เวงกำ จริงๆ ผมขอโทษสำหรับสิ่งที่เขียนผิด ความผิดน้อยข้าน้อยขอรับไว้คนเดียว มาอีกแล้วเรื่องราวที่มันไร้สาระ แต่มันตั้งใส่ เพราะจะได้ข้ามต่อไปในส่วนของเนื้อเรื่องอีก เวลาของทั้งสองปีกำลังจะเดินทับกันแล้วครับผม หลังจากที่ผมรู้ว่ามิ๊กฟื้นแล้ว แต่ผมยังต้องกลับไปเรียนอยู่ ผมมีโอกาสได้กลับไปที่ห้องนอนของมิ๊กอีกครั้ง เพื่อไปเก็บของตามที่แม่มิ๊กสั่งแล้วก็ได้เจออะไรบ้างอย่างที่เราเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน รูปของโน๊ตยังต้องติดไว้ก่อนนะครับ ส่วนคนที่ไม่ทันรูปมิ๊ก คงต้องรออารมณ์ผมแล้วละครับว่าจะเอามาใส่เมื่อไร รูปมิ๊กที่เห็นนั้น มันผ่านการทำอะไรหลายๆอย่างมาแล้วนะครับ เพราะจากที่โดนรุมตอนนั้น อะไรอะไรก็เสียหายไปเยอะ วันนี้คนที่นอนข้างกันมันอู่อีกแล้ว แค่ข้าวยังไม่ลงไปซื้อให้กินเลย
ปล.ใครมาบอกว่าผมเป็นรับ แค่ผมขยันเขียนเรื่องราวของตัวเอง อย่าเหมารวมสิครับว่าต้องเป็นผู้รับบทบาทเป็นผู้หญิง เสียหมดเลย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“คุณจะเอาเท่าไร รีบๆเรียกมาเลย ฉันจะได้พาลูกฉันกลับบ้าน” มีคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่มิ๊กมายืนอ๋อกันที่หน้ากรงขังยืนดูลูกตัวเองเต็มไปหมด ส่วนหนึ่งเดินเข้ามาคุยกันแม่มิ๊ก ผมเดินเข้ามาทันเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างพอดี
“ทำไมคนมันเยอะแบบนี้ว่ะโน๊ต”
“จะไปรู้ได้ไงเหล่าก็มาด้วยกันนิว้า” ไม่ได้ช่วยอะไรกรุเลย ผมเดินตรงเข้าไปหาแม่ผมเลยดีกว่า
“แม่ อะไรเนี่ย ทำไมคนมันเยอะแบบนี้อ่ะ”
“อ้าว มาไงเนี่ย”
“โน๊ตเอารถแม่มิ๊กมา”
“เนี่ย ไอ้พวกเนี่ยละที่รุมตีไอ้มิ๊ก ”
“ทั้งหมดนี้เลยอ๋อ เป็น 10 คนเนี่ยนะ ยังเด็กๆอยู่เลยนิแม่” แล้วเสียงการสนทนาของผมกับแม่ก็ถูกกลบไปด้วยบทสนทนาที่มีพลังแล้วก็น่าสนใจกว่า
“ลูกแก ไปหาเรื่องพวกลูกฉันก่อนรึเปล่า ลูกฉันเป็นคนดีนะค่ะ ไม่มีหรอกเรื่องพวกนี้ ถ้าเขาไม่เหลืออดจริงๆจะไปทำลูกคุณทำไม” ผู้หญิงที่ผมไม่รู้จัก แต่งตัวธรรมดาในสายตาผม ยืนเท้าเอวคุยกับแม่มิ๊ก
“หรอค่ะ ลูกฉันคงโง่ไปหาเรื่องพวกคุณ มั้งค่ะ ลูกฉันมีแค่ตัวคนเดียว คงไปหาเรื่องกับพวกลูกคนเป็น 10 ใช่ไหมค่ะ แล้วมันเรื่องอะไรที่ลูกฉันจะต้องเอาอนาคตไปแลกกับพวกไม่มีอนาคตอย่างลูกคุณ”
“คุณมาว่าลูกฉันแบบนี้ไม่ได้นะ คุณตำรวจค่ะ ฉันจะฟ้องอีนี้ค่ะ”
“เอาสิ เชิญฟ้องได้เลยตามสบาย เงินฉันมีเยอะแยะ พวกแกทุกคน เตรียมตัวไปเยี่ยมลูกแกในคุกได้เลยนะ” แม่มิ๊กชี้หน้าทุกคนที่กำลังยืนฟังบทสนทนานี้อยู่ ทุกคนเริ่มจะโวยวาย มาอารมณ์หมู่ เริ่มไม่พอใจเดินรุมกันเข้ามายังที่แม่มิ๊ก
“จะทำอะไร ลูกพวกแกทำลูกฉันยังไม่พอใช่ไหม จะเอาฉันอีกคนใช่ไหม” ตำรวจคงเห็นท่าจะไม่ดีแล้ว นี้มันคงไม่ใช่การเจรจาธรรมดาแล้วสิครับ
“แกจะเอายังไง จะเรียกค่าทำขวัญเท่าไรบอกมาเลย แค่แด็กทะเลาะกัน ทำเป็นเรื่องใหญ่” มีลุงผู้ชายคนหนึ่งพูดเสริมขึ้นมา
“นี้คนตำรวจค่ะ คุณแจ้งข้อหาให้คนพวกนี้รู้รึยังค่ะ”
“ยังครับ ผมคิดว่าคุณจะตกลงกันได้”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่ตกลง แจ้งข้อหาไปเลยค่ะ” ผมสังเกตุเห็นน้องๆหลายๆคนในกรงขังมายืนเกาะลูกกรงค่อยฟังการสนทนาครั้งนี้
“น้าๆครับ ที่ตำรวจจับลูกพวกคุณมาในวันนี้เป็นข้อหา ทะเลาะวิวาทในที่สาธารณะนะครับ” ร้อยเวรพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ผมเองแอบคิดในใจว่ามันต้องหนักกว่านี้ไม่ใช่รึไงว่ะ
“สงสัยจะเข้าใจอะไรผิดแล้วค่ะ คุณตำรวจ ถึงฉันไม่ได้เรียนกฏหมายมาแต่ฉันก็พอจะรู้นะค่ะว่าที่ลูกฉันโดนเนี่ยเรียกว่าอะไร” มีเสียงโวยวายดังขึ้นอีกแล้ว หลายๆคนไม่พอใจแม่มิ๊กเอามากๆ
“แกเป็นใครว่ะ จะมารู้ดีกว่าตำรวจได้ยังไงว่ะ”
“ฉันก็เป็นฉันเนี่ยละ ถ้าตำรวจแจ้งข้อหาแบบนี้ เจอทนายฉันแน่ เพราะที่ลูกพวกแกทำคือพยายามฆ่าชัดๆ”
“แกเอาอะไรมาพูด”
“ลูกฉันนี้ไง ที่นอนเป็นตายอยู่ที่โรงพยาบาล มันจะแค่ทะเลาะกันไหม” ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องวุ่นวายไปหมดแล้วต่างคนก็มีความคิดเป็นของตัวเอง ไอ้โน๊ตเองก็ดูจะสนุกกับเรื่องนี้ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ในความวุ่นวายก็ยังมีเรื่องดีๆอยู่ พี่อ้อโทรมาบอกว่ามิ๊กรู้สึกตัวเอง แม่มิ๊กจากที่ร้อนๆอยู่ตะกี้ก็เย็นลง แล้วรีบไปดูลูกชายทันที ปล่อยให้ผมกับแม่ จัดการเรื่องนี้ต่อ
“พวกแกจำไว้นะ ยังไงฉันก็ไม่มีทางยอมความเด็กขาด ไปตั้งทนายมาได้เลย เงินฉันมีเยอะ แล้วฉันไม่ได้ต้องการเงินของพวกแกด้วย ถ้าแกจะยัดเงินให้ตำรวจแล้วคดีล้ม ฉันก็จะยัดมากกว่าแก จำไว้” แล้วแม่มิ๊กก็เดินจากไปพร้อมกับพ่อมิ๊กแล้วก็พ่อผม
“แม่ไปก่อนนะโอมห์ ฝากด้วยนะเธอ ไปดูเจ้ามิ๊กมันก่อน เสร็จแล้วตามไปนะ” ผมกับแม่แล้วก็โน๊ตอย่างน้อยก็ยิ้มออกแล้วในตอนนี้ โล่งใจไปอีกนึกหนึ่ง ลุงคนเมื่อวานเดินลงมาพอดี เสียดายที่ไม่เห็นตอนแม่มิ๊กออกลาย แต่ก็คงมาเห็นความวุ่นวายด้านล่างนี้พอดี
“อะไรกัน ร้อยเวร ทำไมเสียงดังโวยวายไปถึงฉันบนเลย”
“ขอโทษครับ พอดีมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย”
“เข้าใจผิดอะไรกัน”
“เรื่องข้อหาครับ”
“ทำไม ข้อหาทำไม”
“ตำรวจที่ลงบันทึกประจำวัน ลงไว้ว่าเป็นการทะเลาะวิวาทในที่สาธารณะครับ”
“เห้ย ได้ยังไง คดีนี้มันพยายามฆ่ากันชัดๆ เดี๋ยวเรียกคนที่ลงบันทึกประจำวันไปคุยกับผมที่ห้องด้วยนะ”
“ได้ไงค่ะคุณตำรวจ ข้อหานี้มันหนักไปรึเปล่าค่ะ แล้วอนาคตของลูกฉันละค่ะ ” จากไอ้ที่ปากเก่งตะกี้ มาเข้าโหมดบีบน้ำตากันทั้งนั้น ลุงตำรวจไม่ได้สนใจคุยกับกลุ่มคนพวกนั้นเลย เดินเข้ามาหาแม่ผมแทน
“เห็นไหม ฉันบอกแล้ว ว่าเราทำงานเร็ว ยังไงก็จับได้”
“ค่ะ ไปกรุงเทพเมื่อไรจะจัดให้ชุดใหญ่เลย ดูแลเป็นอย่างดี” (แม่หมายถึงสปานะครับ)
“ให้มันจริงเถอะ อ้าวแล้วเพื่อนเธอไปไหนสะละ”
“พอดีลูกชายเขาฟื้นแล้วค่ะ ก็เลยรีบไปดูลูกชายเขา”
“ดีเลย เดี๋ยวจะได้ให้ลูกน้องไปสอบปากคำ”
“อ๋อน้าครับ แต่เห็นหมอว่าอาจจะจจำอะไรไม่ได้นะครับ เรื่องที่เพิ่งเกิด”
“อ้าว แบบนี้ก็แย่สิ แล้วจะเอาผิดกับไอ้พวกนี้ยังไงละ” ป้า ณี เข้ามาในหัวผมทันทีเลยครับ
“มีพยานครับผม เยอะด้วย ที่เห็นเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าจะใช้ได้รึเปล่า”
“ได้สิ ไม่ต้องห่วงเลย ได้แน่นอน”
“เอ๋อ เล่าไปเล่าเรื่องให้พวกแม่พ่อไอ้พวกห่านั้นฟังไป เขาจะได้เลิกโวยวายสักที จะได้รู้ว่ารู้เขาทำอะไร รำคาญจริงๆเลย พวกเลี้ยงลูกไม่เป็น ดีแต่ให้ท้าย”
“ครับ”
“ไปเธอ กินข้าวมารึยัง ไปกินข้าวกัน ปล่อยเด็กๆไว้นี้ละ มันโตแล้ว” อ้าวยังไงกันเนี่ย ผมรู้ทีหลังนะครับ ว่าม่กับลุงคนนี้สนิทกันมาตั้งแต่ ผมยังเป็นเด็กแล้ว ป.2 มั้งครับ เหมือนก่อนลุงเป็นแค่ตำรวจารจรแถวๆบ้านผมนะครับ แล้วมีวันหนึ่งรถแม่ผมเสีย ลุงเลยอาสาขับรถไปส่งผมที่โรงเรียน ก็เลยได้รู้จักกันมาตั้งแต่ตอนนั้น พอแม่ออกไป ผมกค่อยๆเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเท่าที่ผมได้ยินมา แต่ก็ไม่ได้เอ๋ยนะครับว่าใครเป็นคนเห็น แต่ก็เล่าว่ามิ๊กเป็นยังไง ตอนนี้อาการหนักแค่ไหน
“........................................................ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามลูกน้าๆดูนะครับว่าทำจริงรึเปล่า แต่เพื่อนผม เรียนอยู่เชียงใหม่ เขาไม่มทีเหตุผลต้องมามีเรื่องกับพวกลูกน้าหรอกนะครับ อีกอย่างพวกผมก็กลับมาเที่ยวบ้านกันแค่ปีละไม่กี่ครั้ง จะไปรู้จักกับพวกลูกน้าได้ยังไง ” หลายๆคนดูเหมือนจะเข้าใจ
“เอ๋อ แต่ทนายของเพื่อนผมเก่งนะครับ ” ผมยิ้มให้ไอ้พวกในกรง ก่อนที่ชวนโน๊ตกลับไปที่โรงพยาบาล
“อ้าว น้องโอมห์ ลมอะไรหอบมาถึงโรงพักเลยละครับ” ผมชายในเครื่องแบบทักทายผม แบบเป็นกันเองระหว่างทางเดินไปที่รถ
“อ๋อพี่ มาเรื่องเพื่อนนะครับ”
“โดนใบสั่งมารึเปล่าครับ เดี๋ยวพี่เอาออกให้”
“ไม่ใช่ครับ พอดีเพื่อนโดนไอ้พวกในกรงมันรุมตีมานะพี่”
“คนที่ช่วยเด็กนั้นรึเปล่า” ผมพยักหน้า
“ได้เลยๆ เดี๋ยวพี่ช่วยอีกแรงนะ น้องโอมห์ ไอ้พวกนี้มันต้องขังลืมไปเลย พี่ไปทำธุระก่อนนะครับ”
“สวัสดีครับพี่ มีอะไรก็โทรมานะคราฟ”
“คนรู้จักเยอะจริงนะ แฟนผมเนี่ย” ผมยิ้มให้โน๊ต คือกรูไปตกลงเมื่อไรว่ะว่าเป็นแฟนมันเนี่ย
“ไหนๆใครแฟนโน๊ต อยู่ไหนๆ”
“อ้าวพูดงี้ เดินไปหาไอ้ตี๋เองไหม”
“นะ ไปหาข้าวกินก่อนนะ เดี๋ยวบอกทาง”
ความทรงจำจากสมุดเล่มหนึ่ง
“มิ๊กๆ โอมห์นะจำโอมห์ได้ไหม” ผมกุมมือโน๊ตไว้แน่นหวังว่าตัวเองจะได้คำตอบที่ผมหวังไว้ หลังจากที่แม่ผิดไว้ไปคนแล้ว สายตามิ๊กเม๋อลอย มองมาที่ผมแววตาดูไร้จุดหมายไม่โฟกัสที่ใครทั้งสิ้น มีน้ำตาของผมเนี่ยละครับ ที่ไหลออกมาอีกแล้ว ผมไม่ได้อายคนด้านนอกรึว่าคนข้างๆผมเลย
“มิ๊ก เมิงจำกรูได้ไหม โอมห์ไง”
“ตำรวจจับคนที่ทำแบบนี้กับเมิงได้แล้วนะ” ปากมิ๊กเริ่มขยับ เหมือนกำลังจะพูดอะไรบ้างอย่าง ผมปล่อยมือจากโน๊ตแล้วมากุมมือมิ๊กแทน
“มิ๊ก ............” น้ำตาผมไหลเพราะสภาพที่มันกำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ เพราะเรารึเปล่าที่ทำตัวงี่เง่าถึงทำให้มันต้องเจ็บขนาดนี้ ถ้าเรายอมรับคำขอโทษชองมัน มันก็ไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้
“มะ มะ ปะ ปะ ระ ระ อะ โอม ระ ออ หะ ไห ทะ ทะ ไม” มิ๊กพยายามขยับปาก ออกเสียงเบาๆ แต่ผมก็ตั้งใจฟัง