..
..
"........ต้น......"
"หืม?"
"นั่นไม่ใช่เรื่องน่าอายซะหน่อย....ตอนนั้นนายเท่มากๆ เลยนะ"
คำพูดประโยคนั้นทำผมรู้สึกวูบ เหมือนเสียงคนในสนามฟุตบอลจะเงียบหายไปเหลือแค่แค่ผมกับเจ้าวิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าเท่านั้น ปากพูดไม่ออกแต่ในหัวผมมันกำลังเรียงภาพบางอย่างให้ชัดขึ้นๆ.....
"น้องคนนั้นเล่าให้นายฟังเหรอวิง?" .....ไม่ใช่สิ....ไม่ใช่เล่าให้ฟัง.....
เจ้าวิงยิ้มจางๆ พลางเอื้อมมือมาถอดแว่นออกจากหน้าของผมไปสวม
ภาพตรงหน้ามันก็ค่อยๆ ชัดขึ้น.....ความคล้ายที่ไม่เคยสังเกต....
ที่รู้สึกคุ้นเคยกับวิงตั้งแต่ครั้งแรกๆ ที่เจอ.....อาการใจเต้นประหลาดเวลาอยู่ใกล้.....ความรู้สึกอบอุ่นตอนที่สอนกีตาร์....ความรู้สึกต่างๆ ที่ผมด่าตัวเองมาตลอดว่าอย่าหวั่นไหวเหมือนคนหลายใจ.....ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไม.....ถ้าไม่ใช่ผมลองทรง.....ถ้าตัวไม่สูงขนาดนี้.....ถ้า....ใส่แว่น.....
"ฮะๆ ไม่ว่าตอนไหน ต้นก็เห็นเราเป็นน้องเสมอเลยนะ"
"วิง ....น...น...น้องคนนั้นคือนายเหรอเนี่ย?"
"ตอนนั้นต้นนึกว่าเราเป็นรุ่นน้องจริงๆ เหรอ? ฮะๆ แต่ตอนนี้เราก็สูงเกือบเท่านายแล้วนะ" มันหัวเราะเบาๆ แต่ผมสิขำไม่ออก
"แล้วทำไมตอนนั้นถึงเรียกเราว่าพี่ล่ะ?"
"ก็.....บอกไปแล้วนายอย่าล้อเรานะ....." วิงถอดแว่นส่งคืนให้ผมแล้วก็นิ่งเงียบไปนานเลย
..
..
"เราเห็นต้นมาตั้งแต่ม.2 แล้วล่ะ เราว่านายเท่มากเลย เป็นนักกีฬาบาสแล้วก็มีเพื่อนเยอะด้วย เราอยากเก่งแบบนายบ้างแต่ไม่กล้าเข้าไปคุย..... จู่ๆ วันนั้นต้นเดินเข้ามาบอกให้เราเรียกนายว่าพี่....เราก็เลย...."
"ก็เลยเรียกเราว่าพี่อะนะ?"
"อืม ก็ไม่รู้จะเรียกนายยังไงน่ะ คนไม่เคยคุยกันมาก่อน กลัวนายไม่ช่วยเก็บบอลด้วย"
.....เวรกรรม! ทำไมเอ็งซื่อแบบนี้ให้เรียกอะไรก็เรียก หน้าตรูเหมือนนักเลงรึไง!
"แล้วแว่นล่ะ? นายไม่ได้ใส่แว่นแล้วนี่"
"หมอบอกให้เราบริหารสายตามาตั้งแต่ม.2 แล้วล่ะ ฝึกจ้องนิ้วตรงหน้าแล้วขยับนิ้วเข้าออกแบบนี้ก็ช่วยได้ ตอนปิดเทอมหมอบอกว่าไม่ต้องใส่แล้ว แต่เวลามองกระดานดำก็ยังต้องใช้อยู่"
"ทำไมนายไม่เคยบอกเราเรื่องนี้เลยล่ะ?"
"ก็ไม่รู้ว่าต้นยังโกรธเรารึเปล่าน่ะสิ"
"เราจะไปโกรธอะไรนาย?"
"ก็เราทำต้นตกน้ำ......แล้วยัง....เรายังเอาหัวโขกโดนปากนายอีก กลัวต้นจะเอาคืนเราเลยไม่บอก"
อยากจะบ้าตาย..... ที่ผมหามันไม่เจอเพราะมัวแต่มองน้องม.2 จนต้องตัดใจคิดว่ารักแรกของผมมันจบไปแล้ว
ส่วนเจ้าวิงก็เลิกใส่แว่นตอนขึ้นเทอมสองแถมจงใจปิดผมเพราะนึกว่าผมโกรธมัน....แล้วจูบแรกของผมเป็นแค่ 'หัวโขกปาก' .....ฮือๆๆ เรื่องตลกที่ขำไม่ออก.....
"วิง เราไม่ได้โกรธนายเลยนะ"
"ไม่โกรธเราแน่นะ?"
"ไม่โกรธหรอก ตอนนั้นเราซุ่มซ่ามเองนี่หว่า"
"เฮ้อ! โล่งอก! กลัวมาตั้งนานว่าต้นยังโมโหเราอยู่" วิงลุกขึ้นหยิบกระเป๋า
"มืดแล้วล่ะ กลับบ้านกันเถอะ"
ผมได้แต่เดินตามวิงเดินนำหน้าไปทางประตูโรงเรียน....ความรู้สึกต่างๆ มันเต็มหัวไปหมด
น้องตัวจ้อยที่เคยคิดว่าจะไม่มีวันเจอกันอีกแล้ว.....จู่ๆ กลายเป็นเพื่อนที่เดินตรงหน้าได้เห็นกันทุกวัน
เพราะแบบนี้นี่เองถึงรู้สึกคุ้นเคย รู้สึกดีเหมือนวิงเป็นน้องชายที่น่าเอ็นดู.....ถ้าผมรู้เร็วกว่านี้.....ถ้ารู้ก่อนที่จะเจอกริช....ผมคง....
"ตอนแรกนึกว่าต้นลืมไปแล้วก็เลยไม่บอก แต่พอรู้ว่านายยังจำได้ก็พูดไปเลยดีกว่าจะได้สบายใจซะที"
"เรอะ! แล้วถ้าเรายังโกรธนายอยู่ล่ะ?"
"ก็วิ่งหนีดิ! ต้นเพิ่งแข่งบาสมาเหนื่อยๆ แถมแขนเจ็บทำอะไรเราไม่ได้หรอก"
โห! ที่มันกล้าพูดเอาตอนนี้เพราะแบบเนี้ยเองเรอะ! ......ตรูขอถอนคำพูดที่ว่ามันน่าเอ็นดู......
"อือใช่ เราเหนื่อย แขนก็เจ็บ...." ผมใช้แขนซ้ายโอบไหล่มันไว้
"แต่ขายังดีอยู่นะว้อย!"
"อ๊ะๆๆ! อย่านะ! ไม่งั้นเราจะบอกเม้ง!!!" แล้วมันก็วิ่งแจ้นหนีไปไกลโยชน์แล้วหันกลับมาทำหน้าล้อเลียน
"ลองบอกสิ เดี๋ยวจะเตะตกสระคืนบ้างล่ะ!!!"
ลมหนาวเริ่มพัดแรง......และคงจะหอบรักแรกที่แสนเปิ่นของผมไปแล้ว.....ตอนนี้คนตรงหน้าคือเพื่อนที่ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่อยู่ใกล้......หัวโขกปาก...ผมยิ้มเศร้าๆ พลางทวนคำนั้นเบาๆ......วิงมันไม่ได้คิดอะไรเลย......
ดีนะที่ตอนนั้นเขาเรียกชื่อผมให้ได้สติ ไม่งั้นผมอาจหน้ามืดจนทำอะไรยิ่งกว่านั้น.....และคงไม่ได้มาเป็นเพื่อนกันอย่างนี้แน่.....
"ต้น เดี๋ยวเราต้องไปทำธุระให้พ่อก่อนนะ นายกลับบ้านเลยละกัน ดึกแล้วด้วย"
"อืม งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะวิง"
ผมขึ้นรถเมล์ตามลำพัง ใจมันโหวงๆ พิกล จากที่เคยกลับพร้อมวิงบ่อยๆ แต่คืนนี้ผมกลับอยากอยู่คนเดียว
พอมาถึงบ้าน ผมหยิบหนังสือรุ่นที่ยืมเม้งมาเปิดช้าๆ .....หน้าเกือบสุดท้ายของชั้นม.3
.....เด็กตัวจ้อยหัวเกรียนที่ดูกลืนหายไปในกลุ่มเพื่อนร่วมห้อง.....คนที่ผมเคยตามหา.....แต่ตอนนี้ความรู้สึกนั้นมันจบไปแล้ว ผมเปลี่ยนซิมแต่ก็ได้แค่ถือโทรศัพท์ในมือ ไม่อยากโทรหาเขาตอนนี้เลย ทำไมผมถึงรู้สึกผิดต่อกริช.....
ตรื้ดๆๆๆๆ
เพิ่งพูดอยู่แหมบๆ ก็โทรมาทันที ไม่อยากคุยเลยแต่ถ้าไม่รับสายเขาคงคิดมาก
"สวัสดีครับกริช"
"สวัสดีครับต้น....เป็นอะไรเหรอเสียงเนือยๆ?"
"ม....ไม่เป็นอะไรหรอกครับ วันนี้หนังใหม่เข้าเยอะเลยเหนื่อยนิดหน่อยน่ะครับ"
ชักจะโกหกเก่งจนเป็นนิสัยแล้ว ผมไม่อยากจะเป็นแบบนี้ ไม่อยากโกหกอีกแล้ว
อยากบอกเขาว่าผมผ่านรอบแรกแล้ว อยากเห็นเขาดีใจ อยากให้พี่สิงห์ดีใจ.....แต่ตอนนี้ผมต้องอดทน....
"ผมเป็นห่วงนายนะ อยากเจอต้นมากๆ เลย ผมไปหาได้มั๊ยจะไม่กวนเวลางานหรอก" .....เหยย! จะมาทำไม....
"กริชเตรียมตัวสอบเถอะครับ อีกสัปดาห์เดียว"
"อืม......ขอโทษนะช่วงนี้ผมไม่มีเวลาให้ต้นเลย"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ เราอยากให้กริชสอบได้ ตั้งใจติวนะครับ" พอวางสายเสร็จก็ล้มตัวลงนอนทันที
.....นานแค่ไหนผมก็รอได้ ในเมื่อผมหลอกเขามาตั้งสามเดือน จะให้ผมทำเพื่อเขามากกว่านี้ก็ได้ แต่คงไม่ใช่คืนนี้
..
..