ยูซุฟกัดกรามกรอดเมื่อฟื้นขึ้นมาแล้วพบว่าถูกมัดกลิ้งอยู่กับพื้นท่ามกลางคนในชุดดำปิดหน้ามิดชิด แต่เมื่อเหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาช้าๆ อาการฮึดฮัดก็ยิ่งมากขึ้นด้วยตระหนักว่าภัยกำลังมาถึงตัว แน่นอนว่าคนของมันที่เหลือคงถูกเก็บไปแล้ว ไม่อย่างนั้นไคซัคคงตามหามันไม่ถูกแน่
ไคซัคเข้ามาหยุดยืนมองคนของชีคฟาฮัสที่เคยลั่นกระสุนใส่เขาอย่างสนุกมือด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่สนใจสายตาลุกวาวด้วยความอาฆาตปนหวั่นกลัวของพวกมัน
เสียงตบปืนกราวเป็นการทำความเคารพทำให้คนในชุดดำทั้งหมดหลีกเป็นช่องและต่างค้อมตัวลง ร่างโปร่งเพรียวในชุดสีดำไม่ต่างจากคนอื่นๆนอกจากไม่คลุมหน้าก้าวเข้ามาทรุดลงนั่งบนเก้าอี้มุมห้อง
“...ฝ่าบาท!...”
เสียงครางสั่นพลิ้วจากเชลยทั้งสองเรียกรอยยิ้มเย็นจากชีครามิล ราจีสอับดุล ทั้งสองสั่นเทิ้มราวกับได้เห็นรอยยิ้มของพญายม ร่างโปร่งระหงก้าวลงไปทรุดตัวลงตรงหน้าสองนักฆ่า...
“เมื่อพวกเจ้ารู้จักเราก็ดีแล้ว เราจะถามพวกเจ้าแค่ครั้งเดียว...ท่านอาได้ยาพิษมาจากไหน?”
“ไม่รู้...พวกเราไม่รู้เรื่อง”
“งั้นเหรอ...เราไม่ชอบพูดมาก เมื่อเจ้าจงรักภักดีจนไม่กลัวตาย...เราก็เคารพการตัดสินใจของพวกเจ้า...ไคซัค...ใครที่ยิงเจ้า?”
“ยูซุฟกระหม่อม”
“อืม...”
กึก! “อ๊ากกกกกก....”
ร่างหนาดิ้นพราด มีดคมกริบกดลึกลงไปในเนื้อช้าๆ ราวกับกลัวว่าหากกดแรงเลือดจะกระเซ็นเปื้อน ความยาวและคมของมีดทำให้กดลงไปถึงเอ็นข้อต่อบริเวณไหล่ได้ไม่ยาก ไนท์มองตามันด้วยดวงตาว่างเปล่าขณะที่กดคมมีดผ่านรอยต่อของเอ็นและกระดูกลงไปช้าๆ
ร่างหนากระตุกทั้งตัว ดวงตาเหลือกลานจนเห็นแต่ตาขาว เสียงร้องโหยหวนแผดก้องไปทั้งห้อง นักฆ่าอีกคนสั่นเทิ้มทั้งตัวก่อนจะละล่ำละลักขอชีวิต แต่ไนท์ไม่เหลือบแล คมมีดผ่านลงไปทะลุด้านหลังแล้วปักตรึงไว้กับพื้น เลือดคาวฟุ้งไหลนองพื้นแต่ไม่มีสักหยดที่ติดมือเรียวขาว มีดเล่มที่สองถูกดึงออกมา และถูกกดลงที่ไหล่อีกข้าง เช่นเดียวกับครั้งแรก ยูซุฟดิ้นพล่านตาเหลือกขาวและสลบไปในที่สุด ไนท์กลับไปนั่งรอที่เก้าอี้อย่างใจเย็น ดวงตาคู่งามลอยไกลราวเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่าง แต่เมื่อร่างหนาขยับฟื้นคืนสติ ไนท์ก็ลุกมายืนมอง
“ฝ่าบาท...กระหม่อมบอกแล้วฝ่าบาท...กระหม่อมบอกทุกอย่างเลย”
“แต่เรายังไม่อยากฟัง...”
เช้าวันรุ่งขึ้นไนท์ก็ได้สูตรยาพิษจากห้องแล็ปของชีคฟาฮัส มีเสียงระเบิดกึกก้องตามหลังมา ไฟลุกโหมอย่างรวดเร็วเกินกว่าจะดับและมีศพของทีมวิจัยอยู่ในนั้นครบทุกคน! ............
ชีคฟาฮัส ราจีสอับดุลหัวร่อร่าเมื่อคนสนิทนำกล่องทองคำขึ้นถวาย ยูซุฟหายไปเกือบอาทิตย์ทำให้คาดหมายกันว่าจะถูกฆ่าไปแล้ว แต่จู่ๆมันก็โทรมาบอกว่าชิงกล่องตราประทับได้ ไคซัคกับแจ็คถูกฆ่าไปแล้วแต่พวกมันกำลังถูกตามล่าขอให้ชีคฟาฮัสไปรับ เมื่อคนของชีคฟาฮัสไปถึงกลับพบแต่รอยเลือด และกล่องก็ยังถูกซ่อนอยู่ตามที่ยูซุฟบอก
ชีคฟาฮัสแตะเพียงนิดเดียวฝาสปริงก็เปิดออก ตราประทับราชวงศ์เป็นประกายวูบวาบด้วยอัญมณีที่ประดับไว้ ชีคฟาฮัสลูบไล้ไปมาอย่างปลาบปลื้ม เกือบ16ปีที่เฝ้าติดตามค้นหา เสียทั้งเงินทองและลูกน้องไปมากมาย ในที่สุดตราประทับก็มาอยู่ในมือเขาจนได้
“ในที่สุดข้าก็ได้มันมา ว่าแต่หาศพยูซุฟเจอไหม?”
“ไม่เจอกระหม่อม แต่คาดว่ามันคงไม่รอด...ตอนแรกที่มันโทรมากระหม่อมยังหวั่นว่าจะเป็นกับดัก ดีที่มันยังฉลาดรู้จักซ่อนตราประทับไว้ก่อน...ไม่รู้ว่ามันปูดเรื่องเราให้ชีครามิลรู้หรือเปล่า”
“รู้แล้วทำไม...ตราประทับอยู่นี่ ก็เท่ากับกองทัพอยู่ในมือข้าทั้งหมด...ต่อให้รามิลมันติดปีกก็หนีไม่พ้นแน่ ข้าจะให้เจ้าพี่ฮัสซาสละราช...หลังจากนั้นก็เก็บกวาดไอ้พวกเลือดโสโครกทั้งหมด ฮะๆๆๆ”
ฟาฮัสปิดกล่องแล้วสอดเข้าไปซ่อนในช่องลับใต้ที่พักแขน ดีดนิ้วเพียงครั้งเดียว ร่างบางอ้อนแอ้นของเด็กหนุ่มกับสาวนักระบำก็ทยอยเข้ามา เด็กหนุ่มเติมน้ำหอมลงในเตา เพื่อให้กลิ่นหอมแรงอย่างที่ชีคฟาฮัสโปรด น้ำมันหอมกลิ่นใหม่ระเหยโชยกรุ่นไปทั้งห้อง ชีคฟาฮัสสูดหายใจลึกอย่างพอใจ ร่างบางขึ้นไปนั่งก่ายเกยบนตักของชีคฟาฮัสแล้วรินเหล้าจากกาทองคำใส่จอกทองใบน้อย แล้วยกขึ้นจ่อถึงปาก ชีคฟาฮัสหัวร่อร่าฝ่ามืออูมขาวขยำสะโพกเล็กกลมอย่างมันเขี้ยว
“อุ๊ย! ฝ่าบาทน่ะ...แกล้งกระหม่อมอยู่เรื่อย”
ส่วนสาวงามอีกสองนางรีบเข้าไปคอยรินให้คนสนิททั้งสอง เหล่านางระบำเริ่มร่ายรำลีลายั่วยวนใจ ชีคฟาฮัสเลิกสนใจเหล้าหันมาซุกไซ้ซอกคอขาวของเด็กหนุ่ม เจ้าตัวหัวร่อคิกเขยิบตัวเสียดสีแนบชิดยิ่งขึ้น แต่เมื่อก้มลงจะรับจูบกลับเบิกตากว้างอย่างตกใจ
“ฝะ…ฝ่า..ฝ่าบาท”
“เป็นอารายไป”ชีคฟาฮัสเอ่ยอย่างรำคาญ ประหลาดใจที่เสียงตนอ้อแอ้คับปากทั้งที่ยังไม่รู้สึกมึนเมาเท่าไหร่
“ฝ่าบาทเลือดไหล”
ชีคฟาฮัสยกมือขึ้นแตะจมูก พบว่าเลือดสีแดงคล้ำติดมือมามากมาย
“เฮ้ย…เลือดคำดาวไล้ดายงาย” เสียงอ้อแอ้แทบไม่เป็นภาษาทำให้
ชีคฟาฮัสตกใจมากขึ้น
“อย่าเพิ่งโวยวาย นี่แค่ฤทธิ์เริ่มต้นของมันเท่านั้น อีกสักพักจะได้ทรงทราบว่ายาพิษของเสด็จอามันยอดเยี่ยมขนาดไหน?”
เสียงเย็นเยือกดังมาจากหน้าประตู ร่างเพรียวขนาบด้วยเหล่าองครักษ์เดินเข้ามาด้านในราวกับเป็นบ้านตัวเอง
“ระ…อิน…เอ้า..อ๊อก…” ใบหน้าแดงก่ำบวมและกลายเป็นสีแดงคล้ำลงทุกที ลิ้นบวมพองเริ่มคับปาก จนพูดไม่เป็นภาษา ขากรรไกรแข็งค้างทำให้น้ำลายปนเลือดเริ่มไหลย้อยจากมุมปากดูน่าสยดสยอง สองคนสนิทเองก็มีสภาพไม่ต่างกัน เหล่านางระบำหวีดร้องและวิ่งหนีออกไป
“จัดการสิ...หาลอเรนซ์ด้วย” ไคซัคสั่งลูกน้องลูกน้องเสียงห้วน
หนุ่มน้อยร่างอ้อนแอ้นที่ทำท่าหวาดกลัวเมื่อครู่ลุกขึ้นโบกมือให้
“ไม่จำเป็น...แค่เก็บตัวไว้จนกว่าจะหมดเรื่องยุ่งๆก็พอ ผมจัดการเอง”
ร่างบางก้มศีรษะให้ชีครามิล ราจีสอับดุล ก่อนจะเดินตัวปลิวออกไปโดยไม่สนใจสายตาคั่งแค้นของชีคฟาฮัส
ไนท์มายืนตรงหน้าชีคฟาฮัส ใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
“เสด็จอา ไม่ใช่แต่ท่านหรอกที่มีมุสตาฟเป็นสายลับ ไซริสก็เป็นคนของกระหม่อมเช่นกัน ทั้งที่ระวังตัวแจอย่างนี้กลับไม่ทรงระวังตราประทับ...ทรงอยากได้มันนักมิใช่รึ แล้วพิษที่ใช้ก็เป็นของเสด็จอาเองแค่เปลี่ยนคุณสมบัติของมันนิดหน่อย เคลือบพิษไว้บนตราให้มันระเหยเข้าไปสะสมอยู่ในปอด พอทรงสูดสารในน้ำมันหอมตามเข้าไปก็...บูม! ระบบประสาทถึงได้ถูกทำลายเป็นอย่างแรก...แต่ถึงอย่างไรเสด็จอาก็เป็นพระญาติ กระหม่อมให้สัตย์ไปแล้วว่าจะไม่ฆ่าผู้ร่วมสายโลหิต”
ดวงตาชีคฟาฮัสเป็นประกายวาบอย่างมีหวัง แต่ประโยคถัดไปกลับทำให้แทบช็อค
“เสด็จอาคงไม่ถึงตาย แต่…จะอยู่ในสภาพเจ็บปวดทรมานแบบนี้ไปอีกนานแสนนานเท่านั้น…แล้วไม่ต้องห่วงนะ…พิษที่ผสมใหม่มันจะไม่เหลือร่องรอยไว้ให้หมอตรวจเจอหรอก ขอให้เสด็จอาเพลิดเพลินกับความทรมานที่ทรงมอบให้เสด็จแม่และแจ็คดูบ้างว่ามันน่าอภิรมย์เพียงใด”
ชีคฟาฮัสตาเหลือกลานด้วยความกลัว ปากบวมแตกปริขยับวิงวอนแต่ไม่มีเสียงลอดออกมา แม้ทั้งร่างจะเหมือนเป็นอัมพาตกระดิกตัวไม่ได้ แต่กลับไม่ด้านชาอย่างที่คิด ทั่วร่างเจ็บปวดราวกับถูกเข็มนับร้อยทิ่มแทงและปวดลึกลงไปทุกทีจนต้องดิ้นพล่าน
ไคซัคมองร่างที่กลิ้งเกลือกไปมาด้วยความทรมานอย่างสมเพช หากวันนั้นแจ็คไม่ช่วยเขาไว้ เขาก็อาจเป็นหนูลองยาของชีคฟาฮัสและคงมีสภาพไม่ต่างจากพวกมันนัก
องครักษ์ส่วนหนึ่งนำน้ำมันหอมระเหยออกไปเททิ้ง หนุ่มน้อยนักเต้นระบำกลับเข้ามาเปิดช่องลับใต้ที่พักแขนแล้วถวายกล่องตราประทับให้ชีครามิล โดยมีสายตาเคียดแค้นและเจ็บปวดของชีคฟาฮัสที่มีโอกาสได้มองภาพนั้นเป็นภาพสุดท้ายก่อนที่ประสาทตาจะถูกทำลายลง
ดูเหมือนลอเรนซ์จะนกรู้หลบหายไปก่อนที่องครักษ์ของไนท์จะเข้ายึด
วังของชีคฟาฮัส ไม่มีใครรู้ว่านายแบบหนุ่มไปไหน แต่ที่แน่ๆเขาไม่มีโอกาสกลับขึ้นไปยืนบนแคทวอร์คที่เขาภาคภูมิใจอีกต่อไป............
รัชทายาทแห่งราจีสอับดุล นั่งหลับตานิ่งไปตลอดทาง ใจนั้นไปอยู่ในบ้านน้อยที่เกาะแล้ว แต่ภารกิจสำคัญรออยู่ที่นี่...
‘รอหน่อยนะแจ็ค...รออีกหน่อย ฉันจะรีบไปหาเธอ รออีกนิดเดียวเท่านั้น’
น่าขันที่เขาสั่งสอนไคซัคไว้เสียมากมาย แต่เขาเองต่างหากที่โง่งม ตัวเขาเองหรือมิใช่ที่เป็นกำแพงใหญ่กางกั้นแจ็คมาตลอด ทั้งที่ที่รู้ว่ารัก...แต่ทำไมยังระแวงคลางแคลง ไม่เคยเชื่อหมดใจสักครั้ง
แจ็คพิสูจน์แล้วว่าเมื่อรักเขาก็รักหมดหัวใจ ให้ได้แม้ชีวิต แล้วหัวใจของเขาเล่า?...มีค่าได้เท่ากับหัวใจของแจ็คหรือไม่?...หากไม่เกือบ ‘สูญเสีย’ เมื่อไหร่ที่เขาจะรู้ตัว
ไนท์สูดลมหายใจลึก แม้จะแปลบปลาบในอก แต่เขาก็ได้คำตอบแล้ว เขาจะไม่ลังเลที่จะรักและวางชีวิตทั้งหมดไว้กับแจ็คอีกต่อไป
ไนท์ลืมตาฉับพลันเมื่อรถจอด ร่างระหงในชุดพื้นเมืองก้าวลงจากรถ
ไคซัคเดินเยื้องไปด้านหลัง เหล่าข้าราชบริพารค้อมตัวลงคำนับและนิ่งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งองค์รัชทายาทเข้าสู่ห้องโถงด้านใน
สีหน้าของกษัตริย์ฮัสซา ราจีสอับดุล ดูหม่นหมอง แต่เมื่อเห็นไนท์ดวงตาก็เป็นประกายยินดี
“รามิล”
“กระหม่อม” ไนท์ค้อมตัวเคารพก่อนจะเข้าไปทรุดลงนั่งเคียงข้าง ไคซัคอัญเชิญตราประทับไปวางที่โต๊ะ แล้วออกจากห้องไป
กษัตริย์ฮัสซาเปิดกล่องตราประทับดูก่อนจะเปิดออกวางเคียงข้างกับแหวนพญาเหยี่ยว แล้วถอนใจเฮือกใหญ่
“พ่อดีใจที่เจ้าปลอดภัย...แต่ฟาฮัส...เฮ้อ!”
“ทรงคิดว่ากระหม่อมโหดเหี้ยมมากสินะที่ทำกับเสด็ดอาฟาฮัสอย่างนั้น”
“ถ้าสิ่งที่เจ้าทำเหี้ยมโหด แล้วจะเรียกสิ่งที่ฟาฮัสทำว่าอะไร?...พ่อยุติธรรมพอรามิล แต่พ่อสลดใจที่สายเลือดเดียวกันต้องมาประหัตประหารกันเอง จะว่าไป พ่อก็เป็นต้นเหตุส่วนหนึ่ง หากพ่อเอื้ออาทรกับฟาฮัสสักนิด บางทีทุกอย่างคงไม่เลวร้ายขนาดนี้...”
ใช่...แม้จะรับความรู้สึกที่ฟาฮัสมีให้ไม่ได้ แต่หากไม่ห่างเหินเย็นชาอาจไม่บีบให้ฟาฮัสแค้นจนกลายเป็นความอาฆาตพยาบาท แต่จะมาเสียใจตอนนี้ก็ดูเหมือนจะสายเกินไป
“โชคดีที่เจ้านำตราประทับกลับมาได้ สิทธิ์ในการปกครองประเทศย่อมเป็นของเจ้าอย่างสมบูรณ์”
“กระหม่อมได้ตราประทับกลับมาก็จริง แต่หากไม่ได้เสด็จอาซารีฟช่วย กระหม่อมก็คงทำไม่สำเร็จ หากเสด็จอาซารีฟจะเก็บแหวนไว้เสียเองก็ย่อมได้ แต่ก็ไม่ทรงทำ ซ้ำยังพยายามช่วยรักษาไว้จนแทบเอาชีวิตไม่รอด ใครกันแน่ฝ่าบาท ที่ควรเป็นเจ้าของตราประทับ?”
“เจ้าอยากจะพูดอะไรรามิล?”
“เสด็จอาซารีฟปกป้องแหวนมา15ปี ทั้งยังดูแลปกครองประเทศให้ร่มเย็นเป็นสุขมาโดยตลอด ทำไมถึงไม่ได้รับสิทธิ์นี้”
“รามิลเจ้าก็รู้ว่าซารีฟมิได้สืบสายเลือดบริสุทธิ์”
“สายเลือดบริสุทธิ์? เสด็จอาซารีฟมีมารดาสืบเชื้อสายจากเบดูอิน เบดูอินหรือมิใช่เจ้าของแผ่นดินนี้ ท่านเป็นชาวทะเลทรายทั้งกายและวิญญาณ ไม่เรียกว่าเลือดบริสุทธิ์ได้อย่างไร แล้วท่านก็เป็นผู้ปกครองที่ยอดยิ่ง เสด็จอาซารีฟกุมหัวใจ ราษฎรไว้ได้ทั้งแผ่นดินใครก็รู้ กระหม่อมขอสละสิทธิ์รัชทายาทให้เสด็จอาซารีฟ”
กษัตริย์ฮัสซามองบุตรชายอย่างหนักใจ ความจริงซารีฟก็เหมาะสมจริงอย่างที่รามิลพูด แต่เนื่องจากฝ่ายมารดามีเลือดเบดูอินปะปนทำให้ยากแก่การยอมรับจากราชวงศ์
“ถึงเจ้าจะยกสละตำแหน่งให้แต่ราชวงศ์ย่อมไม่เห็นด้วย”
“เรากำลังจะเปลี่ยนการปกครองให้เป็นประชาธิปไตยในอีกไม่กี่ปีนี้มิใช่หรือฝ่าบาท เหตุใดไม่ทรงถามความเห็นจากราษฎร ให้เขาได้เลือกผู้นำคนใหม่ด้วยตัวเขาเองมิดีกว่าหรือกระหม่อม”
กษัตริย์ฮัสซาจ้องหน้าบุตรชายอย่างพินิจพิเคราะห์
“ลูกมีเหตุผลอื่นใช่ไหมรามิล?” น้ำเสียงอ่อนโยนเรียกวันคืนวัยเยาว์ให้กลับมา นั่นหมายถึงการสนทนาแบบทางการได้ยุติลง ห้องนี้จึงเหลือเพียงพ่อกับลูกเท่านั้น
“...ลูกมีคนรักแล้ว…และลูกไม่ต้องการคนอื่นอีก” ชีคหนุ่มหมายถึง ‘ว่าที่พระชายา’ ที่ถูกคัดสรรไว้รอท่า แต่เขาหลบเลี่ยงมาตลอด
“ไม่เห็นเป็นไร ลูกมีฮาเร็มได้นี่นา”
“คนที่ลูกรักเป็นชาย...หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปลูกเกรงว่ามันจะไม่เหมาะสม ”
“ชีคหลายองค์ก็มีผู้ชายเก็บไว้ในฮาเร็ม พ่อไม่เห็นว่าสำคัญที่ตรงไหน”
“สำคัญสิเสด็จพ่อ เพราะลูกตั้งใจจะมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น หัวใจลูกแบ่งเป็นสองไม่ได้”
“รามิล…เจ้าว่ากระทบพ่อหรือ?”
“ลูกไม่บังอาจ…แต่ลูกพูดตามที่ใจคิด ขอเสด็จพ่อเมตตาปล่อยลูกเป็นอิสระด้วย”
ดวงตาคมเป็นประกายกล้า เด็ดเดี่ยวจนหัวใจพ่อไหววูบ ร่างหนาทิ้งตัวลงพิงพนักอย่างอ่อนแรง หัวใจล้าเพราะปัญหาที่รุมเร้ามากมายรอบกาย แต่ข้างกายกลับว่างเปล่า...ไม่มีคนที่พระองค์รักเคียงข้างแม้แต่คนเดียว
“สุดท้ายเจ้าก็ทิ้งพ่อเหมือนพี่เจ้า”
“ทราวิสไม่ได้ทิ้ง เขารักเสด็จพ่อ แต่เขาถูกเลี้ยงมาอย่างอิสระเสรีย่อมไม่อาจถูกขังด้วยขนบธรรมเนียมแบบเราได้…แต่ลูกไม่ใช่ ลูกยอมรับการกักขังนี้มาตลอด และยินดีจะรับใช้บ้านเมืองต่อไป เพียงแต่ลูกขอเป็นอิสระเท่านั้น ลูกไม่อยากเป็นรัชทายาท”
หัวใจเจ็บเหมือนถูกเหยียบซ้ำ สำหรับรามิลการเป็นรัชทายาทคือการถูกขัง รัชทายาทกลายเป็นโซ่ตรวนจองจำลูกรักอย่างนั้นหรือ?...หากเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ดีที่สุด ที่ ‘พ่อ’ จะมอบให้ ‘ลูก’ ได้คงเป็น...อิสระภาพ...
“ตามใจเจ้า…แต่เรื่องรัชทายาทเจ้าต้องจัดการเอง พ่อจะออกหน้าคงไม่เหมาะ”
“น้อมรับพระบัญชา”
ไนท์ รามิล ราจีสอับดุล ค้อมตัวรับแล้วออกจากวังมุ่งสู่สนามบิน เขาส่งข่าวให้ลุงคาล์ลพี่ชายมารดา รู้ว่าพระบิดายอมเปิดไฟเขียว
คาล์ล จิงเจอร์ได้ทีบีบกลุ่มผู้ค้าน้ำมันรายย่อยซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนในราชวงศ์ราจีสอับดุบ ให้เพิ่มกำลังการผลิต หากน้ำมันในตลาดมีมากเกินไปนั่นหมายถึงราคาที่จะตกวูบลง ทำให้ต้องเปิดการเจรจา แน่นอนว่าตัวแทนที่วิ่งวุ่นคือชีคซารีฟเหมือนเดิม คราวนี้คาล์ลแกล้งเล่นตัวอยู่นานกว่าจะยอมลดเงื่อนไขลง ทำให้คะแนนนิยมของชีคซารีฟในสายตาของเหล่าราชวงศ์ดีขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า เมื่อมีข่าวว่ารัชทายาทคนต่อไปอาจเป็นชีคซารีฟจึงแทบไม่มีเสียงคัดค้าน
.....................................
♚..อวสาน..♚
ไนท์โดดลงจากเครื่องทันทีที่ร่อนลงแตะพื้น ใจเขาพุ่งไปสู่บ้านหมอเฒ่าแล้ว แต่กัปตันเดวิดรีบมาต้อนรับและพาไปยังบ้านพักหลังใหญ่ที่ตอนนี้มีทั้งหมอและพยาบาลเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคน
คนเจ็บลุกขึ้นได้แล้ว...แม้จะดูอ่อนเพลียอยู่บ้าง แต่ใบหน้าดำเกรียมก็เริ่มลอกเป็นด่างดวงแสดงถึงพิษที่กำลังหมดไป ไนท์ยืนมองนิ่งอย่างตื้นตัน แจ็คหันมามองแล้วก้มศีรษะให้ช้าๆเพื่อทำความเคารพเช่นเดียวกับหมอและพยาบาลที่หมอบราบลงกับพื้น
“ขอเราอยู่ตามลำพัง” ไนท์สั่งเบาๆ
ทุกคนทำความเคารพแล้วพากันออกไป ไนท์เดินเข้าไปหาร่างในอ่างยาช้าๆ ก่อนจะโผเข้าสู่อ้อมแขนเมื่อแจ็คกางแขนออกรับ
แจ็คลูบผมนุ่มที่ยาวเลื้อยต้นคอ ก่อนจะจุมพิตที่ขมับหอมแผ่วๆ
“ตอนอยู่ในทะเล…ผมคิดว่าผมคงตายไปโดยไม่ได้บอกคุณ…ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมไม่เคยทรยศต่อความไว้ใจของคุณ…” แจ็คอธิบายน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นด้วยยังหายใจไม่สะดวกนัก
“ขอโทษแจ็ค...อภัยในความโง่เขลาของฉันด้วย” ไนท์กระซิบตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเบาผิดวิสัย แจ็คดันร่างเพรียวออกห่างเล็กน้อยเพื่อมองหน้า ดวงตาที่เคยดุดันอ่อนแสงและหมองหม่นจนแจ็คใจหาย
“ทำไมพูดอย่างนั้น”
“ตอนที่รู้ว่าเธอเอาแหวนไป ฉันก็ปักใจว่าเธอทำไปเพราะต้องการเอาชนะ อยากแกล้งให้ฉันหัวหมุนและขายหน้า แต่ฉันไม่เคยคิดว่าเกือบต้องเสียเธอไป…แจ็ค…อย่าทำอะไรเสี่ยงๆแบบนี้อีกนะ หากเธอเป็นอะไรไปฉันจะอยู่ได้ยังไง?”
“ผมสัญญา...ต่อไปนี้ผมจะทำตามที่คุณสั่งเท่านั้น” แจ็คเบียดปากนุ่มอย่างอ่อนโยน หัวใจเบาโล่งที่สามารถปรับความเข้าใจกันได้ ความสุขเต็มตื้นเอ่อท้นเมื่อเห็นคนที่รักจูบตอบโดยไม่รังเกียจสภาพของเขา
“ขอบคุณนะครับที่ไม่รังเกียจสภาพแบบนี้ของผม”
“ใครจะรังเกียจคนที่เรารักได้ละแจ็ค”
“อะ...อะไรนะครับ?”
“ฉันรักเธอ...รัก สุดหัวใจ เหมือนอย่างที่เธอรักฉัน”
“ผม....ผมฝันอยู่หรือเปล่า...คุณบอกรักผมงั้นเหรอครับ?” แจ็คประคองหน้านวลด้วยมือสั่นเทาเพราะความตื่นเต้น
“เธอเป็นรักครั้งแรก และครั้งเดียวของฉัน....ฉันสัญญากับพ่อแม่เธอแล้วว่าจะดูแลเธอให้ดีที่สุด...ให้สมกับความรักที่เธอมีให้และก็จะรักเธอให้มากกว่าที่เธอรักฉัน”
“ไนท์...ขอบคุณครับ...ผมก็จะรักคุณคนเดียวตลอดไป”
ไนท์ประคองหน้าด่างดำไว้และก้มลงจุมพิตอย่างอ่อนโยน แจ็คกอดรัดร่างบางแนบแน่นเท่าที่เรี่ยวแรงเขาจะมี
‘ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงให้ผมรอดตายจนได้ยินคำนี้’
ลำแสงสีทองสุดท้ายทาบผืนฟ้าเรืองอร่าม นกนับพันทยอยบินกลับรังเพื่อหาครอบครัว ไนท์เฝ้ามองภาพนั้นผ่านหน้าต่างเปิดกว้างด้วยหัวใจที่เป็นสุขอิ่มเอิบ นิ้วยาวสางไล้ผมหนาที่ซุกซบอยู่กับตัก แม้กลิ่นยาในอ่างจะโชยฉุนแต่ไนท์ไม่รู้สึกว่าต้องทนแม้แต่น้อย............
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามีห้องว่างให้ผมบ้างหรือเปล่า?”
อองรีเกือบทำแฟ้มหลุดมือได้ยินเสียงทุ้มแจ่มใสเหนือศีรษะ หัวหน้าแผนกต้อนรับคนงามผุดลุกขึ้นจ้องมองหน้าคร้ามที่ค่อนข้างซูบและยังซีดเซียว ด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“เสียใจที่พักเราเต็มหมดแล้วครับ” อองรีตอบหน้าตาเฉยหลังตั้งสติได้
“โอ…แล้วผมจะทำยังไงดีละครับ?”ไคซัคร้องเสียงหลงราวกับเป็นนักท่องเที่ยวขี้โวยวายแต่สีหน้ายิ้มละไม
“ห้องผมยังว่างอยู่อีกซีกหนึ่ง....หากคุณสนใจก็เชิญ ผมแบ่งให้เช่า”อองรียังคงสีหน้าเรียบเฉยแต่ดวงวาว หวานระยับ
“ตกลงครับ ผมขอซื้อขาดเลยแล้วกัน รวมทั้งเตียงคุณครึ่งหนึ่งด้วย ไม่ทราบว่าต้องจ่ายยังไงครับเงินสดหรือเครดิต?”
“อืม…จ่ายด้วยลมหายใจก็แล้วกัน ผมขอถึงเฮือกสุดท้ายก็พอ”
“ตกลงครับ”ไคซัคตอบยิ้มๆแล้วเซ็นชื่อที่เสื้อเชิ้ตขาวตัวในของอองรีหน้าตาเฉย อองรีอมยิ้มแล้วยื่นกุญแจห้องส่งให้
ไคซัคไม่ได้รับแค่กุญแจแต่คว้าร่างบอบบางเข้าไปกอดไว้แน่น
“เป็นห้องที่แพงที่สุดที่ฉันเคยพักมา แต่เป็นห้องที่วิเศษที่สุดสำหรับฉัน” ไคซัคกระซิบข้างใบหูนิ่ม อองรีโอบรอบลำคอแข็งแรงและยิ้มใส่ตาอย่างยั่วยวน
“รับรองครับว่าคุณจะไม่ผิดหวังที่พักห้องนี้”
“ฉันเชื่อว่าต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน”ไคซัคตอบแล้วจูบปากนุ่มดูดดื่มท่ามกลางสายตาเบิกค้างของหนุ่มสาวแผนกต้อนรับ............
เมื่อแจ็คแข็งแรงพอ ไนท์ก็พาเขากลับไปรักษาตัวต่อที่วังขาวด้วยวัยหนุ่มทำให้แจ็คฟื้นตัวได้รวดเร็ว 3สัปดาห์พิษก็ถูกขับออกจนหมด มีเพียงที่มือเท่านั้นที่ยังมีอาการลอกเป็นแผ่นๆจนเห็นเนื้อแดงๆ แต่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆแล้ว
ไนท์เดินเคียงกับคนรักไปในสวนงดงามอย่างแสนสุข อีกไม่นานชีคซารีฟก็จะขึ้นครองบัลลังค์แน่นอน ประเทศกำลังจะเปลี่ยนระบอบการปกครองใหม่สร้างความตื่นเต้นให้แก่ประชาชนมากมาย และศรัทธาแห่งมหาชนที่มีต่อชีคซารีฟก็มั่นคงจนแทบไม่ต้องฟังผล ภาระหนักอึ้งจะถูกปลดลงจากบ่า และเขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระกับคนที่รัก คนที่เป็นของเขาอย่างแท้จริง ไนท์เหลือบมองคนที่เดินเคียงข้างด้วยแววตาอ่อนโยน แจ็คหันมาสบตาแล้วยิ้มกว้าง กระชับมือนุ่มในอุ้งมือให้แน่นขึ้น
“คุณรู้ไหม?…ผมชอบเวลาที่คุณมองผมแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกอยู่ในมือผมเลย”
“อะไรจะปานนั้น” ไนท์หัวเราะเบาๆ ไม่ใช่การหยามเยาะหากแต่เป็นการแก้เขินมากกว่า
“จริงๆครับ…ไม่รู้สิ…เวลาที่คุณมองผมรู้สึกดีชะมัด…รู้สึกว่าตัวเองมีค่าอย่างบอกไม่ถูก”
แจ็คหยุดเดินโอบรัดร่างเพรียวเข้ามากอดไว้กระชับ ไนท์เงยหน้าขึ้นยิ้มอย่างอ่อนโยน
“แจ็ค...สำหรับฉันเธอมีค่ามากนะ มากยิ่งกว่าตำแหน่งรัชทายาทเสียอีก”
“ทำแบบนี้จะดีเหรอครับ...ผมตื้นตันนะครับที่คุณรักผม...แต่ผมไม่ต้องการให้คุณเสียสละขนาดนั้น...คุณก็รู้ว่าอยู่ตรงไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องยกผมขึ้นมาเคียงข้างคุณเลย”
“แต่ฉันอยากให้เธออยู่ข้างๆฉันนี่...มันอาจจะเห็นแก่ตัว...แต่ในชีวิตฉันไม่เคยมีใครมีค่ากับฉันมากเท่าเธอมาก่อน...ฉันจะไม่ยอมเสียเธอไปอีกแล้ว”
“ผมก็ไม่ยอมเสียคุณไปเหมือนกัน...สำหรับผมคุณเป็นมากกว่าคนรักนะครับ...คุณเป็นครอบครัวของผม...ครอบครัวที่ผมโหยหามาชั่วชีวิต”
ไนท์อมยิ้มสอดแขนรอบเอวแข็งแน่นกว่าเดิม แจ็คจุมพิตผมนุ่มหอมเบาๆเมื่อไนท์เงยขึ้นยิ้มให้
“ฉันชอบรอยยิ้มแบบนี้ของแจ็ค…ชอบ...ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น…”ไนท์สารภาพเสียงอ่อย แจ็คยิ้มกว้างจนตาแทบปิด
“แปลว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่เจอรักแรกพบ…คุณก็ด้วยเหรอเนี่ย?”
ไนท์พยักหน้ายิ้มเขิน แจ็คหัวเราะก้องคว้าร่างบางเหวี่ยงไปมา
“โอ้ยๆๆ” ชายหนุ่มอุทานเมื่อเจ็บมือจี๊ดขึ้นมาต้องรีบวางรางบางลง ไนท์ดึงมือที่มีเลือดซึมมาดูอย่างร้อนใจ
“เป็นไงบ้าง…เจ็บมากไหม?”
“เจ็บครับ…ทายาให้หน่อย” แจ็คได้ทีรีบอ้อนซึ่งก็น่าเอ็นดูหนักหนาในสาย ตาของไนท์
“เดี๋ยวนะจะไปเอายามาทาให้”ไนท์ทำท่าจะผละไปแต่แจ็คคว้าร่างบางมากอดไว้แน่น
“ไม่ต้องไปเอาหรอกครับ ยาอยู่นี่แล้ว”
“ไหน?” ไนท์เงยขึ้นมองงงๆ
“ก็…นี่ไง” แจ็คก้มลงจูบปากแดงหนักๆ ไนท์ทำตาดุจนชายหนุ่มจ๋อย...
“อย่ามาแกล้งแบบนี้นะ”
“ขอโทษครับ”
“ยกโทษให้ก็ได้…ครั้งนี้เท่านั้นนะ” ไนท์กระซิบประคองหน้าคร้ามไว้ทั้งสองมือก่อนจะแนบปากบางเข้าหา แจ็คทำตาโต กอดเอวบางกระชับ จูบตอบหนักแน่นจนเมื่อถอนปากออกปากบางก็บวมช้ำ
“สัญญาครับว่าคราวหน้าจะจูบให้เบากว่านี้”
ไนท์หัวเราะเสียงใส ในความสุขมีความอิ่มเอิบและปลอดโปร่ง
นี่ไง...คนที่รักได้โดยไม่ต้องหวาดระแวงว่าจะถูกทรยศหักหลัง ความรักที่ถักสานจากความไว้เนื้อเชื่อใจและห่วงใย มิใช่แค่คนรักหากแต่รวมถึงเพื่อนตาย รักอันจีรังยั่งยืนที่เขาตามหามาตลอด...คนที่เกิดมาเพื่อให้รักและรักเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น....และจะเป็นเช่นนี้ไปจนกว่าลมหายใจสุดท้ายของกันและกัน…
…….จบ......
ขอบคุณที่ติดตามมาตลอดนะคะ หวังว่าคงถูกใจเพื่อนๆไม่มากก็น้อย
เดี๋ยวจะมีตัวอย่างเรื่องหน้ามาให้อ่านคะ เทียนได้อ่านแล้ว 2 ตอนขอบอกว่าห้ามพลาดเด็ดขาด
