ขอบคุณคนใหม่ๆที่เข้ามานะจ๊ะ และก็ยังขอบคุณคนเก่าๆมากมายเช่นกันที่ยังไม่ทิ้งนุ้งเมฆกะนายฉาน(หวานใจคนโพส)
===============================================================
ตอนที่ 14สรุปว่าข้าวเที่ยงมื้อนั้น พี่เต้น่าสงสารมาก ที่มาเจอไอ้ฉาน ที่มีไอ้หน่าเป็นลูกคู่ ผมคิดว่า อาจจะเป็นดวงชะตาของพี่เต้เองที่ดาวอังคาร หมุนมาทับกับองค์ราหู ทั้งหมดที่เล่ามานี้ พี่เมฆมั่วเอาทั้งนั้นแหละครับ เรื่องดาว เรื่องฤกษ์อะไร พี่เมฆไม่ค่อยรู้หรอก แต่ที่รู้คือ
ทำไมไอ้ฉานมันคอยจะกีดกันผม ไม่ให้มีเพื่อนใหม่ๆเลยนะ มันคิดอะไรมันอยู่ก็ไม่รู้ มันคิดของมันคนเดียว แล้วก็ไม่บอกผม
เจ้าวางแผน แต่ไม่เคยบอกแผนกับผม
เจ้าโมโห แต่ทำไม เรื่องนี้มันชอบลงที่ผมจังวะ
แล้วเพราะเราอยู่กันมานาน ผมรู้ดีว่าไอ้ฉาน ไม่ได้ชอบพี่เต้สักเท่าไหร่ มันคอยแต่จะขัดคอเขาอยู่เรื่อย
ถ้าคนไหนที่ไอ้ฉานถูกชะตา มันจะปล่อยมุขฮา บ้าๆๆของมัน แล้วสนุกสนาน
ไม่ใช่เก็กขรึมแบบนี้ และตีรวนพี่เต้ทุกที ที่มีโอกาส
วันนั้น พี่เต้ มาส่งพวกเรา ที่คณะ ก่อนจะแยกย้าย ทางใครทางมัน ความจริงเท่าที่ดู พี่เต้ก็ไม่ได้แย่อะไร
ออกจะดีเสียด้วยซ้ำ พูดดี มีน้ำใจดี และก็มารยาทดี
แต่ที่ไม่ดี คือ ไอ้ฉานมันไม่ชอบ
ก็แล้วถ้าไอ้ฉานไม่ชอบ มันเลยดูจะยากที่ผมกับพี่เต้ จะเป็นมิตรที่ดีต่อกันได้ในอนาคต
วันนั้น ตอนเรานั่งรถกลับหอ
“ ฉาน มึงไม่ชอบพี่เต้เหรอวะ” ผมเป็นคนตรงไปตรงมาครับ ยิ่งกับไอ้ฉาน ยิ่งไม่ต้องคิดมาก ทีจะถาม
“เปล่านี่ “ เปล่าอะไรของมัน จ้องจะตีทัพหน้าอยู่ตลอดเวลาขนาดนั้น
“แต่ดูเหมือนมึงไม่ชอบเค้าอ่ะ กวนตีนใส่เค้าตลอดเลย สันดานแย่” แหย่มันซะหน่อย ไม่ได้แหย่จริงจังอะไร
“ ใช่สิ ใครจะสันดานดีเหมือนเมียพี่ฉานหละ พี่เต้อย่างนู้น พี่เต้อย่างนี้ พี่เต้ใจดีจังนะครับ” โห นี่มึงจดแลคเชอร์ทุกคำพูดกูเลยปะ
“หึงกูละสิ ที่พี่เต้เค้ามาสนใจกูอ่ะ มึงว่ากูไปทำนมดีป่ะ” ถ้าได้สามีแบบพี่เต้ พี่เมฆคนนี้ก็ยอมเดินหลังค่อมละครับ
“ เออ หึง ครั้งหน้ากูว่าจะลองหึงโหดดูแระ ไม่ไหว เมียแรดเกินไป กูสะเทือนใจ” ถ้ามันตอบโต้แบบนี้ แสดงว่าอารมณ์มันดีอยู่ครับ
“ฉาน อาทิตย์นี้มึงมีงานอะไรต้องส่งปะ”
“ไม่มี ทำไมวะ”
“งั้นกลับบ้านมั้ย อาทิตย์ที่แล้ว ไม่ได้กลับ พอดี คนขับรถกูงอน อะมึง” ชวนมันกลับบ้านครับ ไม่ได้กลับบ้านนานๆ เดี๋ยวก็แห่ตามกันมาหาถึงมหาลัยแน่
“ เหรอ ไม่ใช่เพราะหมา มันไม่สบายเหรอ “ ไม่รู้สิ พอดี ไม่มีหมา
“เออ เมฆ มึงรู้ยัง ปิดเทอมหน้า พ่อกูจะพาไปล่องใต้นะ” จะไปรู้ตอนไหนละครับ รู้ตอนนี้พี่บอกนี่แหละครับ
“ไปทำไมวะ “ นั่นสิครับไปทำไม พ่อไอ้ฉานทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง หรือว่าได้งานรับเหมาที่ใต้ แล้วพวกเราจะไปด้วยทำไม คนงานก็ไม่ใช่
“ ลงไปช่วยเค้าปราบโจรใต้ที่บันนังสตา มั้ง “ อ้าว เหรอ แล้วหน้าของพี่เมฆออกแนวทหารตะเข็บชายแดนเหรอ
“กูขอหยุดแค่ตัวเมืองยะลาได้มั้ย” ผมยักคิ้ว หลิ่วตาให้มันด้วยครับ
ป๊าบ!!!! เข้าให้ครับ ไอ้ฉานมันเถียงสู้ไม่ได้ มันก็ใช้กำลังกับผมทุกที
“ ดีเหมือนกันหวะ แม่นิ่มจะได้ไปเปิดหูเปิดตาบ้าง “ อยู่แต่กับบ้านนี่ครับแม่ผม
ตั้งแต่ผมมาอยู่กับแม่นิ่มที่บ้าน ตั้งแต่วันนั้น วันที่ผู้ให้กำเนิดจริงๆทิ้งผมไป
ผมไม่รู้อะไรมากไปกว่า แม่นิ่มทำงานอยู่กับบ้าน เป็นงานแปลหนังสือ
และแม่ก็แต่งนิยายสั้นๆ ส่งสำนักพิมพ์ทั่วไป
ลำพังงานของแม่นิ่ม ไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้อะไรมากมายหรอกครับ
คงได้พอแค่ค่าใช้จ่ายภายในบ้าน
แต่รายจ่ายอันมากมายมหาศาล ที่แม่นิ่มเลี้ยงผมมา
ให้การศึกษากับผม ไม่รู้เหมือนกันครับว่ามันมาจากไหน
ผมอยากรู้ แต่ไม่อยากถาม
ครับ ไอ้เมฆคนนี้มันกลัวคำตอบ
และคำตอบที่คิดก็อาจจะตรงกับที่หลายคนคิดเอาไว้แล้วก็ได้
ใช่ครับ ผมกลัวคำตอบที่ว่า
เงินนั้นมาจากผู้ให้กำเนิดผม คนใดคนนึง
เค้าให้เงินเลี้ยงดู ให้ความรู้
แต่สิ่งเดียวที่เค้าไม่ได้ให้
คือความรัก ที่ลูกคนนึงอยากได้จากแม่และพ่อบ้าง
ผมไม่ปฎิเสธว่า ที่ผ่านมา แม่นิ่มไม่เคยบกพร่องหน้าที่แม่เลยสักนิดเดียว
และผมก็รักแม่นิ่ม เหมือนแม่จริงๆ
แต่มันไม่เหมือนความรักที่สายเลือดมีต่อผู้ให้กำเนิดหรอกครับ
ผมจึงไม่ถามที่มาที่ไปของความสุขสบายภายนอกเหล่านี้
แต่ก็ไม่ปฎิเสธอีกเช่นกัน ว่าสักวัน จะได้เจอพวกเขาอีก
ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ถาม ว่าทำไมทิ้งผมไป
ขอแค่กอดสักครั้งเท่านั้น อยากรู้แค่ว่า อ้อมกอดจากพ่อแม่ เป็นอย่างไร
ถึงแม้ครั้งนึงผมอาจจะเคยกอดเค้าทั้งสอง และเค้าทั้งสองเองก้เคยกอดผม
แต่ตอนนั้นผมยังเล็กมากนี่ครับ จำไม่ได้ด้วยซ้ำ
ว่าตอนนั้นความอบอุ่นของอ้อมกอดเป็นอย่างไร
ทุกวันนี้ ผมกอดแม่นิ่ม ก้รู้สึกอุ่นใจและอิ่มใจ
ผมรัก เทอดทูลแม่นิ่ม และจะไม่มีวันทิ้งแม่นิ่มไปไหนแน่นอน
แต่ผมก็ไม่ปฎิเสธว่า โหยหาความอบอุ่นใจ จากคนที่ให้กำเนิดผมเช่นกัน
เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องเดียวที่คิดถึงทีไร ความหมองหม่นในใจต้องเข้ามาเล่นงานผมทุกที
เวลาเกิดช่วงเวลาแบบนี้ ผมมักจะเดินเข้าไปหาแม่นิ่ม กอดให้เต็มวงแขน
หอมแก้มทั้งสองสูดเอาความหอมให้เต็มปอด
แล้วซบไหล่เอากำลังใจจากแม่กลับคืนมา
แต่ตอนนี้
บนรถคันนี้
มีเพียงแค่มือใครคนนึง
ใครคนนั้นที่อยู่ข้างผมมาตลอด
เค้าแค่เอามือมาลูบหัวผม
และแค่โยกมันไปมา
แล้วผมก็แค่สูดลมหายใจเข้าไปให้เต็มปอด ยืดอกสูงๆ
ไอ้ตะกอนแห่งความหมองเศร้า ที่เผลอไปกวนให้มันขุ่นขึ้นมาเมื่อสักครู่นี้
ก็แน่นิ่งไปตามเดิม
“เป็นอะไรไปอีกละวะ เมียพี่ฉาน เดียวนี้อารมณ์แปรปรวน กินยาคุมบ้างรึเปล่านี่”
เห็นมั้ยครับ แค่ไอ้ฉานมันพูดแค่นี้
เป็นคำพูดอะไรก็ไม่รู้ ไม่ใช่คำปลอบใจ ไม่ใช่คำปลอบโยน
เรียกเป็นภาษาไทยง่ายๆ ว่า “กวนตีน” นั่นแหละครับ
แต่ผม นายสยมภู ก็ต้องยิ้มออกมาจนได้
“ เชี่ยรัยของมึงไอ้ฉาน ขยี้ผมกูจนยุ่งไปหมดแล้ว นี่ถ้าไม่ว่าอยู่ในสภาพไหนกูก็หล่อ กูซัดเบ้าตามึงจริงๆนะสาด”
ขอถอนคำพูดหน่อยเถอะครับ ที่บอกไปว่า
ไอ้ห่าฉานมันเอามือลูบหัว ความจริงเมื่อผมส่องกระจกแล้ว
มันคือการขยี้เลยต่างหาก
ไอ้
ไอ้
ไอ้
ไอ้หน้าดี ไอ้กูปรีนิสัยแย่
“ แล้วทำไมต้องตาแดงๆ ไหนมาดูสิว่าเป็นอะไร” มันตบหัวแล้วลูบหลังใช่มั้ยครับ
พี่เมฆบอกแล้ว ว่าอยู่กะมันมาตั้งแต่เด็ก รู้จักสันดานมันดี
คราวนี้ เรารู้ทัน
ขงเบ้งบอกว่า
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
เพราะฉะนั้น เราจะต้อง
ยื่นหน้ายื่นตาไปให้ไอ้ฉานดูครับ
อย่าเพิ่งผิดหวังกันได้มั้ยเล่า
ก็มันเขิลเหมือนกันนี่หน่า ที่ไม่เคยปิดความรู้สึกอะไรกับไอ้ฉานได้สักที
อ้อนกลบเกลื่อนอะอ้อนกลบเกลื่อนมันซะหน่อย
“สงสัยลมแอร์มันตีอะฉาน แล้วฝุ่นในช่องแอร์รถมันตีเข้ามาในลูกกะตากู “ แหม ท่าน สยมภูคนนี้ แหลขั้นเทพ
ฟู่วววววว!!!!!!
“กูขอโทษนะ ที่ดูแลไม่ดี ปล่อยให้มีฝุ่น หายแล้วนะ ตาเลิกแดงได้แล้ว “ ไอ้ฉานมันเอาสองมือมันจับหน้าผมให้หันไปใกล้ๆ
แล้วค่อยๆเป่าลมใส่นัยย์ตาผม
แล้วเสียงมันจะอ่อนโยนไปไหนครับเนี่ย
มันจะนุ่มไปไหน แววตามันจะแฝงความกังวลไปกับผมทำไม ดีกับพี่เมฆขนาดนี้
เดี๊ยวพี่เมฆทำตามมติส่วนส่วนใหญ่
เป็นเกย์มันจริงๆ ซะเลยดีไหม
ไม่ต้องมองหาคู่ขาจากที่ไหน
เราเอาไอ้ฉานนี่แหละ ยัดเยียดความเป็นเมียให้มัน
แล้วทุกท่าน คิดว่ายังงัยดีครับ
===========================
แล้วเจอกันตอนหน้านะจ๊ะ