มาแล้วค่ะ มาอ่านตอนต่อไปกันเลยนะคะ
ข้าพเจ้ายังขอยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีรสขมค่ะ

...................
...................
ตอนที่๔๐ ไม่อยากเป็นจินตะหรา....เวลาสองสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตัวป่วนมันมานอนที่บ้านพี่ฟ้าเกือบทุกวันแหละ แต่ก็แทบจะไม่มีอะไรกัน นอกจากนัวเนียๆกอดจูบกันไปตามเรื่อง
เพราะพี่อากาศต้องเร่งเขียนรายงานจากข้อมูลที่ทำวิจัยเตรียมส่งความคืบหน้าให้อาจารย์ที่ปรึกษาภายในสองสัปดาห์นี้
เพราะอย่างนั้น ช่วงกลางวันของสัปดาห์แรกจึงหมดไปกับการเดินทางไปกลับคณะเป็นว่าเล่น
ส่วนสัปดาห์ถัดมาพี่อากาศแกก็ต้องไปสระบุรีเก็บข้อมูลเพิ่มอีกสองวัน วันที่เหลือก็นั่งอ่านนั่งเขียนรายงานอยู่คนเดียว
พอตกเย็นพี่อากาศที่นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์จนดึกดื่น ก็มีไอ้หนูป่วนมาทำหน้าที่คุณแฟนที่ดีคอยส่งเสบียงและเติมกำลังใจให้
ถ้าสงสัยว่าแบบไหนก็ ........ประมาณนี้น่ะ
“พี่ฟ้า กาแฟนี่ถ้วยที่สามแล้วนะ ถ้าเรียกหาอีกผมไม่ยอมเสิร์ฟแล้วนะ”ไอ้หนูป่วนรินกาแฟจากกระติกเก็บความร้อนที่เอามาตั้งไว้ในห้องนอนแล้วเดินไปส่งให้ถึงมือพี่อากาศที่นั่งทำงานอยู่กับโต๊ะในห้องนอนนั่นเหมือนรากจะงอก
ก่อนหน้านี้ตัวป่วนมันก็กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงแหละ ห้องนอนพี่อากาศแกไม่มีโทรทัศน์
มันก็ไม่รู้จะทำอะไรเลยไปรื้อๆค้นๆหนังสือในชั้นวางของพี่เขามาอ่านเล่นแก้เบื่อ ได้หนังสือเก่าๆเล่มหนาปึกมาหนึ่งเล่ม
“คร้าบบบบ ถ้วยสุดท้ายแล้วครับ”
“ดีมาก”
ยื่นกาแฟให้เรียบร้อยไอ้หนูป่วนก็ตั้งท่าจะกลับไปกลิ้งอ่านหนังสือบนเตียงต่อ แต่ถูกพี่อากาศคนติดกาแฟคว้าแขนไว้เสียก่อน
พอตัวป่วนมันหันหน้ามาเลิกคิ้วถามว่ารั้งมันไว้ทำไมก็ได้คำตอบเป็นการอ้อนขอพลังงานของคนเร่งทำงานแทน
“เติมพลังให้พี่ก่อนสิครับ”
“ไม่เอา”
“ใจร้ายยยยยยยยย”“ล้อเล่นหรอกน่า ไหน มามะ..อืม เติมตรงนี้ดีกว่าเนอะ”
แล้วมันก็จุ๊บๆๆๆ พอดีขี้เกียจนับว่ากี่ครั้งลงไปตรงริมฝีปากของคนแก่ขี้อ้อนนั่นแหละ
“บูสท์เต็มแล้วยางงงงงงง?”
“อีกหนึ่งจูบ นะครับ นะ”
.....ก็นั่นแหละ คนหนึ่งก็ทำงานไป อีกคนก็กลิ้งไป เติมพลังให้กันไป
ไม่เข้าใจสองคนนี้เหมือนกัน อะไรมันจะตามใจกันจัง ไม่คิดบ้างเลยเนอะที่จะขัดใจกันน่ะ
แล้วเหตุการณ์ก็วนอยู่อย่างนั้น โดยไอ้หนูป่วนมันถ่างตาอ่านหนังสือเก่าเก็บของพี่อากาศผู้กำลังทำตัวเป็นนักศึกษาที่ดีได้ไม่เท่าไหร่ก็หลับไปก่อน
ทิ้งให้พี่อากาศที่นั่งทำงานบางวันก็ค่อนรุ่งโน่นแหละ แถมก่อนจะล้มตัวลงนอนกอดไอ้ตัวเล็กๆนั่นไว้ยังต้องคอยเก็บซากหนังสือไปวางให้เป็นที่อีก
ไอ้หนูป่วนมันอ่านๆแล้วก็เบื่อ อ่านไปไม่ทันจบเล่มก็เปลี่ยนเล่มใหม่ไปเรื่อย
จนมาวันหนึ่ง จากที่กลิ้งๆอ่านไปเรื่อยๆ มันก็ลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิเอาหมอนหนุนศีรษะใบที่พี่ฟ้าของมันใช้ประจำมาวางรองบนตัก
แล้วกางหนังสือเล่มเก่าเก็บจนขอบกระดาษกรอบเป็นสีน้ำตาลเข้มทับ ท่าทางตั้งใจอ่านน่าดู
พี่อากาศที่นั่งทำงานไปพอเริ่มจะง่วงเริ่มจะเพลียก็คอยเหลือบๆตามองมาที่แหล่งพลังงานบนเตียงที วันนี้เลยได้เห็นอะไรแปลกๆก็ตัวป่วนมันอินกับเรื่องในหนังสือมาก หน้าตาที่ปกติก็คิดอะไรก็แสดงออกมาหมดอยู่แล้วเลยเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเรื่อยๆ อ่านแรกๆก็ยิ้มๆดีอยู่หรอก สักพักพี่อากาศแกก็เริ่มสังเกตว่าคุณแฟนเริ่มขมวดคิ้วมุ่นขึ้นทุกที แกก็เริ่มเอะใจสงสัยว่าวันนี้หนังสือที่ตัวป่วนมันหยิบมานั่นเรื่องอะไรกันแน่
พี่อากาศหมดสมาธิกับงานตรงหน้าแล้วหันมาให้ความสนใจกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของไอ้ตัวเล็กบนเตียงเต็มที่ เลยได้เห็นว่าตอนนี้มันไม่ใช่แค่ขมวดคิ้วหน้ายุ่งแล้ว แต่ไอ้หนูป่วนมันเปิดหนังสือค้างอยู่หน้าหนึ่งนานแล้ว ไม่พลิกเปลี่ยนไปหน้าต่อไปเสียที
แถมอยู่ๆมันก็ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาป้อยๆ แล้วก็เหลือบตามองมาทางพี่เขานิดหนึ่งเหมือนกลัวพี่อากาศแกจะเห็นว่ามันร้องไห้
พี่อากาศแกล้งเนียนว่าไม่เห็น ทำเป็นสนใจอยู่กับกองเอกสารบนโต๊ะ ทีนี้ไอ้หนูป่วนมันเลยค่อยๆหมุนตัวหันหน้าไปด้านตรงข้าม
พอพี่อากาศมองไปเลยเจอกับแผ่นหลังที่ที่หากสังเกตให้ดีจะพบว่ามีการสั่นเหมือนสะอื้นเป็นระยะ
พี่เขาจับตาดูอยู่ไม่ถึงนาทีก็ทนไม่ไหว ค่อยๆเดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงไปบนเตียง ดึงไอ้ตัวที่แอบร้องไห้สะอึกสะอื้นแบบไร้เสียงเข้ามากอดไว้กับอก
“ตัวป่วน ร้องไห้หรือครับ ถ้ามันเศร้านักก็เลิกอ่านเถอะนะ พี่ไม่ชอบเวลาตัวป่วนร้องไห้เลย”“พี่ฟ้า..........”
ไอ้หนูป่วนเงยหน้าชุ่มน้ำตาแล้วส่งลูกกะตาแดงๆไปให้พี่ฟ้าของมันเรียกร้องความเห็นใจ
“ครับ?”
“ผม.....ผมไม่อยากเป็นจินตะหรา”“หา!!! อ่านอะไรอยู่เนี่ย?”
ประโยคเดียวของไอ้หนูป่วนถึงกับทำให้พี่อากาศของมันงงเป็นไก่ตาแตก อยู่ๆก็บอกไม่อยากเป็นจินตะหรา
ไอ้หนูป่วนมันบ้าสงสัยจะอินมากไป ก็แกชื่อศศินทร์ แล้วจะเป็นจินตะหราไปได้ยังไงเล่า
พี่อากาศตัวโตที่กำลังงงกับอารมณ์ของคุณแฟนจนตาโตเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มหนาหนักเก่าคร่ำนั้นมาดูทันที
“อิเหนา......แบบบทละครด้วย”
ไอ้หนูป่วนเห็นหน้าเหวอๆของคุณแฟนที่กำลังแสดงออกว่าอึ้งที่มันอินกับกลอนในเรื่องถึงขนาดร้องไห้
แล้วจากที่กำลังซึ้งกำลังเศร้าเลยเริ่มเขินจนหน้าแดงแล้วส่งยิ้มแหยๆไปให้พี่เขา
“ก็......ก็มันเศร้านี่ ผมไม่ตั้งใจจะร้องไห้นะ”พี่อากาศอดไม่ไหว หมดแรงจะห้ามตัวเองไม่ให้อมยิ้มจนเมื่อยแก้มกับคำสารภาพของไอ้ตัวเล็กในอ้อมกอดที่พอพี่เขากอด มันก็ถือโอกาสซุกหน้าเข้าหา
แถมมือยังยกขึ้นมาเกาะเกี่ยวไปกับท่อนแขนของพี่อากาศแกเสียเน่น
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แต่..ไอ้ที่บอกว่าไม่อยากเป็นจินตะหรานี่มันอะไรกันครับ?”
“พี่ฟ้าก็อ่านเองสิ”
แล้วว่าอนิจจาความรัก พึ่งประจักษ์ดั่งสายน้ำไหล
ตั้งแต่จะเชี่ยวเป็นเกลียวไป ที่ไหนเลยจะไหลคืนมา
สตรีใดในพิภพจบแดน ไม่มีใครได้แค้นเหมือนอกข้า
ด้วยใฝ่รักให้เกินพักตรา จะมีแต่เวทนาเป็นเนืองนิตย์(*) (*)อ้างอิงจาก “บทละครเรื่องอิเหนา” พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
“โธ่......ไม่เห็นต้องกังวลเลย ยังไงพี่ฟ้าก็รักตัวป่วนคนเดียว ไม่เปลี่ยนใจอยู่แล้วนะ”
พี่อากาศตัวโตหมั่นไส้คุณแฟนที่อินกับบทละครจนเอามาคิดเทียบกับตัวเองเป็นตุเป็นตะจนต้องก้มหน้าลงกดจมูกลงกับแก้มป่องๆเนื่องจากเจ้าของแก้มมันกำลังเบะปากอย่างต่อเนื่องแรงๆทั้งซ้ายขวา
“ก็ ผม.....ไม่รู้สิพี่ฟ้า ผมรู้ว่าตอนนี้พี่รักผม แต่ วันข้างหน้าล่ะ”
ไอ้หนูป่วนทั้งๆที่น้ำตายังไม่แห้งดีก็ยังบริการเอียงแก้มให้พี่เขาฝังจมูกได้โดยดียังไม่เลิกคิดมาก พอพี่อากาศแกฟัดแก้มมันเสร็จก็ยังส่งเสียงแสดงความไม่มั่นใจต่อมาอีก
“จะเป็นวันนี้ วันข้างหน้า หรือว่าวันข้างหลัง พี่ฟ้าก็รักตัวป่วนทุกวันแหละ”
พี่อากาศเห็นว่าไอ้หนูป่วนที่รักยังไม่หายจมจ่อมกับอารมณ์เศร้าและความกลัวง่ายๆเลยยิ่งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก
“ไม่รู้สิพี่ฟ้า ผม....ขออะไรอย่างหนึ่งได้มั้ย?”
“จะขออะไรพี่ครับ?”
“ถ้าเกิดวันไหนพี่เปลี่ยนใจ หรือไปรักใครนอกจากผม พี่ต้องบอกผมนะ อย่าทำเหมือนที่อิเหนาทำกับจินตะหรานะ อย่าปล่อยให้ผมเฝ้าคอย แล้วก็จินตนาการไปเอง....ผมกลัว”
ท้ายประโยค ไอ้หนูป่วนคนคิดมากมันเงยหน้าสบตากับพี่ฟ้าของมัน น้ำตาที่เพิ่งจะถูกคนกอดซับให้จนแห้งไปหมาดๆก็กลับเอ่อคลอขึ้นมาอีกแล้ว
“ตกลง พี่รับปาก แต่เชื่อเถอะ ไม่มีวันที่วันนั้นจะมาถึงแน่นอน ว่าแต่....คิดได้ไงเนี่ยถึงเอาตัวเองไปเทียบกับจินตะหรา?”
"ก็.......ก็ผมใจง่ายเหมือนเธอเลยนี่ รู้จักกันไม่เท่าไหร่ ผมก็.....”
“ก็?”
“ก็แค่ไม่กี่เดือน.......ก็ยอมให้พี่ทำอะไรอะไรหมดแล้ว”ตอบไปจากที่กำลังเศร้าๆอยู่ไอ้หนูป่วนมันก็เริ่มเขิน เลยค่อยๆออกแรงบิดตัวกะให้หลุดออกจากอ้อมกอดของพี่อากาศแก จะได้หนีไปไกลๆ
ก็คนมันอาย จู่ๆต้องมาพูดเรื่องแบบนี้ ไอ้คนขี้เขินโดยธรรมชาติอย่างมันก็รู้ตัวแหละว่าทั้งหน้าคงแดงไปหมด อยู่ใกล้ขนาดนี้พี่ฟ้าของมันก็จับได้พอดี
“หึๆๆๆ”
“ห้ามขำนะ!!!”ไอ้นี่ก็เขินแรง ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะหลุดออกมาจากปากคนที่โอบกอดเอาไว้ทั้งตัว
นอกจากเขินเลยเริ่มฉุน กดเล็บหยิกลงเต็มแรงเข้าที่โคนเล็บนิ้วโป้งของพี่อากาศ จนพี่เขาเจ็บสะบัดมือออกครางอูย
ส่วนตัวมันก็ดีดตัวลงไปยืนข้างเตียง
พอพี่อากาศขยับตัวตั้งท่าจะลงไปคว้าตัวมันกอดมันไว้อีก ไอ้หนูป่วนมันก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำปิดประตูล็อคทันที
///ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆๆๆๆๆ///
“ตัวป่วน ไม่งอนพี่สิ นะครับ นะ พี่ไม่ได้ขำเพราะตลก แต่หัวเราะเพราะมีความสุขต่างหาก”
“คนดีของพี่ เปิดประตูออกมาคุยกันนะครับ พี่ก็แค่มีความสุขมาก เพราะรู้สึกดีใจที่ได้รักป่วน รู้สึกภูมิใจที่ป่วนกลัวว่าพี่จะไม่รักจนเอาตัวละครในบทละครมาคิดมาก”
“พี่ขอโทษที่หัวเราะออกไปอย่างนั้นนะครับ ตัวป่วนอย่าเงียบอย่างนี้สิ พูดกับพี่หน่อยนะ ส่งเสียงตอบรับออกมานิดนึงก็ยังดี”
“ผมไม่ได้งอนนะ......”
“หา??? ว่าไงนะครับ พี่ได้ยินไม่ถนัดเลย”
“ผมบอกว่าผมไม่ได้งอน ผมแค่......แค่เขินนิดเดียวเอง”คราวนี้ชัดเจนแจ่มแจ้ง พี่อากาศที่ยิ่งนานวันยิ่งรู้สึกหลงรักแฟนตัวเองมากขึ้นทุกทีขำก็ขำ แต่ก็กลัวจะยิ่งไปเพิ่มระดับความเขินให้ไอ้ตัวเล็กในห้องน้ำ
เลยได้แต่เอามือมาอุดปากกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้
“แล้วเมื่อไหร่จะออกมาล่ะ?”
“ขออีกแป๊บสิพี่ฟ้า ให้ผมหายเขินก่อน พี่ฟ้าไปไกลๆสิ มายืนถามผมอยู่แบบนี้แล้วเมื่อไหร่ผมจะหายเล่า”
เออเนอะ คนเขินมันขอเวลาอยู่สงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ ช่างคิดจริงไอ้ตัวป่วนเอ๊ย.........
“ก็ได้ครับ แต่รีบออกมานะ พี่คิดถึง”
ด้านคนรออยู่ข้างนอกก็กัดฟันกลั้นเสียงหัวเราะ แล้วไม่วายพูดแหย่เข้าไปอีก
พอพี่อากาศเดินอารมณ์ดีกลับไปทรุดตัวนั่งลงบนเตียง ได้ไปเห็นบทละครเจ้าปัญหานั่นอีกครั้ง
จากที่ยิ้มกว้างหัวเราะร่าอยู่ก็กลายเป็นยิ้มอ่อนๆแทน
นึกถึงท่าทางเมื่อครู่ของคุณแฟนที่คิดมากได้อย่างไม่น่าเชื่อแล้วก็สงสาร
นี่แสดงว่าไอ้หนูป่วนมันคงแอบกังวลกับความสัมพันธ์นี้และคงเก็บกดความรู้สึกไม่มั่นคงในใจมาตลอด
ไม่อย่างนั้นจะมาอินกับกลอนบทเดียวจนร้องไห้ออกมาได้ยังไง
ต่อให้รู้อยู่ว่าไอ้ตัวเล็กมันเป็นพวกอารมณ์อ่อนไหว ร้องไห้ได้ง่ายๆก็เถอะ
แต่ถ้าไม่มีตะกอนอะไรในใจคงไม่ถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นขนาดนี้
พี่อากาศคนรักแสนใจดีเดินลงไปส่วนครัวอย่างรวดเร็ว เอานมสดในตู้เย็นรินใส่ถ้วยใบหนาแล้วอุ่นในไมโครเวฟจนส่งกลิ่นหอม
ระหว่างรอก็หยิบปากกาสีเขียวด้ามเดิมกับกระดาษมาลงมือเขียนการ์ดใบน้อยที่ไม่ได้ส่งถึงมือคนรักที่น่ารักที่สุดในสายตาพี่เขามานานอีกครั้ง
“แม้จะมีขวากหนามในวันหน้า แม้เวลาจะบังคับให้ห่างเหิน
แม้จะมีกำแพงหนาขวางทางเดิน แม้เผชิญลมพายุมากล้ำกราย
จะรัดรึงขึงขืนไม่ลื่นหลุด จะยื้อยุดฉุดโฉมละโลมหมาย
จะพาดพันกระสันสวาทไม่คลาดคลาย จะรั้งเจ้าไว้แนบกายไม่ปล่อยมือ”พี่อากาศกลับขึ้นมาบนห้องนอน ก็พอดีกับไอ้หนูป่วนยอมเปิดประตูโผล่หน้าออกมาจากการจำศีลในห้องน้ำ
พี่เขาจัดแจงวางของที่ถือขึ้นมาไว้บนโต๊ะทำงาน แล้วเดินไปจูงมือไอ้คนคิดมากมาส่งให้นั่งลงบนเตียง
พอไอ้หนูป่วนมันอ้าปากจะถาม พี่อากาศก็ยกนิ้วชี้แตะที่ปากเบาๆเป็นเชิงห้ามว่าอย่าเพิ่งพูดอะไร
เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานอีกครั้งแล้วยกถ้วยนมสดอุ่นๆมาส่งให้ถึงที่ บังคับให้ดื่มเสีย
พอไอ้หนูป่วนมันทำตามแล้วพี่เค้าก็ยื่นการ์ดแผ่นน้อยส่งให้
ไอ้หนูป่วนมันอ่านข้อความในการ์ด อ่านซ้ำไปซ้ำมาอยู่สักพัก ก็เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้พี่เขาทั้งน้ำตาที่เริ่มเอ่อขึ้นมาอีกครั้ง
พี่อากาศส่งยิ้มละไมไปให้พร้อมกับเริ่มบอกรักด้วยภาษากายอีกครั้งในรอบสองสัปดาห์
สองคนกอดก่ายกันแนบแน่นหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
ก่อนจะหลับใหลไปด้วยความเหนื่อยอ่อนและง่วงงุน ตัวป่วนมันก็ยังมีสติพอจะได้ยินคำกระซิบสัญญาที่ข้างหู
“พี่สัญญานะครับ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นยังไง จะเกิดอะไรขึ้น พี่จะไม่ปล่อยมือจากป่วนแน่นอน”...................................
...................................
..โปรดติดตามตอนต่อไป..
ด้วยความที่กลับมาอ่านแล้วเกิดไม่แน่ใจค่ะ ว่าสมัยนี้เด็กๆได้เรียนได้อ่านเรื่องอิเหนากันบ้างรึเปล่า(บ่งบอกว่าตัวเองแก่มากๆ)
เลยกลัวคนอ่านจะไม่เข้าใจว่าจินตะหรานี่เป็นใครยังไง ทำไมตัวป่วนมันถึงไม่อยากเป็น
อธิบายสั้นๆนะคะว่าเรื่องนี้ พระเอกชื่อระเด่นมนตรี(ชื่อเล่นอิเหนา) พบรักแบบรักแรกกับนางจินตะหราวาตี(คนที่พูดกลอนแรกของตอนนี้ออกมา)
แรกรักก็รักมาก สัญญาโน่นนี่ว่ารักแต่เธอรักแต่เธอ ก็นะ ไม่ได้แต่งงานหรืออะไรทั้งสิ้นแต่ก็มีอะไรๆกันไปแล้ว
จนทางอีกเมืองหนึ่ง(เมืองของนางเอก)เกิดเรื่อง อิเหนาเลยถูกเรียกตัวให้ไปช่วยรบ
ก็ปรากฏว่าไปเห็นหน้านางเอกเข้าก็เลยไปหลงรัก แถมคราวนี้รักจริงหวังแต่งงานสุดๆ
หลังจากนั้นอิเหนาก็พานางเอกหนี แบบว่าลักพาตัวออกจากเมือง ลืมนางจินตะหราเธอไปสนิทเลย
ไม่เคยมีการส่งข่าวคราวใดๆ นางจินตะหราก็เฝ้าแต่คอย เฝ้าแต่คิดถึงไป นี่แหละค่ะ...เรื่องย่อส่วนที่ถ้าคนอ่านทราบจะเข้าใจตอนนี้มากขึ้น
................
(แอบบอกอย่างอายๆ ตอนนี้เอามาจากคนเขียนเองแหละค่ะ เพราะคนเขียนบ่อน้ำตาแตกกับกลอนบทนี้มาแล้ว หงิงๆ)