
กีเด็กแบ้วมาละครับ เหอะๆ มาต่อให้ค้างกันดีกว่า โย่ว
กีตาร์ตัวแม่ ตอนที่ 15
“ ไล่เขาไปแล้วมาทำเศร้า ”
“ ยุ่ง ” พอไอต้ากลับไป ผมเริ่มรู้สึกโหวงๆไงไม่รู้ ทะเลาะครั้งนี้แรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
“ ไม่ยุ่งได้ไง ยาหลังอาหารมาตั้งชั่วโมงแล้ว จะกินไหม ” อ้าวเหรอ ไม่ทันมองอะ
“ พี่เบส มือถือเค้าล่ะ ” กับพี่เบสผมแทนตัวเองว่าเค้า ฟังแล้วน่ารักดี หุหุ
“ มีอะไรไม่เข้าใจกันก็คุยกันเถอะ อย่าให้มันนาน ” มือจับดินสอวาดภาพไป ปากก็พูดสั่งสอนผมไป
ผมไม่สนเท่าไรหรอกครับ ตอนนี้ทำแบบนี้น่าจะดีกับผมสองคนมากกว่า
กลับไปเรื่องเมื่อหลายวันก่อนที่มีพี่คนหนึ่งเข้ามาคุย ทุกวันนี้ยังไม่รู้จักชื่อเลย หยิ่งชะมัด
“ ที่ว่าเพื่อนพี่เป็นประสาทอะ ยังไงครับ ” พี่เขาเก่งนะ เล่นกีฬายังไม่ทันหายเหนื่อยกินข้าวต่อ ทำไมไม่อ้วนวะ
“ อ่อ มันทะเลาะกับแฟน กลายเป็นคนเก็บตัว ไม่นานมันก็เป็นประสาท ” แล้วชวนกูมานั่งฟังแค่นี้เนี่ยนะ เบื่อเลย เหอะๆ
“ แต่มันชอบมานั่งตรงนั้น ตรงที่แกมองไปที่สนามนั้นแหละ พี่เห็นแล้วรู้สึกไม่ดี ”
“ ทำไมครับ ”
“ เมื่อสองปี พี่ไม่ได้คุยกับมัน เห็นมันเศร้าพี่ก็ปล่อย มาคิดอีกที ถ้าเตะบอลอัดหัวมันสักครั้ง เหมือนที่ทำวันนี้ ชวนมาคุยกัน อาจจะดีขึ้นก็ได้ ” พอเข้าประโยคนี้ เหมือนพี่เขาจะเสียงสั่นๆไป ผมไม่กล้าจะถามต่อ กลัวตัวเองร้องไห้ เหอะๆ
“ มีอะไรอยากระบายไหม ”
“ ก็มีอะ ”
“ เล่าไปดิ ” ใครจะบ้าเล่าปัญหาส่วนตัวให้คนอื่นฟัง ยิ่งเจอกันวันแรกด้วย
“ ทะเลาะกับแฟนนิดหน่อย ” แต่มันอยากเล่าอะครับ ทำไงได้ ช่วงนี้เพื่อนติดงาน พี่ๆก็แข่งกีฬา
“ เวลาเศร้าแบบนี้ มันเศร้ากับแกไหม แล้วเวลากลุ้มใจ มันปลอบใจหรือปล่าว ถ้าไม่ก็ไปเลิกเลย มานั่งเศร้าคนเดียวทำไม ไม่คุ้ม ” ได้คิดแฮะ
“ แต่ก็รักมากนะพี่ ”
“ อันนี้แล้วแต่เถอะ คิดเอาเอง ” ผมพยายามขอเบอร์ไว้ติดต่อ แต่เขาไม่ให้ แม้แต่ชื่อก็ไม่บอก บอกแค่ว่าเจอได้ทุกเย็นที่ลาน
ค่ำของวันนั้นพี่จัสขับรถมาส่งผมที่คอนโด ผมทะเลาะกับมันด้วยเรื่องที่มันนอกใจ หลังจากนั้นเป็นต้นมา ผมก็คิดเรื่องย้ายแยกกับมัน ไอนุพยายามเกลี้ยกล่อมให้ผมใจเย็นๆ แต่ผมไม่สนใจ ผมทนไปเรียน ทนกินข้าวทั้งที่ไม่อยากกิน และวันก่อนที่จะย้ายของนั้นเอง คือวันที่ผมต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะอ้วกจนเป็นลม โชคยังดีที่ไอนุมันจะเข้ามาช่วยจัดของ ไม่งั้นไม่รู้ผมจะเป็นยังไง
“ ไอนุ มึงไปไหนมา ทำไมมาช้าจังวะ ” ไอนุเดินเข้ามา พร้อมด้วยข้าวของ มันจะนอนเฝ้าผมครับ มีเพื่อนดีว่ะกูเนี่ย (หึหึหึหึ)
“ กูเอาใบรังรองแพทย์ไปส่งอาจารย์ แล้วก็ไปหาแม่ย่ามึงมา ” หมายถึงป้าจีนแม่ของไอ ... ไอบ้านั้นสิ
“ ผัวมึงเกือบโดนตีเข่า แม่ย่ามึงโกรธแทนมึงหมดแล้วแหละ หายงอนมันได้แล้ว ” ตอนป้าจีนรู้เรื่อง ท่านรีบส่งคนมาดูผม ก่อนที่ท่านจะมาเอง ท่านโกรธมากแต่เกรงใจพวกพี่ๆที่มายืนเฝ้า เลยด่าออกมามากไม่ได้
ท่านรู้ว่าผมคบกันตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วครับ
“ เรื่องของมัน ไม่ใช่ของกูนิ ” ไอนุเอาของวางๆ ก่อนจะลากพี่เบสออกไปคุย มีความลับอะไรกันสองคนวะ ทำไมกูฟังด้วยไม่ได้เนี่ย
“ งั้นพี่ไปหาแม่ก่อนนะ นอนพักมากๆ หายไวๆ สอบวาดแบบจบจะมานอนเฝ้า ” พี่เบสกุมมือผม แล้วก็เดินกลับไป ส่วนไอนุก็เอาการบ้านมานั่งทำ ที่สำคัญมันทำเผื่อผมด้วย บอกแล้วไงว่าเพื่อนผมดี (หึหึหึหึ)
“ เพื่อนในคณะอยากมาเยี่ยมมึงอะ พรุ่งนี้มันจะมากัน ”
“ อืม ”
รุ่งเช้า พวกเพื่อนๆก็พากันหิ้วขนมมากองไว้เต็มห้อง ทั้งเพื่อนสนิทมากๆอย่างจูน เบส ลูกซอง หลายคนผมไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ ดีใจจัง
“ นุ ต้าล่ะ ” อึ๊ก จูนจ๋า ทำไมถามน่ากัด
“ ตายแล้ว ” โห แรงนะไอลิงเผือก
“ บ้า ถามจริงๆนะ ” ยังจะไม่เลิกกันอีกใช่ไหม
“ จะไปค่ายกันเหรอ จูนๆ ” ผมรีบดึงความสนใจคืนมา ไอนุก็หัวเราะฮ่าๆดังลั่นห้อง
“ กำลังคิดจะไปน่ะ ว่าจะชวนกีไปด้วยกันน่ะ แต่ป่วยแบบนี้คงไม่ไหวมั้ง ”
“ ไหวดิ ใกล้หายแล้ว ”
“ จะป่วยอะไรมากมาย แค่โรคอ้อนมืออ้อนเท้า พามันไปเลย รำคาญ ” ไอนุนี่ใจร้ายจังวะ
“ งั้นเดี๋ยวไปเอาใบสมัครมาให้นะ ถ้าไม่ไปก็ไม่เป็นไร พวกเพื่อนๆเราก็ไปกันนะ ” ไอซอง ไอพล ไอเบส โบกมือหยอยๆให้ พวกนี้ไม่ค่อยคุย อาจจะเกรงใจคนป่วยมั้ง
“ อ้วนกับเกียร์ไม่มาด้วยเหรอ ”
“ สองคนนั้นออกเดท ” ไอพลตอบแทนจูน เออ ดีมีแต่คนรักกัน อย่างที่มีคนบอกไว้เลย เวลาแบบนี้เห็นนกรักกันยังเคือง ตอนนี้ผมก็เป็นแบบนั้นแหละ
สองวันผ่านไป ผมหายเป็นปกติ กลับมาอยู่ที่คอนโดแล้ว แผนการเดิมโดนยกเลิก ต้องทนอยู่ในห้องของไอต้ามันต่อไป อีกไม่ถึงเดือนก็จะสอบปลายภาคแล้ว ผมยังไม่ค่อยพร้อมเลย
“ นุกูเรียนไม่ทันว่ะ ” ผมระบายกับไอนุช่วงพักกลางวัน เวลานี้เหลือมันคนเดียวที่ปรึกษาได้
“ ถ้าไม่ทันจริงๆก็ดรอปเถอะ ดีกว่าเอฟนะ ถ้าจะให้ดีมึงไปถามอาจารย์ดีกว่าเผื่อจะยอมบอกคะแนน มึงจะได้ชั่งใจใหม่ ” วิชานั้นเป็นวิชาเฉพาะของอีกคณะหนึ่ง ที่ผมต้องเรียน โชคดีที่ไม่มีวิชาชั้นสูงของรหัสนี้
หลังจากพักกลางวัน ผมไปขอพบอาจารย์ท่านนั้น โดยแวะไปเอาใบดรอปที่สำนักทะเบียนมาพร้อม ที่สำคัญใบรับรองแพทย์ที่ไปป่วยให้คนไร้ค่าตั้งสี่ห้าวัน
“ เธอที่ป่วยไม่ม่เรียนอาทิตย์นึง ใช่ไหม ” อาจารย์ทักทายผมก่อน ทำเอาผมกลัวเลย
“ ครับ ”
“ เป็นยังไงบ้าง ป่วยเป็นโรคกระเพาะเหรอ ”
“ ไม่ใช่โรคกระเพาะครับ ตอนนี้หายดีแล้วครับ คือ ... ผมมาปรึกษาเรื่องดรอปครับ ” อาจารย์ทำหน้าตกใจ
“ บอกรหัสมาซิๆ ” ผมบอกรหัสประจำตัวไป ท่านเปิดสมุดสองสามหน้า
“ กลางภาคยี่สิบสี่จุดหกบวกช่วยสิบ ... อีกยี่สิบคะแนนคิดว่าทำไม่ได้เหรอ ” ผมก้มหน้างุดๆ ก็มันไม่รู้เรื่องเลยนี่ครับ ช่วงที่หยุดไปก็อ่านไม่ได้ ไม่มีสมาธิ
“ ครูดูจากที่เธอเข้าเรียน คะแนนก็เกณฑ์ดี ถือว่าช่วยกัน เธอไปรับใบดรอปมา ถ้าคะแนนเอฟ ครูดรอปให้เอง ” ผมยิ้มจนปากแทบฉีก อาจารย์ใจดีสุดๆเลย พอผมยื่นใบดรอปอาจารย์อดตีมือผมไม่ได้ครับ บอกว่าดีนะมาถามก่อน ผมว่าจะเก็บเรื่องนี้ไม่บอกไอนุมัน จะเข้าสอบให้มันตกใจเล่น หุหุ
ระหว่างทางผมต้องผ่านคณะของไอบ้านั้น ผมอยากจะหันไปมอง แต่มันฝืนทนจริงๆ กลัวจะเห็นมันคบคนใหม่ กลัวสารพัดจะกลัว
“ เดินไม่ดูทางเดี๋ยวก็ตกท่อ ”
“ สัดไอพล มึงตามกูเหรอ ”
“ ตามดิ เห็นออกจากห้อง อาจารย์ ... ไปทำอะไรมา ” อ่อ มันเรียนเหลื่อมกันกับผมครับ
“ ปรึกษาราชการลับเว้ย มึงไปค่ายไหม ” ค่ายนี้เป็นค่ายของชมรมสายบำเพ็ญประโยชน์จัดขึ้น ไปโรงเรียนแถวๆลพบุรี บอกว่าเป็นโรงเรียนเด็กปั้น มหาวิทยาลัยของผม
“ ก็นี่แหละ เอาใบสมัคร จูนหามึงไม่เจอ ออกวันศุกร์เย็น ถึงค่ำ กลับอาทิตย์บ่ายนะ ” ผมรับใบสมัครและหาที่นั่งกรอก เรียบร้อยก็ไปส่งที่ชมรม จะได้แรดแล้วกีเอ้ย ฮ่าๆๆ
---------------------------------------------------------------------------------
พี่บอลกลับไปเช็คที่โรงพยาบาลครับ อีกสองสามวันน่าจะหายดี อันที่จริงไปนอนให้คุ้มเงินประกันอะครับ หุหุหุ ไม่ค่อยงกหรอกเนอะ
เพิ่งเข้าใจหัวอกพวกผู้จัดการครับ ลำบากสุดๆ ผมขยาดแล้ว ต่อไปขอจัดเอกสารส่งพอ
