ยังไม่ทันเอ่ยปากก็มีเสียงคนเดินมาจากมุมโรงอาหาร แต่กริชก็ยังไม่ยอมปล่อยแขน.....เจ้าพระคู๊ณ! ขออย่าให้เป็นคนรู้จักเล๊ย!!!!
แต่ดูเหมือนคำอ้อนวอนจะไม่เป็นผลเมื่อคนที่เดินเลี้ยวมา....วิง!!
ผมหลับตาปี๋ อีกเสี้ยววินาทีวิงมันต้องทักผมแน่ๆ ความลับต้องแตกแล้วกริชก็ต้องกระทืบตรูตายหลังโรงอาหารนี่
......มันต้องเกิด อะไรที่มันต้องเกิด เช่นใจฉันหยุดเธอไม่อยู่ ห้ามไว้ฉันห้ามไม่ได้...... (จะตายอยู่แล้วยังร้องเพลงโคตรโบราณของน้าแจ้อีก) แต่ทุกอย่างยังเงียบ พอลืมตาเห็นวิงเดินผ่านไปแล้ว.....แต่สีหน้ามันเศร้า....เศร้ามาก
"ไม่ต้องกลัวนะต้น รุ่นน้องคนนั้นเขารู้จักผม เขาไม่บอกใครหรอก"
"ร...รู้....รู้จักกันเหรอครับ?!!"
"อืม เคยคุยกันน่ะ เขาคงเคยเห็นผมกับต้นด้วยมั้ง"
"หา?!!! ก.....กริชแน่ใจเหรอ?"
"น้องเขาไม่เคยบอกหรอกนะ แต่ตอนที่ผมบอกว่าผมมีแฟน เขาก็รู้เลยว่าแฟนผมเป็นผู้ชายน่ะ"
นั่นมัน....นั่นมันตอนที่อยู่ในห้องพยาบาลไม่ใช่เหรอ? ถ้ายังงั้นคนที่ผมนึกว่าเป็นผีก็....!!! แล้วที่พูดว่า 'ปั๊ดโธ่เว้ย' นั่น......กริชเดินจูงมือผมต่อแต่ผมหน้ามืดเหมือนจะล้มซะให้ได้....วิงรู้.....แล้วทำไมไม่เคยบอกผม.....
"น้องเขาน่าสงสารนะ ตอนนั้นเขามาปรึกษาผมด้วย"
"เรื่องอะไรเหรอครับ?" .....วิงพูดเรื่องอะไรกับกริช? เรื่องของผมเหรอ? คุยกันตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วทำไมกริชยังเฉยๆ ทุกครั้งที่เจอกัน?
"น้องเขาก็เป็นเหมือนผม......เขาชอบเพื่อนผู้ชายคนนึงแต่คนนั้นมีแฟนอยู่แล้ว เขามาถามผมว่าควรจะบอกความรู้สึกออกไปหรือจะเงียบไว้คนเดียวน่ะ"
"แล้วกริช....ตอบว่ายังไงเหรอครับ?"
"ผมตอบไม่ได้หรอก....มันคล้ายเรื่องของผมกับ...." กริชบีบมือแรงขึ้น
"ขอโทษนะต้น ผมพยายามจะไม่พูดเรื่องสิงห์แล้วแท้ๆ"
"เราไม่ว่าอะไรหรอกครับ เรื่องนั้นไม่มีใครผิด กริชพูดเถอะอย่าลำบากใจเวลาอยู่กับเราเลยนะครับ" อยากจะปลอบกริชแต่ตอนนี้หัวมันคิดอีกเรื่องวุ่นวายไปหมด.....วิงถามแบบนั้นกับกริชทำไม....วิงชอบเพื่อนคนไหน?
มรึงจะโง่อีกนานมั๊ยไอ้ต้น!.....คำตอบมันชัดอยู่แล้ว.....คำตอบที่ผมไม่เคยกล้าคิด......
ทั้งหมดที่วิงทำ....ทุกคำที่พูด.....ทุกเพลงที่ร้อง.....ทุกอย่างมันชัดอยู่แล้ว....แต่ทำไมวิงถึงไม่เคยบอกผมตรงๆ?
คำพูดประโยคหนึ่งของเจ้าวิงผุดขึ้นมาในหัว คำพูดที่ครั้งนั้นผมไม่เข้าใจความหมาย
"....เราไม่อยากเห็นใครต้องแยกจากคนรักอีกแล้ว....".....นี่ไงล่ะคำตอบ....ที่วิงไม่เคยพูดก็เพราะแบบนี้นี่เอง.....เพราะไม่อยากเห็นใครต้องแยกกันแบบพ่อแม่เขา.....ทำไมผมโง่แบบนี้!!!!ป่านนี้มันเดินไปไหนแล้วก็ไม่รู้ หน้าเศร้าๆ นั่น.....ตอนวิงเล่าเรื่องพ่อแม่ หน้ามันยังไม่เศร้าขนาดนี้....
"กริช...เรา...." ตอนนี้ผมเป็นห่วงวิงจริงๆ แต่กริชล่ะ? ผมควรรีบบอกความจริงกับเขาตอนนี้ซะ!
เรื่องต่างๆ ตีกันในหัววุ่นวายไปหมด เพลงสุดท้ายที่เจ้าวิงร้องเมื่อวานก่อนก็ดันแว่วขึ้นมาซะอีก
......ถึงต้องช้ำใจตาย ฉันก็พร้อมยอมตาย......นี่ตรูคิดอะไรเนี่ย? แค่ช้ำใจวิงมันคงไม่.....เรื่องแบบนั้นมีแค่ในนิยายเท่านั้นแหละ
แต่หัวผมก็ไม่ยอมหยุดคิด มิวสิควิดีโอเก่าเก๋ากึ๋กอมตะนิรันดร์กาลฝันสีทองของน้าแจ้โผล่ขึ้นมาอีก
.....นั่นคือวันสุดท้าย พรุ่งนี้ไปใครจะเห็นหน้า หากเจ้าฆ่าตัวตายไปเมื่อคืน......ตรูคิดมากเกินไปแล้ว แค่อกหักนะโว้ย! แค่อกหัก!
ช่องมิวสิควิดีโอในหัวยังทำงานไม่หยุดด้วยการปล่อยเพลงของน้าแจ้มาหลอนอีกระลอก
......ต่างคาดไม่ถึง ตามข่าว เธอฆ่าตัวตาย ลาจากคนรัก
มือจับจดหมาย กอดจดหมาย เอาไว้กับอก
บอกให้เขารู้ ลาก่อน ชาตินี้จำอำลา อย่าห่วง ห่วงคนมีกรรม
พี่จงลืมน้องได้ อยู่กับเธอคนดีคนใหม่ อย่าห่วงเลย...... โว้ย!!!!!!! ทำไมน้าแจ้มีเพลงฆ่าตัวตายเยอะแยะแบบนี้ฟระ!!!!
ถึงจะรู้ตัวว่าเป็นคนคิดมากแต่คิ้วซ้ายมันกระตุกไม่หยุด.....เรื่องเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นแน่ๆ....ถ้าช้าไปวินาทีเดียว....
ถ้าสารภาพความจริงกับกริชตอนนี้คงต้องใช้เวลานานโข ถึงจะรู้สึกผิดแต่วินาทีนี้ผมมีอีกคนที่น่าเป็นห่วงมากกว่า ผมขอโทษจริงๆ นะกริช!
"กริช ขอโทษนะเราเพิ่งนึกได้ว่ามีงานด่วน! ขอตัวก่อนนะครับ!"
"อ้าว! เหรอ....ต้องรีบไปตอนนี้เลยเหรอ?"
"ครับ เราขอโทษจริงๆ นะ"
"อืม ไม่เป็นไรหรอก ต้นจำทางออกได้มั๊ย? ประตูอยู่ทางโน้นนะ"
"กริช....." ผมบีบมือเขาแน่น สิ่งที่ผมกำลังจะทำนี้มันโง่มากๆ แต่ผมเป็นห่วงเพื่อน ถ้าวิงเป็นอะไรไปผมจะไม่ยกโทษให้ตัวเองเด็ดขาด!
"กริชรอเราที่บ้านนะครับ แล้วเราจะรีบตามไป ไม่นานหรอกครับ"
"อืม ผมจะรอต้นนะ"
ว่าแล้วก็วิ่งเลี้ยวผ่านโรงอาหารตรงไปที่ประตูโรงเรียนทันที จะช้าไม่ได้แล้ว! สังหรณ์ใจไม่ดีเลย....วิงอย่าทำอะไรบ้าๆ นะโว้ย!
"น้ายามครับ น้าจำเพื่อนผมคนที่สะพายกีตาร์มาบ่อยๆ มั๊ยครับ? น้าเห็นเขาผ่านมาแถวนี้มั๊ยครับ?"
"ก็พอจำได้นะหนู แต่น้าว่าน้ายังไม่เห็นเขาเลยนะ"
"ขอบคุณครับคุณน้า"
ถ้ายังไม่ออกจากโรงเรียนแล้วมันจะไปที่ไหน? บ่อปลาเหรอ? แต่ตอนที่วิงเดินเลี้ยวไปมันคนละทางนี่นา
แล้วมันจะไปที่ไหนล่ะในเวลาแบบนี้......ห้องประจำของมัน.....ที่ชั้น 4.....ที่ความสูงระดับนั้น.....
.....นั่นคือวันสุดท้าย พรุ่งนี้ไปใครจะเห็นหน้า หากเจ้าฆ่าตัวตายไปเมื่อคืน.....เสียงเพลงของน้าแจ้ยังมาหลอกหลอนไม่หยุดเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง .....โว้ย! หยุดคิดซะทีสิฟระ!!!!....ยังไงก็รีบขึ้นไปดูก่อนเถอะ!
.....เดี๋ยวก่อน....เมื่อกี้ผมบอกกริชว่าอะไรนะ? ผมพูดคำว่า 'งานด่วน' เหรอ?
แล้วไอ้ห้องเรียนที่ชั้น 4 ในยามค่ำมันก็คล้ายกับภาพที่ผมเห็นในความฝันเลย .....จะขึ้นไปเหรอ? ถ้ามันจะเหมือนกับในฝันนั่นล่ะ?
กลัวอะไรแค่ความฝัน! ชีวิตเพื่อนทั้งคนนะโว้ย!
ผมวิ่งตรงไปขึ้นบันไดตึก ในหัวเห็นแต่หน้ามัน เจ้าวิงที่เคยยิ้มเสมอ คนที่ผมเคยกอดตอนมันร้องไห้ คนที่สอนกีตาร์ให้ผม นายต้องไม่เป็นอะไรนะโว้ย!
ถึงชั้น 4 แล้ว ประตูห้องมันเปิดแง้มอยู่จริงๆ ด้วย ผมผลักเข้าไปเต็มแรง! เจ้าวิงกำลังยืนอยู่ข้างหน้าต่าง!
"วิง! อย่าทำอะไรบ้าๆ นะว้อย!"
"อ้าว! ต้น....."
"วิง...ทำไมนายไม่บอกเรา?!"
"บอกเรื่องอะไรเหรอต้น?" มันยังแกล้งยิ้มได้อีกนะ ตรูวิ่งขึ้นมาเหนื่อยจนลิ้นห้อย
เรื่องอะไรงั้นเหรอ จะให้ผมเป็นฝ่ายพูดได้ยังไง นั่นสินะ.....เจ้าวิงเองก็คงไม่กล้าพูด....แบบเดียวกับที่ผมรู้สึกตอนนี้เหมือนกัน ไม่สิ วิงมันคงลำบากกว่าผมหลายเท่า ทั้งห้องมีแต่ความเงียบกับเสียงซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ที่แว่วมาไกลๆ .....ความเงียบที่อึดอัดเหลือเกิน.....
"กริชบอกเราหมดแล้ว"
".............."
"ทำไมนายถึงไม่บอกเราล่ะวิง? รู้มั๊ยเมื่อกี้เราเป็นห่วงนายมาก กลัวว่านายจะ....จะทำอะไรบ้าๆ"
"......อยากให้เราบอกจริงๆ เหรอต้น?.....อยากให้บอกว่าเราชอบนายงั้นเหรอ!....อยากให้เราบอกแบบนั้นตอนที่รู้ว่านายมีพี่กริชแล้วงั้นเหรอ?!!"
ใช่จริงๆ...........
ผมมันโง่เหลือเกิน โง่ที่เข้าใจตอนนั้นว่าวิงเป็นน้องม.2 โง่ที่จำวิงไม่ได้เพียงเพราะเขาตัวสูงขึ้นและไม่ได้ใส่แว่น
โง่ที่ไม่เข้าใจคำที่เขาพูดและทุกอย่างที่เขาทำ วิงบอกผมมาตลอดแต่ผมกลับไม่เข้าใจ
"ไม่น่าเลย.....เราไม่น่าพูดออกไปเลย......ขอโทษนะต้น ทั้งๆ ที่สัญญาว่าจะไม่ทำให้นายเจ็บ....แต่เรา....."
เสียงที่สั่นเครือ ภาพเจ้าน้องตัวจ้อยยืนกลั้นน้ำตาอยู่ตรงหน้าเหมือนเย็นวันนั้น สิ่งที่ต่างไปนอกจากความสูง ทรงผมและแว่นตา คือผมไม่สามารถหยุดน้ำตาเขาไว้ได้อีกแล้ว
"วิง.....เป็นเพื่อนกันเถอะนะ"
ผมเคยเห็นคำนี้ในนิยายมาหลายครั้ง แต่เพิ่งรู้วันนี้แหละว่ามันเป็นประโยคที่พูดยากเหลือเกิน
ประโยคที่ทำร้ายจิตใจทั้งสองฝ่ายแต่ก็จำเป็นต้องพูดก่อนที่วิงจะเจ็บมากไปกว่านี้
"ต้นยังให้เราเป็นเพื่อนนายได้เหรอ?"
"อืม ทำไมล่ะ แค่ความรู้สึกเปลี่ยนไปครั้งนึงนี่เรายังเป็นเพื่อนกันได้ไม่ใช่เหรอ?"
"ขอบใจนะต้น.....ขอโทษนะที่เราทำให้นายรำคาญมาตลอด ตอนที่เห็นต้นกับพี่กริชเที่ยวด้วยกันเราก็รู้แล้วว่าต้องทำใจ....แต่....แต่เราเห็นนายวิ่งหนีพี่เขาในโรงเรียนเราเลยนึกว่าพี่กริชสั่งให้ต้นต้องคอยหลบหน้า เรานึกว่าพี่เขาไม่ได้ชอบนายจริง เราก็เลย---"
"วิง กริชไม่ได้สั่งเราให้ทำแบบนั้นนะ!"
"เราเข้าใจ ต้นไม่อยากให้คนในโรงเรียนรู้ว่าต้นคบกับพี่เขา ต้นไม่อยากให้พี่เขาเดือดร้อนสินะ?"
ตรูอยากจะบ้าตาย! นี่เจ้าวิงมันเข้าใจผิดแบบนี้มาตลอดเลยเหรอเนี่ย?
จะเข้าใจตัวผมผิดก็ไม่เป็นไรหรอกแต่กริชเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ผมไม่อยากให้วิงเข้าใจเขาไปอย่างนั้น
"วิง.... กริชไม่ได้สั่งเราแบบนั้นหรอก จริงๆ แล้วน่ะ....คือ....กริชเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราอยู่ในโรงเรียนนี้"
"หมายความว่ายังไงนะต้น?"
"กริชไม่รู้หรอกว่าเราเรียนที่นี่"
"แต่เมื่อกี้ต้นก็เดินกับพี่เขานี่นา"
จะบอกความจริงดีมั๊ย? แต่มันคงทำร้ายใจของวิงถ้ารู้ว่าผมกับกริชมีอะไรเลยเถิดตกร่องปล่องชิ้นไปถึงขั้นไหน....
"ต้น....เรื่องเป็นยังไงกันแน่?"
"เราบอกไม่ได้หรอกวิง"
"เราก็ทนเห็นนายลำบากแบบนี้ไม่ได้เหมือนกันนะ บอกมาเหอะ ตะกี๊นายบอกเองนะว่าเราเป็นเพื่อนนายน่ะ"
ไหนๆ วิงก็รู้เกือบทั้งหมดแล้วผมก็ควรจะเล่าดีกว่าปล่อยให้เขาเข้าใจผิดนานกว่านี้ .....เรื่องทั้งหมดนี่ก็เพราะความเข้าใจผิดที่ผมสร้างขึ้นทั้งนั้น
"วิง ตอนแรกเรากับกริชไม่รู้จักกันหรอกนะ พี่เขาเจอเราที่สีลมเมื่อสามเดือนก่อน ตอนนั้นกริชเขานึกว่าเราเป็น.....เอ่อ....เป็นเด็กขายบริการ"
"หา?! ต้นทำงานแบบนั้นด้วยเหรอ?!!"
"ไม่ได้ทำ!! กริชเขาเข้าใจผิด ตอนแรกเราก็จะบอกเขาแหละแต่เราอยากกินเหล้าฟรีก็เลยแกล้งเออออให้กริชเลี้ยงเหล้า กะว่าพอเขาเมาปุ๊บเราก็จะหนีแค่นั้นแหละ"
"แล้วไงต่อล่ะต้น?"
.....มาถึงส่วนที่ไม่กล้าเล่าที่สุดแล้ว.....
"แต่.....เอ่อ....คืนนั้น....อะไรๆ มันก็เลยเถิดไป.....ไปจนถึง....ถึงบ้านของกริช....แล้วข้าวสาร....ก็....ก็กลายเป็นข้าวสุก เป็นข้าวนึ่ง ข้าวแปรรูป"
เอามือม้วนชายเสื้อแก้เขิน ท่าทางติงต๊องมากเลยตรู วิงมันใสซื่อแบบนี้จะเข้าใจมั๊ยเนี่ย? เลือกคำที่ถนอมจิตใจมันมากที่สุดเลยนะ
"พอตอนเช้าเราถึงได้รู้ว่ากริชเป็นรุ่นพี่ม.6 ตอนนั้นเรากลัวเขาจะไปฟ้องห้องปกครอง เรากลัวถูกไล่ออกเลยไม่ได้บอกความจริงไปน่ะ"
"แล้วตอนนี้ล่ะ?"
"ตอนนี้.....กริชก็ยังไม่รู้"
"หา!!! หมายความว่าที่ต้นหลบหน้าพี่เขาอยู่ทุกวันนี่ .....พี่กริชก็ยังนึกว่าต้นเป็นคนทำงานอย่างว่านั่นอยู่เหรอ?"
ผมพยักหน้า รู้สึกตัวหดลงด้วยความผิด
"แต่เมื่อกี้ต้นแต่งชุดนักเรียนเดินกับพี่กริชนั่นล่ะ?"
"เรื่องมันอธิบายยากน่ะ คือกริชเขาขอให้เราใส่ชุดนี้มาเดินในโรงเรียนเป็นเพื่อนเขา"
วิงยังทำหน้างง ใครเจอเรื่องนี้เข้าก็คงงงทั้งนั้นแหละ บางทีผมยังทำตัวไม่ค่อยถูกเลย
"ต้นรีบบอกให้พี่เขารู้ดีกว่านะ ปล่อยไว้นานแบบนี้มีหวังเป็นเรื่องแน่"
"ก็ตั้งใจจะบอกนานแล้วล่ะ แต่เราดันทำผิดบางอย่างจนพี่เขาต้องลาออกจากตำแหน่งรองประธานกีฬาสีน่ะ เราก็เลยคิดว่าจะแข่งบาสเอาเหรียญทองมาขอโทษกริชซะก่อนแล้วจะบอกความจริงกับเขา" ผมข้ามเรื่องของพี่สิงห์ไปเพราะกริชคงไม่อยากให้ใครรู้
"ต้น เราว่าพี่เขาไม่ต้องการของอะไรมาขอโทษหรอกนะ ต้นน่าจะรีบบอกความจริงไปเถอะ"
"เมื่อกี้ก็ตั้งใจจะบอก แต่พอรู้เรื่องของนายจากปากกริชแล้วนายก็ทำหน้าเศร้าแบบนั้นด้วย เราเลยเป็นห่วงรีบมาดูนายก่อน"
"ต้นกลัวเราจะทำอะไรเหรอ? เห็นตะโกนว่าอย่าทำอะไรบ้าๆ"
"เออสิ! วันนั้นนายเล่นเพลงแบบนั้นเราก็คิดมากน่ะสิฟระ!!"
"ฮะๆ ต้นนี่ไม่เปลี่ยนไปเลย ห่วงแต่คนอื่น....." มันทำหน้าเศร้าอีกแล้ว ผมรู้ว่ายากที่จะเปลี่ยนความรู้สึกในทันที
"วิง บางทีนายอาจจะอยากได้พี่ชายนะ ลองคิดให้ดีว่านายรู้สึกยังไง"
ผมค่อยๆ กอดวิงช้าๆ ไม่รู้จะช่วยให้คิดได้หรือจะทำให้แย่ลงแต่ถ้าปล่อยแบบนี้วิงคงทุกข์ใจไปอีกนาน
".....ขอบใจนะต้น เรารู้สึกยังไงตัวเรารู้ดี .....ที่แน่ๆ น่ะเรารู้ว่าต้นน่ะไม่คิดกับเราแบบนั้น"
คนในอ้อมแขนตอนนี้เหมือนเป็นทั้งเพื่อนทั้งน้องชาย รู้สึกดีเวลาที่อยู่ใกล้แต่ไม่รู้สึกหวงครอบครองไว้คนเดียว
ผมอยากเห็นเขามีความสุขด้วยตัวเองได้ อยากให้มีรอยยิ้มแบบนี้ไปนานๆ
"ต่อไปเราเป็นเพื่อนกันนะต้น"
"อืม แล้วเราจะสอนบาสนาย นายก็สอนกีตาร์เราละกัน"
"โหย! เราเขียนคอร์ดในหนังสือเพลงให้ตั้งเยอะแล้วน่ะฝึกเองบ้างดิ"
เราหัวเราะพร้อมกันเหมือนวันแรกๆ ที่ได้เจอกัน แต่ครั้งนี้เป็นเสียงหัวเราะจริงๆ ไม่มีความหมายอื่นเจือปน เสียงหัวเราะที่เพื่อนจะมีให้เพื่อน
"แล้วคืนนี้ต้นจะบอกพี่กริชมั๊ย?"
"อืม ถึงเวลาต้องบอกทุกอย่างซะที ตอนนี้กริชคงรออยู่ที่บ้านเขาแล้ว"
"เราฝากขอโทษพี่กริชด้วยนะ วันนั้นเรารู้สึกแย่มากๆ เลยที่ไปพูดกับพี่เขาแบบนั้น"
"ไม่เป็นไรหรอก เราจัดการเอง นี่ดึกแล้วล่ะวิงกลับบ้านเถอะ"
วิงเดินออกจากห้องไปแล้ว
ขอโทษนะวิง.....ความโง่กับความกลัวของผมมันทำร้ายทั้งนายและกริชมานาน
ผมมันขี้ขลาดปล่อยให้เรื่องคลุมเครือจนกลายเป็นแบบนี้ แต่คืนนี้แหละเรื่องทุกอย่างจะต้องจบ ถึงเวลาที่ผมต้องเผชิญหน้าความจริงซะที โทรหากริชก่อนดีกว่าว่าเขาถึงบ้านรึยัง.....
"........."
"สวัสดีครับ กริช....กริชได้ยินรึเปล่าครับ?"
"ได้ยิน"
"นึกว่าสัญญาณไม่ดี เห็นนายเงียบๆ กริชอยู่ที่บ้านรึเปล่าครับ?"
"อืม ผมอยู่ที่บ้านแล้ว" ....น้ำเสียงเย็นชานั่น.....ตอนแยกกันก็ยังดีๆ อยู่นี่นา....อย่าคิดมากน่ามันคงไม่เหมือนในฝันหรอก.....
"เดี๋ยวเราเข้าไปหากริชตอนนี้ได้ไหมครับ? เรามีเรื่องอยากจะพูดด้วยน่ะครับ"
"แล้วไม่ต้องไปทำงานด่วนแล้วเหรอ?"
"ไม่มีแล้วครับ กริช...เราไม่มีงานอะไรนั่นแล้ว....ขอโทษนะ เรามีเรื่องที่ต้องคุยกับกริชตอนนี้จริงๆ นะครับ"
ผมหลับตาปี๋ กลัวกริชจะตวาดแบบในฝันคืนนั้น แต่เขากลับเงียบ.....มีแค่เสียงเบาๆ แว่วเข้ามาในมือถือ .....เสียงนี่....บ้าน่า! เป็นไปไม่ได้!
"กริชครับ กริชอยู่ไหนครับ?"
"ไม่มีงานแล้วงั้นเหรอ....ก็สับรางรถไฟเสร็จแล้วนี่" พูดจบเขาก็วางสายไปเลย อะไรหว่าสับรางรถไฟ....ว่าแต่ไอ้เสียงที่แว่วตะกี๊.....ผมหันมองรอบๆ ไม่ผิดแน่! เสียงที่ได้ยินเบาๆ ในมือถือเมื่อกี้......เสียงซ้อมเชียร์ลีดเดอร์!!!
"แบบนี้ใช่มั๊ยงานด่วนของนายน่ะ"
ร่างสูงโปร่งยืนอยู่หน้าประตู ถึงจะมืดแต่ก็จำได้แม่นยำว่าเป็นใคร
"กริช!!"
"งานด่วนเหรอ? ทำงานในโรงหนังเหรอ? แล้วยังร้านทไวไลท์อีก สนุกมากมั๊ยต้น?"
"กริช เราขอโทษที่หลอกนาย แต่ทั้งหมดมันเรื่องเข้าใจผิดนะครับ!"
"นานแค่ไหนแล้วเนี่ย? สามเดือน.....สนุกมากมั๊ยที่หลอกผมมาตั้งนาน? ทุกวันที่มาโรงเรียนคงหัวเราะเยาะผมลับหลังสิท่า?"
"เราขอโทษจริงๆ กริชแต่เราไม่ได้คิดแบบนั้นนะ"
"ขำมากมั๊ย?!!! พวกนายสองคนรวมหัวกันหลอกผมเนี่ย? เด็กโข่งซ้ำชั้นแบบผมนี่มันตลกมากใช่มั๊ย?!!!"
.....สองคน.....หมายถึงผมกับวิงน่ะเหรอ.....
"กริชเข้าใจผิดนะครับ วิงเขาไม่ได้เกี่ย---"
"คนนึงแกล้งเป็นเด็กขายบริการ อีกคนหลอกปรึกษาปัญหาความรัก ....พี่ครับ ผมแอบชอบเพื่อนคนนึงแต่เขามีแฟนแล้วแต่ท่าทางไม่ค่อยรักกันเท่าไหร่ พี่ครับผมควรจะเลือกทางไหนดี.... แนบเนียนมากนะ!!!! ถ้าคิดดูดีๆ ก็น่าจะเข้าใจแล้วว่าเพื่อนนายเอาเรื่องของผมกับสิงห์ย้อนมาล้อเลียนผม .....แต่ผมมันโง่เองแหละ! น่าจะรู้ตั้งแต่สังเกตเห็นต้นไว้ผมลองทรงตลอดแล้ว ใช่สิผมมันโคตรโง่! ตอนนี้ก็รู้แล้วสิว่าทำไมผมถึงซ้ำชั้น!! เอาไปล้อลับหลังกันขำมากเลยสิท่า!!!"
"กริช......ฟังเราก่อน...เราอธิบายได้....ตอนนั้นเราแค่อยากกินเหล้าฟรีเราเลยหลอกนายไปแบบนั้น"
"หึ! ลงทุนมากเลยนะ! ตอนนี้ก็สนุกสมใจแล้วนี่! ไปกินเหล้าฟรี ได้เที่ยวฟรี! ได้นอนกับคนโง่อย่างผม! พวกนายสองคนคงเห็นเป็นแค่เรื่องสนุกล่ะสิ?!"
"มันไม่ใช่แบบนั้นนะ! กริชจะทำอะไรเราก็ได้ จะเตะจะต่อยยอมเรายอมหมดแต่ช่วยฟังให้---"
"ผมไม่ทำอะไรนายหรอกเดี๋ยววิงแฟนนายจะเสียใจ"
"วิงกับผมไม่ได้เป็นอะไรกันนะ! เราเป็นแค่เพื่อนกัน!"
"กอดกันกลมแบบนั้นน่ะเหรอเพื่อน!!"
"กริชฟังเราก่อน เราขอโทษจริงๆ! เราขอโทษ!!"
"ไม่ฟังแล้วโว้ย! ....ฮึกๆ....ต่อไปเราไม่รู้จักกัน! นาฬิกานั่น...ฮึกๆ...ผมยกให้เป็นค่าตัวของต้นก็แล้วกัน!!!"
มือถือของกริชถูกขว้างลงพื้นห้องแตกกระจายไปทั่วแล้วเดินจากไป.....กริชไปแล้ว.....
......................................
อึ้งกันละเซ่
หุหุหุหุ