ซินเจียหยู่อี้ ซินนี้ฮวดไซ้ (เขียนถูกป่ะเนี่ย แหะ ๆ
)
:m1:ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆนะจ้า จากใจเจ๊จืดเองเลย
-----------ตอนที่ 29----------------- ไม่จริง ไม่จริ๊ง ไม่จริง ฉันไม่ได้ชอบนายภู ไม่ชอบจริง ๆ นะ ฉันก็แค่... คิดเรื่องของมันมากไปหน่อยเท่านั้นเองแหละ คิดมากไปได้น่าเรา เอาล่ะ มาถึงร้านแล้ว
“สี่ที่ครับ”
“ด้านในเลยครับ” เราเดินไปนั่งโต๊ะที่อยู่ด้านในร้าน จากนั้นก็สั่งอาหารกัน
“ยังกินไหวอีกเหรอจืด” นายเอกถามฉัน
“พอเป็นพิธีน่า ไม่น่าเกลียดไง” ฉันบอกไป
“เอางั้นก็ได้ ขอสเต๊กเนื้อครับ”
“ขอสเต๊กไก่ละกัน” ฉันไม่กินเนื้อวัวเจ้าค่ะ
สองคนนั้นสั่งไปก่อนหน้านี้แล้ว คราวนี้ก็มานั่งรอกันล่ะ
“เอ่อ นี่เพื่อนฉัน ชื่อ ออยนะ เรียนคณะเดียวกันมา” นายภูแนะนำเพื่อนมัน
“ชื่อออยค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก” อึก... ชื่อออยเรอะ ตายล่ะ ชื่อนี้ฟังแล้วแสลงยิ่งนัก (คงจะจำกันได้นะ นังออยในภาคแรกน่ะ) ไหงดันมาชื่อเหมือนกันเสียได้
“หวัดดีครับ ผมเอกนะคับ” แหม เอาใหญ่เลยนะแก
“ฉันชื่อ...” กำลังจะพูดอยู่พอดี
“จืดครับ เพื่อนสนิทผมเอง” เย้ย... ไปพูดแบบนั้นได้ไงเนี่ย
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เป็นเพื่อนกับภูเหรอคะเนี่ย” ก็ใช่นะสิยะ ถ้าไม่ใช่เพื่อนจะมาด้วยกันได้ไง
“ครับ แล้วนี่ออยจะมาเที่ยวสักกี่วันครับเนี่ย”
“ก็คงสามวันแหละค่ะ หยุดนานไม่ได้”
“แล้วทำงานที่ไหนครับ” นายเอกถามจังนะแก
“ตรังค่ะ พอดีเป็นวันหยุดยาวก็เลยกะว่าจะมาเที่ยวซะหน่อย ดีนะคะที่ภูก็ทำงานอยู่ที่นี่” ยัยออย (สรรพนามเริ่มปลี่ยน เพราะชีดูสตอมาก) หันไปมองทางตาภูด้วยสายตาเกินเพื่อนจริง ๆ
“ไหนบอกว่าเป็นเพื่อนไงวะ” แอบบ่นพึมพำ
“เมื่อกี้ พูดว่าอะไรเหรอ” นายเอกหันมาถามฉัน
“ปะเปล่า ไม่มีอะไร สเต๊กมาแล้ว” ฉันรีบเบนความสนใจไปที่ของกินทันที
ตั้งแต่มาถึง ดูนายภูจะไม่ค่อยพูดอะไรเอาซะเลย เอาแต่เงียบ คิดอะไรอยู่กันแน่นะ ตานี่ ส่วนนายเอกก็เอาแต่จ้ออยู่นั่นแหละ ชักจะรำคาญแล้วสิ ส่วนยัยออยก็ดูจะอ้อนนายภูซะเหลือเกิน แหงเลย ยัยนี่ต้องชอบนายภูแน่ ๆ
“มองอะไรอยู่ได้” นายภูพูดขึ้น
“เอ๋.... มอง มองอะไรเหรอ” ฉันทำเป็นเหรอๆหราๆ
“ช่างเหอะ อิ่มแล้วเหรอออย” มันหันไปถามแฟน เอ้ย เพื่อนมัน
“อื้ม เสร็จแล้วเราจะไปไหนต่อกันดีล่ะ”
“ไปชมวิวที่เขารังกันมั้ย” นายเอกภูมิใจนำเสนอ
“หืม เขารัง ที่ไหนคะ” ชีแอ๊บทำงง เอ่อ ฉันก็งงเหมือนกัน มันที่ไหนกันเหรอ มาอยู่ตั้งนานไม่เห็นรู้จักเลยล่ะ
“แถว ๆ นี้แหละ ตกลงไปกันนะ” นายเอกดูดี๊ด๊าแปลกๆ
“มันมีอะไรบนนั้นเหรอแก” ฉันถามมันไป
“ก็จุดชมวิวไง” ก็รู้อยู่แล้ว แต่ฉันว่ามันมีอะไรแปลก ๆ นะ
“แค่นั้นเหรอ”
“อืม แค่นั้นแหละ ไปกันเถอะ เด๋วมันจะดึกไป”
“ไปสิ” แล้วเราสี่คนก็เดินทางไปยังจุดชมวิวที่เขาบอกว่าสวยมาก มองเห็นวิวในเมืองได้ทั่วเลยล่ะ ยิ่งตอนกลางคืนยิ่งสวย
แต่ทางขึ้นเขานี่สิ น่ากลัวชิบเป๋ง ถ้ามาคนเดียวนะ ไม่มาเด็ดขาดเลย แต่ดูจากพวกเด็กวัยรุ่นพวกนี้แล้ว ใจกล้าน่าดู สงสัยคงจะขึ้นมา.... เหอะ ไม่อยากจะคิดอกุศล เสื่อมเปล่าๆ
“ถึงแล้ว” นายเอกจอดรถตรงจุดจอด
“ทางน่ากลัวมากเลยอ้ะ”
“ไม่ต้องกลัว มากับฉันแล้วปลอดภัยหายห่วง” เหอๆ มากับแกแหละน่ากลัว
“ป่ะ ไปทางด้านนู้นกัน” นายเอกเดินนำหน้าฉันไปก่อน ส่วนสองคนนั้นเดินตามหลังมา
พอเดินมาถึงจุดที่เอาไว้ชมวิวแล้ว ฉันก็ต้องตกตะลึงในความงามของเมืองภูเก็ต แสงไฟจากตึกมากมาย ระยิบระยับสดใสท่ามกลางความมืดมิด สวยงามมาก ๆ เลยล่ะ ฉันยืนมองเพลิน ๆ นายเอกก็ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วย ถามขึ้นว่า
“ชอบมั้ย”
“ชอบสิ ไม่นึกเลยนะว่าจะมีที่แบบนี้ด้วย ฉันนี่มันหลังเขาจริงๆเลย” ฉันหัวเราะเบาๆ
“ก็ไม่บอกล่ะอยากไปเที่ยวไหน คราวหน้าจะได้พาไป” จริงสินะ ฉันแทบจะยังไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลยนอกจากในเมืองนี่ แถมยังเที่ยวไม่หมดอีกตะหาก
“อืม แล้วมันมีที่ไหนน่าไปมั้งล่ะ”
“แหลมพรมเทพไง ไปดูพระอาทิตย์ตกทะเลกัน”
“ตกทะเลเหรอ คิก เคยได้ยินแต่ตกดิน เพิ่งจะเคยเห็นตกทะเลนี่แหละ”
“แล้วก็ยังมีหาดป่าตองด้วยนะ รับรองต้องชอบแน่ ๆ”
“พูดแล้วนะ ว่าจะพาไป ห้ามเบี๊ยวด้วยล่ะแก” ฉันขู่นิดนึง
“ไม่เบี๊ยวหรอกน่า พาไปแน่ ๆ” นายเอกหันมามองฉัน ด้วยสายตาทะแม่ง ๆ คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง ก็เราเป็นเพื่อนสนิทกันไม่ใช่เรอะ แถมฉันไม่ใช่ผู้หญิงด้วยนะยะ อย่ามาคิดอะไรแปลก ๆ
“คิดถึงบ้านจัง” คิดมาถึงตรงนี้ฉันก็อดคิดถึงเพื่อนสาวไม่ได้ อยากเจอกันอีกจังเลย
แล้วฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้น ยังคงนั่งมองวิวไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่า มีใครอีกคนกำลังนั่งมองมาทางฉันอยู่
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++