Improbable 38 : ความคิดที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
"ถ้ามึงหาทางให้กูชนะได้ กูก็จะอยู่ฝั่งมึง ไอ้โต "
ถ้าหาทางให้ชนะได้...?
โตเลิกคิ้ว มองหน้าคนพูดก่อนจะยิ้มมุมปาก เขายิ้มออกมาด้วยความพึงใจ พอใจกับคำพูดของชายตรงหน้า..
ถูกแล้วที่เลือกไอ้คม..
คนแบบมันไม่ได้คิดเพื่อใครอื่น แต่มันคิดเพ่อตัวเอง หาทางที่ตัวเองจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด หากเขาหาทางให้มันได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไอ้คมก็จะอยู่ฝั่งเขา
มันไม่เหมือนอย่างไอ้วิทย์ที่ตอนนี้ทำเพื่อคนอื่น คนอย่างไอ้คมนี่ล่ะ เหมาะที่สุดแล้ว!
สีเทาอย่างมัน...แบบนี้แหละที่โตอยากจะได้มาเป็นพวก
ดวงตาสองคู่มองสบกันท่ามกลางความเงียบในเรือนจำอันร้างไร้ผู้คน รอยยิ้มที่มีต่ออีกฝ่าย ดวงตาที่สบมองกันและความเงียบอันลอยอวลอยู่นั้นเป็นเหมือนบททดสอบบางอย่าง ราวกับเวลาที่เดินผ่าน เข็มนาฬิกาที่ไหวกระดิกตามกลไก จะหยั่งดูความอดทน ทดสอบใจ ทดสอบความเเข็งแกร่งและเจตจำนงอันแน่แน่วของอีกฝ่าย
ความเงียบที่มีและท่าทีทั้งหลาย บ่งบอกว่าเขาทั้งสองนั้นกำลัง"วัดใจ"กันอยู่เงียบๆ
"โทษกูหนักตั้งสามสิบปี.." เวลาผ่านไปคมก็เอ่ยขึ้นสั้นๆ ใบหน้าจ้องสบตาขาใหญ่แห่งแดนสิบสอง แล้วลูกพี่ใหญ่แห่งแดนสิบก็ยักไหล่ "ต่อให้ทำความดี ช่วยจับพวกมันไว้ กูก็ใช่จะได้อะไร ซ้ำยังเสี่ยงตาย..ไม่ไหวๆ"
"กูก็ว่างั้น" โตพยักหน้ารับ พางกวดตามองรอยแยกของลูกกรงสีเข้มอย่างสังเกตสังกา "ทำไปก็ไม่ได้อะไร ไม่มีข้อประกันว่าจะสำเร็จ เสี่ยงตาย แถมยังซวยหมา"
"..หือ?" คราวนี้คนฟังเลิกคิ้ว มองหน้าขาใหญ่แห่งแดนสิบสองอย่างเริ่มจะสนใจจัด ก็มันจะมีกี่คน ที่มาชักชวนให้ร่วมขบวนการ แต่ดันเอ่ยจาระไนถึงแต่ผลเสียของเรี่องที่ตัวเองทำเสียอย่างนั้น
"คิดถึงผลได้..ยังไงมันก็ไม่คุ้มเสีย" ถ้ามีบุหรี่สักมวน พูดแล้วพ่นควันออกมาช้าๆ ไอ้โตมันจะเหมือนพวกนักเลงในหนังเลยล่ะ...คมมองท่าทางของมันแล้วคิดแบบนั้น "อยู่กับพวกป๋า ช่วยพวกมันออกไป แล้วไปเป็นลูกน้องมัน ยังจะดีซะกว่า"
".............."
"ทางรอดมากกว่า อนาคตดีกว่า ต่อให้จะต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆแต่ก็จะไม่ลำบากแน่ล่ะ เป็นลูกน้องพวกมัน คงจะใช้เงินกันสนุกมือ.." โตเหยียดยิ้ม หันมาสบตาคนฟังที่ท่าทางจะงวยงงไม่น้อยกับคำพูดของตน "แต่กูมันโง่ ซ้ำยังหูหนวกตาบอดไปซะแล้ว..มันบอกว่าจะทำแบบไหน กูก็ฟังมันไปซะหมด"
"หลงเมียจนไม่มีทางเยียวยา" คมวิจารณ์พลางส่ายหัวอย่างนึกขัน มองหน้าไอ้ขาใหญ่ที่นั่งตรงหน้า ตอนนี้ใครมองท่าที มองการกระทำของมันแล้วก็คงคิดแบบนั้น
"ก็คงงั้น" โตยักไหล่ "แต่พอมานั่งคิด..กูถึงได้รู้ ความสุขมันไม่ได้อยู่ไกล มันไม่ได้อยู่ข้างนอกนั่น ไม่สำคัญหรอกว่ากูจะได้ออกไปหรือไม่ได้ออกไป ถ้าใจยังร้อนรน ก็คงทุรนทุรายอยู่วันยังค่ำ"
"ทีแบบนี้เทศนาเป็นทิดสึกใหม่เชียวนะมึง" คมว่าพลางหัวเราะหึ
"ผมกูก็สั้นปานนี้ จะเป็นทิดสึกใหม่ก็เหมือนอยู่ล่ะมั้ง" โตฟังคำพูดนั้นด้วยอาการสงบ เขาระบายยิ้มบาง "ที่จริงแล้วกูก็ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นหรอก ไอ้ความสุข ไอ้การทำความดี หรือแม้กระทั่งเรื่องความถูกต้อง หรือเรื่องที่เมียกูอยากให้เป็น กูไม่ได้คิด..."
"คนเลวอย่างกู จะทำยังไงกูก็เลวอยู่วันยังค่ำ สิ่งที่ทำให้กูอยากลากคอพวกมันคือความ"แค้น"ต่างหาก"
"............"
"และกูรู้ ว่ามึงก็มีเหมือนกัน"
"....หึ" คนฟังยิ้มมุมปาก ดวงตาสีสนิมเหล็กวาววับ เต็มไปด้วยความพอใจยิ่งเมื่อได้ฟังคำๆนั้น
..ตอนแรกที่ฟังมันพล่าม สิ่งเดียวที่ทำให้ยังนั่งฟังไอ้โตพูดปาวๆอยู่ตรงนี้ ก็แค่ความขันลึกๆ ความสมเพช และความคาดหวังเพียงน้อยนิดว่ามันจะมา"ไม้ไหน"
คมไม่คิดจะโอนอ่อนผ่อนตาม สนอกสนใจ หรือแม้แต่จะคล้อยตามกับเหตุผลที่มันพูด ทั้งเรื่องความดี ความถูกต้อง ความเที่ยงธรรมสิ่งเหล่านั้นน่ะไม่มีอยู่ในใจ ไม่มีอยู่ในสมองของนักโทษฆ่าคนตายอย่างเขา
แต่เมื่อมันพูดถึงความแค้น....
เงยหน้าขึ้นสบมองดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นอีกครั้ง ประกายตาวาวโรจน์สองคู่สบมองกันเงียบๆอย่างรู้เท่าทันไม่ต่าง คมแสยะยิ้ม พยักหน้ารับ
"มึงชนะ"
สิ้นคำเอ่ยนั้น ขาใหญ่แห่งแดนสิบสองก็แสยะยิ้ม พยักหน้ารับคำเอ่ยนั้นด้วยความพึงใจ ดวงตาสองคู่ที่สบมองกันนั้นเต็มไปด้วยความพอใจยิ่งนัก
โตยิ้มอย่างพึงใจ พอใจที่เขาคิดไม่ผิด...
ความแค้น..
หากคิกจะเอ่ยถึงความถูกต้อง ศีลธรรมหรือความดีกับนักโทษฆ่าคนตาย ก็ไม่ต่างกับการสวดอภิธรรมให้คนตายฟัง
ไม่ได้โง่จนไม่รู้ ไม่ได้เลวจนยากจะรักษา แต่เพราะในนี้ ความดี ความถูกต้อง สิ่งต่างๆเหล่านั้นมันใช้ไม่ได้ในคุก
หากอยากจะให้พวกมันช่วย อยากดึงพวกมันมาร่วมมือ คำว่าความดีหรือความถูกต้องนั้นไม่สำคัญมากไปกว่าผลประโยชน์ที่พวกมันจะได้รับ
และโตก็ใช้สาเหตุเดียวกันกับที่ตัวเขามี ในการพูดเพื่อให้ไอ้คมเป็นพวก..
เขาแค้น..โกรธเคืองพวกมันที่วางแผน ล้อเล่นกับชีวิตของเขา แค่นั้นยังไม่พอ มันยังกล้าจะมาทำร้ายคนที่เขารัก แค่นั้นก็มากพอแล้ว ที่จะตลบหลัง ฆ่ามันให้สาสมกับความโกรธที่คุกรุ่นอยู่ในใจ
สารพัดเหตุผล ความถูกต้อง ความต้องการที่พูดไปกับไอ้เนม ไม่ได้สำคัญไปมากกว่าความเคืองแค้นที่คุกรุ่นอยู่ในใจ
แค้นที่ถูกหลอกใช้...แค้น...ที่คมมีดในมือถูกดึงไปทิ่มแทงคนสำคัญของตน
และหากเมื่อโตมีแค้น..เขามี แล้วคนอื่นจะไม่มีหรือ..
ขณะกำลังดื่มด่ำกับความพอใจในความสำเร็จ ทั้งยังฮึกเหิมมากขึ้นเพราะได้พรรคพวกที่แข็งแกร่ง เสียงแกร่กกรากและพูดคุยบางอย่างดังขึ้นเบื้องหลังทำให้โตชะงัก นัยน์ตาสีเข้มเลิกขึ้นช้าๆ หันกลับไปมองร่างของลูกน้องคนสนิท คนที่เขาผลักให้มันมาอยู่ที่นี่ และเป็นคนที่หยิบยื่นข่าวสารสำคัญ เป็นคนที่เข้ามาสืบข่าว และเอ่ยบอกจุดอ่อนของไอ้คมให้เขาได้รู้
สบตามันด้วยหวังจะขอบคุณและพึงใจ ทว่า ร่างของคนที่มันลากติดมือมานั้นทำให้โตชะงัก
นัยน์ตาของขาใหญ่หันไปสบดวงตาของนักโทษอีกรายที่อยู่ตรงข้าม คมเลิกคิ้ว และจ้องมองกลับมาด้วยดวงตาที่เป็นคำถามไม่ต่างกัน..
..........................
เดินออกมานอกเรือนนอนด้วยสีหน้าระรื่นผ่องใส ทินแกล้งเกาหัวเกาหลังแกรกๆแถมยังบิดเกล้ามเนื้อคลายความเมื่อยขบอยู่แถวนั้น ด้วยท่าทีที่เขาคิดว่ามันแนบเนียน แต่จะไม่เนียนก็ช่างมันประไร ไม่มีนักโทษที่ไหนกล้ามาเสนอหน้าแล้วถามว่าพี่ยืนทอดหุ่ยอะไรแถวนี้อยู่แล้ว
ไม่ได้หลงตัวเองแน่ๆ แต่ถ้าถามถึงนกโทษที่เก่งๆแน่ๆ ชื่อของมันก็ต้องติดอยู่ในลิสต์เหมือนกัน สมุนตัวเอ้ของพี่โตกับไอ้คม ใครมันจะมากล้าหือ
"มึงมาอะไรตรงนี้?"
"เสือกอ่ะ...อุ่ย ยืนรอเพื่อนเฉยๆครับนาย" กำลังฮึกเหิมได้ที่ พอมีเสียงทักขึ้นด้านหลังทินก็คิดว่ามันวอนซะแล้ว กำลังจะหาที่ลับตีนให้มันรู้ฤทธิ์เดชของไอ้ทินแห่งแดนสิบสองซะหน่อย แต่เสียงแข็งใส่ยังไม่ถึงประโยคดี ไอ้ที่คนทักมันดั๊น..เป็นผู้คุมที่ยืนเฝ้าเรือนนอนหน้าถมึงทึงอยู่ ทำเอามันแทบหันไปไหว้ผู้คุมแทบไม่ทัน
"เย็นแล้ว มึงไม่ไปรอกินข้าวเหรอ?" คำถามของผู้คุมดูเหมือนห่วงมันหรือจะถามไปอย่างนั้นทินไม่รู้ แต่ที่มันรู้แน่ๆคือผู้คุมกำลังจับผิดมันอยู่
ทินคิดไปถึงเรื่องของพัสดีคนใหม่ที่มันประกาศ ไอ้พัศดีมันกำลังกวดขัน กำลังเพ่งมองกลุ่มนักโทษทรงอิทธิพลในแดนนี้เป็นพิเศษ เหมือนมันมีสาย..มีคนไปบอกข่าวมันว่าพวกเขากำลังทำอะไร
และตอนนี้ พัศก็คงบอกพวกผู้คุมให้จับตาดูมันและพรรคพวกอยู่แน่ๆ
คิดแบบนั้นแล้วทินจึงยิ้มร่าประจบ "รอไอ้เฮียคมก่อนน่ะนาย แม่งไปขี้อยู่ ไม่อยากอยู่ดมกลิ่นว่ะ"
"งั้นเหรอ" ผุ้คุมทวนคำแล้วหัวเราะเบาๆ ทินก็หัวเราะตามเช่นกัน แต่เสียงหัวเราะของมีนแอบจืดเจื่อนไม่หน่อย เพราะมันเอาไอ้เฮียคมมาขายเสียแล้ว นี่ถ้ามันรู้ว่าโดนนินทา ไอ้โหดนั่นจะประเคนตีนใส่ไอ้ทินกี่ผลั่วะก็ไม่ทราบได้
"กูก็เมื่อยๆอยากไปเข้าห้องน้ำสักพัก ฝากด้วยแล้วกัน" ผู้คุมว่าพลางบิดตัวเบาๆ นัยน์ตาตวัดมองภายในเรือนนอนที่แทบจะไร้ผู้คนอย่างสังเกตสังกาครู่หนึ่งจะผละออก "ในนั้นมีแค่ไอ้คมใช่ไหม?"
"ใช่ครับนาย พอเฮียมันเข้าห้องน้ำ ในนี้ก็ออกมาหมด คนที่ใส่ตรวนนี่ก็ลำบากเนอะ จะไปไหนก็ยาก" ทินชวนคุยด้วยสีหน้านอบน้อม แต่ในใจมันยิ้มร่าที่ผู้คุมจะเลิกจับตามองพวกมันแล้วออกไปยืดเส้นยืดสายซะ
"อือ..ก็กรรมของมันล่ะวะ..กูไปนะ ฝากดูด้วยล่ะไอ้ทิน"
"ไว้ใจได้เลยนาย" ทินรับปากขยันขันแข็ง
"ให้กูไว้ใจพวกมึง เชื่อหมาดีกว่ามั้ง" ผู้คุมว่าเสียงกลั้วหัวเราะ ขณะที่ทินฟังแล้วเหยียดยิ้ม มันมองตามแผ่นหลังของผู้คุมเงียบๆ คำพูดนั้นจะเป็นคำจากใจจริง หรือเป็นคำพูดเล่นหัวหยอกเย้าเช่นคนรู้จัก มันไม่อาจรู้ใจจริงของคนพูด ทว่า..คำพูดเหล่านั้น คำกล่าวที่ออกมาจากปากของผู้คุมได้อย่างง่ายดาย ก็ทำให้ประจักษ์ชัดถึงหนึ่งความคิดที่ยังฝังรากอยู่ในใจคน
ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิท ผู้คุม พัศดี หรือใครๆ ต่างก็มองว่านักโทษนั้นเลวร้าย คนที่เคยเลว ยังไงมันก็ไม่มีวันกลับไปเป็นคนดี
คนเลว ยังไงมันก็เลวอยู่วันยังค่ำ
แม้ปากจะพูดยังไง แต่ในใจมันไม่เคยเปลี่ยนความคิด ไม่เคยให้โอกาส ไม่เคยจะละวางอคติจากใจ
คนเหี้ยยังไงก็ยังเหี้ยอยู่แบบนั้น
คนรอบข้างคิดแบบนี้ สายาของทุกคนเป็นแบบนี้ ทุกคนยังคงคิดแบบเดิม ไม่เปลี่ยนไป แล้วจะให้พวกเขาเปลี่ยนไปทางไหน?
... แล้วจะให้พวกกูเปลี่ยน ทำพูดปาวๆให้พวกูเปลี่ยนสันดาน
เปลี่ยนแล้วชีวิตกูจะดีขึ้นเหรอ? เปลี่ยนแล้วจะได้โอกาสได้อนาคตจริงๆเหรอ ในเมื่อใจของพวกมึงก็คิดเหยียดหยาม ประณามไม่ไว้ใจกูอยู่วันยังค่ำ
พูดจาสวยหรู พล่ามอะไรสวยงาม ทั้งๆที่ความจริง ในสังคมนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับคนคุกอย่างพวกกู
เปลี่ยนไปก็เท่านั้น..
ถ้าพวกมึงยังเหมือนเดิม พวกกูก็คงเหมือนเดิมเช่นกัน..
ทินแสยะยิ้ม มันคิด..พลางมองตามแผ่นหลังของผู้คุมที่เดินไปอย่างเหยาะหยัน ทั้งดูถูกตัวเองและคนที่มันคุยด้วย ขนาดผู้คุมแท้ๆ คนที่คอยควบคุมดูแลนักโทษ ใช้ชีวิตร่วมกับพวกมันทั้งคืนทั้งวัน ขนาดใกล้ชิดกันขนาดนี้ สายตาของผู้คุมหลายคนก็ยังคงเต็มไปด้วยความรังเกียจ แววตายังคงหยามหยัน สีหน้า คำพูด และกริยาท่าทางยังคงปฏิบัติกับเหล่านักโทษอย่างไร้ความปราณี ทำเสมือนว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่มนุษย์ที่มีเลือดเนื้อมีจิตใจเช่นเดียวกับคน
..พวกมันยังคงคิดว่าเหล่า"เดนคน"นั้นไม่จำเป็นต้องทำตัวแบบ"มนุษย์"กับสัตว์ร้ายที่ถูกขังอยู่ในกรงนามว่าเรือนจำแห่งนี้
นักโทษมีค่าเป็นแค่ "สัตว์" ในเรือนจำที่ต้องเฝ้าไม่ให้ออกไปไหนเท่านั้น
คิดแล้วมันก็ยิ่งต้องหัวเราะออกมาในลำคอ ทินเอนหลังพิงบานประตูเหล็ก มองไปยังโรงอาหารที่ตอนนี้บรรดานักโทษเริ่มกรูกันเข้ามาด้วยดวงตาวาววับ สายตาของมันยังคงเห็นเช่นทุกวันที่ผ่านมา ร่างของนักโทษในชุดสีอิฐ ร่างผ่ายผอม ดวงตาแห้งผาก ไร้วิญาณ ลากเท้าอย่างเกียจคร้านเดินเข้าไปยังโรงอาหารที่มีผู้คุมร่างอวบท้วมยืนคุมอยู่ตรงปากประตูโรงอาหาร ในชุดสีกากีทำหน้าถมึงทึงถือกระบอกสีดำในมือไว้มั่น...
ตั้งแต่พัศดีคนใหม่มา เรือนจำที่มีบรรยากาศเครียดขึงอยู่แล้วยิ่งทวีความกดดันหนัก กฏที่เคร่งครัดทำให้เหล่านักโทษต่างก็ถูกลงโทษไม่เว้นแต่ละวัน คนที่ถูกกักขังในนี้ไม่มีความสุข นักโทษต่างก็มีสีหน้าอมทุกข์ ไร้รอยยิ้ม
ไอ้พัสดีปรมัตถ์มันยืนถือไมค์ ประกาศปาวๆว่าถ้าทำดี ถ้าทำตามกฏแล้วจะมีความสุข จะได้ออกไปเร็วๆ
มันบอกจะให้โอกาสนักโทษ ทินฟังแล้วขำนัก..
มันพูดถึงโอกาส ที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง
แต่โอกาสที่ป๋าหยิบยื่นให้ มันเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง..
พี่โตส่งมันจากแดนสิบสองมาอยู่แดนสิบ มาเป็นลูกน้องไอ้คมคล้ายๆเสนอไมตรีมาได้เกือบครึ่งปีแล้ว ตอนแรกถามว่ามันพอใจไหม ก็ไม่หรอก อยู่กับพี่โตมันเป็นคนสนิท ยังพูดจาเล่นหัวคุยกับพรรคพวกได้ แต่พอมันต้องมาอยู่กับไอ้เฮียคม มีหน้าที่รองมือรองตีน แค่จะแซวลูกพี่สักคำสองคำ ก็ยังมีแต่ส้นตีนประเคนเข้ามาหา
ตอนแรกมันก็นึกโกรธ นึกเคือง กระทั่งพาลเข้าใจว่ามันกำลังทำอะไรให้พี่โตไม่พอใจ ถึงได้เจอดีแบบนี้ พยายามถามลูกพี่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่มีคำตอบ พี่โตมันยังนิ่งแล้วบอกให้ทำงาน อดทนตามที่มันสั่ง
มาตอนนั้นไม่เข้าใจ แต่มาตอนนี้ ทินรู้แล้วว่าเหี้ยพี่โตกำลังจะทำอะไร..
ระยะหลังข่าวสารที่มันได้รับและเป็นฝ่ายไปมอบให้พี่โตและพรรคพวกนั้นมีแต่เรื่องดีๆ ทั้งท่าทีของไอ้เฮียคมที่ดูจะพอใจเต็มที่กับอิสระที่ตัวเองได้ ฝีมือของมัน ความร้ายกาจของมัน ทินได้รู้กระทั่งบางเรื่องที่หลายคนไม่รู้ อย่างความแค้นที่มันมี ความไม่พอใจที่มันมีให้ป๋า ซึ่งเป็นสิ่งที่พี่โตมันระแวงไม่น้อยว่าถ้าเป็นพวกเดียวกันแล้ว ไอ้พี่คมอาจจะเล่นตุกติก คิดไม่ซื่อ..
มันบอกพี่โตไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งจากการสอบถามและจากคำพูดลอยๆ ที่บางครั้งก็เผลอตัวเอยขึ้นมาของไอ้เฮียคม
ไอ้เฮียคมมันแค้นป๋า..
แว่วมาว่ามันก็เป็นเจ้าพ่อ เป็นนักเลงฝีมือดี ทั้งยังใจถึงคนหนึ่ง แต่คนที่ถีบมันเข้ามาในคุก คือพวกป๋า ไอ้เฮียคมถูกยัดข้อหาที่ตัวเองไม่ได้ทำ ซ้ำธุรกิจ กิจการของตัวมัน และเส้นสายอิทธิพลต่างๆที่เคยมีอยู่ก็ถูกป๋ามันงาบไปจนเหี้ยน ซ้ำยังแว่วมาว่า กระทั่งเมียก็ยังถูกป๋ามันเอาไปขายทำเงิน เรียกว่าหยามน้ำหน้า ทำร้ายจิตใจกันสุดๆ
สาเหตุแบบนี้มันก็มากพอจะให้คนสองคนแค้นกันจะเป็นจะตายได้ ทินพอจะรู้ แต่ที่มันไม่เข้าใจ คือสุดท้ายไอ้เฮียคมกลับยอมมารับใช้พวกป๋า มันยอมถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อออกไป บางที...อาจเพราะมันคิดจะไปตั้งตัว เพื่องัดข้อกับป๋าในภายหลัง ซึ่งจะไม่มีทางทำได้ถ้ามันไม่สามารถออกไป ตอนนี้เลยต้องยอมถูกใช้
มันจะถูกรวมไปในกลุ่ม หรือจะถูกเหี้ยพี่โตถีบออกมา ทินไม่คิดจะสนใจ ตอนนี้มันคิดแค่ว่าตัวเองจะได้ออกไป ได้ออกไปข้างนอก พ้นจากสภาพแบบนี้ แค่นั้นก็พอแล้ว..
แกร่ก..
เสียงฝีเท้าแว่วมาด้านหลังทำให้คนกำลังใจลอยฝันหวานถึงอนาคตชะงัก ทินหันขวับ กราดสายตามองไปด้านหลังเพื่อหาตัวเจ้าคนที่มาทำอะไรลับๆล่อๆ และบางทีอาจจะเป็นคนของพัศดี ที่กำลังมาสืบข่าว เพื่อจะคาบไปบอกเจ้านายมันก็ได้ ระยะนี้การตรวจขันเข้มงวดขึ้น ทั้งข่าวของพวกมันที่เริ่มรั่วไหลทำให้ต้องระวังตัวมากกว่าปกติ..
ขยับเท้าตามหลังเงาตะคุ่มๆที่กำลังย่องไปทางด้านหลังเรือนนอน ทางเข้าเรือนนอนนั้นมีสองทางคือทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แต่ส่วนใหญ่แล้วด้านหลังจะถูกปิดไว้ แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่ามันจะได้กุญแจมาหรือวันนี้จะมีผู้คุมเปิดประตูทิ้งไว้ ถ้ามันสามารถลอดเข้าไปได้ มันอาจจะได้ฟังแผนการณ์และบทสนทนาของพี่โตกับไอ้คม ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อพวกมันแน่ๆ
หมับ!
"มึงทำเหี้ยอะไร" ทินแสยะยิ้มเหี้ยม มันย่องเข้าไปด้านหลังร่างงของนักโทษที่กำลังย่องเงียบไปด้านหลังเรือนนอนอย่า
ว่องไว คว้าหมับที่ไหล่แล้วกระชากเสียงถาม ห้วนจัดยิ่งกว่าห้วนเมื่อเห็นออกชัดว่าคนที่อยู่ตรงหน้ามันใคร
ไอ้เด็กใหม่จอมเสือก ไอ้กวนตีน ชอบเป็นที่รองตีนชาวบ้าน ไอ้คนที่มีแต่นักโทษเกลียดกันทั้งแดนแต่ทำอะไรมันไม่ได้เพราะมันเป็นคนของป๋า
สบดวงตาวาววับที่ยังฉายความอวดดีของมันแล้วความเคืองใจพุ่งสูงพรวด ทินคำรามในลำคออย่างหงุดหงิด
มันแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม ขณะเอ่ยคำ "ตามกูมา!"
..................
"คราวนี้มันไปทำอะไรอีกวะ?" โตเอ่ยปากถาม สีหน้าระคาญใจเด่นชัดเมื่อเห็นร่างของลูกน้องคนสนิทที่ลากร่างของนักโทษอีกรายมาด้วย สีหน้ากวนประสาทและแววตาวาววับของไอ้นักโทษจอมกวนประสาทมากมารยา โตมองแล้วยิ่งหงุดหงิดจนแทบทำอารมณ์ดีๆเมื่อครู่หล่นหายวับ
"มันไปแอบฟังว่ะ เฮีย" ทินตอบคำด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม "จะเอายังไงดี"
"เสือกได้ทุกเรื่องจริงนะ" โตเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน อารมณ์ขันลึกๆที่แฝงมากับน้ำเสียงทำให้คนฟังต่างก็แสยะยิ้ม
"กูอยากกระทืบมันตั้งแต่วันแรกที่มันมาแล้ว จะเอาไงวะ?"
โตฟังคำพูดนั้นแล้วยิ้มรับ แต่กระนั้น ตอนนี้ตัวเขายังอยู่ในแดนสิบ ไม่ใช่ถิ่นตัวเอง นัยน์ตาจึงหันไปมองหน้าเจ้าของพื้นที่ ซึ่งไอ้คมก็หันมามองตาเพียงครู่ก่อนจะพยักหน้า เป็นสัญญาณบอกให้ลงมือจัดการแล้วแต่จะพอใจ
หันไปมองร่างของไอ้ลูกน้องที่มันชังหน้า โตรู้สึกถึงความเกลียดชังที่พุ่งพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
มันไม่ใช่ลูกน้องที่ได้มาโดยเต็มใจ ก็แค่การยัดเยียด ไม่ได้มาช่วยงานด้วยซ้ำ แต่มาเพื่อสอดส่องและขัดขวางการกระทำของตัวเขาต่างหาก!!
"อย่าเพิ่งไอ้ทิน ..มึงก็รู้ว่ามันคนของใคร" โตเอ่ยห้ามลูกน้อง ซึ่งคนฟังก็มีสีหน้าเหนื่อยหน่ายทันควัน
"เซ็งว่ะ" เจ้าตัวบ่นอย่างคนถูกขัดใจ
"..ถ้าพวกนั้นรู้ ว่ามันทำอะไรลงไปแล้วล่ะก็ แม้แต่ซากจะเหลือคงมากเกินไปด้วยซ้ำ" โตว่าพลางยิ้มเหี้ยม ฝ่ามือของขาใหญ่ตะปบเข้าที่ศรีษะของนักโทษที่ถูกนำตัวมาพลางเอ่ยเสียงเบา "มึงรู้..ว่ากูพูดอะไรใช่ไหม?"
"อะ...อะไรพี่...ผมก็แค่...ก็แค่มาสืบข่าวตามคำสะ...อ๊อก!" เอ่ยไม่ทันจบคำฝ่ามือของโตก็ตะปบหมับ บีบแน่น...
"อย่ามาโกหกกู ไอ้เป้!" โตคำรามเสียงห้วน พร้อมกับออกแรงบีบที่ลำคอของน้องใหม่แน่นขึ้นจนสามารถมองเห็นเส้นเลือกที่ปูดโปนออกมาชัดเจน
"อย่าคิดว่ากูจะไม่รู้..." ขาใหญ่แห่งแดนสิบสองแสยะยิ้ม ละมืออกจากร่างของนักโทษที่เริ่มทุรนทุรายเบื้องหน้า เช็ดมือลงกับเสื้อที่ตนเองใส่อยู่ ราวกับมีเศษสิ่งไม่น่าพิศวาสบางอย่างกระเด็นติดตัว ก่อนจะค่อยเดินวนร่างของชายเบื้องหน้าช้าๆ..
"มึง...ไอ้ลูกน้องของป๋า คงคิดว่ากูจะกลัวมึงล่ะสิ.." พูดแล้วก็หัวเราะเบาๆในลำคอ "คงคิด...ว่ากูจะต้องกลัวมึง..กลัวมาก....เพราะเดี๋ยวมึงจะเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปบอกป๋า..แล้วพวกมันจะมาเล่นเอากับกู.."
ร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านเหนือร่างของชายผู้มีหน้าที่เป็นสาย..ทั้งสืบข่าวและรายงานพฤติกรรมของตนด้วยท่าทีเหนือกว่า ดวงตาสีดำสนิทที่วาววับคู่นั้นทำให้ร่างของเป้สั่นระริกอย่างไม่รู้ตัว...มันกำลังกลัว กับแววตาเหี้ยมลึกมันไม่เคยมองเห็นสักครั้ง
"ที่กูยอมให้มึงมาวนเวียนรอบๆตัวกู ทั้งกวนประสาท..ทั้งเสือกนั่นเสือกนี่ไม่หยุด...มันคงทำให้มึงเหลิง ได้ใจ จนลืมคิดไปสินะ ว่าตัวมึงเป็นใคร.."
"...พะ...พี่..." ไอ้เป้ซึ่งขนตัวและถูกกดร่างให้พังพาบลงบนซีเมนต์หนาครางเสียงสั่นอย่างหวาดผวา..
"กูก็เคยบอกกมึงไปแล้วนี่...ว่าที่นี่..กูคือกฏ.."
"ต่อให้ไอ้ป๋ากับผู้พันจะใหญ่กว่า แต่ตอนนี้ มันมาช่วยมึงไม่ได้ เพราะเมื่อมึงอยู่ในแดนสิบสอง มึงคือลูกน้องของกู..." โตทรุดกายลงบนพื้นอีกครั้ง ฝ่ามือบีบปลายคางของนักโทษชายเบื้องหน้าแน่น ดวงตาสีสนิมวาววับอย่างน่ากลัวนัก และเป้ยิ่งตัวสั่น ยามได้มองเห็นแววตาพึงใจของชายหนุ่มที่นั่งมองมันโดยรอบอย่างไม่แยแส
สังหรณ์ร้ายแล่นวาบ ความหวาดหวั่นอันไม่มีที่มาทำให้หยาดเหงื่อซึมชื้นและร่างสั่นระริก..
"เสียใจด้วยว่ะไอ้เป้ ไม่ว่ามึงจะมีข่าวสำคัญหรือข่าวล่ามาเร็วแค่ไหน มึงก็จะไม่มีวันได้ไปบอกใครอีกแล้ว"
สิ้นคำเอ่ยนั้น ฝ่ามือของขาใหญ่ก็วางลงบนกระหม่อม เป้ตัวสั่นระริก มันพยายามครางขอความช่วยเหลือ กระทั่งเหลือกตาอ้อนวอนขอความเห็นใจ แต่เหมือนจะไม่มีใครสนใจมัน ซ้ำโดยรอบยังมีเพียงเสียงหัวเราะเบาแผ่ว..แสดงความพึงพอใจกับชะตากรรมใดๆที่มันกำลังเผชิญ..
ฝ่ามือนั้นลูบศรีษะ ไล้เบาๆเหมือนเอ็นดูรักใคร่ แต่ความเย็นยะเยียบที่แผ่ไขสันหลังบอกให้รู้ ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น ..
บรรยากาศยามเย็น แสงอาทิตย์อัสดง ในห้องขังอันร้างไร้ผู้คน ท่ามกลางร่างของบุรุษสามคนที่จ้องมองมันเป็นตาเดียว เป้สัมผัสถึงลางมรณะที่มาถึงตัวเพียงครู่ ก่อนที่ทุกอย่างจะหลุดหายไปเมื่อฝ่ามือของ"ลูกพี่"ขาใหญ่ในแดนที่มันอยู่คว้าหมับเข้าที่กกหู กำแน่นแล้วกระชากศรีษะของมัน ทุ่มลงกระทบกับพื้นซีเมนต์โดยแรง..
เสียงของแข็งกระทบพื้นดังขึ้นเบาๆ พร้อมเสียงกกหูแล่นเปรี๊ยะ...ความเจ็บปวดทิ่มแทงเข้ามาในประสาทสัมผัสเพียงครู่ก่อนจะทิ้งตัวลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
ร่างถูกพลิกนอนหงาย ประสาทสัมผัสมึนชา สติการรับรู้เหลือเพียงเสี้ยวหนึ่งก่อนจะลาลับ รู้สึกได้เพียงความเจ็บปวดที่เเล่นเข้าหาอีกครั้งและเสียงหัวเราะอันพึงใจของผู้คนรอบกาย..
กูกำลังจะตาย..
อนุสติส่วนสุดท้าย ความรักตัวกลัวตายของมันเอ่ยบอกกับตัวเองเบาๆ..
...............................
เค้าเพิ่งลงมาจากดอย ฮ่าๆ
ความจริงยังไม่ได้กลับกทม.แต่เพิ่งได้แอร์การ์ดมาใช้ เพิ่งเล่นเน็ตได้ ขอจัดให้ก่อนตอนนี้เหนาะๆ
พี่โต ทำเอาเสียววาบ..และขอสะใจไอ้คุณเป้แบบไม่เบา ฮ่าๆ
ปล. จบไม่ทันวันที่ สิบแน่ๆเพราะมันผ่านมาแล้ว แต่ไม่เกินยี่สิบจ๊ะ ฮุ ฮุ
สุขสันต์ วันสงกรานต์ค่า ^ ^

ปอลิงสองงงง โปรโมทต่อ เปิดจองภาคสองแล้ว ฮุเร่ๆ > < (รายละเอียดอยู่ที่เร็ปบนจ้า)