A's Diary 2
21 พ.ค.
วันนี้ไม่มีอะไรมากครับฝึกซ้อมตามปรกติ แต่หนักขึ้นหน่อยนึงเนื่องจากว่าวันพรุ่งนี้มีแข่ง การซ้อมดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพักรอบแรก พอสั่งพักน้องอ้นก็เดินมาหาผม
“พี่เอๆ”“ครับ” ผมละสายตาจากการมองน้องบีมาจ้องหน้าน้องอ้นแทน
“พี่จะพาไอ่ต้อมไปดูหนังด้วยจริงเหรอ” น้องอ้นถามผมพร้อมกับนั่งลงข้างๆ
“หืมม ต้อมจะไปด้วยเหรอ” ไม่เห็นผมจะรู้เลยแฮะ
“ก็ต้อมมันบอกว่า มันจะไปดูหนังกับพี่ด้วย”“แล้วต้อมรู้ได้ไงอ่ะว่าพี่จะไป ตอนคุยกันต้อมไม่ได้มาคุยด้วยนี่นา” ผมพูดจบบีก็เดินเข้ามาหา
“คุยอะไรกันเหรอ” บีถาม
“ก็ไอ่ต้อมน่ะซิมันบอกว่าจะไปดูหนังด้วย ไม่รู้มันรู้ได้ไง” อ้นบ่นแล้วทำหน้าเซ็งๆหันไปมองต้อมที่กำลังหยอกกับต้นกล้าอยู่
“เออ นั่นดิ มันก็บอกเขาว่ามันจะไปดูหนังด้วย พี่เอ ชวนมันเหรอ” บีหันมามองผม
“เปล่านี่ พี่คุยแค่ อ้น บี ว่าน กับ อาร์ท นอกนั้นไม่ได้ชวนใครนะ”“ดูดิ๊มาซ้อมได้ไม่กี่วัน ทำเป็นมาตีซี้พี่เอ แถมยังจะไปดูหนังด้วยอีก” อ้นบ่นซ้ำ
“อืมมม นั่นซิ คุณพ่อ คุณแม่ น้องต้อมพี่ก็ยังไม่เคยคุยด้วยเลย” ผมพูดจบบีก็เดินมาพิงแล้วดึงมือผมไปกอดตัวเค้า
“ใช่ พี่เอยังไม่ทันได้รู้จักที่บ้านเลย ก็จะไปด้วยแล้ว” อ้นบ่น
“ไม่เอาน่าอ้น แค่ดูหนังเอง ถ้าเค้าอยากไปก็ให้คุณพ่อคุณแม่ไปส่งไปรับเองแล้วกัน อีกอย่างต้อมก็เพื่อนอ้น เรียนห้องเดียวกันด้วยไม่ใช่เหรอ”พูดจบผมผมลูบๆหัวอ้นเบาๆให้น้องอารมณ์เย็นลง เพราะไม่คิดว่าอ้นจะมาอารมณ์เสียกับเรื่องอะไรแบบนี้
“เฮ่ออ...” อ้นถอนหายใจ ก่อนจะเงยหน้ามองผมแล้วตอบว่า
“ต้อมไม่ใช่เพื่อนผม มันเพื่อนบีต่างหาก” “....”ผมอึ้งกับคำตอบที่ได้ยิน บีได้ยินอ้นพูดดังนั้นเลยเงยหน้าขึ้นมาพูดว่า
“ต้อมก็ไม่ใช่เพื่อนผมเหมือนกัน”“....” หลังจากอึ้งกับคำตอบผมก็เลยนั่งสอบถามถึงที่มา ปรากฏว่า ทั้งบีและอ้นยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้อมดื้อมาก ซนมาก มึนมาก แล้วน้องๆก็เริ่มชิงเล่าประวัติอันสุดซ่าของต้อมอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งต้อมกลับมาจากร้านสะดวกซื้อก็ใกล้หมดเวลาพักพอดี หลังจากวางน้ำที่ซื้อมาด้วยไว้บนชั้นเสร็จต้องก็เดินมาทางผม ยังทันที่ต้อมจะพูดอะไร
“ต้อม พี่เอไม่ให้เอ็งไปดูหนังด้วย” อ้นพูดออกไป
“เฮ่ย อ้น.....” ผมอุทานออกไป
“ออ นั่นดิ แล้วใครบอกเอ็งเรื่องที่พวกเขาจะไปดูหนังอ่ะ” บีถาม
“ใช่ ใครบอก หรือว่าแอบมาฟัง” อ้นเสริมคำพูดบี
“นั่นดิ” บีเสริม
“นิสัยไม่ดีฟังคนอื่นคุยกัน” อ้นเสริมอีกดอก ทีอย่างงี้เข้ากันดีเชียวนะ
“เฮ่ยๆ ไม่เอาๆ ไม่ว่าเพื่อนแบบนั้นได้ไง เค้าอาจจะบังเอิญได้ยินเฉยๆก็ได้” ผมพยายามพูดไกล่เกลี่ย
ตอนนั้นหมดเวลาพักพอดี พี่ป้อมเดินกลับไปที่หน้ายิม แล้วบังเอิญว่าพี่เค้าได้ยินที่บีกับอ้นกำลังรุมดุต้อมอย่างสนุกสนาน ต้อมเองก็เหมือนจะไม่ใส่ใจกับคำเหน็บแนมเท่าไหร่ใจกลับตอบกลับไปกลับมากวนๆเหมือนแซวกันเล่นๆซะงั้น พอมาถึงหน้ายิมพี่ป้อมก็คุยๆเรื่องทั่วไปจนกระทั่งลามไปถึงเรื่องที่พี่ป้อมแอบเห็นเหมือนว่าต้อมกำลังถูกบีกับอ้นรุมดุอยู่ พี่ป้อมเลยแซวๆว่าให้น้องๆรักกันให้มากๆเพราะอยู่ยิมเดียวกัน บี กับ อ้นเองก็ยอมรับว่าแอบดุต้อมจริง แต่น้องไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร พี่ป้อมเลยแกล้งบี โดยบอกว่า
“เอาๆ ไหนๆก็สัญญาว่าจะดีกันแล้วงั้นให้บีหอมแก้มต้อมทีหนึ่ง” พี่ป้อมพูดจบบีก็ทำหน้าเหวอเลย ทั้งยิมหันมามองเป็นทางเดียวกัน ส่วนต้อมก็ทำท่าเขินๆประสาเด็กชายที่เจอเรื่องแบบนี้ แล้วบีก็จับไหล่ต้อมทั้งสองอย่างแน่นค่อยๆดึงเขามาใกล้ๆ สาวตองแอบมองแบบลุ้นสุดตัวเลยทีเดียว แล้วบีก็หันมามองพี่ป้อมก่อนพูดว่า
“ครูป้อม เปลี่ยนจากหอมแก้ม เป็นต่อยหน้าแทนได้ไหมครับ” บีพูดจบก็ทำเอาฮากันทั้งยิมเลยทีเดียว เพราะที่พี่ป้อมพูดไปแกพูดเล่น ตอนแรกบีก็ทำหน้าตาจริงจังเชียวมีจับไหล่ต้อมดึงเข้ามาหาตัวอีก หลังซ้อมเสร็จอ้นก็มาบอกผมว่าวันเสาร์อาทิตย์นี้น้องไม่ว่างเลยไปดูหนังด้วยไม่ได้ ทั้งยังได้ยังมากำชับผมเรื่องที่ไม่อ้นไม่ต้องการให้ต้อมไปดูหนังกับผม พร้อมทั้งยังไปพูดกับบี แล้วก็ว่านเรื่องนี้ด้วย เย็นวันนั้นผมก็ไปส่งบีกับว่านเหมือนเดิม ขากลับก็ตามสูตรครับ หึหึหึ
----------------------------------------------------------------
22 พ.ค.
วันนี้ผมไปดูน้องๆแข่งครับ มีไปลงกันหลายคน ที่เกี่ยวๆกับเรื่องนี้ก็มีหนึ่งคนคือน้องว่าน ตอนแรกผมว่าจะไปถ่ายวีดีโอด้วยกล้องซัมซุงแคนดี้แล้วเอามาตัดต่อเล่นๆแทรกกับภาพนิ่งพูดง่ายๆว่าเป็นวีดีโอคลิปสั้นๆประมาณ 10 – 15 นาทีที่ทำจากมือถือล้วนๆเอาไว้ดูเล่นกันที่ชมรมสำหรับน้องๆที่ไม่ได้มาแข่ง แล้วก็ตามกำหนดการเดิมคือวันนี้จะมีว่าน บี แล้วก็ผมจะไปดูหนังด้วยกันตอน 15.40 น. แต่เนื่องจากว่านติดแข่ง กว่าว่านจะแข่งเสร็จก็น่าจะราวๆ 20.00 – 21.00 น. ซึ่งถ้าจะไปดูหนังกันต่อกว่าหนังจะจบมันก็จะดึกมากไป ทำให้ต้องเลื่อนวันดูหนังออกไปเป็นวันพรุ่งนี้แทน วันนี้น้องบีก็เลยเปลี่ยนมาเป็นนั่งให้กำลังใจพี่ว่านแทน แต่ว่าวันนี้เซ็งมากเลยโค้ชใช้ผมหยั่งกับผมเป็นเบ๊แหนะ อะไรก็ไม่รู้ ใช้แบบไม่เกรงใจด้วยนะครับ เช่น ให้ไปส่งคนอะไรแบบนี้ ที่ให้ไปส่งก็ไม่ใช่ใกล้ๆ ค่าน้ำมันก็ไม่ช่วยออก แถมใช้เอาๆไม่ชอบเลยอ่ะ
จนเวลาประมาณ 14.40 น. บีก็ให้ผมไปส่งที่บ้าน เพราะหลังจากที่น้องบีโทรไปรายงานคุณแม่ว่าไม่ได้ไปดูหนังคุณแม่น้องบีเลยมีคำสั่งให้น้องบีจงมาเล่นน้ำกับน้องๆเสียโดยดี ผมเลยพาบีไปส่งที่บ้าน ระหว่างทางผมก็แวะเข้าโรงหนังไปซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้ก่อน 3 ใบ สำหรับผม ว่าน แล้วก็ บี ระหว่างที่รอซื้อผมก็ชะโงกมองดูว่าคนดูเยอะไหม ปรากฏว่า ก่อนหนังฉายตั้งเกือบ 1 ชั่วโมงตั๋วกลับถูกจองเต็มเกือบหมดเหลือแค่แถวหน้าๆเท่านั้น ผมเลยรู้สึกว่าคิดถูกแล้วล่ะที่มาซื้อตั๋วตอนนี้ ส่วนบีก็มายืนพิง ยืนซบ ยืนกอดแบบไม่แคร์สายตาชาวบ้านเลยทีเดียว ช่วงที่ผมกำลังซื้อตั๋วอยู่เสียงโทรศัพท์บีก็ดังขึ้น น้องขอตัวไปคุยโทรศัพท์ไม่นานก็กลับมา
“ใครโทรมาเหรอ” ผมถามน้อง
“ม๊าโทรมา”“ม๊าว่าไง”“ม๊าบอกว่าให้พี่ไปส่งที่สระว่ายน้ำเลย”“อืมมม” ระหว่างนั้นผมเดินผ่าน KFC พอดีผมเลยว่าจะซื้อ แซลม่อนเล่นเส้นไปทานเป็นมื้อเที่ยงเนื่องจากยังไม่ได้ทานมื้อเที่ยงเลย แต่ซื้อคนเดียวมันก็กระไรอยู่
“บี เอาอะไรไหม” ผมถามบีตอนที่เดินมาถึงเคาเตอร์ใน KFC
“ไม่อะ....” บีส่ายหน้า
“ไม่เอาเหรอ”“ม่ายยยย….เกรงใจ......”“ไม่เอาจริงอะ....”“ม่ายยยย....”“อืมมม ไม่เอาก็ไม่เอา.....” พูดจบผมก็หันไปจะสั่งพนักงาน
“เอาชีสหนึบก็ได้” บีพูดจบผมก็หันไปมอง บียิ้มแบบเขินๆบิดไปบิดมาก่อนจะเดินไปเกาะกระจกร้าน
หึหึหึ....พอได้ของเสร็จผมก็พาน้องนั่งรถไปที่สระว่ายน้ำระหว่างทางน้องก็ทานชีสหนึบไปเรื่อยๆ ก่อนที่น้องจะปิดกล่องแล้วทำท่าเหมือนจะอิ่มแล้ว
“อิ่มแล้วเหรอ”“ยัง” บีหันมาตอบ
“แล้วทำไมเหมือนจะไม่กินต่อแล้วอะ”“เอาไปฝากน้อง”“หืมมม เหลือกี่ชิ้นหน่ะจะเอาไปฝากน้อง”“6 ชิ้น”“หืมมม แบ่งน้องคนละ 3 เลยเหรอ”“เปล่า ผม 2 น้อง ก็คนละ 2”“อืมมม” หลังจากไปส่งบีที่สระว่ายน้ำเสร็จผมก็กลับไปที่สนามแข่งต่อแล้วเดินเอากระเป๋าไปวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ ก่อนถ่ายภาพถ่ายคลิปเล่นๆไปเรื่อย ตอนนั้นผมสังเกตเห็นน้องว่านไม่ค่อยสดใสเลยแฮะ นั่งบนเก้าอี้พิงสภาพหมดอาลัยตายอยากยังไงก็ไม่รู้ ผมเลยเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วหยุดยืนอยู่ข้างหลัง พอน้องเห็นว่าผมยืนอยู่ข้างหลัง น้องก็ขยับเก้าอี้ถอยๆมาชิดตัวผมก่อนจะนั่งลงไปแล้วเอาหัวมาพิงกับท้องผม ท่าทางเหมือนน้องไม่สบายแฮะผมเลยเอาหลังมือไปแตะที่คอน้องเบาๆปรากฏว่าน้องตัวอุ่นๆครับ ผมเลยลูบแก้มน้องว่านเบาๆ ว่านเองก็ตอบรับมีเอียงคอให้ผมลูบง่ายๆด้วย แล้วคุณแม่น้องว่านก็เดินมาจากไหนไม่รู้ครับมาบอกว่า
“ว่าน ตั้งแต่เช้ายังไม่ทานอะไรเลย ทานอะไรหน่อยซิลูก”“......” ว่านไม่ตอบกลับทำหน้าตาเซ็งๆใส่
“ว่าน ไม่หิวเหรอ จะค่ำแล้วนะ” ผมพูดออกไป
“.....” ว่านไม่ตอบแต่เงยหน้าขึ้นมามองผมแบบแปลกๆ แล้วคุณแม่น้องว่านก็เดินหายไปไหนไม่รู้ก่อนจะกลับมาด้วยทาโร่หนึ่งห่อน้ำส้มหนึ่งขวดและไมโลที่ว่านชอบ
“อะนี่” คุณแม่น้องว่านยื่นให้
“.....” ว่านไม่ตอบ ไม่พูด แล้วก็ไม่รับด้วย
จนคุณแม่ว่านวางทาโร่ น้ำส้ม กับ ไมโลบนตักว่าน ทันทีที่วางเหมือนว่านจะไม่พอใจ เอามือปัดของตกลงจากตักทันที ผมเห็นดังนั้นเลยรีบเดินออก เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของครอบครัวว่านแล้ว พอผละตัวออกมาผมก็เดินไปที่โต๊ะที่วางกระเป๋าเพื่อเอาแซลม่อนเล่นเส้นมาทาน.....แต่อนิจจา......
“ตุบ!!” มีแซลม่อนชิ้นหนึ่งตกลงพื้นผมรีบกวาดสายตาไปรอบๆอย่างรวดเร็วพบว่ามีผู้เห็นเหตุการณ์อยู่หลายคน ผมจึงรีบเก็บขึ้นมาใส่ห่อก่อนจะเอาใส่ถุงเอาไว้เหมือนเดิม.....โชคดีครับผมไม่ได้ซื้อมาอันเดียว ฮ่าๆๆๆ ผมเลยหยิบอีกอันมากินโดยทิ้งอันที่ตกเอาไว้กับถุงในสภาพราวกับว่ายังไม่มีใครได้สัมผัสมันด้วยซ้ำ พอทานเสร็จดูเหมือนว่านจะยอมทานทาโร่กับไมโลแล้ว ส่วนคุณแม่ของว่านไปไหนก็ไม่รู้ ผมเลยเดินไปหาว่าน มาถึงผมก็หยุดยืนอยู่ข้างๆว่านพอว่านเห็นว่าผมยืนใกล้ๆว่านก็ลากเก้าอี้มาชิดตัวผมแล้วก็นั่งเอาหัวพิงเหมือนเคย ก่อนจะดูการแข่งขันต่อ....ระหว่างนั้นมีเด็กยิมไหนก็ไม่รู้ครับเดินมาหาผมแล้วสะกิดๆที่แขนผมหันไปมองเป็นเด็กชาย อายุราวๆ 13 – 14 ปีได้
“สวัสดีครับครู” น้องคนนั้นยกมือไหว้ผม ว่านก็หันมามอง
“ดีครับ” ผมรับไหว้
“ผมแข่งเมื่อกี้เจ็บมากเลยครับครู” น้องพูดพลางเอามือลูบๆไปที่ขา
“หืมม ทำไมถึงเจ็บล่ะ”“มันเจ็บนานแล้วครู ตอนแรกดีขึ้นแล้วแต่มาแข่งเมื่อกี้เตะไปโดนศอกเค้าเลยเจ็บขึ้นมาอีก” พูดจบน้องก็นั่งยองๆเปิดขากางเกงให้ดูแถวๆตาตุ่ม
“อืมม เคยไปหาหมอยัง”“เคยแล้วครู แต่มันก็เจ็บมาเรื่อยๆ”“แล้วไม่พักสักหน่อยนะครับ สัก 3 – 4 เดือน”“ไม่ไหวครับครู ผมชอบเทควันโดมาก วันไหนไม่ได้เตะผมนอนไม่หลับ”“เอาน่า สุขภาพเราสำคัญกว่านะ”“ตรงเข่าผมก็เจ็บครู” พูดจบน้องก็ยืนขึ้นแล้วดึงขากางเกงขึ้นมาเหนือเข่าแล้วชี้ๆ
“อืมม ไปหาหมอ แล้วก็พักสัก 3 – 4 เดือน แบบไม่ต้องใช้เข่าครับ ถ้าไม่พักมันไม่หาย”“ครูจับๆดูซิ มันบวมด้วย” พูดจบน้องก็ดึงมือผมไปแตะแถวๆเข่าเค้า
“บวมจริงด้วย ให้ใครนวดให้ก่อนสักหน่อย เอาน้ำแข็งประคบแล้วก็นั่งพักนะ”“ครับครู” พูดจบน้องคนนั้นก็เดินจากไป ว่านหันมาสะกิดๆผมแล้วถามว่า
“พี่เอ...เค้าเป็นใครครับ” “ไม่รู้”“อ่าว เห็นคุยกับพี่หยั่งกับคนรู้จัก”“เออ นั่นดิ ใครว่ะ ชื่ออะไรพี่ยังไม่รู้เลย”“ฮ่ะๆๆๆ” ว่านหัวเราะ
แล้วผมก็ยืนดูการแข่งขันต่อจนกระทั่งผมรู้สึกว่ามีใครบางคนไปยุ่งแถวๆถุง KFC ที่ผมวางทิ้งเอาไว้ข้างๆกระเป๋า ผมแอบหันไปเหล่มองด้วยหางตาก็พบกลุ่มน้องๆนิสัยเสียที่หลายครั้งชอบมาหยิบของๆคนอื่นไปกินโดยไม่ขอ ผมเคยเรียกมาดุก็หลายครั้ง ถึงขั้นแจ้งผู้ปกครองก็ยังมี แต่น้องๆก็ไม่เคยปรับปรุงตัวเองเลย ยังหยิบฉวยขโมยของคนอื่นอยู่เรื่อยๆจนเป็นที่เอือมระอาแก่เพื่อนๆในยิม น่าเสียดายที่ผมกระโตกระตากมากไม่ได้เพราะโค้ชผมเองก็นิสัยแบบนี้เหมือนกันสงสัยจะเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ
แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่น้องๆพวกนั้นหวังจะจิ๊กแซลม่อนเล่นเส้นของผมไปทาน แต่กว่าที่ผมจะรู้สึกน้องๆเค้าก็เอามาฉีกแบ่งกันกินอย่างรวดเร็วเหมือนปลาดุกแย่งกันตอดขนมปัง เท่านั้นแหละผมก็หันมามองด้วยความอึ้งกิมกี่ เพราะคุณแม่ของน้องๆบางคนก็เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่กลับไม่สนใจห้ามปรามลูกกลับนั่งดูเฉยๆซะงั้น แล้วพอน้องๆพวกนั้นเห็นว่าผมหันมาเห็นแล้ว แทนที่จะรีบวาง หรือ ทำท่าสำนึกผิด แต่กลับหัวเราะกันอย่างสนุกสนานถูกใจ แล้วรีบทานจนหมดไปต่อหน้าผม......ตอนนี้ผมไม่รู้จะพูดอะไร.....เพราะพูดไม่ทันแล้ว.....น้องๆเค้าจะรู้ไหมว่า ‘แซลม่อนชิ้นนั้นมันตกพื้นไปแล้ว’ เดี๋ยววันจันทร์ค่อยเฉลย หึหึหึหึ
สรุปวันนั้นผมกลับบ้านก่อนครับพอดีรีบกลับมาดูซอนต๊อกแฮะๆ ผลการแข่งขันผมยังไม่ทราบ ส่วนว่านแพ้รอบชิงเหรียญเงินครับเลยได้เหรียญทองแดงมากอดเล่นแก้เซ็ง
To Be Con