เฮ้อ......ในที่สุดตอนนี้ก็เสร็จเสียที
ด้วยความที่เนื้อหาเยอะค่ะ แล้วก็อยากใส่ให้ทั้งหมดนี้อยู่ในตอนเดียวกันด้วย
คนเขียนเลยเสียเวลาเขียนไปแก้ไปอยู่นานเลย
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและเข้ามาเมนท์นะคะ ขอโทษที่มาช้าด้วยค่ะ

.....................
.....................
ตอนที่๔๒ “ผมจะทำให้ดีที่สุด”“ฟ้าจะมาอยู่กี่วันลูก กลับพร้อมตัวเล็กเลยรึเปล่า?”
“ผมอยู่ได้แค่สามวันครับ ต้องกลับไปพบอาจารย์ แล้วหลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับมารับตัวป่วน”
“อืม งั้นวันนี้มาเหนื่อยๆเดี๋ยวอาบน้ำนอนเนอะ ฟ้านอนกับปุ่นนะ เหมือนว่าจะรุ่นเดียวกันนี่”
“ครับ รุ่นเดียวกันเลย ยังคิดอยู่ว่าเคยเจอกันตอนเรียนแน่ๆ”
“แล้วนุ่นล่ะลูกนอนห้องพี่ปิ่นคนเดียวได้มั้ย? เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ปิ่นมาถึงก็ไม่ต้องนอนคนเดียวแล้ว”
“ตัวป่วนล่ะคะนอนไหน? ความจริงนุ่นนอนกับตัวป่วนก็ได้”
“จะดีเหรอลูก?”
“ค่ะ/อื้ม” เพื่อนรักเพื่อนเลิฟสองคนมันตอบรับคำแทบจะพร้อมกันเชียว
“คือว่านุ่นนอนกับป่วนได้ค่ะ เคยนอนด้วยกันมาแล้ว เพื่อนกัน ไม่ทำอะไรแปลกๆกันหรอกค่ะแม่ อีกอย่าง.......ตัวป่วนมันไม่สนใจใครหรอกค่ะนอกจากพี่ฟ้า”
“ไอ้นุ่น!!”
“อืม......เรื่องนี้ก็ด้วย พรุ่งนี้เราสองคนต้องมีเรื่องคุยกับแม่อีกเยอะนะ ป่วน ฟ้า”
“ครับคุณแม่”
..................................
..................................
พี่อากาศไปเกาะประตูส่งคุณแฟนเข้านอนเรียบร้อยก็เดินกลับเข้ามาในห้อง เจอพี่ปุ่นที่นั่งเล่นเกมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ พอพี่ปุ่นแกส่งยิ้มมาให้ พี่อากาศแกก็ส่งยิ้มกลับแล้วเดินไปทรุดตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนบนที่นอนปิกนิกที่พี่ปุ่นจัดการปูไว้ให้เรียบร้อย ว่าแล้วก็ตีซี้พี่แฟนสักหน่อย
“ปุ่นรหัส37รึเปล่าครับ?”
“อื้ม แต่ฟ้าไม่ต้องมาครับกับผมหรอก รุ่นเดียวกันนี่ แถมผมยังคุ้นหน้า ฟ้ามีเพื่อนอยู่แพทย์ใช่มั้ย?”
“ใช่ๆ เราเคยไปหาเพื่อนที่ห้องบรรยายตึกใหม่แล้วก็เคยไปนั่งกินข้าวที่โรงอาหารใกล้ๆหอแพทย์ตั้งหลายครั้งด้วย”
“มิน่าถึงได้คุ้นหน้า เพื่อนฟ้าชื่ออะไรล่ะ?”
“กิมกับใหญ่ ชื่อจริงไอ้กิมก็วิเศษ ส่วนไอ้ใหญ่..”
“วิเศษกับโอฬาร”
“รู้จักจริงๆด้วย สองคนนั้นเพื่อนเราตั้งแต่ม.ต้นเลยนะ”
“ฮ่าๆๆๆ รู้จักสิ ที่จริงก็รู้จักกันทั้งรุ่นอยู่แล้ว แต่สองคนนี้พิเศษหน่อย เพราะเคยมาทำท่าจีบเราทั้งคู่”
“ฮ้า??? ทั้งสองคนเลยเหรอ?”
“อืม....แต่เราไม่อะไรด้วยไง เราชอบผู้หญิงน่ะ เลยกลายเป็นเพื่อนกึ่งๆจะสนิทกันไปแทน”
“เพื่อนกึ่งๆจะสนิทงั้นเหรอ?”
“ช่ายยยยยย ก็ไม่เชิงว่าอยู่กลุ่มเดียวกัน แต่ก็ถือว่าคุยกันบ่อยๆไง แล้วก็ยังคุยกันตลอด”
“อืมๆเราไปหาพวกมันสองตัวที่แพทย์บ่อยๆอ้ะ เพราะรุ่นเราทั้งห้องเอนท์ติดที่เดียวกันแค่สามคนนี่แหละ แล้วเผอิญสนิทกันอยู่แล้วด้วย”
“ฟ้า........”
“หืม?”
“รักน้องเราจริงรึเปล่า?”“จริงสิ เรารักตัวป่วน รักมาก”
“แล้วจะจริงจังกับน้องเราแค่ไหน?”
“ถ้าแต่งงานได้เราก็จะทำอย่างนั้น เรารักตัวป่วนแล้วก็อยากจะใช้ชีวิตร่วมกับน้องให้นานที่สุด”
“ได้ยินจากปากอย่างนี้เราก็สบายใจ เราก็รู้ตลอดนะว่าฟ้าพาน้องเราไปบ้านเจอพ่อแม่มาแล้ว แต่ถ้าไม่ได้ยินจากปากก็ไม่มั่นใจอยู่ดี น้องใครใครก็รัก แล้วยิ่งตัวเล็กมันเป็นน้องเล็กเป็นลูกหลงอายุห่างจากเราตั้งเจ็ดปีด้วย ทั้งบ้านเราเลยยิ่งเป็นห่วงมาก เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน ป่วนมันก็เป็นไอ้ตัวเล็กของบ้านเราอยู่ดี”
“เรารู้ว่าแค่คำพูดมันพิสูจน์อะไรไม่ได้ แต่ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เถอะนะว่าเราจริงจังกับตัวป่วนแค่ไหน”
“ตกลง”
................................
................................
###กริ๊งงงงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงง###“ครับ? .......ฮะ ตอนนี้เนี่ยนะ........อืมๆ.......ได้ๆ ทะเลาะกับพี่เทพอีกอะดิ............อืมมมมมม เจอกันๆ”
เสียงพี่ปุ่นของไอ้หนูป่วนลุกขึ้นมารับโทรศัพท์แต่เช้า ส่วนไอ้พี่อากาศของไอ้หนูป่วนน่ะเรอะ
ก็นี่ไง ผุดลุกขึ้นนั่งบนฟูกตั้งแต่ได้ยินเสียงโทรศัพท์กริ๊งแรกแล้ว
“ฟ้านอนต่อเหอะ เดี๋ยวเราต้องไปรับพี่ปิ่นที่เชียงใหม่อ้ะ”
พูดเสร็จไม่รอคำตอบพี่ปุ่นแกก็คว้าผ้าเช็ดตัวเดินออกจากห้องไปทันที
พี่อากาศมองนาฬิกาเห็นว่าอีกสิบห้านาทีเจ็ดโมงเช้าก็เลยตัดสินใจลุกขึ้นอีกคน จัดการพับเก็บที่หลับที่นอนไปวางไว้ชิดผนังด้านหัวนอน
แล้วเลยหยิบผ้าเช็ดตัวของตัวเองเดินตามออกไปนั่งรออยู่หน้าห้องน้ำ
ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำพอพี่ปุ่นแกเดินออกมาพี่อากาศแกก็เดินสวนเข้าไป
“อ้าว!!”
“ตื่นแล้วน่ะ เราไปเป็นเพื่อนด้วยดีกว่า”
“โอเค”
เช้านี้ไอ้หนูป่วนมันตื่นขึ้นเพราะเสียงปลุกจากนกน้อยไม่ต่ำกว่าสิบตัว ที่มาแข่งกันส่งเสียงเจื้อยแจ้วอยู่บนต้นชมพู่พุ่มใหญ่สูงท่วมหลังคาบ้านไม้สองชั้นนี่เสียอีก
พอโงหัวขึ้นมาจากที่นอนได้มองด้านข้างที่ไอ้เพื่อนนุ่นมันนอนอยู่ด้วยกันเมื่อคืนก็ว่างเปล่าเสียแล้ว
มันก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปเกาะขอบหน้าต่างส่งเสียงผิวปากคุยกับนกเหมือนส่งภาษากันรู้เรื่องเสียอย่างนั้น
พอรู้สึกว่าตัวเองตื่นเต็มที่แล้วไอ้หนูป่วนก็เดินไปล้างหน้าแปรงฟัน เรียบร้อยก็หอบท้องว่างๆลงไปชั้นล่างทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอนนั่นแหละ
“ไง ตัวเล็ก?”
“พี่ปิ่นนนนนนนนน”ไอ้หนูป่วนพุ่งเข้าใส่พี่สาวคนสวยที่นั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ใต้ถุนบ้านทันที
“เฮ้ย เบาๆดิตัวเล็ก เดี๋ยวนี้ตัวจะโตกว่าพี่แล้วนะ พอเลย เลิกซุกก่อน มีคนจะแนะนำให้รู้จัก”
“คน? ใครอ้ะพี่ปิ่น?”
พี่ปิ่นของไอ้หนูป่วนคว้ามือน้องชายคนเล็กแตะลงกับหน้าท้อง ที่ต่อให้แตะไปแล้วก็แทบจะไม่รู้สึกถึงความต่างจากเมื่อก่อนเลยสักนิด
“ฮ้า!! พี่ปิ่น จะมีหลานให้ป่วนแล้วเหรอ?”
“อื้ม”
“โอ๊ยๆๆ ดีใจอ้ะ แม่รู้ยัง แม่ๆๆๆ พ่อๆๆๆๆๆ จะมีหลานแล้วรู้กันรึยัง?”
“หึๆๆๆ รู้กันทั้งบ้านแล้ว.....”แค่นั้นแหละ แค่เสียงตอบกลั้วหัวเราะจากพี่อากาศของมันเท่านั้นแหละ ไอ้หนูป่วนมันก็หยุดทั้งเสียงทั้งอาการโวยวายแต่เช้าไว้ได้ทั้งหมดทันที
หันไปมองหน้าพี่อากาศแล้วทำตาโต แล้วถึงกวาดสายตาไปรอบๆมองหาว่ายังมีใครอยู่ตรงนี้อีกรึเปล่า
พอเห็นว่าไม่มีใครแล้วเลยหันไปส่งยิ้มแหยๆให้คุณแฟนของตัวเองที่นั่งอมยิ้มแก้มตุ่ยหลังพิงเสาเรือนปล่อยให้ขาเหยียดออกมาเต็มความยาว
“พี่ปิ่น มาถึงเมื่อไหร่อ้ะ?”
“ก่อนเก้าโมงนิดๆน่ะ”
“แล้วมาได้ไง? พี่เทพล่ะ?”
“ก็กลับจากไฟลท์จากนาริตะพี่ก็ขึ้นเครื่องจากกรุงเทพมาเลย ถึงเชียงใหม่เกือบๆแปดโมง สักพักปุ่นกับฟ้าก็ไปรับ”
“พี่ฟ้าอ้ะนะ? แล้วพี่ฟ้าไปด้วยได้ไง?” ตัวป่วนมันหันหน้าไปมองหน้าคุณแฟนตัวเองตาโตเชียว
“ก็ก่อนขึ้นเครื่องจากกรุงเทพพี่โทรเรียกปุ่นไง เห็นมาสองคนก็กะแล้วว่าอีกคนต้องเป็นน้องเขย ฮ่าๆๆๆๆ”
“แล้วพี่ปุ่นไปไหน?”
แหมๆๆ มันรีบถามเปลี่ยนเรื่อง อายก็บอกไปตรงๆก็ได้ จนขนาดนี้แล้วยังอุตส่าห์จะอายอีกเนอะ
“ไปนอนต่อแล้วครับ”
คราวนี้เสียงตอบกลับดังจากปากพี่อากาศที่ฟังไอ้หนูป่วนมันจ้อกับพี่สาวคนโตเพลิน
ได้ยินอย่างนั้นตัวป่วนมันก็ผละจากการเกาะติดพี่สาวก้าวเข้าไปหาคุณแฟน
ย่อตัวลงนั่งยองๆข้างๆแล้วเอื้อมไปจับมือของพี่อากาศที่มองตามการกระทำของคุณแฟนแล้วก็เอาแต่อมยิ้มไว้ กระซิบเบาๆให้พอได้ยินแค่สองคนออกมา
“แล้วทำไมพี่ฟ้าไม่ไปนอนต่อบ้าง....เมื่อวานก็ขับรถตั้งหลายชั่วโมง แถม...แถมคืนก่อนยังแทบไม่ได้นอนด้วย.....มานั่งอยู่ทำไม?”
“ก็พี่นอนอิ่มแล้ว อีกอย่างคิดถึงแฟนด้วย เมื่อคืนได้แค่เดินไปส่งหน้าห้อง จะขอหอมแก้มสักฟอดยังไม่กล้าเลย นี่ถ้าขืนขึ้นไปนอนต่อ ก็อดเจอตัวป่วนเร็วๆน่ะสิ”พี่อากาศบ้า ทำหน้านิ่งเหมือนไอ้ที่เพิ่งพูดออกไปเป็นบทสนทนาเรื่องดินฟ้าอากาศ
แต่สายตาที่มองตัวป่วนมันน่ะ ปิดยังไงก็ปิดไม่มิดหรอกเน้อ พี่ปิ่นแกเห็นรัศมีสีชมพูสะท้อนเข้าตาเต็มๆไปแล้ว
แล้วก็นะ ถึงพี่อากาศแกจะมีความสามารถในการเก็บอาการและปั้นหน้านิ่งแค่ไหนก็เถอะ
ปฏิกิริยาของไอ้หนูป่วนที่แสดงออกมาทันทีมันก็บอกหมดแล้วล่ะ ว่าไอ้ที่คุยกันหงุงหงิงเมื่อกี้มันต้องไม่ธรรมดา
พี่ปิ่นได้มาเห็นแบบนี้ก็เข้าใจแล้ว ว่าไม่ใช่แค่คนมาสมัครเป็นน้องเขยที่ตกหลุมรักน้องชายคนเล็กของตัวเองจนไม่มีอาการรำคาญสักนิด ทั้งๆที่ถูกซักฟอกคาดคั้นมาตลอดทางเกือบสี่สิบนาทีที่นั่งรถกลับจากสนามบินเชียงใหม่ แถมยังเต็มใจตอบทุกคำถามอย่างใจเย็นที่สุด
แต่ว่าไอ้ตัวเล็กน้องชายสุดที่รักก็ไม่ต่างกัน นี่ไอ้ตัวเล็กมันจะรู้ตัวบ้างรึเปล่า ว่าตัวเองแสดงออกชัดเจนแค่ไหนว่ารักผู้ชายคนนี้เข้าแล้วทั้งใจ
มื้ออาหารเช้าจบไป พร้อมกับการซักฟอกผู้มาสมัครเป็นลูกเขยคนเล็กของบ้านเริ่มขึ้นอีกครั้ง
และครั้งนี้ผู้ทำหน้าที่พิพากษาและคณะลูกขุนอยู่กันพร้อมหน้า
แต่พยานอย่างไอ้เพื่อนนุ่นกลับนึกสนุกอยู่ในใจ ก็มันเห็นชัดเจนอยู่แล้วนี่นาว่าคดีนี้ไม่มีจำเลย
ต่อให้พิพากษายังไงก็ไม่มีใครต้องรับโทษอยู่ดี
แถมลูกขุนสองคนยังแอบพาตัวเองไปอยู่ข้างพี่อากาศคนถูกซักฟอกเรียบร้อยแล้วด้วย
ก็จะไม่ให้พี่ปิ่นกับพี่ปุ่นถือหางพี่อากาศแกได้ยังไง ในเมื่อคำถามที่พ่อกับแม่ป้อนใส่พี่อากาศอยู่ตอนนี้มันก็เป็นคำถามชุดเดียวกันกับที่พี่ทั้งสองได้ถามไปแล้ว
แล้วพี่อากาศของไอ้หนูป่วนมันก็ตอบเหมือนเดิมทุกครั้ง อันนี้พี่ปุ่นแกยืนยันได้ เพราะแกอยู่ด้วยทุกครั้งที่พี่อากาศถูกถามนี่นา
ส่วนไอ้คนไม่มีหน้าที่อะไรนอกจากคอยเป็นกำลังใจให้คนถูกซักก็นะ นอกจากคอยส่งสายตาบอกว่าเอาใจช่วยแล้วก็ได้แต่นั่งบิดจนแทบจะเป็นเกลียว เขินมันเข้าไป หน้าแดงมันเข้าไป
ก็คำถามแรกมันเป็นแบบเดียวกันทุกครั้งเลยน่ะสิ....
“ฟ้า....รักป่วนจริงรึเปล่า?” แล้วพี่อากาศแกก็ตอบได้เหมือนเดิมเด๊ะๆไม่มีตกหล่นสักคำ คำถามดำเนินไปเรื่อยๆ ตั้งแต่แล้วทางบ้านของพี่อากาศแกคิดยังไง รับเรื่องนี้ได้แค่ไหน
ไปจนถึงฐานะทางบ้าน วุฒิการศึกษา นิสัยส่วนตัว ความชอบ/ไม่ชอบ
เรื่อยไปจนเหมือนว่าพ่อกับแม่ของตัวป่วนจะไม่หมดคำถามง่ายๆจนกว่าจะได้เวลาอาหาร
“แล้วฟ้าคิดว่าจะจัดการยังไงกับอนาคต?”“ผมยังตอบแบบเป็นรูปเป็นร่างไม่ได้ครับพ่อ ผมมั่นใจแค่ว่าผมกับป่วนจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าพ่อกับแม่ห่วงเรื่องปากท้องยิ่งไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมมีเงินเก็บส่วนหนึ่ง ผมยอมรับว่ามันไม่มากนัก แต่ผมยังมีหุ้นอยู่นิดหน่อย....”
“พอๆฟ้า พ่อไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอก พ่อรู้ว่าฟ้าพอมีฐานะ อีกอย่างพอป่วนเรียนจบ ลูกชายพ่อมันก็ทำงานแน่นอน ไม่ยอมอยู่เป็นแม่บ้านให้ฟ้าต้องหาเลี้ยงคนเดียวหรอก”
“ใช่จ้ะ แค่ได้เห็นว่าฟ้าพูดอะไรพูดจริง ไม่ให้สัญญาเกินตัวกับสิ่งที่ยังไม่มั่นใจนี่แม่ก็พอใจแล้ว แต่แม่ยังติดใจเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไรหรือครับ?”
“ฟ้าบอกว่าพอเรียนจบโท แล้วจะทำงานเป็นนักวิจัย เท่าที่แม่รู้ ทำวิจัยทางภาษาแบบนี้จะต้องเดินทางไกลบ่อยๆใช่มั้ย แล้วถ้ามีคราวไหนต้องไปไกลๆนานเป็นเดือน อย่างนี้ฟ้าคิดว่าป่วนมันจะเป็นยังไง?”
“เป็นเดือนเลยเหรอ?” เสียงไอ้ตัวทำหน้าที่ให้กำลังใจคนถูกซักฟอกดังแทรกขึ้นมา พร้อมกับแววตาบรรจุคำถามจับจ้องไปที่ดวงตาของพี่อากาศ
“นี่ไง ไอ้ตัวเล็กของแม่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอนาคตต้องเจอกับอะไรบ้าง แม่รู้นะว่าเราสองคนรักกันมาก แล้วก็มีอะไรๆลึกซึ้งกันไปแล้ว”
“ครับ/แม่!!”“ตกใจอะไรไอ้ป่วน ใครเห็นท่าแกกะพี่ฟ้าก็ต้องเดาได้ทั้งนั้นแหละ เงียบๆไว้”
ส่วนนี่ก็เสียงกระซิบกระซาบจากเพื่อนนุ่นผู้สังเกตการณ์ ที่ตอนนี้ทำหน้าที่ให้กำลังใจไอ้หนูป่วนมันอีกต่อ
“ลูกชายแม่ติดฟ้ามากนะ ฟ้าคิดว่าถ้าเวลาที่ฟ้าต้องไปไกลจากน้องจริงๆ แม่เคยรู้มาบางทีนานกว่าเดือนอีก ถึงตอนนั้นฟ้าจะทำยังไง?”
“เอ่อ........ผม....ผมสองคนจะติดต่อกันทางอื่นครับ โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต ผมรู้ว่ายังไงมันก็ไม่เหมือนที่เราได้เจอกัน ได้มองหน้า ได้สัมผัสกัน
แต่ผมก็จะพยายาม จะทำให้ดีที่สุด เพราะยังไงผมก็ไม่มีวันปล่อยมือจากตัวป่วน ยังไงผมก็จะพยายามรักษาความสัมพันธ์ของเราสองคนเอาไว้ให้ได้”ท้ายประโยคนี้พี่อากาศไม่ได้มองตรงไปที่พ่อกับแม่ของไอ้หนูป่วนมันแล้ว
แต่กลับส่งสายตาปลอบโยนไปให้ไอ้ตัวเล็กที่นั่งหน้าซีดหน้าเซียวอยู่กับพื้นข้างเก้าอี้ของพ่อมันแทน
พี่อากาศแกอยากขอโทษที่ไม่เคยแย้มให้ไอ้หนูป่วนมันรู้สักนิดว่าต่อไปจะเป็นยังไง จะบอกว่าเพราะพี่เขาเห็นแก่ตัวก็คงได้
ก็เพราะที่ลาออกจากงานธนาคารก็เพราะเบื่อกับการอยู่กับที่ ทำงานอยู่บนโต๊ะแบบเดิมๆทุกวัน
อยากออกเดินทาง ถ้าได้ไปไกลๆ เปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆคงไม่ต้องทนกับความน่าเบื่อเหมือนที่เคยอีก.....
“ถ้าตัวป่วนรับได้กับสิ่งที่ฟ้าพูดมา แม่กับพ่อก็รับได้ เพราะแม่ก็เชื่อว่าทุกคำที่ฟ้าพูดมา เป็นสิ่งที่ฟ้าตั้งใจจะทำให้มันเป็นจริง ว่าไงตัวเล็ก แม่กับพ่อจะรับพี่ฟ้าของเราเป็นลูกเขยแล้วนะ ตัวเล็กจะโอเคมั้ย?”
แล้วทั้งๆที่ยังหน้าซีดหน้าเซียวอยู่อย่างนั้น พอได้สบสายตาอบอุ่นจากพี่อากาศไอ้หนูป่วนมันก็ยิ้มออกมาจนได้
“ว่าไงตัวเล็ก?”
“รับเป็นลูกเขยก็ดีนะแม่ ตอนแรกป่วนยังคิดเลยว่าถ้าต้องเป็นฝ่ายไปขอ พ่อจ๋าแม่จ๋าจะคิดค่าสินสอดเท่าไหร่ นี่เราไม่ต้องไปขอแล้วก็สบายดีนะแม่นะ”
“ฮ่าๆๆๆๆ หัวแหลมมากๆตัวเล็ก”
“หึๆๆตัวป่วนมันสมกับเป็นลูกพ่อจริงๆ”
“ขอบคุณมากนะครับพ่อ แม่ ที่ไว้ใจผม แล้วก็ขอบคุณพี่ปิ่นกับปุ่นด้วย....... ตัวป่วน ขอบคุณนะครับที่รักพี่....”...............................
...............................
สามวันผ่านไปโดยไม่มีอะไรแตกต่าง ยกเว้นก็แต่หลังจากวันซักฟอก พี่เทพ พี่เขยของไอ้หนูป่วนก็ขับรถมาบีบแตรเรียกหน้าบ้านแต่เช้ามืด
ได้ความว่าพี่ปิ่นหนีมาบ้านทันทีหลังกลับจากญี่ปุ่นเพราะงอนที่ทั้งๆที่นัดไว้แล้ว ว่าพี่เทพจะมารอรับที่สนามบินแล้วค่อยมาบ้านพ่อกับแม่ด้วยกัน
แต่พี่เทพกลับติดนัดกับลูกค้ารายใหม่กะทันหัน
พี่ปิ่นพอเห็นพี่เทพตามมาง้อก็เลยหายงอนมันง่ายๆอย่างนั้นเอง แถมจัดการลากตัวไปล้างมือล้างหน้า เข้าครัวแต่เช้าทำอาหารเช้าบริการคุณสามีด้วยตัวเองอีกต่างหาก
พอน้องๆแซวว่าหายงอนเร็วไปมั้ยพี่ปิ่นแกเลยอ้างฮอร์โมนไปโน่น
“โห.....พี่ปิ่นขา ไหนว่างอนพี่เทพนักไงคะ แล้วทำไมหายง่ายอย่างนี้ล่ะพี่ ไม่กะกั๊กให้นุ่นได้ลุ้นหน่อยเลยเหรอ?”
“น้องนุ่น น้องนุ่นจำไว้นะคะ บางครั้งเนี่ย เราก็ต้องงอนบ้างก็จริง ชีวิตคู่มันจะได้มีรสชาติ แต่ห้ามงอนนาน เพราะถ้าเรางอนนาน อีกฝ่ายเบื่อจะง้อขึ้นมา ทีนี้แหละ ฝ่ายที่เหนื่อยก็จะกลายเป็นเราเองนะคะ ต้องตามง้อเขาแทน ทั้งเหนื่อย แถมเสียฟอร์มด้วย”
“ฮ่าๆๆๆ เข้าใจแล้วค่ะ นุ่นจะจำไว้เป็นบทเรียนนะคะ แหม..ถ้าคิดจะงอนแป๊บเดียวอย่างนี้ไม่งอนตั้งแต่แรกจะดีกว่ามั้ยเนี่ย”
“ก็ใครว่าพี่ตั้งใจงอนล่ะ ปกติพี่ขี้งอนที่ไหน นี่ต้องเป็นเพราะฮอร์โมนแปรปรวนแล้วก็อารมณ์คนท้องแน่ๆเลย ไม่เชื่อถามพี่เทพสิ”
“จริงเหรอคะพี่เทพ ปกติพี่ปิ่นไม่งอนง่ายๆเหรอ?”
“หึๆ ไม่ง่ายหรอกน้องนุ่น แต่ง่ายมากกกกกกกกก”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
เสียงหัวเราะของคนรุ่นลูกดังก้องไปทั่วทั้งลานบ้าน ในขณะที่บนชานเรือนชั้นสอง พ่อกับแม่จับตามองความเป็นไปของลูกๆด้วยความสุขเต็มหัวใจ
แม่น่ะเลิกคิดเรื่องจะหาคู่ให้ลูกชายคนกลางไปแล้ว เพราะก็เห็นอยู่ว่าเพื่อนลูกคนเล็กที่หมายมั่นไว้ในใจไม่ได้มีท่าทีอะไรกับลูกชายเลย
ส่วนพ่อที่เข้าอกเข้าใจก็ได้แต่ปลอบไปตามเรื่อง
“แม่.......หาให้ไปก็เท่านั้นแหละ คิดดูสิ ถ้าลูกไม่รักกันเอง ลูกจะมีความสุข จะยิ้มได้อย่างตอนนี้มั้ย ดูตัวป่วนสิ ตอนแรกพ่อได้ยินว่าลูกชอบผู้ชาย พ่อถึงกับเป็นลม แต่พอได้มาเจอแบบนี้ พ่อว่าไอ้ตัวเล็กของเรามันเลือกคนไม่ผิดจริงๆนะแม่ ส่วนไอ้ตัวโตนั่น....ตอนแรกแม่กับพ่อก็ไม่ชอบขี้หน้าลูกเขยใหญ่นี่นะ ห่วงว่าท่าทางดูเจ้าชู้ ดูเกเร แล้วเป็นไงล่ะ ตั้งแต่วันแรกที่ปิ่นพามาบ้าน จนตอนนี้ผ่านไปสิบปีแล้ว สองคนเขายังรักกันดี ยังไม่มีวี่แววว่าลูกเราจะต้องเสียใจเลย แถมกำลังจะมีหลานเล็กให้เล่นอีกต่างหาก เพราะงั้นเราก็ลองไว้ใจลูกอีกคน รอจนกว่าเขาจะเจอคนของเขาเองดีกว่า แม่เห็นด้วยกับพ่อมั้ย?”
“เฮ้อ........เห็นด้วยอย่างไม่มีขอโต้แย้งเลยล่ะจ้ะ”..................................
..................................
“พี่ฟ้า ขับรถดีๆนะ ถ้าเหนื่อยหรือง่วงต้องหยุดพักทันทีรู้มั้ย?”
“ครับ ตัวป่วนอยู่ทางนี้ก็อย่าเล่นซนให้มากนะ กลางวันแดดจัดๆออกไปข้างนอกก็อย่าลืมใส่หมวกด้วย”
“อื้ม.....พี่ฟ้า แวะจอดที่ไหนก็โทรบอกผมเรื่อยๆโอเค้?”
“ได้ๆ พี่จะโทรหาทุกครั้งที่แวะพักเลย ตัวป่วนอย่าเพิ่งไปเที่ยวเชียงใหม่กับพวกแผนนะ รอพี่มาก่อนนะครับ แล้วอย่านอนดึกเกิน พี่จะโทรมาเช็คทุกคืน โกหกไม่ได้รู้มั้ย”
“แหมๆๆ ผมไม่หนีเที่ยวหรอกน่า พี่ฟ้าแหละ อยู่กรุงเทพคนเดียว ห้ามไปเที่ยวนะ แต่....ถ้าอยากไปก็ได้ แต่ต้องบอกผมก่อนนะ ห้ามไปโดยไม่ให้ผมรู้ด้วย”
“แน่นอนครับ ถ้าจะไปไหนตอนกลางคืนพี่ฟ้าจะขออนุญาตคุณแฟนก่อนทุกครั้ง แล้วก็...ห้ามคิดถึงพี่จนกินน้อยล่ะ พี่ฟ้ากลับมาจะจับชั่งน้ำหนัก ถ้าหายไปแม้แต่ขีดเดียวจะถูกลงโทษเข้าใจมั้ยคนเก่ง?”
“.......อื้ม.......”
อ้าว นึกว่าจะสั่งเสียกันต่อ พี่อากาศแกไปสะกิดต่อมเขินรึต่อมใบ้ของไอ้หนูป่วนหว่า จู่ๆมันถึงได้เงียบกะทันหันแบบนี้
“พี่ฟ้าอยากได้จุ๊บลาน่ะ ขอหน่อยสิครับ”
ไอ้หนูป่วนย่นจมูกใส่คุณแฟนที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย แต่เปิดกระจกสั่งเสียไม่ยอมออกรถเสียทีไปทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้
แล้วก็จัดการหันซ้ายหันขวาล่อกแล่ก ก่อนจะยื่นหน้าไปแตะจูบเบาๆที่ข้างแก้มคนตัวโตขี้อ้อนอย่างรวดเร็ว
พอจะหดหัวถอยหน้าออกมาพี่อากาศก็จัดการหันหน้ามาแตะจูบลงที่ริมฝีปากแดงๆนั่นอย่างรวดเร็วโดยไม่พลาดเป้าสักนิด
แล้วขณะที่ไอ้หนูป่วนมันตกใจกลัวใครมาเห็นเข้านั่นแหละ
พี่อากาศก็ถือโอกาสกระซิบสั่งประโยคสุดท้ายก่อนจะปล่อยเบรกนำรถออกจากบ้านพ่อตาแม่ยาย
“พี่ห้ามขาดไม่ให้ตัวป่วนไปเผลอทำตัวน่ารักเรี่ยราดนะครับ พี่หวง”.......................................
.......................................
..โปรดติดตามตอนต่อไป..