=== ตอนที่ 32 ===
“แคร๊ง!! แครกกกกกกกก” เสียงประตูเหล็กหน้าบ้านกับตระแกรงเหล็กที่ครูดไปกับพื้นคอนกรีต ตะแกรงนี้ผมเคยเอามาติดกับประตูไว้กันลูกหมาวิ่งออกตอนนี้น้องหมาไปอยู่บ้านป้าเรียบร้อยแล้วเพราะผมไม่มีเวลาดูแล ผมเดินเข้ามาในบ้าน ไขกุญแจที่คล้องไว้ ตามด้วยกุญแจลูกบิด ( ล็อคอะไรหลายชั้นจังฟร่ะ ) ก่อนจะเข้าไปในตัวบ้าน ผมลากกระเป๋าเดินทางที่ใส่เสื้อผ้ารวมถึงสิ่งของอื่นๆมาไว้ที่ข้างๆโซฟาหน้าทีวีก่อนจะล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทางแล้วผมก็หลับไม่รู้เรื่องเลยจนมาตื่นอีกทีก็เช้าของอีกวันแล้ว ผมลุกขึ้นมานั่งอยู่บนโซฟา แล้วก็ไม่ลืมที่จะมองไปที่นาฬิกาที่ห้อยอยู่ตรงข้าม
“12.30 น.” ผมนั่งนิ่งๆอยู่อย่างนั้นต่อไปพักใหญ่ๆคิดไปเรื่อยๆแต่ไม่รู้ว่าคิดอะไรจนกระทั่งนึกได้ว่า
“วันนี้กรูมีเรียนบ่ายนี่หว่า” ผมบ่นพึมพำคนเดียว แต่ผมยังเพลียอยู่เลยอ่ะ อยากนอนต่อ ผมหยิบมือถือที่วางไว้บนโต๊ะกระจกทั้งสองเครื่องเดินเซๆขึ้นห้องนอนก่อนจะกดเปิดแอร์ที่ยี่สิบสององศาแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆ ผมตะกายๆผ้าห่มขึ้นมาหอมแล้วก็กอดไว้พอเป็นพิธี แล้วกะว่าจะหลับต่อจะลุกอีกทีก็สักบ่ายสามโมงสิบห้านาที ตอนนั้นสายตาผมมองผ่านหน้าต่างออกไป เห็นท้องฟ้าสีฟ้า วันนี้ฟ้าดูโปร่งมากเลยทีเดียวแสงแดดก็กำลังเหมาะแก่การถ่ายรูปมาเลยบรรยากาศดีแบบนี้น่าออกไปถ่ายรูปมาโครเล่นๆ แต่ง่วงอะ อยากนอนๆ แล้วผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
“น้องบี 3 Misscall”“น้องอ้น 2 MissCall”“น้องว่าน 2 MissCall”“พี่ป้อม 3 Misscall”“ต้นหอม 4 Misscall”ฯลฯ
“ข้อความไม่ได้อ่าน 47 ข้อความ” รวมๆแล้วมีคนโทรหาผมตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงเที่ยงของวันนี้ สามสิบกว่าคน ผมนอนมองอยู่พักหนึ่งความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้น
“ถ้ากรูลงสมัคร อบต. สงสัยจะได้แหงๆ” ก่อนที่ผมกดโทรหาอาจารย์ที่เข้าสอนภาคบ่าย
“ตรู๊ดดดดด......ตรู๊ดดดดดดด.....ตรู๊ดดดดดดดดด” ไม่มีคนรับครับ แล้วผมก็โทรไปอีกประมาณสามถึงสี่ครั้งก่อนจะตัดสินใจโทรหาหัวหน้าห้อง
“ตรู๊ดดดดด......ตรู๊ดดดดดดด.....ตรู๊ดดดดดดดดด……ติ๊ด!!......ครับ” หัวหน้าห้องพูดกับผมได้สุภาพมากๆสมกับที่เป็นหัวหน้าห้องที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมา หึหึหึ
“เมิงอยู่ไหนเนี่ย”“อยู่ห้องเรียน แล้วท่านล่ะ” หัวหน้าห้องผมชอบเรียกแทนคนอื่นว่าท่านฟังดูแล้วดูดียังไงไม่รู้ฮ่าๆๆ
“หึหึหึ......” ผมหัวเราะด้วยน้ำเสียงไม่พอใจต่อคำถามนั้นออกไป
“.....” หัวหน้าห้องถึงกับเงียบเลยทีเดียว
“อาจารย์มายัง”“ยังเลยท่าน”“อาจารย์มาแล้วเมิงโทรหากรูด้วย”“ครับท่าน”“อย่าลืมนะเมิง”“แล้วท่าน.....” เหมือนหัวหน้าห้องจะถามอะไรสักอย่าง แต่จู่ๆก็เงียบไป
“อะไร”“ปะ...เปล่าครับท่าน” แล้วผมก็กดวางสายไปก่อนจะลูบๆหน้าจอโทรศัพท์เพื่อดูว่ามีใครฝากข้อความหรือส่งข้อความอะไรมาบ้าง
“คุณปุ๋ยดวงดี สมัครรับเทคนิคเสริมดวงวันนี้ ฟรี 15 วัน…….”“หินทีวี You Have Been Charged 30 baht For Continuing......”“อิ่มอร่อยที่ภูเขาไฟวันนี้ พิเศษสำหรับลูกค้า ซาลาเนิด ลด 30%.......”“ลุ้นซื้อเอฟโฟน ในราคาเพียง......”ฯลฯ
‘กรูเพิ่งโทรไปยกเลิกเอสเอ็มเอสขยะนี่หว่าแล้วนี่มาไงอีกฟร่ะ’ ผมคิดในใจก่อนจะนั่งลบๆๆ จนเหลือแต่ข้อความของคนที่เมมชื่อไว้ ส่วนมากจะเป็น
“___พยายามติดต่อคุณ.... , ___โทรหาคุณ _ ครั้ง เมื่อ.... , คุณมีข้อความใหม่” ผมนั่งมองไปเรื่อยๆจนเจอชื่อๆหนึ่งเข้า
“น้องบี : พี่กลับมาถึงแล้วโทรหาผมด้วยนะ”“น้องบี : พี่กลับมายัง”“น้องบี : โปรดติดต่อ”“น้องบี : โปรดติดต่อตอนนี้”“น้องบี : พี่ไม่มาเหรอ”“น้องบี : ซื้อชามาให้ด้วย”“น้องบี : แอ๊ะๆ”“น้องบี : วันนี้เหนื่อยจัง”“น้องบี : พี่ยังมาไม่ถึงเหรอ”“น้องบี : โปรดติดต่อตอนนี้”“น้องบี : ฝันดี” ผมนั่งอ่านไปยิ้มไปรู้สึกมีความสุขยังไงก็ไม่รู้ ก่อนจะนอนอ่านข้อความอื่นๆต่อ
“Ichiban Yari Ore Ga itadaki Kiri Komi Taichou Kagamine Len Da” เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมาสวนขณะที่ผมกำลังนั่งกดอ่านข้อความด้วยความตกใจหน่อยๆเลยไปกดถูกปุ่มรับสายเข้า ตอนนั้นผมไม่ทันมองด้วยซ้ำว่าใครโทรมา
“สวัสดีครับ” ผมทักออกไปอย่างสุภาพก่อนเพราะยังไม่รู้ว่าใคร
“สวัสดีค่ะ นักศึกษาเอเหรอคะ” อ่าา เสียงผู้หญิงด้วย รู้สึกคุ้นเคยยังไงก็ไม่รู้
“ครับ”“เมื่อสักครู่หัวหน้าห้องมาบอกว่า นักศึกษาให้อาจารย์โทรหา ไม่ทราบมีธุระอะไรเหรอคะ” ชัดเลย อาจารย์แม่นั่นเอง แต่ผมบอกให้หัวหน้าห้องมันโทรหาผมนะ ไม่ใช่บอกว่า ให้อาจารย์โทรมา ไม่เชื่อกลับไปขึ้นอ่านข้างบนซิ
“อะ...ปะ เปล่าครับ”“เปล่าเหรอคะ” อาจารย์ทำเสียงคำถามนี้ซะผมได้รู้สึกถึงความสงสัยมากๆเลยทีเดียว
“เอ่อ....มีครับมี....คือ.....ผมเพิ่งกลับมาจากแข่งกีฬาครับ รู้สึกเพลียมาก เหมือนจะไม่สบายด้วย เลย......” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดต่อ
“เลยจะขอลาใช่ไหมคะ”“กะ......ก็......ใช่ครับ.....แต่เอกสารที่อาจารย์ให้มาผมอ่านล่วงหน้าผมหมดแล้วนะครับ จริงๆครับ”“เหรอคะ”“จริงๆครับ บทที่สิบที่เราจะเรียนกันวันนี้ผมก็อ่านแล้ว”“ก็ดีค่ะ พักผ่อนมากๆแล้วกัน ไม่ต้องเขียนใบลามาส่งนะคะ อาจารย์ไม่หักคะแนน” อ๊า ผมหูฝาดไปหรือเปล่า อาจารย์แม่ไม่หักคะแนน
“อะ...ขะ ขอบคุณมากครับ” ตอนนั้นผมดีใจนอนกลิ้งไปกลิ้งมาที่อาจารย์ไม่หักคะแนน แต่ผมดีใจได้ไม่นานผมก็นึกได้ว่า ใบลาที่ทางมหาวิทยาลัยออกมาให้ เนี่ย.....ผมได้หยุดไปอีกสองวันเลยนี่หว่า อ๊ากกกกก ม่ายๆๆ ไม่น่าโทรไปให้เพื่อนๆกับอาจารย์รู้เลยว่ากลับมาแล้ว เสียโอกาสได้นอนอู้อยู่บ้านเลย เพิ่งจะกลิ้งด้วยความดีใจ ตอนนี้เปลี่ยนมากลิ้งเพราะความเจ็บใจแทน...แล้วความง่วงก็หายไป ผมเสียบสายชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้บนห้องนอนก่อนจะลงมาทำความสะอาดบ้านเพราะไม่ได้อยู่หลายวันฝุ่นจับเต็มบ้านเลยทีเดียว จนเวลาเกือบๆจะสี่โมงเย็นผมถอดเสื้อกล้ามที่เต็มไปด้วยเหงื่อแถมฝุ่นอีกดำเลยอ่ะ ซักยาก เสื้อขาวด้วยเฮ้อ แล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วไปยิมอย่างรวดเร็ว พอมาถึงผมก็เดินเอากระเป๋าไปวางไว้ที่ตู้เก็บของ น้องมิ้นก็มองผมสงสัยรู้สึกมั้งว่าผิดปรกติเพราะปรกติผมจะเอาของมากองๆไว้ข้างโต๊ะมากกว่า วางเสร็จผมก็เดินมานั่งฟุบอยู่บนโต๊ะก่อนจะเปิดเพลงเบาๆฟัง เวลาผ่านไปสี่โมงกว่าแล้วน้องๆค่อยๆทยอยมาเรื่อยๆ ผมนั่งใจลอยมองน้องคนแล้วคนเล่าเดินไปเดินมาก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้นทำเอาผมตื่นจากภวังค์เลยทีเดียว ผมมองไปที่โทรศัพท์ซึ่งผมวางอยู่ใกล้ๆมือ
“แนน Calling” แนนเพื่อนสุดขี้เกียจ จะงานเดี่ยวงานกลุ่มเธอก็ไม่เคยร่วมรับผิดชอบใดๆ รอลอกกับ รอดูดคะแนนอย่างเดียว แล้วยามใดที่เธอมีธุระกับผมก็ไม่เคยเกิน ขออยู่กลุ่มด้วย กับ ขอลอกงาน ไม่ก็เรื่องรบกวนจุกๆจิกๆน่ารำคาญมากๆ อย่างดีที่ทำให้ใครๆคุยด้วยก็คือ แนนเป็นคนสวย ผมทำหน้าเซ็งๆหน่อยๆก่อนจะกดรับสาย
“ออ ว่าไง”“เอ~อ~อ~อ~อ” แนนเรียกชื่อผมเสียงยาวๆ
“เฮ้ย!! กรูไม่ใช่พี่มากนะ เรียกซะยาวเชียว มีอะไรรีบแพ่มมา” ผมตวาดออกไปทำเอาน้องๆในยิมหลายคนหันมามองเลย
“คือว่า...เขา.....” แนนทำน้ำเสียงเหมือนสาวแรกรุ่นที่กำลังอยากจะขอผู้ปกครองไปเที่ยวกับแฟนหนุ่มแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง
“เฮ่ย ดีๆ ไม่ต้องยืด ไม่ต้องอ้อม กรูขอเนื้อๆ”“คือ...เขาจะถามเอ็งว่า....เรื่องถ่ายเอ็มวีอ่ะ เขายังอยู่กลุ่มเอ็งใช่ไหม” แนนทำเสียงอ้อนๆ ปน สลดหน่อยๆ แต่ก็ไม่พ้นกับที่ผมเดาจริงๆ
“เออ ยังอยู่” ผมตอบกลับไปห้วนๆ
“แล้วเอ็งถ่ายกันยัง ที่ว่าจะให้เขาเป็นนางเอกน่ะ...”“ยังไม่ได้ถ่าย ส่วนนางเอก เมิงยังจะหวังอยู่เหรอ”“หวังดิ.....เพราะเขาสวยไงก็ต้องเป็นเขาแหละ” ดูมันหลงตัวเองเอามากๆ ระหว่างที่ผมคุยกับแนนอยู่นั้นบีก็มาพอดี แต่ผมไม่ทราบ น้องค่อยๆย่องมาข้างหลัง
“แอ๊ะ!” ผมตกใจเลยรีบหันไปที่ต้นเสียงแล้ว.....ปากผมก็ไปชนกับแก้มบีจังๆเลย เพราะตอนนั้นบีแอบมากระซิบเสียง แอ๊ะ เบาๆที่ข้างหูผม ผมรีบผละออกอย่างไว ดีว่าเป็นมุมหันไปทางกำแพงเลยไม่มีใครเห็น บียืนนิ่งเลยทีเดียว
“เอ.....อะไรแอ๊ะๆ” เสียงแนนดังออกมาจากโทรศัพท์ ซึ่งตอนนั้นผมลดโทรศัพท์ลงจากหูแล้ว เสียงแนนที่ดังออกมาไม่ดังมากแต่มันก็พอจะทำให้ผมแล้วก็บีได้ยิน บีหันมามองที่โทรศัพท์ ผมรีบพูดกลับไปว่า
“เดี๋ยวพี่คุยธุระกับเพื่อนก่อน”“.....” บีไม่พูดแต่พยักหน้า
“เฮ่ย เดี๋ยวกรู โทรกลับนะ เดี๋ยวเรื่องเอ็มวี กรูจะโทรไปนัดอีกที”“เออๆ ได้ อย่าตัดเขาออกจากกลุ่มนะ”“เออ น่า” แล้วผมก็กดวางสาย
“พี่คุยกับใคร” บีถามผม
“กับเพื่อน”“เหรอ....”“อื่อ”“แล้วคุยเรื่องอะไรกับอาเจ้ล่ะ”“เรื่องถ่ายเอ็มวี พวกพี่ต้องถ่ายส่งอาจารย์” ผมตอบกลับไปแล้วก็ลูบๆหัวบีเบาๆ
“.....” บียืนนิ่งพักหนึ่งก่อนจะเอนตัวเข้ามากอดผม หน้าน้องแนบอยู่ตรงอกผมพอดี
ผมกอดน้องบีหลวมๆจนน้องๆทยอยมากันเยอะขึ้น ตอนนั้นผมก็นึกได้ว่ายังไม่ได้ไปซื้อน้ำมากักตุนเลย พอเอ่ยปากชวนบี น้องต้นกล้า น้องว่าน น้องมิว น้องอ้น น้องเจต กับน้องๆอีกสามสี่คนก็เฮโลตามไปกันร้านสะดวกซื้อด้วย ระหว่างเดินไปน้องๆหลายคนแย่งกันคุยกับผมถามเรื่องที่ไปแข่งกันอย่างครื้นเครงเว้นก็แต่บีที่จู่ๆก็ดูเงียบผิดไปเป็นคนละคน พอเข้าร้านสะดวกซื้อ บีหยิบเพียวริขุ กับชามาให้ผมเสร็จ โดยปรกติบีจะยืนคุยหยอกคุยเล่นเป็นเพื่อน แต่วันนี้บีกลับหลบออกไปก่อน พอจ่ายเงินเสร็จออกมาผมก็เห็นบียืนพิงตู้โทรศัพท์ใกล้ๆกับร้านสะดวกซื้ออยู่เงียบๆ ตอนนั้นเหมือนน้องจะใจลอยไปไหนไม่รู้ ผมรีบเดินมาหาน้องแล้วถามไปว่า
“บี เป็นอะไรหรือเปล่า” “เปล่าครับ” บีตอบแบบไม่หันมามองหน้าผมด้วยซ้ำ
“ป่ะ” ผมจับมือบีไว้แล้วก็เดินไปกับกลุ่มน้องๆ แต่บีก็ยังไม่พูดอะไร กลับมาถึงชมรมน้องก็ยังนิ่งอยู่ ตอนนั้นผมเห็นว่าใกล้ห้าโมงเย็นแล้วผมเลยชวนน้องไปเปลี่ยนชุด น้องก็เดินตามไปแต่โดยดี พอเข้าห้องเปลี่ยนชุด ผมก็พูดเล่นพูดหยอก แต่ดูเหมือนน้องจะไม่ขำด้วยเลย พอผมถอดเสื้อกับกางเกงน้องเสร็จแล้วผมก็เอาตัวน้องมากอดเบาๆ ผมเอาหน้าไปซุกตรงคอใกล้ๆหูน้อง แล้ววูบหนึ่งของความคิดก็บอกให้ผมยอมให้ในสิ่งที่น้องอยากได้จากผม
“วันนี้ไปเล่นบ้านพี่ไหม”“.....” ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
“เดี๋ยวโทรบอกป๊านะ ว่าซ้อมดึก แล้วพี่จะไปส่ง”“ครับ” น้องยอมพูดแล้ว ผมหอมลงไปที่คอน้องก่อนจะตามด้วยจูบลงไปเบาๆ แล้วก็เปลี่ยนชุดให้น้องจนเสร็จ ตอนกำลังจะออกมาผมสังเกตว่าน้องเริ่มยิ้มแล้ว ผมลูบหัวน้องเบาๆ ส่วนเรื่องไปบ้าน.....เฮ้อ......เอาน่าผมทำความสะอาดไว้แล้วนี่นา พาน้องไปเล่นสักสิบนาทีสิบห้านาทีค่อยพากลับก็ได้ พอเดินมาถึงที่โต๊ะ บีก็เปิดประเด็นถามเรื่องเอ็มวี ผมก็คุยๆว่า
“ถ้าเพื่อนๆพี่มันไม่พร้อมสักทีเดียวเอาพวกเรานี่แหละไปแสดง”น้องๆหลายคนก็ถามเรื่องเอ็มวีกันใหญ่ บางคนถามเพราะอยากรู้แต่บางคนถามเพราะอยากถ่าย ผมเลยบอกให้น้องๆลองเทสหน้ากล้องกันเล่นๆด้วยการให้น้องๆ
‘ทำหน้าดีใจ , เสียใจ , เศร้า , ร้องให้ , เบื่อ , เซ็ง’ซึ่งน้องๆก็ดูสนุกสนานกันมากจนกระทั่งวนมาถึงน้องบี
“บี ไหนทำหน้าปฏิเสธดิ๊”“ไม่เอาไม่ทำ”“โอ้โหน้อง เหมือนๆๆ”“บี ไหนทำหน้าเซ็งๆดิ๊”“โหยย พี่อะ”“โอ้โห เหมือนๆๆๆ สุดยอดๆ”“บีไหนทำหน้ากวนเท้าดิ๊” ผมพูดจบมิวก็สวนมาว่า
“ไม่ต้องทำมั้งพี่ ปรกติก็กวนอยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆ”“เฮ่ย!! อ๊ากกก” แล้วบีก็เอามือตีเข้าที่หลังมิวเบาๆ
“โอโห บี ตุ๊กตาทองแน่น้อง เหมือนมากๆ”“ฮ่าๆๆๆๆ” น้องๆหลายคนนั่งฮากันน้ำตาร่วงเลยทีเดียว
หลังจากแซวๆเสร็จเราก็ต้องลองให้บีรับบทสักบท ผมเลยให้บีลองรับบทพระเอกที่ต้องบอกรักนางเอกดู
“บีๆ ไหนลองทำเป็นบอกรักใครสักคนดิ๊”“บอกใครพี่” บีทำหน้าตา งงๆ
“ใครก็ได้ เอา สมมุติๆ มีคนเดินมาคนหนึ่ง แล้วบีชอบเค้ามากๆ จะบอกรักเค้ายังไงไหนลองดิ๊ เนี่ยะๆสมมุติว่าเค้าเดินเข้ามาแล้ว “ พูดจบผมก็ชี้ไปทางประตูหน้ายิม บีทำท่าทาง งงๆหันไปหันมา
“บี ดีๆ ไม่ต้องลน เอา ธรรมชาติๆ”“ทำไงอะพี่” บีหันมาถาม
“ทำไงก็ได้ตามใจ” แล้วบีก็หันมาถามผมอีก
“แล้วคนที่จะให้ผมบอกรักเป็นผู้หญิง หรือ ผู้ชายอ่ะพี่” สิ้นคำพูดบีทำเอา ฮาหงายเงิบกันทั้งโต๊ะเลยทีเดียว ทำเอาน้องบีเขินจนต้องวิ่งมาซุกอกผมเลยทีเดียว
ผมหันไปมองนาฬิกาอีกทีก็ถึงเวลาฝึกซ้อมแล้ว แล้วการฝึกซ้อมก็ดำเนินไปจนกระทั่งช่วงพักครั้งสุดท้ายก่อนปล่อยกลับบ้าน ผมยืนจับของหน้าต่างกระดกน้ำชาตามประสาอยู่เงียบๆ บีก็เดินมายืนข้างๆแล้งกระดกเพียงริขุตาม ส่วนน้องตองก็มานั่งข้างๆกระดกน้ำเปล่ามิเนเร่ตาม ก่อนจะแอบมองผมกับบีอย่างไม่ค่อยจะปิดบังเท่าไหร่
“พี่ พาผมไปจริงนะ” บีพูดจบผมวางมือลงบนมือผมที่ขณะนั้นวางอยู่บนขอบบานเลื่อนหน้าต่าง
“อื่อ”“ไปไหนกันเหรอคะ” น้องตองถามขึ้น
“ไป.....ไป..........” ขณะที่ผมกำลังนึกว่าจะตอบยังไงดีตองก็ทำหน้าทำตาลุ้นสุดๆ ผมเลยตอบไปว่า
“ไป.........จดทะเบียนกัน.....มั้ง” พูดจบผมหันไปยิ้มใส่ตอง
“พี่เอ....ก็......” น้องตองทำหน้าตาเขินสุดๆก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไป
“ฮ่ะๆ พี่ตองตลกดีนะครับ” บีหัวเราะชอบใจ
แล้วพี่ป้อมก็เรียกซ้อมต่อ วันนี้ผมรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วยังไงก็ไม่รู้......เพราะตอนนี้มันได้เวลาเลิกแล้ว
“เอาทุกคนกลับบ้านได้”“แปะ แปะ แปะ เฮ้!!!”To Be Con
----------------------------------------------------------------------------------
12 พ.ค.
ขณะที่ผมกำลังนั่งอ่านเว็บ Pantip อย่างสนุกสนานในห้องหว้ากออยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นครับ ผมหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างมือมาดูว่าใครโทรเข้ามา
“ว่าน Calling” ผมมองไปที่นาฬิกา ก่อนที่จะกดรับสาย
“ว่าไง”“พี่เอ ทำอะไรอยู่ครับ”“เล่นเน็ต เราอ่ะทำอะไรอยู่”“ผมอยู่ชมรมครับพี่”“เฮ่ย ไปทำอะไรตั้งแต่บ่ายโมงเนี่ย” ผมถามไปด้วยความสงสัยเพราะเวลานี้ไม่น่าจะมีอะไรให้ทำ
“นั่งเล่นครับ”“นั่งเล่นเนี่ยนะ แล้วมีใครมายัง”“ยังเลยพี่ ผมเลยโทรมาชวนพี่นี่แหละ”“......เออๆ เดี๋ยวพักใหญ่ๆพี่เข้าไป” แล้วผมก็เล่นเน็ตไปเรื่อยๆจนบ่ายสามกว่าๆก็เข้าไปที่ยิม พอไปถึงก็เจอน้องว่านนั่งวาดรูปอยู่คนเดียวพร้อมเปิดเพลงเสียงดังสนั่น พอว่านเห็นผมมาก็รีบลุกขึ้นไปลดเสียงทันที ก่อนจะเอาภาพวาดมาอวดๆแล้วผมกับว่านก็นั่งคุยกันเรื่องทั่วไปไร้สาระ แต่คงจะถูกใจว่านมากไประหว่างคุยเลยมีแสดงท่าทางด้วย จนพลาดไปถูกอะไรสักอย่างเข้า
“โอ๊ย!!” ว่านอุทานขึ้นจนผมตกใจ
“ว่าน เป็นไร”“อะไรแทงนิ้วผมไม่รู้พี่” แล้วว่านก็มองไปที่ใต้โต๊ะ ผมมองตามก็พบเข็มกลัดอันหนึ่ง เหมือนมีใครมักง่ายมากลัดทิ้งไว้
“ไหนๆมาดูดิ๊” ผมคว้ามือว่านมาดู ปรากฏว่าเห็นรอยเลือดซึมออกมาหน่อยๆ ผมเลยเอามือบีบๆเบาๆ
“โอ๊ยๆ พี่ผมเจ็บ”“ไม่เป็นไรน่าแผลไม่ลึกหรอกเดี๋ยวก็หาย” พูดจบผมก็เป่าๆลงไปที่นิ้วของว่านเบาๆเพื่อเป็นการปลอบก่อนที่ว่านจะเอามือกลับไปแล้วตามด้วยการดูดแผล
วันนี้ไม่มีอะไรมากครับ เรื่อยๆไม่มีอะไรพิเศษเพราะโค้ชเรียกผมไปนั่งคุยเรื่องไร้สาระซะจนเกือบหมดเวลาซ้อม เวลาที่เหลืออยู่ผมเลยไปสอนท่ารุกรับให้กับน้องว่านกับน้องบี เพราะน้องสองคนนี้อยู่ขั้นเดียวกัน ระหว่างสอนก็มีการถูกเนื้อต้องตัวน้องทั้งคู่ แต่มันก็บ่อยจนเป็นเรื่องปรกติอ่ะครับ ตอนเย็นก็แค่ไปส่งน้องบีกับน้องว่านที่บ้าน ตอนแรกก็ไปส่งน้องบีก่อน ระหว่างทางผมก็ผ่านเส้นเดิมครับ ลูบๆตัวน้องบีเล่นเหมือนเดิม พอส่งบีเสร็จก็มาส่งว่านต่อ วันนี้ว่านนั่งหลังครับ มือว่านวางตรงเอวผมพอดี ผมเลยลองดึงมือน้องว่านมาจับเล่นระหว่างขับรถ ทำให้ผมต้องขับมือเดียว เลยทำให้ผมขับช้าลงไปอีก แล้วผมก็ชวนน้องว่านคุยไปเรื่อยๆ เล่นมือน้องว่านไปด้วย มือน้องนุ่มมากเลยครับ ไม่เคยจับแล้วลูบๆแบบนี้เลยตั้งแต่รู้จักกันมา ว่านเองก็ปล่อยให้จับไม่ได้ว่าอะไร แล้ว....ผมรู้สึกว่าระหว่างทาง.....ว่านจะซบหลังผมด้วยแฮะ.....แต่ผมไม่ได้หันไปมอง มันรู้สึกได้อ่ะครับ.....