Hopeful & Hopeless วรรณกรรมจำเ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Hopeful & Hopeless วรรณกรรมจำเ  (อ่าน 132284 ครั้ง)

mixmix

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #210 เมื่อ04-08-2010 22:19:43 »

เมื่อจะเข้าใจตรงกันแล้ว แต่ทำไมหันหลังเดินไปกันคนล่ะทางแบบนี้เนี่ย  :serius2:

hephzibah

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #211 เมื่อ05-08-2010 20:12:27 »

เข้าใจทั้งวิษณุ แล้วก็กวินนั่นแหละ

เป็นพวกประเภท ทำร้ายคนที่ตัวเองรักด้วยกันทั้งคู่
ต่างคนก็ต่างเข้าใจธรรมชาติอีกฝ่ายดีแท้ๆ แต่กลับดันมีน้ำโหใส่กันซะได้

เอาน่ะ สำหรับตอนนี้แบบนี้คงจะดีกว่า..จะได้เป็นหนทางให้ทั้งคู่ปรับตัวเข้าหากัน
ถ้าตอนนี้มีใครสักคน รั้งอีกฝ่ายไว้ บางทีอีกฝ่ายนั่นอาจจะไม่พยายามปรับตัวเองก็ได้ -  -''

bluebird

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #212 เมื่อ06-08-2010 00:05:42 »

เพิ่งมาอ่านครั้งแรกค่ะ รวดเดียว 21 ตอนเลย >.<
ประทับใจมากๆ เป็นงานเขียนที่อ่านแล้วแบบชอบมากๆ
ภาษาสวยมากกกกกก ตีพิมพ์ได้เลยนะเนี่ย
แล้วก็ชอบไอ้อาการเสียดสีประชดประชันในเนื้อเรื่องด้วย
ชอบกวินจัง เป้นตัวละครที่ทั้งมั่วทั้งเลวจิตตกบลาๆๆ 55+
แต่ว่าอ่านแล้วรู้สึกว่ารักตัวละครตัวนี้จริงๆเลยนะ ^^
พล็อตก็แบบว่าเยี่ยมมากๆ โอ๊ย ไม่รู้จะชมอะไรแล้วอะค่ะ
เพราะรู้สึกว่ามันดีมากจริงๆ : ) ขอบคุณที่เอามาโพสให้อ่านกันนะคะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ รอตอนต่อไป !!

ออฟไลน์ ปลาทองสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #213 เมื่อ06-08-2010 01:21:59 »

อย่างนี้ต้อง +๑ เท่านั้น เป็นอื่นไม่ได้จริงๆ

อ้างถึง
“แล้วก็จริง ! พอได้เจอคุณนะ... คุณแม่งโคตรตัวปัญหา ! พารานอย ! พูดมาก ! น่ารำคาญ ! แล้วก็...”

    เสียงของวิษณุคล้ายจะหายไปในลำคอ

    “..น่ารัก”

จุดนี้ แอร๊ยยยมากค่ะะะะะ เป็นคำสารภาพ...ที่สุดยอดอ่ะ ๕๕๕

กวินใจเย็นเด้~! วุ้ยยยย สนุก

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #214 เมื่อ06-08-2010 22:34:54 »

"คุณน่ารักเหรอ?????" จริงดิเรายังไม่เคยมองว่ากวินน่ารักเลย55
เดี๋ยวคงต้องลองมองใหม่ แต่หามุมน่ารักของเธอไม่เจอจริงๆนะกวิน
อดีตกวินเคยมองโลกสดใส สวยงามใช่ป้ะ? ทำไมถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ละคะ?

ออฟไลน์ Lady-Rabbit

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 167
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #215 เมื่อ07-08-2010 14:26:55 »

สนุกมากค่ะ
ภาษีดีด้วย
ติดตามอยู่นะคะ

ส่วนตัวรู้สึกเหมือนจะเข้าใจแนวคิดของกวินเลย

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #216 เมื่อ10-08-2010 03:43:45 »

 :call: :call:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #217 เมื่อ10-08-2010 14:04:38 »


ยังรอต่อไป ณ จุดนี้

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #218 เมื่อ18-08-2010 11:33:00 »

ดัน

ออฟไลน์ Wr@iTh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #219 เมื่อ18-08-2010 16:47:23 »

อ้าวๆๆๆ แล้วมันจะจบลงเช่นไร.... :m28:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
« ตอบ #219 เมื่อ: 18-08-2010 16:47:23 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ปลาทองสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #220 เมื่อ26-08-2010 02:24:34 »

เข้ามา +๑ ด้วยจิตพิศวาสส่วนตัว
แล้วรอตอน ๒๒ ต่อไป ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #221 เมื่อ01-09-2010 15:37:41 »

ดันรอค่ะ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #222 เมื่อ01-09-2010 16:50:35 »


เข้ามาช่วยรีบนดันเคอะ

ตามนั้น

 :bye2:

ออฟไลน์ honeymic

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #223 เมื่อ01-09-2010 20:48:25 »

ดันช่วยด้วยอีกแรงจ้า

kongkilmania

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #224 เมื่อ02-09-2010 17:28:26 »

มีคนการันตีว่าเรื่องนี้สนุกมากกกก เลยต้องลองอ่านซะหน่อย


แล้วก็สนุกจริงๆด้วย  o13
แต่เพิ่งอ่านถึงตอนที่ 12  ไว้อ่านทันแล้วจะมาเม้นท์อีกทีนะคะ
ตอนนี้ตกหลุมรักพ่อหนุ่มอินดี้ไปแล้วอ่ะ  :-[




littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #225 เมื่อ02-09-2010 18:03:32 »

โห กำลังอ่านหนุกๆเลย หมดตอนให้อ่านซะงั้น ค้างกันดื้อๆเลยทีเดียว 55

สวัสดีค่า เพิ่งจะเข้ามาอ่านครั้งแรก พอได้อ่านรวดเดียว แล้วพอถึงตอนปัจจุบัน มันเลยแบบ... เหอๆ แต่ชอบค่ะ ชอบมากด้วย ไรท์เตอร์แต่งสนุกดี ภาษาสวยด้วย รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #226 เมื่อ02-09-2010 20:03:40 »

เข้ามาดูอย่างเร็วลืมดูเดือน
3 เดือนที่แล้วนี้น่า มะช่ายจะ 3 เดือนนี้ 55555

 :z2: ดันๆ

kongkilmania

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #227 เมื่อ05-09-2010 13:08:00 »

 :pig4: ผู้แต่งมาก ที่เขียนงานดีๆอย่างนี้มาแบ่งปันผู้อ่านอย่างเรา
รู้สึกเหมือนอ่านนิยายที่ตีพิมพ์เป็นเล่ม มากกว่าอ่านนิยายในเนท
คือไม่ได้ว่านิยายในเนทไม่ดีนะ (ตอนนี้ก็อ่านอยู่ทุกวัน)
แต่สำนวน ความคิดที่ถ่ายทอดออกมา ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นนิยายที่พิมพ์เป็นเล่มแล้วอ่ะ  o13

ยังรออ่านตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อนะคะ
อยากรู้่ว่าอย่างกวินเนี่ยจะมีการพัฒนาตัวเองไปในทางไหน
ยังจำนิสัยเกรียนๆ ใจดำ ไม่มีน้ำใจได้นะ 5555

ส่วนคุณวิษณุนี่ก็ใช่ย่อย ไม่เรียนต่อซะงั้น เท่ากับทิ้งอนาคตตัวเองไปหรือเปล่า?????
แถมยังต่อยพ่อของตัวเองอีก  o22 อืม....แรว๊งงงงมากกกกกกกกกก

ออฟไลน์ Shock_n2n

  • Deep cute...
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #228 เมื่อ05-09-2010 14:33:29 »

 :L2: :L2: :L2:
มาส่งดอกไม้ค่ะ  :L2: :L2:

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #229 เมื่อ08-09-2010 10:50:42 »

ขอโทษผู้อ่านจริง ๆ ครับ ที่หายไปนานอีกแล้ว

คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คหายครับ ทำให้เขียนงานต่อไม่สะดวก บวกกับหมดกำลังใจไปอีกหลายวันพอสมควร ฮ่า ๆ ๆ ๆ


แต่ยังจะเขียนต่อนะครับ เพียงแต่ว่าอาจจะหาโอกาสลงยากจริง ๆ เพราะไม่มีคอมส่วนตัวแล้ว ไม่รู้จะมีเงินเก็บพอซื้ออีกเมื่อไหร่

เอาเป็นว่าจะหาโอกาสแอบใช้คอมของออฟฟิศเขียนและลงต่อให้จบนะครับ

ขอบคุณครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
« ตอบ #229 เมื่อ: 08-09-2010 10:50:42 »





ออฟไลน์ honeymic

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #230 เมื่อ08-09-2010 17:00:45 »

เสียใจด้วยนะค่ะ

แล้วก็ขอบคุณที่ยังตั้งใจจะมาต่อผลงานให้เราได้ติดตาม

ขอบคุณค่ะ


kongkilmania

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #231 เมื่อ10-09-2010 15:06:38 »

เสียใจด้วยนะคะ  :monkeysad:
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้สำหรับการเขียนเรื่องต่อนะ
โชคร้ายที่โน๊ตบุคโดนโขมย แต่อาจมีโชคดีเรื่องอื่นเข้ามาก็ได้นะ
สู้ๆค่า  :L2:

ออฟไลน์ mahmeow

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #232 เมื่อ10-09-2010 19:18:48 »

หง่ะ..แล้วจะไปเจอกันที่งานเปิดตัวหนังสือใช่มั้ยคะ...
ถึงตอนนั้นค่อยสารภาพว่าชอบอีกทีได้ไหม...
ให้โรแมนติกว่านี้นิดนึงก็ยังดีอะค่า....T^T
นี่ทำเค้าร้องไห้แล้วมาบอกว่าชอบทีหลัง...บรรยากาศเลยหดหู่บอกไม่ถูกเลย...TOT


ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #233 เมื่อ11-09-2010 18:00:21 »

มาอ่านต่อดูกวินอ่อนไหวกว่าที่คิดนะ

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #234 เมื่อ17-09-2010 01:38:59 »

22

    แสงแดดจัดจ้าส่องกระทบกับผิวน้ำสีครามใสก่อประกายระยิบระยับจนแลดูคล้ายจะเป็นริ้วลำแสงที่แซมอยู่บนเกลียวคลื่นชวนมอง มองจากกลางทะเลบนเรือที่แล่นช้า ชายหาดของเกาะดูสวยงามสงบเงียบจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นที่เดียวกับที่จัดงานของบรรดาปาร์ตี้อันสุดเหวี่ยงหวือหวายามราตรี แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนนิ่งอยู่บนระเบียงเรือข้ามฟากขนาดกลางที่กำลังค่อย ๆ ถอยออกจากเกาะอย่างช้า ๆ ก็หาได้จะรับเอาความสวยงามรื่นรมณ์รอบข้างเข้าสู่มโนสำนึกอย่างเต็มเปี่ยมไม่ อันที่จริง ห้วงความคิดของวิษณุค่อนข้างจะเรียบเฉยเสียด้วยซ้ำ หัวสมองยังคงครุ่นคิดถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่สับสนวนเวียนในความรู้สึก และคล้ายจะไม่มีทางสลัดมันหลุดไปได้ง่าย ๆ

    ถอนหายใจยาวหนึ่งคำรบ หวังจะให้สายลมอุ่น ๆ ที่ทอดยาวจากปลายจมูกนั้นนำพาเอาความหมกมุ่นครุ่นคิดที่ไม่สบายอกไม่สบายใจทั้งหลายให้ออกจากหัว แล้วจางหายไปกับบรรยากาศสดใสโดยรอบ แม้จะรู้ตัวว่าไม่ใคร่จะได้ผลเท่าไรนักก็ตาม การจะห้ามความคิดในเวลานี้นับว่ายากยิ่งนัก

    วิษณุยังคงคิดถึงเหตุการณ์อันมากมายที่เกิดขึ้นเมื่อวาน กับเวลาเพียงไม่ถึงยี่สิบชั่วโมงก่อนหน้า เขาขับรถอย่างบ้าคลั่งจากกรุงเทพมาถึงที่นี่ มาด้วยเป้าประสงค์เพื่อที่จะตามหาใครสักคนที่ทำให้จิตใจเขาว้าวุ่นทั้ง ๆ ที่แทบไร้ซึ่งเบาะแสของคนผู้นั้นนอกไปเสียจากข้อความเสียงสั้น ๆ ในโทรศัพท์ นับเป็นการกระทำที่แทบไม่ต่างอะไรกับการพนันที่หวังเอาแต้มที่เป็นไปได้ยาก จริงอยู่ แม้ว่าเขาจะได้เจอกับกวิน แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นเลย เหมือนกับเวลาที่ไพ่ใบแรกจะออกมาให้รู้สึกว่าชวนลุ้น แล้วใบที่สองก็ตามมาอย่างเข้าทีจนรู้สึกว่าคุ้มแน่ ๆ กับการเทหมดหน้าตัก แต่ความหวังก็พังครืนลงไปเมื่อไพ่ใบที่สามออกมาแล้วทำลายความเป็นไปได้ของไพ่สองใบแรกจนหมดสิ้น อย่างไรก็อย่างนั้นเลย สุดท้ายทุกสิ่งก็ลงเอยด้วยความล้มเหลวและเปล่าประโยชน์

    คิดมาถึงตรงนี้ก็อดนึกถึงอีกคนที่ยังคงอยู่บนเกาะนั่นไม่ได้ – และก็ไม่รู้ว่าจะเจ้าคนตัวดีนั่นอยู่เริงร่าที่นั่นไปอีกเนิ่นนานสักเท่าไร - ใจของเกิดวิษณุแบ่งออกเป็นสองฟาก ฟากหนึ่งนั้นพยายามจะสั่งการให้ตนเองผ่อนคลายจากความวิตกกังวลและเลิกคิดมาก โดยให้ยึดประสบการณ์ที่ผ่านมาซึ่งสอนให้รู้ว่าการคาดหวังกับพฤติกรรมของใครสักคนเป็นสิ่งที่มักจะไร้ประโยชน์อยู่เสมอ แม้ถ้าหากว่าเลือกได้ชายหนุ่มจะไม่อยากให้เรื่องราวระหว่างเขากับกวินต้องลงเอยเช่นนี้ก็ตาม เพราะในเวลาที่รู้สึกดี ๆ กับใครสักคน ก็จะไม่มีใครคนไหนอยากให้มันจบเสียแต่ยังไม่ได้เริ่มหรอก วิษณุเองก็ไม่ต่าง แต่ในเมื่อถึงสิ่งที่เกิดขึ้นมันลงเอยมาแบบนี้แล้ว... ลงเอยไปในทางล้มเหลว วิษณุก็มิอาจจะไปต้านทานอะไรได้ นอกไปจากปลอบโยนตนเองว่าเขาก็ได้ทำดีที่สุดแล้ว คน ๆ เดียวหาได้มีสิทธิ์จะกำหนดความเป็นไปของความสัมพันธ์ไม่ ของอย่างนี้มันต้องทั้งสองคนต่างหากที่ร่วมกัน ในเมื่อกวินปฏิเสธ เขาเองก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรอีกนอกจากทำใจยอมรับ

    แต่ในขณะเดียวกัน อีกฟากของใจก็ยังคงมีบทบาทต้านทานโจมตีกันได้อยู่ตลอด ฟากนั้นของจิตใจกำลังร้องอุทธรณ์ว่าเขานั้นเหลาะแหละเกินไป มีหรือว่าอะไร ๆ มันจะลงเอยแบบเหลว ๆ เช่นนี้ถ้าเขารู้จักใช้ความพยายามให้มากขึ้น ไม่ใช่ว่าอุตส่าห์พยายามขับรถทางไกลมาแทบเป็นแทบตาย แต่พอเจออีกฝ่ายงี่เง่าใส่เข้าหน่อยก็ถอดใจทำเมินเดินหนี และที่สำคัญ มันถูกต้องแล้วหรือที่ตัดสินใจกระโดดขึ้นเรือกลับฝั่งเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ ทั้งที่ความจริงสามารถจะไปพูดคุยกับกวินได้อีกครั้งมิใช่หรือ เพราะจะแน่ใจได้อย่างไรว่าที่ทุกอย่างมันเป็นไปแบบผิดที่ผิดทางนั้นไม่ใช่เพราะสติของกวินที่บิดเบี้ยวไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่ก็นั่นแหละ ทุกสิ่งทุกอย่างมันผ่านมาแล้ว ไม่ว่าสุดท้ายวิษณุจะรู้สึกแบบไหน ไม่ว่าฟากใดของจิตใจจะได้รับชัยชนะในการกำหนดความรู้สึก แต่ความจริงก็คือความจริง ความจริงที่ว่าเมื่อคืนนี้เขาและกวินได้เดินแยกกันไปคนละทาง และใครจะไปรู้ บางทีการแยกทางครั้งนี้อาจจะเป็นสัญญะที่บ่งบอกก็ได้ว่าเขาทั้งสองจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว…

    เป็นการยากที่จะยอมรับแบบนั้น แต่มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ในเมื่อเหตุการณ์มันผ่านมาแล้ว เรือแล่นห่างจากเกาะมาเกินกว่าจะเปลี่ยนใจได้แล้ว

    วิษณุถอนใจอีกเฮือกใหญ่ ก่อนจะเสตามองรอบ ๆ เปิดสัมผัสทั้งหลายได้รองรับกับบรรยากาศรอบด้านเพื่อจะทำสมองให้ปลอดโปร่ง แน่นอน เขาไม่ใช่คนคิดมาก อย่างน้อยก็พยายามทำให้ตัวเองเป็นเช่นนั้นอยู่ตลอด ชายหนุ่มคิดใคร่ครวญถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสติอยู่เสมอ แม้ว่าขณะเผชิญหน้าจะมีบ้างที่ไขว้เขวไปตามอารมณ์ที่ถูกผลักดันโดยสถานการณ์ แต่ว่าในสุดท้ายแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป วิษณุก็จะไม่ยอมให้สิ่งเหล่านั้นมามีความสำคัญต่อตัวเองอย่างเกินงาม เขาเป็นคนเช่นนี้ น้อยคนนักจะมองออกว่าชั่วขณะหนึ่งนั้นเขากำลังคิดอะไร หรือกังวลอะไรอยู่ ใบหน้าที่เรียบเฉยและบุคลิกที่มั่นคงเข้มแข็งไม่มีช่องว่างให้เกิดการแสดงออกของความเปราะบางใด ๆ เลย

    ช่างตรงข้ามกับคนบางคนที่วิษณุรู้จักอย่างสิ้นเชิง...

    ....คนบางคนที่ยังมาปั่นป่วนห้วงความคิดของชายหนุ่มอยู่ไม่เลิก

    ถอนใจยาวอีกรอบโดยอัตโนมัติเมื่อรู้ทันความคิดตนเอง ก่อนจะตัดขาดห้วงความคิดนั้นเสียโดยเร็ว ไร้ประโยชน์จะไปนึกถึง ...ไม่ว่าอย่างไรก็คิดถึงเขาผู้นั้นอยู่จนแล้วจนรอดสินะ

    “ยืนหมิ่นขนาดนั้นเดี๋ยวก็ร่วงลงไปหรอกคุณ” เสียงอันคุ้นเคยอย่างประหลาดที่ดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลทำเอาวิษณุถึงกับขมวดคิ้วมุ่น และหันไปหาต้นเสียงอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยอาการนิ่วหน้าอย่างงุนงงเมื่อประจักษ์แก่สายตาว่าชายหนุ่มเจ้าปัญหาที่ปั่นป่วนความรู้สึกของเขากำลังยืนทำหน้าตายอยู่บนเรือข้ามฟากลำเดียวกันโดยที่หารู้ไม่ว่าขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน และคล้ายกับว่าอีกฝ่ายก็จงใจจะไม่ใส่ใจต่อประเด็นนี้อย่างสิ้นเชิง “ผมไม่ลงไปช่วยหรอกนะ พอดีว่าว่ายน้ำไม่เป็น”

    วิษณุยังคงหน้านิ่ว และยังไม่ยอมตอบโต้อะไร ได้แต่เขม่นมองอีกฝ่ายไม่วางตา ในขณะที่เจ้าตัวปัญหากลับทำแสร้งเสมองไปทางอื่นพร้อมกับทำทางไม่ยี่หระอย่างน่าหมั่นเขี้ยว แวบแรกวิษณุนั้นงุนงงและประหลาดใจ นอกไปจากนั้นก็มิอาจปฏิเสธแก่ตนเองได้ว่ามีความรู้สึกปรีดาแฝงอยู่ไม่น้อยเมื่อได้พบเจอกับอีกฝ่าย แต่ไป ๆ มา ๆ พอนานเข้า ด้วยอากัปกิริยาของอีกฝ่าย ก็บังเกิดมีความรู้สึกคล้ายอยากจะแกล้งขึ้นมาด้วยอย่างทันที เพราะแค่มองก็รู้อีกฝ่ายคงประหม่าและรู้สึกผิดอยู่พอสมควร เห็นดังนั้นวิษณุก็เข้าทาง ยิ่งวางท่าเป็นหน้าตึงมากเข้าไปอีก

    “หายเมาแล้วหรือ”

    สำเร็จ... เจ้าคนตัวปัญหาหน้าแดงเสียอย่างกับตำลึงสุก ร้องโต้ออกไปอย่างทันที ในขณะที่สายตายังเบนหนีไป

    “นี่คุณอย่าพูดถึงมันได้ไหม”

    วิษณุพยายามอย่างยิ่งที่กลั้นยิ้ม ซึ่งทำได้ดีพอสมควร เพราะในมุมของอีกฝ่าย กวินมีความลังเลต่ออารมณ์ความคิดของชายหนุ่มไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะไม่อาจจะเดาได้ว่าใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั้น อีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ ไม่แน่ใจว่าวิษณุโกรธตนเองหรือไม่ จะพูดอย่างไรทำอย่างไรก็ดูเหมือนจะติดขัดไปหมดด้วยชนักที่ติดหลังจากวีรกรรมเมื่อคืน กวินออกจะเจ็บใจตัวเองนัก ไม่น่าปล่อยให้ความมึนเมาทำให้ตัวเองบ้าบอไปถึงพรรค์นั้น คิดมาถึงตรงนี้ความทรงจำอันรางเลือนก็ค่อย ๆ กระจ่างชัด ความทรงจำที่กวินออกจะละอายแก่ใจนัก ไม่น่าเชื่อว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะทำให้เขาเกิดความปั่นป่วน มึนเมาจนงี่เง่าแสดงออกด้วยอารมณ์เกินหญิงไปเสียขนาดนั้น ให้ตายเถิด.... ต่อให้พวกตัวละครเกย์สาวเพ้อเจ้อตามนิยายใต้ดินยังไม่ก่อดราม่าเท่ากับสิ่งที่เขาทำไปเมื่อคืนเลย

    วิษณุยังคงตีสีหน้าเรียบเฉย ทำเป็นเบือนหน้าหนีคล้ายกับแสดงออกถึงความมึนตึงและโกรธเคือง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามปั้นให้เย็นชา

   “ได้... ถ้าคุณไม่อยากฟัง งั้นผมไม่พูดกับคุณแล้วก็ได้”

    เมื่อนั้น กวินก็เป็นฝ่ายต้องขมวดคิ้วบ้าง

    “คุณหาเรื่อง”

    “เปล่าสักหน่อย” วิษณุแกล้งยั่ว “ผมหาเรื่องยังไงไม่ทราบ”

    กวินร้องตอบออกไปทันที

    “คุณเฉไฉ ผมบอกคุณอย่าง แต่คุณกลับพูดวกไปอีกอย่าง เหมือนคุณกำลังประชด”

    วิษณุหันมามองกวินด้วยสายตาอันแพรวพราวมากไปด้วยเลศ ก่อนจะสวนขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้

    “ทั้งหมดนั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณทำกับผมเมื่อคืนหรอกหรือ เฉไฉ บอกอย่างแต่พูดวกไปอย่าง ประชดประชัน และที่สำคัญที่สุดคือหาเรื่อง แล้วยังจะ...”

    “พอสักทีเถอะน่า” กวินร้องโวยวาย หน้าแดงไปถึงใบหู “ผมขอโทษก็ได้ถ้าคุณโกรธ โธ่เอ๋ย...  ก็ผมเมาอ่ะ”

    ในใจของกวินแอบนึกขวางต่อชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้านัก ทั้ง ๆ ที่ก็รู้อยู่ว่าอะไรเป็นอะไรแต่ก็ยังย้ำถามอยู่นั่น จะให้เขาอายมากไปขนาดไหนกันนะ นี่ไม่ได้คิดออกบ้างเลยหรือที่การที่เขามาปรากฏตัวอยู่แบบนี้มันก็คือการเป็นฝ่ายยอมมาง้อแล้วแท้ ๆ ทั้งที่ความจริงจะหาเรื่องโกรธต่อไปก็ยังได้ มีอย่างที่ไหน รู้ก็รู้ว่าเมื่อคืนเขาเมาจนแทบไม่มีสติ แต่คนตรงข้ามก็ยังเอาจริงเอาจังกับคำพูดของเขาแล้วเดินหนีไปเสียดื้อ ๆ อย่างนั้น คนอะไร... ไม่รู้จักผ่อนปรนต่อสถานการณ์เสียบ้างเลย นี่ที่ยอมเป็นฝ่ายแพ้ก็เพราะไม่อยากจะให้อะไร ๆ มันจบไปหรอกนะ ดูสิ ยังจะมาหาเรื่องกลับอีก

    กวินสะบัดหน้าหนีไปเล็กน้อยตามความขุ่นมัวของอารมณ์ที่บังเกิดขึ้น แต่ก็ไม่วายจะพึมพำออกมาโดยหวังจะให้อีกฝ่ายได้ยิน

    “ไม่เหมือนคุณหรอก คนอะไร ใจร้ายชะมัด”

    เกินกว่าที่วิษณุจะกลั้นยิ้มเอาไว้ได้ ท่าทางของคนตรงหน้าทำให้เขารู้สึกอยากจะคว้าตัวมาทำโทษยิ่งนัก แม้จะยังคิดไม่ออกว่าควรจะลงโทษแค่ไหนดี 

    “อะไร... ผมใจร้ายตรงไหน จริง ๆ ผมก็แค่ถามว่าคุณหายเมาแล้วหรือยัง คุณนั่นแหละที่เฉไฉอยู่ไม่เลิก ก็ตอบมาตรง ๆ เสียก็สิ้นเรื่อง”

    “เออ” กวินร้องอย่างขัดเขิน หมั่นไส้แววตาคมกริบมากประกายของอีกฝ่ายอย่างบอกไม่ถูก ฐานที่มันทำให้ใจของเขาปั่นป่วนอยู่ได้ไม่เลิก “หายแล้ว ปรกติแล้ว พอใจหรือยังล่ะ”

    “ยัง” วิษณุตอบอย่างยียวน ทำเอาอีกฝ่ายเริ่มจะพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดกับรอยยิ้มมากเสน่ห์เช่นนั้น ในเวลาเช่นนี้ กวินมิอาจปฏิเสธใจตัวเองได้อีกแล้วว่าเขาอยากจะครอบครองรอยยิ้ม แววตา และรวมไปถึงทุกส่วนของชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้านี้มากแค่ไหน แต่ในอีกส่วนของใจก็ไม่กล้าจะคิดอะไรไปไกลมาก ในขณะที่วิษณุก็ยังคงยียวนอยู่ไม่เลิกรา

    “แล้วนี่คุณขึ้นมาบนเรือทำไม”

    “ทำไมล่ะ” กวินร้องออกไปด้วยสำเนียงน้อยใจที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ “คุณไม่อยากให้ผมขึ้นมาหรือ”

    “เฉไฉอีกแล้ว” วิษณุว่า โดยที่ไม่ได้มองตัวเองนักว่าเฉไฉได้ไม่น้อยไปกว่าอีกฝ่ายเท่าไรเลย แต่ถึงอย่างไร กวินก็ยังคงปั่นป่วนหวั่นไหวกับมาดอันเหนือกว่าของเขาอยู่เช่นเดิม

    “ก็คุณบอกผมเองนี่ว่าคุณจะอยู่ปาร์ตี้คืนนี้”

    กวินถอนใจเล็กน้อย เลิกคิดจะต่อปากต่อคำ ตัดสินใจถามในเรื่องสำคัญทันที

    “งานเปิดตัวมันกี่โมงนะ”

    “ทุ่มนึงมั้ง ถ้าจำไม่ผิด” วิษณุตอบ ก่อนจะร้องถามออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คุณจะไปใช่ไหม”

    “ผมยังไม่มั่นใจ”

    “แล้วต้องทำไงคุณถึงจะมั่นใจเสียที” วิษณุพูด ก่อนจะชะงักเล็กน้อย ราวกับคิดว่ารุกหนักเกินไป แล้วค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจ “เอาเถอะ ผมไม่บังคับคุณดีกว่า แล้วแต่คุณนะว่าจะตัดสินใจยังไง แต่จากใจของผม ผมอยากให้คุณไป เพราะมันคืองานของคุณ”

    “คุณจะไปกับผมไหมล่ะ” กวินตัดสินใจถามออกมาตรง ๆ ใจเต้นสั่นราวกับไม่มั่นใจในคำตอบ ในขณะที่วิษณุชะงักไปอย่างทันที ทำเอากวินรู้สึกใจแป้วอย่างบอกไม่ถูก

    “ไม่เป็นไรก็ได้นะ ถ้าคุณไม่ว่าง”

    “คุณพูดอะไรของคุณ” วิษณุถามด้วยเสียงเข้ม ในขณะที่กวินเบือนหน้าหนีไปทางอื่นราวกับหวาดกลัวในสิ่งที่ชายหนุ่มตรงหน้ากำลังพูด “ถึงขนาดนี้คุณยังต้องถามอีกหรือว่าผมจะไปกับคุณหรือเปล่า”

    ไม่มีคำตอบจากปากของกวิน ต่างฝ่ายเงียบกันไปสักระยะ ราวกับปล่อยให้สายลมและเกลี่ยวคลื่นเข้ามามีบทบาท ก่อนที่กวินจะหันหน้ามาถาม

    “เราจะไปทันหรือ”

    วิษณุยิ้มเล็กน้อยกับการตัดสินใจของคนตรงหน้า ก่อนจะให้ความมั่นใจ

    “ทุกคนจะรอคุณ”




*** **** ***** **** ***


   “กวิน... ถึงไหนแล้ว”

    อรพรรณกรอกเสียงลงบนโทรศัพท์อย่างร้อนรน ในขณะที่บรรยากาศรอบด้านของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์ค่อนข้างจะวุ่นวาย ผู้คนเริ่มเดินพลุกพล่านเบียดเสียดกันตรงบริเวณบูธขายหนังสือจนแทบจะไม่มีอากาศหายใจ ในขณะที่บริเวณฮอลล์ด้านหน้าซึ่งจะใช้จัดเป็นการเปิดตัวก็ยังไม่มีทีท่าของความเรียบร้อย แม้จะมีผู้ฟังหลายคนจับจองที่นั่งด้านหน้าแล้วก็ตาม ดูเหมือนว่าป้ายเวทีที่ติดตัวอักษรใหญ่โตว่า ‘งานเขียนที่อุทิศแด่ วรรณี วรรณรัตน์’ จะเรียกให้นักอ่านทั้งหลายมาร่วมฟังได้อยู่เยอะโข แต่ถึงอย่างไร เวทีเสวนาก็ยังคงไร้ซึ่งระเบียบ ไมโครโฟนยังตั้งค่าระบบเสียงไม่เรียบร้อย พิธีกรของงานก็เพิ่งจะมา ทุกสิ่งอย่างดูเหมือนจะยังไม่มีความพร้อม โดยเฉพาะสำคัญที่สุด เจ้าของผลงานก็ยังคงไม่โผล่หัว 

    “รถติดมากเลยอ่ะพี่” กวินตอบกลับมาด้วยเสียงที่ร้อนอกร้อนใจไม่แพ้กัน ชายหนุ่มพยายามชะเง้อมองผ่านกระจกรถไปทางถนนด้านหน้า รถยนต์แต่ละคันยังไม่มีวี่แววจะขยับ ชายหนุ่มอีกคนที่ประคองพวงมาลัยอยู่ก็คล้ายกับจะร้อนรนในใจไม่แพ้กัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

    “ตายแล้ว... ยังไงดีล่ะ เลทมาสิบนาทีแล้วนะ คนรอฟังเยอะมากเลย” อรพรรณกล่าวซ้ำ รู้สึกร้อนรนมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่ามธุรสกำลังมองมาด้วยสายตาตำหนิ ตั้งแต่เกิดเรื่องในวันนั้น มธุรสก็แลดูจะมีท่าทีเย็นชาต่องานชิ้นนี้ขึ้นมาอย่างทันที ไม่ว่าจะประสานงานต่าง ๆ เรื่องปกเรื่องปรูฟจนกระทั่งแม้แต่การจัดงาน มธุรสเฉยชาไปเสียทุกเรื่อง พาให้อรพรรณรู้สึกกดดันตัวเองอยู่ตลอด นี่อุตส่าห์ใจชื้นไปแล้วเชียวเมื่อวิษณุโทรมายืนยันตอนเช้าว่ากำลังจะพากวินกลับมางานเปิดตัว แต่ไป ๆ มา ๆ ก็มีลางว่าจะมาไม่ทันเสียนี่ อรพรรณกลุ้มใจนัก นักอ่านหลายคนมาลงทะเบียนรับฟังอยู่เรื่อย ๆ ในขณะที่บางคนที่มานั่งรอนานแล้วก็เริ่มจะมองนาฬิกาพร้อมกับทำท่ากระสับกระส่าย พิธีกรขึ้นไปรออยู่บนเวทีแล้ว ในขณะที่เจ้าของผลงานก็ยังไม่โผล่หน้ามา

   ทางด้านกวิน แม้สัญญาณไฟจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว แต่รถก็ยังไม่มีการขยับอยู่ดี วิษณุพยายามบีบแตร แต่ก็คล้ายจะเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์

    “กวิน” เสียงของอรพรรณคล้ายจะร้องไห้เอาเสียให้ได้ “พี่รสตั้งท่าจะด่าฉันแล้วนะ”

    สถานการณ์คล้ายจะบีบคั้น แต่การจราจรก็ยังไม่อำนวย เมื่อนั้นเอง กวินจึงตัดสินใจโดยเร่งด่วน

    “โอเคพี่ จะไปถึงอีกไม่เกินสิบนาที”

    กวินคว้ากระเป๋า ทำท่าจะเปิดประตูรถออกไป แต่ก็ไม่ไวไปกว่าอีกฝ่ายที่รีบคว้าข้อมือของเขาไว้

    “จะทำอะไร”

    “ดูท่าแล้วไม่ทันแน่ เดี๋ยวนั่งมอไซค์รับจ้างไปดีกว่า แล้วเดี๋ยวคุณค่อยตามไปนะ” ท่าทางของกวินแสดงออกชัดว่ารีบอย่างถึงที่สุด แต่อีกฝ่ายก็ยังอดไม่ได้ที่จะรั้งไว้ รู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก

    “จะเอาอย่างนั้นหรือ มันจะไม่อันตรายเกินไปใช่ไหม”

    ให้ตายเถิด... กวินอดที่จะร่ำร้องอยู่ในใจไม่ได้ ...เป็นคุณชายมาจากไหนเนี่ย ถึงได้กลัวการนั่งมอเตอร์ไซค์ขนาดนี้... แปลกที่ว่าถ้าเป็นปรกติ ใครมาพูดอะไรทำนองนี้กวินก็คงจะได้หาเรื่องเหน็บเอาให้ได้ แต่ในคราวนี้เขากลับกลืนถ้อยคำเหล่านั้นลงไปได้อย่างง่ายดาย

    “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า คุณเถอะ รีบตามไปแล้วกันนะ อย่าไปแวะหาใครที่ไหนล่ะ”

    พูดจบก็รีบผลุนผลันลงจากรถทันที ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วปานจรวด ไม่กี่วินาทีต่อมา กวินก็นั่งซ้อนอยู่บนเบาะของมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขับฉวัดเฉวียนลัดเลาะไปตามถนนด้วยจังหวะที่น่าหวาดเสียว อันที่จริงกวินไม่ค่อยจะชอบเท่าไรนัก แต่ความกลัวที่จะไปไม่ทันก็มีมากจนสามารถจะหลงลืมความกลัวไปก่อนได้ชั่วคราว

    ไม่นาน กวินก็มาถึงศูนย์การประชุม เนื่องด้วยผู้คนที่แน่นขนัด ทำให้กว่าจะพาตัวเองเบียดผู้คนที่กำลังกรูเข้างานจนมาถึงบริเวณที่ใช้จัดงานเปิดตัวได้ก็ทำให้เสียเวลาไปมากโข ไม่ทราบว่าด้วยความรีบหรือความตื่นเต้นจนหูตาพร่าลาย พอจังหวะที่กำลังจะก้าวเข้าไปหาอรพรรณที่โบกมือเรียกอยู่ไม่ไกล กวินก็รู้สึกเหมือนชนเข้าอย่างจังกับร่างเตี้ย ๆ ของใครสักคนที่พุ่งเข้ามาหาด้วยอารามลุกลี้ลุกลน ชนแรงเสียจนต่างฝ่างต่างล้มกันไปทั้งคู่ ปึกกระดาษแผ่นหนึ่งร่วงหลุดจากมือของชายหนุ่มร่างเตี้ยหลังจากที่เขาล้มลง กวินเอื้อมมือไปเก็บให้โดยอัตโนมัติด้วยเพราะกระดาษปึกนั้นมันตกมาอยู่ใกล้ร่างของเขามากกว่า เอะใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าปึกกระดาษเหล่านั้นคือใบลงทะเบียนการเข้ารับฟังการเปิดตัวหนังสือของกวินนั่นเอง

   เมื่อตั้งสติได้ รีบเงยหน้าหันไปมองคู่กรณี ไม่ทันจะได้เอ่ยคำขอโทษหรือพูดจาอะไรกัน เพียงได้เห็นหน้าของอีกฝ่ายจนชัด กวินก็ถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย พูดอะไรไม่ออกนอกจากขานชื่อของอีกฝ่าย

    “ขจร”

    ดูเหมือนอีกฝ่ายก็อึ้งไปเช่นกัน ปึกกระดาษที่ร่วงหล่นจากมือของขจรยังคงถูกกำแน่นอยู่บนมือของกวิน กวินก้มมองดูอีกครั้ง พบว่ามันเป็นใบลงทะเบียนจริง ๆ มีรายชื่อของผู้คนที่เข้ารับฟัง รวมถึงมีรายละเอียดของคนเหล่านั้น บางคนเขียนเบอร์โทรศัพท์และมีอีเมลพร้อมสรรพ

    ไม่ทันที่กวินจะประมวลความสงสัยทั้งหลายแหล่ที่จู่โจมเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัวให้ออกมาชัดเจนเป็นรูปธรรม ขจรใช้แรงทั้งหมดที่มีกระชากใบลงทะเบียนจากมือของกวินอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนสามารถแย่งมันจากมือของกวินไปได้สำเร็จ ก่อนที่จะรีบวิ่งหนีไปทันที

    “เฮ้ย... เดี๋ยวก่อนสิขจร” กวินทำท่าจะวิ่งตาม ความสงสัยระคนหวาดระแวงปรากฏชัดในชั่ววินาทีนั้นเองที่เห็นท่าทางหลุกหลิกลุกลี้ลุกลนของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ทันจะได้ตามไปสืบถามให้ได้เรื่อง อรพรรณกลับวิ่งมาคว้าข้อมือกวินไว้ได้อย่างทันท่วงที

   “กวิน ! มัวยืนทำอะไรอยู่ แล้วนี่จะไปไหน ไม่ใช่เวลาแล้วนะ ไปเร็ว ขึ้นเวทีได้แล้ว !”

    กวินปล่อยตัวเองให้เดินตามแรงจับจูงของอรพรรณ ในขณะที่ความสงสัยทั้งหมดทั้งมวลยังพุ่งไปที่ขจรอยู่เช่นเดิม ด้วยเวลาอันกระชั้นชิด กวินไม่อาจจะเชื่อมโยงความคิดได้เลยว่าขจรมาเกี่ยวข้องอะไรกับใบลงทะเบียน !


kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #235 เมื่อ17-09-2010 01:43:43 »

23

เมื่อทุกอย่างดำเนินเข้าสู่ความพร้อมหลังจากที่ล่าช้าไปจากกำหนดเดิมถึงเกือบครึ่งชั่วโมง ผู้ทำหน้าที่พิธีกรที่กวินออกจะคุ้นว่าคลับคล้ายคลับคราว่าน่าจะเป็นนักวิจารณ์วรรณกรรมผู้หนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่เช่นกัน เจ้าหล่อนเอ่ยทักทายผู้รับฟังด้วยเสียงอ่อนหวาน ในขณะที่เสียงปรบมือก็เกรียวขึ้นมาจนทำให้กวินอดที่จะประหม่าไม่ได้ เขาไม่เคยพูดกลางที่สาธารณะท่ามกลางคนเยอะเช่นนี้มาก่อน ไม่ต้องสงสัยว่านี่คงจะเป็นผลพลอยมาจากบารมีของวรรณี วรรณรัตน์โดยแท้

    “...นับว่าเป็นที่น่าเสียใจนะคะที่เมื่อไม่นานมานี้พวกเราต้องเสียบุคคลในวงการวรรณกรรมที่เรียกได้ว่าเป็นบรมครูคนหนึ่งแห่งบรรณพิภพไป” พิธีกรเอ่ยเข้าเรื่องทันทีเมื่อเสียงปรบมือระลอกแรกค่อย ๆ ซาลง “แต่ไม่ว่าอย่างไรค่ะ ถึงแม้ว่าคุณวรรณีจะจากไปแล้วและนำความโศกเศร้ามาสู่แฟนนักอ่านทุกคน  แต่ในความเศร้าโศกก็ยังเรียกได้ว่ามีความน่ายินดีอยู่นะคะ เพราะมีนักเขียนรุ่นใหม่คนหนึ่งค่ะ เขาได้เขียนงานชิ้นหนึ่งซึ่งเรียกได้ว่าเป็นงานที่เขียนขึ้นมาตามรอยของนักเขียนรุ่นพี่ รวมถึงได้อุทิศงานชิ้นนี้ให้กับคุณวรรณีในฐานะที่เป็นครูวรรณกรรมซึ่งสร้างแรงบันดาลให้กับใครหลายคนด้วยค่ะ สำหรับนักอ่านหลายท่านที่อาจจะรู้จักนักเขียนที่ดิฉันกำลังพูดถึงอยู่แล้ว ก็จะรู้ว่างานชิ้นล่าสุดของเขาชิ้นนี้ฉีกแนวจากที่เคยเขียนเลยทีเดียว แต่ถึงแม้ว่าหลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้จักก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะในวันนี้และจากงานชิ้นนี้ ดิฉันเชื่อว่าคุณผู้อ่านทุกคนน่าจะได้รู้จักนักเขียนผู้นี้เพิ่มขึ้นแน่นอน ขอเชิญพบกับ... กวิน... เจ้าของผลงาน ‘ความหวังนิรันดร์’ ค่ะ”

    เสียงปรบมือดังกึกก้องอีกคำรบ ในขณะที่ภายในใจของกวินก็เต้นรัวอย่างกับกลองศึก ชายหนุ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นด้วยท่วงท่าที่ช้าเนิบ แต่กระนั้นก็ยังหน้ามืด เหมือนจะวิงเวียนศีรษะอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจต่อสิ่งที่กำลังจะเกิด จนอรพรรณกับมธุรสต้องส่งสายตาบังคับให้กวินรีบขึ้นไปบนเวทีอย่างรวดเร็วเมื่อเสียงปรบมือเงียบลงจนเกิดเป็นภวังค์ความเงียบอันชวนอึดอัด แต่กวินก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ราวกับไม่อาจจะขยับขาก้าวขึ้นไปได้อย่างไรอย่างนั้น

    วิษณุเดินเข้ามาในงานพอดีในจังหวะนั้น แต่คล้ายจะยังเดินเข้ามาใกล้ไม่ได้เพราะติดแน่นอยู่กับกลุ่มคนที่กำลังเบียดเสียดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย กวินเหลือบไปเห็นโดยบังเอิญ รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างฉับพลันเมื่อมองเห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ถูกส่งมา กวินยิ้มตอบกลับไป ก่อนจะพาตัวเองขึ้นไปบนเวทีด้วยท่าทางที่มั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ นั่งลงบนโซฟาเพื่อคุยกับพิธีกรที่ตั้งท่าจะรอยิงคำถาม แม้ว่าสายตาของกวินจะจดจ้องอยู่แค่เพียงใบหน้าคมคายที่ส่งยิ้มน่าเอ็นดูมาให้จากมุมไกล ๆ ที่เต็มไปด้วยผู้คนแน่นขนัด



*** **** ***** **** ***

    

    ตรงบริเวณด้านนอกที่อยู่ไกลออกไป ขจรมองกวินที่นั่งอยู่บนเวทีอย่างเจ็บใจระคนกับอิจฉาริษยาอย่างที่ไม่อาจจะหักห้ามได้ มือสั่นเทากำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น ก่อนจะค่อย ๆ ยกมันขึ้นมาดูพร้อมกับกดปุ่มให้คลิปวีดีโอที่ถูกบันทึกไว้ให้ฉายออกมาอีกรอบเพื่อตรวจสอบ

    นิ้วมืออวบอ้วนค่อย ๆ กดปุ่มลดเสียงลงเพื่อจะไม่ให้คนที่เดินผ่านไปมารับรู้และสงสัย ในขณะที่ภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็กของโทรศัพท์มือถือก็แสดงชัดให้เห็นถึงกิจกรรมอันผาดโผนของมนุษย์เพศผู้จำนวนพอประมาณที่ปล่อยตัวเองให้เปลือยเปล่าล่อนจ้อนท่ามกลางแพกว้างที่ล่องไปตามแม่น้ำ อาจจะด้วยว่าเป็นการถ่ายที่ไม่ได้จริงจังและเป็นไปได้ว่าคนถ่ายก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนพวกนั้น ภาพที่ได้จึงค่อนข้างสั่นไหว แต่กระนั้นก็ยังเห็นชัดในทุกกิริยาของแต่ละคนที่กลัดมันเหลือประมาณจนแทบจะรุมแลกเปลี่ยนความกำหนัดใคร่ให้แก่กันและกันอย่างมืดฟ้ามัวดิน มือไม้ของแต่ละคนเกาะก่ายกันมั่วไปหมด และไม่อาจจะแยกได้ว่าใครกำลังเป็นส่วนหนึ่งของใคร ความอีรุงตุงนังดำเนินต่อไปชั่วครู่ ก่อนที่ภาพจะจับให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มผู้หนึ่งอย่างชัดเจน คล้ายกับผู้ถ่ายจงใจจะแช่ภาพไว้ที่ใบหน้าของบุคคลผู้นี้ และเก็บบันทึกปฏิกิริยาต่าง ๆ อันร้อนแรงและกระหายใคร่เอาไว้อย่างชัดเจนทุกส่วนสัด

    ใจของขจรเต้นรัว มือไม้ก็พาลจะเย็นเฉียบขึ้นมาเสียอย่างนั้น รู้สึกมือสั่นปากสั่นขึ้นมาอย่างทันทีทันใดเมื่อห้วงความคิดกำลังถูกกระตุ้นให้รับรู้ว่าถึงเวลาที่จะต้องทำในสิ่งที่วางแผนเอาไว้มาหลายวัน ชายหนุ่มร่างเตี้ยค่อย ๆ เงยหน้ากลับไปมองบนเวทีอีกครั้งด้วยดวงตาที่แดงก่ำขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของชายหนุ่มที่กำลังพูดพล่ามอยู่บนเวทีเป็นใบหน้าเดียวกับที่ปรากฏอยู่ในคลิปไม่ผิดเพี้ยน

    ยิ่งเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายคงจะต้องเสียท่าให้แก่เขาอย่างไม่ต้องสงสัย ห้วงความคิดของขจรก็แปรปรวนโหมกระหน่ำราวกับพายุคลั่งจนที่สติและปัญญามิอาจจะเข้าไปมีบทบาทในการควบคุมมันได้อีกแล้ว แม้จะมีการต้านทานโจมตีกันของกระแสสำนึก ตั้งคำถามต่อตนเองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรทำจริงหรือไม่ แต่สุดท้ายแล้วอารมณ์ความแค้นก็อยู่เหนือเหตุผล ยิ่งเมื่อมาคิดถึงความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปของตัวเองก็ยิ่งทำให้รู้สึกคลั่ง บางคราวคนเราก็จำเป็นต้องทำเลวอะไรสักอย่างเวลาแพ้ เพียงเพราะจะได้ไม่รู้สึกว่าตัวเองแพ้มากจนเกินไป ห้วงความคิดของขจรในยามนี้ก็เป็นไปในฉันนั้น โกรธเกลียดไปเสียหมดทุกคน ไล่มาตั้งแต่กวินที่กำลังกลายเป็นคนประสบความสำเร็จ ในขณะที่เขาไปไม่ถึงฝั่งฝันทั้ง ๆ ที่ความพยายามก็เท่ากันและเผลอ ๆ เขาอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ อยุติธรรมยิ่งนักที่คนเย่อหยิ่งจองหองอย่างกวินได้ดิบได้ดีมีผู้สนับสนุนในขณะที่เขาซึ่งอดทนกว่า เจียมตัวกว่าและพากเพียรกว่ากลับล้มเหลวและไม่มีใครไยดี เกลียดอรพรรณและนักอ่านทุกคนที่กำลังชื่นชมยินดีในความสำเร็จของมันซึ่งตัวเขาเองใฝ่ฝันและไม่มีวันเดินฝ่าไปถึง และที่สำคัญ เขาเกลียดมธุรสที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงไอ้บ้าโง่ ๆ ที่ถูกหลอกใช้ พอหมดค่าก็โดนเขี่ยทิ้ง

    แค่เหล่านี้ก็นับว่าเพียงพอแล้วที่ขจรจะสุมไฟแค้นในอกจนสามารถวางแผนจะทำลายทุกอย่างให้พังกันไปข้างในวันนี้

     ชายหนุ่มร่างอ้วนเตี้ยค่อย ๆ คว้าขวดเหล้าที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าสะพายขึ้นมากระดกจิบเพียว ๆ จนเกือบจะหมดขวด รสเหล้าขมปร่าร้อนแรงกระตุ้นให้ความรุ่มร้อนในกายยิ่งโหมทวี  ขจรเปิดดูเบอร์โทรศัพท์ของคนที่มาลงทะเบียนบนกระดาษลงทะเบียนที่แอบขโมยมา แม้จะรู้ดีว่าคงไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ บางคนไม่ได้ลงเบอร์โทรศัพท์ หรือบางคนอาจจะไม่สามารถรับข้อมูลได้ แต่อย่างน้อยถ้าขอแค่หนึ่งในห้าของจำนวนคนเหล่านี้สามารถได้เห็นความอักลักษณ์น่าเกลียดเหล่านี้ได้ แค่นั้นก็นับว่าแผนการของเขาก็ลุล่วงแล้ว

    ขจรกดไล่ส่งคลิปไปตามเบอร์ที่เขียนไว้ทีละเบอร์ ในขณะที่ความแค้นคลั่งโหมกระพือจนแทบไม่เหลือสติใด ๆ ไว้อีกเลย



*** **** ***** **** ***



   “หมายความว่ายังไงคะ ความหวังของชีวิตที่จะไม่นำไปสู่ความสิ้นหวังทางจิตวิญญาณ”

    พิธีกรสาวยิงคำถามหลังจากที่กวินได้เอ่ยถึงคอนเส็ปต์คร่าว ๆ ของงานที่ดูเป็นถ้อยคำที่ชวนให้เกิดความสงสัย

    “คือ... มันก็อาจจะต้องตามแต่ความคิดของผู้อ่านนะครับ ว่าจะตีความหรือเข้าใจมันไปยังไง ยอมรับตามตรงก็คือ ผมได้ประโยคนี้มาจากคุณวรรณี ซึ่งพอมาเขียนเรื่องนี้ผมก็เข้าใจประโยคนี้ไปทำนองที่ว่า...” กวินนิ่งไปสักพักราวกับพยายามจะประมวลความคิด ก่อนจะค่อย ๆ พูดออกมาอย่างเชื่องช้าและตะกุกตะกักเล็กน้อย แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว แทบจะตรงกับข้ามกับการเขียน ทักษะการพูดของเขาติดลบเสมอโดยเฉพาะเวลาจะพูดในสิ่งที่สำคัญ  “คือบางครั้งชีวิตของเราเมื่อพ้นจากวัยเด็ก เราก็ได้พบกับความผิดหวังและพ่ายแพ้ที่โจมตีเราจนเราแย่ เราก็มีกลไกที่จะหล่อเลี้ยงตัวเราให้มีชีวิตต่อไปได้ด้วยความหวังถึงวันข้างหน้าที่ดีกว่า เราอาจจะอยากเป็นผู้ชนะ เราอยากมีค่า เราอยากรวย อยากได้สิ่งนั้น อยากได้สิ่งนี้ คือเหมือนเรากำลังพยายามเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเองด้วยวิธีการหลากหลายและกดดันตัวเองว่าจะต้องทำให้ได้ ต้องเป็นให้ได้ เราพาตัวเองสู่สนามแข่งและพยายามปรับตัวเองให้แกร่งขึ้นโดยไม่รู้ตัว   สิ่งเหล่านี้มีประโยชน์ในฐานะที่ทำให้เรามุ่งมั่นที่จะที่มีชีวิตและใช้ชีวิต แต่โดยไม่รู้ตัว เราก็เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับมัน เราเลิกที่จะเชื่อในสิ่งที่ไม่ช่วยทำให้เราสมหวัง แต่เราจะศรัทธาอย่างไม่ลืมหูลืมตาเพียงแต่ในสิ่งที่เรามั่นใจว่าจะทำให้เราสมหวังเท่านั้น เราหยาบขึ้น... จนอาจจะลืมไปเลยว่าสิ่งเหล่านั้นกำลังเป็นตัวบ่อนทำลายบางสิ่งบางอย่างจากตัวตนเราไปเช่นกัน”

    กวินนิ่งไปอีกสักพัก อดไม่ได้ที่จะสังเกตปฏิกิริยาจากผู้ฟัง ก่อนจะพูดต่อ “มันทำให้เราลืมที่จะมองย้อนไปหาสิ่งอันเป็นคุณค่าพื้นฐานของเรา เหมือนกับว่าสุดท้ายแล้ว ถึงเราจะสมหวังในสิ่งเหล่านั้น แต่เราก็จะลืมไปเสียแล้วว่าความหวังลึก ๆ อันจริงแท้ของเราเป็นยังไง คุณค่าอันแท้จริงของเราเป็นยังไง โลกมันซับซ้อน และคนเราก็อ่อนแอ มันทำให้เราสับสนและหลงทางจนอาจจะไม่มีวันหามันได้เจออีกถ้าขาดสติ ผมว่านี่แหละครับ ที่เรียกได้ว่าเป็นความสิ้นหวังทางวิญญาณ”

    “อันนี้เป็นลักษณะของแนวคิดต่อต้านสังคมเมืองหรือเปล่าคะ”

    “ไม่เลยครับ ไม่เลย” กวินรีบปฏิเสธ “ความจริงถ้าใครรู้จักผมดี จะรู้เลยว่าผมไม่มีทางเขียนงานต่อต้านสังคมเมืองแน่นอน แต่... เรียกว่าผมอยากให้ทุกคนมีสติกับหลายสิ่งหลายอย่างมากขึ้นดีกว่าครับ มันจะช่วยให้เราเข้มแข็งขึ้นจากภายใน ไม่ใช่ฉาบความเข้มแข็งไว้เป็นเปลือก…”

    ระหว่างที่กวินกำลังพูดอยู่นั้น ชายหนุ่มสังเกตได้ถึงความผิดปรกติของบรรดาคนที่นั่งฟัง ที่ต่างเริ่มกดดูโทรศัพท์มือถือราวกับได้เห็นในสิ่งที่น่าสนใจ จนน้อยคนที่จะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่กวินพูด แม้แต่พิธีกรเองก็สังเกตได้จนหล่อนรู้สึกลังเลที่จะดำเนินรายการต่อ สีหน้าของกลุ่มคนล้วนออกไปในทางตกใจและตะลึงงัน บางคนเงยหน้าขึ้นมองกวินสลับกับก้มมองภาพในมือถือราวกับจะเปรียบเทียบความเหมือนความต่าง มีเสียงฮือฮาเล็กน้อยเมื่อการแบ่งปันกันดูเริ่มเกิดขึ้น คนบางคนรีบเดินลุกหนีไปทันที ในขณะที่บางคนหัวเราะออกมาอย่างขบขับ อรพรรณกับมธุรสเองก็ได้คลิบนั้นเหมือนกัน กวินหันไปมองแล้วพบว่าคู่ตกใจจนเหมือนจะพูดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก

    กวินและพิธีกรเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ บนเวทีมีแต่ความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย

    วิษณุรีบคว้าโทรศัพท์ของผู้ฟังคนหนึ่งขึ้นมาดู นิ่วหน้าอย่างตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในนั้น เงยหน้ามองกวินบนเวที ต่างฝ่ายต่างสบตากัน กวินนึกเอะใจจึงหยิบมือถือของตนเองขึ้นมาดูบ้าง เนื่องจากกดปิดเสียงไว้จึงไม่รู้ตัวว่าได้รับข้อความมัลติมีเดียจากใครสักคนที่ไม่รู้จัก จนกระทั่งลองเปิดดู ภาพที่เห็นทำเอาถึงกับพูดอะไรไม่ออก ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นภาพของตัวเองในการกระทำที่เกือบจะลืมไปด้วยซ้ำว่าเคยทำลงไป ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกตัวชาไปทั่วร่าง มั่นใจว่าทุกคนด้านล่างก็คงได้เห็นภาพเหล่านี้เช่นกัน ไม่แปลกใจเลยที่บางคนจะลุกเดินหนีไป โดยไม่รู้ตัว กวินหันไปสบตากับวิษณุเป็นคนแรก ในขณะที่อีกฝ่ายก็จ้องกลับมาด้วยสายตาว่างเปล่าอย่างบอกไม่ถูก กวินรู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างเสียดแทงลงไปกลางใจ   

    “สุดยอดเลยไหมครับ นักเขียนที่หน้าด้านกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนรุ่นใหม่ผู้เดินรอยตามคุณวรรณี ถุย !” ขจรเดินเข้ามาด้วยท่าทางสะใจจนไร้สติในจังหวะที่ทุกคนกำลังอึ้ง เดินเซเล็กน้อยเหมือนคนเมา “ดูสิครับทุกคน คนวิปริตผิดเพศใช้ชีวิตโสมมแบบนี้น่ะหรือที่มีสิทธิ์มาร้องแรกแหกกระเชอเขียนงานสอนคนเรื่องคุณค่า เรื่องความหวัง ถามจริง ๆ พวกคุณยังจะอ่านกันลงอีกหรือ”

    คนแก่ ๆ สองสามคนส่ายหน้าก่อนจะลุกหนีไป ในขณะที่กวินยังคงตกใจอย่างคาดไม่ถึงว่าขจรจะทำอะไรถึงขนาดนี้ ได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก ในขณะที่ขจรพล่ามต่อไปด้วยน้ำเสียงที่ดังมากขึ้น   

    “สำหรับใครบางคนที่เคยอ่านงานเน่า ๆ ของมันมาแล้วนะ ก็อาจจะพอรู้ว่าคนอย่างมันน่ะเป็นยังไง สกปรกแค่ไหน แต่ความจริงน่ะมันมากกว่านั้นเยอะ มันมั่วมีอะไรกับคนอื่นเต็มไปหมด เด็กอายุสิบหกมันก็เอา แม้แต่กับพระกับเณรมันยังเคยเอามาแล้วเลยมั้ง”

    เสียงฮือฮาดังขึ้นมาอีกระลอก หลายคนเริ่มรับไม่ได้ ในขณะที่กวินถึงกับทนไม่ไหว เดินลงมาจากเวที พร้อมกับใช้แรงทั้งหมดลากขจรไปที่ข้างเวที อรพรรณกับมธุรสรีบเดินมาสมทบอย่างเร่งด่วน

    “ขจร... นี่มึงคิดว่ามึงกำลังอะไรอยู่”

    “กูทนไม่ได้โว้ย ที่จะให้คนอย่างมึงมาตอแหลทำตัวเป็นดี หลอกคนอ่านทุกคน”

    คำตอบของขจรทำเอากวินถึงกับจุกที่อก ไม่กล้าสบตากับวิษณุที่เพิ่งจะเดินเข้ามาใกล้ รู้สึกโกรธขจรจนตัวสั่นที่ทำลายเขาถึงขนาดนี้ แต่ก็พูดอะไรไม่ออก รู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่ลำคอพร้อม ๆ กับร้อนผ่าวที่นัยน์ตาคล้ายกับอยากจะร้องไห้

    “มึงโกรธกูจนเป็นบ้าไปถึงขนาดทำอะไรสกปรกแบบนี้เลยหรือไงวะ”   

   “หุบปากเลยนะไอ้สัตว์” ขจรสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “ก่อนจะด่าอะไรกูมึงดูตัวเองเถอะ ใครกันแน่สกปรก ทุกอย่างที่กูพูดมันเป็นความจริง หรือมึงจะตอแหลว่าไอ้คนในคลิปมันไม่ใช่มึง หรือมึงจะโกหกว่ามึงน่ะไม่สำส่อน ไม่ได้มั่วกับใครต่อใครไปทั่ว มึงจะโทษกูได้ไงในเมื่อตัวมึงมันก็สกปรกอย่างที่กูพูดจริง ๆ”

    “แต่ถึงกูจะเหี้ยยังไง มันก็ไม่ใช่กงการอะไรของมึงที่จะต้องมาพูดแบบนี้”

    “ก็กูจะพูด มึงจะทำไม” ขจรลอยหน้าลอยตาพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สาใด ๆ ทั้งสิ้น “กูจะประจานมึงต่อไปไม่หยุดด้วย เพราะกูถือว่ากูพูดความจริง ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายเว้ย”

    กวินกัดฟันอย่างโกรธจัด

    “ใช่... ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย... มึงแน่ใจนะว่าจะพูดคำนี้ แสดงว่ามึงจะอยากจะให้กูพูดความจริงของมึงบ้างใช่ไหม” กวินกำหมัดแน่น ในใจยังลังเลว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป แต่ด้วยอาการไม่สำนึกของขจรก็ผลักดันให้กวินตัดสินใจที่จะรุกกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ชายหนุ่มเม้มปากแน่นก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงเบาคล้ายกระซิบ แต่ก็ดังพอที่คนรอบข้างจะได้ยิน

    “เอาจริง ๆ นะ กูไม่ได้แปลกใจเลยที่มึงจะมีคลิปนี้ เพราะมึงน่ะหาโอกาสที่จะดูกูเอากับทุกคน ทุกที่... ทุกเวลา... ถ้ามึงแอบถ่ายเองไม่ได้ มึงก็จะต้องจ้างคนอื่น เหมือนอย่างอันนี้ มึงก็คงจะจ้างให้สักคนถ่ายไว้ คิดว่ากูไม่รู้หรือไง มึงน่ะปีนห้องน้ำแอบดูกูแก้ผ้าตลอดตั้งแต่สมัยเรียน แล้วมึงก็ไม่เคยพลาดที่จะต้องคอยขุดหาเรื่องราวว่ากูไปเอากับใครมาบ้างหรือไปมีอะไรพิลึกพิสดารจากไหน เพราะมึงก็จะได้เอาไปนึกภาพเวลาว่าว เถียงสิว่ามันไม่ใช่ความจริง ความจริงมันเป็นสิ่งไม่ตาย และความจริงของมึงน่ะกูก็รู้หมด แต่กูแค่ไม่พูด เพราะกูไม่อยากให้มึงอายไงล่ะ ! ไอ้สัตว์ !”

   “ไม่จริงเว้ยไอ้เหี้ย อย่ามาตอแหล” ขจรหน้าแดงก่ำถึงใบหู โกรธจัดจนใบหน้าบิดเบี้ยว รีบร้องปฏิเสธออกมาด้วยเสียงดังลั่น ในขณะที่กวินไม่สนใจ พูดต่อไปด้วยท่าทีที่โกรธจัดไม่แพ้กัน

   “มึงน่ะมันพวกชอบโกหกตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างในการกระทำของกูที่มึงทำท่ารังเกียจนักหนาน่ะ มึงอยากทำทั้งนั้นแต่ไม่มีปัญญา และที่มึงมาคอยแว้งกัดกูตลอดเนี่ย เอาจริง ๆ จุดเริ่มมันก็แค่ว่าลึก ๆ แล้วมึงอยากเอากับกูแต่ก็ไม่มีโอกาสเท่านั้นแหละวะ เพราะมึงมันห่วย !”

    ทุกอย่างดำเนินไปถึงจุดแตกหัก ขจรยิงหมัดใส่หน้าหน้ากวินอย่างแรงจนแทบจะเซล้ม ขจรบ้าคลั่งมากขึ้นจนแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่ ตั้งท่าจะโผเข้ามากระทืบกวินซ้ำ อรพรรณกับมธุรสพยายามห้าม วิษณุกับพวกยามก็รีบเข้ามาดึงตัวขจรออกไป

    “ไม่จริง... มึงอย่าทำเป็นรู้ดี ไอ้ที่มึงพูดน่ะมันไม่จริง มึงถอนคำพูดเลยนะอีตุ๊ดระยำ มึงจะเป็นตุ๊ดมึงก็ตุ๊ดไปคนเดียวสิวะ กูไม่ได้เป็น ที่มึงพูดน่ะมันไม่จริงเลยเว้ย ไม่จริง !” ขจรโดนยามลากออกไปจากงานทั้ง ๆ ที่ยังร้องอาละวาดไม่เลิก

    เมื่อเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ทุกคนในงานต่างก็หันมามองกวินเป็นจุดเดียวพร้อมกับซุบซิบนินทากันอย่างโจ่งแจ้ง แขกที่นั่งฟังอยู่หลายคนลุกออกจากที่นั่งพร้อมกับส่ายหน้าใส่กวินอย่างรังเกียจ กวินกลืนน้ำลายลงคอ กัดริมฝีปากแน่น ความรู้สึกหวาดกลัวต่อการตัดสินจากใคร ๆ ก็ไม่เทียบได้กับการตัดสินจากคนเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ให้ตายเถิด... กวินแทบไม่กล้าจะอยู่สู้หน้าเขาด้วยซ้ำ ไม่แน่ใจว่าวิษณุจะรังเกียจเขามากไปถึงแค่ไหนเมื่อได้เห็นตัวตนจนหมดเปลือกแบบนี้

    ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไร กวินเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว

    วิษณุมองตามพร้อมกับทอดถอนลมหายใจ

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #236 เมื่อ17-09-2010 01:44:10 »


*** **** ***** **** ***



   กวินเดินเข้ามาในห้องน้ำ ยืนนิ่งที่อ่าง รู้สึกเจ็บปวดที่ริมฝีปากจากแรงหมัดของขจรที่ทำเอาเลือดไหลออกมาซิบ ๆ รู้สึกได้ถึงความเค็มปร่าของเลือดพร้อม ๆ กับที่ร่างกายชาด้านไปทั่วทุกภาคส่วน น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ไม่อาจอธิบายได้ว่ากำลังรู้สึกเช่นไร เปิดน้ำล้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง พยายามจะล้างเลือดออกจากริมฝีปากและพยายามจะกลบคราบน้ำตาที่กำลังหลั่งริน จากนั้นก็ยกมือขึ้นกุมขมับเหมือนอยากจะบีบมันให้แหลกไปให้เสียรู้แล้วรู้รอด ในขณะที่มืออีกข้างเท้าที่เคาน์เตอร์ ราวกับคนหมดแรง

    วิษณุเดินเข้ามา ก่อนจะคว้าทิชชู่ตรงข้าง ๆ อ่างล้างหน้า แล้วเดินเข้าไปหากวิน ในขณะที่กวินหันหน้าหนี

    “ขอร้อง... คุณออกไปเหอะ”

    วิษณุยื่นทิชชู่ให้ กวินรับมาเช็ดเลือดที่ปาก แล้วหลังหนีอีกรอบ ไม่กล้าที่จะมองหน้าของอีกฝ่าย ราวกับกลัวในสิ่งที่จะเห็นจากใบหน้าของเขา กลัวสายตาตัดสินและประเมิณค่า แม้จะรู้ดีว่าทุกอย่างจะต้องจบลง ก็ขอให้มันจบไปง่าย ๆ เลยจะดีกว่าจะต้องมารับรู้และมาเห็นท่าทีให้มันเจ็บปวดไปมากกว่าเดิม

    “หมายความว่ายังไงที่บอกให้ผมออกไป” วิษณุเอ่ยถาม ในขณะที่กวินรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก พยายามจะซ่อนน้ำตาไม่ให้อีกฝ่ายเห็น

   “ก็หมายความว่าคุณได้เห็นความน่ารังเกียจของผมไปหมดไส้หมดพุงแล้ว และผมก็ไม่มีสิทธิ์โกหกเสียด้วย ก็มันเล่นชัดเสียขนาดนั้น ผม... คือ... เอาเถอะ ไม่รู้เหมือนกัน... พูดไม่ถูก แต่ที่แน่ ๆ คุณออกไปเถอะนะ สัญญาว่าผมจะไม่โกรธคุณหรอก แล้วก็อย่าพูดอะไรให้ผมได้ยินอีกเลย ถ้าคุณยังสงสารผมอยู่”

    วิษณุผ่อนลมหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นในเรื่องที่กวินไม่คาดคิด

     “คุณมีเซ็กซ์ครั้งแรกเมื่อไหร่ กับใคร”

    “หา?”

    กวินขมวดคิ้วมุ่น ชะงักเล็กน้อย หันหน้าไปมองอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก ในขณะที่วิษณุตีสีหน้าเรียบเฉย ราวกับไม่ได้รู้สึกแปลกประหลาดอะไรกับสิ่งที่ตนเองพูด

    “ถามก็ตอบมาสิ”

    “สิบแปด กับคนที่รู้จักในอินเตอร์เน็ต น่าเกลียดไหมล่ะ แทนที่จะเก็บไว้รอคนที่รัก แต่ผมก็แพ้ความอยาก ยอมมีครั้งแรกกับคนที่ตอนนี้ยังแทบจำชื่อเขาไม่ได้ และให้ตายเถอะ มันไม่น่าจดจำเลย”

    วิษณุคลี่ยิ้มให้เล็กน้อย ในขณะที่กวินยังคงสงสัยนระคนกับน้อยใจว่าจู่ ๆ เขาถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม จะตอกย้ำซ้ำเติมเขาให้หนักกว่าเดิมงั้นหรือว่าเป็นคนมักมากในเรื่องทางกาม สำส่อนและน่ารังเกียจ อดน้อยใจอีกฝ่ายไม่ได้ว่าทำไมถึงได้ใจร้ายขนาดนี้ ในขณะที่วิษณุนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่ก็แฝงไว้ด้วยแววแห่งความจริงใจ

    “ผมมีครั้งแรกตั้งแต่ตอนม.หนึ่ง อายุสิบสองเองนะนั่นน่ะ รู้ไหม ในขณะที่เพื่อนคนอื่น ๆ มันยังไม่เลิกเล่นวิ่งไล่จับกันเลย แต่ผมก้ได้เอากับครูฝึกสอนไปเสียแล้ว ไม่ได้โดนหลอก ไม่ได้โดนข่มขืน ผมเป็นฝ่ายชวนเองเลยเพราะอยากลอง ทำกันบนโต๊ะทำงานของเขาเลยทีเดียว แถมยังเปรอะสมุดการบ้านของเพื่อนอีกต่างหาก”

    กวินกลินน้ำลายลงคอ ชะงักไปเล็กน้อยในสิ่งที่อีกฝ่ายเล่า

    “จริงเปล่าเนี่ย”

    “ผมจะโกหกทำไม นั่นครั้งแรกของผมเลยนะ เร็วกว่าคุณตั้งหกปีแน่ะ แล้วมันก็เหมือนกับครั้งแรกคุณตรงที่ว่าผมก็ไม่ได้มีกับแฟน แล้วตอนนี้ผมก็จำชื่อเขาไม่ได้แล้วด้วยเหมือนกัน แต่ก็ต่างกับคุณตรงที่ว่าสำหรับผมแล้ว มันเป็นครั้งแรกที่ผมประทับใจ ในเมื่อเซ็กซ์ครั้งแรกมันเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และมันก็ทำให้เราได้รู้ได้ลองอะไรใหม่ ๆ ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นกับใครหรือดีแย่แค่ไหน แต่ครั้งแรกมันก็คือครั้งแรก มันน่าจดจำเสมอแหละเชื่อผมสิ คุณอย่าไปตั้งแง่รังเกียจครั้งแรกของตัวเองเลย”

    “แล้วไอ้ที่เปรอะสมุดการบ้านเพื่อนน่ะ จริงหรือเปล่า”

    “ก็ผมต้องมานั่งเช็ดเอาเองกับมือ”

    “ทุเรศว่ะ“

    วิษณุผ่อนลมหายใจเล็กน้อย หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเล่าต่อ

   “แล้วตอนเรียนมหาลัย เครียดจัด ผมก็เลยชวนเพื่อนเอากันที่บันไดตึกเรียนตอนดึก วางแผนไว้ด้วยนะ ไม่ใช่เพราะสถานการณ์พาไป คิดแค่ว่ามันก็คงสนุกดี ทำไปตั้งสองครั้งไม่ยักมีใครจับได้ จนครั้งที่สามนี่แหละ หึ ! โดนจับได้เสียงั้น รู้ป่ะ ยามแม่งสาดไฟฉายมาตอนที่กำลังเสร็จเลย เพื่อนผมน่ะมันหันหลังพอดี พอเจอไฟมันก็กระโดดหนีขึ้นไปตามจับไม่ได้ ผมก็เลยโดนจับคนเดียว โคตรอาย อายจนแทบจะเรียนต่อไม่ได้”

    “ไม่น่าเชื่อเลยนะ นี่คุณจริง ๆ หรือ”

    “แล้ววันที่ทะเล คุณจำฝรั่งคนนั้นได้ไหม ที่มันจะเอาคุณ”

    “อืม” กวินพยักหน้า

    “พอแยกจากคุณ เขาก็มาชวนผมไปที่ห้อง”

    “แล้วคุณไป?”

    “ตอนแรกจะไม่ แต่....”

    “แต่อะไร” กวินเสียงเขียวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่อีกฝ่ายหน้าแดงถึงใบหู

    “ก็พอเริ่มหายโกรธ มันก็เลยรับรู้ความรู้สึกได้ว่าคุณน่ะทำให้ผมอยาก ผมก็คนนะคุณ แล้วผมก็เป็นเกย์เสียด้วย มันจะเหลือหรือ แต่พอที่ไปห้องนะ ไอ้นั่นเสือกพาเพื่อนมาอีก รวมแล้วเป็นหกคน เอาจริง ๆ ผมไม่ชอบเลยนะ ไม่ชอบเลยจริง ๆ แต่ไปถึงขั้นนั้นแล้ว มันก็ต้องต้องเลยตามเลย”

    “คุณเซ็กซ์หมู่หกคน !” กวินร้องออกมาอย่างตกใจ

    “พอเหอะ อย่าพูดอีกเลย ไม่ไหวแล้ว อายว่ะ”

    กวินหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว รู้สึกว่าความหนักอึ้งทั้งหลายแหล่ในหัวสมองค่อย ๆ คลายออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่วิษณุยังคงหน้าแดงจัดราวกับลูกตำลึงสุก วิษณุผ่อนลมหายใจระงับความเขิน ก่อนจะเดินไปที่ประตูห้องน้ำ ตั้งท่าจะออกไปข้างออก แต่ก็ไม่วายหันมาพูดกับกวิน

    “ถ้าจะตัดสินกันน่ะนะ คนเรามันก็เหี้ยด้วยกันทั้งนั้นแหละคุณ ผมก็เหี้ย คุณก็เหี้ย แต่ผมว่าคุณเป็นคนดีนะ เพราะผมชอบคุณ คุณเองก็ควรจะคิดว่าผมเป็นคนดีด้วยเหมือนกัน แล้วก็ควรจะชอบผมด้วย ไม่งั้นก็คงจะคบกันไม่ได้ ใช่ไหม”

    นี่เป็นถือคำสารภาพรักหรือเปล่า... เนียนนะเนี่ย... กวินคิดอยู่ในใจ อดขบขันไม่ได้กับท่าทางของอีกคน ที่ดูเหมือนจะประหม่าอยู่ไม่น้อยเลย 

    “ล้อเล่นนะ อย่าคิดมาก”

    วิษณุพูดออกมาแก้เจื่อน ตั้งท่าจะออกไปอีก แต่ก็หันกลับมาพูดอีกรอบราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ในเรื่องที่สำคัญ   

    “อ่อ... ป้าผมเป็นเมียน้อยท่านรัฐมนตรีคนหนึ่ง นี่ความลับสุดยอดเลยละ”

    ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน แล้ววิษณุก็เดินออกไป ในขณะที่กวินยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม...

    ...ท่ามกลางทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้างที่คล้ายจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี



*** **** ***** **** ***



   ที่เวทีฮอลล์ ไม่มีใครเหลือนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกเลย ทุกคนเดินออกไปหมด มธุรสกับอรพรรณนั่งกันอยู่สองคน มธุรสยกมือกุมขมับราวกับวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อเรื่องที่เกิดขึ้น อรพรรณกุมมือมธุรสอย่างให้กำลังใจ มธุรสพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มให้ ไม่ได้มีท่าทีเย็นชาหมางเมินเหมือนทุก ๆ ครั้ง ราวกับทั้งคู่ได้พูดคุยปรับความเข้าใจกันแล้ว

    กวินเดินกลับที่เวทีอย่างรวดเร็ว อรพรรณและมธุรสตกใจมาก แต่ในความตกใจนั้นก็แฝงความดีใจอยู่ไม่น้อย กวินคว้าไมค์ขึ้น สูมลมหายใจเข้าเต็ใปอด ก่อนจะกรอกเสียงลงไปอย่างมั่นใจ

    “ผมรู้ว่าไม่มีใครนั่งอยู่แล้ว แต่ที่แน่ ๆ คือผมอยากให้คนที่เดินอยู่รอบนอกกลับเข้ามาฟังผมอีกรอบ” กวินเลียริมฝีปากเพื่อระงับความประหม่า พร้อมกับกวาดตามองผู้คนทั้งหลายที่เริ่มจะหันกลับมามองเขาเป็นตาเดียว กวินเรียกความมั่นใจให้ตัวเองอีกครั้งก่อนจะพูดต่อ “ผมคือเจ้าของงานเขียน ‘ความหวังนิรันดร์’ ซึ่งผมขออุทิศงานนี้ให้กับคุณวรรณี วรรณรัตน์ ในฐานะที่ท่านเป็นนักเขียนที่ผมนับถือมากคนหนึ่ง ถ้าใครที่ได้ฟังช่วงตอนต้น ก็คงจะทราบแล้วว่างานชิ้นนี้ของผมเกี่ยวกับอะไร แต่ถ้ายังมีใครสงสัยว่าคนอย่างผมน่ะหรือที่จะสามารถเขียนงานพรรค์นี้ได้ ผมก็จะขอพูดอย่างมั่นใจเลยว่าเลิกสงสัยเถอะ จริงอยู่ว่าผมไม่ใช่คนที่ดีพร้อมสมบูรณ์แบบมาจากไหน ผมก็แค่คนธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่เรียนรู้ชีวิตไปแต่ละวันอย่างพยายามจะมีสติมากขึ้น ผมภูมิใจกับงานเล่มนี้มากเหมือนกับงานทุก ๆ เล่มที่ผมเขียน เพราะมันคือตัวตนของผมในปัจจุบัน เป็นความคิดของผมในขณะนี้ เวลานี้ แม้มันจะไม่เหมือนกับอดีตหรืออาจจะไม่เหมือนอนาคต แต่ผมก็ไม่แคร์ ทุกบท ทุกย่อหน้า ทุกตัวอักษร... ขอร้องว่าอย่าได้แคลงใจ มันคือตัวตนของผมจริง ๆ ผมไม่เคยเสแสร้งกับงานเขียน  ผม.... ผม... ผม...”

    กวินรู้สึกตีบตันในลำคอจนพูดอะไรไม่ออก ตัดสินใจรวบยอดทุกอย่างออกมาเป็นคำพูดประโยคสุดท้าย

    “ฝากงานชิ้นนี้ของผมด้วย ผมพูดไม่รู้จะพูดอะไรแล้วละครับ ขอบคุณ”

    กวินลดไมค์ลง พร้อมกับมองไปรอบ ๆ พบว่าคนโดยรอบ ๆ หันมาฟังกวินแทบทุกคน บางคนส่ายหน้าแล้วเดินหนีไปเมื่อเขาพูดจบ แต่ก็มีไม่น้อยที่ฟังแล้วพยักหน้าเห็นด้วย อรพรรณกับมธุรสยิ้มให้กัน พร้อมกับกุมมือกัน บีบไว้แน่น มองกันและกันด้วยสายตาหวานซึ้ง

    วิษณุเป็นคนแรกที่ปรบมือให้กวิน พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนหวานที่กวินไม่เคยได้รับจากใครมาก่อนเลยในชีวิต

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #237 เมื่อ17-09-2010 01:48:38 »

บทส่งท้าย


    ...คงไม่เชยเกินไปที่คงจะต้องบอกเหมือนกับที่หนังสือหลายเล่มบอก ว่าความจริงคนเราเกิดมาพร้อมกับคุณค่าของชีวิต,,,
      

    “...และเราก็จะแบ่งปันคุณค่าให้กันและกัน” เสียงอ่านออกเสียงที่ดังกระซิบอยู่ข้าง ๆ หูพร้อมกับอ้อมแขนที่กอดรัดเข้ามาโดยไม่รู้ตัวทำเอากวินถึงกับชะงักเล็กน้อย ในขณะที่อีกฝ่ายจ้องมองตัวอักษรในคอมพิวเตอร์ตาแป๋ว พร้อมกับแนบจมูกลงบนแก้มอย่างซุกซน ทำเอากวินอดที่จะรู้สึกเขินไม่ได้จนต้องทำทีเป็นวางมาดขรึม

    “บอกแล้วไงว่ากำลังเขียนงาน อย่ามายุ่ง”

    “ก็เขียนจบแล้วไม่ใช่หรือ” วิษณุยังคงลอยหน้าลอยตาและยังไม่หยุดที่จะฉวยโอกาส กวินพยายามจะดิ้นเล็กน้อยเพราะอึดอัด แต่ก็กลับถูกอีกฝ่ายรั้งให้เข้าไปแนบกับอกกว้างนั้นมากขึ้น

    “ยังไม่จบสักหน่อย”

    “งั้นก็เขียนให้จบสิ จะรออ่าน”

    กวินรีบพับหน้าจอปิดทันที พร้อมกับสะบัดตัวเองออกจากอ้อมแขนอบอุ่นวาบหวามนั่น

    “เรื่องอะไร ไม่ให้อ่านฟรี ๆ หรอก จะอ่านก็ไปซื้อเอาสิ”

    แต่ทันทีที่จะก้าวลุกออกไป วิษณุกลับดึงร่างของเขาให้ลมลงมาบนโซฟาตามเดิมพร้อมกับใช้กำลังที่เหนือกว่ารวบตัวของกวินให้แนบชิด พร้อมกับมองด้วยสายตากรุ้มกริ่มที่ชวนให้กวินรู้สึกหมั่นเขี้ยวยิ่งนัก

    “หวงหรือ”

    “เออ”

    “พูดไม่เพราะอีกแล้วนะเราน่ะ”

    กวินแสร้งยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ หวังจะยั่วให้อีกฝ่ายโมโหเล่น

    “บอกแล้วไงว่าเกลียดท่าแบบนี้”

    “มีปัญหาหรือครับคุณหมอ”

    “อย่าเรียกแบบนั้นนะ ก็รู้อยู่นี่ว่าไม่ชอบ เรียนไม่จบ มันฝังใจ เข้าใจไหม”

    “คุณหมอ”

    ดูท่าว่าคนตัวดีจะจงใจยั่วให้เขาโกรธเสียให้ได้ วิษณุผลักร่างของอีกฝ่ายให้ราบลงกับโซฟาก่อนจะกดทับตัวเองลงเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายขยับตัวได้อีก ก่อนจะประทับจูบดุเดือดลงบนริมฝีปากอวดดีนั่น ทำเอากวินถึงกับมือไม้อ่อนไปหมด

    ได้ผล... เพียงกระตุ้นนิดหน่อย คนตัวแสบก็สิ้นฤทธิ์ วิษณุใช้ไม้ตายเช่นนี้ปราบเสมอเวลาที่อีกฝ่ายทำตัวงอแงกวนโมโห  

    “แหม... คนบางคนแถวนี้ก็แปลก ทีกับงานเขียนน่ะหวงนัก ไม่ยอมให้อ่าน แต่ทีกับตัวละไม่เห็นหวงบ้างเลย ทำอะไรก็ยอมไปหมด”

    “บ้า” กวินหน้าแดงจัด ผลักอกอีกฝ่ายออกอย่างแรงก่อนจะลุกเดินหนีไปอย่างหัวเสีย ในขณะที่วิษณุหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี

    กวินเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมที่หยิกพองฟูให้กลับมาเป็นทรง แต่เหมือนทำให้ตายยังไงก็ไม่สำเร็จได้ง่าย ๆ ในขณะที่วิษณุมองเห็นหนังสือ “ความหวังนิรันดร์” นับสิบกว่าเล่มซึ่งกองอยู่ในถุงกระดาษที่วางอยู่ข้าง ๆ โซฟา ก่อนจะหยิบขึ้นมาดูหนึ่งเล่มแล้วร้องถามอีกฝ่ายอย่างรู้ทัน

    “นี่เหมามาอีกแล้วหรือ”

    “แน่นอน” กวินตอบติดตลก “ก็เห็นมันติดป้ายลดตั้งแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ถูกแบบนี้ใครไม่เหมาก็โง่แล้ว”

    วิษณุผ่อนลมหายใจเบา ๆ แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายทำทีว่าไม่ได้ทุกข์ใจอะไรมากมาย แต่เขาก็ทราบด้วยตัวเองว่าลึก ๆ แล้วกวินก็คงผิดหวังอยู่เหมือนกันที่หนังสือเล่มนี้ไม่ได้ประสบความสำเร็จเสียเท่าไร ขายได้ไม่เกินครึ่งเลยด้วยซ้ำ ร้านหนังสือตีกลับมาเป็นพัน ๆ เล่มเห็นจะได้

    กวินยังคงไม่เลิกรากับการพยายามจัดการกับทรงผมของตัวเอง ในขณะที่วิษณุเดินเข้าไปใกล้พร้อมสวมกอดจากด้านหลัง พร้อมกับซุกหน้าลงบนไหล่บาง ๆ ของอีกฝ่าย หวังจะใช้สัมผัสในการปลอบโยนอีกคนให้รู้หายรู้สึกแย่

    “ผมยาวแล้วน่าเกลียดเนอะ” กวินพูดพร้อมกับย่นจมูก ไม่ค่อยจะพอใจตัวเองในกระจกเท่าไรนัก “ไม่ยอมเป็นทรงสักที”

    “ก็น่ารักดีออก” วิษณุพูด พร้อมกับยังฉวยโอกาสหอมลงที่ซอกคอของอีกคน

    “ไม่ต้องมาทำเป็นชมเลยนะ” กวินค่อนขอดไปทันที

    “อ้าว...” วิษณุว่ากลับ “ก็ถ้าไม่ชมแฟนแล้วจะให้ไปชมใครล่ะครับ”

    “นี่... เลิกซนได้แล้ว เดี๋ยวต้องออกไปข้างนอก”

    “คอยดูก็แล้วกันว่าเดี๋ยวใครกันแน่จะไม่อยากให้เลิก ต่อให้เดินออกจากห้องไปสิบก้าวเลยเอ้า”

    “ทะลึ่ง”

    “แล้วนี่จะออกไปไหน”

    “นัดกับพี่พรรณไว้”

    “เรื่องหนังสือหรือ”

   “ก็ใช่น่ะสิ” กวินว่าพร้อมกับเดินผละไปยังตู้เสื้อผ้า “ตั้งแต่ได้เลื่อนตำแหน่งมาทำแทนพี่รสนี่ นับวันก็ชักจะทำตัวเหมือนพี่รสไปทุกที คราวนี้สงสัยเราก็คงต้องโดนด่าอีกตามเคยว่าไม่ยอมเขียนอะไรใหม่ ๆ เห้อ... ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าจะให้เราใหม่ไปอีกสักแค่ไหน นี่ก็เขียนมาจะครบทุกแนวอยู่แล้ว”

    “ก็ลองเขียนนิยายรักดูสิ ไม่เคยเขียนไม่ใช่หรือ”

    “ตลกละ เขียนไปตั้งหลายเรื่อง”

    “ไม่เคยเห็น”

    “เขียนไปแล้ว”

    กวินถอนใจ ก่อนจะยืนกรานต่อไปซ้ำ ๆ ซาก ๆ ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายกำลังล้อเล่นอะไรหรือจะมาไม้ไหน เพราะคน ๆ นี้นี่นับวันชักจะเจ้าเล่ห์มากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ดึงร่างของกวินเข้าไปแนบกับอกหนา ๆ ของเขาอีกรอบ

    “เขียนไปแล้วตั้งหลายเรื่อง ก็อ่านอยู่ไม่ใช่หรือ จำไม่ได้หรือไง”

    “นิยายรักน่ะนะ”

    “ก็เออสิ อย่างเรื่องที่พระเอกกับนางเอกเจอกันที่....”

    กวินไม่อาจจะพูดต่อไปได้จากการประทับจูบเบา ๆ อย่างไม่ปล่อยให้ทันได้ตั้งตัวจากอีกฝ่าย

    “ไม่ใช่สักหน่อย ไม่ได้หมายถึงนิยายรักแบบนั้น” วิษณุพูด ในขณะที่กวินขมวดคิ้วมุ่น

    “แล้วนิยายรักแบบไหน”

    “ก็...”

    วิษณุทำตาวิบวับราวกับภูมิใจนักหนาในสิ่งที่ตัวเองพูด แต่พอกวินได้ฟังแล้วกลับอึ้ง ถึงกับหาปฏิกิริยาตอบกลับไม่ถูกเลยทีเดียว

    “พูดอีกรอบสิ นิยายรักแบบไหนนะ”

    กวินถามย้ำ ในขณะที่อีกฝ่ายก็แสร้งทำเป็นพาซื่อ พูดออกมาอีกรอบอย่างชัดถ้อยพร้อมกับอมยิ้ม



    ...คงไม่เชยเกินไปที่คงจะต้องบอกเหมือนกับที่หนังสือหลายเล่มบอก ว่าความจริงคนเราเกิดมาพร้อมกับคุณค่าของชีวิต และเราก็จะแบ่งปันคุณค่าให้กันและกัน

    แต่ในความจริง เราอาจจะพบว่าโลกที่เราอยู่โหดร้ายกับเรา เราเจอปัญหามากมาย จนทำเราเริ่มที่จะไม่เชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเองหรือคุณค่าของใคร แต่สักวันหนึ่ง เราจะรู้เองว่าปัญหาพวกนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อย่างที่คิดเลย เรารับมือกับมันได้

    หรือไม่... ก็มีคนที่พร้อมจะช่วยเราเสมอ...    

   …

    ถ้าเราไม่สิ้นหวังกับตัวเองเสียก่อน


    

    กวินยังนึกขันอยู่ไม่หายกับคำพูดของแฟนหนุ่ม

    “ก็นิยายรักแบบที่ไม่ต้องมีนางเอก มีแค่พระเอกสองคน”

    โอย.... คิดแล้วขนลุก !









จบบริบูรณ์

kranwa

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hopeful & Hopeless-UPDATE 3/08/2010ลงแล้ว21ตอน
«ตอบ #238 เมื่อ17-09-2010 01:50:24 »

เนื่องด้วยเวลาในการจะลงไม่ค่อยมี บวกกับผมเองก็เขียนไว้จนจบแล้ว ดังนั้น ผมขอลงรวดเดียวจนถึงตอนจบเลยนะครับ


ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับที่ติดตามมาตลอด อยากจะพิมพ์อะไรให้ยาวกว่านี้ แต่ดึกแล้ว สมองไม่แล่น ฮ่า ๆ ๆ ๆ


เอาเป็นว่า เดี๋ยวจะลงตอนจบแล้วนะครับ แล้วจะกลับมาขอบคุณคนอ่านอย่างเป็นทางการอีกรอบนะคร้าบบบ


ขอบคุณจริงๆ ครับ

ออฟไลน์ ปลาทองสีชมพู

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
กรี๊ดดด ลงรวดก็อ่านรวดเหมือนกัน
ความรู้สึกเหมือนดูวงออเครสต้าบรรเลงซิมโฟนี่ นัมเบอร์ เซเว่นจบด้วยความประทับใจ
แล้วลุกขึ้นตะโกน "บราโว่~!" ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ (นี่เราดูโนดาเมะมากไป)
หรือไม่ก็เป็นความรู้สึกเหมือนดูบอล แล้วทีมที่เราเชียร์ทำประตูขึ้นนำได้ในนาทีสุดท้ายก่อนกรรมการเป่านกหวีด
(กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก ยิ่งใหญ่)

เราชอบเรื่องนี้ที่สุดเลย~ ภาษา การดำเนินเรื่อง ไม่มีสะดุด อ่านสบาย
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

เราจะมีโอกาสได้อ่านงานเขียนของไรเตอร์อีกไหมเนี่ย?

และ +๑ ให้กับวรรณกรรมจำเป็นที่สุดแสนน่าประทับใจ โช่บม๊วกกกกกกกกกกกกกกกกกก
 o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด