Chapter 26ประชาชนคนปกติทั่วไปหากมีความรัก คุณกับคนรักเพียงแค่สื่อสารแสดงความรู้สึกต่อกันทุกครั้งที่รู้สึก ทุกครั้งที่ต้องการ แค่นั้นความรักของคุณก็เป็นสุข ดอกรักเติบโตงอกงาม ... แต่หากคุณขึ้นชื่อว่าเป็นคนของประชาชน ทุกสิ่งที่ทำ ทุกย่างก้าวที่เดิน ล้วนถูกจับตามอง ต้องมีคำวิพากษ์วิจารณ์ ต้องทนรับแรงกดดัน โดยเฉพาะกับเรื่องละเอียดอ่อน หรือเรื่องรักๆใคร่ๆ และมันจะยิ่งรุนแรงเป็นทวีคูณ ถ้าคุณทำในสิ่งที่ผิดแปลกไปจากสังคม ...
..ไม่เว้นแม้แต่พีมหรือน้ำเชี่ยว ที่ได้ชื่อว่าเป็นขวัญใจ เป็นเสมือนตัวแทนและแบบอย่างของคน เยาวชนค่อนประเทศ แน่นอนว่าความรักของพวกเขา ต่อให้รักจนตายแทนกันได้ ก็คงยากที่สังคมจะเห็นว่าเป็นเรื่องดีงาม ฉะนั้นช่วงเวลาดีๆที่จะอยู่ร่วมกันอย่างไม่ต้องแคร์ใครคงมีผ่านมาแค่ปีล่ะไม่กี่วันเท่านั้น และสี่วันในที่ที่ห่างไกลประเทศของตัวเองแบบนี้ จึงแทบไม่มีวินาทีไหนเลยที่ทั้งคู่จะปล่อยผ่านไปให้ศูนย์เปล่า
..จุมพิตเนิ่นนานท่ามกลางโลกใต้ท้องทะเลที่โอเชี่ยนปาร์ค คล้องแขนเดินเล่นที่เซนนาโด้ ควงกันไปช็อปที่จิซาเจ่ย เกี่ยวก้อยแสนหวานที่Lowu จูบเร่าร้อนภายใต้ท้องฟ้าระยับไปด้วยพลุหลากสีในดิสย์นีย์แลนด์ ... ถ้าหากเปรียบความรักของหลายๆคู่บนโลก ว่าหวานดั่งน้ำผึ้ง เวลานี้อาจพูดได้ว่า ความรักของทั้งคู่หวานเหมือนน้ำตาลอาบน้ำผึ้งก็คงไม่แปลก..
“
เฮ้อ เหนื่อยจังเลยว้อยย! ปวดขาไปหมดแล้ว” พีมทิ้งตัวลงบนโซฟาหรูเหยียดสองขาวางพาดบนโต๊ะข้างหน้า เอนหลังพิงราบไปกับเบาะนุ่มอย่างเหนื่อยอ่อน หลังจากที่เดินช็อปปิ้งมาตลอดทั้งวัน
“มันก็น่าจะเหนื่อยอยู่หรอก ตัวก็แค่เนี้ย ขาก็สั้นแล้วยังจะเดินเร็วอีก มันก็ต้องเหนื่อยต้องล้าแน่นอนนั่นแหละ” เด็กหนุ่มที่กำลังสาละวนอยู่กับการเก็บข้าวของมากมายที่เพิ่งจะซื้อมาให้เข้าที่เข้าทาง บ่นทับทันทีที่เห็นสภาพคนรักนอนพังพาบหมดเรี่ยวหมดแรงฟุบอยู่บนโซฟา
.. เหอะ คนอะไรเห็นเสื้อผ้า สร้อย แหวน ร้องเท้า และอีกร้อยแปด เป็นต้องวิ่งโร่เข้ามันทุกร้าน แลกเงินมาเท่าไหร่ก็ไม่พอ พ่อซื้อแหลกลาญ อย่างกับว่าเสกแบงค์ได้อย่างงั้น เสียดายตังค์ชิบเป๋งเลย เฮ้ออ..ถ้าวันไหนเพลงขายไม่ออก ไม่มีใครจ้างไปเล่นหนังแล้ว เราจะเลี้ยงไหวมั้ยนี่ -*-
“ขาสั้นงั้นเหรอ..
ไอ้กบปากเสีย!!” เคโระเอ้ย..อย่างงี้มันต้อง
“ฟิ้วววววว.....
..ตุ๊บ!” แขนขาวคว้าเอาหมอนอิงใบข้างๆ ปลิวลอยระลิ้วเข้าเป้าทันที ที่เหล่ไปมองปากหนาย้อยๆนั้นบ่นขมุบขมิบไม่เลิก ..ว่าเราขาสั้นเหรอ ไอ้ปากห้อย
“โอ้ย!” เต็มกะบาลเลยคับพี่น้อง.. ดีนะที่ว่าเป็นหมอน
“บ่นทำไมเล่า!! ก็พี่บอกตั้งแต่มาแล้วมั้ย ว่าอย่ามาบ่นเรื่องซื้อของ ก็คนมันอยากได้หนิ เงินน่ะ ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ลูกเต้าชาตินี้ก็คงไม่มี:
:
หรือนายคิดว่านายจะมีรังไข่งอกออกมาแล้วท้องให้ชั้นได้ห๊ะ! ถึงต้องเก็บเงินไว้อ่ะ” เอ๋า!. โบ้ยไปนู้นนี่แล้ว รังข่งรังไข่เกี่ยวไรเนี่ย?
ยังไม่ได้ว่าอะไรมากเล้ยยย แค่นึกเสียดายตังค์เฉยๆๆ~
นั่น นั่น มาทำตาเขียวใส่อีก แล้วปากน่ะ จะยื่นไปไหนคร้าบบบพี่น้อง
“แหมม ที่รัก น้ำล้อเล่น แค่นี้ไม่งอนน๊า นะ เดี๋ยวน้ำเชี่ยวพาไปแช่น้ำอุ่นนะ จะได้หายปวดขา” เมื่อเห็นแก้มใสๆขาวๆของคนเจ้าอารมณ์เริ่มจะป่องออกมา พร้อมกับสายตาเจือแววขุ่นเคืองที่ส่งมาแล้ว เด็กหนุ่มจึงต้องรีบปรี่เข้าไปซุกหัวคลอเคลียร์เล่น สองแขนช่วยบีบนวดตามแข็งขาอย่างเอาอกเอาใจ ก่อนที่จะพยุงคนขี้โมโหตรงเข้าห้องน้ำ จัดแจงผสมน้ำอุ่นพอดีให้อีกฝ่ายได้นอนแช่อย่างสบาย
“อื้อ..น้ำเชี่ยว จะไปไหนอ่ะ มาแช่น้ำด้วยกันดิ มันสบายมากเลยนะ” เมื่อเห็นน้ำเชี่ยวทำท่าจะเดินออกไป พีมจึงเอ่ยพลางเอื้อมมือกดปุ่มทำงานของอ่างน้ำวนให้ทำงาน
“ไม่เอาอ่ะ น้ำเชี่ยวจะไปจัดของข้างนอกให้เสร็จก่อน ของที่พี่ซื้อมาตั้งเยอะแยะมันจะขึ้นเครื่องกลับได้หมดมั้ยยังไม่รู้เลยเนี่ย”
“.. ! ทำไม ..พี่แช่คนเดียวไม่ได้เหรอ หรือว่า ฮั่นแน่.. ” เจ้ากบเห็นคนตัวเปลือยเผยผิวเนื้อใส กำลังสนุกสนานกับการกดสารพัดปุ่มที่อ่างน้ำสุดหรูจนฟองสบู่ฟูฟ่องจะท่วมหัวตัวเองอยู่แล้ว..
“ (อิอิ)
ที่เราทำกัน เมื่อคืนยังไม่พออีกหรือ พี่ไม่เหนื่อยบ้างรึไง ??” ก็ภาพของคนตรงหน้านี่ ช่างดู..น่ารัก น่าฟัดเป็นบ้า ..เลยอดไม่ได้ต้องขอแหย่เล่นซักหน่อย
“
ไอ้กบ!..เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวจะโดน!” และไม่นานคุณชายไฮโซผู้คลั่งการช็อปปิ้งเมื่อกลางวัน ก็ได้กลายร่างเป็นสติ๊ชตัวแสบ เที่ยวไล่สาดน้ำคนช่างแกล้ง จนต้องกระโดดหลบจนปลิวหวือออกมาข้างนอกเป็นพันละวัน
เมื่อนอนแช่น้ำอุ่นจนสบายได้ที่ พีมจัดแจงอาบน้ำทำธุระทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ยังไม่มีวี่แววที่เจ้าตัวดีจะเข้ามาเสียที ..เดินมาทั้งวัน ไม่คิดจะอาบน้ำรึไงกันนะ ซกม๊กจริงๆกบโดนยาเอ้ย.. มือเรียวคว้าเสื้อคลุมสีขาวตัวโคร่งพาเอาร่างที่ปอนไปด้วยหยดน้ำเกาะจากไรผมชื้นมาถึงลำคอและหน้าอก กลิ่นหอมละมุนของฟองสบู่ฟุ้งกระจายไปทั่ว สองเท้าก้าวผ่านห้องนอนไปยังสูทโถงใหญ่ เสียงแหบเรียกหาเจ้าตัวดีไม่ขาดปาก แต่กลับไม่มีแม้เสียงตอบรับ กระทั่งมาถึงโถงใหญ่ร่างขาวชะงักงันเล็กน้อย เมื่อพบว่าห้องสวีทขนาดใหญ่ถูกดับไฟลงจนมืดสนิท แต่ก็กลับน่าแปลกที่ไฟตรงส่วนห้องนอนยังสว่างอยู่
..คงไม่ใช่ไฟดับ
..เจ้ากบบ้า หายไปไหนของมัน..
..หนีไปหลีสาว ข้างล่างป่าวเนี่ย ชิส์!..
สองเท้าเตรียมจะก้าวยาวไปยังสวิทช์ไฟ แต่กลับไม่เร็วเท่า เสียงดนตีรีเบา จากเครื่องเล่นเพลงตัวจิ๋ว กระทั่งเสียงนุ่มทุ้มที่คุ้นเคยขับกล่อมบทเพลงออกมา
~ ฉันรู้..ฉันรู้ ตั้งแต่วันที่ฉันนั้นมีโอกาสได้ใกล้เธอ..หัวใจฉันเองก็รู้ดี ~ทำนองเบาๆ ของเพลงนี้ กับเสียงขับขานที่คุ้นหู ไพเราะ นุ่มนวล มันไม่ใช่เพลงของเขา และไม่ใช่เพลงของน้ำเชี่ยว ..แต่ มันเป็นเพลงที่เขาเคยนึกและฝันไว้ว่าซักวันนึง อยากจะร้องให้กับคนที่เขาจะรู้สึกรักคนๆนั้นตลอดไปได้ฟัง มั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่เคยบอกใคร.. น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ บังเอิญว่า..เป็นเพลงนี้ ดนตรียังคงเล่นไป จังหวะอะไรคงไม่เร็วไปกว่าจังหวะของก้อนเนื้อในอกข้างซ้าย ที่มันเต้นเร็วซะจนแทบจะทะลุออกมา
~ เธอคือคนนั้น..คนที่ฉันไม่เคยคิดฝันว่ามี ..แล้วเธอ แล้วเธอก็ยืนอยู่ตรงนี้ ~สายตากวาดไปตามที่มาของเสียง ห้องยังคงมืดอยู่ แต่แสงไฟจากเทียนสีหวานแม้ไม่สว่างมากนัก แต่ก็พอจะทำให้เห็นคนที่จุดมันได้ลางๆ
จากหนึ่ง
เป็นสอง..
สาม..
และสี่..
ไปเรื่อยๆ จนสุกสว่างระยับไปทั่วทั้งห้อง
~ แม้ว่าการ ตัดสินใจ ของฉันจะผิดพลาดมากสักเพียงไหน ก็ไม่อาจ เปลี่ยนหัวใจ..ไปจากนี้ ~กลิ่นเย็นละมุนจากเทียนหอมตอนนี้ คงต้องสยบให้กับกลิ่นหอมของช่อกุหลาบสีขาวและฟ้าที่เรียงรายอยู่รอบโถง แทบไม่มีเวลาให้คิดว่าเดี๋ยวนี้มีกุหลาบสีฟ้าแล้วหรือ เพราะดูเหมือนเจ้ากลองมีชีวิตในอกด้านซ้ายที่ถูกรัวไม่เป็นจังหวะอยู่นั้นคงเต้นไปกระทบเส้นประสาทของสมองของเขาไม่ให้สั่งการซะแล้ว หนุ่มร่างขาวภายใต้เสื้อคลุมตัวโคร่งได้แต่ยืนนิ่ง ไม่รู้จะทำอะไร ได้แต่มอง ซึมซับทุกอย่าง ทุกความรู้สึก ซึมซับทุกท่าทาง ทุกการกระทำของคนตรงหน้า ..สองมือหนาที่คอยป้องลมเพื่อจุดเทียนขึ้นทีละเล่ม เสี้ยวหน้าคมปลายจมูกแหลมและดวงตากลมหวานฉ่ำเวลาที่วางช่อดอกไม้ใหญ่ลงตามมุมของห้อง ก่อนจะหันมาสบกันกับเขาแล้วยิ้มจนเต็มแก้ม
~ หยุดไม่ได้แล้วทุกอย่าง..ใจของฉันนั้นรักเธอ ตั้งแต่เราได้พบหน้า สบสายตา กันและกัน ~ดวงตาเรียวแลสบไปที่หนุ่มน้อยร่างสูงเจ้าของเสียง ที่กลับไปนั่งประสานมือท้าวคางชันแขนบนตักของตัวเองอยู่ที่โซฟา สายตาคู่หวานจับจ้องมองมาที่เค้าอย่างไม่ลดละ ริมฝีปากหนาค่อยๆยกยิ้มจนแก้มบุ๋มอีกครั้ง คิ้วหนายักขึ้นโชว์ดวงตากลมวาววับ บอกให้เขามองไปยังกล่องของขวัญสีน้ำเงินที่วางตระหง่านอยู่บนโต๊ะเล็กข้างหน้า
~ ห้ามไม่ได้แล้ว หัวใจ..จะไม่ยอมปล่อยเธอให้ไปจากฉัน
..แม้ต้องเจ็บสักเท่าไหร่..แม้จะต้องแลกกับสิ่งไหน ..ไม่สำคัญ.. ~“ว่าไงครับ ที่รัก Happy valentine ย้อนหลังไง” น้ำเสียงนุ่มเอ่ยออกมาพร้อมกับสองแขนแกร่งที่เอื้อมโอบต้อนรับร่างของเขาที่โผเข้ามาทิ้งตัวลงกอดเจ้าคนบ้าเจ้าของเซอร์ไพส์บรรเจิด ที่ทำเอาเขาแทบกลั่นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“....” ขอบคุณ.. น้ำเชี่ยว ขอบคุณมาก
เวลานี้คงไม่มีสัมผัสใดจะบอกได้ลึกซึ้งเท่ากับจูบอันแสนหวาน รอยยิ้มน่ารักจากปากหนาต้อนรับการมาเยือนของริมฝีปากบางอย่างนุ่มนวล สัมผัสจูบอันเชื่องช้าแต่ยาวนานราวกับจะลองลิ้มชิมรสแลกเปลี่ยนทุกอณูอุ่นในโพรงปากจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะหมดลม
“อืม..” น้ำเชี่ยวค่อยๆถอนตัวออกจากร่างเล็กที่ยังคงกอดเขาแน่น ดวงตาเรียววาวใสขึ้นไปอีกเมื่อมีน้ำรื้นอยู่คลอๆ ปากบางสวยเผยยิ้มที่เค้าคิดว่าคงไม่มีใครยิ้มได้สวยและหวานเท่าคนๆนี้อีกแล้ว
“ไม่อยากรู้เหรอ ข้างในเป็นอะไร” เสียงนุ่มเอ่ยออกเบาๆพร้อมกับหยิบกล่องของขวัญส่งให้กับพีม
“หึ!..จะไปไหนแกะตรงนี้แหละ” สองแขนแกร่งรวบเอวขาวเอาไว้แน่นเมื่อพีมทำท่าจะลุกออกจากตักของเขา
“ก็จะกำลังแกะอยู่นี่ไง อย่างงี้มันไม่ถนัด” พูดไปอย่างนั้นแหละ แต่จริงๆแล้วน่ะเขินจนหน้าแดงไปถึงหู จนอีกคนอดไม่ได้ที่จะขำออกมาเบาๆกับท่าทางยึกๆยักๆ ดิ้นดุ๊กดิ๊ก ทำเป็นขยุกขยิกไปมา แต่ก็ไม่เห็นลงไปจากตักเขาจริงๆเสียที
“อะ..ถนัดขึ้นยัง อยู่ตรงนี้ก็แกะได้ แกะสิ เร็ว” น้ำเชี่ยวคลายกอดออกไว้หลวมๆ ดวงตาคู่หวานมองจ้องไปยังใบหน้าขาวใสเจือสีแดงระเรื่อ กำลังจดจ่อกับการแกะกล่องของขวัญอย่างตั้งอกตั้งใจ เด็กหนุ่มมองจ้องมองริมฝีปากกบางที่กำลังยิ้มพริ้ม ท่าทางดีอกดีใจกับดวงตาเรียวที่กำลังส่องประกายใสแป๊วนั้น ช่างน่ารักน่าดู ไม่บ่อยนักที่พีมจะเผลอตัวและแสดงท่าทางเหมือนเด็กๆออกมา และเวลาแบบนี้เขาต้องรีบจดจำและเก็บภาพทุกๆอริยาบทนี้ไว้
“เพราะพี่มีทุกอย่างพร้อมอยู่แล้ว น้ำเลยไม่รู้จะไปหาของอะไรที่จะทำให้พี่แปลกใจได้ มีของมากมายที่เหมาะกับพี่ แต่น้ำว่า อาจมีของไม่กี่อย่างที่เหมาะกับ ’เรา’ ขอให้นาฬิกาสองเรือนนี้เป็นเหมือนสิ่งแทนความรักของน้ำเชี่ยวกับพี่พีม ที่จะต้องเดินไปเรื่อยๆไม่มีวันหยุดนะครับ” เด็กหนุ่มหยิบนาฬิกาแบรนด์ดังเรือนสวยสีขาวขึ้นมา บรรจงใส่ไปบนข้อมือของพีม
..นี่อาจเป็นครั้งแรกที่เขาซื้อเครื่องประดับราคาแพงขนาดนี้ให้กับตัวเองและคนที่เขารัก โดยไม่นึกเสียดายกับเงินที่หามาอย่างยากลำบาก มันไม่ใช่นาฬิกาที่มีดีไซน์เลิศหรูที่สุดเพราะเค้าไม่ตั้งใจจะให้มันเป็นที่สุด ขณะเดียวกันมันก็ไม่ใช่นาฬิกาโหลๆเดื่อนดาดแบบที่ใครๆก็ซื้อหามาได้ทั้งนั้น ก็เหมือนกับพี่พีม ที่แม้จะมีข้อบกพร่องแต่ก็นับว่าเป็นคนที่พิเศษกว่าใครๆอยู่ดี และในสายตาของเขา นาฬิกาสองเรือนนี้มันเหมาะและคู่ควรกับเราสองคนที่สุดแล้ว มันไม่เรียบเกินไป ไม่เลิศเลอล้ำเกินไป แต่มันก็ดูดีและมีค่าในตัวของมัน
“น้ำเชี่ยวรักพี่พีมนะ น้ำอยากพูดมันบ่อยๆ หวังว่าพี่คงไม่เบื่อ” ตาคู่หวานที่เคยฉายแววขี้เล่นอยู่เป็นประจำ ตอนนี้ฉาบไปด้วยแววแห่งความมุ่งมั่นแน่วแน่ น้ำเสียงเรียบนุ่มทุ้มที่เอื้อนเอ่ยออกมา ราวกับจะสะกดให้คนฟังจดจำมันไปนานแสนนาน
“น้ำเชี่ยว..พี่ก็รักน้ำเหมือนกัน รักมาก ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ” ดวงตาเรียวใสเอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำแห่งความตื้นตัน สองมือบางค่อยๆใส่นาฬิกาสีดำอีกเรือนให้กับคนตรงหน้าบ้าง ก่อนจะกุมมือหนาขึ้นมาจูบซ้ำๆ และคลอเคลียเล่นด้วยแก้มใสราวกับลูกแมวตัวน้อยกำลังออดอ้อนเจ้าของ
สองแขน โอบประคองแผ่นหลังขาวเนียนของพีมไว้แน่น เมื่อถูกริมฝีปากบางของคนขี้อ้อนพรมจูบไปทั่วทุกจุดบนใบหน้าและลามไปถึงหลังหูแลลำคอ ใบหน้าหล่อเข้มดูน่ารักขึ้นมาทันทีเมื่อริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย พีมถอนจูบออกมองลึกลงไปในดวงตากลมโตคู่หวาน ไม่มีคำพูดใดจะสื่อความหมายได้ดีกว่ารสการสัมผัสที่จะมอบให้ ริมฝีปากสวยยกยิ้มหวานให้กับคนรักก่อนจะเคลื่อนเข้าไปมอบจุมพิตอุ่นให้กับเปลือกตาบางอีกครั้ง
“ไม่หนาวเหรอครับ” น้ำเชี่ยวดันตัวพีมออกเล็กน้อย ดวงตากลมโตไล่มองต่ำลงไปบนร่างเล็กกว่าที่นั่งอยู่บนตัก เสื้อคลุมสีขาวตัวโคร่งเปิดออกเหลือแต่เชือกพันไว้เพียงหลวมๆตรงช่วงเอว เผยให้เห็นช่วงอกขาวเรื่อยไปจนถึงสะดือ
...เออ ลืมไปเลย ตั้งแต่อาบน้ำเสร็จยังไม่ทัน..
“หึ!...” อีกแล้ว..เจ้าสติชท์ขี้อ้อนทำท่าจะลุกหนีไปจากตัวเขาอีกแล้ว..
“จะไปไหนอีกอ่ะ หืม~” มือหนาของคนที่นั่งรับน้ำหนักอยู่รู้หน้าที่ คว้าเอาเอวบางกลับมาแนบชิดอีกครั้ง
“ก็ไป
หาเสื้อใส่ไง” พอได้ยินคำตอบ น้ำเชี่ยวก็ออกแรงรัดเอวบางไว้แน่นขึ้นอีก ดวงตาคู่โตยังคงจ้องมองละเมียดไปตามเนื้อตัวคนตรงหน้าสลับกับมองหน้าคนขี้เขินที่กำลังขึ้นสีแดงระเรื่อ แก้มเนียนใสราวกับผิวเด็กและริมฝีปากแดงระเรื่อจากรสจูบเมื่อสักครู น่ารัก ..น่าฟัด ..น่ากัด น่า.. ยิ่งมาอยู่ในชุดเสื้อคลุมตัวโคล่งที่ใกล้จะหลุดเต็มทีด้วยแล้ว มันช่างดูเซ็กซี่ เย้ายวนซะจน..
ใครจะหาว่าโรคจิต คิดแต่เรื่องอย่างนั้นไม่สิ้นสุดคงต้องยอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“อะไร ใส่ทำไม ตั้งแต่มานี่ ไม่เห็นมีคืนไหนที่พี่ใส่เสื้อผ้านอน ทำไมวันนี้ต้องใส่ล่ะ หืม~” น้ำเสียงนุ่มเอ่ยมาพร้อมสายตาหวานชวนเคลิ้ม .. แล้วก็ได้ผล.. เมื่อร่างบนตักยอมหยุดนั่งนิ่ง ดวงตาเรียวสวยยอมหลุบต่ำลงสยบให้คนตรงหน้า เหลือเพียงรอยยิ้มหวานๆที่ช่วยกู้หน้า ท้าทายให้เด็กหนุ่มตาหวานยอมแพ้ให้เขาอย่างราบคาบเช่นกัน
“ไม่ต้องใส่หรอก เพราะ..น้ำอยากให้พี่ถอด มันดูดีกว่าใส่ตั้งเยอะ” เด็กหนุ่มพูดพลางผลัดเอาเสื้อคลุมที่หลวมจวนจะหลุดมะลอมมะล่ออยู่แล้วออกจากลำตัวของคนข้างหน้าจนหมด สายตาชวนฝันมองละเลียดไปทุกจุดบนร่างกายขาว..น่าหลงใหล..ชวนมอง..น่าสัมผัส..สองมือหนาไล่ลูบไล้ตั้งแต่แก้มเนียนใสๆลงมาตามลำคอ ไล้เบาๆไปตามแผ่นอกแน่น หน้าท้องสวย แล้วปลดเชือกผ้าเนื้อดีพันธนาการด่านสุดท้ายออก เอนร่างสวยเปล่าเปลือยลงที่โซฟาหลังนุ่ม
“ไม่เบื่อหรือไง ทำกับพี่ทุกวันทุกคืน แล้ววันนี้พี่ก็เดินจนปวดขาไปหมด มีแรงแค่นอนเฉยๆอย่างเดียวเท่านั้นแหละนะ”
“ได้ อยู่เฉยๆ ก็เฉยๆสิ น้ำเคยบังคับพี่ได้ซะเมื่อไหร่ อะ..ว่ามา พี่อยากให้น้ำเริ่มตรงไหน ทำยังไง.. น้ำจะทำให้พี่ร้อง เอาอีก เอาอีก เลย” เด็กหนุ่มพูดพลางจัดท่าทางให้คนรักได้นั่งเอนหลังสบายๆบนโซฟาตัวยาว แต่ก็อดจะพูดเย้าหยอกอีกสักครั้งไม่ได้ เมื่อเห็นใบหน้าบูดๆที่คนร่างเปลือยตัวแกล้งปั้นแต่งให้ตนเห็นว่าแอบงอนที่เขาชอบฉวยโอกาสเป็นฝ่ายคุมเกมแทบทุกคืนตั้งแต่มาที่นี่
“
ฮ๊ะๆๆ โอเคๆ ไม่พูดแล้ว ขอโทษค้าบบ ต่อไปจะไม่ใช้งานพี่หนักๆอีกแล้วค้าบบ ฮ่ะๆ” แล้วก็เป็นไปตามคาดเมื่อเด็กหนุ่มถูกแขนขาวๆฟาดเพี๊ยะเข้าทันทีที่ดันไปพูดล้อเลียนคนขี้โมโหเข้าให้
และก็เพียงไม่นาน จากที่หยอกฟาดกันไปฟัดกันมา ทั้งคู่ก็เปลี่ยนมาเป็นกอดรัดมอบสัมผัสล้ำลึกให้กันและกันอย่างดูดดื่ม มือบางกุมศีรษะฟูๆของเด็กหนุ่มแล้วกดลงไปที่หว่างขาขาวของตนที่แยกออกคอยการปลดปล่อย ขณะที่น้ำเชี่ยวเองก็ร่วมมืออย่างเต็มที่ เขามั่นใจพันเปอร์เซ็นต์ ต่อให้เป็นใครตายด้านแค่ไหน ถ้าได้มาเจออาการยั่วยวน ท่าทางนอนแยกขาพร้อมกับร้องครางเสียงหวานอย่างนี้ ไม่รีบมุดหน้าลงไปแล้วล่ะก้อ ไปบวชเสียดีกว่า
เด็กหนุ่มใช้ริมปากมอบจูบหวานให้กับพีมไปทั่วทุกจุดบนร่างกาย เชื่องช้า นุ่มนวล ไม่มีตรงไหนที่ไม่ถูกสัมผัสแม้กระทั่งปลายเท้า ก่อนจะช่วยปลดเปลื้องอารมณ์แห่งรักให้กับคนรัก ดูดดื่มเอาน้ำค้างแสนหวานจากคนตรงหน้าไปจนไม่เหลือซักหยด
“ชอบมั้ยครับ” น้ำเชี่ยวลุกขึ้นนั่ง มองดูผลงานของตัวที่ฝากไว้บนผิวขาวเนียนทั่วร่าง ใบหน้าขาวหอบเล็กน้อย เหงื่อผุดเม็ดเล็กตามไรผมสลวย
“หืม..” อืม..ดี นอกจากจะปากดี แล้วยัง(ใช้)ปากเก่งอีกด้วย ควรภูมิใจใช่มั้ยเรา ใครจะคิดล่ะ ว่าเวลาไม่กี่เดือนจะเปลี่ยนลูกหมาน้อยน่ารักอย่างเจ้านี่ ให้กลายเป็นราชสีหนุ่มได้ขนาดนี้ .. ให้ตายเหอะ อย่าไปทำแบบนี้กับใครๆนะ เพราะพี่คงจะทนมันไม่ไหวแน่
คนตัวขาวๆที่นอนหอบได้แต่อมยิ้ม ไม่ตอบ ^ ^
“ไม่ชอบเหรอ งั้นแก้ตัวใหม่นะ” แทบไม่ต้องรอคำตอบจากคนที่กำลังนอนสำลักความสุข น้ำเชี่ยวก็รีบลุกขึ้นถอดเสื้อให้กับตัวเอง แล้วช้อนเอาร่างของพีมขึ้นมา กดจูบเร่าร้อนไปที่ริมฝีปากบาง ส่งลิ้นนุ่มไล้เล่น เวียนวนภายในช่องปาก ดูดดื่มรสหวานนุ่มของคนรัก ก่อนจะถอนตัวออกมาดูผลงานบนริมฝีปากระเรื่อของพีม ที่ตอนนี้บวมเปล่งฉาบสีแดงกับลมหายใจหอบๆ.. ยิ่งน่าหลงใหล
“พี่พีม..วันนี้เป็นวันของพี่นะรู้มั้ย..อา~” เสียงทุ้ม สั่นนิดๆเมื่อถูกพีม รุกเร้าเข้าที่ยอดอกเข้าบ้าง
“หืม..?” ใบหน้าหวานเชิดขึ้นมองเป็นเชิงถาม ..
“ก็วันเกิดพี่ทั้งทีนี่นา.. ทุกอย่าง วันนี้ ที่นี่ เป็นของพี่ทั้งหมด อยากทำอะไร ก็แล้วแต่พี่ ทำสิครับ” น้ำเชี่ยวพูดพลางจับสองมือเรียวของพีมไล้ไปตามลำตัวแกร่งของเค้า เลื่อนลงไปจนถึงขอบกางเกงยีนส์
“เจ้าบ้า.. ไม่ต้องทำมาพูดดีหรอก จะบอกให้นะ ว่าถ้าวันนี้ไม่ใช่วันเกิดพี่ นายก็โดนพี่ทำอยู่ดี” มือเรียวของพีมทำหน้าที่ตามที่ได้รับมาอย่างดีกับกางเกงตัวสวย ก่อนจะช่วยขยับตัวอีกคนให้ลุกขึ้นยืน ให้ช่วงล่างได้ระดับตรงหน้าของเขาพอดี สองแขนกระชับเอวและสะโพกคนตรงหน้าเอาไว้ ใช้ปากสร้างความวาบหวามรัญจวนตามหน้าท้องแกร่ง ฝากรอยสวยไว้แทบทุกซอกมุม
“หึๆ
อาา าา เบาๆหน่อยสิ เสียวนะ ..รู้แล้วน่า ว่าปากเนี่ยไม่ได้ร้องเพลงเพราะอย่างเดียว
อ๊า!!” เสียงนุ่มทุ้มเริ่มพล่าสั่น เพราะคนตัวเล็กปลดเปลื้องอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายของเขาออก แล้วเริ่มเล่นซุกซนกับโคนขาอ่อน ก่อนจะเข้าจู่โจมแบบเร่าร้อนที่ส่วนแกร่งของร่างกาย
“พูดมากอีกแล้ว เดี๋ยวเหอะ จะทำให้ไม่มีแรงเดินเลย ตัวแสบ”
“อื้ม.
.อา~” เสียงครางดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อริมฝีปากบางเพิ่มจังหวะการทำงานเร็วขึ้น ในขณะที่มือของพีมก็เข้าเกาะกุมปลุกเร้าแก่นกายที่เริ่มจะขืนแข็งของตัวเอง แล้วชักรูดให้เป็นทำนองเดียวกัน
“อา.. ใจเย็นๆนะตัวแสบ มาเสร็จบนตัวพี่ดีกว่า” พีมถอนปากออกถามเมื่อรู้สึกว่าอีกคนเริ่มสะท้านจนแทบจะยืนไม่อยู่
“พี่พีม อย่าแกล้งแบบนี้สิ อ๊า~”
“ไม่ได้แกล้ง แต่พี่อยากเข้าไปในตัวนายจะแย่แล้ว ขึ้นมาสิเร็วเข้า อืม..” พีมนึกขำที่ถูกเด็กหนุ่มตัวโตจิ๊ปากใส่อย่างขัดใจ ก่อนจะจับเอาข้อมือของน้ำเชี่ยวมาเกี่ยวไว้ที่ลำคอของเขาไว้ แล้วเริ่มชักรูดแก่นกายแข็งของตนอีกครั้ง พร้อมๆกับแยกเอาต้นขาของเด็กหนุ่มขึ้นมาคร่อมบนตัก ให้รู้ว่า เขาอยากจะให้เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายขยับกายเองบนตัวเขามากกว่า
“ใจเย็นๆน้ำเชี่ยว เดี๋ยวเจ็บหรอก” และด้วยความที่ถูกปลุกเร้าส่วนนั้นมาอย่างต่อเนื่อง พอถูกให้เปลี่ยนท่ากะทันหันทั้งที่ยังไม่สุดความต้องการ เด็กหนุ่มก็แทบจะทนไม่ไหวโถมกายรุมร้อนคร่อมใส่อีกร่างบนโซฟา จนเกือบลืมไปว่านี่เป็นครั้งที่สองเอง ที่ตัวเองกำลังจะร่วมรักกับอีกฝ่ายทางช่องทางด้านหลัง รู้ตัวอีกทีก็เมื่อถูกพีมใช้แขนพยุงเอาไว้และป้ายเจลเย็นๆไปที่ช่องทางนั้นพร้อมกับพลุบนิ้วเข้าไปในทันที
“
อืม~” แม้ท่วงท่าที่ดูออกจะเคอะเขิน ไม่ถนัดของคนตรงหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ดวงตาโศกที่หวานล้ำและริมฝีปากหนาที่ไม่ยอมปล่อยให้ปาก จมูกและคางของเขาเป็นอิสระเสียทีก็ทำให้นักร้องหนุ่มอิ่มเอมใจไปไม่น้อยกว่ารสสัมผัสที่กำลังดำเนินอยู่ กระทั่งส่วนแกร่งของเขาถูกช่องทางแคบโถมลงมา และตอดรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนอดไม่ได้ต้องปล่อยเสียงครวญครางออกมาเพื่อบรรเทาความเสียวซ่านลงบ้าง
“
อ๊ะ.. น้ำเชี่ยวครับ อา~ดีจัง ที่รัก
อืม..” เมื่อช่องทางเริ่มคุ้นเคย เด็กหนุ่มก็เริ่มขยับกายแรงขึ้น ตามจังหวะการสวนกระแทกจากคนข้างล่าง แผ่นหลังขาวเนียนถูกโอบรัดไว้แน่นราวกับเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยระบายความเสียวซ่านที่ถูกท่อนเนื้อร้อนกระแทกกระทั้นเข้ามาลึกขั้นทุกที
“
อ๊า~ พี่ รู้สึกมั้ย
อาา าา มันเข้ามา ล..ลึก จน น้ำ จะ อา จะไม่ไหว แล้ว~”
“ครับ~ คนดี.. เอาเลย รู้สึกยังไงก็ปล่อยมันออกมาเลย ขยับอีกสิ
แรงอีก มันดีใช่มั้ย
ฮาา าา”
แม้สายฝนแห่งรักพร่างพรม ชุ่มฉ่ำ แต่ก็ไม่มีท่าว่าจะดับไฟรักของคนทั้งคู่ลงได้ง่ายๆ สองร่างแนบชิดบดเบียดเสียดสีกระแทกกระทั้น อย่างเร่าร้อนตามแรงปราถนา มอบความสุขให้กันและกัน อีกครั้ง และอีกครั้ง เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงครวญครางจากความสุขสมดังก้องระงมนับครั้งไม่ถ้วน ..รักวาบหวามรัญจวนใจที่โซฟาเนื้อดี บทรักเร่งรัดร้อนแรงท่ามกลางวิวแห่งแสงสีที่ริมระเบียง เสียวสะท้านไปทั่วร่างกลางโต๊ะอาหาร ไฟรักเร่าร้อนทวีคูณที่เคาท์เตอร์บาร์ ดื่มด่ำกับเพลงรักให้เย็นชื่นในจากุชชี่ และอำลาค่ำคืนอันแสนสุขในต่างแดนของเราสองบนเตียงหนาเนื้อนุ่ม ..ทุกอย่างดำเนินไปราวกับ ไม่มีวันพรุ่งนี้
...พี่รักน้ำเชี่ยวมากนะครับ คนดี...
...น้ำก็รักพี่มากเหมือนกันครับ ที่รัก...
**************************************
To b con