ตอนที่ 16 เอาคืน [1/2]
ในช่วงต้นของสัปดาห์นี้ค่อนข้างจะเป็นอะไรที่วุ่นวายสำหรับผมอยู่พอสมควร เพราะมีเรื่องงานที่ค้างคามาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว วันจันทร์ผมมีประชุมเรื่องความคืบหน้าของคอลัมน์ใหม่ที่จะลงในเดือนหน้า ซึ่งในส่วนนี้ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดี ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่จะมาหนักๆ และค่อนข้างปวดหัวอยู่เอาการก็เมื่อวานนี้ ที่ประชุมกับส่วนของโรงพิมพ์ อันที่จริงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็เพิ่งประชุมกันไป แต่เนื่องจากมีปัญหาที่แก้ไขและตกลงกันยังไม่ลงตัว เลยต้องกลับมาประชุมกันอีกครั้ง
เรื่องที่ยังตกลงกันไม่ได้อาจเป็นด้วยว่ามีผู้ถือหุ้นคนอื่นด้วย แม้ครอบครัวของผมจะถือหุ้นอยู่ในมือเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ แล้วส่วนที่เหลือเป็นของญาติพี่น้องคนอื่น แต่เรื่องของการบริหาร หรือการตัดสินใจ แล้วทำให้พวกผู้ใหญ่ยอมรับทั้งหมดมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะผมก็ยังดูเป็นเด็กในสายตาพวกเขา ยิ่งการมาเปลี่ยนระบบเดิมๆ หรือทำอะไรใหม่ๆ ที่ต่างออกไปจากที่เคยทำกันมาก็ยิ่งถือเป็นเรื่องยาก คงต้องใช้เวลาพิสูจน์ผลงานเพื่อให้พวกเขายอมรับกันอีกสักพัก
แต่ในช่วงเวลาเครียดๆ แบบนี้แล้วมีคนคอยอยู่เป็นกำลังใจให้ มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาได้เยอะเหมือนกัน
ช่วงสองวันที่ผ่านมา ผมกับกรไม่ได้เจอกันเลย ถึงจะไม่ได้เจอ ก็จะมีเขาที่คอยโทรมาหา คอยส่งข้อความมา ซึ่งผมเองก็รับสายหรือตอบกลับได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนใหญ่ที่เขาโทรมาก็จะถามแค่ว่า เหนื่อยไหม กินข้าวหรือยัง ได้พักผ่อนบ้างหรือเปล่า บางทีแค่ข้อความสั้นๆ ที่ถูกส่งมาช่วงดึกว่า “เหนื่อยนักก็พักซะ” มันไม่ใช่คำหวานอะไรเลย แต่มันทำให้ผมรู้ว่ามีอีกคนที่คอยอยู่ข้างผม คอยเป็นห่วงผมอยู่ มันก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้
เวลาทำงานผมก็มักจะลืมเรื่องเวลาไปเป็นประจำ ยิ่งช่วงไหนที่งานยุ่งๆ แบบนี้กว่าจะกลับถึงคอนโดฯ ก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว เพราะฉะนั้นเวลาที่ผมกับกรจะเจอกัน มันก็แทบเป็นไปไม่ได้ มาวันนี้การทำงานของผมก็เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติบ้างแล้ว ถึงช่วงเวลาทำงานจะดูยุ่งๆ หรือเครียดอยู่บ้าง แต่เย็นนี้ผมคงต้องยกเวลาให้กับตัวเองและอีกคนบ้าง หลังจากยกให้กับเรื่องงานไปพอสมควรแล้ว
“<<ไม่มีพรุ่งนี้ รักเราจะมีเพียงวันนี้รออยู่ ปล่อยวันพรุ่งนี้ ให้ฟ้านำทางต่อไป…>>” ว่าแล้วคนที่ผมตั้งใจจะคืนเวลาให้ หลังจากยกให้งานไปเยอะแล้วก็โทรเข้ามา ซึ่งผมเองก็กำลังจะโทรหาเขาเหมือนกัน
“ครับ” ผมรับสาย
“กรโทรมากวนพี่หรือเปล่า”
“เปล่า พี่กำลังจะออกจากออฟฟิศแล้ว ว่าจะโทรหาอยู่เหมือนกัน”
“ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้พี่ก็ว่างแล้ว กรเข้าไปหาพี่ที่คอนโดฯ ได้ไหม”
“อืม แล้วจะมากี่โมง พี่กะว่าจะกลับไปว่ายน้ำด้วย จะไปด้วยกันหรือเปล่า” ไหนๆ มีเวลาแล้ว ก็ขอไปออกกำลังกายบ้าง
“ครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวกรออกจากบ้านเลยแล้วกัน น่าจะถึงพร้อมๆ กับพี่พอดี” พูดจบแล้วก็วางสายกันไป ผมเองก็ขับรถออกจากออฟฟิศแล้วตรงกลับคอนโดฯ เลย
.........................................................
ผมขับรถมากำลังจะเลี้ยวเข้าซอย พอมองขึ้นไปที่กระจกมองหลังก็เห็นรถคุ้นตาขับตามมาพอดี แล้วขับตามกันเข้ามาในอาคารจอดรถ ก่อนจะมาจอดอยู่ข้างๆ กัน พอจอดรถเรียบร้อย กรก็เป็นฝ่ายที่เดินลงจากรถมาก่อน พร้อมกับเป้สีดำที่สะพายไว้บนไหล่ข้างซ้าย ส่วนผมก็หันไปคว้ากระเป๋าใส่โน้ตบุ้คกับเอกสาร แล้วเปิดประตูลงจากรถไป
“เป็นยังไงบ้างครับวันนี้” กรเป็นฝ่ายที่ถามขึ้นมาก่อน เมื่อผมเดินลงจากรถมาหาเขา แล้วพากันเดินไปเข้าไปในคอนโดฯ
“ยุ่งๆ นิดหน่อย แล้วโปรเจคไปถึงไหนแล้ว” ผมถามเขากลับไปบ้าง เพราะเห็นว่าช่วงนี้ก็ยุ่งๆ กับโปรเจคอยู่เหมือนกัน
“เกือบจะเสร็จแล้ว กรว่าจะเข้าไปหาอาจารย์อาทิตย์หน้า”
“อืม” แล้วเราก็คุยกันไปเรื่อยๆ จนถึงห้อง
พอผมเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้อง ก็ถูกคนที่ทำหน้าที่ปิดประตูตามหลังมา ยื่นแขนมารั้งเอวผมจนแผ่นหลังของผมไปปะทะกับแผ่นอกของเขา ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ทันได้วางของที่ถืออยู่ในมือ ก่อนจะยื่นคางมาเกยไว้ที่หัวไหล่ของผมแล้วกระซิบมาเบาๆ
“คิดถึงจัง” พูดแล้วก็หอมแก้มผมไปอีกที มันจะเลี่ยนไปไหน แต่จะว่าไปผมก็รู้สึกดีนะ
“อืม เหมือนกัน” ยังเลี่ยนกันไม่พอ ต้องขออีกสักหน่อย แล้วผมก็พาตัวเองออกมาจากอ้อมแขนนั้น เพื่อเดินเอาของไปวางไว้บนโต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้มที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น
“ตกลงว่าจะไปว่ายน้ำด้วยกันหรือเปล่า” ผมหันกลับมาถามกรที่พาตัวเองมานั่งอยู่ที่โซฟาหน้าทีวีแล้ว เขาพยักหน้าตอบ ผมเลยเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็เตรียมผ้าเช็ดตัวไปด้วย ส่วนของกร เจ้าตัวเขาบอกว่าอยู่ในเป้เรียบร้อยแล้ว
.........................................................
พอขึ้นมาถึงสระว่ายน้ำ พวกผมสองคนก็เข้าไปเปลี่ยนชุดมาใส่กางเกงว่ายน้ำในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่อยู่ทางด้านหนึ่งของสระ แล้วเดินออกมาโดยมีผ้าเช็ดตัวพันไว้รอบเอว ก่อนจะปลดออกแล้ววางพาดไว้กับเก้าอี้ยาวริมสระ วันนี้คนก็ไม่เยอะ มองๆ ไปนอกจากพวกผมแล้วก็มีอีกแค่สามสี่คน ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมากันแล้ว บอกตามตรงว่าผมเองก็อดไม่ได้ที่จะมองรูปร่างของอีกคน รูปร่างสูง เพรียว มีกล้ามท้องให้เห็นกำลังดี พอมองแล้วก็นึกไปถึงว่าตัวเองทำอะไรเอาไว้บ้างตอนไปหัวหิน จะว่าตื่นขึ้นมาแล้วยังงงๆ งัวเงียอยู่ก็คงไม่ใช่ มันก็ทำเพราะอยากทำ อารมณ์จะอายมันก็ไม่มีหรอกตอนนั้น แต่ไม่รู้ทำไมพอกลับมานึกถึง มันรู้สึกว่าหน้าของตัวเองมันร้อนวูบๆ ยังไงก็ไม่รู้
“พี่กันต์เป็นอะไร หน้าแดงเชียว” ใครหน้าแดง ผมหรอ ???
“เปล่าๆ ไม่ได้เป็นอะไร ไป... ลงไปว่ายน้ำกัน” ว่าแล้วผมก็ขยับตัวยืดเส้นยืดสายอยู่สองสามที ก่อนจะเป็นฝ่ายกระโดดลงสระแล้วว่ายออกไปก่อน จากนั้นก็ตามด้วยอีกคนที่กระโดดลงสระแล้วว่ายตามผมมา
แล้วเราสองคนก็พากันว่ายน้ำกลับไปกลับมาอยู่เกือบสิบรอบ พอขึ้นจากน้ำก็มาคว้าผ้าเช็ดตัวที่วางพาดไว้บนเก้าอี้ริมสระ และในระหว่างที่ยืนเช็ดตัวผมก็รู้สึกเหมือนว่าท้องของผมเริ่มจะร้องขึ้นมาแล้ว
“หิวหรือยัง” ผมถามกรที่ยืนเช็ดตัวอยู่ข้างๆ
“หิว” กรตอบพร้อมกับพยักหน้า
“แล้วอยากกินอะไร”
“สั่งพิซซ่ามากินกันไหม”
“อืม เอาสิ” หลังจากตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยว่ามื้อเย็นเราจะกินอะไร ก็เข้าไปอาบน้ำ ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก็จะมีห้องอาบน้ำ แล้วมีพวกสบู่เหลวกับแชมพูไว้ให้ด้วย
.........................................................
พอกลับมาถึงห้อง กรก็เป็นฝ่ายโทรไปสั่งพิซซ่า ส่วนผมก็เอาผ้าที่เปียกไปจัดการ ก่อนจะเดินกลับมาหยิบดีวีดีที่อยู่บนชั้นติดกับผนังข้างทีวี ส่วนใหญ่ก็จะเป็นหนังกับพวกซี่รี่ฝรั่ง ซึ่งอย่างหลังก็จะเยอะหน่อย เพราะมีที่ชอบดูอยู่หลายเรื่อง แต่จะให้ตามดูตอนที่เขาเอามาฉาย ก็ตามดูได้ไม่ครบทุกตอน เลยต้องไปหาซื้อแผ่นมาดู
“พี่ดูหมดยัง” กรถามขึ้น หลังจากที่วางโทรศัพท์แล้ว
“ยัง ยุมันเพิ่งเอา Bones ซีซั่นใหม่มาให้ ยังไม่ได้ดูเลย”
“สนุกหรอ เรื่องเกี่ยวกับอะไรอ่ะ”
“อืม สนุก มันก็แนวสืบสวนคดีฆาตกรรม คล้ายๆ กับพวก CSI หรือ Criminal Minds แต่พี่ชอบเรื่องนี้มากกว่า” ผมบอก แล้วก็เดินไปเปิดทีวี เปิดเครื่องเล่นเอาแผ่นใส่ แล้วกลับมานั่งที่โซฟา โดยมีอีกคนตามมานั่งข้างๆ นั่งดูหนังกันไปได้ไม่นาน พิซซ่าที่สั่งไว้ก็มาส่ง แต่คนที่มาส่งเป็นพนักงานของคอนโดฯ ที่นี่เวลาใครสั่งอาหารพวกเดลิเวอรี่ จะมีพนักงานของคอนโดฯ ซึ่งจะทำหน้าที่คล้ายๆ กับรูมเซอร์วิสของโรงแรมขึ้นมาส่ง และเก็บเงินให้แทน แม้แต่เเงินทอนยังมีมาพร้อม
พอรับของเรียบร้อยก็เอามานั่งกินหน้าทีวีนั่นล่ะ นั่งดูไปกินไป กินกันแทบไม่พูดไม่จา เพราะต่างคนก็ต่างหิว มือข้างหนึ่งก็คอยส่งพิซซ่าเข้าปาก ส่วนตาก็แทบจะไม่ยอมละจากหน้าจอทีวี พออิ่มแล้วเรื่องก็จบไปตอนหนึ่งพอดี เราเลยลุกเอาพวกกล่องกระดาษไปทิ้งลงถังขยะที่อยู่ในครัว พอเดินกลับออกมานั่งที่โซฟาแล้ว ขณะที่กำลังจะหยิบรีโมทที่วางอยู่บนโต๊ะมากดเล่นตอนต่อไป ก็มีมือข้างหนึ่งยื่นมาจับข้อมือของผมเอาไว้ก่อน ผมเลยหันไปมองหน้าเขา
“ไม่เอาแล้ว ไม่ให้ดู พอดูหนังพี่ก็ไม่สนใจอะไรเลย คุยก็ไม่คุย” อ้าว มีแบบนี้ด้วย ก็หนังมันสนุกแล้วผมเองก็ชอบเรื่องนี้มากเลยตั้งใจดูเป็นธรรมดา ตอนแรกก็ว่าจะไม่ยอมเพราะกำลังดูมันๆ แต่พอเห็นหน้าอีกคนก็ต้องยอมเขาล่ะ ไหนๆ ก็ตั้งใจว่าจะคืนเวลาให้เขาแล้ว
“อืม ไม่ดูก็ได้” พอผมตอบไปแบบนั้น กรก็คว้ารีโมทไปกดปิดทีวี ก่อนจะล้มตัวลงแล้วเอาหัวมาหนุนอยู่ที่ตักผม
“อย่าเพิ่งนอน เพิ่งจะกินไปอิ่มๆ ลุกขึ้นมาก่อน” ผมว่าคนที่กำลังนอนอยู่ แต่นอกจากจะไม่ฟังแล้วยังคว้ามือผมไปจับเล่น พลิกไปพลิกมาบ้าง ลูบเล่นบ้างเสียอีก ชอบจังกับมือผมเนี่ย ถึงจะบอกว่านิ่ม มันก็คงไม่ได้นิ่มเท่ากับมือของผู้หญิงหรอก แต่จะว่าไปแล้วมันก็เพลินๆ ดีเหมือนกัน
“พี่ไม่ให้นอน แล้วเราจะให้ทำอะไรดีล่ะ”
“ก็คุยไง บอกว่าไม่ยอมคุยด้วยไม่ใช่หรอ ตอนนี้ให้คุยแล้วไง” ผมตอบ แล้วอย่าคิดว่าผมจะไม่รู้นะว่า มาแบบนี้คิดจะทำอะไร ถึงจะเนียนๆ มาแล้วก็เถอะ
“ไม่คุยแล้ว ทำอย่างอื่นดีกว่า”
“เอ้ย!!” ผมสะดุ้งและร้องออกมาด้วยความตกใจ เพราะอยู่ดีๆ คนที่นอนหนุนตักก็หันหน้าเข้ามาซุกอยู่กับหน้าท้องผม แล้วกัดผ่านเนื้อผ้ายืดสีขาวลงไป ถึงจะกัดลงไปไม่แรงมากนัก แต่มันก็ทำให้รู้สึกเจ็บ
“ปล่อยก่อน เดี๋ยว...ไม่เอา” ผมร้องบอก แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมฟังเสียงของผม มีเพียงเสียงหัวเราะ หึหึ ในลำคอเท่านั้น แล้วยิ่งเห็นว่าผมเริ่มยกมือทั้งสองข้างมาจับที่บ่าทั้งสองข้างของเขาเพื่อจะดันตัวออก แทนที่เขาจะยอมหยุดสิ่งที่กำลังทำ กลับขยับตัวแล้วยกแขนมาโอบรอบเอวของผมไว้ ไม่ให้ขยับหนีไปไหน ก่อนจะฝังใบหน้าลงไปซุกไซ้กับหน้าท้องของผมอีกครั้ง
“อื้อออ... พอแล้ว หยุดก่อน” ผมยังร้องห้าม แต่รู้สึกได้ว่าเสียงร้องห้ามของตัวเองมันเริ่มฟังดูแปลกๆ ขณะที่สองมือของผมยังพยายามดันอีกคนออกจากตัว
แล้วอารมณ์ของผมก็ถูกอีกคนพาชักพาออกไปไกลจนเริ่มจะหยุดไว้ไม่ได้แล้ว
“อื้มมม... อะ” ผมส่งเสียงออกมาได้เพียงเท่านั้นหลังจากอีกคน ปล่อยแขนที่โอบรอบเอวของผมออก ก่อนจะละใบหน้าที่ซุกไซ้อยู่ที่หน้าท้องของผมเมื่อกี้ ขยับตัวขึ้นมานั่ง แล้วยกมือทั้งสองข้างมาแนบอยู่กับแก้มของผม จากนั้นก็บดจูบลงมาริมฝีปากของผม แล้วค่อยๆ ถอนออก
ในเวลานี้ผมเห็นดวงตาของคนที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน สายตาที่ถูกส่งออกมาจากดวงตาคู่นั้น สายตาที่กำลังบอกอะไรมากมายกับผม
สายตาที่เจ้าของพยายามบอกออกมาว่าต้องการผมมากแค่ไหน โดยไม่ต้องใช้คำพูดใดๆ
สายตาที่ดูเว้าวอน และปรารถนาจะให้สิ่งที่เรากำลังจะทำดำเนินไปถึงจุดสิ้นสุด
สายตาที่ต้องการจะบอกให้ผมเชื่อกับความรู้สึกอะไรบางอย่าง
และสายตาที่ต้องการยืนยันให้มั่นใจว่าสิ่งที่เราทำอยู่นี้ไม่ใช้เพื่อการตอบสนองความใคร่เพียงเท่านั้น
“จะหยุดหรือเปล่าครับ” คำถามถูกส่งมาถึงผมด้วยเสียงกระซิบเพียงเบาๆ ข้างหู
“ไม่”
ผมไม่ตอบแต่ลุกขึ้นยืนหันหน้าเข้าหาเขา วางมือทั้งสองลงบนบ่า แล้วก้มลงไปประกบริมฝีปากของตัวเองกับริมฝีปากของคนที่เหมือนจะรอรับอยู่แล้ว ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาวางที่เอวของผม แล้วดึงตัวเองลุกขึ้นยืน ผมเลื่อนแขนจากบ่าของเขาขึ้นไปโอบรอบคอ จากนั้นก็เริ่มก้าวถอยหลังโดยมีอีกคนก้าวตามมา
“อืม... อ่า...”
“อ่ะ... อื้อ...”
เรายังคงแลกจูบกันอยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆ จนรู้สึกได้ว่าหลังของผมกระแทกเขากับประตูห้องนอน แล้วก็เป็นเขาที่ละมือข้างหนึ่งออกจากเอวของผมเพื่อเอื้อมไปบิดลูกบิดประตู
แล้วก็ไม่รู้ว่าเพราะผมขาดอากาศหายใจนานจนเกินไปหรือเปล่า ถึงได้ไม่รู้ตัวว่าถูกดันให้ลงมานอนบนเตียงตั้งแต่เมื่อไร เพิ่งจะมารู้ตัวอีกครั้งก็ตอนที่คนที่กำลังคุกเข่าคร่อมตัวผมไว้ค่อยๆ ก้มลงมาซุกไซ้ที่ลำคอ แล้วลากไล้ริมฝีปากเพื่อฝังรอยรักเอาไว้จนมาถึงกลางแผ่นอกที่มีเนื้อผ้าขาวกั้นไว้ ไล่งับเบาๆ ผ่านเนื้อผ้านั้นลงมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าท้องแบนราบ ผมได้แต่เกร็งตัวรับความรู้สึกวาบหวามและปั่นป่วนที่เกิดขึ้น
สองมือร้อนถูกสอดเข้ามาภายใต้เสื้อยืดสีขาวเนื้อบาง แล้วค่อยๆ ยกสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนผ่านออกไปจากตัวของผม สายตาของอีกคนข้างบนที่จับจ้องลงมาที่ในเวลานี้ บวกอารมณ์ ความรู้สึกของผม มันทำให้ผมไม่กล้าที่จะสบสายตากับเขาอีก
“ช่วยกรหน่อยนะครับ คนดี”
สองมือของผมถูกยกไปจับไว้ที่ชายเสื้อยืดของอีกคน ทั้งๆ ที่ผมยังคงหันหน้าหนีอยู่แบบนั้น ก่อนที่อีกคนจะช่วยจับมือของผมให้ดึงเสื้อของเขาออกจากตัวไป พอเสื้อหลุดไปแล้วมือของผมก็ถูกย้ายมาวางไว้บนบ่าของเขา
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ริมฝีปากของอีกคน ลงมาโลมเลียไปตามผิวเนื้อร้อนของผม ลากไล้มาตั้งแต่ไหปลาร้า แผ่นอก หน้าท้อง ทุกสัมผัสนั้นค่อยๆ ผ่านไปอย่างเชื่องช้า
“อื้อ...” ผมแอ่นตัวขึ้นมารับกับความรู้สึกที่มันทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องจิกเล็บลงไปบนบ่าของคนที่กำลังกระตุ้นความรู้สึกของผม
ริมฝีปากที่ซุกไซ้อยู่ตรงหน้าท้อง ถูกเลื่อนต่ำลงมาและส่งสัมผัสเบาๆ มากระตุ้นส่วนที่กำลังแสดงความต้องการออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนภายใต้เนื้อผ้าที่ยังคงปกปิดลำตัวส่วนล่างไว้ แล้วเพียงไม่นานเนื้อผ้าที่กั้นอยู่นั้นก็ถูกกำจัดออกไป เหลือเพียงเนื้อผ้าที่บางกว่าที่ปิดบังความต้องการของผมไว้ไม่ได้แม้แต่น้อย
และก็ดูเหมือนว่าคนด้านบนจะรู้สึกถึงความปั่นป่วนในอารมณ์ไม่ต่างไปจากผม เมื่อเขาแนบลำตัวลงมาชิดกับผมมากขึ้น มันมากพอจนรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่อัดอั้นอยู่ใต้เนื้อผ้าที่ปกปิดไว้ แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ผมถูกขอร้องให้ช่วยกำจัดสิ่งที่ขวางกั้นความอัดอั้นนั้นออกไป จนตอนนี้เราทั้งคู่ไม่มีเนื้อผ้าผืนใดมาขวางกั้นหรือปกปิดความต้องการไว้อีกแล้ว
ส่วนที่กำลังแสดงความต้องการของผมถูกอุ้งมือร้อนมากอบกุมไว้ ทำให้ความต้องการจากส่วนลึกยิ่งทะยานสูงขึ้นจากแรงฉุดดึงที่ตั้งใจทำให้ผมไปจนเกือบถึงจุดสิ้นสุด หากแต่สัมผัสนั้นถูกหยุดลงในทันทีทันใด จนผมไม่สามารถตัวเองให้กลั้นเสียงประท้วงให้อยู่ภายในลำคอได้
“อื้อ... ไม่... อย่าหยุด... จะ จะไปแล้ว”
“ใจเย็นๆ นะครับ” มือข้างหนึ่งของคนที่มากระซิบอยู่ข้างหูถูกยกขึ้นมาเกลี่ยปอยผมของผมอย่าเบามือ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาแล้วฝังจมูกกับริมฝีปากลงบนหน้าผากชื้นเหงื่อของผม ในขณะที่มืออีกข้างสอดไปใต้เข่าของผมแล้วยกชันขั้นมา โดยมีร่างของเขาแทรกมาอยู่ตรงกลาง มันยิ่งทำให้ร่างกายบางส่วนแนบชิดกันได้มากขึ้น
“รอไปพร้อมกันนะครับ” เสียงกระซิบถูกส่งมาข้างใบหู
“อื้อ”
.....................................................................
ต้องตัดเพราะมันยาวเดี๋ยวรีบต่อให้น้า