[19]
“ทำไมบีไม่โกรธพี่หละ” ผมถามด้วยความสงสัย ในเช้าวันหนึ่งของสัปดาห์ต่อมาหลังเกิดเรื่อง
“โกรธเรื่องอะไร” บีหันมามองหน้าผมด้วยแววตาเศร้าๆ
“เรื่องที่พี่หายไปไม่ติดต่อเลย” ผมก้มหน้าเพราะไม่กล้าสู้หน้ากับบี
“พี่ใหญ่ว่าพี่เอรักผมไหม” บีถามคำถามแปลกๆออกมา ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“ไอ้เอก็ต้องรักบีอยู่แล้วหละ คนเป็นพี่ทุกคนก็ย่อมรักน้องของตัวเอง”
“แล้วพี่ใหญ่คิดว่า พี่เอจะเห็นผมเสียใจได้ไหมครับ”
ผมได้แต่มองหน้าบี และเหมือนบีคงรู้ว่าผมต้องการคำอธิบายเพิ่ม
“พี่เอเป็นคนบอกผมว่าทำไมพี่ถึงไม่ติดต่อมา ผมรู้ว่าพี่ต้องอดทนแค่ไหน เพราะแบบนี้ผมถึงต้องพยายามด้วยเช่นกัน พยายามที่จะไม่โทรหาพี่ ทั้งที่ใจมันคิดถึง”
“เสียใจไหมที่มาอยู่กับพี่”
ทุกวันของบีที่ผ่านไป มันไม่เคยมีรอยยิ้มให้ผมได้เห็นเลย แม้บีจะไม่พูด แต่ผมก็รู้ได้จากแววตาของบีที่แสดงให้เห็น การตัดสินใจของผมสองคนมันถูกต้องจริงๆแล้วหรือ ผมอดที่จะถามบีไม่ได้
“ผมรักพี่ใหญ่ครับ”
คำตอบที่ผมได้รับ มันอาจจะไม่ตรงกับคำถามนัก แต่มันก็ทำให้ผมต้องรับผิดชอบและดูแลคนรักของผมให้ดีที่สุด ให้สมกับที่เค้าตัดสินใจมาอยู่กับผม
“จะทำยังไงหละใหญ่” ผมกับพี่เอ่นั่งมองบี เพราะตอนนี้เจ้าตัวเอาแต่นั่งเหม่ออยู่คนเดียว
“ผมไม่รู้เหมือนกันครับพี่เอ๋” ผมสับสนเสียจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว
“ใหญ่รู้ใช่ไหมว่าน้องเป็นแบบนี้เพราะอะไร”
ผมรู้แน่อยู่แล้วครับว่าอะไรทำให้ไอ้ตัวเล็กของผมต้องเป็นแบบนี้ แต่ผมจะทำยังไงหละ ถึงจะแก้ปัญหานั้นได้
“ทุกอย่างมันต้องแก้ที่ต้นเหตุของมัน” พี่เอ๋พูดปลอบผม
“ผมควรจะทำยังไงดีครับพี่เอ๋ ผมควรจะต้องทำอะไร ทำยังไง” ผมยกมือขึ้นปิดหน้า เพราะตอนนี้สมองของผมมันสับสนไปหมด
ผมไม่ต้องการเห็นบีเศร้า แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้บียิ้มได้อีกครั้ง
“ความจริงใจ” พี่เอ๋พูดขึ้นมาลอยๆ ทำให้ผมต้องหันหน้าไปมอง
“ใหญ่ลองคิดดูเองแล้วกันนะ ว่าอะไรที่จะสื่อถึงความจริงใจของเราให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ไม่ใช่แค่บี แต่เป็นครอบครัวของบีด้วย”
“ดูแล้วยากนะครับ แต่ก็ต้องพยายาม” ผมก้มหน้ามองพื้น เพราะถึงเงยหน้ามองฟ้าก็คงไม่มีคำตอบอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นผมก็ไม่มีแรงพอจะเงยหน้ามาเจอใครเช่นกัน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ผมมาอยู่บ้านพี่ใหญ่ได้เกือบเดือนหนึ่งแล้ว ทุกวันพี่ใหญ่จะคอยดูแลอยู่ข้างผมเสมอ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมยิ้มออกมาได้เลย ผมยังไม่ลืมที่จะคิดถึงสิ่งที่ผมทำ ผมทิ้งคนในครอบครัว ทิ้งป๊ากับม๊าที่หวังในตัวผม ในเมื่อท่านต้องเป็นทุกข์แล้วตัวผมเองจะมีความสุขได้อย่างไร
ช่วงหลังๆมานี้ดูพี่ใหญ่จะเหนื่อยกว่าที่เป็นมา อาจจะเพราะต้องทำงานจนดึกดื่นด้วย แทบจะไม่มีวันไหนเลยที่พี่ใหญ่จะกลับบ้านก่อนสี่ทุ่ม หรือบางวันก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว ส่วนเสาร์อาทิตย์ที่เคยได้พักผ่อน ก็ยังต้องไปประชุมที่ต่างจังหวัดอีกต่างหาก ทำให้บางครั้งผมรู้สึกโดดเดี่ยวที่ต้องอยู่เพียงลำพัง เวลาที่อ่อนแอก็ไม่สามารถกอดใครให้อบอุ่นได้ หรือนี่คือบทลงโทษของผมที่ทำร้ายจิตใจบุพการี
“ว่ายังไงครับคุณพี่สะใภ้” ระหว่างที่ผมกำลังนั่งเล่นอยู่ในสนามหน้าบ้าน ก็มีเสียงกวนประสาทเข้ามา
“ไอ้เด็กขี้หวง มาได้ไงเนี่ย” ผมหันไปก็เจอกับน้ำที่ยืนยิ้มอยู่ข้างหลัง
“พอดีมีเจ้าชายโทรไปบอกอัศวินให้มาดูแลพี่สะใภ้หน่อย ผมก็เลยต้องรีบแจ้นมาจากเชียงใหม่ เพื่อมารับใช้ไงหละครับ” เจ้าเด็กน้ำโค้งตัวทำท่าคำนับให้ผม ทำให้ผมต้องยิ้มให้กับท่าทางนั้น
“น้อยๆหน่อยเรานะ อย่ามาเว่อร์” คนที่เหน็บเจ้าน้ำไม่ใช่ใครหรอกครับ ก็พี่ดิวนั่นหละ มาถึงก็ตบหัวเจ้าน้ำเบาๆทีหนึ่ง ทำให้เจ้าตัวชักสีหน้าทำหน้ามุ่ยใส่
“สวัสดีครับพี่ดิว” ผมเอ่ยทักพี่ดิว ซึ่งพี่แกก็รับไหว้ด้วยรอยยิ้ม
“เป็นไงเรา เห็นใหญ่มันบอกว่าเหงา” พี่ดิวเดินมาลูบหัวผมเบาๆ
“เปล่าหรอกครับ ก็แค่............คิดถึงบ้าน” ท้ายประโยคผมไม่สามารถพูดได้เต็มปากนัก เพราะตอนนี้ยังจะมีบ้านให้ผมกลับไปอีกไหม ผมก็ยังไม่รู้เลย
“ไม่เอาน่า........บีเชื่อใจใหญ่ไหม”
“เชื่อครับ” ผมตอบโดยไม่มีข้อสงสัยอะไรทั้งนั้น แม้ช่วงที่ผ่านมาผมต้องเหงา แต่ผมก็เชื่อใจพี่ใหญ่ว่าความรักของพี่ใหญ่ยังมีให้ผมเสมอ
“พี่ก็เชื่อเหมือนกัน ว่าใหญ่ต้องทำให้บีมความสุขอย่างแน่นอน” พี่ดิวกอดผมไว้ เหมือนเป็นการเติมพลังให้กับใจผม
“นี่ๆๆๆ แฟนผมนะ” เจ้าน้ำมาสะกิดที่หลังของผม พร้อมกับทำตาละห้อย
“แล้วมีปัญหาอะไร” พี่ดิวหันไปดุน้ำ
“เปล่าครับ ก็แค่หวง”
“หวงไม่เข้าเรื่อง......เออ อาทิตย์หน้าพี่จะชวนโกกับไอซ์มาด้วยนะ บีจะได้มีเพื่อนเยอะๆ” ถึงปากจะว่าน้ำ แต่ท่าทางก็บ่งบอกได้ว่าพี่ดิวกำลังเขินอยู่
“แล้วมากันแบบนี้ งานพี่ดิวไม่เป็นอะไรหรือครับ” ผมถามเพราะกลัวจะทำให้เป็นภาระของพี่ดิว
“เสาร์ – อาทิตย์พี่ว่าง ส่วนไอ้เด็กหน้างอนั่นสอบเสร็จแล้วว่างตลอด แต่พี่ต้องกลับวันอาทิตย์นะ เดี๋ยวให้น้ำอยู่เป็นเพื่อนเราแล้วกัน”
“จริงๆพี่ดิวไม่ต้องลำบากก็ได้นะครับ”
“เกรงใจหรือ?” พี่ดิวพูดทำนองถาม
“ครับ” ผมตอบได้แค่นั้น
“ทำไมต้องเกรงใจหละ บีก็เหมือนน้องพี่ ไอ้ใหญ่ก็เป็นเพื่อนพี่ แล้วพี่จะไม่ดูแลน้องได้ไง จริงไหม” รอยยิ้มและสัมผัสบนหัวผม ทำให้ผมรับรู้ถึงความอบอุ่น
“ขอบคุณครับ”
ช่วงเสาร์ – อาทิตย์นี้ถึงแม้พี่ใหญ่จะไม่อยู่เหมือนเคย แต่ผมก็ไม่รู้สึกเหงาเท่ากับทุกครั้ง เพราะยังมีไอ้เด็กขี้หวงมาคอยกวนประสาท มีพี่ดิวมาเติมความอบอุ่น มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย
“สวัสดีครับเฮีย” ผมต้องแปลกใจเพราะพี่เอไม่เคยโทรหาผมมาก่อน แต่นี่กลับโทรมาหาไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับคนที่บ้านผมหรือเปล่า
“รีบกลับบ้านด่วนเลยบี” เสียงพี่เอดูเป็นกังวลอย่างมาก ยิ่งได้ยินเสียงร้อนรนแบบนั้น ยิ่งทำให้ผมหวั่นใจ
“เกิดอะไรขึ้นกับที่บ้านหรือครับ” ผมถามด้วยความกังวล
“ที่บ้านไม่มีอะไรหรอก แต่.....ไอ้ใหญ่มันขับรถชน ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”
“ว่ายังไงนะครับพี่เอ!” ผมถามกลับไปด้วยความตกใจ ทำไมพี่ใหญ่ถึงขับรถชนเป็นอะไรไป แล้วทำไมต้องไปเข้าโรงพยาบาลแถวบ้านผม เกิดอะไรขึ้น...........................ไม่จริงใช่ไหม
มือถือของผมเริ่มร่วงหลุดออกจากมือ เพราะตอนนี้ผมไม่มีแรงจะถือมันไว้ เสียงพี่เอที่ดังแว่วมาให้ได้ยิน ไม่สามารถเรียกสติผมให้กลับมาได้เลย................พี่ใหญ่ พี่จะทิ้งผมให้อยู่คนเดียวหรือไงกัน
แวะไปให้กำลังใจ เค - จาด้วยนะครับ
เรื่อง ถ้าจะรัก.....ก็บอกมา ----> เงียบเหงามากเลย
เคกับจารอกำลังใจจากทุกคนนะครับ