ช่วยด้วย! ผมได้แฟน***ไอ้เด็กช่างยนต์ By ที...60 ฟ้าหลังฝน หน้า 143 (01/28/61)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ช่วยด้วย! ผมได้แฟน***ไอ้เด็กช่างยนต์ By ที...60 ฟ้าหลังฝน หน้า 143 (01/28/61)  (อ่าน 1412992 ครั้ง)

u-only-one

  • บุคคลทั่วไป

นั่นไง!!! เจ็บตัวบนรถ.......

 :m26:เจ็บมากมั้ยที หัวโขกเนี่ย  :pigha2:

ทำไมอ่านตอนนี้แล้วมันอบอวล น่ารัก หวาน(หลบๆ)
ทีเป็นคนมีระบบระเบียบรู้จักวางแผน ซึ่งเหมาะมากที่จะคอยใส่สิ่งเหล่านี้ให้ปอ
และที่สำคัญ...ปอเค้าจะฟังและทำตามที่บอก ทีมีเหตุผลดีๆเสมอ ยอดมาค่ะน้อง
ส่วนปอ...โอ้โห..คนรักเด็กนะเวลาแสดงออกกับเด็กจะอ่อนโยนมากๆ นี่ถึงขนาดจะรับเด็กมาเลี้ยง
นี่ไง...เริ่มวางแผนเป็นล่ะ ที่เหลือเรื่องรายรับ รายจ่ายทีก็จัดการไง หู้ยยยยย หวานกันจ๊าง

ปล.อยากเห็นหน้าปอตอนมาส่งทีขึ้นรถจัง คงจะน่าสงสาร

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
 เจ็บตัวในรถ  :z3: น่าจะหัวแตกไปเลยนะเนี่ย  :z2:

ปอคิดถูกแล้วที่เลือกทีเป็นแฟน ได้ทั้งแฟน แม่ และคุณครู   :z2:

ออฟไลน์ นัตสึกิ

  • เป็ดตัวกระเปี๊ยก
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
 :a5:

หงะเจ็บตัวในรถ

ไอ้เราก็นึกว่า..........

yunjaejoong

  • บุคคลทั่วไป
หว้า..ไอ้ที่เจ็บตัวในรถนี้มันอะไรกัน เค้าดันคิดไปไกลเลยน่ะเนี้ยเค้าไม่ยอมเค้าไม่ยอม :z3: :z3: :z3:มาต่อไวๆน่ะ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
แค่ความรู้สึก ดีๆ..ก็เพียงพอคับ

SpaTa

  • บุคคลทั่วไป
พี่ที วันละ 40 ใช้ไงเนี๊ย -..-

เด่วจะลองเอาไปใช้บ้าง
เพาะว่าตังที่ได้ๆมา (พ่อแม่)
หาย เรียบไม่เคยมีเกบสักที เห้ออ

 :o12: :o12: :sad4: :sad4:

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

ryokung

  • บุคคลทั่วไป
 :z13:

จิ้มๆๆๆแวะมาจิ้มคัฟ

ออฟไลน์ Nabee

  • 너만 사랑해~♥
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-3

สรุปว่าที่เจ็บตัวเนี่ย...หมายถึงหัวโนใช่ป่ะ???
ไอ่เราก็คิดไปซะไกลเลยนะ...นึกว่าจะตบกันเลือดตกยางออกซะอีก
555555555555555555+

แล้วที่ให้ใช้เงินวันละ 40 เนี่ย...จะว่าโหดก็โหดนะ
แต่จะว่าดีก็ดีเหมือนกัน...มีน้อยใช้น้อย
ชอบวิธีคิดของทีนะ...เพราะว่าวิธีนี้จะทำให้เราสามารถเก็บเงินได้จริง ๆ

นับวันยิ่งอ่านเรื่องนี้ยิ่งชอบอ่ะ...ปอกวนได้ใจมาก ส่วนทีก็ยอกย้อนได้น่ารักน่ายิก
คู่นี้เหมาะสมกันจริง ๆ นะ...อ่านทีไร ยิ้มไม่หุบสักที
เป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยนะค่ะ...คนโพสต์ด้วยจ้า...อิอิ *^^*

pilfer

  • บุคคลทั่วไป
ดีครับ

เพิ่งตามอ่านทัน เป็นคนชลบุรีเหมือนกันเลย ที่เค้าว่ากันว่าคนชลบุรีหน้าตาดีทุกคน พี่ว่าจริงไหม ผมว่าจริง ไม่มีเถียงยอมก้มรับความจริงกันเถอะ 555+

มาเที่ยวสัตหีบบ้านผมเลย มากันวันไหนเนี่ย  ...

มาเที่ยวอีกวันไหน รบกวนโพรสล่วงหน้านะครับ จะได้ไปขอลายเซ็นต์ 
ขอเป็น FC พี่ทีกับพี่ปอ ด้วยคนครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






panuwattew

  • บุคคลทั่วไป
 :laugh: กรี๊ดวันละ 40 บาท

ทีงกจริงหนอ เด็กหนุ่มกินข้าวก็หมดแล้ว

เจ็บตัวบนรถนี่ไม่หัวแตกเลยหรือ 555+ :3125:

tawan

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ กว่าจะไร้เดียงสา

  • อาจมีค่าเพียงหยดน้ำ...สักวันจะกลายเป็นฝน
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-26
โห.....สงสารปออ่ะ เหลือเงินใช้วันละ 40 บาท

ที่สำคัญคือปอไม่เถียงสักคำ

น่าร๊ากกกกกกก




ออฟไลน์ knightofbabylon

  • it's sorrow that feeds your lies!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-51
ใช้เงิน40บาทต่อวันนี่มันพอจริงๆเหรอคะ (อันนี้สงสัยจริงๆ ไม่ได้แกล้งกวนประสาทเล่นนะ)
ถ้าเป็นเรานี่ ค่อนข้างโหดร้ายนิดนึงนะ 40 บาทต่อวัน  o21

ปล. คุณทีโหมดสุภาพชนกลับมาแล้ว 55
คราวนี้เราได้เห็นระบบการจัดการการใช้จ่ายเงิน ที่น่าเอาไปใช้บ้าง (แต่สงสัยจะไม่รอดชัวร์ -*- )
(แซวเล่นนะคะ ^^)

 :L2: ให้กำลังใจคุณที+รอติดตามตอนต่อไปค่ะ

leogemini

  • บุคคลทั่วไป
ปออ่ะน่ารัก


ต้องได้แฟนอย่างทีคอยคุมอย่างงี้แหละ


ดีแล้ว


 :o8:


bbyuqin

  • บุคคลทั่วไป
โหห...รุนแรงซะหัวโขกเลย :m20:  จิ้นกันไปไกล๊ ไกล....

แต่ชอบวิธีบริหารเงินของทีน๊า...อย่างนี้รับรองอนาคตสบาย...จะได้ฝึกนิสัยปอด้วย

ปล. ไม่ได้ชื่นชมปอคนเดียว...คนอ่านก็รักทีเหมือนกันนนน :กอด1:

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4

koo_jarm

  • บุคคลทั่วไป
เกือบแตกในรถด้วยอะ  กร๊ากกกกกกกกกก
ประหยัดเพื่ออนาคต   o13

m_pop91

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักดีครับ
ไม่ว่าจะเป็นวิธีคิด
การวางตัว การใช้ชีวิตประจำวัน
ผมว่าถ้าใครทำได้แบบนี้คงมีความสุข
เหมือนที่ทีกับปอมี

jaylayjay

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ railay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 983
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0

Badmiffy

  • บุคคลทั่วไป
40 บาท!! ถ้าเป็นหนูอยุ่ไม่ได้แน่นอน  ไม่ได้ใช้เงินแล้วขาดใจ!! 555+

พี่ที่เนี่ย เหมือนเป็นแม่พี่ปอเลย คุมมันซะทุกอย่าง

แล้วพี่ปอก็ไม่เถียง น่ารักกันจริงๆ  ว่าแต่เป็นไงบ้างคะ เจ็บตัวเลยพี่ปอนี่รุนแรงจริงๆ!  :laugh: :laugh:

Phawaii

  • บุคคลทั่วไป
ชอบจังที่จะมี อนาคตร่วมกัน น  เห้ออ อิจฉาจังเลย ย ย!!

 :man1:

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3998
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2

phoenixboys

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมากคับรีบๆมาต่อนะคับ^^

ออฟไลน์ LEO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-3
ช่วยด้วย! ผมได้แฟนเหี้ย ไอ้เด็กช่างยนต์ 32…ไข่ตก
 
บ่นนำ
ไม่มี (แล้วจะบอกทำไมวะ)

ผมมุ่งหน้าเข้ากรุงด้วยสีหน้าอยากลาโลก ตื่นตั้งแต่ตีสี่  เหนื่อยที่ต้องตื่นเช้ามืดและเดินทางมากกว่าทำงานซะอีก ไอ้เรื่องงานก็ให้กูนั่งซะจะเป็นง่อยอยู่แล้ว วันๆหนึ่งนับก้าวตัวเองได้เลย ...เริ่มบ่นอีกแล้ว กลับมาๆ
   ผมขึ้นรถทัวร์ปรับอากาศ  นั่งติดกระจกด้านซ้าย หยิบหูฟังยัดเข้าหูตัวเอง ไม่ได้อยากจะฟังเพลงเท่าไหร่หรอกแต่ไม่อยากหลับ นั่งเงียบๆเดี๋ยวหลับไปจะโดนคนฉุด 55+ (แต่ถ้าคนข้างๆหลับระวังให้ดีนะ  กูจะ....ละไว้ในฐานที่เข้าใจ(หลับตามนั้นเอง)) รถมาจอดที่เอกมัย เวลา 06.15 โดยประมาณ ผมขึ้นบีทีเอส  ต่อด้วยการเดินเท้า ไปทำงานก็เหมือนเดิม   มาก่อนชาวบ้านชาวช่อง มีแต่ยามหน้าห้องนั่งหัวKโด่ เอ้ย! หัวโด่เฉยๆ
“สวัสดีครับมาแต่เช้าเลยนะครับ” พี่ยามทักผม
“สวัสดีครับ” ผมทักทายตอบ
 “มาจากชลครับ” ผมตอบกระท่อนกระแท่น พี่ยามยืนทำหน้างง (อ้าว กูตอบไม่ตรงคำถามเหรอวะ) ผมจึงอธิบายขยายความเพิ่มเติม
“วันหยุดผมกลับบ้านที่ชลบุรีครับ  แล้ววันจันทร์ตอนเช้าผมก็จะกลับมาทำงาน บางวันรถติด บางวันก็ไม่ติด เลยต้องเผื่อๆเวลาครับ ” (เข้าใจไหมพี่...ผมยิ่งง่วงนอนอธิบายตอนนี้ก็วกวน)
“อ้อ บ้านอยู่ชลเหรอครับ”
“ครับ” (พี่ตอนนี้ผมเงี่ยนอยู่  เอ้ย! ง่วงอยู่ผมยังไม่มีอารมณ์สนทนา เพราะผมพูดไม่รู้เรื่องแล้ว...ถ้าเป็นอารมณ์เงี่ยนก็ว่าไปอย่าง จะเปิดอกคุยกันเลยยย 55+ )
หลังจากที่ผมพูดจบผมก็ขอตัว  เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าเข้าสู่ห้องพักผ่อน(ที่ทำงานมีห้องนอนด้วยนะโว้ย ...ห้องพักผ่อนตอนเที่ยงแต่มันไม่ใช่เตียงหรอกนะเป็นโซฟาของใครของมัน) ผมตั้งปลุกไว้ ของีบสัก30 นาที
 
...................................................................................

เสียงนาฬิกาปลุกผมดังขึ้น
(อะไรวะ กูยังนอนไม่ทันจะหลับเลย) ยิ่งเป็นคนหลับยาก  ตื่นขึ้นมาบ้วนปากสองสามทีเดินเข้าห้องทำงาน ถึงโต๊ะทำงาน (นั่งกวาดสายตามองเพื่อนร่วมงาน)มองไปซ้ายก็ไม่เจริญหู  มองไปขวาก็ไม่เจริญตา  ก็เลยต้องก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป  เฮ้อ...ชีวิตไอ้ที
10 นาฬิกาได้ มีคำสั่งศาลจากเบื้องบน (ผอ.สถาบันเขียนจดหมายลงมา) เนื้อความว่าทางโรงพยาบาลหลายๆแห่งได้ร่วมกันออกหน่วย พอ.สว. และมีจดหมายส่งมาที่สถาบัน    ขอคนไปร่วมทีมด้วย3คน (คุณคิดว่าจะมีผมไหม) ...แน่นอนที่สุด จดหมายมุ่งตรงมาที่ผม ไอ้พวกผู้ใหญ่ออกตัวกันเป็นแถว(เรียนมาทำไมว่ะหมอน่ะ ถ้าขี้เกียจตรวจคนไข้) เวรกรรมตกเป็นของไอ้ที(ก็กูหัวเดียวกระเทียมลีบหนิ  เป็นเด็กด้วย ไม่มีปากมีเสียง)  สรุปได้ 3 คน มีหมอคนนึง  เภสัชคนนึง และไอ้ที (เป็น 3 คนที่อายุน้อยสุด  หมอกะเภสัชอายุน่าจะสามสิบต้นๆ)  ทีเรื่องไปในที่แบบนี้ล่ะให้กูไป ทีเรื่องสัมมนาในโรงแรมหรูๆ รึไปต่างประเทศแย่งกันไป  เจริญจริงๆ…(จะเป็นการไปพอ.สว.ครั้งที่สองในชีวิตนี้)
กำหนดการณ์ไปก็โน่นแหละเดือนมีนา(พูดซะยังกะไกล ก็เดือนหน้านี้แหละ)  วันนั้นก็เลยอารมณ์เสียนิดหน่อย  ในตอนเที่ยงผมเดินลงมากะจะหาไรกินเย็นๆหน่อย  มาคลายเครียดด้วย(โมโหเรื่องเมื่อเช้ายังไม่หาย)
“เชี่ยเอ้ย!  อย่าให้กูเป็นผอ.นะมึง  กูจะสั่งให้ไปทำงานโค้กอีเลิ้งเลยคอยดู  ไอ้ลูกผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดินทั้งหลาย....ให้ไปที่บ้านนอกๆ ไม่อยากไปหรอกมีข้ออ้างสารพัด  ทีไปเมืองนอกเกียร์หมาเลยนะมึง  เค้าเอาตีนยันไว้ยังจะไปให้ได้  กูเชื่อเค้าเลย” ผมเดินบ่นเบาๆคนเดียว(ก็กูไม่แน่จริงหนิหว่า)
ผมเดินเตร่ลงมา เดินมุ่งหน้าไปร้านผลไม้ปั่น เจ้เจ้าเดิม
“สับปะรดปั่นแก้วนึงครับ” ผมสั่งน้ำดับกระหายความร้อนทั้งภายนอกและภายในใจ  ขณะที่ผมนั่งรอน้ำปั่น
“น้องๆ พี่ขอเวลาแป๊ปนึงนะครับ” (ขอกูเหรอ)
“เอาดิพี่  ว่ามามีอะไร” (กูยิ่งหงุดหงิดเล็กน้อยถึงปานกลาง)
“น้องพี่ว่าน้องหน้าหมองๆนะ  ทำงานเครียดมากเลยเหรอครับ เอาน้ำผลไม้พี่ไปกินดูไหม”(แหนะๆมาโฆษณาขายของ…ทักซะกูเสียเลย) พี่เค้าแต่งตัวเหมือนมาขายประกันแต่มาขายน้ำผลไม้ ที่สามารถรักษาได้สารพัดโรค(เค้าว่างั้นนะ) มากัน2คน อีกคนเป็นผู้หญิง
“ผมกินน้ำผลไม้ปั่นของผมก็ดีอยู่แล้วครับ ขอบคุณครับที่มาบอก”(ฝืนๆตอบดีไปงั้นแหละ  มันเป็นการตัดบท แสดงจุดสิ้นสุดของการสนทนา)
“แต่มันให้ประโยชน์ไม่เหมือนกันนะน้อง ของพี่มัน......(สาธยายไปรักษาโรคครอบจักรวาล)...” (อยากสนทนากะกูมากใช่ไหม) เค้าพูดยังไม่จบผมก็เดินไปเอาน้ำปั่นที่สั่งไว้   ยังเดินตามผมไปอีกแหนะ(กูไม่ใช่นักโทษนะเว้ย)  ผมได้น้ำปั่นเสร็จก็มานั่งที่เดิม(กูจะจัดการสองคนนี้ยังไงดี  .. ก็บอกแล้วว่าไม่สนใจ ติดยังกะเหาฉลามอยู่ได้)
“ทำมาจากน้ำผลไม้แท้ๆเลยนะค่ะน้อง มีเป็น20ชนิด เป็นผลไม้จากแคนาดาทั้งนั้น....”  ฝ่ายหญิงพูดเสริม ขณะที่ผมนั่งดูดน้ำปั่นที่นั่งเดิม
“ผมฟังข้อดีของพี่มาหลายนาทีแล้ว   แล้วข้อเสียล่ะ เล่าให้ผมฟังหน่อย”  ผมพูดแล้วมองหน้าทั้งสอง  เค้ายิ้มๆคงคิดประมาณว่า(มึงไม่น่าถามเลย ใครจะพูดข้อเสีย...ประมาณนั้น)
“ไม่มีน้อง  มันเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้เจือปน ไม่มีข้อเสียหรอกค่ะ”(พี่ผลิตเองรึไง  ถึงมั่นใจขนาดนั้น)
“ถ้าอย่างงั้นผมขอถามพี่หน่อย  นอกจากน้ำผลไม้20ชนิดสั่งตรงจากแคนนาดาของพี่แล้ว  พี่คิดว่าบนโลกนี้มีอะไรอีกบ้างไหมที่มีด้านดีอย่างเดียว”  ผมถามกลับ ทั้งสองคนมองหน้ากัน(คงไม่คิดว่าเด็กอย่างผมจะกล้าพูดมั้งคงเห็นเอ๋อๆ55…รู้จักไอ้ทีน้อยไปซะแล้ว)
“เอาล่ะผมให้เวลาพี่คิด เดี๋ยวผมมา” ผมพูดต่อและเดินไปที่ซุ้มขายน้ำปั่น สักพักก็กลับมาผมยื่นน้ำแตงโมปั่นให้ทั้งสองคน
“ไม่ต้องตกใจ ผมเลี้ยงเอง พี่พูดมาเยอะแล้วพี่คงหิวน้ำ” ทั้งสองยิ่งงง เต๊ก ไปกันใหญ่
“พี่คิดออกรึยัง .........เห็นมั้ยโลกนี้มันไม่มีอะไรหรอกที่มีด้านดีอย่างเดียว ขนาดต้นไม้ที่เรานั่งหลบแดดอยู่นี่มันมีข้อดีมากมาย เป็นทั้งที่หลบแดด  ทั้งให้ออกซิเจนให้เราหายใจ  ให้ดอกให้ผลเป็นทั้งที่อยู่ของพวกนกพวกหนู มันยังมีข้อเสียให้เราได้เก็บกวาดใบที่มันร่วงทุกเช้า”    (น้ำที่เลี้ยงถือเป็นค่าที่ฟังกูบ่นแล้วกัน)
“แต่น้ำผลไม้นี้ผ่านการผลิตที่ได้มาตรฐานของสากลเลยนะ  พี่ก็กิน ก็รู้ว่ามันดีขึ้น น้องจะลองดูก่อนไหมล่ะ” (ยังพยามขาย  พูดแต่ส่วนดีๆมันเฉยเลย)
“ถ้าพี่จะยืนยันว่ามันมีแต่ส่วนที่ดี งั้นผมถามหน่อย ว่าพี่ขายขวดเท่าไหร่” ผมพูดคนขายคงดีใจนึกว่าผมจะซื้อ
“ขวด1600 ถ้าน้องซื้อสองขวดพี่คิดแค่สามพัน” (แค่สามพันเหรอ ฟังเหมือนน้อยเนอะ)
“แล้วแต่ละขวดใช้ผลไม้กี่ลูก”  ผมถามข้อมูลต่อ
“โห้  น้องใช้เยอะเลยแหละ คั้นเอาแต่น้ำผลไม้อย่างเดียวไง ไม่ได้เจือปนอย่างอื่น ลูกใหญ่ๆคั้นน้ำออกมาได้แค่นิดเดียว กว่าจะได้แต่ละขวดใช้เยอะเลยนะ” คนขายนำเสนออย่างภาคภูมิใจ
“พันลูกได้ไหม…ถ้าพันลูกก็ตกลูกละบาทหกสิบสตางค์” 
“พี่ว่ามากกว่านะ” คนขายพูดก็พยายามพูดเยอะเข้าไว้มั้งจะได้ดูคุ้มค่ากับราคา
“สองพันลูกได้มั้ย”ผมถามต่อ
“ก็น่าจะประมาณนั้นนะครับ” คนขายยิ้มออกทั้งสอง
“อืมมม  ลูกนึงก็ไม่ถึงบาทและขวดนึงกินได้นานแค่ไหน” ผมทำน้ำเสียงเบาๆ
“ก็เดือนนึง ถ้าน้องกินแล้วมันดีน้องสมัครเป็นสมาชิกก็ได้จะมีส่วนลดให้อีกนะ” คนขายรีบนำเสนอ
“ผมขอนุญาติบอกพี่นะ  ถ้าพี่ยังอยากจะยึดอาชีพนี้พี่ก็ควรศึกษาให้มันละเอียดๆ รู้ในสิ่งที่จะขาย” ผมพูดพี่ทั้งสองทำหน้างง  (ไม่ต้องงง  ยังไม่รู้อีกเหรอว่าจะโดนด่า)
“ผมจะบอกให้นะ  พี่กลับไปก็ไปเปิดศาสตร์โภชนาการด้วยล่ะ เรื่องโภชนาการ    เอาของประเทศไทยนะ ไม่ต้องเอาของแคนาดา(ผมประชด)  เค้าจะมีบอกไว้ว่าสัดส่วนที่เราควรกินอาหาร และผลไม้ในแต่ละมื้อ    ผลไม้1 ส่วน ถ้ากินส้มก็ได้แค่1ลูก และต้องกินเส้นใยมันเข้าไปด้วยช่วยระบบขับถ่าย แล้วพี่นำเสนอมา ผลไม้สองพันลูกก็แสดงว่าต้องกินได้สองพันมื้อ  วันนึงกิน3มื้อก็เอาไปหารสองพัน จะได้หกร้อยเกือบๆเจ็ดร้อยวัน  เท่ากับสองปีเลยนะพี่” ผมพูดน้ำเสียงดังขึ้น พี่เค้าก็ฟังแบบไม่ทันตั้งตัว
“แล้วพี่มาบอกว่ากินได้แค่เดือนเดียว คิดว่าน้ำตาลในเส้นเลือดมันจะเกินไหม ผมว่าพี่เอาโรคเบาหวานมาให้ผมซะมากกว่า  อย่างน้อยผมก็รู้ข้อเสียของมันแล้วอย่างนึง และพี่คิดว่าผมควรจะซื้อโรคมาให้ตัวเองไหม” ผมยืนขึ้น
“ทีหลังถ้าเจอผมก็เข้าเสนอขายได้ไม่ได้ว่า แต่ศึกษาแล้วช่วยมาบอกผมด้วยว่าข้อเสียมันมีอะไรอีก และมาเล่าให้ฟังตั้งแต่กระบวนการคัดสรร ผลิต จนเห็นเป็นสถานะของเหลวที่อยู่ในขวด อีกอย่างช่วยอธิบายให้ผมฟังหน่อย  การย่อยจากที่เห็นเป็นน้ำๆมันแตกตัวเป็นโมเลกุลขนาดเล็กเข้าสู่เซลล์ได้อย่างไร มันถึงมีผลต่อการรักษาโรคต่างๆนานาที่พี่เล่ามาเมื่อกี้ ... เมื่อพี่เล่าให้ผมฟังได้เมื่อนั้นแหละผมจะซื้อ เพราะมันดีจริง…ไม่ต้องคิดมากนะพี่    ถ้าพี่รู้มันก็ดีแก่การขายของพี่เอง  ….…เวลาพักผมหมดแล้ว  ไปล่ะครับ ขอบคุณอีกครั้งที่เอาเรื่องดีๆมาเล่าให้กันฟัง” ผมเดินจากพี่เค้าไป พี่ก็ทำหน้างงกันไม่เลิกมองตามผม (บอกแล้วที่ซื้อน้ำให้ มันต้องมีเรื่องคุยกันยาว…..กูว่าจะลงมาคลายเครียดมาเพิ่มความเครียดให้กูจนได้)


....................................................................................


ทำงานจนลืมเวลา(วันๆก็ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันนี่หว่า) วันศุกร์อีกแล้วเหรอวะ เหมือนกูเพิ่งจะมาเอง(วันจันทร์ก็คิดว่าเมื่อไหร่จะถึงวันศุกร์   พอวันศุกร์เหมือนแปบๆเดี๋ยวก็ครบอาทิตย์อีกแล้ว) ในตอนเที่ยงทุกคนก็นั่งกินข้าวกันตามปกติ ผมแอบชำเลืองไปเห็นหมอคนหนึ่งห่อกล้วยมากินด้วย(ที่ทำงานมีข้าวให้กินฟรี  ใครอยากกินอะไรเสริมก็ห่อมากินเอง) ไอ้เจ้าพี่หมอคนนี้ก็กินยังกะมันอร่อยมาก  ผมมองจนต้องกลืนน้ำลายตาม
“ทีกินกล้วยไหม” หมอถามพร้อมยื่นกล้วยมาให้ (กูมองจนสังเกตได้ชัดเชียวเหรอวะ)
“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมมองเฉยๆ  ขอบคุณครับ” (แต่ก่อนกูเห็นกล้วยก็เฉยๆแหละ แต่เห็นหมอกินซะกูอยากกินตามเลย)
   หลังกินข้าวเสร็จผมเดินปรี่ขอกุญแจมาไขล๊อคเกอร์ เพื่อที่จะเอาโทรศัพท์โทรหาไอ้ปอเป็นการด่วน
“ปอ”
“มีอะไร  ปกติไม่เห็นโทรมาตอนเที่ยง”
“กูกลับไปตอนเย็น มึงไปซื้อกล้วยไข่ให้กูหน่อยดิ”  (อะไรกูจะอยากกินขนาดนั้น)
“เอากี่ลูก” (มีด้วยเหรอวะ กล้วยเค้านับขายเป็นลูก)
“กวนประสาทกูล่ะ  ปอ”
“อ้าวกูถามมึง มาด่ากูเฉยเลยไอ้นี่”
“เออ  แล้วแต่มึงจะเห็นสมควร” ผมพูดประชดมัน
“ตัวก็แค่นั้นจะกินซะกี่ลูกวะ”
“ให้กูอิ่มแล้วกัน” (ถ้ากูกลับไปแล้วกินไม่อิ่มมึงโดน)
“เอาใส่ถุงเนอะ” (อ้าวไอ้นี่จะให้กูด่ามึงให้ได้เลยใช่ไหม)
“ปอออ แล้วแต่มึง   จะหอบใส่เสื้อมา ใส่ใบตองมากูก็ไม่ว่า” (กวนกูฉิบหาย)
“55+ไอ้บ้า” (มึงนะดิบ้า)
   สิ้นสุดการสนทนาผมก็เอาโทรศัพท์ไปไว้ล๊อคเกอร์ เอากุจแจไปคืนเข้าทำงานต่อ

   ในตอนเย็นผมรีบปรี่ออกมาอย่างเร็วรีบกลับชลเลย อารมณ์อยากกินกล้วยยังไม่หาย(มานั่งคิดอีกที ทำไมกูไม่ซื้อกินในกรุงเทพวะ...โง่ครับคิดไม่ทันก็ได้สั่งไอ้ปอไปแล้ว)
   ผมถึงบ้านประมาณ5โมงกว่าๆยังไม่หกโมงเลย ขึ้นไปบนห้องเห็นไอ้ปอนั่งเล่นเกมหน้าคอมฯ ฟังเพลงเฉยเลย  (กูเป็นผู้อาศัยมึงใช่ไหมเนี้ย)
“น่ะ ไข่มึงวางบนโต๊ะ” ไอ้ปอพูด(ไม่หันหน้ามามองกูเลย)
“ห๊ะ  ไข่อะไร”
“อย่ามาโง่เฉียบพลัน” ดูมันด่าผมโง่เฉียบพลัน ...(แหมมม ทีคำด่าเรียนรู้เร็ว)

ข้อมูลเพิ่มเติม
การโง่ แบ่งออกเป็น2ประเภท
1.       การโง่เฉียบพลันหรือโง่ชั่วคราว  คือ การจำหรือระลึกไม่ได้ในขณะนั้น
2.       การโง่เรื้อรังหรือถาวร คือ การที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่รู้มาแต่ไหนแต่ไร และไม่พยายามจะรู้
นิยามนี้มีชื่อว่า  นิยามของที 555 ผมเคยบอกไอ้ปอไม่คิดว่ามันจะจำได้(ทีเรื่องมีสาระไม่ยักกะจำ)

“อะไร” ผมยังงงๆกับคำพูดมัน
“อ้าวก็ตอนเที่ยงมึงบอกให้กูซื้ออะไร”
“กล้วยไข่”ผมพูด ไอ้ปอหันหน้ามาอย่างไว   ก่อนที่จะยิ้มแบบไม่น่าให้อภัย (กูอุตส่าห์หอบสังขารมาจากกรุงเทพเพื่อที่จะมาดูถุงไข่มึงเนี้ยนะ)
“เหรอ  มึงบอกกล้วยไข่จริงดิ” มันยังพูดแบบยิ้มๆ
“เออ   คำว่ากล้วยมันหายไปไหน”   ผมเน้นคำว่ากล้วยชัดๆ(ทำไมมันเหลือแต่ไข่)
“มึงโทรมาสงสัยมันตกหล่นแถวๆบางปะกง55+” มีหน้ามาหัวเราะ(กูไม่น่าฝากท้องไว้กับมึงเลย)
“ตลกล่ะ ไอ้ปอ”
“ไป  ไปซื้อ  เดี๋ยวกูพาไป ไปตลาดหน้าศาลด้วย ไปไหม” (ทำผิดแล้วเอาเดินตลาดมาล่อให้กูอยากไป)
“เดี๋ยว! แล้วเมื่อกลางวันมึงฟังเป็นไข่เหรอ” ผมยังติดใจ
“เออ”
“แล้วที่มึงบอกว่าใส่ถุง ก็คือนี่...” ผมชี้ไปที่ถุงหูหิ้วที่ใช้กระดาษทำเป็นฝอยๆห่อไข่เป็นถาดเลยล่ะมั้ง
“เออ”
“แล้วที่มึงพูดเป็นลูกๆล่ะ มึงเรียกไข่เป็นลูกเหรอ”
“เออ...ก็ที่บ้านกูเรียกแบบนี้นี่หว่า”
“โอ้ยยย ปอมึงโง่ขนาดนี้ก็ไปท่องกอไก่ ขอไข่ใหม่ไป”
“โอ้ยยยลูกพี่ที ลูกน้องปอขอโทษษษษ”มันล้อเลียนเสียงผม (ดีที่ยกให้กูเป็นลูกพี่ ..อภัยให้)
“ไปซื้อด่วนเลย” ผมกับไอ้ปอเดินออกจากบ้านไปซื้อกล้วยตลาดใหม่ก่อนที่จะไปตลาดหน้าศาล (คงมาเดินดูเฉยๆแต่ไม่ซื้อหรอก อยู่ในช่วงเทศกาลประหยัด) คนอื่นเดินดูของไปกินขนมกรุบกรอบ กินน้ำปั่นไป แต่ผมกะไอ้ปอเดินไปกินกล้วยไป(55+ทำไปได้)
ว่าจะไม่ซื้ออะไร ก็ซื้อจนได้ ซื้อรองเท้าแตะให้มันคู่นึงเพราะอันเก่ามันขาด มันไม่มีใส่  ไปไหนมาไหนก็ใส่แต่ผ้าใบ(ไอ้ผ้าใบก็ใช่ว่าจะดีนะ เยินจนหมดสภาพแล้วเหมือนกัน...แต่รอเดือนหน้าก่อนนะปอ)
“มึงไม่เตะบอลเหรอ”  ผมถามขณะเดินดูของ
“หึ  กูหยุดเสาร์ อาทิตย์”
“มีหยุดด้วยเหรอวะ”
“อ้าวมีดิ  เตะทุกวันมันก็เหนื่อยเหมือนกันนะเว้ย”
“แต่ก่อนกูไม่เห็นมึงอยากจะหยุด บ้าคลั่งเตะ บางวันบอกไม่สบายไม่ไปเรียน  ตกตอนเย็นวิ่งแจ้นไปสนามฟุตบอลก่อนใคร”
“พูดอย่างงี้มึงก็หาว่ากูขี้เกียจไปเรียนนะเซ่” ไอ้ปอพูดอมยิ้ม
“ก็แหง่ล่ะ นิสัยมึงไม่มีใครรู้เท่ากูแล้ว  ฉะนั้นอย่าพยายามโกหกกู”
“ถ้าไม่จำเป็น” มันพูดเบาๆ
“จำเป็นก็ไม่ได้” ผมพูด (แต่กูก็จะโกหกถ้าจำเป็นเหมือนกัน)
“เป็นผัวเป็นเมียกันมันต้องรักกัน มีเรื่องอะไรก็ต้องเปิดอกคุยกันสิวะจริงไหมน้องที” มันพูดทำสีหน้าจริงจัง  มันล้อผม(ไอ้ปออออออ)
“อีกไม่นานหรอกกูว่า  ใกล้แล้วล่ะ ใกล้ที่มึงจะโดนตีนแล้ว”
“โหดฉิบหาย”  (รู้ว่ากูไม่ชอบ ยิ่งมาล้อ) ผมเดินเบียดไปกับมัน รู้สึกว่าคนจะมองกันเยอะ(กูยังเดินกินกล้วยเหรอวะ...ไม่หนิ) ผมมองไอ้ปอ มันก็ไม่ได้กิน  มองมืออีกข้างนึง
“เฮ้ย” ไม่รู้ตัวเลยว่าเดินจับมือกันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ (กูระวังแล้วนะ หางโผล่จนได้)ผมรีบปล่อยมือทันที ผมตกใจจนก้าวขาไปข้างๆ(พยายามยืนไกลมัน...ด้วยความตกใจยังไม่ทันได้คิด แต่ไม่รู้ว่าจะถอยไปทำไม)  ตีนดันไปเหยียบ คนข้างๆ(ทางมันยิ่งแคบ)
“ขอโทษครับๆ”ผมพูดพลางก้มหัวลง ยังไม่เห็นหน้าคนที่เหยียบเลย ไอ้ปอคว้ามือผมดึงกลับ
“น้องผมเอง มันเซ่อซ่า”  ไอ้ปอพูด(อ้าวไอ้นี่)
“แล้วมึงจะกระโดดออกไปทำไม” มันถามผมต่อ
“ก็เราเดินจูงมือกันอยู่” ผมตอบเสียงเบาๆ
“แล้วทำไม” มันถามด้วยสีหน้ากวนตีน
“ก็คนมันมอง”
“มองแล้วทำไม” มันถาม(ก็กูอาย)
“ก็ไม่อยากให้ใครมอง” ผมพูดเบาๆ
“ไม่อยากให้มันมองใช่ไหม กูมีวิธี” มันคว้ามับ กอดคอผมเฉยเลย
“เฮ้ย  ไอ้บ้า”
“กอดคอกันเดินไง เค้าจะได้คิดว่าเป็นเพื่อนกัน…มึงก็ทำตัวให้มันเป็นปกติ อย่าลุกลี้ลุกลน”
“หึๆ แบบนี้คนยิ่งมอง กูว่าเดินแบบเดิมดีกว่า” ผมบอกมัน(เพื่อนกันเค้าเดินแบบนี้เหรอ...ไม่ใช่กูยังไม่เคยเดินกับเพื่อนแบบนี้เลย)
“จะเอาไงกันแน่”
ผมเลยต้องเดินจูงมือมันเอาถุงรองเท้าปิดแล้วรีบหาทางออกจากตลาด
หลังจากที่ออกมาได้
“หิวข้าวยัง” ผมถาม
“ทำไมจะกินข้าวนอกบ้านเหรอ”
“เออ”
“ไม่เอา  กูไม่อยากลดเงินรายวันกูอีกแล้วววว”พูดเหมือนเข็ด
“ไม่ ไม่ต้องลด  ว่าแต่ที่ลดลงมันลำบากมากเลยเหรอ” อันนี้ผมถามจริงๆถ้ามันลำบากมากก็จะเพิ่มให้(ไม่ได้โหดร้ายเท่าไหร่น๊า)
“ก็ไม่เท่าไหร่” (มึงพูดเองนะ   เดี๋ยวกูจะไปตรวจสอบที่บ้านมึงว่ามึงไปขอใช้ไหม)
“ก็ดี” ผมเดินไปซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้ง 60 บาทตรงทางออกแล้วไปนั่งกินที่ริมทะเล(อยู่ติดกะตลาด)
 “มึงทำงานเหนื่อยมากไหม” มันถามผมขณะนั่งกิน
“ก็เรื่อยๆ”
“ทนอยู่ได้ป่าว”
“ก็พอทนได้”
“ไม่ได้ก็ออกนะ กูหาเลี้ยงมึงได้ ไม่อดตายหรอก”(โห้ พูดซะดูดีเลยนะมึง)
“หึ หึ” ผมขำเล็กน้อยเหล่มองมัน
“จริงๆ  กูพูดจริงๆ…มึงอยู่กับกูไม่อดตายหรอก”
“ไม่อดตายหรอก  แต่จะได้ตายก่อนที่จะอด  มีเรื่องเป็นรายปักษ์เลยนะมึง”
“รายปักษ์คืออะไรวะ”
“ทุก15 วัน  เอ๊ะเดี๋ยวมันมากไปรายสัปดาห์เลยมั้ง”
“ไอ้บ้า  กูไม่มีเรื่องกับใคร จะเป็น2 เดือนอยู่แล้ว”
“เหรออออ”
“มึงรู้ไหม มึงได้กูเป็นผัวมันดีขนาดไหนแล้ว” มันพูดขณะมันเคี้ยวข้าว
“นี่ ผัว” ผมเอามือตบปากมัน
“โอ้ยยย”
“ถ้ามึงยังพูดผัวๆ เมียๆ อีก  มึงจะโดนหนักว่านี้” (รู้สึกว่าคำนี้มันจะเริ่มกลับมาพูดอีกแล้ว)
“กูก็ไม่รู้จะเรียกอะไร”
“กูมีชื่อเรียก  เรียกทีเฉยๆ”
“เรียกน้องทีได้ไหม” (ยังๆอยากโดนอีก)
“ไม่ได้  ดีแค่ไหนแล้วที่กูให้มึงเรียกชื่อเฉยๆ”
“โห่ เว้ยไอ้นี่  ทีหลังกูจะเรียกก็คงต้อง กราบเรียนคุณทีล่ะมั้ง”
“ได้ก็ดี”
“มึงรู้ไหมกูไม่เคยเรียกใครว่าน้องเลยนะ  น้องสาวแท้ๆ กูยังเรียกมันว่าไอ้เลย”
“อ้าวแล้วมันเกี่ยวไรกับกูล่ะ”
“ก็กูอยากเรียกมึงให้มันเพราะๆไง”
“โอ้โห้เพราะซะ  พูดมึง-กูมาตลอดชาติแล้ว”
“ทำไมมึงไม่เข้าใจเลยวะ  กูอยากเรียกมึงว่าน้อง  แล้วให้กูเรียกคนเดียว”
“ไม่ได้  ทีกูเรียกมึงว่าน้อง มึงยังจะเป็นจะตาย”(เมิงเป็นน้องกูตั้งสามปี)
“เออ ไม่เรียกก็ได้วะ” นั่งกินข้าวกันต่อไปเรื่อยๆ ผมก็คิดถึงคำพูดที่คุณๆเม้นกัน ว่าผมไม่ค่อยแสดงความรักบ้างล่ะ ไม่โรแมนติกบ้างล่ะ ปากหนักบ้างล่ะ (เป็นอย่างงั้นจริงเหรอว่ะ)  เอาล่ะวันนี้จะลองเชื่อแล้วเอามาใช้ดูสักครั้ง เผื่อมันจะได้ผลดี  ผมจะบอกรักมัน (แล้วกูจะบอกยังไงดีวะ) เอาก็เอาวะมันเป็นคนตรงๆก็พูดกับมันตรงๆนี่แหละ ผมรวบรวมความกล้าทั้งหมด(ก็มันอายนี่หว่า)
“ปอ” ผมเรียกมัน ไอ้ปอเลิกคิ้วตั้งหน้าตั้งตาฟังผมพูด ปากก็พลางเคี้ยวข้าวไปด้วย เห็นหน้ามันเพิ่มความอายเป็นสองเท่า(บอกรักผ่านโทรศัพท์ดีไหมวะ)
“มึงจะกินผลไม้ป่ะ” ผมพูดเมื่อเห็นรถผลไม้มาจอดข้างๆ พูดออกไปไม่เหมือนในใจที่อยากจะพูด (มันไม่กล้าพูดจริงๆนะ เคยเห็นแต่ในละคร ชีวิตจริงมันไม่กล้าพูดจริงๆ...รึผมเป็นคนเดียวก็ไม่รู้ แต่เวลาพูดแทะโลมเล่นๆน่ะได้ คล่องด้วย  เอาจริงกับไม่กล้า)
ผมไม่รอให้มันตอบ ผมเดินไปซื้อแตงโมกะสับปะรด...ผมซื้อแต่สองอย่างนี้ไม่ต้องสงสัยเพราะผมชอบกิน (เอาวะ มาตั้งท่าดีๆก่อนกู  ทำไมมันตื่นเต้นจังวะ คบกันมาก็ตั้งนานแล้ว...เอาเหอะบอกๆบอก  คิดเสียว่ามันเป็นตอไม้แล้วกัน) ผมเดินหิ้วผลไม้ไปหามัน นั่งลงหายใจเข้าลึกๆ
“ปอ” (รอบสอง) มันก็เงยหน้าตั้งใจฟังปากเคี้ยวข้าวอยู่เหมือนเดิม 2 วิ ผ่านไป
“มึงจะพูดอะไรก็พูดดิ กูรอฟังอยู่เนี้ย  มึงท้องเหรอ” ดูมันกวนประสาทผมได้ทุกวินาที
“กูบอกแล้วกูรับผิดชอบทุกอย่าง ไม่ต้องกังวล 55+….อย่าดิ้นแรงนะลูกพ่อ เดี๋ยวแม่เค้าเจ็บ55+ ” มันพูดพลางก้มหัวเอามือมาลูบหน้าท้องผม (ยัง ยังไม่เลิก)
“ปอ  กูรักมึง” ผมพูดด้วยสีหน้าตั้งอกตั้งใจ รู้สึกว่าเลือดบริเวณใบหน้ามันหายหมด ความชาเริ่มเข้ามาแทนที่  ใจผมเต้นจนรู้สึกได้ ไอ้ปอเบิกตากว้าง เคี้ยวข้าวช้าลงจนหยุดเคี้ยว 
“พูดใหม่สิ” มันบอกผม (จะให้กูพูดใหม่ทำไมวะ ครั้งเดียวกูก็อายเกินพอแล้ว) ผมมองไปที่อื่นไม่ได้สบตามัน (อายเว้ยยยย)
“หูมึงตึงเหรอ”
“กูได้ยินไม่ชัด เผื่อหูกูฝาด” รวบรวมความกล้าอีกครั้ง
“กู-รัก-มึง....ชัดไหม” ผมพูดช้าๆ พูดเหมือนปกติแต่ข้างใน อายโคตรๆ ไอ้ปอหันหน้าคายข้าวที่เคี้ยวลงทะเล ทำสีหน้าปกติ
“มึงตัวร้อนป่าว” มันพูดเอามือมาคลำหน้าผากผม (โอ้ยยย มึงจะทำให้กูอายทำไม...ถ้ารู้แบบนี้กูไม่บอกมึงดีกว่า)
“รึข้าวเหนียวติดคอ เลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง” ดูมันพูด  (มึงงงงงงงงง  กูจะไม่พูดอีกแล้ววววว)
“กูพูดเล่น  กูไม่ได้พูดจริง” ผมพูดทำหน้าเมินๆ(กูอุตส่าห์พูด)
“55+ กูล้อเล่น  กูแค่อยากได้ยินมึงพูดอีกครั้ง ในตอนที่กูตั้งใจฟัง   ถึงมึงไม่ยอมพูดกูก็รู้ ทุกอย่างมึงก็ทำเพื่อกู  กูถึงได้บอกไง ไม่มีใครดีและรักกูเท่ามึงอีกแล้ว มึงคงอายที่มึงพูด  มึงต้องพูดบ่อยๆมึงจะได้ไม่อาย  เหมือนกูไงกูบอกมึงบ่อยๆว่า  กูรักมึงๆๆ กูไม่เห็นอายเลย”  มันร่ายยาว  ความอายผมเริ่มลดลงแต่ดูเหมือนมันมาสอนผมยังไงไม่รู้
“กูบอกแล้วว่ากูพูดเล่น” (ใครอยากบอกให้มึงล้อกูล่ะตอนแรก) ผมพูดทำหน้าเฉยๆเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น
“พูดเล่นจริงดิ” มันเขยิบมาใกล้ผม มือกอดคอ หน้ามันจะชนกับแก้มผมอยู่แล้ว
“หึ  กูพูดจริง” กลับลำอย่างเร็วเลยกู เผื่อมันจูบโชว์แม่ค้าจะว่าไงล่ะ ไอ้นี่มันยิ่งบ้า
“กูนึกว่าจะแน่” มันถอยหน้าออกไป แต่ยังโอบไหล่ไว้
“เอามือมึงออกไปด้วย” ผมสั่ง ไอ้ปอเอามือลง

……………………………………………………………………………………………
เป็นไงครับ อ่านชื่อเรื่องแล้วพอจะเดากันออกไหม ไม่ใช่ไข่ตกจะมีลูกนะเว้ยยยย แต่คำว่าไข่มันตกหล่นแถวๆบางปะกง

เขียนมาเยอะแล้วท่านผู้อ่านทั้งหลายคงปวดตา(แต่จริงๆไอ้ทีจิ้มคีย์บอร์ดจนปวดมือแย้ววว)  ...ติดตามต่อตอนหน้า

สุดท้าย  เม้นให้ด้วย (ตามไม่เลิก)

leogemini

  • บุคคลทั่วไป
น่าร๊ากกกก ทั้งคู่


 :z13:



+1 ด้วยคร้าบบบ

ออฟไลน์ CHOKUN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

koo_jarm

  • บุคคลทั่วไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด