A's Diary 4
27 พ.ค.
วันนี้ผมออกจากบ้านมายิมตอนประมาณ 15.50 น. พอขับรถมาถึงหน้ายิมผมก็หาที่จอด พอล็อครถเช็คล็อคเสร็จผมก็หยิบซัมซุงแคนดี้ของผมขึ้นมาดู
“16.03” เวลาตามที่นาฬิกาบนหน้าจอบอกเอาไว้
ผมนั่งอยู่บนรถยังไม่ไปไหน......ไม่รู้สิ....ทำไมผมไม่เดินเข้าไปในยิมนะ.....น้องๆหลายคนมาที่ยิมแล้ว ผมมองไปเห็นว่าน เห็นมิ้นซึ่งยังขยันซ้อมเหมือนเดิม มาถึงก็เห็นซ้อมท่ารำ ส่วนคนอื่นนั่งเล่นนั่งคุยกันไปตามประสา เอ้อ จะว่าไปความจริงว่านก็ขยันนะ เพราะตอนนั้นผมเห็นว่านนั่งดู DVD สอนท่าเตะอย่างไม่วางตาเลยทีเดียว ส่วนผมก็นั่งอยู่ที่รถอย่างนั้น เหมือนกำลังรออะไรสักอย่าง......ผมนั่งใจลอยมองรถที่วิ่งไปมาแทบจะไม่ขาดสายเนื่องจากเป็นเวลาที่ผู้ปกครองพากันมารับบุตรหลาน มีผู้คนเดินกันขวักไขว่บนฟุตบาทฝั่งตรงข้ามถนน พักใหญ่ๆผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองอีก
“16.32” นาฬิกาตอบเป็นตัวเลขบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือเครื่องเดิม นี่ผมนั่งรอมาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วหรอเนี่ย
“เฮ้อ....” ผมถอนหายใจเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปในยิมแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น....แต่.....มันเหมือนผมรออะไรสักอย่างจริงๆนะ
“17.15” ผมมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นรอบที่สามแล้ว ในใจผมก็หวังว่าจะมีใครบางคนที่ผมรออยู่โทรเข้ามาซักที
บียังไม่มาแฮะ.....อ้นมาแล้ว ส่วนต้อมหาย.......ผมเป็นห่วงบียังไงก็ไม่รู้ปรกติบีไม่เคยมาช้าแบบนี้ มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า จะมาซ้อมหรือไม่มาก็ไม่รู้ ผมรู้สึกลนลานแปลกๆ เลยตัดสินใจเดินไปหาอ้น
“อ้นๆ” ผมเรียก อ้นที่กำลังยืนโม้กับเพื่อนอยู่อย่างสนุกสนาน
“ครับพี่” อ้นหันมาตอบผม
“วันนี้บีได้มาโรงเรียนไหม”“ก็เห็นมาอยู่นะ” “แล้วทำไมวันนี้ไม่เดินมาด้วยกันอะ”“หูยยยย พี่ ปีนี้ผมกับบีเรียนกันคนละห้องนะ”“อ้าว เหรอ...” อ่าวเหรอ...
“อื่อ”“แล้วต้อมอะ”“ไม่รู้มัน มันไม่ใช่เพื่อนผมสักหน่อย”“เหรอ...อืม” เหรอ...
ผมถามจบก็มานั่งเล่นกับน้องๆ คนอื่นจนกระทั่งได้เวลาซ้อม ถึงอย่างงั้นสมาธิผมตอนนี้กระจัดกระจายหมดแล้ว แต่งานต้องมาก่อนจะให้เรื่องอื่นมารบกวนไม่ได้ ผมเรียกน้องๆเข้าแถว เป็น 4 แถว ก่อนจะพาน้องๆวิ่งวอร์ม แล้ว......
“Ichiban Yari Ore Ga itadaki Kiri Komi Taichou Kagamine Len Da” เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ผมบอกให้น้องๆวิ่งไปก่อน ส่วนผมเดินมาหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ไม่ไกลนัก
“น้องบี Calling” สิ้นสุดความรอคอยของผมซักที ผมกดรับสาย
“......” ผมไม่พูดอะไร รอให้อีกฝ่ายพูดมาก่อน
“......” ปลายสายก็เงียบ ไม่ต้องอาศัยเสียงผมก็ได้ เพราะเสียงน้องๆคนอื่นที่กำลังวิ่งอยู่มันก็ดังพอจะทำให้คนที่โทรมารู้ได้ว่าผมรับสายแล้ว แล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรในการโทร
“.......” ผมก็ยังไม่พูด พลางหันไปมองนาฬิกา
“17.45” นาฬิกาบอกอย่างงั้น
“.....................พี่...........มา...........รับผมหน่อยได้ไหมครับ.......”“.......ตอนนี้อยู่ไหนล่ะ”“.............................อยู่.....หน้าอาคารเรียนครับ....”“ไปรอที่เดิมแล้วกัน” ผมกดวางสายก่อนจะฝากน้องว่านนำวอร์มต่อ น้องๆหลายคนมองตามเพราะไม่เคยมีใครเห็นผมทิ้งให้คนอื่นสอนน้องๆต่อระหว่างที่ผมกำลังสอนแบบนี้ หลายคนก็ถามว่า
“พี่จะไปไหน” รวมถึงอ้นเองก็ด้วย ผมตอบแค่สั้นๆไปว่า
“เดี๋ยวมา” แล้วผมก็ขับรถตรงไปตามจุดนัดหมาย ผมเลือกที่จะไม่ถามว่าทำไมถึงไม่โทรให้มารับก่อนหน้านี้ เพราะเหตุผลมันก็น่าจะรู้ๆกันอยู่ เพราะวันนี้น้องไม่มีเวร แถมไม่ได้เรียนลูกเสือด้วย แล้วคงไม่มีอาจารย์คนไหนดึงเด็กไว้ที่โรงเรียนค่ำขนาดนี้ แต่ที่สำคัญถ้าถามไปแล้วมันทำให้น้องรู้สึกไม่ดี ผมเลือกที่จะไม่ถาม เลือกที่จะไม่รู้คำตอบที่ออกมาจากปากของน้องดีกว่า
พอใกล้มาถึงจุดนัดซึ่งอยู่หน้าโรงเรียนผมค่อยๆชะลอความเร็วของรถลงแล้วขับต่อไปช้าๆ ณ เวลานี้แถวนี้มันเงียบงัน เด็กๆกลับบ้านไปกันหมดแล้ว เหลือแม่ค้าไม่กี่คนที่กำลังเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านไปพักผ่อน เจ้าหน้าที่รักษาความสะอาดคนหนึ่งกำลังเดินกวาดเศษขยะเสียงไม้กวาดดัง
“แกรกๆ” บรรยากาศค่อยๆมืดสลัวลงทุกทีๆ ผมค่อยๆมองไปเรื่อยๆ ไม่นานผมก็พบเด็กชายคนหนึ่งแต่งตัวไม่เรียบร้อยเลย รองเท้าก็เหยียบส้น เสื้อก็ออกนอกกางเกง กระดุมบางเม็ดหลุดก็อีก ตอนนั้นผมเห็นนั่งกดมือถือเล่นอยู่เพียงลำพังตรงที่รอรถประจำทาง ผมขับรถไปจอดใกล้ๆ น้องยังไม่รู้ตัวแฮะ
“บี” ผมเรียกน้องที่กำลังนั่งเล่นเกมอยู่ บีเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินมาขึ้นรถด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“..........หิวไหม” ผมถามน้องไป
“...........” น้องบีนั่งเงียบ
“.......ทีหลัง......อย่าทำแบบนี้อีก......”“......”“..................พี่............เป็นห่วงนะ....รู้หรือเปล่า” ผมพูดจบก็เอามือซ้ายกอดน้องบีเบาๆ ก่อนจะหอมลงไปที่ผมน้อง
พอมาถึงชมรมผมก็จอดหน้าร้านข้าวมันไก่ข้างๆ พอลงจากรถผมก็เห็นบีไปยืนจ้องแม่ค้าที่กำลังสับไก่อยู่อย่างสนุกมือ ผมเดินมายืนข้างๆบีแล้วถามว่า
“หิวเหรอ”“.......” บีไม่ตอบแต่หันมามองผมแล้วยิ้มๆหน่อยหนึ่งก่อนจะพยักหน้าให้รู้ว่า
‘หิว’ ผมพาน้องบีทานข้าวแล้วก็นั่งพูดไปเรื่อยๆ เหมือนคุยคนเดียวเลย แต่ผมว่าน้องก็กำลังตั้งใจฟังอยู่ แล้วพักหนึ่ง น้องก็ยอมพูด ก่อนเข้ายิม ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้น้องๆในยิมหลายคนคงจะแปลกใจที่เห็นผมมากับบีตลอด วันนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ ผมไม่ได้พูดเรื่องต้อมเพราะผมคิดว่าน้องเองก็น่าจะรู้ว่าน้องก็มีส่วนผิดเหมือนกัน แล้วมันก็น่าจะเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่น้องไม่ยอมโทรให้ผมมารับตั้งแต่ช่วง 4 โมงเย็น
“เฮ้อ.....ไม่ได้ไปกินหมูกระทะกันนานแล้วเนอะ” ผมพูดขึ้นขณะที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋าหลังจากที่ซ้อมเสร็จ
“นั่นสิ” บีตอบกลับมา
“ไปกินหมูกระทะกันมะ” ผมเอ่ยปากชวนบี
“ว่านอะ ไปเปล่า” ผมหันไปชวนว่านอีกคน
“นิวอ่ะ” ก่อนจะถามนิวเพื่อนรุ่นเดียวกับน้องว่านที่เข้ามาเรียนเทควันโดที่นี่ได้ไม่นาน
“ไปวันนี้เหรอ” บีถามผม
“เปล่า วันอื่น”“วันไหนครับพี่” ว่านถามกลับมา
“ไม่รู้แฮะ เอาเป็นวันจันทร์มะ หรือว่าไง”“แล้วแต่พี่” ว่านตอบกลับมา
“วันนี้ก็ได้นะผมว่าง” บีพูด
“อืมมม......งั้นเดี๋ยวดูพรุ่งนี้ก่อน...ถ้าพรุ่งนี้ฝนไม่ตกก็ พรุ่งนี้แหละ” ผมพูดจบก็ลูบๆหัวบี
แล้วผมก็พาบีกับว่านไปส่งที่บ้าน ขากลับก็เหมือนเดิมครับ หึหึหึหึ.....
--------------------------------------------------------------------------
28 พ.ค.
“Ichiban Yari Ore Ga itadaki Kiri Komi Taichou Kagamine Len Da” ขณะที่ผมกำลังหัดตัดต่อ VDO อย่างมีความสุขกับโปรแกรม Ulead VideoStudio 11 อยู่นั้นซัมซุงผมก็ร้องเพลงครับ ผมมองไปที่นาฬิกาที่แสดงบนจอ
“16.07” ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้ว่าใครโทรเข้ามา
“น้องบี Calling”“ครับว่าไง” ผมตอบกลับน้องไป แต่สายตายังคงจ้องอยู่บนจอคอมพิวเตอร์
“พี่ มารับผมด้วย ตอนนี้ผมอยู่ที่เดิมนะ”“ฮะ? มาอยู่แล้วเหรอ” ครับ ผมยังไม่ได้ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์เลย
“อื่อ มาถึงก็โทรหาพี่เลย”“อ่าๆๆ เดี๋ยวๆ ขอเวลา 8 นาที เดี๋ยวมาถึง” ผมเซฟงานแล้วกด shut down ลุกขึ้นแล้วเดินไปทางห้องน้ำเตรียมตัวไปรับน้อง
“คร้าบบบบบบ” วางสายเสร็จผมก็เดินไปอาบน้ำล้างหน้าแบบลวกๆ ก่อนจะแต่งตัวแล้วออกไปรับบี พอใกล้ถึงก็เจอน้องบียืนกด I-phone อยู่ ใส่หูฟังด้วย น่ารักดีแฮะ ผมจอดรถตรงหน้าน้องบีก่อนที่น้องจะเอากระเป๋าไปวางหน้ารถแล้วขึ้นมานั่งหน้าเหมือนเคย ระหว่างทางน้องบีก็คุยนั่นคุยนี้ไปเรื่อยก่อนที่จะ
“พี่ฟังเพลงนี้ดูซิ เพราะดีนะ” บีเอาหูฟังอันหนึ่งมายัดใส่หูผม
“ความรักครั้งนี้จะเป็นอย่างไร
ฉันควรจะต้องทำใจรึเปล่า
(จะเป็นได้แค่เพียงฝัน)
ความรักครั้งนี้จะเป็นอย่างไร
สุขสมได้ดั่งใจ หรือเป็นฝันชั่วคราว
(อยู่ที่เธอรู้ไหม)
ชีวิตของฉันเมื่อพบกับเธอนั้น
จะเปลี่ยนแปลงหรือเป็นเหมือนเก่า
(เป็นแค่ฝันไป)
คือคำถามฝากไว้
ฉันวอนไห้สายลมพัดลอยผ่านไป ถึงเธอ”“อืมม....เพราะดีเนอะ” พูดจบผมก็หอมลงไปที่ผมบีเบาๆ
แล้วน้องก็เล่าเรื่องต่างๆที่โรงเรียนให้ฟังจนมาถึงเรื่องหนึ่ง
“วันนี้มีรุ่นพี่มาท้าต่อยกับผมด้วย” บีพูดขึ้น
“.......” ผมไม่ได้พูดอะไรกลับไป
“แต่ผมไม่รับคำท้า กลัวจะมีเรื่องจนต้องเรียกผู้ปกครอง แล้วก็กลัวพี่จะมาดุผมอีก” น้องทำเสียงเศร้าหน่อยๆ
“ก็ดีแล้ว รู้จักคิด” ผมตอบกลับไป
“แล้วเค้าคิดไงมาท้าเราต่อยล่ะ” ผมถามต่อ
“ไม่รู้เหมือนกัน” บีตอบกลับมา
“ถ้าเค้ามาท้าอีกก็อย่าไปสนใจนะ มีเรื่องขึ้นมามันไม่คุ้มเข้าใจเปล่า” “ครับ”“ดีมาก”“พี่”“หือ”“รู้เปล่าถ้าโรงเรียนเรียกผู้ปกครองมาพบ ผมจะบอกว่าอะไร”“เคยมีเรียกด้วยเหรอ”“เคย”“หืมมม ซ่านะเราเนี่ย....”“ฮ่ะๆๆ” บีหัวเราะชอบใจ
“แล้วตอบเค้าไปว่าไงล่ะ”“ก็ตอบว่า พ่อแม่ผมไม่มีเวลาว่างให้กับเรื่องเล็กๆแค่นี้หรอกครับ เพราะต้องทำงานหาเงินเลี้ยงผมกับน้องๆอีก 3 คน” บีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากๆ
“พูดแบบนี้จริงอ่ะ”“เปล่า ล้อเล่น บอกแค่ว่า พ่อแม่ไม่ว่างทำงานอยู่ แค่นั้นครับ”“อืมม....นะ” วันนี้ต้อมก็ยังไม่มา......แล้วการฝึกซ้อมก็ดำเนินไปตามปรกติจนกระทั่งเลิก บีโทรบอกคุณพ่อว่าให้ผมมาส่ง หลังจากเก็บของเสร็จ พี่ป้อมก็อาสาจะเฝ้าน้องๆที่เหลือเอง ผมกับบีเลยเดินออกไปหน้ายิมเพื่อเตรียมขึ้นรถกลับบ้าน แต่จู่ๆบีก็ทำสีหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนจะเอามือตบลงไปที่กระเป๋าเพื่อหาอะไรสักอย่าง
“หาอะไร” ว่านถามบี
“โทรศัพท์” บีตอบกลับมา แล้วบีก็เจอโทรศัพท์พอดี
“ฮัลโฮลววว”“........” ผมกับว่านยืนรอเงียบๆ นิวเองก็ยังยืนรออยู่ใกล้ๆกัน
“ครับ”“......”“ครับ”“......”“ครับ”“......”“ครับ”“......”“ครับ” แล้วน้องบีก็กดวางสาย.....ผมว่าเท่าที่ฟังเหมือนจะเป็นการรับคำสั่งมากกว่าการพูดคุยกันนะ น้องบีเอาโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋าแล้วก็หันมาหาผม
“พี่เอ ป๊าบอกให้พาพี่เอกไปกินหมูกระทะด้วยกัน” บีทำเสียงอ้อนๆ
“หือออ.....ไปกับใครบ้างอะ”“ก็มีพี่ว่าน พี่นิว กับ พี่เอ” บีตอบกลับมา
“ไม่ๆ พี่หมายถึงว่า ป๊าเราอะ พาใครไปด้วยบ้าง” ผมถามจบบีก็ทำหน้าตาคิดๆ
“ก็มี......ป๊า.....ม๊า.....น้องๆอีก 3 คน แล้วก็ โก....อืมมมม น่าจะแค่นี้แหละ” พูดจบบีก็หันมายิ้ม
‘อืมมม เค้าไปกินกันเป็นครอบครัวเลยทีเดียว เราคนนอก ไม่เหมาะแหงๆ’ ผมคิดในใจ
“ไม่เป็นไร คราวหน้าดีกว่า เนอะว่าน” ผมหันไปมองว่าน
“วันนี้ก็ดีนะพี่” ว่านตอบกลับมา
‘เอ๋.....ว่านไม่รู้สึกเลยเหรอว่ากำลังหาแรงเสริมเพื่อปฏิเสธคำเชิญเนี่ย’ ผมคิดในใจ
“นั้นสิพี่ ไปด้วยกันนะ” บีเดินมาดึงมือผม
“พี่นิว ไปด้วยกันนะ” บีหันไปชวนนิวที่กำลังยืนมอง
“พี่ต้องโทรถามที่บ้านก่อน แต่มือถือพี่แบตหมด” นิวตอบกลับมา
“ไปแล้วค่อยโทรก็ได้ เดี๋ยวเอามือถือผมโทร แล้วให้ป๊าผมคุยให้ก็ได้” บีทำท่าทางเหมือนอยากให้นิวไปด้วยกันมากๆ
“จะดีเหรอ” นิวตอบกลับมา
“ดี กินแค่เดี๋ยวเดียวเอง ป่ะๆ” แล้วระหว่างที่บีกำลังพยายามชวนผมอย่างสุดความสามารถอยู่นั้นรถ New E-Class คันหนึ่งที่เลขป้ายทะเบียนคุ้นมากๆก็มาจอดใกล้ๆ พอรถจอดสนิทกระจกรถก็ลดลงอย่างรวดเร็ว อืมมม ครับ ไม่ใช่ใครที่ไหน ป๊า น้องบีนั่นเอง
“พี่เอ ไปทานหมูกระทะด้วยกัน เดี๋ยวป๊าเลี้ยงเอง” ครับ....สิ้นหนทางปฏิเสธแล้ว......ผม ว่าน กับ นิว ตามไปที่ร้านหมูกระทะแต่โดยดีตามคำเชิญของคุณพ่อน้องบี พอมาถึงที่ร้านประจำครับ เป็นร้านบุฟเฟ่ห์ที่เคยพาบีมาทานบ่อยๆ ตอนนั้นคนเยอะมาก รถจอดเต็มหน้าร้านไปหมดจนแทบจะหาที่จอดไม่ได้ คุณพ่อน้องบีต้องรอดรถไกลออกไปจากหน้าร้านหน่อยหนึ่ง พอเข้ามาในร้าน บีก็เลือกโต๊ะเสร็จสรรพ โดยแยกเป็นสองโต๊ะไม่ติดกัน ผมกับ บี ว่าน แล้วก็ นิว นั่งด้วยกันอีกโต๊ะหนึ่ง ส่วน คุณพ่อน้องบีก็นั่งอีกโต๊ะหนึ่ง ว่านรีบเสียบเข้าไปนั่งอย่างรวดเร็ว พอนิวจะลงมานั่งข้างๆว่านก็ไล่ไปนั่งอีกฝั่ง ผมเลยเลือกที่จะนั่งฝั่งว่าน ส่วนบีก็นั่งฝั่งเดียวกับนิว ไม่นานนักคุณแม่น้องบี กับ น้องๆทั้ง 3 แล้วก็ โก ของน้องบีก็ตามมาสมทบ แล้วเราก็เริ่มทานหมูกระทะกันอย่าง....ตะขิดตะขวงใจ....อาจเป็นกับผมคนเดียวมั้ง....ไม่รู้สิครับ.....สงสัยร้อนตัว เหอๆๆ.....
บีเองจากที่เคยบอกว่ารำคาญน้องมากๆผมก็ดูว่าบีสนใจน้องดีนี่นา เห็นเอาหมูไหม้ๆเกรียมๆให้น้องชายกินหมดเลย ผมก็ทักอยู่นะ แต่บียืนยันว่าน้องเค้าชอบมาก ผมเลยไม่ขัด เพราะดูรูปการแล้วน้องชายบีน่าจะชอบจริงๆ แล้วระหว่างที่ทานไปคุยไปผมก็รู้สึกว่า ครอบครัวน้องบีเหมือนไม่เคยหรือไม่ค่อยได้ทานหมูกระทะหรือเปล่า เพราะดูเก้ๆกังๆหันมาถามบีอยู่เรื่อยว่าอันนี้เค้าใส่ หรือ กินกันยังไง ต้ม ลวก หรือ ย่าง บีเองก็ไปยืนบอกเป็นระยะๆ แล้วมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ นิว ว่าน บี ป๊าน้องบี โกน้องบี ออกไปตักอาหารกัน ผมเลยคุยกับคุณแม่น้องบีจนไปตกคำถามที่ว่า
“คุณแม่ทานหมูกระทะบ่อยไหมครับ” ผมถามออกไป คุณแม่น้องบีหันมายิ้มๆก่อนจะตอบว่า
“ไม่คะ นานๆจะทานกันสักที” คุณแม่น้องบีตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลมากๆ
“คุณแม่เคยมาทานร้านนี้ไหมครับ”“ไม่เคยคะ ปรกติถ้าจะทานหมูกระทะก็ทำทานกันเองที่บ้าน” คุณแม่น้องบีพูดพลางพลิกหมูไปพลาง
“ครับ”“เนี่ยวันนี้ที่มาทาน ก็เพราะพี่เอเลยนะ พาน้องบีมาทานร้านนี้จนน้องติดใจเลย” คุณแม่น้องบีพูดเสร็จก็หัวเราะเบาๆ ไม่รู้ว่าคำพูดนั้นแอบสวดผมหรือเปล่า แต่ช่างมันเถอะ
แล้วระหว่างที่ทานหมูกระทะกันอยู่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
“โอ๊ย!!” เสียงบีดังขึ้น ผมหันไปมองต้นตอของเสียงทันที เห็นว่าบียืนกำตะเกียบอยู่ ผมเข้าใจทันทีเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วตอนนั้นน้องบีเงยหน้าขึ้นมา น้องคงเห็นผมมองอยู่เลยรีบวิ่งมาหาผมทันที
“พี่เอ....” น้องเรียกผมเบาๆก่อนจะยื่นมือมาให้ดู ผมเห็นแผลถูกเสี้ยนจากตะเกียบตำใหญ่พอสมควร แถมมีเศษไม้ติดอยู่ข้างในด้วย
“พี่ดึงออกให้ เจ็บหน่อยนะ” ผมหันมาพูดกับน้องก่อนจะค่อยๆเอานิ้วดึงเศษไม้ออกให้แต่.....มันมีชิ้นหนึ่งดึงไม่ออกครับ ผมเอาปลายนิ้วจิกเอาไว้ได้ แต่ดึงแล้วมันไม่ออก มันติดแน่นมาก น้องบีเองก็แสดงท่าทางเจ็บปวดมากๆ ผมเลยรีบลุกมาหาคุณแม่น้อง
“คุณแม่ครับ น้องถูกเสี้ยนตำ” คุณแม่น้องบีคงคิดว่ามันเป็นแค่เสี้ยนเล็กๆมั้งครับเลยดูไม่ใส่ใจเท่าไหร่ก่อนจะพาไปที่รถเพื่อเอาแหนบดึงออกให้ คุณแม่กลับมาเล่าให้ฟังว่า
“เสี้ยนชิ้นนั้นดึงออกยากมากเลย บีเหงื่อแตกท่วมตัวเลยทีเดียว”“ชิ้นใหญ่ไหมครับ” ผมถามออกไป
“ก็ใหญ่อยู่นะ” แล้วคุณแม่น้องบีก็นั่งทานต่อไปซะงั้น คุณพ่อน้องบีก็ดูเฉยๆยังไงก็ไม่รู้ เฮ่ย นี่มันอะไรกัน ลูกชายถูกเสี้ยนชิ้นใหญ่ตำ แต่กลับนั่งทานกันต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยนะ ส่วนบีเองก็นั่งทำหน้าตาแสดงออกให้รู้ว่าเจ็บมากๆเลยครับ ผมหายหิวเลย ถ้าไม่ติดว่าคนอยู่เยอะผมคงนั่งกอดน้องแล้วก็เป่าให้ไปแล้ว......
วันนั้นสรุปผมทานไม่ค่อยอร่อย + ไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่ ไม่รู้สิครับ ช่วงแรกร้อนตัว ส่วนช่วงหลังสงสารน้องบี อืมมม......
To Be Con