๐ MODE นี้ เห็นทีต้องขอ แซว ๐
assassin <<<<<<<>>>>>>>>เชื่อดีมั้ยเนี่ย ตาพราวระยับขนาดนี้ หืม...จริงๆท่านเมฆกะพี่ฉาน น่ารักกว่าเด็กปากห้อยอีกนะ อิอิ
iiดาวพระศุกร์ii <<<<<<<>>>>>>>>จริงอย่าเรียกว่ามองผ่านๆเลย เรียกว่า ลากมากก็กระแทกหน้ากันเลยทีเดียว
Zhenelle[♥] <<<<<<<>>>>>>>>พี่ว่ามันแปลกมาตั้งแต่คนแต่งแล้วละจ๊ะ แต่สุขแบบแปลก เหมือนสุขแต่สุขไม่สุด อะไรแบบนี้ป่าว
Seiki <<<<<<<>>>>>>>>นุ้งเซ อวาตาร์หนูก็แก่แดดแก่ลมแล้วนะค่ะลูก เอิ๊กก
chocolate <<<<<<<>>>>>>>>เดี๊ยวอยู่นาน จนเค้าลงตอนใหม่แล้วนะ
TONG <<<<<<<>>>>>>>> ทราบผลแล้ว อิอิ ไม่กลัวคนเขียนสับขาหลอกเหรอ คนเขียนกะล่อนกว่าท่านเมฆอีกนะ
anterosz <<<<<<<>>>>>>>>หวานไปเหรอ จริงๆแล้วอยากให้ฮาน๊า หวานไปจริงอ่ะ อยากให้พี่ฉานเถื่อนๆๆนะเนี่ย
rakza <<<<<<<>>>>>>>> ลุ้นแทนท่านเมฆหรือพี่ฉานเนี่ย
mecon <<<<<<<>>>>>>>> เซเลปที่รัก กลัวว่าจะไม่เรียกน้ำตา แต่ป้าจะฮาจนน้ำหมากกระจายแทนอะดิ
เกริด้า(๐-*-๐)v <<<<<<<>>>>>>>> เรื่องนี้น่ารักเหรอค่ะ จริงๆวางไว้ให้เถื่อนนะ ออกมาแบบนี้ไดงัย
+S+ <<<<<<<>>>>>>>> หวานจริงๆเหรอ งั้นเดี๊ยวให้พี่ฉาน โหดบ้างอะไรบ้าง ให้น้องเมฆโดนจับไปล่ามไว้ที่กระท่อมปลายนา ดีมั้ย
Little Devil <<<<<<<>>>>>>>> บวกคืนเช่นกัน อ้าว!!! กดบวกให้นุ้งเซ (มากูเตะ) หรอกเหรอ
M@nfaNG <<<<<<<>>>>>>>> ตามกันต่อไปนะคะพี่ ขอบคุณค่ะ
jigsaw44 <<<<<<<>>>>>>>> แหมๆๆ เดี๊ยวนี้เค้าบ่มแก๊สงัยค่ะพี่ เลยสุกเร็วอะไรเร็ว เลยกินกันเร็ว เอิ๊กก
dahlia <<<<<<<>>>>>>>> จริงๆ พี่ฉานมันกลัวเป็นหม้ายตั้งแต่ยังไม่ได้เสียบ เอร้ยยยยย
Solar cell <<<<<<<>>>>>>>> สงสารแม่ท่านเมฆ แต่ไม่ให้ท่านเมฆไป ว่าแต่ถ้าท่านเมฆไม่ไป แล้วฉานจะยอมท่านเมฆเหรอ ที่สำคัญ ท่านเมฆมานจะทำเป็นหม้ายยยย
Horizon <<<<<<<>>>>>>>>
patee <<<<<<<>>>>>>>> อันนี้กอดคนแต่ง นุ้งเซมากูเตะ หรือกอดใครค่ะ เอาให้เคลียร์ๆ นะ เอิ๊กก จะได้ระทวยถูก
๋JEFF <<<<<<<>>>>>>>> นั่นสิ หรือเปลี่ยนเป็นให้เลือกพี่เต้ดีน้อ
Flower night <<<<<<<>>>>>>>> ให้ท่านเมฆเลือกใครดีน้อ แม่ หรือคนรัก แต่ไอ้พี่ฉานมันกวนตีนนะ เลือกมันจะดีเหรอ
insomniac <<<<<<<>>>>>>>> ถูกใจตรงคนแต่งน่ารักนี่แหละ ยังกะตาเห็นนะเนี่ย
namngern <<<<<<<>>>>>>>> อย่าวิตก อย่าเครียด แต่ให้ซีเรียสเข้าไว้นะ ล้อเล่นๆ เรื่องนี้ฮาๆใสๆ
pattybluet <<<<<<<>>>>>>>> ดีค่ะที่สบายใจ ที่เรื่องนี้เป็นที่พักพิงใจแล้วกันนะ (เน่าเนอะ) 55
nOn†ღ <<<<<<<>>>>>>>> จริงๆ ฮานี่คือประเด็นหลักเลยนะ ไม่ฮาจริงเหรอ
•MojiKung• <<<<<<<>>>>>>>> ซึ้งแบบเปิดเผยได้เลย น้อยคนจะบอกว่าซึ้ง
เซ็งเป็ด <<<<<<<>>>>>>>> เยี่ยวใส่ล้อรถ นี่ “กระต่าย” ก็ทำได้ใช่มั้ย
rakza anterosz <<<<<<<>>>>>>>> มารอเมฆกะฉาน แต่อีตาคนนี้ assassin <<<<<<<>>>>>>>> มาจิ้มเซ็งเป็ด ไม่พอ ยังมาบอกคิดถึงกันด้วย
๐ ยินดีต้อนรับ เด็กเล้า หน้าใหม่ ที่หลงเข้ามาด้วยนะจ๊ะ ๐
๐แล้วก็ขอบคุณเด็กเล้าเป็ดเหล่านี้ ถ้าไม่มีคุณ เมฆกับฉานคงไม่มาถึงตอนนี้นะ๐
Seiki Poes mecon Pa Pao jigsaw44 assassin Solar cell nOn†ღ
สุดโฉด chocolate เกริด้า(๐-*-๐)v dahlia anterosz เซ็งเป็ด n_sugar_t rakza
W@LnUt? at_point iiดาวพระศุกร์ii ราชบุตร กว่าจะไร้เดียงส [N]€ẃÿ{k}uñĢ
OhJa Little Devil C2U JJHJJH samsoon@doll Ak@tsuKII
kei_kakura zeazaiz OT M@nfaNG StopLove @aOoM&jAe@ TONG
patee namngern Wisdom ๋JEFF Flower night Kwawaic astral
Ayame pattybluet fannan ifwedo nidnoi pattybluet
+S+ insomniac zeazaiz •MojiKung• Horizon
==============================================
ตอนที่ 19เช้านี้อากาศสดใส ท้องฟ้าโปรดโปร่ง และพระอาทิตย์ ก็ส่องแสงไม่ถึงกับร้อนแรงจนเกินไป
เรียกได้ว่า อากาศดี ผมสูดหายใจเรียกกำลังใจเสียเต็มปอด
มองไปรอบๆกาย ไม่มีร่างของคนสองคนที่ผมนอนกอดไว้เมื่อคืนแล้ว
แม่นิ่มคงตื่นเช้า ไปดูแลบ้าน จัดหาอาหารให้ผมตามปกติ
หรืออาจจะเกินคำว่าปกติ เนื่องจากวันนี้เราจะมีแขกพิเศษ
ไม่รู้ใช้คำว่า “เรา” กับแขกพิเศษ คนนี้ได้หรือเปล่านะ
มันอาจจะเป็นเพียงแค่ แขกพิเศษ สำหรับผมคนเดียว
เมื่อคืนแม่นิ่มนอนไม่หลับ
ไอ้ฉานเองก็นอนไม่หลับ
ส่วนผม ไม่ต้องแปลกใจกันไปหรอกครับ
เพราะผมเองก็นอนไม่หลับ
แต่ความรู้สึกผม คงจะต่างจากสองคนนั้นออกไป
เสียงเลื่อนประตูระเบียงดังมาหยุดความคิดผมไว้
กลิ่นที่ตามเข้ามาในห้องด้วยนี้ ไม่ต้องเดาเลยว่าต้นเหตุของเสียงนั้นใครทำ
“ ฉานดูดบุหรี่ในบ้านอีกแล้วเหรอ สันดานเสียใหญ่แล้วนะมึง” ครั้งที่สองที่เห็นมันดูดบุหรี่ที่บ้าน
มันไม่พูดอะไร นอกจากดึงผมไปกอด แล้วไซร้จมูกไปมาที่ซอกคอ ก่อนมาหยุดตรงที่แก้ม
“ทำอะไร” ผมตั้งใจดุมันเลยครับ ถึงแม้จะอยากเอาใจมันสักแค่ไหน แต่ที่มันทำไปเมื่อครู่นี้
ถ้าใครมาเห็นเข้า
ก็ไม่รู้ว่าเค้าจะเข้าใจกันไปถึงไหนต่อไหน
“หอมแก้มไง ถ้ามึงไม่ขัดจังหวะ กูว่าจะจูบแถมให้ด้วยนะนี่” มันใช่เวลาเล่นซะที่ไหนหละครับตอนนี้
“ไม้ให้จูบหรอก เหม็นบุหรี่ จูบไปก็หวานแบบเฝื่อนๆ กูไม่ชอบ” มันอธิบายไม่ถุกครับว่ารสชาติเป็นยังงัย
แต่ผมชอบแบบที่ไม่มีรสบุหรี่มากกว่านะ
ไอ้ฉานไม่ได้ต่อปากต่อคำอะไร นอกจากกอดผมเอาไว้ แล้วมือมันก็ลูบหัวผมเบาๆ
“ Are you Readyyyyyy” ไอ้สันดานฉาน มึงตะโกนซะขนาดนี้ บ้านมึงไฟไหม้หรือไง
ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ ผมคงรับมุขตอบมันไปว่า Yehhhhhhhhhhhhhh!!
เราแทคทีมกันปัญญาอ่อนแบบนี้เสมอๆ
แต่ตอนนี้
“มึงเป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็คลุ่มคลั่งขึ้นมา” แถมแมร่งเสือกบ้าแบบไม่ส่งสัญญาณให้กูเตรียมพร้อมก่อน
“เรียกกำลังใจให้มึงงัย”
“ให้มึงก่อนดีกว่ามั้ย ไอ้บ้า “ รู้มั้ยครับ ผมกล้าตบหัวมันไปด้วยทีนึง
สถานการณ์แบบนี้ ไอ้ฉานมันไม่กล้าขัดใจ หรือทำอะไรผมอยู่แล้ว
“ไหน ให้กูกอดทีสิ” ให้ทายครับว่าใครพูด
หน้ามึนขอแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากพี่เมฆเอง
เอิ๊กกกกกกกกก...........
ผมไม่ได้ใจง่าย แต่ที่ขอกอดไปนี่มีเหตุผลนะครับ
หนึ่ง อยากให้กำลังใจไอ้ฉาน มันเป๋ไปกับเรื่องนี้ของผมไม่น้อยครับ
อยากจะบอกมันแทบจะขาดใจ ว่าไม่มีอะไรซีเรียสแบบนั้นหรอก
ทุกคนคิดมากเรื่องผมกันไปเอง
แต่เก็บไว้แกล้งคนแถวนี้ก่อนก็ดีครับ
สอง ผมอยากชาร์ตกำลังใจให้ตัวเอง
ผมกอดรัดมันแน่น เสมือนว่าแรงทั้งหมดที่ผมส่งไปนั้น เป็นไดโว สูบพลังใจชั้นดีมาจากไอ้ฉาน
ก่อนตอบแทนมันด้วยการกดปลายจมูกลงไปแก้มสากของมัน ย้ำๆสักสองสามที
ก่อนที่เราจะต้องผละออกจากกันเพราะแรงเคาะประตูที่บ่งบอกว่า
ไม่น่าจะใช่แม่นิ่ม
“คุณเมฆ แขกมาถึงแล้วค่ะ” แม่บ้านนั่นเองครับ
ผมสูดหายใจเข้าปอดครั้งใหญ่ ก่อนที่จะคว้ามือคนข้างๆออกไปด้วยกัน
แล้วเมื่อเราออกจากห้อง มือนั้นก็ควรจะต้องปล่อยออกจากกันทันที
ผมไม่ได้จะประกาศความสัมพันธ์นี้ให้ใครรู้นี่ครับ
เมื่อกี้ แค่เสริมสร้างความมั่นใจ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ผู้หญิงที่น่าจะใช่ผู้ให้กำเนิดผม เธอนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยว ข้างแม่นิ่ม เธอมองมาทางผมอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
ไม่มีผู้ติดตามมาด้วย เนื่องจากห้องรับแขกมีเพียงเธอเพียงคนเดียวที่นั่งเคียงข้างแม่นิ่ม
ดูจากภายนอก เธอแต่งตัวดูดีทีเดียวครับ ผมถูกเกล้าเรียบตึงมัดไว้ด้านหลัง
แว่นกันแดดสีดำอันใหญ่วางอยู่บนโต๊ะกลาง บ่งบอกรสนิยมสาวสมัยใหม่ของเธอเป็นอย่างดี
นั่นไม่ได้ทำให้สะดุดใจ เท่าใบหน้า ถ้าผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองมากไป
ใบหน้านั้น มองยังงัย ก็มีส่วนคล้ายผมอยู่มากทีเดียว
เธอเหยียดริมฝีปากที่ผมเดาได้ว่า คงตั้งใจจะส่งยิ้มมาให้
แต่เพียงยังประหม่ากับท่าทีเรียบเฉยของผม
“สวัสดีครับ” ไม่ใช่ผมหรอกครับที่เอ่ยประโยคนี้ นอกจากคนที่เดินมาพร้อมผม
ไอ้ฉานเดินไปนั่งโซฟาตัวเดียวกับแม่นิ่ม
นั่นหมายความว่าผมต้องนั่งโซฟาเดี่ยว ตรงข้ามเธอ
“สวัสดีครับ คุณแม่” ผมยกมือไหว้พร้อมคำทักทาย ก่อนที่จะนั่งลงบนโซฟาตัวที่ว่างอยู่นั้น
คนที่ผมเรียกว่า “คุณแม่” ยิ้มส่งมาให้ผม เป็นรอยยิ้มที่ผมเห็นแล้วว่าสดใส กว่ารอยยิ้มแรกที่ส่งมาให้ผมมากมายนัก
“เมฆใช่มั้ยจ๊ะ โตขึ้นมาก จนแม่แทบจำไม่ได้” เธอบอกว่าแทบจำไม่ได้ นั่นแสดงว่ายังจำได้
แต่ผม บอกตรงๆเลยว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเลือดเนื้อเชื้อไข ที่ทำให้เราหน้าตาคล้ายกัน
ผมจำหน้าแม่ไม่ได้เลย
“เดินทางมาจากที่ไหนครับ” ผมรู้สึกได้ว่า ตอบโต้กับคนตรงหน้า ไม่ต่างอะไรกับโรบอทที่ถูกป้อนโปรแกรมสำเร็จรูปไว้
ไม่มีอีโมชั่นจากหน้าตาที่แสดงอารมณ์ใดๆ ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ผมคิดอะไรอยู่
นอกจากคนข้างๆ ที่มันกล้ายื่นมือมากุมมือผมไว้
ไม่รู้ว่ามือผมเย็นเฉียบ หรือมือไอ้ฉานร้อน
เมื่อมือประสานกัน ผมถึงรู้สึกว่า อบอุ่นจนเริ่มร้อนตามมือคู่นั้นไปด้วย
“แม่เพิ่งบินขึ้นมาจากกระบี่เมื่อเช้านี้เองจ๊ะ”
“ครับผม มาธุระเหรอครับ” ไม่ได้ตั้งใจจะให้ห่างเหิน แต่ผมไม่รู้ว่า
ช่องว่างช่องนี้ มันต้องถมด้วยอะไรถึงจะเจอกับความพอดีอะครับ
“ก็ด้วยส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่ง รู้จากคุณนิ่มว่าเมฆปิดเทอมแล้ว จะชวนลงไปกระบี่ด้วยกันนะจ๊ะ”
“ครับ ตอนแรกผมกับครอบครัวก็ว่าจะลงใต้ แต่พอดีคุณจะมา เลยรอพบคุณก่อนอะครับ” ผมเน้นคำว่าครอบครัวชัดมากไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะคนตรงข้ามผมหน้าเริ่มถอดสีเมื่อผมพูดประโยคนี้จบเลยทีเดียว
แรงบบีบมือที่เยอะขึ้นไอ้คนข้างๆ เป็นสัญญาณให้ผมมองกลับไปที่มัน และเผื่อแผ่ไปมองแม่นิ่มที่อยู่ข้างๆมัน
ก่อนที่ผมจะหันมาคุยต่อ ผมไม่ลืมที่จะยิ้มให้กำลังใจแม่นิ่มครับ
โครกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!
เสียงอุบาทว์ๆ แบบนี้ ไม่ต้องเดาก็รู้ครับว่ามาจากใคร แมร่ง ทำลายบรรยาอึมครึมจนกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้
ตอนนี้พิ่งจะ สิบเอ็ดโมง ยังไม่ทันจะเที่ยง ท้องไอ้บ้านี่ก็ร้องฟ้องความตะกละตะกรามของมันทันที
รอยยิ้มที่ติดออกจะขันของคนตรงหน้าผม ก็พลอยทำให้ผมอดปล่อยเสียงหัวเราะออกมาด้วยไม่ได้ครับ
“เอ่อ ขอโทษครับ แม่นิ่ม คุณน้า แต่ฉานว่า ก่อนที่เราจะคุยอะไรกันไปมากกว่านี้ กินข้าวกันก่อนดีกว่ามั้ยครับ”
มันยังมีหน้ายิ้ม แหะ แหะ พร้อมเอามือลูบท้ายทอยแก้เขิน
ทั้งๆที่ระดับมัน ไม่น่าจะเขิลเป็น
บนโต๊ะอาหาร คนที่ยึดบทสนทนากับคนพิเศษของผมไว้ กลายเป็นไอ้ฉาน สลับกับแม่นิ่มบ้างเป็นบางครั้ง
ผมเองก็ยังสงสัยอยู่ ว่าตกลงแล้ว ในวงสนทนานี้ ผมเป็นตัวแถมใช่หรือไม่
แล้วตกลงนี่แม่เค้าตั้งใจมาพบใคร เพราะไม่เห็นแม่จะตื่นเต้นดีใจเหมือนในละครที่ผมเคยดู
ที่ว่า เมื่อแม่พบกับลูกที่พลัดพรากกันมานาน เมื่อเจอหน้ากัน จะต้องถลาเข้าไปกอดกันพร้อมกับร้องไห้น้ำตาไหล
“ดาวพระศุกร์ ลูกแม่” อะไรประมาณนี้
เหตุการณ์นี้ ไม่เห็นจะเกิดขึ้นกับท่านเมฆเลย เราสองคนทักทายกันเหมือนคนเพิ่งรู้จักกันตามปกติ
โอเค...ก่อนเจอหน้ากันผมยอมรับว่าตื่นเต้นมาก และยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ เมื่อพบว่า ผมหน้าคล้ายแม่
แต่ไอ้อาการอยากเข้าไปกอด ไปทำอะไรแบบที่เคยหวังไว้ในใจตอนเด็กๆ ไม่ได้มีอยู่ในใจอีกแล้ว
หรือว่าความห่างเหิน เป็นตัวกั้นกลางความรู้สึกนั้น ผมเองก็ไม่รู้ มันอาจจะเป็นความรู้สึกเด็กๆในตอนนั้นของผมก็ได้
ที่ว่ายังไงผมก็อยากได้ความรักจากแม่จริงๆ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
จากความรู้สึกที่เรียกว่า “โหยหา” กลายเป็นความรู้สึกว่า “แค่อยากเจอ”
ผมรู้สึกว่า ความรักระหว่างแม่กับลูก ผมมีให้แม่นิ่มมากกว่า
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า “ผมจะไม่สำนึกในบุญคุณของผู้ให้กำเนิด”นะ
ปลายเท้าของใครบางคนกระแทกมาที่ขาผม มองไปที่คนข้างๆ พบว่า มันหันมาจ้องผมอยู่ก่อนแล้ว
ผมเลิกคิ้วใส่มันแทนคำถามที่ว่า “มึงเตะขากูทำไม”
“ชาติที่แล้ว มึงเกิดเป็นไก่เหรอ เขี่ยข้าวอยู่ได้ “ มันตั้งใจจะพูดให้ผมได้ยินคนเดียวแหละครับ แต่ โต๊ะอาหารสำหรับ 6ที่นั่ง
ที่ตอนนี้ มีสมาชิกแค่ 4 คน เพราะฉะนั้น เสียงไอ้ห่าฉาน ผ่านเข้าหูครบทุกคนครับ อันนี้พี่เมฆมั่นใจ
เพราะแม่นิ่มและคนตรงหน้าผมยังยิ้มให้ เอ่อ......คิดว่าน่าจะเป็นยิ้มที่เอ็นดูผมนะ
“กินเข้าไป กินเข้าไปเยอะๆ มึงนี่นะกินยากกินเย็น เลือกกินได้อีก ....เอ่อ ขอโทษครับที่เสียมารยาท พูดจาไม่เหมาะสม”
มันคงเพิ่งจะนึกได้ว่า ในวงสนทนานี้ไม่ได้มีเพียงเราสอง ถึงแม้ต่อหน้าแม่นิ่ม มันจะพูดมึงกูกับผมตามปกติ แต่ตอนนี้เรามี
แขก มันคงลืมตัว แต่ก็ยังดีที่ยังมีความสำนึกได้
“ไม่เป็นไรจ๊ะ ทำตัวตามสบายเลย คุณนิ่มเล่าให้ฟังว่า ฉานกับเมฆสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ ขอบใจมากนะจ๊ะที่ช่วยดูแลเมฆ”
ไปขอบคุณมันทำไมครับ ถามพี่เมฆหรือยังว่าพี่เมฆอยากให้มันมาดูแลหรือเปล่า
ผมว่าบางทีแม่นิ่มอาจจะสื่อสารผิด แม่นิ่มคงอยากจะบอกว่า ไอ้ฉานมัน “รังแก” ผมมากกว่า
แต่อย่างว่าแหละครับ
ระยะทางระหว่างคำพูดมันคงยาวไกล กว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง เลยเพี้ยนไปเป็น “ดูแล”
ถือว่าพี่เมฆยกผลประโยชน์ให้จำเลย
“ คุณมีลูกอีกคนใช่มั้ยครับ ทำไมไม่ชวนมาด้วยละครับ” ผมไม่ได้อยากจะตีรวนนะ ไม่ได้รู้สึกน้อยใจ เพื่อที่ประชดประชันอะไร
เวลาที่ผ่านไป ทำให้ผมโตขึ้น เพื่อที่จะรู้ว่า ผมควรจะอยู่กับความจริง ไม่ใช่สิ่งที่ฝังใจ
ในเมื่อไอ้ฉานบอกว่า ผมมีน้องต่างพ่ออีกคน ผมก็อยากเห็นเป็นธรรมดา
“น้องยังสอบไม่เสร็จนะจ๊ะ พอดีแม่รีบขึ้นมาทำธุระ เลยบอกน้องว่า ถ้าพี่เมฆสะดวก จะพาลงไปหา เค้าเองก็อยากเห็นหน้าพี่ชายนะ” สถานการณ์ เริ่มเป็นกันเองมากขึ้นครับ
“แม่นิ่ม ต้องส่งงานอะไรมั้ย ไหนๆ เราก็วางแผนไปเที่ยวกัน ไปกะบี่พร้อมกับคุณแม่ ก็ได้ แม่นิ่มว่างัยครับ”
ผมไม่ลืมหันไปขอความเห็น จาก “คุณแม่” อีกคนของผมครับ ถ้าผมจะไปนั่นคือ ผมอยากให้แม่นิ่มไปด้วย ผมไม่อยากให้
แม่นิ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน ยังไง สำหรับผม แม่นิ่ม ก็คือแม่ของผม อยู่วันยังค่ำแหละครับ
“แม่มีเรื่องสั้น ส่งสำนักพิมพ์นิดหน่อย ถ้าเมฆสัญญาว่า วาดรูปประกอบให้แม่ทัน ก็ไม่มีปัญหาจ๊ะ” แม่นิ่มบอกผมพร้อม
กับยิ้มส่งมาให้ เป็นยิ้มแรกที่สดใสที่สุดของแม่นิ่มวันนี้เลยก็ว่าได้
“ไม่ทราบคุณกลับกระบี่อีกทีวันไหนครับ” ต้องถามเจ้าของสถานที่ด้วยครับ
“อีกสองสามวันแหละจ๊ะ ยังไงแม่รอลงไปพร้อมเมฆได้นะ”
ผมต้องหันหน้าไปขอความเห็นจากแม่นิ่มอีกนั่นแหละครับว่าจะเอายังไง เพราะตอนนี้ติดอยู่ที่งานแม่นิ่มอย่างเดียว
“ได้จ๊ะ ฉานไม่ติดอะไรใช่มั้ยจ๊ะ”
“ไม่ติดครับไม่ติดอะไร เดี๊ยววาดรูปประกอบหนังสือแม่อ่ะ ฉานช่วยด้วย เอารถตู้บริษัทพ่อฉานลงไปนะครับ”
ผมว่าไอ้บ้านี่มันหลั่นล้าดีใจกว่าผมอีกนะ เหมือนเด็กที่ไม่ค่อยได้ออกไปไหน พอได้ไปแล้วก็ดีใจตื่นเต้น
ไอ้เด็กโข่งฉานเอ้ยยยยยยยยยยยยยย....ดีใจเป็นเด็กๆได้เที่ยวเขาดินไปได้
ที่มันเงียบไปไม่ใช่เพราะมารยาทดีอะไรหรอกนะครับ มันกินไปแล้วก็วางแผนการเที่ยวไปด้วยแน่ๆ นิสัยไอ้บ้านี่ ผมว่าผมรู้จักดีนะ
ผมนอนกลิ้งเล่นไปมาอยู่บนเตียงระหว่างที่คิดไอเดียวาดรูปประกอบเรื่องสั้นให้แม่นิ่ม
หลังจากที่ แม่ผู้ให้กำเนิด ขอตัวกลับไปเมื่อตอนบ่ายๆ พร้อมกับนัดหมายการไปเที่ยวกันเป็นที่เรียบร้อย
การพบกันครั้งถือว่าผ่านไปด้วยดีครับ ถึงแม้ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
สายใยแห่งความสัมพันธ์ยังอยู่ แต่อาจจะต้องใช้เวลา ปรับตัวเข้าหากันบ้าง
เนื่องจากช่วงของเวลาที่เราห่างกัน มันกั้นเอาไว้เสียแน่นหนา
ผมพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ที่เข้ามาในชีวิต
นอกจากแม่นิ่มและไอ้ฉาน หรือเพื่อนๆ แล้ว
ผมยังมีครอบครัวใหม่ ที่กำลังจะได้เข้าไปทำความรู้จัก
เสียงลูกบิดประตู ดังแบบไร้การเคาะประตูก่อน อย่างไร้มารยาทแบบนี้
ไม่ต้องสงสัย คุณก็รู้ว่าใครครับ หลังมือเที่ยง มันขอตัวกลับไปทำธุระที่บ้านมัน
ก่อนที่จะกลับมา กวนประสาทผมต่อเหมือนตอนนี้
“ทำอะไรอยู่จ๊ะ เมียรักของพี่ “ เห็นมั้ยครับ พี่เมฆเดาผิดเสียที่ไหน มันตั้งใจมากวนประสาทชัดๆ
“ช่วยตัวเองอยู่” ตอบสนองความต้องการมันหน่อยครับ มันจะได้ไม่คลุ้มคลั่ง
“ หูย เมียพี่พูดแบบนี้ สามีสะเทือนใจแย่ดิครับ มาครับมา ของแบบนี้สามีอยากช่วย”
ผมรีบเอาเท้ายันมันไว้ก่อนที่มันจะถลาลงมาคลุกวงในกับผมครับ
มันไม่ได้จริงจัง แต่มันไม่ได้พูดเล่นเหมือนกันครับ มุขเผื่อฟลุคของมัน มีแต่ผมเท่านั้นที่รู้ดี
“ไหนๆ ดูสิ ทำอะไร นี่มึงแอบเขียนจดหมายหาชายหนุ่มลับหลังกูปะเนี่ย” ขอเอามือยันหน้ามันสักทีเถอะครับ
ถ้าไม่ใช่มันจะมีใครคิดได้แบบนี้มั้ย
มันเอามือลูบหน้าตัวเองป้อยๆ หลังจากได้รับฝ่ามือแห่งองค์อิศวรลงโทษ
ก่อนที่มันจะล้มตัวลงนอนใกล้ๆผม แล้วยื่นหน้าเข้ามามองกระดาษสเก็ต ที่ผมร่างๆงานไว้ครับ
“ไหนมึงว่าจะช่วยกูทำไง จะได้เสร็จเร็วๆ เนื้อหาแม่เค้าทำเสร็จแล้ว เหลือแต่รูปประกอบอย่างเดียว”
ไม่ลืมทวงสัญญามันครับ
“ไหน ไหน อ้อนสามีดีๆก่อน....เร็วๆ กูต้องการ แรงบันดาลใจ” แรงบันดาลใจบ้านป้ามันสิครับ
“เปลืองตัวขนาดนี้ กูทำเองดีกว่ามั้ย” นี่ขนาดผมยังไม่ได้ตอบตกลงอะไรมันไป มันยังยื่นหน้ามาฉกแรงบันดาลใจไปจากแก้มผมอย่างหน้าด้านๆ เลยเถอะ
ไอ้ห่านี่......ไว้ใจอะไรไม่เคยได้
“ต้องลงสีมั้ย” มันเริ่มปฎิบัติตัวเป็นคนดี ด้วยการเอางานผมไปพิจารณา
“ไม่ต้องๆ กูอยากให้มันเป็นลายเส้นแบบดราฟๆ แบบนี้แหละ...มึงว่าลงหมึกเส้นสีรัยดี”
เรื่องสั้นเรื่องนี้อขงแม่ ออกแนวเรื่องเล่าทั่วไปแบบตลกโปกฮาอะครับ ผมเลยกะว่า วาดลายเส้นง่ายๆ
ประกอบเนื้อหาที่น่าสนใจลงไป เอาออกแนวกราฟฟิคหน่อยๆ แล้วก็อยากให้มันเป็นโมโนโทน แบบเส้นสีเดียว
เด่นๆไปเลยครับ แบบสีน้ำเงิน หรือสีน้ำตาล อะไรประมาณนี้ เพราะถ้าใช้เส้นสีดำ มันคงตีกับตัวหนังสือแย่เลยครับ
ผมกับมันช่วยกันทำงานไปจนกระทั่ง
{{{{{{{{{{{{{{{{{{{{{{{{RRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRR}}}}}}}}}}}}}}}}}}}}}}}}}
มีสายเรียกเข้า “พี่เต้”
==============================
กรี๊ดดดดดดด นุ้งเมฆงานเข้า ตอนหน้าเจอหึงโหดแน่ๆ