มาแล้วค่ะ ช้านิดนึง (ที่จริงช้าไปมาก)
แต่.....ยาวนะเออ คือแบบว่าเขียนไปก็นั่งนึกไปว่าพ่อแม่ตัวป่วนเจอพี่อากาศแล้วควรจะมีปฏิกิริยายังไง
ควรคุยอะไรบ้าง แต่ก็นะ พี่อากาศขับรถไปบ้านตัวป่วนแบบหวานเย็นไปหน่อยน่ะค่ะ เลยนาน
ยังไงก็มาแล้ว ไปอ่านกันเลยนะคะ ขอบคุณคนอ่านทุกท่านค่ะ

............................
............................
ตอนที่๔๑ เขยเล็ก
วันนี้สมาชิกบนรถของพี่อากาศมีสามคน หนึ่งคือพี่อากาศผู้ทำหน้าที่เดิมคือขับรถไปงุ้งงิ้งกับคุณแฟนไป
สองคือไอ้หนูป่วนที่นั่งประจำที่ข้างคนขับ แล้วคอยป้อนน้ำป้อนขนมไม่ได้ขาด
ส่วนไอ้เศษเกินอย่างไอ้เพื่อนนุ่นก็นั่งตาแป๋วมองวิวข้างทางไป
แอบกรี๊ดกร๊าดในใจกับความสวีทของเพื่อนรักกับคุณแฟนไป เออ....ความสุขของมันเลยจริงๆ
“พี่ฟ้าคะ”เพื่อนนุ่นส่งเสียงเรียกคุณแฟนของเพื่อนรักเมื่อเดินทางมาได้เข้าชั่วโมงที่สาม และไอ้ตัวที่ยึดที่นั่งข้างคนขับมันหลับพับไปเรียบร้อยแล้ว
มีผ้าห่มและหมอนกอดพร้อมจากการตระเตรียมของคุณแฟนผู้ใจดีและเอาใจใส่ได้ทุกเรื่องไม่มีเว้น
ก็นะ เมื่อคืนพี่อากาศกะตัวป่วนเล่นทำกิจกรรมตุนไว้ก่อนจนแทบไม่ได้นอน
ไม่ได้ตั้งใจจะฟัง....แต่เสียงกิจกรรมเพิ่งเงียบไปเมื่อค่อนรุ่งนี่เอง
พี่อากาศแหละอึดเกินคน ตื่นเช้ามายังอุตส่าห์แงะไอ้ตัวขี้เซาขึ้นจากที่นอน
ไล่ให้ไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วขับรถออกมารับไอ้เพื่อนนุ่นตั้งแต่แปดโมงเช้าไม่มีขาดไม่มีเกินได้อีก
ส่วนไอ้แผน พอไอ้หนูป่วนกลับบ้านมันก็กลับบ้านมันบ้างเหมือนกัน
บ้านที่ตากนั่นแหละ ไอ้คุณแผนต้องนั่งรถประจำทางไปลงอำเภอเมือง แล้วต่อรถอีกสองต่อ
ไอ้ต่อสุดท้ายก่อนถึงบ้านน่ะเป็นต่อที่เอาแน่อะไรไม่ได้ที่สุด และทำให้ไอ้คุณแผนมันไม่ยอมรอติดรถมากับพี่อากาศแก เพราะกลัวจะมาถึงช้าแล้วไม่มีรถเข้าบ้าน เพราะรถประจำทางระหว่างอำเภอมีประเภทเดียวที่ให้บริการ คือรถกระบะที่ต่อเติมจนเป็นสองแถว คนเต็มเมื่อไหร่ก็ออกเมื่อนั้น
ไอ้หนูป่วนบอกให้เรียกที่บ้านขับรถออกมารับไอ้คุณแผนมันก็ไม่เอา บอกว่ายุ่งยาก
กว่าจะออกมาจากหมู่บ้านก็เกือบสามชั่วโมง แล้วยังขากลับอีกเกือบสามชั่วโมง เสียเวลาเปลืองพลังงานเปล่า
ตัวป่วนมันรู้จักกับครอบครัวของไอ้เพื่อนแผนดี ที่จริงไม่ใช่แค่ตัวป่วนหรอก
แต่ทั้งครอบครัวของมันกับครอบครัวของไอ้เพื่อนแผนน่ะ สนิทกันดีทั้งสองครอบครัว
ถึงพ่อของตัวป่วนจะย้ายตามคำสั่งจากต้นสังกัดไปหลายที่แล้ว แต่ก็ยังคบเป็นเพื่อนกับพ่อของไอ้คุณแผนมันอยู่เหมือนเดิม พ่อกับพ่อยังติดต่อกันสม่ำเสมอ
ส่วนแม่กับแม่เองก็มีเรื่องเม้าท์สามีและลูกให้กันและกันฟังอยู่ตลอดด้วย
จะว่าไปจังหวัดปัจจุบันที่พ่อตัวป่วนมันไปประจำอยู่ก็ห่างจากตากแค่ขับรถสองชั่วโมงเท่านั้นแหละ
เอ่อ...หมายถึงอำเภอเมืองนะ ไม่ใช่หมู่บ้านบนเขาของไอ้คุณแผนมัน
นี่พอมันรู้ว่าไอ้นุ่นจะไปเที่ยวบ้านตัวป่วนมันด้วยมันก็บอกว่าจะอยู่ที่บ้านแค่สัปดาห์เดียว แล้วจะตามมาหาพ่อกับแม่ของไอ้ตัวป่วนด้วยคน
“พี่ฟ้าคะ”
“ครับ?”
“กลัวป้ะพี่?”
“ก็....ไม่กลัวหรอกครับ แต่ก็ตื่นเต้นบ้าง นิดหน่อยน่ะ ท่าทางพ่อแม่แล้วก็พี่ๆของตัวป่วนจะรักตัวป่วนมาก”
“อืม....นุ่นก็ไม่เคยเจอพ่อกับแม่เหมือนกันอะค่ะ ตอนปฐมนิเทศคนที่มาก็พี่ปิ่นอ้ะ แต่เท่าที่ฟังมาบ้านนี้ใจดีทั้งบ้านนะคะ เอางี้ดีกว่าพี่ฟ้ามีอะไรที่คิดว่าอยากรู้แต่ยังไม่รู้มั้ยคะ? ถ้านุ่นรู้นุ่นจะบอกให้”
“พี่ก็คิดไม่ออกอะครับ ว่าควรรู้อะไรเพิ่มอีก แต่ว่า...เอาไว้ถ้าตอนพี่กำลังถูกสัมภาษณ์นุ่นเห็นท่าไม่ดีก็ช่วยพี่หน่อยแล้วกัน ได้มั้ยครับ?”
“โอเคเลยค่ะ นุ่นจะเป็นพันธมิตรของพี่ฟ้าเอง”
พี่อากาศเหลือบตามองสบกับไอ้คนเสนอตัวเป็นพันธมิตรที่เบาะหลังแล้วส่งยิ้มขอบคุณกลับไปให้ เห็นแววตาสนุกสนานนั่นแล้วก็อดไม่ได้
“เออ น้องแผนไม่ได้มาด้วยแบบนี้ น้องนุ่นไม่คิดถึงแย่หรือครับ?”
“ฮะ? อ่า..........ค่ะ ต้องคิดถึงอยู่แล้วล่ะ”
พี่อากาศว่ากระจกไม่ได้หลอกตาหรอกนะ ที่เห็นหน้าดำๆของพันธมิตรพิชิตใจพ่อตาแม่ยายกลายเป็นสีเข้มขึ้นทันตา
“ป่านนี้น้องแผนจะถึงบ้านรึยังไม่รู้นะครับ”“จริงด้วย บอกว่าถ้าถึงบ้านแล้วให้โทรกลับ มันก็บอกต้องเดินหาสัญญาณก่อน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
“โห......บ้านน้องแผนหาสัญญาณยากขนาดนั้นเลย?”
“มันบอกงั้นอ้ะค่ะ เดี๋ยวนุ่นโทรหาแผนดูดีกว่า ไม่รู้มันถึงไหนแล้ว”
เอ้า ตรงไปตรงมาเข้าไปไอ้นุ่น เป็นห่วงมันก็แสดงออกได้ชัดเจนมากนะแก
//ตื๊ดดดดดดดดดดดด ตื๊ดดดดดดดดดดดด ตื๊ดดดดดดดด//“แผน ถึงไหนแล้วอ้ะ? ถึงบ้านยัง?.......เหรอ อืมๆ ทางนี้ก็เพิ่งผ่านชัยนาทเองอ้ะ.......อะไรนะฟังไม่รู้เรื่อง...อ๋อๆ ไอ้ป่วนมันหลับ......ไม่อ้ะ อ๊ะ เอาดีกว่า เอาขนมนะแผน อืม อะไรก็ได้แผนเลือกเลย เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่งซื้อสิ แค่ของที่หอบอยู่ไม่หนักหรือไง เดี๋ยวขาออกตอนจะมาบ้านไอ้ป่วนมันค่อยซื้อ........แล้วอีกนานมั้ยกว่ารถจะออกอ้ะ?.........อืม รู้แล้วน่า นุ่นโตแล้วนะ.......อืมมมม ก็เป็นห่วงเหมือนกัน......บ้า จะรีบคิดถึงอะไรตั้งแต่ตอนนี้เล่า.......บ้า ไอ้แผนบ้า......”
ไอ้นุ่นมันเก็บโทรศัพท์ยัดใส่ด้านหน้าของเป้ส่วนตัว พอเงยหน้าขึ้นมาก็เจอกับสายตาล้อเลียนของแฟนเพื่อนที่มองมาจากกระจกมองหลัง
“เปล่านะคะพี่ฟ้า” อ้าว ร้อนตัวอีก กร้ากกกกกส์
“หืม? เปล่าอะไรครับ พี่ยังไม่ทันว่าอะไรเลย” แหมๆๆไอ้เสียงนุ่มๆนิ่งๆ แต่ลูกกะตาวิบวับนี่มันล้อเลียนกันชัดๆเลยนะคะพี่อากาศ
“ก็.......”
“พี่แค่จะถามว่าตอนนี้น้องแผนถึงไหนแล้ว กำลังรอต่อรถอยู่ใช่มั้ย แค่นั้นเอง”
“แหะๆ ค่ะ รอต่อรถอยู่ที่อุ้มผาง ตอนนี้รอคนเต็มอยู่”
“น้องนุ่นหิวรึยังครับ? ถ้าหิวเดี๋ยวเราแวะร้านริมทางกัน”
เห็นไอ้นุ่นมันเขินอย่างนั้นพี่อากาศแกก็สงสารเลยชวนคุยเปลี่ยนเรื่องเสีย เหลือบตามองคุณแฟนที่นั่งอยู่ข้างๆก็เห็นหลับสนิทไม่ยอมรู้สึกตัวตื่นเลย
“ยังไม่เท่าไหร่ค่ะ อีกสักสองชั่วโมงก็ยังไหว รอให้ไอ้ป่วนมันตื่นก่อนดีกว่า”
“งั้นตกลงครับ ถ้าหิวก็กินขนมรองท้องไปก่อนนะ”
................................
................................
พี่อากาศขับรถผ่านชัยนาท นครสวรรค์ จนเข้ากำแพงเพชรนั่นแหละ ไอ้หนูป่วนมันถึงค่อยตื่นขึ้นมา พอตื่นปุ๊บก็ส่งเสียงท้องร้องดังจ๊อกออกมาทักทายปั๊บ
“ตื่นมาก็หิวเลย เดี๋ยวเราแวะพักกินข้าวกลางวันกันนะ”
“อืม...ถึงไหนแล้วน่ะพี่ฟ้า?”
เสียงแหบเสียงแห้งมาเชียว แล้วนี่จะส่งตาเยิ้มๆให้พี่อากาศแกทำไม
ประเจิดประเจ้อนักนะไอ้ตัวป่วน ลืมไปแล้วรึไงว่าเพื่อนนุ่นของแกมันยังมีตัวตนอยู่ในรถคันนี้อีกคนน่ะ
“น้องนุ่นส่งน้ำให้ตัวป่วนหน่อยสิครับ”
นั่นแหละ พอได้ยินชื่อเพื่อนรักจากที่ยังเลื้อยๆอยู่แถมส่งสายตาเยิ้มๆให้คุณแฟนที่กำลังขับรถ ไอ้หนูป่วนมันเลยลุกขึ้นนั่งตัวตรง เก็บปากเก็บคำ แถมเก็บสายตากลับมาเรียบร้อย
พอได้น้ำปุ๊บเลยเริ่มเม้าท์กับไอ้นุ่นมันไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่ลืมยื่นน้ำพร้อมหลอดไปจ่อปากให้คนขับรถเติมความสดชื่นไปด้วย
พี่อากาศตัวโตพาแฟนและเพื่อนแฟนแวะกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งเล็กๆริมแม่น้ำปิง
พอเติมอาหารใส่กระเพาะกันจนอิ่มหนำแล้วคราวนี้พอจะกลับขึ้นรถไอ้หนูป่วนมันก็ขอแลกหน้าที่มาขับรถให้เอง
พอตกค่ำก็มาถึงบ้านตัวป่วนจนได้ หวานเย็นกันจริงๆ
รั้วไม้ระแนงสีขาวสะท้อนกับแสงไฟจากโคมที่ตั้งอยู่สองข้างประตูที่เปิดอ้ารอรับไว้แล้ว ไอ้หนูป่วนเลี้ยวรถเข้าไปจอดเทียบหน้าตัวบ้านไม้สองชั้นใต้ถุนยกสูง พอเปิดประตูออกจากรถปุ๊บก็เจอกับผู้หญิงวัยกลางคนรูปร่างเจ้าเนื้อยืนน้ำตาคลออ้าอ้อมแขนรอรับทันที
ตัวป่วนมันพุ่งตัวซุกเข้ากับอ้อมกอดนุ่มนิ่มของแม่ที่ไม่ได้เจอตัวแบบจับต้องได้มามากกว่าสี่เดือน สูดลมหายใจรับกลิ่นแม่เข้าเต็มปอด
“แม่อ้ะ ขี้แย แทนที่จะยิ้มกว้างๆ”
“ย่ะ พ่อคนเข้มแข็ง แน่จริงเงยหน้ามาให้ดูสิ ตัวเล็กก็ร้องไห้เหมือนกันแหละว้า”
สองคนแม่ลูกเช็ดน้ำตาที่เพิ่งจะเริ่มเอ่อกันเรียบร้อย แม่ของตัวป่วนก็หันมาให้ความสนใจกับแขกที่ได้รับเชิญทั้งสองคน
“คุณแม่สวัสดีครับ ผมฟ้าครับ” พี่อากาศลงจากรถแล้วเดินอ้อมมายืนเยื้องไปด้านหลังของตัวป่วนรอให้แม่ลูกเขาทักทายกันเสร็จนานแล้ว
ผู้หญิงอารมณ์ดีที่ถูกยัดเยียดตำแหน่งแม่ยายให้โดยไม่ทันรู้ตัว กวาดตาประเมินลูกเขยเล็กคร่าวๆ
แล้วสีหน้าที่คุมให้นิ่งเฉยอยู่ก็ฉายแววถูกใจออกมาจนพี่อากาศโล่งใจไปหนึ่งเปลาะ
“สวัสดีจ้ะ ตัวโตจัง ผิดจากที่คิดเลย นึกว่าหนุ่มอักษรจะตัวเล็กๆบางๆซะอีก”
พี่อากาศได้ยินคำวิจารณ์แบบนั้นก็ได้แต่ส่งยิ้มไปให้
“คุณแม่ สวัสดีค่ะ นุ่นอยากเข้าห้องน้ำอ้ะค่ะ ไปตอนนี้เลยได้มั้ยคะ?” เอ่อ ไอ้นุ่น.......เฮ้อออออออออ
“จ้ะๆ มาๆแม่พาไปเอง ป่วนกับฟ้าเอาของเข้าบ้านเลยนะ พ่อรอกินข้าวอยู่”
แม่สุดที่รักของไอ้หนูป่วนตรงเข้าจับจูงไอ้เพื่อนนุ่นพาเดินลิ่วๆเข้าบ้านไปทันที ทิ้งให้ลูกชายคนเล็กกับพี่อากาศขนสัมภาระกันสองคน
............................
............................
ค่ำนี้โต๊ะอาหารที่ไม่ค่อยได้ใช้งานเพราะมีสมาชิกอยู่โยงประจำบ้านแค่สองคน
พ่อกับแม่ของตัวป่วนเลยมักจะชวนกันนั่งพื้นกินข้าวที่นอกชานมากกว่าเลยได้โอกาสถูกใช้งานเสียที
พอทั้งหกคนซึ่งมีพ่อ แม่ พี่ปุ่น ตัวป่วน พี่อากาศ และไอ้เพื่อนนุ่นนั่งลงเรียบร้อย
ตัวป่วนที่นั่งถัดจากพ่อที่ประจำตำแหน่งหัวโต๊ะก็ลงมือตักข้าวใส่จานให้พ่อก่อน แล้วจึงตักบริการคุณแฟนที่นั่งถัดไปทางขวามือ
ก่อนจะตักข้าวใส่จานให้ตัวเอง ปากก็พูดคุยไปจ้อยๆ
ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าการกระทำทุกอย่างของตัวเองถูกสายตาของสมาชิกทั้งโต๊ะมองตามอยู่ตลอด
“พ่อจะรอกินข้าวทำไม น่าจะกินก่อนเลย ป่วนก็บอกแล้วว่าออกแปดโมงเช้า แล้วก็ไม่ได้ขับเร็วด้วย ขับไปก็แวะไป ดูซิเนี่ย จะสามทุ่มแล้วเพิ่งจะได้กินข้าว พี่ปุ่นอ้ะ ก็รู้อยู่นะว่าพ่อต้องกินยาเป็นเวลา ทำไมปล่อยให้พ่อรอป่วนล่ะ ฮึ?”
จนท้ายประโยคที่หันไปส่งสายตาถามพี่ชายนั่นแหละ ตัวป่วนมันถึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าทั้งโต๊ะเขาเงียบกริบกันหมด มีตัวเองส่งเสียงหงุงหงิงอยู่คนเดียว
ตอนนี้ทุกคนในโต๊ะกำลังยิ้ม.......
บางคนก็ยิ้มกว้างๆ บางคนก็ยิ้มบางๆ บางคนก็อมยิ้ม ส่วนบางคนกำลังพยายามจะหุบยิ้มแทบแย่ก็ไม่ใช่ใครหรอก พ่อของตัวป่วนมันไงที่กำลังพยายามหุบยิ้มจนน่าสงสารว่าจะเมื่อยหน้าแย่
ก็ตั้งแต่พี่อากาศแกเดินยกของทั้งของตัวเองทั้งเป้ไอ้นุ่นมันเข้ามาในบ้านแล้วสวัสดีแนะนำตัว พ่อของไอ้หนูป่วนก็เอาแต่เก๊กขรึม
รับคำด้วยเสียงในคอไปแค่ “อืม” หนักๆคำเดียว แล้วก็เดินหน้านิ่งมานั่งรอที่หัวโต๊ะ
อุตส่าห์ตั้งใจจะเก๊กขรึมเอาให้ไอ้คนมาฉกลูกรักไปมันเกรงๆเสียหน่อย
ที่ไหนได้ เจอเข้ากับท่าทางและคำพูดเป็นห่วงเป็นใยของตัวป่วนมันเข้า ไอ้ที่ปั้นหน้านิ่งแทบตายก็ต้องมาหลุดกันง่ายๆอย่างนี้เอง
ก็มันน่าปลื้มน้อยเสียเมื่อไหร่เล่า เห็นมั้ยล่ะว่าลูกชายมันตักข้าวให้ใครก่อน
มันตักให้พ่อก่อนให้ผั.....เอ๊ย แฟน อย่างนี้ก็แสดงว่ามันไม่ได้รักแฟนจนลืมพ่อชัดๆ แล้วดูนะตัวป่วนมันน่ารัก มันรู้ว่ามื้อเย็นพ่อกินข้าวแค่ทัพพีเดียวมาแต่ไหนแต่ไร มันก็ไม่พลาดตักมาให้ผิดจากที่เคย
จากที่พ่อตั้งใจจะต้อนรับเจ้าเขยเล็กที่เท่าที่รู้มาจากสายสืบส่วนตัวจากไอ้คุณแผนว่าพยายามยัดเยียดตัวเองให้ลูกชายเหลือเกินแบบหนักๆ
เลยพาลเปลี่ยนใจจะยอมญาติดีกับแฟนลูกชายง่ายๆ
พ่อไอ้หนูป่วนคิดมาถึงตรงนี้ จากที่พยายามหุบยิ้มเลยไม่ห่งไม่หุบมันแล้ว
แถมรอยยิ้มที่มีให้ลูกชายยังเผื่อแผ่ไปถึงคนนั่งข้างลูกชาย ที่กำลังอมยิ้มแก้มแทบแตกกับท่าทางของคุณแฟนตัวเองอยู่เหมือนกัน
พี่อากาศเองพอได้รับรอยยิ้มอบอุ่นจากคุณพ่อตาก็ใจชื้น
ส่งยิ้มพร้อมทั้งส่งสายตากลับไปว่าลูกชายคุณพ่อน่ารักอย่างนี้ไงครับ ผมเลยอดใจไม่ไหว ตกหลุมรักโครมเบ้อเริ่ม ถอนตัวถอนใจก็ไม่ได้ด้วย
ไอ้หนูป่วนเห็นพ่อตัวเองกันคุณแฟนส่งสายตาให้กันก็หน้าร้อน
มือไม้อ่อนจนต้องรีบส่งโถกระเบื้องบรรจุข้าวสวยหอมกรุ่นข้ามโต๊ะไปให้พี่ชายที่จับตามองอยู่ทันที
“มองไรล่ะพี่ปุ่น ตักข้าวให้คุณนายไปดิ”
“หึๆๆ ก็ไม่ได้มองไร มองน้องตัวเองเขิน ทำไม หวงเหรอ? หรือว่าเดี๋ยวนี้พี่มองไม่ได้ ให้แฟนมองได้คนเดียว”
พี่ปุ่นของไอ้ป่วนตักข้าวใส่จานให้แม่ตามคำสั่งน้องชาย แต่ไม่วายขอแหย่ไอ้ตัวดีไปด้วย
พอลูกชายคนกลางพูดออกมาแบบนี้ แม่ก็ปล่อยเสียงหัวเราะพรืดออกมาทันที
“หึๆๆฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตัวเล็กเอ๊ย อย่าเขินเลยลูก ทำใจซะนะ เออ ลูกชายชั้น เขินแล้วม้วนต้วนขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย...... ฟ้า ขอบใจนะลูก แม่ไม่ได้เห็นป่วนเขินแบบนี้มานานแล้ว บุญตาของชั้นจริงๆ ฮ่าๆๆๆๆ”
“นุ่นก็ว่างั้นแหละค่ะ โฮ้ย ก่อนมาเจอพี่ฟ้านะ ไอ้ป่วนมันเคยอายอะไรที่ไหน ตอนรับน้อง ตอนไปแข่งบาส-บอล ประเพณีนะคะ ไอ้นี่นำเชียร์อยู่แถวหน้า ไม่มีคำว่าอายสักนิด”
ไอ้เพื่อนนุ่นมันเผาเพื่อนมันสนุกปากไป หนูป่วนคนไม่เคยต้องอายก็หันไปมองหน้าคนที่เข้ามาทำให้รู้จักคำว่าอายข้างๆ
เห็นคุณแฟนตัวโตส่งยิ้มแสดงความภาคภูมิใจมาให้ เลยยิ้มตอบไป แต่ยิ้มของไอ้หนูป่วนมันกลับเป็นยิ้มแหยๆยังไงไม่รู้สิ
พอตักข้าวเรียบร้อยทุกคน การกินข้าวพร้อมหน้าเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนของครอบครัวนี้ถึงได้เริ่มขึ้น ประมุขของบ้านนั่งกินไปอารมณ์ดีไปเพราะถูกขนาบซ้ายขวาด้วยลูกชายสุดที่รักทั้งสองคน
แถมไอ้คนที่เพิ่งหาลูกเขยมาให้มันยังช่างเอาอกเอาใจ คอยตักโน่นนี่มาใส่จานให้พ่อไม่ได้ขาด
ถึงจะเห็นอยู่ว่ามันหันไปตักให้แฟนมันบ้างก็เถอะ แต่มันก็ยังขยันเอาใจใส่พ่อมันมากกว่าอยู่ดี
ก็ดูสิ ตักกับข้าวใส่จานให้พ่อมาสามครั้งแล้ว เพิ่งหันไปตักให้แฟนแค่ครั้งเดียวเอง
“เออ นุ่นรู้จักพี่ปุ่นรึยังลูก?”
เอาแล้ว แม่ของตัวป่วน ท่าทางจะเริ่มทำตัวเป็นตัวกระตุ้นสร้างเสริมความสัมพันธ์ให้ลูกกับเพื่อนของลูกอีกคนแล้ว
“สวัสดีไปรอบนึงแล้วค่ะแม่”
ไอ้นุ่นที่กำลังจะเอื้อมมือตักผัดผักบุ้งไฟแดงตรงหน้า ชะโงกตัวไปข้างหน้านิดแล้วส่งยิ้มกว้างขวางไปให้พี่ชายเพื่อนรักทันที
พี่ปุ่นก็ส่งยิ้มกลับมา กว้างขวางไม่แพ้กันเลย
“น้องนุ่นสนิทกับใครมากกว่ากันล่ะ แผนหรือป่วน?”
อ้าว.......ตรงเป้าไปมั้ยคะพี่ปุ่น นี่พี่ไปรู้อะไรมารึเปล่าเนี่ย ว่าแต่พี่จะให้ไอ้นุ่นมันตอบยังไงคะ เอาแบบเพื่อนเฉยๆ หรือว่าแบบเพื่อนด้วย มากกว่าเพื่อนด้วย โฮะๆๆๆ
“ก็.......ก็พอๆกันน่ะค่ะ แต่จะคุยกับป่วนมันมากกว่า”
“อืม ก็แผนมันไม่ค่อยพูดนี่เนอะ ขนาดคราวก่อนมาอยู่บ้านนี้เกือบเดือน มันยังพูดกับพ่อไม่ถึงสิบประโยคเลย”
บทสนทนาบนโต๊ะอาหารก็ดำเนินไป ส่วนตัวป่วนกับพี่ฟ้าของมันน่ะเหรอ ก็.......ช่วงไหนที่ไม่ได้ถูกดึงเข้าไปร่วมวงสนทนาด้วย สองคนเขาก็........
“ตัวป่วนครับ ตักถึงรึเปล่า พี่ตักน้ำพริกอ่องให้เอามั้ย?” กระซิบกระซาบๆ
“อื้อ เอาผักต้มให้ผมด้วยนะ ไม่เอาผักสด” กระซิบกระซาบๆ
พี่อากาศแกก็บริการคุณแฟนแกไป แล้วสักพักก็เอาอีกแล้ว กระซิบกระซาบกันอีกแล้ว
“เอาจริงเหรอ ตัวป่วนไม่ชอบกินทอดมันไม่ใช่เหรอ?”
“อื้อ เอาแบ่งให้ผมครึ่งชิ้นพอนะพี่ฟ้า ที่จริงผมไม่ค่อยชอบ แต่ถ้าไม่กินเลยแม่จะเสียใจน่ะ แม่เค้าชอบให้ทุกคนกินทุกอย่างอ้ะ อย่างละนิดละหน่อยก็ยังดี ไม่งั้นแม่จะไม่มั่นใจในฝีมือตัวเอง เห็นนั่งคุยนั่งกินสบายๆอย่างนั้น ที่จริงแม่มองทุกคนอยู่ตลอดแหละ แล้วถ้าใครไม่ตักอะไรกินนะ แม่จะรู้ทันทีเลยด้วย”
พี่อากาศก็ปฏิบัติตามคำสั่งคุณแฟนที่เคารพทันที ตักทอดมันมาหนึ่งชิ้นแล้วจัดการตัดแบ่งเป็นสองส่วน
ส่งครึ่งเล็กกว่าไปวางไว้บนจานไอ้หนูป่วนมันเรียบร้อย แล้วถึงก้มหน้าจัดการกับอาหารในจานของตัวเองต่อ
ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าอากัปกิริยาทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของทั้งพ่อ แม่ และพี่ชายคนเดียวของไอ้หนูป่วนเป็นที่เรียบร้อย
จะยกเว้นก็แต่ข้อความที่กระซิบกระซาบคุยกันเท่านั้นแหละที่คนอื่นบนโต๊ะอาหารมื้อนั้นไม่ได้ยิน..............................
..............................
..โปรดติดตามตอนต่อไป..