวยเหรอวะ?”
ให้มันได้อย่างนี้สิวะ.... จะเขียนชื่อพ่อกูกับนามสกุลทำหอกอะไร.... ถ้ามันกระทบการทำงานของพ่อ กูแย่แน่...
“แค่นี้นะกล้า ขอบใจที่โทรมาบอกว่ะ” ปวดหัวเว้ย
“กูว่ามึงคงอยู่สงบไม่ได้สักระยะล่ะวะ.... ต้องมีนักข่าวมาหามึงชัวร์” ไอ้กล้าช่างตอกย้ำ
“อืม งั้นช่วงนี้กูคงต้องหายเข้ากลีบเมฆ มีไรมึงโทรเข้าเครื่องอิฐหรือเบอร์ห้องกูละกัน”
“ใจคอมึงจะไม่โผล่หัวมาแก้ข่าวเลยเหรอ?”
“ช่วงนี้อิฐอยู่กับกู ขืนให้นักข่าวมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ เดี๋ยวแม่งจะยุ่งไปกันใหญ่ คราวนี้เมกะโปรเจคคงไม่พอแล้วว่ะสำหรับความซวยของกู”
“เหอะๆ ไม่รู้ข่าวนี้มินจะปั่นกระแสให้ตัวเองดังด้วยป่าวนะ... เพราะเค้ากำลังโปรโมทหนังเรื่องใหม่อยู่”
“เหี้ยเอ๊ย... ทำไมต้องเป็นกูด้วยวะ กูไม่ใช่เซเลบซักหน่อย” เอาตรงๆ นะ กูก็แค่คนธรรมดา พ่อแม่ออกงานสังคมบ้างตามโอกาส ปกติไม่มีใครมาสนใจกูหรอก ไม่งั้นที่กูมีเรื่องวิวาทจนต้องไปนั่งเจ๋ออยู่ในสน. พวกแมร่งคงเอาไปออกข่าวประจานแล้ว
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะวะ มึงลูกไฮโซหนิ” ยังไม่จบ
“เออ มีไรเดี๋ยวกูโทรไปละกัน บายเว้ย” เซ็ง...
“เออ โชคดีมึง”
กูขับไปจนกระทั่งถึงหอสมุดที่นัดกับอิฐไว้ ตอนแรกว่าจะโทรให้มันออกมาหาที่รถ แต่กูว่าจะไปดูข้อมูลทำงานตั้งแต่เช้าแล้วเสือกบลิ้วอารมณ์ไม่ออก
ไหนๆ ก็ไหนๆ ทำงานตัวเองซักนิดนึง เดี๋ยวจะไม่ได้ตามแผนที่วางไว้
RRR- โทรไปบอกอิฐสักหน่อย
“ครับ”
“ถึงแล้วนะ... แต่เดี๋ยวกูหาหนังสือก่อนแป้บนึง มึงนั่งอยู่แถวไหน เสร็จแล้วกูเดินไปหา”
“ผมอยู่ชั้น 2 โซนxxx”
“โอเค รออีกแป้บนะ”
“ไม่เป็นไรพี่ หาไปเรื่อยๆ ก็ได้ ผมก็ทำการบ้านอยู่เหมือนกัน”
วางสาย... ขั้นแรกกูเดินเข้าไปเสิร์ชรายชื่อหนังสือที่คอมพิวเตอร์ก่อน ข้อมูลที่เกี่ยวข้องแมร่งเรียงกันเป็นตับ... เห็นแล้วกูมึน
ชาติไหนจะเสร็จวะเนี่ย...... ไม่น่าชิวเลยกรู
จดที่อยู่ของหนังสือเสร็จก็ร่วมหลายนาที... กูเดินเซ็งๆ ขึ้นบันไดไปชั้นสอง ขอแอบไปดูหน้าที่รักกูให้ชื่นใจหน่อยดีกว่า
RRRR- มือถือในกระเป๋าสั่น กูหยิบมาดู
ชิบหาย พ่อกูโทรมา
H
ขออภัยทุกท่าน เมื่อวานไม่ได้ลงเรื่อง
เนื่องจากข้าพเจ้ากินยาแล้วหลับเพลิน... รักษาสุขภาพกันด้วยเน้อ