รักนี้…ลิ้นกับฟัน
กระทบกระทั่ง ครั้งที่ 8
By : Dezair
…………………….
แม่เจ้า
พ่อเจ้า
ลูกเจ้า
อะไรก็ได้ ช่วยกูด้วย!!!
น้องเมนะน้องเม พี่ฟูรึอุตส่าห์เป็นพี่รหัสที่แสนดีของน้องเมมาตั้งแต่แรก แล้วนี่เหรอที่น้องเมตอบแทนพี่ฟู! น้องเมตอบแทนพี่ฟูด้วยการให้พี่ชายของน้องเมหอมแก้มพี่เนี่ยนะ!! ทำไมไม่ให้พี่จูบกันเลยล่ะครับ!! ห๊า!!!
โอ๊ย! แล้วไอ้บ้านั่นเอาอะไรคิดว้า!! ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้เพื่อให้ป๋ามึงเห็นก็ได้ เล่นหอมแก้มกูดังฟอดเลยเนี่ยนะ!
ขอย้ำว่าดัง ‘ฟอด’ เสียงงี้ดังเข้าหูผมแล้วไปเต้นอยู่ในสมองตั้งหลายนาที!!
“ทำเป็นอาย แหม! ไอ้ฟูเอ้ย!!” ผมเดินออกจากห้องพัก ไอ้พี่ชายตัวดีก็ส่งเสียงล้อมาจากเฉลียงหน้าบังกะโล ให้ผมต้องเดินออกไปหา แล้วทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้พลาสติกที่ว่างอยู่
ตอนนี้พวกผมเล่นทะเลกันเสร็จแล้ว ทุกท่านอย่าเข้าใจผิดว่าผมโดนหอมแก้มแล้วจะเกิดอาการเขินอาย ผงะถอยหลังแล้วตบหน้าพระเอกอย่างในละครไทย ขืนทำแบบนั้น ผมก็ไม่ได้เล่นทะเลสิครับ! ผมโดนมันหอมแก้มเสร็จ ก็มุดทรายดำลงทะเลไปเลย อายยังไงก็ขอให้ได้เล่นเหอะ! แล้วพอเกือบค่ำ ก็ขึ้นจากทะเลไปอาบน้ำ ไอ้ตอนอาบน้ำก็ใช่เวลานานนิดหน่อยเพราะต้องถูแก้มอยู่หลายครั้งจนเนื้อจะฉีก แถมเลขเด็ดจะผุด ผมก็เลยเลิก
“โห โดนหอมแก้มจนแดงไปข้างเลยเหรอวะ”
ไอ้พี่ถ้วยตวง ช่วยคิดนิดนึง ก่อนจะถามอะไร ผมหันไปจ้องมันด้วยสายตาแบบที่บอกให้รู้ว่า ไม่ตลก ไม่ขำ จนมันต้องโอบไหล่ผมเข้าไปหา แล้วโยกตัวโอ๋
“เป็นไรล่ะ หือ? ไม่ชอบรึไง”
พี่ตวงก็เป็นซะแบบนี้ โอ๋ผมเหมือนว่าผมอยู่ ป.1
“จะให้ชอบได้ไง ฟูเป็นผู้ชาย ถูกผู้ชายหอมแก้มเนี่ยนะ ไม่ดีใจหรอก” ดีดดิ้งหวงตัวได้กระแดะมากๆ ที่จริงแล้ว ผมก็ไม่ใช่คนคิดมาก เอาง่ายๆว่าเล่นแผลงจูบปากไอ้เอกก็เคยมาแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม ผมไม่ชอบให้หมอนั่นหอมแก้ม ไม่ชอบให้มาแตะเนื้อต้องตัวผม สงสัยเป็นช่วง ฮอร์โมนนางเอกในตัวผมมันหลั่งล่ะมั้ง
“แต่ผู้ชายคนนั้นก็แฟนของฟูไม่ใช่รึไง” จ้ะ! แฟนฟูเองจ้ะ!!
“ก็ไม่ชอบอยู่ดี”
ได้แต่งึมงำบอกแบบนั้น เพราะอธิบายไม่ได้ บ้านผมเป็นพวกคิดเองเออเองเป็นหลัก และใครก็เปลี่ยนความคิดไม่ได้ด้วย เพราะงั้น ก็เลยไม่เห็นประโยชน์จะบอกอะไรไป (ซึ่งพวกคุณก็คงตระหนักกันแล้ว ตอนที่แม่ผมปั้นน้ำเป็นตัวแบบไม่ถามสักคำ)
“มันเป็นเรื่องธรรมดาน่ะ ฟู…เป็นแฟนกันก็ต้องมีหอมแก้มบ้าง กอดบ้าง แต่พี่ให้แค่นี้นะเว้ย! บอกไว้ก่อน ถ้ายังเรียนไม่จบ แกห้ามยอมเกินเลยรู้มั้ย” พี่ตวงหันมาสั่งเสียงเข้มขึ้นนิดหน่อย เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามันก็หวงผมเหมือนกัน แหม!นี่น้องชายนะครับพี่ ไม่ใช่น้องสาว
“ห้ามยอมเกินเลย แต่จับนอนห้องเดียวกันเนี่ยนะ!!”
“อ้าว ก็เดี๋ยวแกจะหาว่าพี่กีดกัน”
คิดเองเออเองอีกล่ะ! ฮ่วย!! บ้านนี้ดีเอ็นเอเดียวกันทั้งบ้านจริงๆ!
ผมได้แต่นั่งเอือมให้พี่ปลอบไปตามเรื่อง จน ’แฟนสุดที่รัก’ และสองสาวอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย เราถึงได้ออกจากบังกะโลเด็ก ไปบังกะโลผู้ใหญ่ เพื่อทานมื้อเย็นอันได้แก่อาหารทะเลเผา ปิ้ง ย่าง ลวก
วะฮู้!!! ของโปรด!!!!
……………………………
แต่…
ผมลืม
ผมลืมว่ามาทะเลรอบนี้ไม่ได้มีแค่ครอบครัวรัตนวิจิตร แต่พกครอบครัวตัวปัญหามาด้วย โดยเฉพาะหัวหน้าครอบครัวอย่าง ‘คุณป๋า’ ที่ผมขอจารึกไว้ในกะโหลกน้อยๆว่าผู้ชายคนนี้คือตัวปัญหานัมเบอร์วันของผมนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
“อย่ากินเหล้ามากล่ะธัน เดี๋ยวจะดูแลแฟนไม่ไหว” โอ้ ซาบซึ้งสุดก้นบึ้งหัวใจ ที่คุณป๋าแกห่วงใยผมมากถึงขนาดห้ามไม่ให้ลูกชายกินเหล้าเยอะ
เท่านั้นยังไม่พอ ตอนที่ผมแกะกุ้ง หลังจากประเคนบางส่วนให้ฝาแฝดที่มันนั่งขอส่วนบุญอยู่ข้างซ้ายแล้ว ก็กะจะแกะกุ้งเข้าปากตัวเองบ้าง กรุณานึกภาพตามนะครับ กุ้งอวบๆ ควันร้อนหอมฉุย สีส้มกำลังดีน่ากิน จุ่มลงไปในน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด เปรี้ยว เค็ม เผ็ดสะใจ พอยกขึ้นมา เจ้ากุ้งตัวโตก็ชุ่มไปด้วยน้ำจิ้มจี้ดจ้าด มันค่อยๆเดินทางมาหาผม ให้ต้องอ้าปากโตๆ เพื่อรับเข้าไปให้หมดในคำเดี…ย…ว
แต่
พอดี๊ เหลือบตาไปเห็นปูชนียบุคคล เอ้ย! ผู้อาวุโสนามว่า ‘คุณป๋า’ ที่แกจิกสายตามาที่ผม
กุ้งที่กำลังจะเสร็จนายถ้วยฟู เลยต้องกระเด็นไปอยู่ในจานไอ้แฟนสุดเลิฟที่นั่งข้างๆ แม่ง! เซ็ง!!
ยัง!! วีรกรรมของคุณป๋ายังไม่หมดสิ้นเพียงเท่านั้น เพราะพอวงกับข้าวชักจะล้าแรงไป เหลือแค่กับแกล้มไม่กี่อย่าง และเหล้าเบียร์ พี่ๆน้องๆก็เชียร์ให้ผมหยิบกีต้าร์ขึ้นมาดีด ผมเล่นเพราะนะครับ ใครๆก็บอกว่านิ้วเทพเจ้า
แม่ผมก็รีบหันไปโฆษณาลูกใหญ่
“ถ้วยฟูดีดกีต้าร์เก่งค่ะ ลูกค้าเรียกร้องตลอดเลย ว่าให้ถ้วยฟูขึ้นไปเล่น” นี่แหละครับ คุณนายปานดาวของแท้ นอกจากคิดเองเออเองแล้ว ต้องขยันขายลูกเป็นพิเศษ
“ดีเลย ธันร้องเพลงเพราะ” ห๊ะ!! มัน ‘ดีเลย’ ยังไงครับคุณป๋า!!!
ผมกับไอ้พี่ธันหันหน้ามองคุณป๋าพร้อมกัน และรับรู้ถึงออร่าคาดคั้นอยู่กรายๆ สุดท้าย ผมกับหมอนั่นจะทำอะไรได้ นอกจากที่ผมรับกีต้าร์จากพี่ตวงมาถือเอาไว้ สบตากับไอ้คนที่นั่งข้างๆ เหมือนจะสื่อความในใจผ่านทางสายตา
…เอาเพลงอะไรดีจ๊ะ พี่ธันที่รัก…
“ป๋าอยากฟัง ‘จูบเย้ยจันทร์’…”
โอ้ว!! ป๋าครับ! กลัวจะไม่ได้ร้องกันอย่างเดียว แต่อาจมีมิวสิควีดีโอประกอบเพื่อให้เห็น ‘ภาพ’ ด้วยล่ะครับ
“ป๋า! ถ้วยฟูจะเล่นได้ยังไง จูบเย้ยจันทร์ เพลงโบราณขนาดนั้น” นั่นสิครับ คุณแม่ไอ้พี่ธัน ช่วยปรามสามีนิดนึงเถอะครับ ก่อนที่สามีคุณแม่จะรีเควสท์อะไรที่สร้างความเจ็บปวดให้กับผมมากไปกว่านี้
“อ้าวเหรอ… งั้น ‘บุพเพสันนิวาส’ “ เอ่อ…ป๋า… คือ…
“หือ! ป๋า อยากให้สองคนนี่ร้องเพลงหวานๆใช่มั้ยล่ะคะ ให้พี่ธันเลือกไปเลย…พี่ธัน ร้องเพลงหวานๆนะคะ” แล้วน้องเมก็ห้ามป๋า แต่หันมาส่งเสริมพี่ชาย ซึ่งมันก็นำความตายมาให้พี่ฟูเหมือนเดิมนั่นแหละครับ น้องเมคนสวย!!!
หมอนั่นมองหน้าผม ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ โยนให้เป็นความรับผิดชอบของผม
ก็ได้! งานนี้กูเป็นช้างเท้าหน้าว่างั้น
อย่ามาว่ากันทีหลังล่ะ คุณพี่ธันวา โอเค! งั้น… โซโล่!!!
“พอทราบอายุขวัญตา น้องเอ๋ย พี่มา นั่งทำตา ปริบปริบ น้องอายุสามสิบ สามสิบทำไมยังสวย ยังเต่งยังตึ๋งตึงตัง น้องเอยขาวจัง ขาวดังอา… เอ่อ เพลงนี้ หวานไม่พอเหรอน้องเม”
เกิดเป็นความเงียบกริบทั่ววงเหล้า ผมเลยไม่อาจทนร้องจนจบท่อนได้ ต้องเบานิ้วที่กรีดกรายบนสายกีต้าร์ลง แล้วหันไปถามน้องเม แต่…น้องเมยังไม่ทันตอบ มือใครบางคนก็ผลักหัวผมเบาๆ ให้ต้องหันไปมอง
ไอ้คุณพี่ธันวา!
มือมันยังคาบนหัวผมอยู่เลย ใครอย่าบังอาจเถียงแทนเชียว ว่ามันไม่ได้เป็นคนทำ หมอนั่นยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา
“ดีดกีต้าร์อย่างเดียวไป เดี๋ยวร้องให้”
“อ้าว ก็ไม่บอกแต่แรกนี่หว่า จะเอาเพลงอะไรอ่ะ อย่าเทพมากนะ เล่นสดไม่เก่ง”
มันพยักหน้ารับ ก่อนที่จะทิ้งเวลาเล็กน้อย ให้ทั้งวงปรับอารมณ์จาก สามสิบยังแจ๋ว เป็นเพลงหวา…น….น…
“ก็ไม่รู้ว่าอะไร ทำให้เราได้พบกัน ทั้งที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ เธอก็มีโลกของเธอ ต่างกับฉันมากมาย เหมือนไม่มีอะไรเลยที่คล้ายกัน…” โอ้ว! เพลงงานแต่งได้อีกนะครับ คุณพี่!! แต่จะร้องเพลงไหน ช่วยถามคนดีดกีต้าร์สักคำได้มั้ย คิดจะร้องก็ร้อง แล้วให้กูดีดกีต้าร์ท่อนไหนไม่ทราบ อ้อ! ให้จับจังหวะเองสินะ จะให้คลอดนตรีตอนไหนก็ตามใจผมสินะขอรับ ได้ครับท่าน ได้เลย แหม!
ผมปล่อยให้มันโชว์เสียงสวรรค์ไปท่อนนึงเต็มๆ ถึงได้ดีดกีต้าร์คลอ เพลงนี้ไม่ยากครับ ถ้าคุณเคยดีดกีต้าร์ตามที่ที่เหมาะแก่การบอกรักเนี่ย บอกได้คำเดียวว่าเพลงนี้เป็นเพลงอมตะที่ถูกขอบ่อยมากถึงมากที่สุดเพื่อสร้างบรรยากาศ
สมาชิกในวงเหล้าดูจะเคลิ้มไปกับเสียงของไอ้คุณพี่ธันกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะ คุณนายปานดาว รายนี้ถึงกับฉายรูปหัวใจชัดเจนบนตาดำ ถ้าพ่อผมยังไม่คิดตีตื้นทำคะแนนล่ะก็ มีหวังได้เปล่าเปลี่ยวเอกายามแก่แน่นอน
จบเพลง เสียงตบมือก็ดังกึกก้อง ประหนึ่งเปิดคอนเสิร์ต
“เสียงพี่ธันเพราะจังเลยค่ะ ฟูก็ดีดกีต้าร์เก่ง เข้ากันดีจังเนอะ” ยัยปุยฝ้ายพูด แถมหันไปขอความเห็นจากน้องเมที่นั่งข้างๆ น้องเมคนสวยก็เอาใหญ่ พยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วย ผู้หญิงสมัยนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดเนี่ย!!! ทำไมถึงได้เชียร์นัก ผู้ชายกับผู้ชาย ห๊า!!!
“ป๋าอยากฟังเพลงอื่นอีก” เอ่อ…รู้สึกจะไม่ได้มีแค่ ‘ผู้หญิงสมัยนี้’ ที่เชียร์ผมกับไอ้พี่ธัน ท่าทางป๋าจะกลายเป็นแฟนคลับตัวเอ้ของพวกผมไปแล้ว แต่ว่า…ป๋าครับ จะสนับสนุนให้ผมกับลูกชายป๋าร่วมกิจกรรมอะไรกันก็ช่วยเข้าใจนิดนึง ผมไม่ใช่นักร้องมืออาชีพแสดงคอนเสิร์ตสามชั่วโมงรวด ผมเป็นคนธรรมดา ปุถุชนผู้แสนจะไม่มีอะไร อย่าเรียกร้องเยอะครับป๋า
“ป๋าก็…จะให้ธันร้องอะไรเยอะๆ ให้คนอื่นร้องบ้างสิ” คนร้องไม่ใช่ปัญหาครับ คุณแม่ไอ้พี่ธัน แต่เพลงที่สามีคุณเสนอเนี่ย ปัญหาเสมอเลยครับ
“ฮื้อ! ก็เสียงธันมันเพราะ”
“นั่นสิคะ เสียงธันเพราะจริงๆ อย่างงี้ไปเป็นนักร้องได้สบายเลย” เอ้าๆ! แม่ผมก็ร่วมสมาคมยกยอปอปั้นไปด้วยคน เอาเลย เอาให้สนุก แล้วจากนั้น ตลอดช่วงเวลาของวงเหล้าที่ดำเนินต่อไป ก็คือผมจับกีต้าร์ ส่วนแฟนที่รักขยับลูกคอ แหม ช่างเป็น ‘คู่รัก’ ตัวอย่างจริงๆนะครับ ว่ามั้ย
หึ!!!
………………………..
ทริปสุดยอดโกหกยังดำเนินต่อมาอีกเช้าหนึ่ง หลังจากคืนก่อนเลิกราวงเหล้ากันตอนเกือบจะตีหนึ่ง พอตีห้าครึ่ง ผมกับไอ้พี่ธันก็ตื่นแล้วครับ ผมชอบดูพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบทะเล หมอนั่นเองก็อยากดู เราเลยรีบตื่น ลุกมาล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนจะออกไปเดินชายหาดกัน
แน่นอนว่าไม่สองคน
เรามากันเป็นก๊ก เราก็ต้องไปกันเป็นก๊ก ผมเปิดประตูเข้าห้องนอนพี่ตวง แล้วลากไอ้พี่ชายขี้เซาไปล้างหน้าล้างตา พาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วย เรื่องอะไรจะไปกับไอ้พี่ธันสองคน ตอนนี้คุณป๋าไม่อยู่นี่หว่า ไม่ต้องทำตัวเป็นคู่รักน้ำตาลเรียกพี่หรอก
เราสามคนดูพระอาทิตย์ขึ้นกันพักหนึ่ง ก่อนจะเดินเตะทรายเตะน้ำทะเลกันอีกหน่อย แล้วถึงได้กลับบังกะโล
และนั่น… มีใครบางคนบุกบังกะโลเด็กๆตั้งแต่เช้าตรู่
“ป๋า มีอะไรรึเปล่า” ไอ้พี่ธันเห็นคุณป๋าของมันนั่งรออยู่ที่เก้าอี้พลาสติกหน้าบ้านก็วิ่งเข้าไปหา คุณป๋ามองมันก่อนจะเหลือบมามองผมที่เดินตามหลังเข้ามา แล้วถึงได้พูดเรียบๆ
“พอดีมีเรื่องจะคุยด้วย ทั้งธัน ทั้ง…นั่นแหละ”
มีการเว้นช่องว่างให้เติมกันเอง ก็ได้ครับ เอาเป็นว่าผมเข้าใจแล้วกัน ว่า จุด จุด จุด ของป๋า จะต้องเติมชื่อใคร
หนุ่มหล่อนายกสโมฯหันมามองผม เป็นเชิงให้ผมเดินเข้าไปหามัน ส่วนพี่ตวงนี่หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แหม ช่างรู้จังหวะจริงๆ พี่ใครวะเนี่ย
“อายุเท่าไรแล้ว”
พอผมทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้พลาสติกอีกตัวได้ คุณป๋าก็ถามทันที
“ยี่สิบครับ”
“อีกสองปีก็จบสินะ แล้วคิดรึเปล่าว่าจบแล้ว ออกไปทำงาน ที่ทำงานเขาจะรับได้ ถ้าหากรู้ว่าเรามีแฟนเป็นผู้ชาย”
“ป๋า ผมว่ามันไกลไปรึเปล่า ถ้าจะพูดเรื่องนี้”
ยังไม่ทันได้ตอบ ไอ้คนที่นั่งข้างผมมันก็ขัดขึ้นมาซะก่อน
“ไม่คิดตอนนี้แล้วจะคิดตอนไหน ธัน ป๋าบอกเสมอใช่มั้ยว่าเราต้องคิดถึงวันพรุ่งนี้ ทำวันนี้ให้ดีที่สุดน่ะใช่ แต่จะทำเฉพาะวันนี้ แล้ววันพรุ่งนี้ล่ะ ปล่อยให้มันเกิดขึ้นเองอย่างที่เราไม่เตรียมตัวอะไรไว้เลยอย่างนั้นเหรอ ป๋าบอกตามตรงว่าไม่เห็นด้วย ที่เราสองคนจะคบกัน” ครับ ผมก็ไม่เห็นด้วยกับป๋านั่นแหละ ผมกับลูกชายป๋าขืนคบกันไปมีหวังภาวะโลกแตกจะเป็นภาระใหญ่หลวงมากกว่าภาวะโลกร้อนครับ
“แต่ผมกับถ้วยฟูรักกัน”
แม่เจ้า!! พูดอะไรถามกูบ้าง เต็มปากเต็มคำเลยนะมึง
“รักกัน แต่ถ้าต่อไป ธันทำงาน แล้วลูกค้ารู้ว่าธันรักชอบผู้ชาย เกิดเขารังเกียจ ไม่ร่วมธุรกิจกับเรา ธันจะจัดการปัญหาได้มั้ย”
“ผมกับถ้วยฟูไม่ได้เดินไปจูบกันไปนี่ เขาจะมารู้ได้ไง”
เถียงอะไรของมึง อย่างงี้เรียกสีข้างเข้าถูกอ่ะ
“แสดงว่าจะปิดบังไว้งั้นเหรอ”
“เอ่อ…ขอผมพูดอะไรบ้างได้มั้ย” ผมรีบเสนอหน้าพูดขึ้นมา ก่อนที่สองพ่อลูกนี่จะเอาแต่ฝอยความคิดตัวเองไม่จบสิ้น
“คือ…คุณป๋าครับ ผมว่าคุณป๋าไม่ต้องคิดเยอะหรอกครับ อนาคตไม่แน่ไม่นอน ไม่แน่ปีหน้าพี่ธันอาจจะตาย เอ่อ…ไม่ คือ…ผมอาจจะได้ทุนชิงโชคไปเรียนต่อเมืองนอกก็ได้ แล้วความรักของเราก็คงต้องจบลง แต่ว่าปัจจุบันนี้ ที่เรายังคบกันอยู่ คุณป๋าว่าเราสองคนมีความสุขมั้ยครับ”
คุณป๋าเงียบไปพัก ก่อนจะพยักหน้ารับ (ซึ่งมันทำให้ผมรู้ว่าคุณป๋าตาบอดมาก ที่เห็นผมกับไอ้พี่ธันมีความสุขกับชีวิตคู่รักหวานฉ่ำ)
“นั่นล่ะครับ ก็ปล่อยให้เรามีสุขไม่ดีกว่าเหรอครับ ปัจจุบันมันจับต้องได้ แต่อนาคตมันมองไม่เห็น”
“แล้วมีความสุขตอนนี้ กับทุกข์ขนัดในอนาคตเนี่ยน่ะเหรอคือสิ่งที่เธอเลือก”
“อนาคตจะทุกข์ก็ช่างเถอะครับ เพราะผมว่า ตัวผมในตอนนั้นก็คงเอาสุขในตอนนี้ไว้หล่อเลี้ยงตัวเองให้ผ่านพ้นความทุกข์พวกนั้นไปได้”ว่าแล้วก็หันไปยิ้มหวานใส่ไอ้คนที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาอยู่ข้างๆ หมอนั่นมองผม อย่างที่ผมก็บอกไม่ถูกว่ามันคิดอะไรอยู่
“สรุปว่า ไม่ว่ายังไงเธอก็จะคบกับลูกชายฉันต่อไปใช่มั้ย”
คำถามจากคุณป๋า ทำเอาผมต้องหันมอง แล้วยิ้ม
“ครับ” เอ่อ…ไม่ใช่ผมตอบครับ มันมีบางคนขโมยซีน
คุณป๋าขยับเก้าอี้ลุกขึ้นยืนทันที
“ในเมื่อรับปากกันขนาดนี้แล้ว ป๋าก็จะคอยดูต่อไปแล้วกัน”
จากนั้น ก็หันมาหย่อนระเบิดไว้ที่ผม
“ฉันไม่ได้เตรียมของอะไรมาด้วย ไว้กลับกรุงเทพแล้วจะส่งมาให้”
“ของ? ของอะไรครับ” คุณป๋าทำหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย เสสายตามองไปยังทะเล ก่อนจะหันมามองผมอีกครั้ง
“ไหนๆก็นอนห้องเดียวกันแบบนี้ ถึงจะไม่ใช่ผู้หญิงก็เถอะ อย่างน้อยก็ต้องรับขวัญเข้าตระกูล ไว้กลับไปกรุงเทพฯ จะจัดการให้ แล้วเรียนจบเมื่อไร ค่อยว่ากันเรื่องหมั้น ในเมื่อทำแบบถูกกฎหมายไม่ได้ ก็เอาแค่ตามประเพณีพอ แล้วฉัน…ป๋า ป๋าจะคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่ของเธอเอง”
รับขวัญ…หมั้น…ทำตามประเพณี…คุยกับพ่อแม่เอง
หมายความว่าไงวะ!!!! ห๊า!!!!
……………………….
จบสิ้นทริปอุบาทว์ที่โลกไม่มีวันลืมได้ ก็เล่นเอาผมต้องตีหน้ารักใคร่ปรองดองกับไอ้คุณพี่ธันไปจนถึงเย็นวันอาทิตย์นู่น เราลากันตั้งแต่ตอนออกจากบังกะโลเลยล่ะครับ ผมปวดใจกับนิสัยชอบมอง ‘อนาคต’ ของว่าที่พ่อผัว เอ้ย หรือพ่อตา นั่นแหละ ฟาเธอร์ อิน ลอว์ อ่ะ! ให้ตายเหอะ จะรับขวัญ จะหมั้น จะแต่ง จะเอามันทุกอย่าง!!! บอกว่าให้มองปัจจุบันไงล่ะเว้ย!! ฮ่วย!! กูล่ะเหนื่อยกับบ้านนี้จริงๆ ลูกชายก็บ้าอำนาจ คนพ่อก็เผด็จการ! เชื้อไม่ทิ้งแถวแบบนี้ ใครบอกว่าไอ้พี่ธันวาเป็นลูกชู้นะ ผมเถียงคอขาดเหอะ!!
กลับกรุงเทพฯมาได้ ก็มาลุยอุตลุต หัวซุกหัวซุนกับการสอบมิดเทอมช่วงปลายเดือนธันวาคม โชคดีที่ผมไม่มีอะไรให้ต้องวุ่นวายกับงานคณะอีกแล้ว ทำให้ผมและแฟนกำมะลอห่างกันไปอย่างสิ้นเชิ…ง….ง….
…ถ้ามันเป็นได้อย่างนั้นก็ดีสิครับ!!...
“ไป…กลับบ้าน”
แต่ก่อนรับส่งน้องสาว แต่เดี๋ยวนี้รับส่งผม ก็เข้าใจหรอกนะ ว่าตอนนี้ทั้งผมทั้งมันถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนกัน แถมเรื่องนี้ยังไปไกลถึงขนาดเข้าหูพ่อแม่ผมและมัน รวมถึง พ่อแม่ก็ต้อนรับขับสู้พวกผมในฐานะแฟนของกันและกันเป็นอย่างดี
แต่ว่า…ยิ่งทำอย่างงี้ คนยิ่งเข้าใจผิดเปล่าวะ
“เอ่อ…ขอถามไรหน่อยได้มั้ย” รถเคลื่อนตัวออกจากมหา’ลัย เสียงแอร์เบาๆก็ถูกผมกลบด้วยคำถาม ให้ไอ้คนขับต้องหันกลับมามอง
“ว่ามา”
“คือ…นายคิดว่าเราสองคนจะเป็นอย่างงี้ไปถึงเมื่อไร”
ความจริงก็ไม่ได้ลำบากลำบนอะไร ได้นั่งรถฟรีกลับบ้านก็นับว่าใช้ได้ แถมสบายกระเป๋า เดี๋ยวนี้ผมกับมันก็ไม่ค่อยได้ทะเลาะกันแล้ว ประเด็นที่หนึ่งคือผมไม่มีเวลาโอ้โลมน้องสาวสุดที่รักของมัน ประเด็นที่สองคือไม่มีงานอะไรที่ผมกับมันต้องรับผิดชอบร่วมกัน ให้มันเห็นถึงนิสัยชอบอู้ของผม เพราะงั้น ทุกวันนี้เราเลยพูดคุยกันได้แบบสมานฉันท์ ครับ สมานฉันท์จริงๆ เพราะเจอกันแค่สองเวลาคือ เช้ามันมารับผม กับ เย็น มันมาส่งแค่นั้นเอง
“ทำไม มีใครพูดอะไรรึไง”
ต๊าย! พูดอย่างกับจะปกป้องกู ไม่ต้องครับ กูปกป้องตัวเองได้
“เปล่า…แต่ เดี๋ยวนี้นายไม่ต้องรับส่งน้องเมแล้วเหรอ”
“เมบอกเองว่าจะกลับพร้อมตุล” อ้อ น้องรหัสคนสวยจะเปิดทางให้พี่ถ้วยฟูได้ลันล้าอินเลิฟกับแฟนกำมะลอสินะ ขอบใจมากนะจ๊ะน้องเม!!!
“มีอะไร หรืออยากกลับเอง”
“ก็…คือ…นายไม่คิดบ้างเหรอ ว่าเราสองคนออกจะเป็น…เอ่อ เป็นแฟนที่เกินจริงไปหน่อย” ผมถามมัน แต่หมอนั่นยิ้มมุมปาก ตายังจ้องถนน
“เกินจริง? ตอนฉันคบกับแฟนคนที่แล้วน่ะ เราทำอะไรกันมากกว่าขับรถไปรับไปส่งซะอีก”
เอ่อ…แล้วมึงต้องการอะไร ต้องการจะทำกับแฟนจอมปลอมอย่างกูให้ได้ มากกว่าหรือเท่ากับ แฟนคนก่อนของมึงอย่างนั้นรึ?
“ไหนๆ เรื่องมันก็มาแบบนี้แล้ว ฉันว่าจนกว่าฉันจะจบ ก็อยู่แบบนี้กันไปเรื่อยๆก็ดี ไม่ต้องมีใครมากวนใจด้วย บอกนายรึยัง? แฟนเก่าฉัน เขาขอกลับมาคืนดี แต่ฉันบอกว่าฉันเป็นแฟนนายแล้ว”
ผมได้แต่อ้าปากค้าง ‘อยู่แบบนี้กันไปเรื่อยๆ’ ‘บอกว่าฉันเป็นแฟนนาย’ นี่มันอะไรวะ จะคิด จะทำอะไรช่วยถามกูหน่อยได้มั้ยครับ!! ถามกูบ้าง! ถ้าเรื่องไหนที่เกี่ยวกับกูเนี่ย
“ว่าไง นายตกลงมั้ย”
มันหันมาถาม ชะลอรถเข้าจอดที่สี่แยกซึ่งโชว์ไฟแดงหรา ก่อนจะเอี้ยวตัวไปที่เบาะหลัง หยิบกระเป๋ามาเปิดเอาอะไรบางอย่าง แล้วส่งให้ผมซึ่งยังนั่งอึ้ง
“อะไร”
ผมถามมันอย่างไม่ไว้ใจ ถุงกำมะหยี่สีแดงถุงเล็กๆที่รับมาจากมัน ชวนให้น่าวิตกประหนึ่งได้ระเบิดเวลา มันเข้าเกียร์ เมื่อไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียว รถเริ่มออกตัว พร้อมกับประโยคดับชีวิตผมหลั่งไหลออกมาจากปากมัน
“ของรับขวัญว่าที่ลูกสะใภ้จากป๋า”
ตายสนิท ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธครับ พี่น้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ทูบีคอนตินิ๊วววววว
………………..
อ๋า มีแต่คนคิดถึงน้องถ้วยฟู
ช่วงนี้ปิดเทอมกันแล้วเนอะ แต่บัวยังมีรายงานอยู่เลย นี่ปั่นเสร็จอันนึง ก็วิ่งมาลงก่อน เดี๋ยวไปปั่นอีกอัน แต่ท่าทางจะเสร็จยากกกกกก อ้ากกกกกก
ขอบคุณมากๆสำหรับกำลังใจแด่น้องถ้วยฟูและพี่ธันนะคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ แล้วเจอกันพาร์ทหน้า