Chapter24เมื่อคอนเสิร์ตจบลงอย่างสวยงามท่ามกลางเสียงปรบมือเสียงกรี๊ดเสียงเชียร์กึกก้องของเหล่าแฟนเพลงและบรรดาแฟนคลับ ทีมงานและสตาฟทั้งหลายก็พากันลงมาที่ห้องจัดเลี้ยงซึ่งทางสปอนเซอร์และทางโรงแรมจัดขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนที่เต็มที่กับงานจนสำเร็จไปอีกหนึ่งคอนฯ ..
จังหวัดเชียงใหม่ เป็นที่ๆน้ำเชี่ยวเกิดและเติบโต คอนเสริต์ครั้งนี้จึงมีคุณพ่อ คุณแม่และพี่สาวมาคอยให้กำลังใจถึงขอบเวที และคืนนี้ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้กลับไปนอนที่บ้านตัวเองเพราะนานๆเขาจะได้กลับมาบ้านเกิดซักที..
แต่
“พี่พีม น๊ะ ไปกับน้ำเชี่ยวน๊ะ ไปกินข้าวที่บ้านน้ำน๊า~” เจ้าเด็กร่างสูงเจ้าของฉายาร็อคเกอร์หนุ่มตาหวานก็ยังคงวนหน้ากวนหลังอยู่กับพีม ไม่มีทีท่าว่าจะกลับบ้านเอาง่ายๆ
“อย่าเลยน้ำเชี่ยว นานๆทีน้ำจะได้กลับมาอยู่กับครอบครัว จะให้พี่ไปทำไม พี่อยู่ที่นี่กับพวกทีมงานได้ น้ำไปเถอะไม่ต้องห่วงพี่นะ นะครับ” พีมพยามพูดและอธิบายให้น้ำเชี่ยวเข้าใจ เกรงใจก็เกรงใจ ที่คุณแม่ของน้ำเชี่ยวต้องมารอเจ้าเด็กเอาแต่ใจที่มัวแต่ติดอยู่กับเขา
“พี่ก็เป็นคนในครอบครัวของน้ำเชี่ยวเหมือนกันนะ เพราะฉะนั้นพี่เลยต้องไป นะพี่นะ ไปเถอะ”
-_-‘ ไอ่กบ แกพูดอะไรออกมา คนในครอบครัวอะไร นี่แม่แกก็ยืนอยู่ตรงนี้นะ โอย!อยากจะบ้า!
ระหว่างที่ถูกเด็กหนุ่มล้อมหน้ารุมหลังอยู่นั้น อยู่ๆหญิงสาววัยกลางคน ดวงหน้าที่ถูกเติมแต่งเพียงเล็กน้อยและดวงตากลมเป็นประกายไม่ต่างกับลูกชายก็เข้ามา นี่คงจะถูกเจ้าตัวแสบอ้อนของความช่วยเหลือไว้แน่นๆ
“พีม ไปเถอะจ๊ะลูก น้ำเชี่ยวเขาเล่าเรื่องของพีมให้แม่ฟังประจำเลย จนที่บ้านนี่เหมือนมีลูกเพิ่มมาอีกคนแล้วนะ เดี๋ยวทานข้าวเสร็จค่อยให้น้ำเชี่ยวขับรถมาส่งนะ” คุณแม่ของน้ำเชี่ยวพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับยื่นมือมากระชับมือของพีมเอาไว้
.. อบอุ่น
ความรู้สึกนี้เหมือนมันหายไปจากเขาพร้อมกับคำว่า‘ลูก’นานมากแล้ว...
นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้ฟังคำๆนี้
.
.
เพียงไม่นานเจ้าตัวแสบก็หน้าแป้นเป็นจานเชิงเพราะสามารถทำให้พีมมานั่งอยู่ข้างๆเขาบนโต๊ะอาหารภายในบ้านหลังใหญ่ที่ ตกแต่งด้วยไม้ซุงผ่าซีกแบบล้านนาประยุกต์ พร้อมหน้ากับคุณพ่อ คุณแม่และพี่สาวของเขาได้
“กินเยอะๆนะพี่ น้ำว่าพี่เริ่มจะผอมแล้วนะ” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส มือก็สาละวนกับการตักกับข้าวต่างๆลงมาบนจานของพีม จนทุกคนบนโต๊ะพากันอมยิ้มกันใหญ่กับอาการร่าเริงของลูกชายคนเล็กของบ้าน
“ไม่ต้องเกรงใจนะลูก ทานเยอะๆ แม่ก็ว่าพีมตัวจริง ตัวเล็กกว่าที่ดูในละครตั้งเยอะ” ขณะที่คุณแม่ของน้ำเชี่ยวก็น่ารัก อบอุ่น จนทำให้พีมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดลึกๆ คิดไปถึงเรื่องนั้น..ถ้าทุกคนรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับน้ำเชี่ยวที่มันลึกซึ้งจนสังคมคงยอมรับไม่ได้ แล้วทุกอย่างมันจะเป็นอย่างไร
“พี่รู้มั้ย แม่น้ำเชี่ยวอ่ะ เป็นแฟนละครของพี่ทุกเรื่องเลยนะ จะบอกให้ นี่ลองว่าบ้านอยู่กรุงเทพฯนะ คงได้ไปดูคอนเสิรต์พี่ทุกที่แน่ๆ” แววตาสดใสน้ำเสียงเบิกบานและรอยยิ้มน่ารักที่น้ำเชี่ยวแสดงกับครอบครัวและเผื่อแผ่มาถึงเขา ทำให้พีมเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันช่าง มีความสุข..
มีความสุขมากซะจน ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะหวนกลับไปคิดถึงเรื่องของครอบครัวของตัวเอง .นานมากแล้วจริงๆ นานซะจนเกือบลืม
“เออ..แล้วพีมงานเยอะๆอย่างนี้ ได้มีเวลาทานอาหารกับที่บ้านบ่อยมั้ย หืม?” คุณพ่อดูใจดี เริ่มมีบทสนทนาขึ้นมาบ้าง
“... “ แต่
วูบนึงที่ดวงตาเรียวใสหลุบต่ำ ราวกับมีอะไรมาสะกิดเข้าที่ใจ ก่อนที่รอยยิ้มบางๆจะฉาบขึ้นมาบนในหน้าหวานอีกครั้ง
“เอ่อ..พ่อกับแม่ของพีมท่านเสียไปนานแล้วครับ หลังจากนั้นพีมกับพี่สาวก็แยกย้ายกันไปเรียนที่เมืองนอก กลับมาพี่พัดก็ยุ่งแต่กับงานของที่บ้าน บางทีก็ต้องไปดูแลที่สาขาต่างประเทศ เราพี่น้องก็เลย ไม่ค่อยมีเวลาทานข้าวด้วยกันเท่าไหร่ครับ”
แม้พีมจะยิ้มและตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แววตาใสๆคู่นั้น กลับดูชื้นและตื้นขึ้นจนทุกคนรู้สึกได้
“......”
“......”
“.......”
“ไม่เป็นไรๆ ต่อจากนี้ไป ถ้าพี่อยากกินข้าวกับที่บ้าน หรือไม่รู้จะไปกินข้าวกับใคร น้ำเชี่ยวจะพาพี่มากินข้าวกับพ่อกับแม่บ่อยๆเลยเนอะ เนอะพี่เนอะ.. กินเลยพี่ อันนี้ก็อร่อยนะ แม่น้ำเชี่ยวทำสุดผีมือเลย อันนี้ก็ด้วย นี่ๆ อร่อยป่ะ”
มิน่าล่ะ พี่พีมถึงชอบอยู่คนเดียวแล้วก็กลัวที่มืดๆมากขนาดนั้น ..จบประโยคคะยั้นคะยอชวนทาน และกับข้าวที่กองพูนจานจนแทบไม่มีที่เหลือให้ตักใส่ลงไปแล้ว เจ้าหนุ่มร่างสูงก็หันไปทำหน้าทะเล้นใส่คนข้างๆ ซึ่งเรียกเอาเสียงหัวเราะของทุกคนบนโต๊ะอาหารกลับมาได้อีกครั้ง
..พี่พีม น้ำขอโทษนะ น้ำไม่เคยรู้ ไม่เคยใส่ใจจิตใจพี่เลย แล้วน้ำยังดื้อชวนพี่มากินข้าวกับพ่อกับแม่ให้ได้อีก น้ำเชี่ยวขอโทษ.. ไม่เป็นไรนะ ต่อไปนี้น้ำจะไม่ยอมให้พี่เหงาอีกแล้ว จะไม่ให้พี่ต้องอยู่คนเดียวกินข้าวคนเดียวอีกต่อไป น้ำจะเป็นครอบครัวให้พี่เอง ยิ้มหน่อยน๊ะ ไอ้ตี๋หน้ายุ่งของน้ำ^^ ยิ้มสิๆ
.
.
“พี่พีมอ่า..ทำไมต้องดื้อด้วยอ่ะ นอนบ้านน้ำเชี่ยวมันจะเป็นอะไร” เจ้ากบบ่นกระปอดกระแปดมาตลอดทางตั้งแต่ขับรถออกจากบ้านจนถึงหน้าโรงแรม ที่พีมไม่ยอมอยู่ค้างที่บ้านด้วยทั้งๆที่พี่ยีนส์พี่ฝนก็ไม่ได้ว่าอะไร
“บอกแล้วไง นานๆทีเราจะได้กลับบ้านอยู่กับพ่อกับแม่ จะได้มีเวลาส่วนตัวบ้างไง พี่นอนโรงแรมน่ะดีแล้ว นะ น้ำเชี่ยวกลับไปเถอะ ไม่ต้องห่วงพี่หรอก ก่อนนอนโทรมากู้ดไนท์พี่ก็พอแล้ว นะครับ” พีมพูดพลางใช้มือเรียวลูบไปบนเส้นผมหยักของน้ำเชี่ยวอย่างแผ่วเบา ก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้เจ้าตัวดีหายจากอาการหน้ามุ่ยซักที
“อืมๆ ลงไปแล้วขึ้นห้องนอนเลยนะ ห้ามไปแวะที่ไหน รู้มั้ย เดี๋ยวน้ำจะโทรมาเช็ค”
ดื้อ ดื้อจริงๆ คนอะไรไม่รู้ ชอบว่าเราเป็นเด็กๆ.. บางที่พี่พีมนั่นแหละ เหมือนเด็กๆ คิดมากไม่เข้าเรื่อง เมื่อคืนก็นอนกอดเราทั้งคืน แล้วคืนนี้ต้องกลับไปนอนคนเดียว ห้องก็กว้างขนาดนั้น จะเหงาหรือเปล่าก็ไม่รู้ น้ำเชี่ยวห่วงจริงๆนะ ..พี่ไม่เข้าใจน้ำเชี่ยวอีกแล้ว เฮ้อ!
“คร๊าบบบบ คนดี เป็นเด็กดี ฝันดีนะครับ” ซูเปอร์สตาร์หนุ่มรู้ว่าน้ำเชี่ยวคงอยากได้จูบ หรือหอมสักที จากสายตาหวานๆ ที่กำลังเว้าวอนส่งมาให้ แต่อยู่ที่สาธารณะแบบนี้..คงทำได้แค่
“พี่รักน้ำเชี่ยวนะครับ ขับรถระวังๆนะ พรุ่งนี้เจอกัน” คงทำได้แค่..จูบไปเบาๆที่หลังมือหนาคู่นี้ พร้อมกับน้ำเสียงนุ่มผ่านไปกับประโยคบอกความในใจให้กับคนสำคัญ
..พี่รักน้ำเชี่ยวนะ..
.
.
ระหว่างทางที่จะขึ้นไปห้องพัก ต้องผ่านทางลงไปผับของโรงแรม ซูเปอร์สตาร์หนุ่มมองเข้าไปด้านใน แม้แต่พี่ยีนส์กับพี่ฝนยังสนุกสนานเฮฮาลืมเหนื่อยกันเลย ..คืนนี้คงเป็นคืนปล่อยผีของเหล่าสตาฟและทีมงานล่ะสินะ ยิ่งพรุ่งนี้เราได้ไฟล์กลับกรุงเทพกันตอนค่ำด้วย ทำให้ทุกคนปลดปล่อยกันอย่างเต็มที่ในผับชั้นล่างของโรงแรม
---ก็อกๆ!
ก็อกๆๆ!---
ขึ้นมาถึงห้องได้ไม่นานเท่าไหร่ ก็มีแขกคนที่เขาเกือบลืมไปแล้วมารบกวนซะก่อน
“คุณณุ เอ่อ.. ดึกแล้ว มีอะไรเหรอครับ” ประโยคสั้นๆตามมารยาท ที่ส่งผ่านไปทางช่องแคบๆของประตูห้อง ..ดึกแล้วนะ ยังอยู่อีกเหรอ..
“
พีม หายไปตั้งนาน ผมตามหาคุณแทบแย่ ผมให้พนักงานเอาของขวัญมาให้คุณ แต่คุณก็ไม่อยู่ นี่ผมจะถอดใจกลับบ้านนอนแล้วนะ เลยขอแวะมาดูอีกสักที บังเอิญจังเลยนะครับ” นายภาณุมาพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่และไวน์ขวดเบ้อเริ่ม ..แม้ชายหนุ่มจะไม่คิดอยากเป็นคนหลงตัวเองแค่ไหน แต่คิดยังไร มันก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องบังเอิญไปได้ ในเมื่อดึกขนาดนี้แล้ว นายภาณุคนนี้ยังไม่เลิกตามหน้าตามหลังเขาอีกหรือ แต่หากอยากจะแสดงความยินดีจริงๆล่ะก็ ถ้าเอ่ยขอบคุณไปก็น่าจะโอเคล่ะนะ
“เอ่อ..ให้ผมเข้าไปได้มั้ยครับ ดื่มไวน์กัน” หนุ่มผิวคล้ำร่างสูงที่เพิ่งมาไม่พูดเปล่า กลับแทรกตัวเข้าในห้องหน้าตาเฉย ทำเอาเจ้าของห้องเลิ่กลั่กทำอะไรแทบไม่ถูก
..พี่ยีนส์และทีมงานที่อยู่ห้องข้างๆก็ลงไปที่ผับกันหมด เจ้าตัวดีก็กลับบ้านไปแล้ว ทำยังไงดีหล่ะ ..คงจะมีแค่บางคนเท่านั้นล่ะ ที่อาจหลงเชื่อมุขบ้านๆของนายหน้าหล่อคนนี้ แต่สำหรับพีม คิดผิดแล้ว มุขบ้านๆแบบนี้ในอดีตเขายังไม่เคยคิดที่จะหยิบมันขึ้นมาหลอกสาวๆหรือผู้ชายคนไหนด้วยซ้ำไป มันบ้านเกินไปจริงๆ
“งะ งั้น เราลงไปฉลองกับพวกพี่ๆกันข้างล่างดีกว่ามั้ยครับ งานนี้ไม่ได้มีพีมคนเดียว พี่ๆทีมงานก็มีส่วนช่วยเหลือกันทุกคน เราไปดื่มกันที่ผับก็ได้นะครับ หลายๆคนน่าจะสนุกกว่า” พีมพูดพลางคว้าเอาแจ๊คเก็ตพร้อมกับฉุดมืออีกคนให้ออกไปพร้อมกัน ทิ้งไว้เพียงมือถือเครื่องหรูที่เจ้าตัวดูเหมือนจะลืมไว้บนเตียง
..คงไม่ดีแน่ถ้านายนี่จะมาดื่มกับเราสองคนในห้องนี้ ปฏิเสธคนไม่ค่อยเป็นซะด้วยสิ ไปกินข้างล่างปลอดภัยกว่า ยังไงพี่ยีนส์พี่ฝนก็อยู่ล่ะว่ะ
แต่ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะผิดคาดไปซะหมด เมื่อทั้งคู่มาถึงผับ แล้วพบว่ายีนส์กับฝนกำลังเมาได้ที่แล้ว คงเหลือแต่ทีมงานบางคนที่เป็นพวกคอทองแดง ขาโก๊งทั้งนั้น แถมยังมาคะยั้นคะยอให้เขากับนายณุชนแก้วกันอีก ..ซวยจริงๆเลย ไปกันใหญ่เลยทีนี้ หนีเสือปะจรเข้แท้ๆ
ทางด้านน้ำเชี่ยวที่กลับมาถึงบ้าน ทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยกำลังจะเข้านอน เหลือแค่เพียงโทรกู๊ดไนท์ใครบางคนที่เข้ามาวนเวียนอยู่ในหัวใจของเขาทุกคืนเท่านั้น.. แต่ก็ไร้เสียงตอบรับจากปลายทาง โทรหาพี่ยีนส์ก็เมาจนพูดไม่รู้เรื่อง เสียงปลายสายที่ว่าง ไม่วี่แววว่าเจ้าของเครื่องจะรับมันสักครั้ง ยิ่งทำให้น้ำเชี่ยวกระวนกระวายนั่งแทบไม่ติด กระทั่งสุดท้ายเครื่องแทบจะระเบิดเมื่อเด็กหนุ่มโทรไปที่เครื่องพี่ฝน และได้คำตอบว่าพีมกับไอ้เลวนั่นกำลังดื่มกันอยู่ที่ผับข้างล่าง
..
ดื้อ!! บอกเท่าไหร่ ก็ไม่เคยเชื่อ พี่พีมนะพี่พีม! อย่าหาว่าน้ำไม่เตือนนะคราวนี้ สองขาวิ่งลงบ้านปึงปัง บึ่งรถออกมาอย่างร้อนรนแทบไม่สนคำร้องถามจากพี่สาวและคุณแม่ที่ไล่หลังมา
.
.
“
พี่!พี่พีมละ พี่พีมไปไหน” และทันทีที่มาถึงผับสุดหรูในชั้นใต้ดินของโรงแรม น้ำเชี่ยวสีหน้าร้อนรนกรอกเสียงดังแข่งกับเสียงดนตรีถามทีมงานที่นั่งดื่มกันอยู่อย่างหัวเสีย
“เพิ่งออกไปเมื่อกี้เอง เมา~ไม่รู้เรื่อง คุณภาณุอาสาพากลับห้องไปแล้ว มา น้ำเชี่ยวมาดื่มกับพวกพี่หน่อย” เสียงคนตอบ ที่ตอบกลับมาฟังดูก็รู้ว่าไกล้เมาพับเช่นกัน
แล้วพี่พีมล่ะ..
“โธ่โว้ย!!!” ได้ยินดังนั้น เด็กหนุ่มก็สบดเสียงดังก่อนจะสาวเท้าวิ่งออกไปจากผับทันที
เมื่อวิ่งมาถึงหน้าลิฟต์ ก็ทำเอาน้ำเชี่ยวแทบช็อค เมื่อเห็นนายภาณุพยุงเอาร่างที่เหมือนไร้สติของพีมเข้าไปในลิฟต์เรียบร้อย อีกทั้งดูเหมือนนายนั่นจะพยายามฉวยโอกาสระดมจูบไปทั่วใบหน้าและลำคอของร่างไร้สติ แค่แว๊บเดียวก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง ก็ทำเอาเขาแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่ สองมือสองขาสั่น รู้สึกได้ถึงไอร้อนภายในตัวที่กำลังแผซ่านไปทุกอณู น้ำเชี่ยวพยามกดย้ำไปที่ปุ่มเปิดของลิฟต์ เท่าไหร่ก็ดูเหมือนไม่ทันอย่างใจเขาสักที
“แมร่ง
โว้ย!!” ร่างสูงเลือกที่จะสาวเท้ายาวๆขึ้นบันไดหนีไฟอย่างไม่คิดชีวิต.. แต่ก็ดูเหมือเขาจะช้ากว่านายนั่นไปซะทุกก้าว พ้นขอบกำแพงของชั้นที่หมายก็เห็นเพียงเงาของไอ้นั่นพาคนรักของเขาหายเข้าไปในห้องแล้ว
“ไอ้เลว มรึง!!” เด็กหนุ่มชะงักกึ่กเมื่อคิดได้ว่า ทุกอย่างอาจจะถูกเจ้าคนชั่วนั่นวางแผนไว้แล้ว เพราะฉะนั้น อารมณ์นี้หากจะไปเคาะประตูให้มันเปิดคงไม่ได้ผลแน่ อีกทั้งโรงแรมนี้ก็เป็นของมัน ทุกคนก็คงต้องฟังแต่มัน สองตาที่กำลังเปี่ยมไปด้วยแววโกรธกร้าวพลันเหลือบไปเห็นบางอย่างที่กำแพงไม่ไกลจากบันหนีไฟ
“เพล้ง!!!” (( กริ๊งงงงงงงงง!! กริ๊งงงงงงงงงงง!!! กริ๊งงงงงงงงงงงงง!!! ออดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!! )) แค่เพียงเสี้ยววินาทีโรงแรมหรูระดับห้าดาวกลางเมืองเชียงใหม่ก็อยู่ในสภาวะโกลาหน สายน้ำทีฉีดพุ่งออกมาจากเพดาน พร้อมกับเสียงออดเตือนภัยดังระงมไปทั่วทุกชั้น ลูกค้าและพนักงานพากันวิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากห้องพักกันจนชุลมุนไปทั่วทั้งโรงแรม
..ไม่เว้นแม้แต่..นายนั่น
“
พลั่ก!! ผัวะๆ!! อุ๊ก!!
ผัวะ!!”
ทันทีที่นายณุพาเอาร่างเมาๆและหน้าตาบูดๆเบี้ยวๆของมันออกมาจากห้องพักของพีม สองตาโตเหลือบไปเห็นเสื้อเชิ้ตของมันที่ปรดกระดุมออกจนหมดทั่งตัว ยิ่งทำให้น้ำเชี่ยวเลือดเดือดขึ้นหน้า ที่คิดไว้ว่าจะแค่เอาถังดับเพลิงฟาดเบาะๆที่ท้ายทอย กลับกลายเป็นแจกหมัดไปอีกสองแถมด้วยระบำส้นเท้าไปอีกหนึ่งชุดใหญ่ แม้จะมืดแต่เขาก็เล็งถูกทุกจุด ทำเอานายณุทรุดลงไปกองหมดสติอยู่ข้างประตู
..แต่ มันต้องเนียนกว่านี้
คิดได้ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงลากเอาร่างเยินๆของมันไปพาดไว้ที่ทางหนีไฟ ควานหากระเป๋าสตางค์ แล้วควักแบงค์พันปึกใหญ่โยนหวือลงไปทางหน้าต่าง ก่อนจะเหวี่ยงกระเป๋าเปล่าๆของมันลงถังขยะไม่ไกล ..สภาพดูไม่ได้เลย สมน้ำหน้า!!
ครั้นมาถึงในห้องพักหรู ก็พบพีมที่เมามายไร้สติ นอนเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียง แม้เด็กหนุ่มจะนึกฉุนขึ้นมันจับใจกับสภาพที่เห็น แต่จะปล่อยไว้กับความชุลมุนที่นี่ยิ่งไม่มีทาง น้ำเชี่ยวจึงคว้าเอาแจ๊คเก็ตมาสวมให้พร้อมกับอุ่มร่างไร้สติขึ้นพาดบ่าออกจากห้องไปทันที
.
.
“พี่พีม..ตื่นๆ พี่พีม”
“
น้ำเชี่ยว!..เกิดอะไรขึ้นน่ะลูก ทำไมพีมเปียก ไม่ได้สติยั่งงั้นล่ะ” แม่ร้องถามอย่างตกใจเมื่อลงมาเห็นสภาพเปียกมะล่อกมะแร่กของลูกชายที่หอบอุ้มเอาร่างเมามายไม่ได้สติของพีมเข้าบ้านมาอย่างร้อนรน
“พี่พีมเมา ที่โรงแรมไฟไหม้นิดหน่อยนะครับ แม่เปิดประตูห้องให้น้ำเชี่ยวหน่อย
เร็วแม่” น้ำเชี่ยวเดินขึ้นบ้านด้วยสภาพที่เปียกชื้นอุ้มเอาคนร่างไม่ได้สติเข้าห้องทันที
“ให้แม่ช่วยอะไรมั้ยลูก เดี๋ยวแม่เอาผ้าเช็ดตัวให้นะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวน้ำเชี่ยวจัดการเอง แม่ไปนอนเถอะครับ” เด็กหนุ่มรับผ้าขนหนูมาซับไปเบาๆตามเส้นผมที่เปียกของคนตรงหน้า เสียงที่ตอบกลับมารดาทุ้มต่ำและเบาบาง ขณะที่ดวงตาคู่โตสบจ้องคนร่างขาวที่กำลังพึมพรำอย่างไร้สติไม่วางตา
“งั้นแม่ ไปนอนนะลูก ดูแลพี่เค้าดีๆล่ะ” สายตาที่อ่อนโยนของน้ำเชี่ยว กับสัมผัสแผ่วเบาไปตามไรผมและใบหน้าขาวนวลของคนร่างบางที่นอนอยู่บนเตียง ทำให้ความรู้สึกในใจของหญิงวัยกลางคน ผู้ให้กำเนิดลูกชายน่ารักตรงหน้าถูกสะกิดขึ้นมา ถึงเรื่องในใจของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ที่เคยบอกไว้กับตนเมื่อไม่นาน..
‘แม่ครับ แม่จะโกรธน้ำเชี่ยวมั้ย ถ้าวันนึงน้ำเชี่ยวไม่ได้เป็น น้ำเชี่ยวที่น่ารักอย่างที่แม่คิดไว้’“แม่ครับ..” ก่อนที่เธอจะเดินพ้นขอบประตูห้อง สองเท้ามีอันต้องชะงักนิ่ง เพียงเพราะเสียงแผ่วเบาจากลูกชายที่แว่วมา
“น้ำ..เอ่อ น..น้ำเชี่ยว”
“..น้ำเชี่ยว.. รัก พี่พีม แม่รู้ใช่มั้ย..” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงทุ้มสั่นเทาและบางเบา ขณะที่น้ำใสก็รื้นขึ้นคลอหน่วยตาคู่หวาน จนคนเป็นแม่อดไม่ได้ที่เข้าไปสวมกอดร่างที่กำลังสะอื้นของลูกชายไว้ ในขณะที่สองแขนแกร่งของน้ำเชี่ยวเองก็รั้งเอาตัวของพีมเข้ามากอดไว้กับอกเช่นกัน
อ้อมกอดสู่อ้อมกอด ที่อีกคนส่งผ่านถึงอีกคน และอีกคนส่งถึงอีกร่างที่อาจไม่รับรู้ เนิ่นนานปราศจากคำพูดใดๆ ราวกับให้ความเงียบสงัดของค่ำคืนเยียวยาทุกอย่างภายใน ราวกับให้ความกว้างของห้องที่คุ้นเคยดูดกลืนความชื้นแชะในหัวใจของทั้งสามคนให้หมดไป
“แม่รู้.. แม่รู้..แม่เข้าใจลูก.. ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร ลูกของแม่รักใคร แม่ก็รักคนนั้นจ๊ะลูก..นะ อย่าร้อง อย่าร้องนะลูกน้ำของคุณแม่ เดี๋ยวพี่เค้าได้ยินจะไม่สบายใจนะลูกนะ หืม”
มืออบอุ่นข้างหนึ่งของคุณแม่กระชับโอบร่างทั้งสองหนุ่มให้แน่นขึ้น ขณะที่มืออีกข้างก็ลูบไล้ไปตามผมยุ่งๆของทั้งสองคนอย่างอ่อนโยน หนึ่งคนเมามายไม่ได้สติ หนึ่งคนมีสติแต่ต้องเก็บกลั้น และอีกหนึ่งคนที่ต้องพยามคุมสติตัวเองเอาไว้และทำใจรับให้ได้
...น้ำเชี่ยวขอโทษครับแม่ ที่น้ำเชี่ยวไม่เหมือนคนอื่น
...น้ำเชี่ยวขอโทษครับ ที่น้ำเชี่ยวรักพี่พีมได้คนเดียว
...น้ำเชี่ยวขอโทษครับ
.
.
เมื่อเห็นว่าร่างบางเริ่มขาวซีดลงเพราะความเย็น เริ่มสั่นเพราะความชื้นจากเสื้อที่ยังเปียก น้ำเชี่ยวจึงไปหาเสื้อตัวใหม่เตรียมมาเปลี่ยนให้แทน แต่.. ทันทีที่แจ๊คเก็ตชุ่มน้ำบนตัวคนเมาเปิดออก เด็กหนุ่มก็พบรอยแดงช้ำเป็นจ่ำตามเนินอกและลำคอขาว ที่ไอ้เลวนั่นมันทำไว้ พลันทำให้อารมณ์ที่เพิ่งมอดไป กลับครุกรุ่นขึ้นอีกครั้ง มือหนาฉุดกระชากร่างที่สะลึมสะลืออยู่เข้าห้องน้ำ เปิดน้ำจากฝักบัวฉีดใส่จนเปียกโชกไปทั่วร่าง และคงเพราะความแรงและเย็นจากสายน้ำทำให้ร่างงัวเงียได้สติขึ้นมาบ้าง จนได้ยินเสียงพรึมพรำพูดออกมาอย่างไม่เป็นภาษา
“
พี่พีม..พี่พีม มองน้ำเชี่ยวสิ” ยิ่งเห็นคนที่ตัวเองรักหัวเราะร่าอย่างคนเมาไม่ได้สติ กับรอยแดงตามร่างกายยิ่งทำให้น้ำเชี่ยวเกิดบันดาลโทสะอยากระบายลงกับอะไรซักอย่าง
“พี่พีม! มองน้ำ มอง!!” เสียงทุ้มต่ำลอดตามไรฟัน กรามถูกขบกัดแน่นเพราะความโกรธ มือหนากระชากต้นแขนขาวขึ้นมา ขณะที่ฝ่ามืออีกข้างง้างออกสุดแขน อยากจะฝาดลงใบหน้าใสๆที่กำลังยิ้มกริ่มอย่างไร้สติเพราะความเมา แต่..ก็ต้องชะงักไว้เท่านั้นเมื่อร่างกายขาวเริ่มสั่นแรงขึ้น พร้อมกับเสียงสะอื้นและหยดน้ำรื้นขึ้นที่ดวงตาคู่เรียว
“แม่..ครับ..
ฮึกๆ..พ่อ..ครับ..พีม..คิดถึงจัง แม่..อยู่..ไหน..
ทำไม..ไม่มาหาพีมบ้างล่ะ
ฮือออ..”
อยู่ๆน้ำใสก็ไหลรินออกจากดวงตาเรียวทั้งสองข้าง มือเรียวได้แต่ยกขึ้นปาดน้ำตาให้ตัวเอง ..อะไรนะที่อยู่ในหัวของพี่ตอนนี้ มันโหดร้ายขนาดนั้นเลยหรือ.. ร่างเปล่าเปลือยสั่นเทาเพราะแรงสะอื้นนั่งชันเข่าซุกหน้าลงปล่อยโฮออกมาอย่างเลื่อนลอย นับเป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มได้เห็น ร่างบางที่เปียกชุ่มจากน้ำตาและเปียกโชกจากสายน้ำ ตัวที่ว่าบางอยู่แล้ว บัดนี้กลับดูเล็กลงกว่าเดิมในท่าคุดคู้กอดเข่าลงผ่ายแพ้ให้กับความอ่อนแออย่างหมดท่า
“
ฮึกๆ ไม่เป็นไรนะพี่พีม
ฮึกๆ ไม่เป็นไร น้ำเชี่ยวอยู่ตรงนี้ ฮือๆ จะเป็นทุกอย่างให้พี่
ฮือๆ พี่มีน้ำนะ น้ำรักพี่ ฮึกๆ น้ำเป็นให้พี่ได้ทุกอย่าง
น้ำจะไม่ทิ้งพี่ ไม่มีวัน พี่ได้ยินมั้ย ฮืออออออ” สองแขนแกร่งดึงเอาร่างบางเข้ามาสวมกอดไว้แนบแน่น พรั่งพรูทุกๆคำด้วยเสียงสั่นเครือปลอบประโลมคนที่เขารัก ก่อนจะประคองใบหน้าหวานที่ชื้นไปด้วยน้ำตาขึ้นมาจุมพิตไปทั่วใบหน้า
..แบ่งมันมาให้น้ำบ้างสิครับพี่ ให้น้ำเชี่ยวช่วยอะไรพี่บ้าง อย่าเป็นอย่างนี้อีกเลย
.
.
รุ่งขึ้นเมื่อสองหนุ่มจัดการธุระส่วนตัวและจัดการกับอาหารเที่ยงฝีมือคุณแม่เรียบร้อย ทั้งสองจึงลาคุณพ่อ โดยมีพี่นุชและคุณแม่อาสาจะขับรถไปส่งที่โรงแรม
“น้ำเชี่ยว..เลิกหน้าบึ้งซักทีสิ ยังไม่หายโกรธพี่อีกเหรอ” พีมกระซิบถามน้ำเชี่ยวอย่างหวาดๆ เนื่องจากรู้ว่าตัวเองผิดเต็มเปา ที่กินเหล้าจนเมามายไม่ได้สติเมื่อคืน เป็นเหตุให้น้ำเชี่ยวยังคงบึ้งตึงใส่เขาตั้งแต่เช้าจนมาถึงในรถไม่หายซักที เกรงใจคุณแม่กับพี่นุชที่อุตส่าห์มาส่ง แต่น้ำเชี่ยวกลับต้องมานั่งหน้างอ เพราะเขาเป็นต้นเหตุแท้ๆ
“..เหอะ..” เหลือบตามองคนที่ทำตัวลีบข้างๆแล้ว อดไม่ได้จริงๆ โกรธ คงไม่หายง่ายๆแน่คราวนี้ เด็กหนุ่มทำหูทวนลมนั่งกอดอกแน่นไม่สนใจเสียงกระซิบและสายตาปริบๆของอีกคนที่ส่งมา ทั้งยังตั้งใจหลบหน้าหลบตามองผาดไปตามถนนสองข้างทางแทน
..แน่ล่ะซิใครจะหายโกรธง่ายๆ ไม่ต้องมาทำตาปริบๆเลยไอ้ตี๋ขี้เมา ดีทุกอย่าง เพอร์เฟคไปซะทุกเรื่องน่ะ แต่พอเหล้าเข้าปากล่ะหายหมด เป็นเรื่องเป็นราวทุกที สงสัยจริงๆที่ผ่านมานี่ ไม่มีใครบอกมันให้รู้เลยหรือไง ว่าตัวเองเวลาเมาแล้วเละเทะแค่ไหนอ่ะ.. คิดถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาแล้วมันจี๊ดดดด..
โมโหเว้ยยยยยยย!.. “น่านะ หายโกรธพี่เถอะ เกรงใจคุณแม่นะ น้ำเชี่ยวนะ นะครับ” พีมยังกระซิบต่อไป พลางยื่นนิ้วก้อยไปให้เจ้ากบโดยแอบคว้าเอาหมอนอิงมาบังมือไว้ ใจนึงกลัวว่าแม่กับพี่นุชที่นั่งอยู่ข้างหน้าจะเห็น แต่อีกใจก็อยากได้รับการให้อภัยจากคนข้างๆ
..แต่เอ๊ะ!
ทำไมรู้สึกว่านิ้วและฝ่ามือตัวเองมันบวมๆผิดปกติล่ะ เจ็บจี๊ดๆที่ข้อเท้าด้วย สงสัยเมื่อคืนเราคงนอนดิ้นมากไปแน่เลย
“อยากให้น้ำเชี่ยวหายโกรธใช่มั้ย” เมื่อคนถามกระซิบมาคนตอบก็ต้องกระซิบตอบกลับไป
“อืม” พอได้ยินเสียงขานรับเบาๆจากคนข้างๆ ใบหน้าใสก็รีบหันมา ส่งอมยิ้มหวานอย่างเอาใจ แม้ว่าแววตาจะยังดูเศร้าสร้อยอยู่ก็ตาม
เด็กหนุ่มรู้ทันทีว่าตนเองกำลังโดนอีกคนใช้วิชาออดอ้อนด้วยท่าทางใสซื่อน่ารักน่าสงสารเข้าแล้ว และมันก็ดูเหมือนจะค่อนข้างได้ผลซะด้วย
โอย..อย่ามาทำตาบ้องแบ๋วอย่างนี้ใส่น้ำบ่อยๆได้มั้ยเนี่ย! เห็นแล้วหมั่นเขี้ยวอยากจะฟัดมากกว่านะ
“หอมแก้มน้ำเชี่ยวทีนึงก่อน แล้วจะหาย” เด็กหนุ่มแกล้งกระซิบเสียงเบา สีหน้าก็ยังคงเรียบนิ่งเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายรู้ว่า เขายังไม่หายโกรธ
“จะบ้าเหรอ..จะหอมยังไง แม่นั่งอยู่” เอากะมันซิไอ้กบ หอมตรงนี้เดี๋ยวแม่ได้หัวใจวายกันพอดี ซูเปอร์สตาร์หนุ่มเลิกคิ้วถลึงตาใส่คนข้างๆพร้อมกับเสียงกระซิบเล็กๆรอดมา ริมฝีปากบางๆที่ยังคงฉาบด้วยรอยยิ้มน้อยๆกลบเกลื่อนไว้อยู่
“เอาน่า แม่ไม่ว่าหรอก หอมสิ ขอแบบเน้นๆนะ เฉียดๆไม่นับ” เสียงกระซิบที่บอกกลับมากับสีหน้ามึนๆของคนข้างๆ ยิ่งทำให้พีมปั่นป่วนเป็นที่สุด
เหอะ! ไม่เอาแล้วโว้ย!! ดูมัน ช่างไม่สะทกสะท้าน ไม่อายฟ้าอายดิน หน้าด้านหน้าทน อยากจะโกรธก็โกรธไป
“ไม่เอา!” ไอ้บ้า ชั้นไม่เพี้ยนไปกับแกหรอก ไอ้กบโดนยา
“ถ้าพี่ไม่หอม น้ำเชี่ยวจะทำเองนะ ไม่มียั้งด้วย” หึ ไม่แคร์กันใช่มั้ยไอ้ตี๋ขี้เมา คิดจะไม่ง้อเราเหรอ ตัวเองทำผิดแล้วยังไม่รู้สำนึก.. มาสิ..จะได้เห็นดีกัน
“.....”
ชิ! กล้าเหรอไอ้กบ แม่นั่งทนโท่อยู่นะ แกกล้าก็ชั้นก็นับถือเลยล่ะ โฮะๆๆ~
....อ๊ะ!....
!@?#!?@!!ยังไม่ทันคิดอะไรได้ต่อไปอีก อยู่ๆเจ้าตัวแสบก็กระโจนมายึดเอาใบหวานๆของพีมไปหอมแบบเน้นๆถึงสองฟอดใหญ่ เต็มๆสองแก้ม หรืออาจจะเรียกง่ายๆว่าหอมโชว์ก็ว่าได้ เพราะคุณแม่กับพี่นุชก็พร้อมใจกันหันมาดูโชว์ครั้งนี้ของมันแบบเต็มๆ ทำเอาพีมอึ้ง..รู้สึกมึน เห็นเดือนเห็นตะวันลอยเคว้งจนตาพล่าเลือนไปหมด ได้แต่ยกมือขึ้นไหว้ทั้งสองคนปรกๆ แต่ก็กลับถูกคนทั้งหมดหัวเราะกลับมาให้ราวกับเป็นเรื่องตลก โดยเฉพาะเจ้าตัวดีที่ระเบิดเสียงหัวเราะดังที่สุดจนตัวงอนี่ด้วย
หมายความว่าไง.. ทุกคนไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ? ..เอ่อๆ แม่คร้าบบบ ผมเป็นผู้ชายนะแม่ ไอ้น้ำมันก็เป็นผู้ชายนะแม่ ??
“
ฮ่าๆๆ ไม่ต้องทำหน้างงตัวแข็งแล้วพี่ ไม่เป็นไรหรอก น้ำบอกเรื่องเราให้แม่รู้หมดแล้ว แม่น้ำอ่ะ ดีใจแทบตายที่จะได้ดาราซูเปอร์สตาร์มาเป็นลูกสะใภ้” เด็กหนุ่มเจื้อยแจ้วเสียงใส ใขข้อข้องใจให้คนข้างๆอย่างหน้าตาเฉย
โอ้ยยย..ซูเปอร์สะตง ซูเปอร์สตาร์อะไร๊~ พี่ไม่ได้ดังขนาดนั้นหร๊อกก.. เขินนะเนี่ย นายเองก็ดังไม่น้อยไปกว่าพี่นี่นา ฮิๆๆ!! ….. ….. …. … .. . .
‘wait!!
Wait! เฮะ!!?! เดี๋ยวนะ
เดี๋ยวๆ มะ เมื่อกี้ มัน มันพูดว่า อะ ไร
นะ??’
((สะใภ้))
((สะใภ้)) ((สะใภ้))
((สะใภ้)) ม่ายยยยยยย!!!! ไอ้..
ไอ้.. น้ำเยี่ยว!! ไอ้กบโดนยา!! ใครจะเป็นสะใภ้ให้แม่แก!!! ม่ายยยยยย !!! ชั้น.. จะ.. เป็น.. เขย.. ว้อยยยย !!!! .
.
((ต่อข้างล่างนะ โพสต์ไม่ติด))