ตอนที่ 55 หมดแรง
“ถึงไหนแล้ว” ผมโทรถามกันต์เมื่อเห็นว่าเกือบเที่ยงแล้วเขายังมาไม่ถึง กันต์โทรมาบอกว่าออกจากหัวหินตอนเก้าโมงนี่ก็น่าจะถึงได้แล้ว
[เกือบถึงหน้าปากซอย รถมันติดเลยช้า ไม่เกินสิบนาทีก็ถึง แล้วป้ากรยังอยู่หรือเปล่า] เสียงกันต์ตอบกลับมา มีเสียงเพลงในรถดังแทรกเข้ามาให้ได้ยินชัด ลองเปิดเพลงดังขนาดนี้ท่าทางจะหงุดหงิดอยู่เล็กๆ ที่รถติด
“ยังอยู่ เดี๋ยวไปกินข้าวกลางวันกันก่อนถึงกลับ” ผมบอกกลับไป เมื่อวานเย็นผมก็โทรไปบอกเขาไว้แล้วล่ะว่าครอบครัวของป้าผมมาพักที่บ้านเรา แต่ยังไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังมากเพราะผมเองก็ไปข้างนอก ส่วนกันต์เองทำกิจกรรมอยู่กับพนักงานที่บริษัทฯ หลบออกมาคุยกันแค่ไม่นานเขาก็ขอกลับเข้าไปร่วมงานต่อ
[มีอะไรยังไม่ได้เล่าให้กันต์ฟังหรือเปล่า] เขาถามผม อะไรจะความรู้สึกไวปานนั้น แล้วจะให้ตอบยังไงล่ะครับ ในเมื่อมันมีเรื่องที่ผมไม่ได้เล่าเยอะแยะไปหมด ยังไม่รวมเรื่องสองสาวแสบอีก นี่ก็วิ่งมาเซ้าซี้ถามผมแล้วถามผมอีกว่าพี่กันต์ถึงไหนแล้ว เมื่อไหร่จะมาถึงสักที อะไรจะอยากเจอขนาดนั้น ไม่กล้าเล่าให้กันต์ฟังเลยครับ แต่ถ้าไม่บอกไว้ก่อนผมเองใช่ไหมที่จะแย่เอา
“แค่ไอ้ป่านมันเล่าอะไรเยอะแยะไปหน่อย ป้าแพรวกับน้องสาวกรเลยอยากเจอกันต์” ผมพูดแบบโบ้ยส่งให้ไอ้ป่านไปเสียอย่างนั้น
[เฮ้ย! ไปเล่าอะไร เล่ามา] เสียงโวยวายดังมาเลยครับ เฮอๆ
“แล้วนี่ถึงไหนแล้ว เลี้ยวเข้าซอยมายัง” ผมถามเปลี่ยนเรื่อง คือคิดว่าตอนนี้เล่าไปมันก็แค่นั้น มาเจอเองเลยดีกว่า คือมั่นใจแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไรแน่ๆ ครับ
[จะถึงหน้าบ้านแล้ว] พอกันต์พูดจบผมก็ตอบรับแล้วตัดสายทิ้ง ก่อนจะเดินออกไปรับเขาที่หน้าบ้าน
………………………………
…………….
“ตกลงยังไง แล้วป้ากรรู้อะไรบ้าง” เปิดประตูรถลงมาเจอหน้าผมก็ไม่ทักอย่างอื่นเลย พูดเข้าเรื่องที่คุยค้างอยู่ทันที
“รู้ว่ากรออกมาอยู่กับเพื่อนแค่นั้นแหละ เมื่อคืนโทรไปถามแม่แล้ว แม่ก็บอกว่าบอกป้าแพรวไปแค่ว่ากรออกมาอยู่กับเพื่อนแค่นั้นแหละ แต่น้องสาวกรอ่ะรู้แล้วว่า” ถึงผมจะบอกไปแบบนั้น แต่ผมก็พอจะมองออกนะครับ ว่าป้าแพรวเข้าใจอะไรมากกว่านั้น แค่เราไม่พูดออกมาเท่านั้นเอง แล้วผมก็พอใจที่ออกมาเป็นแบบนี้ เพราะผมเองก็ไม่ได้เตรียมคำตอบอื่นไว้เหมือนกัน และถึงจะไม่ได้พูดกันออกมาว่ายอมรับ แต่สิ่งที่แสดงออกมามันก็บอกได้แล้ว ถึงตอนนี้ผมคงต้องบอกว่าผมเป็นคนที่โชคดีที่คนรอบข้างเคารพกับการตัดสินใจของผม
“รู้ว่าอะไร กร” ผมพูดไม่ทันจบ กันต์ก็แทรกขึ้นมาก่อน แล้วก็นะที่รักผมจะดุไปไหนครับ หน้าอย่างนิ่ง
“รู้ว่ากรอยู่กับแฟน แล้วก็รู้ว่ากันต์เป็นแฟนกร” ผมพูด กันต์นี่ยืนนิ่งไปเลยครับ
“แล้ว” กันต์ทำเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่พูดไม่ออก ผมรู้ว่าเขาคงกังวลเพราะเห็นเขาหน้าเสียไปพอได้ยินผมบอกแบบนั้น
“ไม่มีอะไรหรอก เกรซกับเกล้าอยากเจอกันต์กันจะตาย ถามกรอยู่นั่นว่าเมื่อไหร่กันต์จะมาถึงสักที” ผมพูดปลอบแล้วจับมือเขามาบีบเบาๆ
“อืม แล้วป้ากรล่ะ” กันต์พูดกลับมาแบบเบาๆ แล้วสูดลมหายใจข้าปอดลึกๆ
“ป้าแพรวไม่รู้ด้วยหรอก รู้แค่น้องกรน่ะ แล้วกรก็กำชับสองคนนั้นไปแล้วว่าอย่าไปพูดเรื่องนี้ที่ไหน” ผมพยายามพูดเพื่อไม่ให้กันต์ต้องกังวลมากจนเกินไป ผมเข้าใจเขานะคือถ้าผมเป็นเขา ผมคงกังวลอยู่เหมือนกันถ้าต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
“เปิดท้ายรถหรือยัง เดี๋ยวกรเอากระเป๋าเข้าบ้านให้”
“เปิดแล้ว” กันต์ตอบแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับเพื่อเอาถุงขนมที่ซื้อมาลงจากรถ แล้วซื้ออะไรมาเยอะแยะล่ะนั่น ถือมาเต็มสองมือเลยทีเดียว
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ” ผมถามระหว่างเดินเข้าบ้าน
“ซื้อมาฝากคนแถวนี้” หึหึ น่ารักไหมล่ะครับ แฟนผมครับ แฟนผม อย่างนี้ต้องให้รางวัล
“ฟอดดด...” ชื่นใจจัง
“เฮ้ย!!” เสียงประท้วงเล็กๆ เพราะไม่กล้าเสียงดังมากของคนที่เดินอยู่ข้างผม ก่อนมองมาแบบเคืองๆ
“ไม่มีใครเห็น ดูแล้ว ไม่ต้องมาทำหน้าดุเลย” ผมพูดยิ้มๆ แล้วยักคิ้วส่งไปให้ แต่แล้วก็ต้องร้องโอย เพราะโดนเตะมาที่น่องเต็มๆ ส่วนคนทำหรอครับ ทำเป็นเดินไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างผมนี่แหละ
.
.
.
“สวัสดีค่ะ พี่กันต์” เสียงสองสาวที่เดินยิ้มร่าเข้ามาก่อนยกมือไหว้คนที่ถือถุงขนมมาเต็มสองมือ จนต้องยกมือขึ้นรับไหว้ทั้งที่มือถือของพะรุงพะรังอย่างนั้น
“ครับ สวัสดีครับ” กันต์ตอบรับ แล้วหันมาหาผม ก่อนหันกลับไปมองคนที่เข้ามาทัก เห็นหน้ากันต์แล้วจะขำก็ไม่กล้าขำครับ คือหน้าเขาเหวอนิดๆ คงตั้งตัวไม่ทันที่จู่ๆ น้องสาวผมก็ปรี่เข้ามาทักแบบออกอาการกระดี้กระด้ากันขนาดนี้
“กันต์ นี่...” ผมพูดไม่ทันจบ ก็โดนแทรกขึ้นมาก่อน
“เกล้าค่ะ”
“เกรซค่ะ พี่กันต์ตัวจริงดูดีกว่าในรูปอีก” สองสาวแสบแนะนำตัวเองกันเสร็จสรรพ แล้วพากันพูดกับกันต์ ไม่สนใจพี่ชายมันที่ยืนอยู่ข้างๆ สักนิด น้องใครวะ แม่ง พี่มันออกจะหล่อ แต่ไม่เคยชมกันสักคำ ทีกับกันต์เจอหน้ากันครั้งแรกก็ชมเอาๆ
“ในรูปเกล้าว่าพี่กันต์หล่อมากแล้วนะ ตัวจริงน่ารักกว่าในรูปตั้งเยอะแนะ” น้องใครวะ ไม่เก็บอาการกันเลย คนถูกชมก็ได้แต่ยิ้มรับ ดูอาการแล้วเหมือนจะตกใจกับน้องผมอยู่เหมือนกัน เล่นพูดกันไม่หยุด แล้วตกลงมันจะชมว่าหล่อหรือน่ารักกันวะ
“อ่า ครับ” คนถูกชมตอบแค่นั้น แล้วก็เอาแต่ยิ้มตอบ
“ไปหาแม่กันเถอะค่ะ เดี๋ยวจะได้ออกไปกินข้าวกัน”
“เอาของมาค่ะ เกล้าถือไปเก็บในครัวให้” เกล้าพูด แล้วยื่นมือมารับของที่อยู่ในมือกันต์ กันต์ก็ส่งให้ไปครับ
.
.
.
“ลุงอุ้ย ป้าแพรว นี่กันต์ครับ” ผมพากันต์มาหาลุงกับป้าผมที่นั่งดูข่าวภาคเที่ยงกันอยู่ในห้องนั่งเล่น
“สวัสดีครับ” กันต์ยกมือไหว้ทั้งคู่ ลุงกับป้าผมก็รับไหว้ครับ
“สวัสดีลูก ขับรถมาเหนื่อยๆ ไปล้างหน้าล้างตา พักก่อนไหมลูก เดี๋ยวสักพักเราค่อยออกไปกินข้าวกัน” ป้าแพรวพูดครับ
“ไม่เป็นไรครับ ออกไปเลยก็ได้” กันต์พูด ดูเหมือนเขาจะเกร็งๆ เล็กน้อย
“กรขึ้นไปเอากุญแจรถก่อนนะ” ผมหันไปบอกกันต์ ต้องไปเอากุญแจรถคันใหญ่ออกเพราะไปกันหกคน ไหนจะกระเป๋าเดินทางอีก กินข้าวกันเสร็จแล้วจะเลยไปส่งป้าแพรวที่สนามบินเลย
.
.
.
หายไปไม่ถึงหน้านาทีกลับลงมา เจอป้าแพรวยืนควงแขนกันต์ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ขึ้นไปหยิบกุญแจรถยังไม่ถึงสามนาที คุยกันหัวเราะคิกคักซะแล้ว เตรียมตัวเป็นหมาหัวเน่าอีกวันได้เลยผม ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอพูดถึงป้าของตัวเองหน่อย ป้าผมแพ้ผู้ชายอายุน้อยและหน้าตาดีครับ เจอกันต์เข้าไปไม่รัก ไม่หลง ผมยอมสลับตำแหน่งมาให้กันต์กดเลยเอา ขนาดไอ้ป่านเมื่อวานยังทำผมกลายเป็นหมาหัวเน่าได้ ป้าแพรวเรียกลูกทุกคำ คอยตักกับข้าวให้ แถมชวนคุยจนหลานรักอย่างผมเกือบถูกลืมไปเลย เรื่องของเรื่องป้าผมอยากมีลูกชายครับ พอเจอผมหรือพวกเพื่อนผมป้าแพรวก็จะใจดีด้วย ยิ่งหน้าตาดีๆ แล้วป้าผมถูกชะตาด้วย เจอแบบนั้นนี่ไม่ต้องห่วง เอาใจกันได้อีก แต่กับสองสาวก็ไม่ได้น้อยใจอะไรนะครับ เขารู้กันดีว่ายังไงแม่ก็รักลูกมากกว่าอยู่แล้ว เพราะคู่นั้นก็ถูกตามใจเอาเรื่องอยู่ จะเห่อหลานอย่างผมหรือเพื่อนๆ ผมมากหน่อยเวลาเจอกันเท่านั้นเอง
ตอนนั่งรถไปกันต์ก็นั่งหน้าคู่กับผม ส่วนอีกสี่คนนั่งหลัง ป้าแพรวกับลุงอุ้ยถูกใจบ้านผมครับ เลยซักเอากับกันต์เป็นการใหญ่ว่าตรงไหนตกแต่งยังไง พื้นแบบที่บ้านผมเรียกว่าอะไร ใช้วัสดุแบบไหน เพราะเขามีแผนจะตกแต่งบ้านใหม่ทั้งหลังและจะต่อเติมอีก เลยคุยกันได้เป็นเรื่องเป็นราว ส่วนกันต์พอถูกชวนคุยเรื่องถนัดก็เลยคุยได้ยาว ตอนนี้ท่าทางกันต์ก็ดูสบายๆ ขึ้น ไม่ดูเกร็งๆ แบบตอนแรก
“ไว้คราวหน้ากันต์ไปเที่ยวบ้านป้ากับกรเขาสิลูก ป้าจะพาเที่ยวเอง” แค่เดินเข้ามาในร้านอาหารก็ชวนกันต์บินไปเที่ยวบ้านแล้วครับป้าผม ถ้ากินข้าวเสร็จ กลับออกจากร้านคงรับเป็นลูกไปเรียบร้อย
“ถ้าพี่กันต์ไม่มีแฟนนะ เกรซจีบไปแล้ว” สาวสวยหน้าตาจิ้มลิ้มข้างผมพูดขึ้นมาครับ แต่พูดอย่างนี้ก็ต้องเจอคำตอบแบบนี้ล่ะครับ
“มันสายไปแล้วน้องสาว หึหึ” ผมพูด แล้วหัวเราะเบาๆ คนนี้มีเจ้าของแล้วครับ ขอโทษทีนะจ๊ะน้องสาว
“ก็แบบนี้แหละน้า คนหล่อๆ มาได้กันเอง แล้วสาวสวยอย่างเกรซเนี่ย จะไปหาผู้ชายหล่อๆ จากที่ไหน เสียดายก็เสียดาย แต่เห็นว่าเป็นแฟนพี่หรอกนะเลยพอให้อภัยได้ ว่าแต่มีเพื่อนหน้าตาแบบนี้อีกไหม หัดแนะนำน้องนุ่งบ้างสิ แบบพี่ป่านก็ได้ มีอีกไหม” ฟังน้องสาวผมพูดเข้า ตรงกันดีเหลือเกิน แต่มันก็พูดจาแก่นๆ ไปแบบนั้นแหละ เอาเข้าจริงก็ไม่มีอะไรหรอก
“เสียงดังไป” ผมเอ็ดเข้าเบาๆ ก็นะ เดี๋ยวดังไปเข้าหูคนข้างหน้า ผมจะซวยเอา
“อะไรๆ กลัวหรอๆ” คราวนี้เสียงเกล้าครับ มีทำหน้าทะเล้นใส่ยักคิ้วหลิ่วตาใส่ผมอีก เลยโดนผลักหัวกันไปเบาๆ คนละที ให้ได้โวยวายกันเล็กๆ
“ใครกลัว ไม่มีเหอะ” ผมพูด แต่เสียงนี่แทบจะเป็นเสียงกระซิบอยู่แล้ว
“ไม่กลัวเลยเนอะ” ไอ้ตัวพี่สาวหันมาล้อผมอีก มันน่าจะโดนผลักแบบเมื่อกี้ไปอีกคนละทีสองทีนะผมว่า
“รีบๆ เดินไป ชักช้า เขาไปนั่งกันหมดแล้ว” ผมพูด แล้วใช้มือดันหลังสองพี่น้องให้รีบเดินเข้าไปนั่ง ลุงอุ้ยนั่งลงที่เก้าอี้หัวแถวกตามด้วยป้าแพรวที่นั่งข้างกัน ส่วนกันต์นั่งลงฝั่งตรงข้ามโดยนั่งที่ตรงกลาง พอผมเดินไปถึงก็เข้าไปนั่งข้างกันต์ แล้วซ้ายมือกันต์ก็เป็นเกรซ ส่วนเกล้าเดินไปนั่งลงข้างแม่ตัวเอง
“กันต์สั่งเลยลูก กรบอกร้านนี้กันต์มาบ่อย ป้าให้กันต์สั่งเลย ป้าไม่รู้ว่ามีอะไรอร่อยบ้าง” ป้าแพรวพูดแล้วส่งรายการอาหารมาให้กันต์ รู้สึกว่าผมจะเริ่มได้กลิ่นอะไรโชยมาแล้วล่ะครับ แต่คิดว่าคงไม่ต้องหาที่ไหนไกล น่าจะอยู่ที่หัวผมเองนี่แหละ มีอย่างที่ไหนทุกทีต้องคอยถามผมแล้วว่าอยากกินอะไร จะสั่งอะไร มีอะไรแนะนำ แต่ตอนนี้ตกไปที่กันต์เป็นที่เรียบร้อย ไม่ได้อิจฉาเลยนะครับ ไม่ได้อิจฉา ออกจะดีใจ
“ป้าแพรวทานเนื้อหรือเปล่าครับ เนื้ออบของที่นี่อร่อยมาก เดี๋ยวกันต์สั่งมาให้ชิม ส่วนของว่างก็มีตั้งหลายอย่าง เดี๋ยวกันต์สั่งมาให้ก่อนดีกว่า” สองป้าหลานเขาคุยกันครับ ส่วนผมมันคนนอก
“เอากุ้งกระเบื้อง ล่าเตียง แล้วก็ปอเปี๊ยะสดกุ้งสมุนไพร” กันต์เริ่มหันไปสั่งอาหารแล้วครับ คนอื่นก็มีสั่งเพิ่มเข้ามานิดหน่อย
“เนื้ออบ กุ้งผัดไข่เค็ม ไก่ห่อใบเตย”
“ต้มข่าไก่กับหัวปลี แกงเลียงผักหวาน” เสียงใครเป็นเสียงใครก็ไม่รู้ครับตอนนี้ ผมนั่งเฉยๆ รอให้เขาสั่งกันไป
“หลนปูเค็ม”
“พี่กันต์ ข้าวห่อใบบัวอร่อยไหม” อันนี้ได้ยินชัดว่าเป็นเสียงเกรซถามขึ้นมา
“ครับ อร่อย พี่กำลังจะสั่งมาเลย เกล้าล่ะ อยากทานอะไร” ดูแลทั่วถึงดีไหมล่ะครับ แฟนผม แต่เห็นแบบนี้แล้วมันก็ฉุกคิดขึ้นมาวูบหนึ่งไม่ได้ว่าเมื่อก่อนเขาเคยเอาใจใครแบบนี้ มีผู้หญิงกี่คนที่คนข้างๆ ผมเคยดูแล เคยเอาใจ คิดแล้วมันรู้สึกแปลบๆ ขึ้นมายังไงก็ไม่รู้ เหมือนอดที่จะหวงขึ้นมานิดๆ ไม่ได้ หวงด้วยอิจฉาด้วย เป็นเอามากไหมล่ะผม แต่ก็ช่างเถอะตอนนี้เขาก็ยอมมาให้ผมดูแลแล้วไง แถมพักหลังชักจะอ้อนเก่งขึ้นด้วยซ้ำ แต่ออกแนวอ้อนแกมบังคับยังไงไม่รู้ ประมาณว่าผมไม่เคยขัดใจเขาได้เลยจริงๆ ให้ตาย
“ทำไมเงียบๆ” กันต์หันมาถาม ผมไม่เห็นรู้ตัวเลยว่าตัวเองเงียบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ สงสัยมัวแต่มองคนถามเพลินไปหน่อย
“เปล่าๆ ไม่ได้เป็นอะไร แล้วสั่งเรียบร้อยยัง สั่งอะไรไปบ้าง” ผมถาม เพราะไม่ทันได้ฟังเลยครับว่าใครสั่งอะไรไปบ้าง ได้ยินผ่านหูไป แต่จับใจความอะไรไม่ได้กับเขาสักอย่าง แว่วๆ ว่ามีของชอบผมอยู่อย่างหนึ่งมั้ง
“สั่งกุ้งผัดไข่เค็มกับไก่ห่อใบเตยมาให้” เสียงกันต์หันมาพูดด้วยเบาๆ มีของชอบผมสองอย่างแฮะ นึกว่าจะถูกลืมไปแล้วซะอีก บางทีคนเราก็ยิ้มได้เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ล่ะครับ รู้สึกได้เลยว่าตัวเองกำลังยิ้ม
“แล้วกันต์ทำงานอะไรอยู่ล่ะลูก จบสถาปัตย์ ก็ต้องเป็นสถาปนิคสิเนอะ เปิดบริษัทฯ เองหรือว่าทำอยู่ที่ไหนลูก” ป้าผมเริ่มบทสนทนาขึ้นใหม่ หลังจากพักช่วงคุยเพื่อสั่งอาหาร
ป้าแพรวก็ชวนกันต์คุยไปเรื่อยครับ มีสองสาวเป็นลูกคู่คอยช่วยเสริมถามนู่นถามนี่กันไปเรื่อย แต่ไม่มีคำถามอะไรที่ได้ยินแล้วต้องหนักใจครับ ผมก็ปล่อยเขาคุยกันไป หันไปเสริมบ้างเวลาถูกเอ่ยถึง เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้ตำแหน่งหลานรักผมจะถูกชิงไปได้อย่างเรียบร้อย ผมเลยคุยกับลุงอุ้ยเป็นส่วนใหญ่ ก็ถามถึงตายายผมบ้าง เรื่องงานของลุงที่นู่นบ้าง คุยไปเรื่อย กินไปคุยไป
………………………………
…………………..
“อาบน้ำไหม” ผมถามกันต์ที่นอนนิ่งมีเพียงแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงจากการหายใจเข้าออก แขนสองข้างวางทิ้งลงข้างตัวอย่างคนไร้สิ้นเรี่ยวแรง ส่วนดวงตาคู่หวานฉ่ำปรือปรอยใกล้ปิดเต็มที
“อื้อ” เสียงครางฮือ พร้อมกับส่ายหัวให้รู้ว่าเสียงครางนั่นเป็นการปฏิเสธไม่ใช่ตอบรับ
“ไม่เหนียวตัวหรอ” ผมถาม ก่อนหันหลังเอาทิชชูที่เลอะคราบขาวจากหน้าท้องของคนที่นอนนิ่งอยู่ทิ้งลงถังขยะ แล้วหันมาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวคนที่กำลังจะหลับ ที่ถามเพราะปกติแล้วเขาจะลุกขึ้นไปอาบน้ำทุกครั้ง แล้วค่อยกลับมานอน ถึงผมจะเช็ดทำความสะอาดให้แล้ว แต่เขาก็จะบอกว่าไม่สบายตัวอยู่ดี
“เหนียว แต่ไม่อยากลุกแล้ว เช็ดตัวให้หน่อย นะ” กันต์ส่งเสียงแบบงัวเงียกลับมา พร้อมกับพลิกตัวตะแคงหันหน้ามาทางผม แล้วยกหัวขึ้นมาหนุนตัก
“เป็นอะไร” ผมถาม ระหว่างนั้นก็ยกมือขึ้นมาสางผมคนที่มานอนหนุนตักเล่นไปด้วย
“เหนื่อย ลุกไม่ไหว อยากนอนแล้ว อื้อ” กันต์พูดเสียงยาน แล้วเอาหน้าถูไถไปมากับต้นขาผม จนผมต้องยิ้มเพราะท่าทางของเขา
“เหนื่อยมากเลยหรอ วันนี้” ผมถามแต่จริงๆ ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าเขาเหนื่อย ไหนจะขับรถกลับมาจากหัวหินตั้งแต่เช้า แล้วยังต้องมาเจอกับป้าผม ไปกินข้าว ไปส่งที่สนามบิน ตกบ่ายยังพากันไปเดินซื้อต้นไม้เข้ามาปลูกที่บ้าน กลับมาเกือบห้าโมงเย็น ก็ลงมือเปลี่ยนต้นไม้ลงกระถางใหม่อีก ทั้งคริสตินาที่เอามาปลูกข้างเสาสองต้นของโรงจอดรถกับสนบลูอีกแปดกระถางที่เอามาวางเป็นแนวข้างชานหลังบ้านกว่าจะเสร็จก็เกือบทุ่ม แล้วยังมาเจอผมดูดพลังไปอีก ก็ไม่แปลกหรอกครับที่เขาแทบจะสลบไปแบบนี้
“อื้อ เกร็งแทบตายไม่รู้ว่าป้ากรจะเป็นยังไงบ้าง” เขาตอบกลับมา เห็นอยู่นะว่าเขาตาจะปิดอยู่แล้ว แต่ผมยังอยากชวนเขาคุย
“เกร็งมากเลยหรอ” ผมถามเพราะถ้าให้ดูการแสดงออกของเขาผมไม่รู้เลยว่าข้างในเขารู้สึกยังไงหรือคิดอะไรอยู่
“มันก็มีบ้าง ไม่รู้นิว่าจะเป็นยังไง ถ้าป้ากรไม่ชอบกันต์ขึ้นมาล่ะ ถ้าเขาไม่พอใจขึ้นมาล่ะ มันก็คิดไปได้ทั้งนั้น” เขาพูดแล้วยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมากอดเอวผมไว้
“ขอบคุณนะ” ผมพูด แล้วก้มลงไปกดจูบลงบนขมับเขาเบาๆ ก่อนถอนออก ไม่รู้ว่าขอบคุณเขาเพราะอะไร แต่รู้สึกว่าอยากจะบอกกับเขาแบบนั้นก็เลยบอกออกไป
“นอนดีๆ ก่อน เดี๋ยวกรเอาผ้ามาเช็ดตัวให้” ผมพูดแล้วเอามือช้อนหัวเขาลงไปหนุนหมอน
พอกลับมาพร้อมผ้าที่ชุบน้ำบิดหมาดในมือก็เห็นคนที่ยังนอนตัวเปล่าพลิกตัวตะแคงข้างกอดหมอนหลับไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ผมก็เอาผ้าไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ตามที่เขาขอ เช็ดไปก็ได้ยินเสียงครางงุ้งงิ้งให้ได้ยินเป็นระยะไปด้วย ไม่รู้ว่าสบายตัวหรือรำคาญเพราะผมไปกวนการนอนของเขากันแน่ จนเช็ดตัวเขาเสร็จ ผมถึงได้ไปอาบน้ำแล้วกลับเข้ามาสอดตัวใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับคนที่นอนหลับไปก่อนหน้าแล้ว พร้อมดึงหมอนที่เขานอนกอดไว้ออก แล้วดึงตัวเขาเข้ามากอดไว้ ก่อนหลับตามเขาไป
-------------------------------------------------