A's Diary 9
16 มิ.ย.
วันนี้วันพุธ ที่มหาวิทยาลัยผมจะไม่มีการเรียนการสอนในช่วงบ่าย เพราะทางมหาวิทยาลัยกำหนดให้ตอนบ่ายของทุกๆวันพุธเป็นช่วงกิจกรรม แต่ส่วนใหญ่ก็มีแต่น้องๆปี 1 เท่านั้นแหละครับที่เข้าร่วมกิจกรรม ผมเลยชิงกลับบ้านมาก่อน มาถึงก็อาบน้ำ เปลี่ยนชุด แล้วนั่งเล่น Net ไปเรื่อยๆ พร้อมเปิดเพลงคลอไปด้วย จนเวลาประมาณ 14.30 น. ผมก็ปิดคอม แล้วหยิบเสื้อวอร์มสีดำตัวประจำมาใส่คลุม หยิบกระเป๋าสะพายพาดกับบ่าข้างขวา หยิบกุญแจรถ สตาร์ทเครื่องมอไซค์ แล้วก็ออกจากบ้าน
เมื่อมาถึงยิมผมก็พบว่านกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่คนเดียว ตอนนั้นว่านไม่ทันสังเกตว่าผมมาแล้ว ผมถอดรองเท้าวางไว้ที่ชั้นวางรองเท้าด้านหน้า ก่อนจะเลื่อนประตูกระจกช้าๆ
“ครือดดดดด” เสียงเลื่อนประตูดังขึ้น ผมว่ามันก็ไม่ดังเท่าไหร่นะ แต่มันก็ทำให้ว่านรู้ตัวทันทีว่ากำลังมีคนเปิดประตู ว่านหันมามองอย่างรวดเร็ว
“อ่าว พี่เอ มาเร็วจัง” ว่านทักผม ผมยิ้มรับแล้วก็เดินเอากระเป๋าเข้ามาเก็บ
“ว่าน ไม่เปิดม่านหน่อยล่ะ อยู่มืดๆเดี๋ยวยุงกัดตายนะ” “แดดอะพี่”“งั้นก็เปิดไฟดิ”“เปลืองไฟอะพี่”“หึหึหึ.....ไปๆ ไปเปิดม่านเลย”“ครับๆ” ว่านตอบรับก่อนที่น้องจะกดๆมือถือต่ออยู่จึ๊กสองจึ๊กแล้ววางลง เมื่อวานเริ่มเปิดม่านแสงแดดยามบ่ายแก่ๆเริ่มสาดส่องเข้ามายิมดูสว่างขึ้นด้วยสีส้มจากแสงของดวงอาทิตย์
“ว่าน”“ครับ” ว่านหันมาขานรับขณะที่กำลังดึงม่านอยู่
“ทำไมวันนี้เลิกเร็วล่ะ”“อาจารย์ติดประชุมพี่” “เหรอ อาจารย์ติดประชุมบ่อยเน๊อะช่วงนี้”“ครับพี่”“แล้ว....ประชุมนี่สวยป่ะ ผมสั้นผมยาว ท่าทางจะน่ารักเน๊อะ อาจารย์เค้าถึงติดกันจัง”“ เห๊อะๆๆ” ว่านหันมามองผมยิ้มๆมุมปากพร้อมกับทำหน้าตาแบบน้องหมาสงสัยใส่ผมทันที
หลังจากเล่นมุขฝืดๆกับน้องพอเป็นพิธีผมก็เริ่มจัดยิมให้เป็นสถานที่สำหรับสอบสาย ว่านเองก็ช่วยกวาดพื้นถูพื้นยกโต๊ะ โดยไม่บ่นสักคำ หลังจากที่ผมปูผ้าผูโต๊ะสีน้ำเงินเสร็จผมก็วางแจกันดอกไม้ อืมมม...ขาดดอกไม้แฮะ...
“ว่านๆ” ผมเรียกน้องว่านอีกครั้ง
“ครับพี่”“ขาดดอกไม้อะ หาได้ม๊ะ”“ได้พี่ ได้” ว่านตอบกลับมาน้องยิ้มมุมปาก ก่อนจะวิ่งออกไปนอกยิม
“เท่าไหร่แล้วมาบอกพี่นะ”“ครับ”“เฮ่ย! ว่าน” ผมตะโกนตามว่านที่กำลังจะออกตัวหลังจากใส่รองเท้าเสร็จ
“ครับ” ว่านเอนตัวเอามือสองข้างมาเกาะประตูชะโงกหน้ามองมาทางผม
“ห้ามเกิน 100 นะ”“โอเคพี่” แล้วว่านก็วิ่งหายไป สักพักน้องก็กลับมาพร้อมดอกไม้อะไรก็ไม่รู้ 4 – 5 ดอก อ่า มันเร็วมากครับ ไม่รู้น้องไปเอามาจากไหน แต่ที่แน่ๆ จากสภาพแล้วไม่ใช่ร้านขายดอกไม้ที่อยู่ถัดไปอีก 9 ห้องแน่ๆ น้องถอดรองเท้าเสร็จก็เดินเอาดอกไม้ที่ว่ามาให้ผม
“อะพี่” น้องยื่นดอกไม้มาให้ผมแล้วยิ้ม
“เฮ่ย ทำไมเร็วจัง”“ใช่ม๊ะ”“เท่าไหร่เนี่ยะ”“ไม่เป็นไรพี่”“ทำไมล่ะ”“ก็ดอกไม้จากไอ้ต้นข้างๆยิมนี่เอง”“ห๊ะ!!” หลังจากจัดยิมเสร็จไม่นานน้องๆหลายคนก็เริ่มทยอยๆมา วันนี้ตามกำหนดจะเริ่มการสอบสายตอน 16.45 น. แต่เพียงแค่ 16.20 น้องๆก็มากันจนครบ หลายๆคนที่มาก่อนก็ต่างจับจองหามุมของตัวเองแล้วซ้อมเดี่ยวบ้าง คู่กันบ้าง บางคนก็เรียกให้รุ่นพี่ไปดูให้ ส่วนผมเหรอ ครับ เดาไม่ยาก อ้น บี ว่าน ให้ผมดูให้แน่ๆ วันนี้น้องบีอาการไม่ดีเท่าไหร่แต่ก็พยายามน่าดู ที่ข้อเท้าบีมีผ้ายืดพันไว้ด้วย จนกระทั่ง 16.40 น. อาจารย์กบก็มา พี่ป้อมเรียกน้องๆเข้าแถว ทำความเคารพอาจารย์กบ ก่อนที่อาจารย์กบจะไปนั่งโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ให้ ตอนนั้นผมยืนอยู่ข้างๆอาจารย์กบ พออาจารย์กบนั่งลง อาจารย์ก็สะกิดผมเบาๆ ผมจึงหันไปหาอาจารย์
“ครับ”“เอ ดอกไม้แกไปเอามาจากไหน”“ทำไมเหรอครับ”“เปล่ากูว่าแม่มคุ้นๆเหมือนตอนเดินผ่านมาเมื่อกี้จะเห็น”“ครับ ที่เดียวกัน” พอผมพูดจบกลีบดอกก็ร่วงลงมากลีบหนึ่ง
“เอ.....วันหลังถ้ามันไม่มี ไม่ต้องก็ได้นะดอกไม้หน่ะ ดูสภาพดอกไม้แล้วรู้สึกเหมือนกูรบกวนมากๆเลย”“ครับๆ แฮะๆ” หลังจากคุยกันพอเป็นพิธีอาจารย์กบก็พูดคุยกับน้องๆในเรื่องการสอบสายเพื่อให้น้องๆไม่เครียดมากจนเกินไปอาจารย์กบก็มียิงมุขตลกๆมาเป็นระยะๆให้น้องๆได้ฮากัน จนเวลา 17.00 ก็ถึงเวลาสอบ แล้วการสอบก็เริ่มขึ้น น้องบีกวักมือเรียกผม ขณะที่ผมกำลังยืนดูน้องๆคนอื่นสอบอยู่ ผมหันไปมอง พอบีเห็นว่าผมหันมามอง น้องกวักมือเรียกหนักกว่าเดิมอีก ผมเลยเดินมาหาน้อง
“มีอะไร” ผมถามบีเบาๆ
“พี่....ผมเจ็บขา”“อื่อ ทำให้เต็มที่ แค่ไหนแค่นั้น”“ผมกลัวสอบไม่ผ่าน”“ไม่ต้องกลัวนะครับ เต็มที่ แค่ที่ทำได้ ได้แค่ไหนก็แค่นั้นแหละ ไม่ต้องเครียด” ผมปลอบใจบี ก่อนจะลูบแก้มน้องเบาๆ
“พี่” บีเรียกผมเบาๆอีกครั้ง
“หืม”“ผมกลัว” บีเริ่มคิ้วตก ผมเอามือจับที่แก้มบีเบาๆ
“ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพี่บอกอาจารย์กบให้ว่าเราเจ็บขา” ผมพูดพลางเอานิ้วโป้งลูบแก้มน้องบีเบาๆ
“พี่” บีจับมือผมอีกข้างเอาไว้
“ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพี่นั่งเป็นเพื่อนนะ” พูดจบผมก็นั่งลงข้างๆน้องบี มือข้างหนึ่งน้องบีจับมือผมไว้ไม่ยอมปล่อย
จนกระทั่งการสอบจบลง ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี บีเองก็ถูกอาจารย์กบแกล้งพอเป็นพิธี ปรกติแล้วอาจารย์กบเป็นคนที่ทุ่มเทมาก ท่านไม่ได้สนใจเรื่องความสวยงามเท่าไหร่ ท่านสนใจเรื่องความตั้งใจ แล้วก็ความทุ่มเทมากกว่า เพราะท่านสอนผมเสมอๆว่า แค่เราตั้งใจ เราทุ่มเท เดี๋ยวความสวยงาม ความถูกต้องมันก็ตามมาเองล่ะ แล้วตอนสอบบีก็ไม่ได้พูดเรื่องขาที่เจ็บอยู่แล้วแม้แต่คำเดียว ในทางตรงกันข้าม บียังพยายามจะทำให้ได้เหมือนตอนที่ขาไม่เจ็บ ถึงจะล้มต่อหน้าใครๆ บีก็ยังลุกขึ้นมา แล้วขอทำใหม่ ทั้งๆที่ถ้าเป็นเด็กคนอื่นคงไม่ขอทำใหม่แน่ๆ แล้วก็คงจะพูดเรื่องเจ็บขาตั้งแต่ต้นมืออย่างไม่ต้องสงสัย แน่นอนครับ บีแสดงออกได้ตรงใจอาจารย์กบแบบนี้ ก็รับ B+ ไปเต็มๆ แล้วอาจารย์กบก็พูดถึงการสอบในวันนี้พร้อมให้คำแนะนำน้องๆในการฝึกซ้อมเพื่อให้น้องๆเก่งขึ้น แล้วพี่ป้อมก็ปล่อยน้องๆกลับบ้าน
หลังจากพี่ป้อมปล่อย บี อ้น ว่าน ก็เดินมาหาผมแล้วพูดถึงการสอบเมื่อครู่อย่างสนุกสนาน
“18.45”“บีวันนี้ใครมารับ” ผมกระซิบถามบีข้างๆหูน้องเบาๆ เพราะตอนนั้นน้องนั่งพิงผมอยู่
“ป๊า”“เหรอ....”“ผมนัดป๊าไว้ตอน 3 ทุ่มโน้นแน่ะ” บีหันมาพูดกับผมแล้วยิ้ม
“อ่าว อีกตั้งนานแน่ะ”“นั่นซิ” แล้วบีก็นั่งคุยกับเพื่อนๆต่ออย่างสนุกสนาน ในขณะที่ใครๆในยิมก็กำลังมีความสุขที่สอบสายผ่าน แต่ผมกลับรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก ผมสวมกอดบีเบาๆ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้....บียังจะมาอีกหรือเปล่า.....ไม่รู้ว่าวันนี้ผมจะได้ใช้เวลากับน้องอีกนานแค่ไหน ช่วงเวลาที่ยังมีอยู่......ขอแค่กอดเบาๆแค่นี้....ผมก็มีความสุขแล้ว......
“กลับก่อนนะพี่เอ” ว่านพูดขึ้นหลังจากที่สวมรองเท้าเสร็จ ก่อนจะเดินขึ้นรถไปกับคุณแม่
“เหลือแค่เราสองคนอีกแล้วเน๊อะ” ผมหันมาพูดกับบน้องบีที่ยืนอยู่ข้างๆ มือข้างซ้ายของผมยังโอบตัวน้องบีไว้หลวมๆ
“พี่....ไปส่งผมหน่อยซิ” “อื่อ...” ผมเดินไปหยิบกระเป๋า ก่อนจะเดินไปปิดไฟ....
“แต๊ก...แต๊ก...แต๊ก...แต๊ก...แต๊ก...” ความมืดและความเงียบงันเข้ามาแทนที่ ทั้งที่เมื่อกี้ยังมีน้องๆอยู่กันเต็มไปหมดเสียงหัวเราะ เสียงคุยกันเจ๊อกแจ๊กๆที่ดังจนบางทีก็รู้สึกรำคาญ แต่ตอนนี้กลับปราศจากซึ่งเสียงใดๆ นอกจากเสียงรถที่ผ่านไปผ่านมาหน้ายิม.....ผมเดินออกมาก่อนจะหันไปล๊อกประตู ตอนนั้นน้องบีนั่งอยู่บนรถผมแล้ว ผมหันไปยิ้มให้บี น้องยิ้มตอบกลับมาแล้วผมก็ล๊อกประตู
ผมขับรถไปอย่างช้าๆ มือซ้ายของผมสอดเข้าไปในเสื้อน้องบีเรียบร้อยแล้ว ผมไม่รู้จะคุยอะไร ว่าจะถามถึงเรื่องที่บ้านน้องก็ไม่กล้าถามกลัวจะได้คำตอบที่ผมไม่อยากได้ยิน น้องบีเองก็ไม่พูดอะไร......ผมกอดน้องด้วยมือข้างเดียวอย่างหลวมๆไปตลอดทาง อืม.......ผมมั่นใจนะว่าผมขับรถช้าแล้ว แต่ดูเหมือนว่ามันจะใช้เวลาแค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น อีกไม่กี่ชวงตึกก็จะถึงบ้านน้องบี
“พี่” เสียงเรียกจากน้องบีดังขึ้นเบาๆ
“ครับ” ผมกระซิบตอบไปข้างหูน้อง
“กี่โมงแล้ว”“เดี๋ยวนะ” ผมขับชิดริมทางแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาดู
“หนึ่งทุ่มสี่สิบ……”“.......”“ทำไมเหรอ”“ไปขับรถเล่นก่อนได้ไหม เดี๋ยวใกล้สามทุ่มค่อยกลับมา”“ได้ซิ” ผมวนรถกลับอย่างรวดเร็วก่อนจะพาน้องนั่งรถเล่นไปเรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้ว่าจะพาบีไปไหนดี เลยขับไปตามสถานที่ต่างๆแล้วก็พูดคุยกับน้องไปเรื่อยๆจนกระทั่งผมผ่านไปที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ยามวิกาลแบบนี้จะมีก็แค่แสงไฟจากโคมไฟดวงกลมๆแบบที่สวนสาธารณะใช้กันเท่านั้น ที่ทำให้เห็นอะไรได้บ้าง
ครับ ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากเมืองเท่าไหร่ แต่มันอยู่ในย่านพักอาศัย แสงสว่างรอบๆเลยมีไม่มาก วันนี้พระจันทร์เต็มดวงด้วยซิ จะว่าไปมันก็ไม่มืดสนิทไปซะทีเดียว อาจเพราะเมื่อกี้เราขับรถอยู่ในเมืองแสงมาก พอมาในที่แสงน้อยแล้วม่านตาปรับไม่ทันล่ะมั้ง ผมขับเข้าไปช้าๆ แล้วขับไปเรื่อยๆบนทางเดินซึ่งปรกติตอนเย็นๆจะมีคนมาวิ่งออกกำลังกายกัน ก่อนจะจอดรถอยู่ริมน้ำ ผมดับเครื่องยนต์ ตอนนี้ความเงียบในยามราตรี เสียงลมที่พัดเบาๆพอเย็นสบาย เสียงแมลงต่างๆที่อยู่แถวนั้นร้องกันเป็นระยะๆ ในน้ำมีเงาสะท้อนของดวงจันทร์ทำให้เห็นน้ำที่ถูกลมพัดจนเป็นริ้วๆ แสงสีขาวนวลจากดวงจันทร์สาดส่องไปทั่วบริเวณ ทำให้พอสมองเห็นได้ลางๆ
ณ ตอนนี้ไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปากผมหรือน้องบี ผมสวมกอดลอดแขนน้องบีแล้วโอบกอดเบาๆด้วยสองมือ ผมหอมลงไปที่หลังหูของน้อง บีเอนคอให้เล็กน้อย ก่อนที่ผมจะไล่ลงไปที่ต้นคอ ที่บ่า แล้วก็ไหล่ ระหว่างนั้นผมสอดมือเข้าไปในเสื้อของบีลูบๆไปตามแผ่นอกของน้องด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลาง อีกข้างก็ลูบบนหน้าท้องของน้องเบาๆ ตัวบีเริ่มร้อนขึ้นมา กลิ่นหอมๆบนตัวน้องเริ่มแผ่กระจายออกมามากขึ้น หัวใจน้องเต้นแรงขึ้นจนผมรู้สึกได้ ผมสอดมือขวาลงไปในกางเกงของน้องช้าๆลงไปเรื่อยๆจนถึงบีน้อยที่กำลังตั้งเด่ดันกางเกงในจนตุงอยู่
ผมค่อยๆหยอกเย้าบีน้อยเบาๆ มือซ้ายผมก็ลูบตามจุดสัมผัสต่างๆบนตัวน้องอย่างนุ่มนวลที่สุด บีเริ่มหอบออกมาเบาๆตัวน้องตอนนี้ร้อนฉ่าไปหมด ผมจูบสลับกับหอมต้นคอน้องบีไปเรื่อยๆ บีน้อยก็มีของเหลวลื่นๆไหลออกมา
“พี่” เสียงพูดของบีดังออกจากปากเบาๆ
“ครับ”“ผมปวดฉี่ ขอไปฉี่ก่อนได้ไหม”“ไม่เป็นไร ครับปล่อยออกมาเลย” พูดจบผมก็ดันกางเกงน้องบีลงเล็กน้อยพอให้บีน้อยออกมาได้ ก่อนจะเริ่มไซ้ลงไปที่คอน้องเหมือนเดิม
“พี่!” มือซ้ายของบีกอดมือซ้ายของผมที่อยู่ในเสื้อของน้องจนแน่น มือขวาน้องก็จับมือขวาผมไว้แน่น น้องก็เริ่มเกร็งตัวขาน้องเริ่มเหยียดตรงทำให้แผ่นหลังของน้องแนบชิดติดตัวผม แล้วน้องก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้น
“อะ....อื้อ!!.....อ๊ะ!!.....” น้ำอุ่นๆจากบีน้อยพุ่งออกมาโดนฝ่ามือผมที่กำลังครอบบีน้อยเอาไว้อยู่
“อึก!....อึก!!....” น้องเกร็งตัวอีก 2 ครั้งทุกครั้งที่เกร็งน้ำอุ่นๆก็จะออกมาด้วย
“แฮ่ก....แฮ่ก....แฮ่ก.....” เสียงบีหอบเบาๆ ตอนนั้นมือทั้งสองข้างของผมหยุดนิ่ง บีค่อยๆคลายมือที่จับแล้วก็กอดมือผมลง
“แฮ่ก....แฮ่ก....แฮ่ก.....” บีค่อยๆผ่อนคลายลงเรื่อยๆ แต่ยังมีอยู่ ผมหอมลงไปที่ต้นคอบีเบาๆแล้วก็คาไว้อย่างนั้น ก่อนจะเอามือซ้ายไปจับขอบกางเกงน้องไว้แล้วเอามือขวาเช็ดๆน้ำที่ติดอยู่บนบีน้อยออกให้ได้มากที่สุด เนื่องจากตอนนั้นแสงมีอยู่น้อย แถมน้องก็ยังนั่งข้างหน้าผมด้วย เลยทำให้ผมมองไม่เห็น ทุกครั้งที่มือผมไปโดนส่วนปลาย น้องจะร้อง
“อ๊ะ” ออกมา เสียงนั้นฟังดูน่ารักมากๆเลยครับ ตอนนี้น้ำของน้องติดเต็มมือขวาผมเลย ทำไงดี.....
“บี นั่งรอเดี๋ยวนะ” ผมกระซิบบอกน้องที่ข้างหูเบาๆ ก่อนจะลงไปล้างมือกับน้ำในสระแล้วกลับขึ้นมา ผมสวมกอดน้องเบาๆจากข้างหลังแล้วก็ซุกลงไปบนต้นคอของน้องอีกครั้ง
“เมื่อกี้ผมฉี่ใส่มือพี่เหรอ” บีถามผมเบาๆ
“เปล่าครับ” ผมพูตดอบกลับไป
ผมกอดบีอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไร สายลมเย็นๆพัดผ่านมา เสียงต้นไม้ที่ถูกลมพัดเสียงดังซ่า ซ่า เสียงละรอกน้ำลูกเล็กๆที่กระทบฝั่งเป็นระยะๆ เสียงแมลงเล็กๆร้องกันพอกลับความเงียบงันไปได้บ้าง ตอนนี้รู้สึกเหมือนโลกนี้มีแค่ผมกับบีแค่สองคนเท่านั้น ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“พี่ กี่โมงแล้ว” บีถามขึ้นเบาๆ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา
“สองทุ่มห้าสิบ”“จะสามทุ่มแล้ว”“อื่อ จะสามทุ่มแล้ว” พูดจบผมก็กอดบีเบาๆอีกครั้งก่อนที่จะพาน้องไปส่งที่บ้าน…..
ผมไม่รู้ว่า....วันพรุ่งนี้จะได้เจอน้องอีกไหม....
ไม่รู้ว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เจอกันหรือเปล่า…..
ไม่รู้ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ใกล้ชิดกันไหม.....
แต่วันนี้........ผมมีความสุขมากมาย.....
To Be Con