Chapter 27 ท่ามกลางการจราจรที่ติดขัดบนถนนสายธุรกิจใจกลางเมือง แหล่งที่ตั้งของตึกสูงเสียดฟ้า ห้างสพรรสินค้า อาคารธุรกิจชั้นนำของประเทศ ในช่วงเวลาใกล้เที่ยงเป็นเรื่องธรรมดาที่ตามสองฝั่งข้างทางจะได้พบกับพนักงาน คนทำงานจำนวนมากเริ่มทยอยลงมาจากตึกลัดฟ้าทั้งหลาย เพื่อไปแออัดกันอยู่ตามร้านขายอาหารต่างๆ
บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ บริบูรณ์พัตร กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด
“สวัสดีค่ะคุณจีจี้ มาพบคุณพัดหรือค่ะ” เลขาสาวหน้าห้องที่กำลังเก็บเอกสารบนโต๊ะเหลือบขึ้นมามองแขกคนคุ้นเคย ที่เดินเข้ามา
“อืม..ค่ะ พี่พัดว่างอยู่มั้ย ว่าจะมาชวนไปทานข้าวเที่ยงน่ะจ๊ะ” หญิงสาวตากลมผมหยักโศกยาวสลวยเอ่ยตอบเสียงหวาน
“ยังประชุมอยู่ แต่ใกล้จะเลิกแล้วค่ะ รอสักครู่นะคะ"
.
.
.
“ไงจ๊ะ ทำไมวันนี้มาหาพี่ได้ ไม่เห็นโทรบอกกันก่อน นี่ดีนะพี่เลิกประชุมเร็ว” สาวผิวขาวร่างเล็กกับรอยยิ้มกว้างแต่ก็ดูสงวนท่าทีจนทำให้ดูแก่เกินกว่าวัยของเธอซักสองสามปี เอ่ยทักน้องสาวของอดีตแฟนหรืออีกนัยหนึ่ง เธอก็คือน้องสาวของแฟนเธอที่เสียชีวิตไปแล้วนั่นเอง
“อืม..ก็ไปถามน้องชายตัวดีของพี่สิค่ะ ว่าปิดโทรศัพท์หนีจีมากี่วันแล้ว จีโทรไปที่บ้านก็บอกว่าไม่อยู่ๆ พี่พัดไม่รู้เหรอค่ะว่าพีมไปไหน” สาวน้อยหน้าตุ๊กตาเอ่ยตัดพ้อเพื่อนหนุ่มคนสนิทใส่พี่สาวของเขาอย่างงอนๆ
“อ้าวเค้าไม่ได้ไปทำงานเหรอ พี่ก็ไม่รู้สิ จีก็รู้พี่ไม่อยากจะไปสนใจเรื่องงานของนายซูเปอร็สตาร์ใหญ่นั่นหรอก น้องหัวดื้อคนนี้เนี้ย คุยกันได้ไม่กี่คำก็ทะเลาะกันทุกที อยากจะรู้นัก ไอ้ร้องเพลงมันจะทำไปได้อีกซักกี่ปี งานที่บริษัทก็ไม่เห็นจะมาสนใจมั่งเลย” พัดพูดพลางเบ้หน้าอย่างระอาในตัวน้องชายคนเดียวให้คนตรงหน้าฟังอย่างปลงๆ
“เอ่อ..เรื่องนี้ ยังตกลงกันไม่ได้อีกเหรอค่ะ”
“ไม่รู้ชาตินี้จะคุยกันรู้เรื่องรึเปล่า ร่ำเรียนมาซะสูง กลับไม่เคยเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ นี่ถ้าพ่อกับแม่อยู่ คงปวดหัวกับมันน่าดู..” ปากก็บ่นไปพลางตักอาหารใส่ในจานสาวน้อยตรงหน้าอย่างเอ็นดู
“ว่าแต่จีน่ะ คบกับพีมมาตั้งนานแล้วเมื่อไหร่จะแต่งงานกับน้องชายพี่สักทีล่ะ เผื่อเค้าจะเลิกเป็นดาราหันมาทำงานให้มันเหมาะสมกับหน้าตาฐานะ ให้เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง หืม”
“อ..เอ่อ พีม ค..เค้าไม่ได้บอกพี่เหรอค่ะ ว่า..” จบประโยคจากหญิงสาวตรงหน้าก็ทำเอาจีจี้หน้าสลด ถามกลับไปอย่างตะกุตะกัก
“หืม ? อะไรเหรอ”
..แต่จะว่าไปก็ไม่แปลก ที่พีมจะยังไม่ได้บอกเรื่องความสัมพันธ์ของเราที่ลดระดับลงให้พี่พัดฟัง เพราะปกติพีมเองก็มีโลกส่วนตัวสูง แถมงานก็เยอะ เวลาที่จะได้เจอได้คุยกับพี่พัดคงไม่ค่อยมี และถึงมี พีมเองก็อาจจะไม่คิดที่จะบอกไปด้วยซ้ำ
“อ๋อ ไม่มีอะไรนะคะ คือจีหมายถึง บางทีเราก็กลัวว่า เราอาจจะไม่ใช่” เมื่อเห็นทีท่าว่าพี่สาวตรงหน้าคงจะไม่ได้รับทราบเรื่องราวใดๆของน้องชายเลยจริงๆ ก็อดที่จะทำให้เธอรู้สึกสงสารพัดไม่ได้
“ไม่นะจี อย่าพูดอย่างนั้น พี่มั่นใจว่า พีมเค้ารักจีมาก เค้าไม่เคยคบผู้หญิง หรือพาผู้หญิงคนไหนเข้าบ้าน ไม่ว่าจะเป็นที่คอนโดหรือที่บ้านพี่ พี่รับรองได้ อีกอย่างพี่ชายของจีก็..” หญิงสาวหน้าเครียดลงเมื่อนึกถึงแฟนหนุ่มที่เสียชีวิตไปเมื่อสามปีก่อน
ครั้งนึงสองตระกูลดังในแวดวงธุรกิจการเงินการลงทุน เกือบจะได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน แต่ด้วยโชคชะตา ทำให้ต้องมีอันพังทลายไปก่อน เมื่อลูกชายคนเดียวของครอบครัวเกียรติพัฒนาวัตรประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุการณ์นั้น ก็คือแฟนสาวของเขา ครั้งนั้นเรื่องสุดท้ายที่ ชายหนุ่มพูดไว้กับคนรักก็คือ เขารักเธอมาก ยอมตายแทนเธอได้ ปรารถนาอยากให้ครอบครัวเรารวมกันเป็นครอบครัวเดียว เคยหวังไว้ว่าจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระทางด้านธุรกิจที่เธอต้องทำเพียงคนเดียวตั้งแต่เรียนจบ เขาอยากจะช่วยเธอ และหวังว่าพีมจะดูแลน้องสาวที่เขารักที่สุดได้แม้เขาจะต้องจากไปก่อนที่ทั้งสองจะได้ลงเอยกัน แต่เขาก็เชื่อมั่นว่าความรักความสัมพันธ์ที่ทั้งคู่กำลังถักทอ จะงอกงาม ด้วยพื้นฐานของจิตใจที่ดีของทั้งสองคน และสิ่งสุดท้ายที่ชายหนุ่มผู้อาภัพมอบให้เธอก็คือ หุ้นส่วนหนึ่งของบริษัทเครือตระกูลเกียรติพัฒนาวัตร ด้วยสัดส่วนที่มากพอ ต่อให้วันนึงข้างหน้าเธอกับน้องชายจะพลาดพลั้งจนหมดตัว แต่อย่างน้อยทั้งคู่ก็จะมีเงินปันผลในส่วนนี้ให้อยู่ต่อไปได้อย่างสบาย..
ผ่านมากว่าสามปีไม่อาจทำให้หญิงสาวแกร่งอันดับต้นๆของวงการการเงินการลงทุนลืมมันได้แม้สักวัน ทุกวันนี้สองตระกูลยังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่เหนียวแน่น พัดได้รับการช่วยเหลืออย่างดีจากครอบครัวของจีจี้ ขณะเดียวกันกับที่พ่อและแม่ของจีจี้ก็ฝากฝังลูกสาวคนเดียวไว้ที่พีมและพัดเช่นกัน
“พี่พัด..พี่ค่ะ....จีขอโทษนะคะพี่ จีไม่ได้ต้องการให้พี่คิดมากเรื่องนั้นเลย” สาวน้อยหน้าคล้ายบาร์บี้เริ่มเห็นความผิดปกติของคู่สนทนา จึงเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน และเลือกที่จะเก็บความลับของเธอกับพีมไว้ไม่บอกออกไป ซึ่งลึกๆใจเธอยังคงมีความหวังตลอดเวลาว่า ซักวันนึงพีมจะต้องกลับมาหาเธอ และมั่นใจว่าผู้หญิงคนเดียวที่เหมาะกับพีมและเป็นคนที่พีมรักที่สุดก็คือเธอ
“อ๋อ..ไม่เป็นไรจ๊ะ พี่คิดอะไรเพลินๆน่ะ ไม่คิดมากหรอก ทานเยอะๆนะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”
“นี่จำไว้นะ ต้องเป็นเด็กดีรู้มั้ย ห้ามทำให้น้องพี่เสียใจ น้องพี่น่ะไม่มีอะไรหรอก วันๆเค้าก็ทำแต่งาน อย่าไปงอนเค้านักเลยนะ หืม” เห็นสาวน้อยน่ารักตรงหน้านั่งหน้าบึ้งเพราะน้องชายหัวดื้อ ก็ทำให้พัดอดไม่ได้ที่จะขยี้ผมหยักโศกสลวยๆนั่นเล่น พร้อมกับพูดปลอบใจเธออย่างอ่อนโยน
และในเวลาเดียวกัน ที่ GS เอนท์ฯ
---ก็อกๆๆ
ก๊อกๆๆ--- “คร๊าบบ เข้ามาเลยคร๊าบบ”
“อ้าว..พี่ยีนส์ หวัดดีครับ ร้อยวันพันปีไม่เคยเหยียบมาห้องผมเลย มีอะไรครับเนี่ย” โจหนุ่มผิวขาวหัวสีทองเป็นเอกลักษณ์เอ่ยทักยีนส์อย่างแปลกใจ
“พี่หาตัวพีมไม่เจอนะสิ นายรู้มั้ย?เค้าหายไปไหน พี่โทรไป เด็กที่บ้านก็บอกไม่รู้ มือถือก็ปิด ติดต่อไม่ได้ตั้งแต่วันที่กลับจากคอนฯที่เชียงใหม่แล้ว นี่มีงานใหม่เข้ามาอีกด้วย จะโทรนัดวันเข้ามาประชุมกันซักหน่อย ไม่รู้มันจะโลกส่วนตัวไปถึงไหน
เฮ้ออ!”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันพี่ ช่วงนี้มันก็ไม่ค่อยโทรหาผมเท่าไหร่ มัวแต่ตัวติดกะไอ่! อะ เอ่อ~ อาจจะ
คือๆ! มันอาจจะหนีความวุ่นวายไปพักผ่อนเหมือนๆที่เคยนั่นแหละพี่ ผ..ผมก็ ก็ไม่ค่อยได้คุยกับมันหรอก ก็มัวแต่ยุ่งๆกับงานอัลบั้มใหม่ของมันนั่นแหละ คือทางผู้บริหารเค้าอยากให้ทันเสร็จทันต้นปีหน้านะครับ” โอ้ยปากตรู..เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ จะโดนเพื่อนตบปากก็คราวนี้แหละไอ้โจเอ้ย ว่าแต่มันหายไปไหนหว่า ไอ้น้ำเชี่ยวไปด้วยรึป่าว
“
นี่ รู้มั้ย ไอ้แสบน้ำเชี่ยวอีกคน ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน ขนาดเจ้าไมกี้ยังไม่รู้เลย แล้วนายล่ะพอเห็นมันบ้างป่าว มันชอบมาป้วนเปี้ยนอยู่ห้องอัดบ่อยๆไม่ใช่เหรอ” เฮ้อ! นั่นไง หายไปอีกหนึ่ง มันไปด้วยกันชัวร์ป้าบ!
“โอ้ยพี่ ถ้าไอ้ไมค์ไม่รู้ผมก็จนปัญญาเหมือนกันครับพี่” โจเอ่ยด้วยสีหน้าเซ็งๆเอนหลังพิงเบาะที่นั่งส่ายหัวอย่างเบลอๆ
“
โอ้ยรมณ์เสีย! พวกนี้นะ พอมีเวลาพักหน่อย ปิดมือถือหนีกันหมด ทำยั่งกะเป็นพวกดาราฮอลลิวูดไปได้ กลัวอะไรกะชั้นกันนักหนาเนี่ย.. อ้อ ถ้าพีมติดต่อมาให้โทรหาพี่ด้วยนะ ..คอยดูเหอะ ถ้าหมดวันพักแล้วยังไม่โผล่หัวทั้งคู่
พ่อจะด่าเช็ดเลย คอยดู!”
“ครับพี่” โจตอบรับเบาๆ อดขำไม่ได้กับท่าทางแต๋วแตกที่ยีนส์บ่นพลางปึงปังออกจาห้องไปอย่างเสียอารมณ์
.
.
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริเวณห้องรับสัมภาระผู้โดยสารขาเข้า สองหนุ่มนักร้องชื่อดังที่อำพรางตัวด้วยชุดลำลองสบายๆเสื้อยืดกับกางเกงสี่ส่วน ร้องเท้าผ้าใบ หมวกผ้าและแว่นสายตา มองเผินๆก็คงพอทำเนาว่าทั้งคู่เป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวพักผ่อนในประเทศไทย แต่คงไม่ใช่กับกลุ่มแอร์โฮสเตทสาวสองสามคนที่เดินตามออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ โบกมือลาไหวๆมาให้สองหนุ่มก่อนจะหันกลับไปหัวเราะคิกคักส่งซิกกันเป็นสัญญาณว่า ‘เอาน่า พวกเราไม่บอกใครหรอกค่ะ คริๆๆ’
.. ดูหน้าพวกเธอช่างระรื่นที่ได้บริการเราบนเครื่อง กระทั่งลงมาจากเครื่องแล้วก็ยังอดขำกับท่าทางหลุกหลิกของเราสองคนไม่ได้
..เฮ้อ ความลับนี้มันจะปิดไปได้อีกนานแค่ไหนนะ
“พี่ๆ คืนนี้น้ำขอกลับไปนอนที่บ้านพี่ด้วย นะๆ” เด็กหนุ่มหัวฟูเดินเข้ามาประชิดจากด้านหลังมือหนารวบเอาเอวบางของอีกคนเข้ามาแนบชิด กระซิบกระซาบกับคนตัวขาวที่ยืนกอดอกมองบรรดากระเป๋าที่เวียนกันเข้ามาจากสายพานลำเลียง
“เฮ้ย น้ำเชี่ยว..ปล่อยมือเดี๋ยวนี้เลย ที่นี่กรุงเทพนะ ปล่อย!” น้ำเสียงขุ่นที่กระซิบผ่านพร้อมกับดวงตาเรียวที่ชำเรืองเหล่มาแบบเคืองๆ
เฮ้อ~.. ช่างต่างกันกับพี่พีมสุดเซ็กซี่ร้อนแรงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนราวฟ้ากับเหว ..คิดแล้วก็อยากจะบินกลับไปอยู่ฮ่องกงซะถาวรไปเลยว้อยยยย! ให้ตายซิ
“ขอไปนอนด้วยนะ ที่รัก นะ” ยิ่งห้ามยิ่งเหมือนท้าทาย น้ำเสียงกระซิบเย้าแหย่ แรงโอบกลายเป็นแรงรัดจนกระชับ ใบหน้าหล่อคมโน้มลงจนแทบจะแนบกับแก้มใส ..แต่ถ้าจะให้เขายอมจำนนกับไม้ตายหื่นๆของเจ้าเด็กแสบนี่ทุกครั้งไปล่ะก็ ไม่ขอใช้ชื่อพีม พีราณุจะดีกว่า
“นะ โอเคนะ”
“ไม่โอเคครับน้ำเชี่ยว และถ้ายังไม่ถอยออกไปดีๆล่ะก็ อย่ามาเรียกกันว่าที่รักอีก จะเอายังไง หืม?” น้ำเสียงเย็นยะเยือก และสายตาที่ปรายมายังมือคู่หนาที่ยังเกาะกุมอยู่ที่ช่วงเอว ทำเอาน้ำเชี่ยวต้องพ่นลมออกมาเฮือกใหญ่ ..ทำไมมันรู้สึกละเหี่ยหัวใจได้ขนาดนี้ นี่ถ้าเกิดเราสองคนไม่ใครก็ใครซักคนเปลี่ยนเพศเป็นผู้หญิงได้ หึหึ.. ป่านนี้คงมีลูกไปเป็นโหลแล้วมั้ง 'น้ำเชี่ยวรักพี่พีม อยากอยู่ใกล้กันทุกวันๆไม่รู้หรืองายยห๊า~'
“เลิกทำหน้างอเป็นเด็กๆได้แล้วน้ำเชี่ยว คราวนี้พี่ไม่มีอารมณ์ง้อแล้วนะ อาทิตย์หน้าเราก็จะสอบแล้วไม่ใช่เหรอ ควรจะกลับบ้านไปเริ่มอ่านหนังสือได้แล้ว ไปเลยไปเลย” คนตัวขาวๆบ่นไปพลางเดินนำทางให้กับคนตัวสูงหน้าง้ำงอที่คอยเข็นรถบรรทุกกระเป๋าใบเขื่องมากมายไปยังลานจอดรถ
“เดี๋ยวพี่..” เดินอยู่ดีๆ เจ้ากบคิดจะหยุด ก็หยุดเอาซะดื้อๆอย่างงั้น พีมหันมามองหน้าอีกคนที่ยืนอมยิ้มแปลกๆส่งกลับมา แววตาจากดวงตากลมโตส่องประกายวิบวับ เหลือบขึ้นไปยังป้ายบอกทางบางอย่าง
((ห้องน้ำ แห่งความทรงจำ หุหุ))
“อยากเข้าห้องน้ำมั้ยที่รัก” ดวงตากลมโตเหลือบขึ้นมองป้ายห้องน้ำชายสลับกลับมามองหน้าหวานๆของคนตรงหน้าอย่างล้อเลียน ริมฝีปากหนายกยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะตามออกมาอีกละลอกใหญ่
“ทำไม..อยากรำลึกความหลังเหรอ ก็ได้นะ แต่คราวนี้สลับตำแหน่งกันมั่งแล้วกัน เอามั้ยล่ะ ห๊ะ? สุดที่รักของพี่” ..ชิ ไอ่กบ นายยังรู้จักชั้นน้อยไปรึเปล่า ถ้าคิดว่าสามารถทำให้ชั้นร้องครวญครางเพราะความเสียวได้สามสี่คืนติดแล้วชั้นจะยอมนายตลอดไป คิดใหม่ซะดีกว่า..
ดวงตาคู่เรียวชำเลืองมองซ้ายขวาให้มั่นใจว่าไม่ได้เป็นเป้าสายตาของใครอยู่ ก่อนจะส่งมือน้อยเข้าตะปบสะโพกแน่นที่เค้ามั่นใจว่ายังคงบอบช้ำจากกิจกรรมรักทรหดเมื่อคืนอยู่อย่างแน่นอน พีมทั้งขยี้และขยำอย่างเมามันส์ไปพร้อมๆกับประโยคท้าทายด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบสุดสยิวจนคนข้างๆต้องกระเถิบหนีอย่างช่วยไม่ได้
“อื้อออๆ พี่พีมอ่ะ น้ำแค่ล้อเล่น ล้อเล่นอ่ะ ขยำเข้ามาได้ เจ็บอยู่นะ..ไม่รู้รึไง ไป! กลับ รถจอดอยู่ไหนเดินนำไปซี่ ไม่ต้องมาหัวเราะเลย” ไอ้คนบ้า ตบมาซะแรง แล้วยังขยำเข้ามาได้ ไม่ถนอมก้นกันมั่งเลย ตัวก็แค่เนี้ย ทำไมพระเจ้าต้องลำเอียงให้อะไรๆมาเกินตัวด้วยวะ แถมยังอึดอีกตั่งหาก รู้งี้ไม่แกว่งเท้าหาเสี้ยนก็ดีอ่ะ แง๊งงๆๆๆ~~
..
ฮ่าๆๆ!! นี่ล่ะมั้งครับ ที่ทำให้น้ำเชี่ยวน่ารัก น่าหลงใหลสำหรับพีม ถึงน้ำเชี่ยวจะชอบดื้อ ชอบตื้อ ขี้หึง ขี้งอน ชอบงอแง และทำตัวเหมือนเด็กบ่อยๆ แต่ก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมจะรู้สึกรำคาญหรือเบื่อเขาเลยสักครั้งเดียว กลับกัน น้ำเชี่ยวกลับทำให้ผมคิดถึง และโหยหาทุกครั้งที่ต้องอยู่ไกลๆกัน ไม่น่าเชื่อว่าเราสองคนที่เหมือนจะอยู่คนละโลก นิสัยคนละขั้ว แต่กลับมีหลายๆอย่างที่เข้ากันได้ดี ความน่ารัก ขี้เล่น และไร้เดียงสาในบางครั้งของน้ำเชี่ยว ทำให้ผมเป็นสุขหัวใจเหลือเกิน และยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เราเต็มเติมให้กันได้ไม่รู้จักหมดสิ้น.. หึหึ ไม่น่าเชื่อว่าผมจะทนรับอารมณ์หื่นๆที่ไม่มีวันหมดของน้ำเชี่ยวได้ และไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายซื่อๆอย่างเจ้านั่นจะทนรับอารมณ์รักแรงๆของผมได้..ทั้งคืน เอ..หรือว่าเราสองคนมันจะแรงและเพี้ยนพอกันนะครับ..ไม่รู้ แต่ที่รู้คือ..วาเลนไทน์ปีนี้ ผมมีความสุขที่สุดเลยครับ ไม่รู้จะขอบคุณใครดี คงต้องขอบคุณพระเจ้าหรือสวรรค์ดีล่ะครับ ที่ทำให้พีมได้รู้ว่า เจ้าเด็กบ๊องๆคนนี้รักผมที่สุด แค่มองตาก็รู้ ว่าเขาพร้อมจะอยู่เคียงข้างและปกป้องพีมเสมอ เวลาที่พีมมีความทุกข์หรือมีอันตราย
..ถ้าคนข้างบนกำหนดมาให้เราเข้ากันได้ดีขนาดนี้แล้ว ก็จงได้โปรด อย่าให้เราต้องแยกจากกันเลยนะครับ เพราะ..’พีมรักน้ำเชี่ยวมาก’ เราสองคนรักกันครับ อย่าให้เราต้องจากกันเลยนะครับ..
ผมขอร้องล่ะ..
.
.
.
เวลาบ่ายคล้อยที่แดดยังคงแรงอยู่แต่กลับมีสายลมอ่อนๆคอยพัดให้ใบไม้บนต้นไม้ใหญ่พลิ้วไสว ดอกไม้นานาชนิด สนามหญ้าที่ถูกตัดให้เรียบสวยลาดยาวไปจนถึงตัวบ้านดีไซน์หรูหลังใหญ่บ่งบอกว่าเจ้าของบ้านมั่งมีสักเพียงไร.....ชายหนุ่มผิวขาวผู้ที่ถือวิสาสะเดินเข้ามาในโรงไม้ขนาดย่อมที่ดูเหมือนเจ้าของบ้านจะดัดแปลงมันให้เป็นห้องทำงานศิลป์ส่วนตัวซึ่งแยกเป็นสัดส่วนอยู่ทางด้านหลังของตัวบ้าน
“สวยจัง รูปนี้ขายมั้ยครับ” สาวสวยนัยน์ตาโตผมยาวจรดเอวผู้ซึ่งนั่งคร่ำเคร่งกับงานปั้นตรงหน้าจนไม่ได้รู้สึกว่ามีใครคนนึงมายืนดูเธอกำลังเสกดินก้อนโตให้เป็นรูปเป็นร่างอยู่ตั้งนานแล้ว
“พีม! มาได้ไง? จะมาทำไมไม่โทรบอกจีก่อน” เสียงเล็กสดใสเอ่ยทักอย่างดีใจที่อยู่ๆ ซูเปอร์สตาร์หนุ่มสุดฮ็อตก็มาโผล่ที่บ้านเธอได้
“ถ้าบอกก่อน พีมก็อดเห็นรูปวาดสวยๆ กับรูปปั้นหน้าตาประหลาดๆพวกนี้สิ” พีมตอบพลางเดินวนเวียนดูรูปปั้นท่าทางต่างๆที่ตั้งอยู่บนชั้นโชว์
“พีมอ่ะ!” ดวงตาสวยคู่โตหันมาค้อนควับใส่พีมทันทีที่จบประโยค.. เห็นชายหนุ่มทำหน้าตาบ้องแบ๊ว ไม่รู้ไม่ชี้ ไม่เข้าใจและไม่พยามเข้าใจในศิลปะที่เธออุตส่าห์เพียรประดิษฐ์เป็นวันๆ ทำให้จีจี้เกิดนึกสนุกอยากจะแกล้งคนเจ้าสำอางค์ที่ชอบห่วงหล่อ กลัวว่าหน้าของตัวเองจะโทรม หรือมีสิวขึ้นตลอดเวลา
“
จี! จะทำไร...อย่านะ ไม่เอา
ไปล้างมือก่อน” พีมร้องอย่างหวาดๆ เมื่อเห็นท่าทางของสาวร่างเล็กที่กำลังย่างสามขุมเข้ามาหาเขา ทั้งที่สองมือยังเปรอะเปื้อนดินดำพวกนั้นอยู่
“ก็เมื่อกี้ใคร ใครว่ารูปปั้นของจีหน้าตาประหลาด จีก็ขอวัดสัดส่วนของคนหน้าตาหล่อๆหน่อย ทีหลังจีจะได้ปั้นที่หล่อๆได้ไง” สองมือเล็กที่เปรอะเปื้อนไปด้วยดินเหนียวของจีจี้เริ่มจะมาป้วนเปี้ยนใกล้กับใบหน้าของเขาเข้ามาทุกทีๆ
“โอเคๆ โอ๋ๆ พีมขอโทษ ไม่ประหลาด
มันสวย สวยทุกตัว
เอ้ย..สวยทุกอันเลย เออ..นั่นแหละ โอเคนะ ไม่ว่าแล้ว นะ ไม่เล่นนะ” หนุ่มผิวขาวทำหน้าแหยๆ จำต้องยอมแพ้ เพราะมือเล็กที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบดินดำนั่นใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
“อ๊ะ!
พีม!!..ขี้โกงนี่ ปล่อยนะ” เพียงไม่นานที่หญิงสาวเผลอ พีมก็ใช้ความเร็วจับรวบข้อมือเล็กๆเอาไว้ด้วยมือเดียว แล้วใช้มือข้างที่เหลือโอบเอวไว้ที่ด้านหลังพร้อมกับดันตัวคนขี้แกล้งไปที่อ่างล้างมือโดยพลัน
“ขี้โกงอะไร พีมจะช่วยล้างมือให้จีไง 55+ มาพีมล้างให้นะ นะ” สองมือเรียวช่วยล้างมือเล็กๆให้กับสาวตรงหน้าอย่างบรรจง น้ำเย็นๆที่ไหลผ่าน มือนุ่มๆของชายหนุ่มที่เธอเคยเป็นเจ้าของทั้งตัวและหัวใจ
..คิดถึง คิดถึงเหลือเกิน ช่วงเวลาดีๆที่เราเคยอยู่ด้วยกัน ทำทุกอย่างร่วมกัน ดวงตากลมโตสุกสว่างจับจ้องมองใบหน้าใส ทว่าหวานหมดจดกว่าพวกผู้ชายเดื่อนดาดทั่วไปมากนัก หากแต่นั่นยังไม่เทียบเท่ากับนิสัยความเป็นสุภาพบุรุษ ที่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นความเข้าใจคอยเทคแคร์ดูแลเธอราวกับเจ้าหญิงอยู่ตลอดเวลา สิ่งนั้นต่างหากที่ทำให้เธอหลงรักเขาหัวปรักหัวปรำ แม้ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่มีทีท่าว่าความรู้สึกเหล่านั้นจะลดน้อยลงได้เลย
“มองอะไร.. หน้าพีมมีอะไรติดเหรอ หรือว่าพีมหล่อขึ้น” น้ำเสียงนุ่มเอ่ยออกมาเชิงหยอกล้อหญิงสาวในอ้อมแขน ขณะที่สองมือเรียวก็ยังคงถูแซะคราบดินเปรอะที่มือของเธออย่างตั้งอกตั้งใจ
..ถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อน ภาพแบบนี้คงเป็นอะไรที่วิเศษและมีความสุขมากสำหรับเขาและเธอ แต่มาวันนี้ แม้ผู้หญิงตรงหน้าจะยังคงสดใสและยังพร้อมที่จะรักเขาเหมือนก่อน แต่มันก็คงไม่มีทางกลับเป็นเหมือนเดิมได้ ไม่ใช่เพราะเธอไม่ดี แต่เพราะใจของเขาต่างหาก ที่เปลี่ยนไป เรื่องราวต่างๆที่ผ่านในอดีต โดยเฉพาะเรื่องของเขากับต้นเมื่อ2ปีก่อน ยังคงเป็นเหมือนตราบาปที่ทำให้เขาไม่กล้าที่จะเปิดใจให้ใครอย่างจริงจัง
กระทั่งวันนี้วันที่เขาตั้งใจจะมาสารภาพกับเธอ
“พีมมาหาจีถึงบ้านมีอะไรเหรอ หืม?” หญิงสาวนั่งลงตรงเก้าอี้ไม้ยาวใต้ต้นไม้ใหญ่ท่ามกลางสวนสวย เธอเอียงคอซบลงบนบ่าของพีม ไม่กว่าจะกี่ครั้งบ่าแข็งแกร่งนี้ก็ยังให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยเหมือนเดิม ดวงตากลมหลับพริ้มให้กับสายลมเบาๆที่พัดพาเอากลิ่นตัวหอมๆของคนข้างๆมา
..ยังหอมเหมือนเดิม
“พีมมีบางเรื่องจะมาบอกกับจีน่ะครับ” น้ำเสียงเรียบเอ่ยออกมาช้าๆพลางซบศรีษะลงกับผมหยักโศกของหญิงสาวข้างกาย
“อืม...อะไรคะ?”
“จี.. พีมเจอคนๆนั้นแล้ว” ดวงตาเรียวทอดไปตามทางเดินเล็กๆจนสุดทางของสนาม ลมหายใจยาวถูกถอนออกเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยประโยคสำคัญ
“.....”
“คนที่พีมรั.. เอ่อ คนที่พีมชอบน่ะ” แม้จะปราศจากคำพูดใดๆตอบกลับมาแต่พีมก็รู้สึกได้ถึงน้ำหยดเล็กๆที่หยดลงบนบ่าของเขาจนเปียกชุ่ม ..ถ้าพูดว่ารักออกไป เธอคงจะเจ็บช้ำมากกว่านี้
..พีมขอโทษนะจี
“แค่ชอบ ใช่มั้ย” น้ำเสียงเล็กสั่นเครือกับหยดน้ำใสๆที่ไหลอาบแก้ม ทำให้หัวใจพีมวูบไหว แต่ก็ต้องกลั้นไว้ ทำทุกอย่างให้มันชัดเจนเสียที ..เขาตั้งใจไว้แล้ว เขาจึงได้มาวันนี้ มาบอกทุกอย่างกับเธอตามที่เขาสัญญาไว้
“ไม่เกี่ยวหรอกว่าตอนนี้พีมจะแค่ชอบ..หรือว่าพีมจะ รัก คนๆนั้นหรอกครับจี”
“......”
“แต่ความเป็นจริงมันคือ พีมเจอเขาแล้ว อย่างที่พีมเคยบอกกับจีไว้ ว่าถ้าวันนึงพีมได้เจอคนที่ใช่คนที่พีมจะรักได้อย่างไม่มีเงื่อนไข แล้วพีมจะมาบอกจีเอง.. แล้ววันนี้มันก็มาถึงแล้ว พีมเจอเขาแล้วคนๆนั้น ไม่ใช่จี ...พีมขอโทษ”
. . . . .
. . . .
. . .
. .
จบแล้วจริงๆ..หญิงสาวผมยาวกับใบหน้าเปื้อนรอยน้ำตา แทบไม่อยากขยับเขยื้อนไปไหน ไม่อยาก จะเชื่อว่าคนๆนั้นจะมีตัวตนจริงๆ คนที่ได้ความรักของพีมไป ตลอดหลายปีที่ผ่านมาหลังจากจบเรื่องของผู้ชายคนนั้น(ต้นแทน) แม้ทั้งคู่จะเป็นแค่อดีตคนเคยรัก แต่ไม่มีครั้งไหนที่เธอจะรู้สึกว่าพีมจะมีใครในใจจริงๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ยังรู้สึกว่าความรักที่พีมเคยมีให้กับเธอ มันมากและลึกซึ้งที่สุด .. แต่วันนี้กลับไม่ใช่ ไม่เคยมีครั้งไหนที่พีมจะปล่อยเธอทิ้งไว้ทั้งน้ำตา ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะไม่กอดเธอตอนเธอร้องไห้ ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะไม่อยู่ถ้าเธอขอร้องให้อยู่ ไม่มีเลยจริงๆ... ไม่มีผู้ชายที่อบอุ่นที่สุดสำหรับเธออีกแล้ว ..
พีม ทำไมล่ะ ทำไม?
แล้วจีจะทำยังไงต่อไปดี ..พีม
.
.
.
***********
To b con... T_T
B a l l o o n